ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

พาร์เลอร์ขอสาม!! ตำนานปืนชี้ปืนขาดอีกแค่ 3 ตัว

 

เรย์ พาร์เลอร์ ตำนานตัวเก่งของอาร์เซนอล ออกมากล่าวว่าปืนจำเป็นต้องคว้านักเตะมาเสริมแกร่งอีกแค่ 3 เท่านั้น

 

"อาร์เซนอลต้องการเสริมอีกแค่ 3 ตัว"

 

"สก๊อต ปาร์คเกอร์ นี่ก็หนึ่งในนักเตะฝีเท้าดี ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะคว้าเขามา"

 

"อาร์เซนอลยังต้องการตำแหน่งเซนเตอร์ฮาร์ฟที่แข็งพอ เหมือนกับโซล แคมป์เบล พอทีจะทำให้มั่นใจได้ว่าทีมจะไม่เสียประตู"

 

"นอกจากนี้ปืนยังต้องการกองหน้าดีๆอีกซักคน แต่จะจริงๆ ตัวที่มีอยู่ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว"

 

ซื้อไปให้หมดทั้งทีมเลยไหม!! สิงห์บลูทำช็อกสนซื้อตัวธีโอไปวิ่งริมเส้น

 

เชลชี ตกเป็นข่าวสนใจที่จะยื่นซื้อ ธีโอ วัลคอตต์ ปีกความเร็วแสงของอาร์เซน่อลไปร่วมทีม ตามรายงานข่าวจากเดอะเมล์ ท่ามกลางกระแสการย้ายทีมของนักเตะอาร์เซน่อลไม่ว่าจะเป็น ซามีร์ นาสรี่ และกาเอล กิลชี่ ที่มีข่าวกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชส ฟาเบรกาส ที่เหมือนกำลังจะย้ายไปเล่นให้กับบาร์เซโลน่า

 

ที่มา : gunnerthailand

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ขอบคุณค่ะคุณส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้องเสมคะ ข้อเท้าเป็นยังไงบ้างคะ พี่มีเรื่องจะมาเล่าค่ะ คือว่า พี่น่ะปวดตรง หลังข้อเข่ามาประมาณสามสัปดาห์ แล้วงานยุ่งมาก ก็ไม่ได้ให้หมอกระดูกตรวจโดยละเอียดสักที ได้แต่ทานยาแก้อักเสบไปเรื่อย อาการก็ดีขึ้นบ้างไม่ดีบ้าง เสร็จแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว พาลูกไปห้างเพื่อเล่นบ้านบอล แล้วแม่ก็ไปนอนนวดแผนโบราณรอลูก ปรากฏว่า หมอนวด กดเส้นเจอด้านหลังเข่า บอกว่า เส้นเราตึงมาก ก็เลยกดจุด ตอนนวดเสร็จอาการปวดหายเลยค่ะ แต่พอตื่นเช้าวันต่อมา เป็นเรื่องค่ะ ปวดมาก ๆ คราวนี้ถ้าลงผิดบางท่า ล้มทั้งยืนเลยค่ะ เลยไปให้หมอกระดูกตรวจละเอียด บอกว่า เป็น เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ ให้กินยาแก้อักเสบอย่างต่อเนื่องแล้วก็ทำกายภาพบำบัด หากไม่หายต้อง ทำultrasound แก้ปวด อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ พี่ปวดขาอย่างมาก พอเดินกระเผลก ส่งผลถึงปวดหลัง ที่สำคัญคือต้องอุ้มลูกด้วยนี่สิ เมื่อคืนก่อน ลงผิดท่า ล้มทั้งยืนขณะกำลังอุ้มลูก ดีว่าล้มใส่ที่นอน ไม่งั้นคงเดี้ยงทั้งแม่ทั้งลูก ก็เลยจะบอกน้องเสม ว่า รักษาข้อเท้าให้หายสนิท อย่าละเลยอย่างพี่ และอย่าไปนวดแผนโบราณเข้าเชียวนะคะ เพราะว่า อาจจะผิดคิวอย่างพี่ ทำให้ เจ็บมากกว่าเดิมก็ได้.. และที่สำคัญคือ ต้องทำกายภาพบำบัด ห้ามขี้เกียจ นี่ขอแนะนำจากประสบการณืตรงเลยค่ะ เพราะถึงเป็นหมอก็เหอะ ถ้าขี้เกียจ หรือ ไม่ต่อเนื่อง ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน เล่าไปก็อายเนาะ เพราะว่า เป็นหมอเอง แต่ก็ไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี ( ก็คนธรรมดานี่แหละเนาะ มีความขี้เกียจอยู่เป็นทุน)

หวังว่า น้องเสมคงจะหายดีแล้วนะคะ.. ไม่อยากให้เจ็บตัวนาน คนดี ๆ น่ารัก ๆ อย่างนี้ ขอให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ

 

 

 

ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ^^

 

ข้อเท้าดีขึ้นมากเเล้วครับ เริ่มเป็นปกติเเล้ว เดินไปไหนมาไหนก็จะ 100% เเล้วครับ

เรื่อง นวดเเผนโบราณ ไม่ค่อยชอบเเละถนัดอะครับ เคยไปครั้งหนึ่ง นวดเเล้ว อย่างเจ๊บเลย

ไม่คิดจะไปอีกเลย 555 คนนวดบอก กลับไปให้กิน ยาพารา ด้วยเหมือนจะเป็นครั้งเเรกในการนวดเเผนโบราณ

เลยไม่คิดจะไปอีกเลยครับ

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

SET ไทยวิ่งต่อเนื่อง ปิดที่ 1,090.28 จุดต้อนรับนายกหญิงคนเเรกของประเทศไทย

ต้องจับตาดูว่าเป็นการขึ้น WAVE 3 หรือ B ถ้าเป็นการขึ้น WAVE 3 ก็วิ่งถึง 1250 โดยไม่ยาก

ถ้าเป็น B ก็จะลงมาที่ 980 จุดโดยไม่ยากเช่นกัน

 

post-31-018693700 1309831629.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวนี้ช่วยลดความนอยด์ของแฟนปืน!! แชร์วินโญ่บินถึงลอนดอนพร้อมเปิดตัวกับอาร์เซน่อลแล้ว

 

Jeune Afrique สื่อชั้นนำของทวีปแอฟริกา ออกมาเปิดเผยว่า แชร์วินโญ่ จะเดินทางไปยังกรุงลอนดอนในวันจันทร์นี้ เพื่อเซ็นสัญญา 4 ปีกับทางอาร์เซน่อล หลังจากทางลีลส์ตกลงรับข้อเสนอ 12.4 ล้านยูโร จากทีมดังแห่งกรุงลอนดอน พร้อมรับค่าเหนื่อย 60,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

 

ในวันนี้ทางสโมสรลีลส์ได้มีการรวมพลเพื่อเตรียมตัวช่วงปรีซีซั่น นักเตะดังอย่าง เอเดน ฮาซาร์ด นำทัพฝึกซ้อม แต่ไร้เงาแชร์วินโญ่ ซึ่งหลังจากที่ปีกไอวอร์รี่โคสต์วัย 24 ปีพักร้อนที่ Abidjan และคาดว่าเค้าจะเดินทางไปถึงกรุงลอนดอนในวันที่ 4 กรกฏาคมนี้

 

แชร์วินโญ่กล่าวว่า: "ผมย้ายออกจากลีลส์ ผมพอใจที่พาลีลส์เป็นแชมป์ลีกเอิง และแชมป์เฟร้นซ์ คัพ การเดินทางต่อไปของผมคือที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ"

 

เว็บไซด์อาร์เซน่อลยืนยันปล่อยกิลชี่ไปเล่นให้ท่าเรือ

 

เว็บไซด์สโมสรอาร์เซน่อล ออกมายืนยันการย้ายทีมของกาเอล กิลชี่ สุ่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นอันเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยเรื่องค่าตัวแต่อย่างใด

 

โดยแบ๊คซ้ายทีมชาติฝรั่งเศส เซ็นสัญญา 4 ปีกับทีมแมนซิตี้ และรับค่าเหนื่อย 65,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ กิลชี่กล่าวว่า: "ผมมีความสุขที่ได้มาร่วมทีมที่ยิ่งใหญ่ ผมหวังว่าผมจะสามารถเพิ่มคุณภาพซึ่งพวกเราก็มีอยู่แล้วที่นี้ เพราะว่าเรามีขุมกำลังที่น่ามหัศจรรย์มาก ผมเชื่อว่าเราทำได้ดียิ่งขึ้น"

 

"ผมไม่สามารถรอเวลาออกสตาร์ทได้แล้ว และผมคิดว่าทุกอย่างที่จะทำได้กับทีมๆ นี้"

 

ที่มา : gunnerthailand

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับคุณเสม

 

ขอเดาเล่นๆ ว่าเซทเป็น b อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แล้วส่วนตัวคุณเสมมองว่าเป็นขา3หรือBอ่าคับ ยังแอบงงๆอยุ่เลยที่ลงดอยได้ในวันเดียว :blink:

ถูกแก้ไข โดย AunTonio

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาข้าวโลกจ่อพุ่ง ตลาดสะดุ้ง ไทยผลัดรัฐบาล

05 กรกฎาคม 2554 เวลา 08:20 น. | เปิดอ่าน 156 | ความคิดเห็น 0

ผลการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในไทย อันนำมาซึ่งชัยชนะของพรรคเพื่อไทย

 

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

 

ไม่เพียงสร้างความสั่นสะเทือนและความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้เกิดขึ้นภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังจะก่อให้เกิดความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะในตลาดข้าว ในฐานะที่ไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก

 

สำนักข่าว Bloomberg รายงานความเห็นของนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่า ด้วยนโยบายประกันราคาข้าวของพรรคเพื่อไทยจะยังผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งขึ้นถึง 56% ภายในปีนี้

 

จากระดับราคาในปัจจุบันที่กว่า 500 เหรียญสหรัฐต่อตัน มาอยู่ที่ 8-10 เหรียญสหรัฐต่อตัน ใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตราคาอาหารเมื่อปี 2550-2551 เพียงเฉียดฉิว ซึ่งครั้งนั้นราคาข้าวเกรดดีของไทยที่ใช้เป็นราคาหมายหลักในตลาดโลก พุ่งขึ้นมาเหนือระดับ 1,000 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาในประเทศสูงเกือบ 2 หมื่นบาทต่อเกวียน

 

นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะจำนำราคาข้าวที่ 1.5 หมื่นบาทต่อเกวียน หรือเกือบ 500 เหรียญสหรัฐ ถือเป็นราคาที่สูงกว่าอัตราเดิมถึง 63% จะยังผลให้ต้นทุนการขนส่งและต้นทุนการส่งออกเพิ่มขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ในฐานะที่ข้าวไทยเป็นราคาหมายหลักในตลาดโลก การที่ราคาภายในประเทศปรับสูงขึ้น ยิ่งทำให้ราคาในตลาดโลกมีความเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน

 

เมื่อปี 2551 สมัยที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล มีนโยบายที่คล้ายคลึงกับพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ โดยรับจำนำข้าวเป็นจำนวนถึง 5.4 ล้านตัน จากเกษตรกรราว 7 แสนคน ยังผลให้ราคาภายในประเทศพุ่งขึ้นมาแตะที่ 1.7 หมื่นบาทต่อเกวียน ภายในเดือน เม.ย. และต่อมาส่งแรงกระเพื่อมไปถึงราคาข้าวในตลาดโลก ทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,038 เหรียญสหรัฐต่อตัน เมื่อถึงเดือน พ.ค. ปีเดียวกัน

 

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เริ่มต้นประกันราคาที่ 1.1 หมื่นบาทต่อตัน จากนั้นในระหว่างการหาเสียงพรรคนี้เพิ่มเพดานราคามาอยู่ที่ 1.2 หมื่นบาทต่อเกวียน ซึ่งราคานี้อาจจะต่ำกว่าราคาจำนำข้าวที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย แต่มีเสียงสนับสนุนในทำนองที่ว่าจะช่วยให้ชาวนาขายข้าวได้มากขึ้น ในอัตราที่ผู้ขายและผู้ซื้อไม่หักหาญกันจนเกินไป

 

 

 

ทว่า ในความเป็นจริงผู้ที่รับประโยชน์คือผู้ส่งออกข้าว ที่ไม่ต้องเสียแรงไปแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกับข้าวราคาถูกจากเวียดนาม ผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากไทย และเริ่มเบียดตำแหน่งของไทยมากขึ้นทุกที

 

อย่างไรก็ตาม การประกันราคาข้าวที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์ได้บวกตัวแปรจากปัจจัยที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่งในตลาดข้าวภายในประเทศด้วย นั่นคือพ่อค้าคนกลาง เอาไว้ด้วย เพื่อลดแรงเสียดทานจากการต้องแบกรับต้นทุนการขนส่งและการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้นทุนส่วนนี้ชาวนามิได้แบกรับ แต่เป็นผู้ค้าข้าว

 

หากนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เอื้อต่อพ่อค้าส่งออกข้าวทางอ้อม นโยบายจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทยมีช่องโหว่ตรงที่การเล่นไม่ซื่อของโรงสี ซึ่งอาจสวมสิทธิเกษตรกรเพื่อจำนำข้าวที่ตนซื้อมา ทำให้ได้ส่วนต่างจากราคาจำนำ ประเมินกันว่าชาวนาอาจได้กำไรไม่ถึงครึ่งหนึ่งของราคาจำนำที่แท้จริง ส่วนที่เหลือตกเป็นของโรงสี หรือพ่อค้าคนกลาง

 

ไม่ว่านโยบายของพรรคใดจะมีข้อดีข้อเสีย ประชาชนได้ตัดสินผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว อีกทั้งในท้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นพรรคใด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายจำนำหรือประกันราคาข้าว ราคาในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างแน่นอน

 

ผลที่จะติดตามมาก็คือ แรงสั่นสะเทือนในตลาดโลก จากการที่ราคาข้าวในไทยแพงขึ้นในลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 45 ปีก่อน หรือช่วงวิกฤตราคาอาหารโลกครั้งแรกในทศวรรษที่ 2000 ซึ่งยังผลให้ราคาข้าวในตลาดภายในของประเทศกำลังพัฒนา มีราคาพุ่งขึ้นมาถึง 90%

 

สิ่งที่หลายคนหวาดกลัวหากราคาข้าวไทยแพงขึ้น มีอยู่ 2 เรื่อง

 

เรื่องแรก กังวลว่าข้าวไทยจะแพงจนผู้บริโภคไม่สามารถแบกรับได้ ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อข้าวราคาถูกจากคู่แข่ง

 

เรื่องที่สอง กังวลว่า หากราคาข้าวไทยแพงขึ้น ราคาทั่วโลกจะแพงไปด้วย เป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยปี 2550-2551

 

ทั้งสองปัญหาครอบคลุมทั้งผู้บริโภคภายในประเทศ และต่างประเทศ ยิ่งหวนกลับไปพิจารณาเงื่อนไขของราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อ 4 ปีแล้ว จะพบว่าสถานการณ์ในขณะนั้นกับตอนนี้มีความคล้ายคลึงกันหลายประการ

 

แม้ว่าทุกวันนี้ราคาข้าวในตลาดโลกจะต่ำลงถึง 20% เมื่อเทียบกับราคาข้าวสาลี อ้อย ข้าวโพด ที่เพิ่มขึ้นถึง 30% แต่อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ หากนโยบายข้าวแนวทางใหม่ได้รับการปรับใช้

 

องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO ระบุในรายงานเมื่อเดือน ก.พ.ปีนี้ว่า นโยบายของประเทศผู้ส่งออกข้าวมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อราคาในตลาด โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตอาหารครั้งแรก เฉพาะประเทศผู้ส่งออกข้าว เมื่อเห็นว่าราคาข้าวแพงขึ้นจึงชะลอการส่งออก เพื่อปรับสมดุลภายในประเทศ

 

เพราะอย่างน้อยเกษตรกรผู้ผลิตข้าว ก็ถือเป็นผู้บริโภคข้าวเช่นเดียวกัน ราคาที่แพงขึ้นจึงเท่ากับเป็นการบั่นทอนรายได้จากการค้าข้าวโดยตรง หรือพูดได้ว่ากลายเป็นหอกที่กลับมาทิ่มแทงชาวนา หากรัฐบาลไม่มีนโยบายรองรับที่เหมาะสม

 

นอกจากนโยบายของภาครัฐแล้ว ยังมีผลพวงจากภัยธรรมชาติที่ทำลายพื้นที่เพาะปลูกข้าวในประเทศผู้ส่งออกหลัก ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม จีน และอินเดีย จนประเทศเหล่านี้ชะลอการส่งออก สวนทางกับความต้องการของประเทศนำเข้าที่เร่งซื้อขนานใหญ่ เพราะพื้นที่เพาะปลูกเสียหายจากภัยธรรมชาติเช่นกัน ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ ฟิลิปปินส์

 

ในปีนี้หลายประเทศประสบกับภัยธรรมชาติรุนแรง จนทำลายพื้นที่เพาะปลูกมหาศาล โดยเฉพาะภาวะแห้งแล้งในจีนที่กินอาณาบริเวณเกือบครึ่งหนึ่งของภาคกลาง เสี่ยงที่รัฐบาลจีนจะจำกัดการส่งออก เนื่องจากในปัญหาราคาอาหารได้กลายเป็นวาระแห่งชาติแล้ว หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อทะลุหลัก 5%ด้วยความที่ราคาข้าวไทยสูงขึ้น บวกกับปัญหาการผลิตในประเทศทางเลือกอื่นๆ ทำให้ลูกค้าต้องหันไปพึ่งพาข้าวจากเวียดนามเป็นหลัก แต่ก็ใช่ว่าเวียดนามจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ในช่วงปักษ์แรกของปีนี้ ยอดส่งออกข้าวอยู่ที่ 3.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5% นอกจากนี้รัฐบาลยังปรับคาดการณ์ปริมาณการส่งออกข้าวในปีนี้ จากเดิมที่ 6 ล้านตัน มาอยู่ที่ 7 ล้านตันในปีนี้ หลังจากได้การทำนาช่วงนาปรังได้ผลดีเกินคาด

 

นี่อาจนับเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภค ในกรณีที่ราคาข้าวในตลาดติดกระแสลมบน หรืออย่างน้อยหากราคาแพงขึ้นตามคาด เวียดนามยังมีข้าวเพียงพอที่จะเลี้ยงชาวโลก ไม่เหมือนกับเมื่อ 4 ปีก่อนที่ต้องชะลอการส่งออกเนื่องจากภัยธรรมชาติ

 

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน หากย้อนกลับไปดูประวัติของเวียดนามเกี่ยวกับการคาดการณ์ปริมาณการผลิตและส่งออกข้าว จะพบว่าผันแปรไปตามสภาพอากาศของปีนั้นๆ ค่อนข้างมาก และในแต่ละปีสภาพอากาศที่เลวร้ายอาจเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดฝัน จนทำให้เวียดนามต้องปรับตัวเลขส่งออกลง หรือกระทั่งชะลอการส่งออกยังเคยเกิดขึ้นมาแล้ว

 

ตัวอย่างเช่น ทั้งปี 2552 ปริมาณส่งออกข้าวของเวียดนามทรุดลงถึง 25.4% เนื่องจากสภาพอากาศวิปริต ต่อมาในปี 2553 เพิ่มขึ้น 15.4% เมื่อเดือน ธ.ค.ปีเดียวกัน มีการปรับลดแนวโน้มในปี 2554 ถึง 2 ครั้งในช่วงไม่ถึงเดือน ครั้งแรกปรับเพิ่ม ส่วนครั้งต่อมาปรับลด ครั้นย่างเข้าปีนี้เวียดนามปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกถึง 25% แต่ไปๆ มาๆ ย่างเข้ากลางปีกลับทำได้แค่ 5%

 

เมื่อเข้าฤดูมรสุมอย่างเต็มตัว และเกิดพายุรุนแรงหลายครั้งติดต่อกัน จนอุทกภัยและวาตภัยทำลายล้างแหล่งปลูกข้าว ไม่แน่ว่าเวียดนามอาจพึ่งพาไม่ได้เหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

 

จึงไม่น่าแปลกใจที่ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อเดือน พ.ค. ประธานาธิบดี ซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน แห่งอินโดนีเซีย จะหารือและร้องขอกับนายกรัฐมนตรีเวียดนามกระตุ้นผลผลิตข้าว และส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหาร

 

ท่าทีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการพึ่งพาเวียดนามในฐานะผู้ส่งออกข้าวราคาถูกแทนที่ไทย แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนความกังวลของลูกค้า ที่มองว่าในระยะหลังผลผลิตของเวียดนามมักไม่สม่ำเสมอ เพราะภัยธรรมชาติเริ่มคาดเดาได้ยากขึ้น

 

ปฏิกิริยาของสื่อต่างประเทศต่อนโยบายข้าวของว่าที่รัฐบาลใหม่ของไทย สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนเช่นกันว่า แม้ผลผลิตข้าวในไทยจะสม่ำเสมอ แต่ไทยมีแนวโน้มด้านราคาที่สูงขึ้นราคาข้าวกลายเป็นวาระทางการเมืองมากขึ้น ในยุคที่เกษตรกรกลายเป็นแหล่งคะแนนเสียงที่สำคัญและเรียกร้องจากนักการเมืองมากขึ้น

 

นัยหนึ่งย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า ราคาข้าวดีๆ และสมเหตุสมผล เป็นผลดีต่อเกษตรกรที่ถูกกดขี่เรื่องราคาผลผลิตมานาน แต่นัยหนึ่งราคาที่ดีของเกษตรกร ก็นับเป็นภาระของชาวโลกที่พึ่งพาไทยเป็นหลักในเรื่องปากท้องเช่นกัน

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

ประเทศที่ส่งข้าวออกเป็นอันดับ1คือไทย(เวียดนามวิ่งตามมาติดๆไม่แน่ใจโดนแซงยัง) แต่ประเทศที่ผลิตข้าวได้มากสุดเป็นอันดับ1คือจีน 4-5ปีก่อนจีนผลิตข้าวมากว่าไทย5เท่ากว่า ภาวะแห้งแล้งในจีนน่าจะทำให้ราคาข้าวขยับขึ้นแรงพอควร

สิ่งที่รัฐบาลควรรีบแก้ไขคือ ทำไมผลผลิตข้าวของไทยต่อไรน้อยกว่าจีนและเวียดนามเกือบเท่าตัว ควรเพิ่มผลผลิตต่อไร่มากกว่าประกันราคาข้าว

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นาสรี รับเละ หลังเตรียมรับข้อเสนอ ค่าเหนื่อย 150000 ต่อสัปดาห์

 

แมนฯซิตี้ เตรียมคว้าตัว ซามีร์ นาสรี ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ แล้ว

 

เมื่อคืนที่ผ่านมา แมนฯซิตี้ ได้ยื่นเงิน 20 ล้านปอนด์เพื่อขอซื้อตัว นาสรี อย่างเป็นทางการ

 

ซึ่งกองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ใกล้ตอบตกลงรับข้อเสนอ 150000 ปอนด์/สัปดาห์แล้ว

 

หากนาสรี ย้ายไปแมนฯซิตี้ ก็เท่ากับเป็นการตัดหน้า แมนฯยู คู่แข่งร่วมเมือง ที่สนใจ นาสรี มานานแล้ว

 

โดย โรแบโต้ มันชินี ผู้จักการทีม แมนฯซิตี้ ต้องการนักเตะหน้าใหม่ 5 รายเข้ามาร่วมทีมก่อนเปิดฤดูกาลใหม่

 

 

ที่มา : gunnerthailand

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาข้าวโลกจ่อพุ่ง ตลาดสะดุ้ง ไทยผลัดรัฐบาล

05 กรกฎาคม 2554 เวลา 08:20 น. | เปิดอ่าน 156 | ความคิดเห็น 0

ผลการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในไทย อันนำมาซึ่งชัยชนะของพรรคเพื่อไทย

 

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

 

ไม่เพียงสร้างความสั่นสะเทือนและความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้เกิดขึ้นภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังจะก่อให้เกิดความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะในตลาดข้าว ในฐานะที่ไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก

 

สำนักข่าว Bloomberg รายงานความเห็นของนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่า ด้วยนโยบายประกันราคาข้าวของพรรคเพื่อไทยจะยังผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งขึ้นถึง 56% ภายในปีนี้

 

จากระดับราคาในปัจจุบันที่กว่า 500 เหรียญสหรัฐต่อตัน มาอยู่ที่ 8-10 เหรียญสหรัฐต่อตัน ใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตราคาอาหารเมื่อปี 2550-2551 เพียงเฉียดฉิว ซึ่งครั้งนั้นราคาข้าวเกรดดีของไทยที่ใช้เป็นราคาหมายหลักในตลาดโลก พุ่งขึ้นมาเหนือระดับ 1,000 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาในประเทศสูงเกือบ 2 หมื่นบาทต่อเกวียน

 

นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะจำนำราคาข้าวที่ 1.5 หมื่นบาทต่อเกวียน หรือเกือบ 500 เหรียญสหรัฐ ถือเป็นราคาที่สูงกว่าอัตราเดิมถึง 63% จะยังผลให้ต้นทุนการขนส่งและต้นทุนการส่งออกเพิ่มขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ในฐานะที่ข้าวไทยเป็นราคาหมายหลักในตลาดโลก การที่ราคาภายในประเทศปรับสูงขึ้น ยิ่งทำให้ราคาในตลาดโลกมีความเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน

 

เมื่อปี 2551 สมัยที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล มีนโยบายที่คล้ายคลึงกับพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ โดยรับจำนำข้าวเป็นจำนวนถึง 5.4 ล้านตัน จากเกษตรกรราว 7 แสนคน ยังผลให้ราคาภายในประเทศพุ่งขึ้นมาแตะที่ 1.7 หมื่นบาทต่อเกวียน ภายในเดือน เม.ย. และต่อมาส่งแรงกระเพื่อมไปถึงราคาข้าวในตลาดโลก ทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,038 เหรียญสหรัฐต่อตัน เมื่อถึงเดือน พ.ค. ปีเดียวกัน

 

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เริ่มต้นประกันราคาที่ 1.1 หมื่นบาทต่อตัน จากนั้นในระหว่างการหาเสียงพรรคนี้เพิ่มเพดานราคามาอยู่ที่ 1.2 หมื่นบาทต่อเกวียน ซึ่งราคานี้อาจจะต่ำกว่าราคาจำนำข้าวที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย แต่มีเสียงสนับสนุนในทำนองที่ว่าจะช่วยให้ชาวนาขายข้าวได้มากขึ้น ในอัตราที่ผู้ขายและผู้ซื้อไม่หักหาญกันจนเกินไป

 

 

 

ทว่า ในความเป็นจริงผู้ที่รับประโยชน์คือผู้ส่งออกข้าว ที่ไม่ต้องเสียแรงไปแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกับข้าวราคาถูกจากเวียดนาม ผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากไทย และเริ่มเบียดตำแหน่งของไทยมากขึ้นทุกที

 

อย่างไรก็ตาม การประกันราคาข้าวที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์ได้บวกตัวแปรจากปัจจัยที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่งในตลาดข้าวภายในประเทศด้วย นั่นคือพ่อค้าคนกลาง เอาไว้ด้วย เพื่อลดแรงเสียดทานจากการต้องแบกรับต้นทุนการขนส่งและการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้นทุนส่วนนี้ชาวนามิได้แบกรับ แต่เป็นผู้ค้าข้าว

 

หากนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เอื้อต่อพ่อค้าส่งออกข้าวทางอ้อม นโยบายจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทยมีช่องโหว่ตรงที่การเล่นไม่ซื่อของโรงสี ซึ่งอาจสวมสิทธิเกษตรกรเพื่อจำนำข้าวที่ตนซื้อมา ทำให้ได้ส่วนต่างจากราคาจำนำ ประเมินกันว่าชาวนาอาจได้กำไรไม่ถึงครึ่งหนึ่งของราคาจำนำที่แท้จริง ส่วนที่เหลือตกเป็นของโรงสี หรือพ่อค้าคนกลาง

 

ไม่ว่านโยบายของพรรคใดจะมีข้อดีข้อเสีย ประชาชนได้ตัดสินผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว อีกทั้งในท้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นพรรคใด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายจำนำหรือประกันราคาข้าว ราคาในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างแน่นอน

 

ผลที่จะติดตามมาก็คือ แรงสั่นสะเทือนในตลาดโลก จากการที่ราคาข้าวในไทยแพงขึ้นในลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 45 ปีก่อน หรือช่วงวิกฤตราคาอาหารโลกครั้งแรกในทศวรรษที่ 2000 ซึ่งยังผลให้ราคาข้าวในตลาดภายในของประเทศกำลังพัฒนา มีราคาพุ่งขึ้นมาถึง 90%

 

สิ่งที่หลายคนหวาดกลัวหากราคาข้าวไทยแพงขึ้น มีอยู่ 2 เรื่อง

 

เรื่องแรก กังวลว่าข้าวไทยจะแพงจนผู้บริโภคไม่สามารถแบกรับได้ ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อข้าวราคาถูกจากคู่แข่ง

 

เรื่องที่สอง กังวลว่า หากราคาข้าวไทยแพงขึ้น ราคาทั่วโลกจะแพงไปด้วย เป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยปี 2550-2551

 

ทั้งสองปัญหาครอบคลุมทั้งผู้บริโภคภายในประเทศ และต่างประเทศ ยิ่งหวนกลับไปพิจารณาเงื่อนไขของราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อ 4 ปีแล้ว จะพบว่าสถานการณ์ในขณะนั้นกับตอนนี้มีความคล้ายคลึงกันหลายประการ

 

แม้ว่าทุกวันนี้ราคาข้าวในตลาดโลกจะต่ำลงถึง 20% เมื่อเทียบกับราคาข้าวสาลี อ้อย ข้าวโพด ที่เพิ่มขึ้นถึง 30% แต่อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ หากนโยบายข้าวแนวทางใหม่ได้รับการปรับใช้

 

องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO ระบุในรายงานเมื่อเดือน ก.พ.ปีนี้ว่า นโยบายของประเทศผู้ส่งออกข้าวมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อราคาในตลาด โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตอาหารครั้งแรก เฉพาะประเทศผู้ส่งออกข้าว เมื่อเห็นว่าราคาข้าวแพงขึ้นจึงชะลอการส่งออก เพื่อปรับสมดุลภายในประเทศ

 

เพราะอย่างน้อยเกษตรกรผู้ผลิตข้าว ก็ถือเป็นผู้บริโภคข้าวเช่นเดียวกัน ราคาที่แพงขึ้นจึงเท่ากับเป็นการบั่นทอนรายได้จากการค้าข้าวโดยตรง หรือพูดได้ว่ากลายเป็นหอกที่กลับมาทิ่มแทงชาวนา หากรัฐบาลไม่มีนโยบายรองรับที่เหมาะสม

 

นอกจากนโยบายของภาครัฐแล้ว ยังมีผลพวงจากภัยธรรมชาติที่ทำลายพื้นที่เพาะปลูกข้าวในประเทศผู้ส่งออกหลัก ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม จีน และอินเดีย จนประเทศเหล่านี้ชะลอการส่งออก สวนทางกับความต้องการของประเทศนำเข้าที่เร่งซื้อขนานใหญ่ เพราะพื้นที่เพาะปลูกเสียหายจากภัยธรรมชาติเช่นกัน ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ ฟิลิปปินส์

 

ในปีนี้หลายประเทศประสบกับภัยธรรมชาติรุนแรง จนทำลายพื้นที่เพาะปลูกมหาศาล โดยเฉพาะภาวะแห้งแล้งในจีนที่กินอาณาบริเวณเกือบครึ่งหนึ่งของภาคกลาง เสี่ยงที่รัฐบาลจีนจะจำกัดการส่งออก เนื่องจากในปัญหาราคาอาหารได้กลายเป็นวาระแห่งชาติแล้ว หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อทะลุหลัก 5%ด้วยความที่ราคาข้าวไทยสูงขึ้น บวกกับปัญหาการผลิตในประเทศทางเลือกอื่นๆ ทำให้ลูกค้าต้องหันไปพึ่งพาข้าวจากเวียดนามเป็นหลัก แต่ก็ใช่ว่าเวียดนามจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ในช่วงปักษ์แรกของปีนี้ ยอดส่งออกข้าวอยู่ที่ 3.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5% นอกจากนี้รัฐบาลยังปรับคาดการณ์ปริมาณการส่งออกข้าวในปีนี้ จากเดิมที่ 6 ล้านตัน มาอยู่ที่ 7 ล้านตันในปีนี้ หลังจากได้การทำนาช่วงนาปรังได้ผลดีเกินคาด

 

นี่อาจนับเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภค ในกรณีที่ราคาข้าวในตลาดติดกระแสลมบน หรืออย่างน้อยหากราคาแพงขึ้นตามคาด เวียดนามยังมีข้าวเพียงพอที่จะเลี้ยงชาวโลก ไม่เหมือนกับเมื่อ 4 ปีก่อนที่ต้องชะลอการส่งออกเนื่องจากภัยธรรมชาติ

 

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน หากย้อนกลับไปดูประวัติของเวียดนามเกี่ยวกับการคาดการณ์ปริมาณการผลิตและส่งออกข้าว จะพบว่าผันแปรไปตามสภาพอากาศของปีนั้นๆ ค่อนข้างมาก และในแต่ละปีสภาพอากาศที่เลวร้ายอาจเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดฝัน จนทำให้เวียดนามต้องปรับตัวเลขส่งออกลง หรือกระทั่งชะลอการส่งออกยังเคยเกิดขึ้นมาแล้ว

 

ตัวอย่างเช่น ทั้งปี 2552 ปริมาณส่งออกข้าวของเวียดนามทรุดลงถึง 25.4% เนื่องจากสภาพอากาศวิปริต ต่อมาในปี 2553 เพิ่มขึ้น 15.4% เมื่อเดือน ธ.ค.ปีเดียวกัน มีการปรับลดแนวโน้มในปี 2554 ถึง 2 ครั้งในช่วงไม่ถึงเดือน ครั้งแรกปรับเพิ่ม ส่วนครั้งต่อมาปรับลด ครั้นย่างเข้าปีนี้เวียดนามปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกถึง 25% แต่ไปๆ มาๆ ย่างเข้ากลางปีกลับทำได้แค่ 5%

 

เมื่อเข้าฤดูมรสุมอย่างเต็มตัว และเกิดพายุรุนแรงหลายครั้งติดต่อกัน จนอุทกภัยและวาตภัยทำลายล้างแหล่งปลูกข้าว ไม่แน่ว่าเวียดนามอาจพึ่งพาไม่ได้เหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

 

จึงไม่น่าแปลกใจที่ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อเดือน พ.ค. ประธานาธิบดี ซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน แห่งอินโดนีเซีย จะหารือและร้องขอกับนายกรัฐมนตรีเวียดนามกระตุ้นผลผลิตข้าว และส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหาร

 

ท่าทีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการพึ่งพาเวียดนามในฐานะผู้ส่งออกข้าวราคาถูกแทนที่ไทย แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนความกังวลของลูกค้า ที่มองว่าในระยะหลังผลผลิตของเวียดนามมักไม่สม่ำเสมอ เพราะภัยธรรมชาติเริ่มคาดเดาได้ยากขึ้น

 

ปฏิกิริยาของสื่อต่างประเทศต่อนโยบายข้าวของว่าที่รัฐบาลใหม่ของไทย สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนเช่นกันว่า แม้ผลผลิตข้าวในไทยจะสม่ำเสมอ แต่ไทยมีแนวโน้มด้านราคาที่สูงขึ้นราคาข้าวกลายเป็นวาระทางการเมืองมากขึ้น ในยุคที่เกษตรกรกลายเป็นแหล่งคะแนนเสียงที่สำคัญและเรียกร้องจากนักการเมืองมากขึ้น

 

นัยหนึ่งย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า ราคาข้าวดีๆ และสมเหตุสมผล เป็นผลดีต่อเกษตรกรที่ถูกกดขี่เรื่องราคาผลผลิตมานาน แต่นัยหนึ่งราคาที่ดีของเกษตรกร ก็นับเป็นภาระของชาวโลกที่พึ่งพาไทยเป็นหลักในเรื่องปากท้องเช่นกัน

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

ประเทศที่ส่งข้าวออกเป็นอันดับ1คือไทย(เวียดนามวิ่งตามมาติดๆไม่แน่ใจโดนแซงยัง) แต่ประเทศที่ผลิตข้าวได้มากสุดเป็นอันดับ1คือจีน 4-5ปีก่อนจีนผลิตข้าวมากว่าไทย5เท่ากว่า ภาวะแห้งแล้งในจีนน่าจะทำให้ราคาข้าวขยับขึ้นแรงพอควร

สิ่งที่รัฐบาลควรรีบแก้ไขคือ ทำไมผลผลิตข้าวของไทยต่อไรน้อยกว่าจีนและเวียดนามเกือบเท่าตัว ควรเพิ่มผลผลิตต่อไร่มากกว่าประกันราคาข้าว

 

 

 

 

ตลาดข้าว Chicago Board of Trade ข้าวเปลือกวิ่งขึ้นต่อเนื่อง น่าเสียดายตลาดข้าวไทยไม่มี Vol ไม่งั้นคงได้กำไรอย่างมากมาย

ตลาดข้าว ยืนยัน Wave 3 ค่อนข้างชัดเจน

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...