การลงทุนด้วยระบบ

[nuchaba 987]

ขอบคุณมากนะคะคุณเสม

ถือตามด้วยคนค่ะ

[toto_p 4]

ขอบคุณค่ะ

[alvino8 3]

!01 !01

[PLAYBOY9999 25]

เมื่อคืนนี้ ราคามาทดสอบเเถวๆ $1216 ตอนนี้ราคานิ่งๆออกเเนว sideways เเถวๆ $1213 ไม่มีอะไรมากมายครับ ตั๋วทองคำก็เปิด L ตามระบบไป เขียวมา 9 บ้องเเล้ว รอให้เเดงเเล้วค่อยขายดีกว่าครับ เล่นเเบบง่ายๆ ทองคำเเท่งทะยอยสะสมเรื่อยๆได้เเล้วครับ วันนี้ตลาดไทยปิดไม่มีอะไรให้ลุ้นกัน

 

ตลาดยาง AFET ระวังด้วยนะครับช่วงนี้เมื่อวานยาง TOCOM ลงมาอีก คิดว่าวันจันทร์ ตลาดไทยจะลงตามตลาดต่างประเทศ

หุ้นไทยอาจจะมีการปรับฐานต่อจากนี้

 

สุดท้ายทำตามระบบดีที่สุดครับ สบายๆๆ

 

ขอบคุณมากๆๆครับคุณเสม ขอสบายๆๆตามระบบเหมือนกันครับ !01 !01 !01

 

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคมนี้ ลิเวอร์พูล(PLAYBOY9999) !Kk เปิดบ้านปะทะ อาร์เซนอล(seam888) !K2 คุณเสมว่าผลจะเป็นยังไงครับ

 

และสุดท้าย ชุดทีมเยือนใหม่เชลชีครับ !v@ !v@

[Yai Carmungwed 104]

ขอบคุณอาจารย์เสมมากครับ ย่ออีกซื้ออีก ผมขอสะสมไปเรื่อยๆจนกระสุนหมดครับ

[goldbox11 0]

ขอบคุณค่ะคุณเสม

[ส้มโอมือ 4,910]

จีนซื้อเวียดนาม 600,000 ตัน ทำตลาดข้าวพลิกโฉม

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 สิงหาคม 2553 05:17 น.

 

 

 

 

 

 

 

ภาพเอเอฟพีวันที่ 12 ส.ค.2553 คนงานกำลังแบกกระสอบข้าวจากรถบรรทุกที่โกดังเก็บแห่งหนึ่งในกรุงมะนิลา เป็นข้าวจากเวียดนามที่สั่งซื้อตอนต้นปี และเพิ่งจะส่งมอบอีกลอตหนึ่ง ฟิลิปปินส์งดซื้อข้าวไปจนถึงสิ้นปี เนื่องจากยังมีเหลือมากมายในสตอก ตลาดข้าวซบเซาในช่วงกลางปี แต่ยอดสั่งซื้อ 600,000 จากจีน ทำให้สถานการณ์ข้าวเปลี่ยนไป

 

 

 

ASTVผู้จัดการรายวัน -- ช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ผู้นำเข้าข้าวจากจีนได้ขอซื้อข้าวจากเวียดนามเกือบ 600,000 ตัน โดยไม่มีใครทราบล่วงหน้ามาก่อน ในขณะที่ตลาดข้าวกำลังสิ้นหวัง การสั่งซื้อปริมาณมากๆ ในฉับพลัน กำลังเปลี่ยนรูปโฉมของตลาดข้าวปีนี้ และ ทำให้ราคาข้าวที่รับซื้อจากชาวนาพุ่งสูงขึ้นไปด้วย

 

สมาคมอาหารเวียดนาม (Vietnam Food Association) หน่วยงานกึ่งทางการ ที่กำกับดูแลการส่งออกข้าวต้องรีบออกสำรวจเพื่อให้แน่ใจว่า ยอดสั่งซื้อจากจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ หนังสือพิมพ์แถ่งเนียนในนครโฮจิมินห์กล่าว

 

การสั่งซื้อจากจีนยังมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลประธานาธิบดี เบนิกโน อากีโน (Benigno Aquino) แห่งฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของข้าวเวียดนาม ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตข้าวใหม่ และ หยุดนำเข้าไปจนถึงสิ้นปีนี้

 

แต่ผู้บริหารของ VietFood กล่าวว่า นับแต่นี้ต่อไป ตลาดข้าวในประเทศจะต้องปรับตัวเองใหม่อย่างทั่วด้าน ไม่เหมือนทุกปีที่ผ่านมา

 

ถึงแม้ทุกฝ่ายจะทราบดีว่าหลายเดือนมานี้ เกิดอุทกภัยและภัยพิบัติอื่นๆ ขึ้นในหลายมณฑลของจีน แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดทราบมาก่อนว่า จีนจะต้องนำเข้าข้าวปริมาณมหาศาล เนื่องจากจีนเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก และลดการนำเข้าลงในช่วงหลายปีมานี้

 

หนังสือพิมพ์เยินซเวิน (Nhan Dan) หรือ “ประชาชน” ซึ่งเป็นของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า 7 เดือนแรกของปีนี้เวียดนามมีรายได้จากข้าวส่งออกรวม 1,900 ล้านดอลลาร์ และราคาส่งเดือนนี้พุ่งขึ้นเป็น 438.2 ดอลลาร์ต่อตัน จากตันละ 350-375 ดอลลาร์ ในช่วงหลายเดือนที่ก่อนหน้านั้น

 

ราคาส่งออกที่สูงขึ้น ทำให้ราคารับซื้อข้าวเปลือกในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นอู่ข้าวใหญ่ที่สุดของประเทศศสูงขึ้นกิโลกรัมละ 150-400 ด่ง (18,500 ด่ง/ดอลลาร์)

 

ตลาดข้าวเวียดนามกำลังกระเตื้องขึ้นหลังจากผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่ของโลกรวมทั้งอินเดีย ประกาศหยุดส่งออก เพื่อรักษาความมั่นคงด้านเสบียงอาหารในประเทศ สื่อของพรรคคอมมิวนิสต์ กล่าว

 

 

 

 

ภาพแฟ้มเอเอฟพีวันที่ 3 มี.ค.2553 ชาวนาใน จ.บั๊กนีง (Bac Ninh) ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำแดงทางตะวันออกกรุงฮานอย กำลังเร่งปักดำ ที่นั่นทำนากันปีละ 3 ครั้ง เช่นเดียวกับในจังหวัดที่ราบปากแม่น้ำโขงในภาคใต้ส่วนใหญ่ เวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ถัดจากไทย

 

 

 

 

 

 

 

ภาพแฟ้มเอเอฟพีวันที่ 8 ก.ย.2552 ชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวในทุ่งนาชานกรุงฮานอย หลายปีมานี้นาข้าวในที่ราบลุ่มแม่น้ำแดงทางภาคเหนือ ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ แต่ปีนี้แล้งเข็ญ อู่ข้าวใหญ่ในที่ราบปากแม่น้ำโขงก็ไม่ต่างกัน ทางการกำลังสำรวจปริมาณข้าวเพื่อขายให้จีน

 

 

นายหวี่งมีงเหว (Hinh Minh Hue) เลขาธิการสมาคมอาหารเวียดนาม เปิดเผยในวันที่ 9 ส.ค.ว่า จนถึงเดือนนี้เวียดนามส่งออกข้าวแล้วทั้งหมด 4 ล้านตัน จากเป้าหมาย 6 ล้านตันตลอดทั้งปี ซึ่งลูกค้าในต่างประเทศสั่งซื้อจนครบแล้ว และอาจจะไม่มีข้าวเหลือส่งออกมากกว่านั้น

 

เจ้าหน้าที่ผู้นี้ กล่าวว่า ปีนี้ชาวนาในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง ต้องเก็บเกี่ยวข้าวฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วงก่อนกำหนด ทำให้ได้ผลผลิตลดลง และ ในปัจจุบันข้าวในสตอกก็มีเหลือไม่มาก

 

“ผู้ส่งออกเตรียมจะออกซื้อข้าวในเดือน ก.ย.ตามคำแนะนำของรัฐบาล แต่พวกเขาเปลี่ยนใจเริ่มซื้อเก็บให้ครบ 1 ล้านตันในเดือนนี้” ขณะที่จีนยังคงต้องการข้าวเพิ่มขึ้นอีก นายเหว กล่าว

 

ขณะเดียวกัน นายเหวียนจี๊หง็อก (Nguyen Tri Ngoc) อธิบดีกรมเก็บเกี่ยวพืชผลการเกษตร กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทคาดว่า ชาวนาในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง จะเกี่ยวข้าวเปลือกได้ประมาณ 5 ล้านตัน ในฤดูนาปีปีนี้ จะนำเข้าจากกัมพูชาอีก 1 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้มีข้าวส่งออกหากจีนสั่งซื้อเพิ่ม

[deb99 290]

!01

[LEXSTUDIO 13]

+

[reeping 138]

ขอบคุณคุณส้มโอมือ และคุณเสมค่ะ +1 ทั้ง 2คนเลยค่ะ !gd !_06

[Yai Carmungwed 104]

อาจารย์เสมครับราคาทองตอนนี้18350 ถ้าวันจันทร์ผมจะเก็บเพิ่มอีกจะเสี่ยงมากไหมครับ ผมซื้อไว้ขายปลายปีหรือต้นปีหน้าเลยครับ

[puk_pook 25]

ขอบคุณค่ะ คุณseam และ คุณส้มโอมือ ค่ะ

 

!thk !10 !031 !gd

[ส้มโอมือ 4,910]

กลต. พบผู้บริหาร บจ.แห่ทิ้งหุ้น ฉวยจังหวะราคาวิ่งทำสถิติสูงสุดรอบ 2 ปี

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 สิงหาคม 2553 17:34 น.

 

 

 

 

 

 

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

 

 

 

 

 

ก.ล.ต. สำรวจ 1 เดือน พบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนพร้อมใจทิ้งหุ้น โดยฉวยจังหวะตอนราคาวิ่งฉิวทำสถิติสูงสุดรอบ 2 ปี ด้านกรรมการกรุงเทพประกันชีวิตรับเงินมากสุด 57 ล้านบาท ขณะที่ "ซิคเว่ เบรคเก้" ขายหุ้นดีแทคทั้งในกระดานหลักและสิงคโปร์รับ 14 ล้าน

 

จากการสำรวจข้อมูลของสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา (15 ก.ค.-11 ส.ค.) พบว่า ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้เทขายหุ้นออกมา โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหุ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี ได้แก่ ผู้บริหารบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต (BLA) ประกอบด้วย นายชาญ วรรธนะกุล และนายเชิดชู โสภณพนิช กรรมการบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต ทำรายการ 7 ครั้ง จำนวนหุ้นรวม 1.8 ล้านหุ้น และราคาที่ขายอยู่ที่ประมาณ 29.25-31.56 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 57.70 ล้านบาท

 

สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นกรุงเทพประกันชีวิตในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นต่ำสุดที่ 14 บาท ณ 15 ต.ค. 2552 สูงสุดที่ 32.25 บาท ณ 4 ส.ค. 2553 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 21.48 บาท ส่วนราคาล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2553 อยู่ที่ 31 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.81%

 

รองลงมาผู้บริหารบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) นายซิคเว่ เบรคเก้ ทำรายการ 6 ครั้ง โดยขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 3 ครั้ง และสั่งขายหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหุ้นที่ประเทศสิงคโปร์ 3 ครั้ง จำนวนรวม 3.8 แสนหุ้น มูลค่ารวม 14.52 ล้านบาท ซึ่งราคาขายอยู่ระหว่าง 45.23-46.94 บาท ขณะที่การเคลื่อนไหวราคาหุ้นดีแทคในรอบ 2 ปีราคาหุ้นสูงสุด 48.25 บาท ณ วันที่ 2 ส.ค. 2553 ต่ำสุด 25.50 บาท วันนี้ 2 เม.ย. 2552 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 34.95 บาท ขณะที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2553 ปิดตลาดที่ราคา 43.50 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 2.25%

 

ผู้บริหารบริษัทแพรนด้า จิวเวลรี่ (PRANDA) มีผู้บริหาร 3 ราย ทำรายการขาย ได้แก่ นางปราณี คุณประเสริฐ นายปราโมทย์ เตียสุวรรณ์ และนางพนิดา เตียสุวรรณ์ กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำรายการ 9 ครั้ง จำนวน 6.23 แสนหุ้น มูลค่ารวม 4.35 ล้านบาท ซึ่งมีราคาขายอยู่ที่ 6.85-7.01 บาท ขณะที่การเคลื่อนไหวราคาหุ้นแพรนด้า ในรอบ 2 ปี ราคาหุ้นสูงสุดที่ 7.10 บาท ณ วันที่ 3 ส.ค. 2553 ต่ำสุด 2.68 บาท ณ วันที่ 20 มี.ค. 2552 และราคาเฉลี่ย 4.64 บาท ส่วนราคาล่าสุด (11 ส.ค.) ปิดตลาดที่ 6.90 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 0.73%

 

ด้านบทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุแนะนำซื้อหุ้นกรุงเทพประกันชีวิต โดยให้ราคาเป้าหมาย 36 บาท เนื่องจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นหนุนธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งสภาวะแวดล้อมส่งผลดีมากขึ้นต่อการลงทุนของธุรกิจบริษัท และจะเป็นช่วงเวลาที่สร้างกำไรมากขึ้น ในแง่ของส่วนต่างการลงทุน จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ขยับขึ้น

 

บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต มีแนวโน้มที่ดีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ผลกระทบเชิงลบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ต่ำลงในช่วงครึ่งปีแรก น่าจะส่งผลต่อเนื่องในไตรมาส 3/2553 แต่ยังคงคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ที่ 5.25% เทียบกับ 5.45% ในปี 2552 อิงจากการคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รวมทั้งปีนี้ในอัตรา 0.75%

 

รายงานเปิดเผยว่า บริษัทมีช่องทางการขายประกันชีวิตผ่านธนาคาร โดยมีเบี้ยประกันโต 36% จากงวดเดียวกันปีก่อนในเดือนแรกปีนี้ ขณะที่อุตสาหกรรมประกันโตเพียง 15% เท่านั้น สำหรับเดือน พ.ค. บริษัทยังมีอัตราการเติบโต 18% จากงวดเดียวกันปีก่อน แม้ว่าจะมีความวุ่นวายทางการเมืองก็ตาม อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตน่าจะอ่อนตัวลงในครึ่งปีหลัง เนื่องจากปัจจัยด้านฤดูกาล แต่เรายังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตค่าเบี้ยประกัน 25% ซึ่งค่อนข้างเข้มงวด

 

 

[ส้มโอมือ 4,910]

USดอลลาร์อ่อนค่าดันราคาทองขยับ กูรูแนะทยอยเก็บกองทุนทองคำพิ่ม

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 สิงหาคม 2553 08:43 น.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

โบรกเกอร์กองทุนรวม แนะทยอยเก็บกองทุนทองคำเข้าพอร์ต หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าดันราคาทองคำขยับขึ้น พร้อมเชียร์กองทุน "ทหารไทย China Equity Index" น่าลงทุนหลังเศรษฐกิจจีนมาแรงหลังได้ปัจจัยบวกที่รัฐบาลใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น

 

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเริ่มกลับไปให้น้ำหนักกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อีกครั้งหลังตัวเลขทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯอ่อนแออย่างต่อเนื่อง ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาและยังไม่เห็นสัญญาณที่ดีขึ้นต่อภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยตลาดยังคงรอความหวังจากแถลงการณ์ของ FED ว่าจะมีนโยบายอะไรเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจในระยะต่อไปทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯรวมถึงน้ำมันจะยังคงมีความไม่แน่นอนสูง จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงและแนะนำขายกองทุนน้ำมัน

 

อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองในเชิงบวกต่อภูมิภาคเอเชียและกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนเซี่ยงไฮ้ A-Share Index ที่แม้ว่าจะเห็นการพักฐานบ้างแต่เรายังคงคำแนะนำเดิม เก็งกำไร โดยให้ทยอยสะสมเมื่อดัชนีอ่อนตัวหลังจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของจีนทีคาดว่าจะชะลอตัวจากมาตรการลดความร้อนแรง แต่ได้ปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายและชะลอการออกมาตรการใหม่ๆทั้งนี้สำหรับกองทุนที่แนะนำยังคงเป็นกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index ของ บลจ. ทหารไทย ซึ่งไปลงทุนในกองหลักคือ iShares FTSE/Xinhua China A50

 

ทั้งนี้แม้ว่าราคาน้ำมันจะได้รับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐฯ แต่ทองคำกลับได้รับความสนใจมากขึ้นในฐานะของสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยในภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยจะเห็นได้จากกองทุน SPDR ที่กลับมาถือทองคำแท่งเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ทำให้ราคาทองคำไม่หลุดแนวรับที่ 1,150 US$/oz. และกลับขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านที่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ได้เมื่อปลายสัปดาห์ผ่านมา

 

โดยลักษณะเช่นนี้ทำสัญญาณทางเทคนิคดูดีขึ้นและมีลุ้นสำหรับการเข้าสะสมเพื่อทำกำไรรอบใหม่"เราจึงปรับคำแนะนำจาก wait and see ในสัปดาห์ก่อนเป็น สะสม ทองคำเข้าพอร์ตในสัปดาห์นี้ โดยเราคาดว่าจะเห็นราคาทองคำกลับขึ้นไปทดสอบราคาสูงสุดเดิมที่ทำไว้แถวๆ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ กองทุนทองคำที่แนะนำยังคงเป็น K-GOLD ของ บลจ. กสิกรไทย

 

นายสานุพงศ์ กล่าวต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาตลาดสหรัฐปรับตัวอย่างไร้ทิศทางตามรายงานทางเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแอ เริ่มต้นจากตัวเลข GDP Growth ไตรมาส 2/53 ที่ขยายตัวเพียง 2.4%YoY ใกล้เคียงกับคาดการณ์ที่ 2.5% แต่ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนที่โต 3.7%ในส่วนของตลาดแรงงานซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดจับตามากที่สุดก็ยังคงให้ภาพที่น่าผิดหวังโดยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 19,000 ราย สวนทางกับตลาดที่คาดว่าจะลดลง 5,000 ราย

 

ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลงมาถึง131,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ส่วนการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเพียง 71,000ตำแหน่งจากที่คาดว่าจะเพิ่มได้ที่ 90,000 ตำแหน่ง ในภาพรวมอัตราการว่างงานยังทรงตัวในระดับสูงที่ 9.5% เทียบกับ 9.6% ที่ตลาดมองไว้

 

ขณะเดียวกันเราเริ่มเห็นการปรับฐานของดัชนีเซี่ยงไฮ้ A-Share และการชะลอการซื้อ-ขายหลังมีข่าวเกี่ยวกับการทดสอบภาวะวิกฤตของภาคธนาคารและเพื่อรอดูตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่จะประกาศในสัปดาห์นี้โดยรวมตลาดคาดว่าตัวเลขน่าจะออกมาชะลอตัวจากผลของมาตรการชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ ส่วนดัชนีฮ่องกง Heng Sang ยังได้แรงหนุนจากการประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

 

อย่างไรก็ตามภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอกดให้ Dollar Index ลงมายู่ที่ 80.41 (-0.66%) อ่อนตัวลงมากสุดในรอบกว่า 3 เดือน ผลของการอ่อนค่าช่วยหนุนราคาน้ำมันให้ทรงตัวได้ในระดับสูงแม้จะได้รับแรงกดดันจากภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่ย่ำแย่ ขณะที่ราคาทองคำได้รับอานิงสงค์จากดอลล่าร์ที่อ่อนค่าเช่นกัน อีกทั้งเริ่มเห็นการเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอีกครั้งของกองทุน SPDR Gold Trust หลังที่ก่อนหน้าลดการถือทองลงอย่างต่อเนื่องโดย SPDR เข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอีก 0.912 ตันในวันที่ 5 ส.ค. สู่ระดับ 1,282.746 ตันจากที่เคยถือสูงสุดที่ 1,320.436 ตันในเดือนมิ.ย.

ถูกแก้ไข สิงหาคม 14, 2010 โดย ส้มโอมือ

[moshi 9]

+1 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับคุณส้มโอมือ