ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

หุ้นไทยปิดบวก 9.09 จุด ที่ 1,026.28 จุด สวนตลาดต่างประเทศ เมินเอสแอนด์พีหั่นเรตติ้งอิตาลี่ แรงซื้อกลุ่มแบงก์-สื่อสารหนุน

 

บรรยากาศ การลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (20 ก.ย.) ดัชนีแกว่งตัวผันผวนตามตลาดต่างประเทศ จากความกังวลปัญหาหนี้ยุโรป หลังสถาบันจัดอันดับเครดิตสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ ลดเรตติ้งอิตาลี ซึ่งกดดันตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวในแดนลบ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีตลาดหุ้นไทยลดลงต่ำสุดที่ 1,009.50 จุด ก่อนมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มแบงก์ และสื่อสาร ดันดัชนีปิดในระดับสูงสุดที่ 1,026.28 จุด บวก9.09 จุด หรือ 0.89%

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย

 

PTTCH ปิดที่ 119.50 บาท -2.50 (-2.05%)

 

SCC ปิดที่ 304.00 บาท +1.00 (+0.33%)

 

PTT ปิดที่ 310.00 บาท +4.00 (+1.31%)

 

TOP ปิดที่ 60.75 บาท -1.00 (-1.62%)

 

BANPU ปิดที่ 626.00 บาท +8.00 (+1.29%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นไทยปิดบวก 3.31 จุด ที่ 1,029.59 จุด แกว่งตัวผันผวนตามตลาดต่างประเทศ รอผลประชุมเฟด แรงเก็งกำไรกลุ่มสื่อสารหนุน

 

บรรยากาศ การลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 ก.ย.) ดัชนีแกว่งตัวผันผวนตามตลาดต่างประเทศ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอลุ้นผลการประชุมผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีต่ำสุดที่ 1,021.26 จุด และสูงสุดที่ 1,031.73 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,029.59 จุด บวก 3.31 จุด หรือ 0.32% ท่ามกลางแรงเก็งกำไรอย่างหนาแน่นในหุ้นกลุ่มสื่อสาร

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย

 

ADVANC ปิดที่ 126.50 บาท +2.50 (+2.02%)

 

SCC ปิดที่ 306.00 บาท +2.00 (+0.66%)

 

DTAC ปิดที่ 77.00 บาท +1.50 (+1.99%)

 

KBANK ปิดที่ 123.50 บาท +1.00 (+0.82%)

 

PTTCH ปิดที่ 119.00 บาท -0.50 (-0.42%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นไทยดิ่งเหว 39 จุด ดัชนีหลุด 1,000 จุด ตามตลาดหุ้นทั่วโลก นักลงทุนเทขายกระหน่ำ กังวลเศรษฐกิจสหรัฐ-หนี้ยุโรป

 

บรรยากาศ การลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (22 ก.ย.) ดัชนีทรุดตัวตามตลาดหุ้นทั่วโลกจากความกังวลปัญหาเเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย หลังผลประชุมผู้ว่าการธนาคารสหรัฐ (เฟด) ไร้มาตรการใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางความกังวลปัญหาหนี้ยุโรป โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 1,014.75 จุด และปิดตลาดในระดับต่ำสุดที่ 990.59 จุด ลบ 39.00 จุด หรือ 3.79%

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย

 

PTT ปิดที่ 302.00 บาท -10.00 (-3.21%)

 

KBANK ปิดที่ 118.00 บาท -5.50 (-4.45%)

 

ADVANC ปิดที่ 123.50 บาท -3.00 (-2.37%)

 

SCC ปิดที่ 295.00 บาท -11.00 (-3.59%)

 

SCB ปิดที่ 110.00 บาท -4.00 (-3.51%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สมแล้วที่เขาว่ากันว่าปีนี้เป็นปีที่ยากอีกขึ้นกว่าปีก่อนๆ !17 !17 อย่างไงก็ขอเอาใจช่วยทุกๆคนนะคับ(รวมถึงผมด้วยดอยนี้อีกนาน !065 !065 )

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นไทยปิดลบ 32 จุด ตามตลาดต่างประเทศ กังวลปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ-หนี้ยุโรป กดดันเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ต่างชาติ-สถาบัน ถล่มขาย!!!

 

บรรยากาศ การลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 ก.ย.) ดัชนีปรับตัวในแดนลบตามตลาดต่างประเทศ จากความกังวลปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ และปัญหาหนี้ยุโรป กดดันเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 972.53 จุด และต่ำสุดที่ 940.42 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 958.16 จุด ลบ 32.43 จุด หรือ 3.27%

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย

 

PTT ปิดที่ 290.00 บาท -12.00 (-3.97%)

 

ADVANC ปิดที่ 120.00 บาท -3.50 (-2.83%)

 

PTTCH ปิดที่ 100.00 บาท -8.50 (-7.83%)

 

TOP ปิดที่ 51.50 บาท -4.00 (-7.21%)

 

SCC ปิดที่ 284.00 บาท -11.00 (-3.73%)

 

ขณะที่พอร์ตลงทุนหุ้นหุ้นวันนี้ ต่างชาติขาย 3.1 พันล้าน รายย่อยซื้อ 5.9 พันล้าน สถาบันขาย 4 พันล้าน บัญชีบล.ซื้อ 1.2 พันล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นไทยรีบาวน์ ช่วงท้ายตลาด ดัชนีปิดลบ 54 จุด กลับมายืนเหนือ 900 จุด หลังนักลงทุนถล่มเละร่วงกว่า 90 จุด ทำระบบคอมฯรวน หยุดเทรดชั่วคราว

 

บรรยากาศ การลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (26 ก.ย.) ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตามตลาดหุ้นทั่วโลก จากความกังวลปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ และหนี้ยุโรป ที่อาจรุกลามบานปลาย ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรบตัวสูงสุดที่ 947.53 จุด และต่ำสุดที่ 867.86 จุด ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวระบบคอมพิวเตอร์ของตลาดหลักทรัพย์ฯเกิดความผิดพลาด ทางเทคนิค ทำให้หยุดการซื้อขายชั่วคราว ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 904.06 จุด ลบ 54.10 จุด หรือ 5.65%

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย

 

PTT ปิดที่ 267.00 บาท -23.00 (-7.93%)

 

BANPU ปิดที่ 526.00 บาท -60.00 (-10.24%)

 

SCC ปิดที่ 271.00 บาท -13.00 (-4.58%)

 

KBANK ปิดที่ 109.50 บาท -6.50 (-5.60%)

 

PTTCH ปิดที่ 94.50 บาท -5.50 (-5.50%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นไทยปิดพุ่ง 42 จุด รีบาวน์ตามตลาดต่างประเทศ ลุ้นยุโรปงัดมาตรการแก้ปัญหาหนี้ยูโรโซน

 

บรรยากาศ การลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (27 ก.ย.) ดัชนีรีบาวน์ตามตลาดต่างประเทศ หลังวานนี้ดำดิ่งแรง โดยนักลงทุนคาดหวังว่ายุโรปจะเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาหนี้กลุ่มยูโรโซน ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีต่ำสุดที่ 907.51 จุด และปิดตลาดในระดับสูงสุดที่ 946.62 จุด บวก 42.56 จุด หรือ 4.71%

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย

 

PTT ปิดที่ 283.00 บาท +16.00 (+5.99%)

 

SCC ปิดที่ 286.00 บาท +15.00 (+5.54%)

 

PTTCH ปิดที่ 105.00 บาท +10.50 (+11.11%)

 

KTB ปิดที่ 16.40 บาท +1.00 (+6.49%)

 

BANPU ปิดที่ 562.00 บาท +36.00 (+6.84%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นไทยปิดลบ 15.02 จุด ที่ 931.60 จุด ตามตลาดต่างประเทศ กังวลปัญหาหนี้ยุโรป-เศรษฐกิจสหรัฐ

 

บรรยากาศ การลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (28 ก.ย.) ดัชนีปรับตัวในแดนลบสอดคล้องตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเซียที่ปรับตัวผันผวน จากความกังวลปัญหาหนี้ยุโรป และเศรษฐกิจสหรัฐ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 949.34 จุด และต่ำสุดที่ 930.64 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 931.60 จุด ลบ 15.02 จุด หรือ 1.59%

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย

 

PTT ปิดที่ 271.00 บาท -12.00 (-4.24%)

 

PTTCH ปิดที่ 100.00 บาท -5.00 (-4.76%)

 

SCC ปิดที่ 271.00 บาท -15.00 (-5.24%)

 

TOP ปิดที่ 51.75 บาท -2.50 (-4.61%)

 

BANPU ปิดที่ 566.00 บาท +4.00 (+0.71%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นไทยปิดลบ 5.39 จุด ที่ 926.21 จุด ดัชนีผันผวนตามตลาดต่างประเทศ เกาะติดมาตรการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป-สหรัฐ

 

บรรยากาศ การลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (29 ก.ย.) ดัชนีแกว่งตัวผันผวนตามตลาดในต่างประเทศ โดยตลาดยังคงจับตามาตรการแก้ปัญหาหนี้ของกลุ่มยูโรโซน ซึ่งในค่ำคืนวันนี้เยอรมันจะมีการพิจารณาขยายขนาดเงินกองทุนรักษาเสถียรภาพ การเงินยุโรป โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีต่ำสุดที่ 918.13 จุด และปรับตัวสูงสุดที่ 938.22 จุด ก่อนปรับตัวลดลงในช่วงท้ายตลาด ดัชนีปิดที่ 926.21 จุด ลบ 5.39 จุด หรือ 0.58%

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย

 

PTT ปิดที่ 263.00 บาท -8.00 (-2.95%)

 

BANPU ปิดที่ 544.00 บาท -22.00 (-3.89%)

 

ADVANC ปิดที่ 126.00 บาท +4.00 (+3.28%)

 

SCC ปิดที่ 267.00 บาท -4.00 (-1.48%)

 

JAS ปิดที่ 1.67 บาท +0.05 (+3.09%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อยากทราบว่างบไตรมาสสามประกาศเมื่อไรคับ PTL ผมถือไว้เยอะมากเลยอยากรู้นะคับขาดทุนกับมันเยอะมาก !_02 !_02 ขอบคุณคับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นไทยปิดร่วง 46.90 จุด ที่ 869.31 จุด ร่วงตามตลาดต่างประเทศ กังวลปัญหาหนี้ยุโรป กดดันเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

 

บรรยากาศ การลงทุนตลาดหุันไทยวันนี้ (3 ต.ค.) ดัชนีปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นทั่วโลก จากความกังวลปัญหาหนี้ยุโรป กดดันเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 885.37 จุด และต่ำสุดที่ 865.95 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 869.31 จุด ลบ 46.90 จุด หรือ 5.12%

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย

 

PTT ปิดที่ 244.00 บาท -16.00 (-6.15%)

 

BBL ปิดที่ 130.50 บาท -10.50 (-7.45%)

 

PTTCH ปิดที่ 90.75 บาท -8.25 (-8.33%)

 

ADVANC ปิดที่ 126.00 บาท -2.00 (-1.56%)

 

CPF ปิดที่ 25.50 บาท -1.25 (-4.67%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปัญหาหนี้กรีซขย่มหุ้นไทยปิดลบ 13 จุด ตามตลาดต่างประเทศ นักลงทุนเทขายกลุ่มแบงก์ลดความเสี่ยง

 

บรรยากาศ การลงทุนตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (4 ต.ค.) ดัชนีแกว่งตัวผันผวน โดยเปิดตลาดภาคเช้าดัชนีรีบาวน์ 8 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 877.97 จุด สวนทิศทางตลาดภูมิภาคเอเซียที่ปรับตัวแดนลบกันถ้วนหน้า จากความกังวลปัญหาหนี้กรีซ ก่อนที่จะมีแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงานและธนาคารออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดตลาดภาคบ่าย ฉุดดัชนีลดลงต่ำสุดแตะที่ 843.69 จุด ก่อนกระเตื้องขึ้นในช่วงท้ายตลาดมาปิดที่ระดับ 855.87 จุด ลบ 13.44 จุด หรือ 1.55%

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย

 

PTT ปิดที่ 242.00 บาท -2.00 (-0.82%)

 

SCB ปิดที่ 97.00 บาท -6.00 (-5.83%)

 

KBANK ปิดที่ 105.50 บาท -6.50 (-5.80%)

 

BBL ปิดที่ 128.50 บาท -2.00 (-1.53%)

 

KTB ปิดที่ 13.40 บาท -0.70 (-4.96%)

 

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลดลงไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ จากปัจจัยลบจากภายนอกประเทศที่ยังกดดัน แม้ในช่วงเปิดตลาดฯดัชนีจะสามารถดีดตัวขึ้นมาในแดนบวกได้ แต่มองว่าเป็นแค่การเทคนิเคิลรีบาวน์หลังปรับตัวลงแรงก่อนหน้านี้

 

ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนระยะยาวสามารถหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นได้เมื่อดัชนีฯลงมาที่ 850 จุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอามาฝากข้อคิดดีนะคับ

Investment Diary

 

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

 

 

นักลงทุนนั้น ว่ากันว่าเป็นคนที่มีความทรงจำสั้นมาก เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเขาจะจำได้ติดตา เช่น วิกฤติที่ทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำอย่างหนักและเหตุผลที่ทำให้เกิดวิกฤตินั้น เมื่อเวลาผ่านไป บางทีก็ไม่นานนัก พวกเขาก็จะลืมเหตุการณ์เลวร้ายนั้นรวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น พวกเขาซื้อขายหุ้นโดยไม่สนใจประวัติศาสตร์หรือสนใจน้อยมาก นั่นทำให้ประวัติศาสตร์การเงิน “ซ้ำรอย” ครั้งแล้วครั้งเล่า เราไม่เคยเรียนรู้จากประวัติศาสตร์โดยเฉพาะเมื่อมันผ่านไปนานแล้ว

 

เพื่อที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต เราจำเป็นที่จะต้องรู้ว่ามันเกิดความผิดพลาดขึ้น ในเรื่องอื่นๆนั้น ความผิดพลาดเป็นเรื่องที่เรามักจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ในเรื่องของการลงทุนนั้น บางทีเราก็ไม่รู้ว่ามันมีความผิดพลาดขึ้น เหตุผลก็คือ มีจิตวิทยาบางอย่างที่อาจจะบดบังความเข้าใจที่ถูกต้องของเรา

 

จิตวิทยาข้อแรก ก็คือ “ดีเป็นเพราะฝีมือเรา แย่เป็นเพราะคนอื่นหรือเรื่องอื่น” หรือที่เรียกว่า Self-Attribution Bias นี่เป็นจิตวิทยาของมนุษย์ทั่วๆไป อย่างเช่นเวลาที่เราเล่นกีฬา ทีมที่ชนะส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าเป็นเพราะฝีมือของทีม แต่เวลาแพ้ บางทีก็โทษกรรมการหรือโทษโชคชะตา ทั้งๆที่ข้อเท็จจริงก็คือ ฝีมือสู้เขาไม่ได้หรือใช้กลยุทธ์ในการแข่งขันที่ผิดพลาด

 

เช่นเดียวกัน เวลาที่เราลงทุนและได้กำไรดีนั้น เรามักจะคิดว่าเป็นฝีมือของเรา แต่เวลาขาดทุน บางครั้งเราก็คิดว่ามันเป็นสาเหตุอื่นหรือโชคร้ายหรือเหตุบังเอิญที่เราไม่อาจคาดได้ การไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเองนั้น ย่อมทำให้เราไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องนั้นได้

 

จิตวิทยาข้อสอง ก็คือสิ่งที่ผมอยากจะใช้สำนวนว่า “ผมว่าแล้ว” นี่คือสิ่งที่คนเราเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะกลับไปอธิบายเหตุผลที่ทำให้มันเกิดขึ้น หรือที่เรียกในทางวิชาการว่า Hindsight Bias นี่เป็นความลำเอียงของจิตใจที่คิดว่าเรา “แน่” เรารู้ว่าอะไรเป็นอะไรทั้งที่เราไม่รู้และเราไม่ได้คิดคาดการณ์เอาไว้ก่อน เรามา “รู้” ก็ตอนที่เราเห็นแล้วว่าอะไรมันเกิดขึ้น วิธีที่จะแก้ปัญหาความลำเอียงข้อนี้ก็คือ การจดบันทึกสิ่งที่เราคิดหรือคาดการณ์ไว้ก่อน เมื่อเกิดผลลัพธ์ขึ้น เราก็จะได้รู้ว่าเราคิดถูกหรือคิดผิด

 

ในกรณีของการลงทุนนั้น เราจะเรียกมันว่า Investment Diary นี่ก็คือไดอารี่ที่เราจะจดบันทึกเกี่ยวกับความคิดหรือการวิเคราะห์ของเราในการลงทุนในหุ้นหรืออื่นๆ การซื้อหุ้นแต่ละตัวเราจะบันทึกว่าอะไรคือเหตุผลที่เราซื้อหุ้นตัวนั้น

 

เมื่อเราจดบันทึกเหตุผลของการลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์ตัวไหนแล้ว เราก็รอผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ภาพที่ออกมานั้น สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็นสี่แบบด้วยกันดังต่อไปนี้

 

แบบที่หนึ่งในกรณีที่เราได้กำไร การลงทุนประสบความสำเร็จ และเหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจลงทุนถูกต้อง เช่น เราลงทุนในหุ้น ก. เพราะเราเชื่อว่ากำไรของบริษัทนี้กำลังเติบโตก้าวกระโดดในไตรมาสหน้า และจะเติบโตต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 3-4 ปี โดยที่ราคาหุ้นที่เห็นนั้นยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับพื้นฐานที่กำลังดีขึ้น และราคายังต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก เราก็จดบันทึกไว้ หลังจากนั้น เมื่อกำไรในไตรมาสถูกประกาศออกมาก็เป็นจริงดังคาด และดูแล้วอนาคตก็น่าจะยังโตต่อเนื่อง ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปในระดับหนึ่งประมาณ 20% ซึ่งสอดคล้องกับกำไรที่ดีขึ้น

 

ถ้าเป็นแบบนี้ เราอาจจะสรุปได้ว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ขายหุ้นออกไปเพราะเราเชื่อว่ากำไรจะยังเติบโตดีมากอยู่และในอนาคต ราคาก็จะยังปรับตัวขึ้นไปได้อีกมาก ในภาษาของนักลงทุนเรา “Right for the right reason” เราถูกต้อง นั่นอาจจะหมายความว่าเรามีฝีมือ

 

แบบที่สอง ในกรณีที่เราได้กำไร การลงทุนประสบความสำเร็จ แต่เหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจนั้นกลับไม่ถูกต้อง เช่น เราลงทุนในหุ้น ข. เพราะเราคิดว่ากำไรในไตรมาสหน้าจะดีมาก เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง บริษัทได้ประกาศแจกวอแร้นต์ฟรีจำนวนมาก ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปอย่างแรง เราขายหุ้นทิ้งได้กำไรงดงาม อย่างไรก็ตาม งบรายไตรมาสที่ประกาศออกมาภายหลังพบว่า กำไรของบริษัทลดลงมาก

 

แบบนี้เราเรียกว่า “Right for the wrong reason” เราซื้อหุ้นถูกตัวด้วยเหตุผลที่ผิด พูดง่ายๆเราประสบความสำเร็จเพราะโชคไม่ใช่ฝีมือ อย่าหลอกตัวเองว่าตนเองเก่ง

 

แบบที่สาม ในกรณีที่เราขาดทุน การลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ เหตุผลในการลงทุนของเราผิด เช่น เราคิดว่าบริษัท ค. กำลังจะมีผลประกอบการที่ดี เราซื้อหุ้นลงทุน ผลประกอบการออกมาปรากฏว่าบริษัทขาดทุนอย่างหนัก ราคาหุ้นตกต่ำลงมามาก เราขายหุ้นทิ้ง

 

ในกรณีนี้เรียกว่าเรา “Wrong for the wrong reason” เราลงทุนผิดเพราะเราวิเคราะห์ผิด เราจำเป็นต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดนี้

 

แบบที่สี่ ในกรณีที่เราขาดทุน การลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ แต่เหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจลงทุนนั้นถูกต้องเป็นไปตามคาด เช่น เราซื้อหุ้น ง. เพราะคิดว่ากำไรของบริษัทในไตรมาสที่กำลังมาถึงนั้นจะเติบโตขึ้น เมื่องบไตรมาสถูกประกาศออกมาปรากฏว่ากำไรของบริษัทก็ปรับเพิ่มขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกัน ตลาดหุ้นเกิดภาวะวิกฤติอันเป็นผลมาจากต่างประเทศ ราคาหุ้น ง. ตกลงอย่างหนัก เราขาดทุนแต่เป็นเพราะว่าโชคไม่ดี ไม่ใช่เพราะเราคิดผิด เรา “Wrong for the right reason”

 

ด้วยการบันทึกเหตุผลของการตัดสินใจลงทุนลงใน Investment Diary และศึกษาผลลัพธ์ในสี่กรณีดังกล่าว เราก็จะได้รู้ว่า เราประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวและด้วยเหตุผลใด เรามีฝีมือหรือเราไม่เก่งเลย เราโชคดีหรือโชคร้าย สิ่งนี้จะทำให้เราสามารถเรียนรู้จากประวัติการลงทุนของเราได้อย่างถูกต้อง

 

โดยส่วนตัวผมเองนั้น ผมยอมรับว่าไม่เคยจดบันทึกเหตุผลการลงทุนลงในไดอารี่ แต่ก็เชื่อว่าตนเองจำได้ว่าลงทุนในหุ้นแต่ละตัวด้วยเหตุผลใด ผมคิดว่าผมจำได้เพราะลงทุนในหุ้นไม่กี่ตัว สำหรับ VI นั้น ผมคิดว่าการจดบันทึกเป็นสิ่งที่ดี เหนือสิ่งอื่นใด จอร์จ โซรอส บอกว่า เขาบันทึกความคิดของเขาแบบ Real-Time นั่นคือ อาจจะพูดลงในเทป เขาบอกว่ามันทำให้การลงทุนของเขาดีขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ

 

Investment Diary

 

โลกในมุมมอง Value Investor

 

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

 

15 พฤษภาคม 2553

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นไทยปิดบวก 7.20 จุด ที่ 862.65 จุด ขานรับยุโรปเล็งออกมาตรการอุ้มแบงก์ฝ่าวิกฤติหนี้กรีซ

 

บรรยากาศ การลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (5 ต.ค.) ดัชนีรีบาวน์ตามตลาดหุ้นสหรัฐ และยุโรป ขานรับยุโรปเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือสถาบันการเงินกรณีที่ได้รับผลกระทบจาก ปัญหาหนี้กรีซซึ่งส่อแววผิดนัดชำระหนี้ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีต่ำสุดที่ 857.11 จุด และสูงสุดที่ 873.85 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 862.65 จุด บวก 7.20 จุด หรือ 0.84%

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย

 

PTT ปิดที่ 250.00 บาท +8.00 (+3.31%)

 

KTB ปิดที่ 13.30 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

 

KBANK ปิดที่ 105.50 บาท +1.00 (+0.96%)

 

SCB ปิดที่ 97.25 บาท +0.50 (+0.52%)

 

PTTCH ปิดที่ 90.75 บาท -1.00 (-1.09%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...