ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ใครเล่นสั้นๆก็ระวังนิดนึงนะครับ เพราะเขาสรุปกันมาว่าเจ้ามือไม่เคยยอมปล่อยให้ทองและเงินขึ้นสองวันติดกัน

 

Werewolves of London never allow a 2 day rally in Silver/Gold

 

http://fortwealth.com/blog/?p=3595

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ที่ปรึกษา ศก.โอบามา ชี้ภาวะ “ชัตดาวน์” ทำจีดีพีมะกันลดลง 0.25% - บั่นทอนการจ้างงาน 120,000 ตำแหน่ง blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 ตุลาคม 2556 16:58 น.

 

 

 

blank.gif 556000013887901.JPEG เจสัน เฟอร์แมน ประธานสภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ(CEA)ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา blank.gif เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - การปิดตัวบางส่วนของหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯนาน 16 วันในเดือนนี้ จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีการเติบโตลดลงราว 0.25 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และยังบั่นทอนการจ้างงานกว่า 120,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยของที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดีบารัค โอบามา

 

เจสัน เฟอร์แมน ประธานสภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ (CEA) ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เผยในวันอังคาร (22) ระบุว่า ภาวะชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นนานต่อเนื่องกันถึง 16 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น นอกจากจะส่งผลกระทบต่อยอดการค้าปลีกภายในประเทศ ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ รวมถึงยอดการทำธุรกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์แล้ว การปิดตัวบางส่วนของหน่วยงานรัฐบาลกลางที่เกิดขึ้นยังจะส่งผลให้อัตราการ เติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ปรับตัวลดลงกว่าที่ควรจะเป็นอีกราว 0.25 เปอร์เซ็นต์ และยังทำให้ศักยภาพในการจ้างงานหายไปจากระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถึงกว่า 120,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม

 

เฟอร์แมน วัย 43 ปี ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานซีอีเอแทนที่อลัน ครูเกอร์ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมายังระบุว่า ในความเป็นจริงแล้ว สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบทั้งหมดที่กล่าวมาได้ หากบรรดานักการเมืองในสภาคองเกรสสามารถตกลงประนีประนอมกันได้ในเรื่องของ กฎหมายงบประมาณ โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ แทนที่จะมุ่งแต่การเอาชนะกันทางการเมือง

 

“สหรัฐฯ ต้องเผชิญวิกฤตชัตดาวน์อย่างไม่จำเป็น และต้องถลำเข้าไปยืนอยู่ตรงขอบเหวแห่งหายนะทางเศรษฐกิจเพียงเพราะความขัด แย้งของนักการเมืองในสภาคองเกรส ซึ่งไม่สมควรจะเกิดขึ้นซ้ำอีก” เฟอร์แมนซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮา วาร์ดและเคยเป็นผู้ช่วยของนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง “โจเซฟ สติกลิตซ์” กล่าว

 

ในอีกด้านหนึ่ง การปรับตัวลดลงของจีดีพีไตรมาสสุดท้ายที่ประธานซีอีเอคาดว่าจะลดลงราว0.25 เปอร์เซ็นต์นั้น ถือเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของบรรดานักวิเคราะห์จากหลายสำนักก่อน หน้านี้ รวมถึงรัสเซลล์ ไพรซ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากอเมริกาไพรส์ ไฟแนนเชียล อิงค์ ในเมืองดีทรอยต์ที่ระบุ ภาวะชัตดาวน์นาน 16 วันในเดือนตุลาคม จะส่งผลให้อัตราการเติบโตของจีดีพีสหรัฐฯ ช่วงไตรมาสที่ 4 หายไปราว 0.5 เปอร์เซ็นต์

 

ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยว่า อัตราการว่างงานของสหรัฐฯล่าสุดในช่วงก่อนเกิดภาวะชัตดาวน์นั้นอยู่ที่ราว 7.2 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นระดับการว่างงานที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2008 เป็นต้นมาแต่ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขว่า หลังเกิดภาวะชัตดาวน์นานมากกว่าครึ่งเดือนในเดือนตุลาคม จะเกิดผลกระทบต่ออัตราว่างงานโดยรวมของประเทศมากน้อยเพียงใด

556000013887902.JPEG blank.gif

556000013887903.JPEG blank.gif

556000013887904.JPEG blank.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

7 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

ดอลล่าร์เจอศึกหนักจากซาอุฯ

 

ที่ผ่านมาได้เขียนให้เห็นภาพมาตลอดว่าปัจจัยหลายอย่างที่กำลังประดังเข้ามา ที่จะทำให้ดอลล่าร์ไม่เป็นเงินสกุลหลักของโลกอีกต่อไป และท่าทีของซาอุดิ อาราเบียที่ไม่เอาอเมริกาแล้ว จะเป็นการซ้ำเติมดอลล่าร์ให้หมดสภาพเงินสกุลหลัก เร็วยิ่งขึ้น ที่ผ่านมาซาอุฯเป็นหัวใจของระบบเปโตรดอลล่าร์ คือเป็นผู้นำในการขายน้ำมันแลกเปลี่ยนดอลล่าร์อย่างเดียวตั้งแต่ปี1972-1973 ทำให้กลุ่มโอเปคทำตาม เพื่อแลกความคุ้มครองทางทหารและความมั่นคงจากสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ทำให้ดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักเพราะทุกประเทศต้องสำรองดอลล่าร์ เพื่อซื้อน้ำมัน ทำให้มีดีมานด์ดอลล่าร์ สหรัฐฯเลยพิมพ์เงินดอลล่าร์กระดาษสบายมือให้โลกใช้ แลกกับทรัพยากรจากประเทศอื่นๆ แต่พอมีเรื่องซีเรียขึ้นมา และสหรัฐฯไม่หนุนซาอุฯเหมือนเดิมทำให้ ซาอุฯเลยยั่วสุดกำลังปรับความสัมพันธ์ทุกอย่างกับสหรัฐฯในเชิงลบ ที่น่าจับตามองมากที่สุดคือเรื่องpetrodollar ถ้าซาอุฯจะไม่ขายน้ำมันเป็นดอลล่าร์ โดยจะแลกเป็นทอง หรือหยวน หรือเงินสกุลอื่นๆจะทำให้ระบบPetrodollarล่ม เพราะประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องสำรองดอลล่าร์เหมือนเดิม ในเมื่อไม่มีดีมานด์ดอลล่าร์ ดอลล่าร์จะอ่อนค่า ถูกเทขาย สหรัฐฯต้องซื้อของใช้จากประเทศอื่นๆแพงขึ้น ดอลล่าร์หมดความสำคัญลง จีนกำลังสร้างเปโตรหยวนมาแทน ซื้อขายน้ำมันเป็นหยวนเพราะว่าจีนกลายเป็นผู้นำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลกและ ค้าขายใหญ่ที่สุดในโลกแทนสหรัฐฯไปแล้ว

 

สรุปปัจจัยเร่งให้ดอลล่าร์หมดสภาพคือ

 

1.ซาอุฯเลิกเปโตรดอลล่าร์ ขายน้ำมันเป็นทอง หรือ หยวน หรือยูโร

 

2. จีนเริ่มเปรโตรหยวน หนามยอกหนามบ่ง

 

3. จีนทำสว๊อปหยวนกับประเทศคู่ค้า

 

4. ประเทศอื่นๆเช่นเกาหลีทำสว๊อปวอนกับประเทศคู่ค้า ลดดีมานด์ดอลล่าร์

 

5. หนี้ในงบสหรัฐฯ$17 ล้านล้าน ลดไม่ได้ หนี้นอกงบ$200ล้านล้านไม่มีทางจ่ายได้

 

6. การเมืองวอชิงตันถึงทางตัน

 

7. เฟดทำคิวอีตลอดกาล ทำให้ดอลล่าร์เสื่อมค่า ในที่สุดดอลล่าร์จะไร้ค่า

 

8. ดอกเบี้ยสหรัฐฯ 0%คงได้ไม่นาน เวลาดอกเบี้ยขึ้น เศรษฐกิจและระบบการเงินจะพังอีกรอบ ตอนนี้ฟองสบู่การเงินโตกว่าปี2009เป็นเท่าตัวทั้งๆที่เงินปันผลไม่ได้โตตาม

 

9. ประเทศอื่นๆกำลังลดการซื้อบอนด์สหรัฐฯ เพราะไม่มั่นใจการเมืองเบี้ยวหนี้ของสหรัฐฯ ทำให้เหลือเฟดเจ้าเดียวที่จะต้องซื้อบอนด์สหรัฐแต่เพียงผู้เดียว ทำให้Marc Faber บอกว่าคำถามที่ถูกต้องไม่ใช่ว่าเฟดจะลดคิวอีเมื่อใด แต่เมื่อใดเฟดจะเพิ่มการพิมพ์เงินเป็น$150,000ล้านต่อเดือน, $200,000ล้านต่อเดือน หรือ $1ล้านล้านต่อเดือน

 

10.จีนและบริกส์จะสร้างระบบการเงินมาตรฐานทองคำแข่งระบบดอลล่าร์กระดาษ ทำให้ดอลล่าร์ยิ่งหมดความน่าเชื่อถืออย่างเร็ว

 

ยังมองไม่เห็นว่าสหรัฐฯจะแก้เกมดอลล่าร์เข้ามุมอับอย่างไร แต่แผนการbail in และการ เลิกfunny moneyของเฟดน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ไม่งั้นเวลาดอลล่าร์พังจากปัจจัยที่กล่าวมา สหรัฐฯจะหมดตัวแบบไม่เหลืออะไรเลย ตั้งลำใหม่จะลำบาก เตะกระป๋องปัญหาเพดานหนี้ไปถึงวันที่7 กุมภพันธ์ปีหน้าไม่ได้แก้ปัญหาหนี้แต่ประการใด ทุกอย่างกำลังงวดเข้ามาทุกที

 

thanong

23/10/2013

 

 

 

1385846_168324273363955_944943315_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

8 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

ซาอุดิอาระเบียประกาศปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ครั้งใหญ่กับสหรัฐ

 

 

ปัญหาขัดแย้งทางการทูตระหว่างสหรัฐกับซาอุดิอาระเบีย กำลังเด่นชัดและพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆจนอาจเป็นภัยคุกคามต่อหนึ่งในพันธมิตรหลักของตะวันออกกลาง และสถานะความเป็นผู้นำในภูมิภาคของสหรัฐ

 

ความร้าวฉานที่มองเห็นได้ชัด คือการที่เจ้าชายบันดาร์ บิน สุลต่าน อัล ซาอุด ผู้อำนวยการข่าวกรองของซาอุดิอาระเบีย ประกาศถอนความร่วมมือกับสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐ หรือ CIA เนื่องจากสหรัฐนิ่งเฉย ไม่ยอมใช้ปฏิบัติการทางทหารตอบโต้การใช้แก๊สพิษในซีเรีย เมื่อเดือนสิงหาคม ซึ่งลงเอยด้วยการที่ประธานาธิบดีอัสซ้าดยอมส่งมอบอาวุธเคมี และนับเป็นรอยร้าวล่าสุด ที่เกิดขึ้นหลังจากซาอุอาระเบียสร้างความตกตะลึงให้กับนักการทูตนานาชาติ ด้วยการปฏิเสธไม่ยอมรับที่นั่งในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่มีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี โดยระบุว่า ต้องการประท้วงระบบสองมาตรฐานของสหประชาชาติ

 

แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับนโยบายของซาอุดิอาระเบีย เปิดเผยว่า จะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดิอาระเบียกับ สหรัฐ เพื่อประท้วงที่สหรัฐนิ่งเฉยต่อสงครามในซีเรีย และพยายามสานความสัมพันธ์กับอิหร่าน โดยเจ้าชายบันดาร์ ตรัสต่อนักการทูตในยุโรปว่า สหรัฐล้มเหลวในการแก้ปัญหาวิกฤติซีเรีย และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ แต่กลับหันไปพัฒนาความสัมพันธ์กับอิหร่านมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังไม่สนับสนุนซาอุดิอาระเบีย ตอนที่เกิดการลุกฮือในบาห์เรน เมื่อปี 2554 อีกด้วย ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่า ท่าทีของเจ้าชายบันดาร์ ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกษัตริย์อับดุลลาห์หรือไม่

 

ในการตัดสินใจไม่รับที่นั่งในคณะมนตรีความมั่นคง เจ้าชายบันดาร์ทรงชี้แจงต่อนักการทูตว่า ต้องการส่งสารให้สหรัฐทราบว่า ซาอุดิอาระเบียไม่พอใจฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโอบาม่า ที่ล้มเหลวในการติดอาวุธให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในซีเรีย แต่ขณะเดียวกัน ก็หันไปญาติดีกับอิหร่านมากขึ้น

 

http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=699494

 

 

 

1379990_168318143364568_1351170319_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะคุณส้มโอมือที่นำข่าวสารดีดีมาฝากพวกเราทุกวันเลย

อ่านแล้วได้ความรู้เรื่องเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ

 

ขอบคุณนะค่ะ

:D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในระดับโลก Professor Puett ชี้ให้เห็นว่าความคิดตะวันตกซึ่งตั้งอยู่บนสมมติฐานว่ามนุษย์เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีเหตุผล (rational actor) นั้นคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงขณะที่ปรัชญาจีนโบราณเชื่อว่า ธรรมชาติของมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่มีความประณีตและละเอียดอ่อนทางอารมณ์และพฤติกรรม

เมื่อวัฒนธรรมตะวันตกตั้งอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานที่ผิดพลาด คนตะวันตกจึงทึกทักไปเองว่า ประชาธิปไตย และระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรี เป็นคำตอบสุดท้ายที่ถูกต้องในตัวของมันเอง โดยไม่มีจุดอ่อนให้ต้องปรับปรุงแก้ไข

ในระดับส่วนตัว Professor Puett สอนให้นิสิตเลิกคิดแบบบวกลบคูณหาร เลิกคิดว่าตัวเองเป็นเพียง “วัตถุดิบ” หรือ “สินค้า” ในตลาดเศรษฐกิจ เลิกคิดแบบมี “เหตุผล” อย่างคนสมัยใหม่ เลิกคิดว่าจะต้องทำงานอะไรจึงจะได้เงินเดือนเยอะที่สุด เรียนวิชาอะไรจะทำเงินได้เยอะที่สุด จะวางแผนอย่างไรตั้งแต่ตอนนี้เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ต้องการในอีกยี่สิบปีข้างหน้า ฯลฯ ในเมื่อจวงจื๊อบอกว่า ใครจะไปรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพรุ่งนี้หรือในอีกยี่สิบปี เราไปกำหนดตัวเอง ไปผูกมัดตัวเองเพื่ออะไรกัน

ปรัชญาจีนเตือนสติเราสามข้อ ซึ่งตรงข้ามกับวิธีคิดแบบบวกลบคูณหารของตะวันตก

ข้อแรก คือ สอนให้เรา “เปิดใจ” รับโอกาสใหม่ๆ ที่เข้ามาทุกขณะ ไม่จำเป็นต้องวางแผนระยะยาว ไม่จำเป็นต้องบวกลบคูณหารคุ้มทุนหรือขาดทุนเมื่อเราเปิดใจให้กว้าง เราอาจพบโอกาสหลายอย่างที่เราไม่ทันคาดคิดเราอาจรู้จักตัวเองมากขึ้นว่าเราชอบอะไร รู้สึกสดชื่นมีพลังเมื่อทำอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราคอยสังเกตตัวเอง

ข้อสอง คือ เราทุกคนสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้ เราเกิดมาพร้อมพรสวรรค์บางอย่างก็จริง แต่เราอาจไม่ได้รู้สึกมีความสุขแค่ตรงนั้น เราอาจรู้สึกสดชื่นเปี่ยมพลังเมื่อได้ลองทำอะไรใหม่ๆ เพียงแต่เราต้องให้โอกาสตัวเอง และคอยสังเกตว่าเรารู้สึกอย่างไรเมื่อใด เราไม่จำเป็นต้องเดินตามเส้นทางบางเส้นเพียงเพราะมันดูมี “เหตุผล” (เช่น จบฮาร์วาร์ดต้องทำวอลล์สตรีท) เราควรเลือกสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นเปี่ยมพลัง และถ้าสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดูสมเหตุสมผลที่สุดกับความสามารถเดิมที่เรามี ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ เริ่มฝึกฝนพัฒนาตนเอง เพราะการฝึกฝนพัฒนาตนเองนี่แหละที่เป็นแก่นคำสอนของขงจื๊อและเมิ่งจื๊อ

ข้อสาม คือ ทุกๆ การกระทำส่งผลต่อความรู้สึกของตัวเราและคนรอบข้าง เพราะฉะนั้นปราชญ์จีนจึงสอนให้มีสติและกระทำทุกขณะด้วยความเมตตา เพียงเรายิ้ม เราก็จะมีความสุขขึ้นในทันที และเมื่อคนอื่นเห็นรอยยิ้มของเรา เขาเองก็มีความสุขขึ้นในทันทีเช่นเดียวกัน

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/china/20131024/538200/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักวิทย์เจออนุภาคในใบยูคาลิปตัสชี้ใต้ดินมีทอง blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 ตุลาคม 2556 10:59 น.

 

 

 

blank.gif

blank.gif blank.gif blank.gif blank.gif 556000013922901.JPEG blank.gif blank.gif blank.gif blank.gif ต้นยูคาลิปตัสดึงอนุภาคทองจากใต้ดินขึ้นไปตามท่อน้ำเลี้ยงสู่กิ่งก้านและใบไม้ (บีบีซีนิวส์) TabOver.gif คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น 556000013922902.JPEG

blank.gif blank.gif นักวิทยาศาสตร์จากออสเตรเลีย เจออนุภาคทองในใบยูคลิปตัส บ่งชี้ลึกลงไปใต้ดินมีสมบัติฝังอยู่ เชื่อจะเป็นวิธีใหม่ในการค้นหาตำแหน่งโลหะอันเป็นที่ปรารถนา แต่ยากจะค้นเจอ

 

งานวิจัยดังกล่าวตีพิมพ์ลงวารสารเนเจอร์คอมมูนิเคชันส์ (Nature Communications) อ้างตามรายงานของบีบีซีนิวส์ ซึ่ง ดร.เมล ลินเทิร์น (Dr.Mel Lintern) นักธรณีเคมีจากองค์การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมเครือจักรภพ (Commonwealth Scientific and Industrial Research Organisation: CSIRO) ออสเตรเลีย ระบุว่า ต้นยูคาลิปตัสช่วยให้การค้นหาโลหะอันมีค่าที่ฝั่งอยู่ในตะกอนดินหรือเนิน ทรายลึกลงไปหลายสิบเมตรได้

 

ทั้งนี้ พบอนุภาคทองอยู่รอบๆ ดินใต้ต้นยูคาลิปตัส และนักวิจัยยืนยันว่า ต้นไม้ชนิดนี้ได้ดูดซึมธาตุโลหะดังกล่าว โดยเมื่อใช้รังสีเอกซ์จากเครื่องซินโครตรอน พวกเขาก็ได้รายละเอียดที่ชัดเจนของทองคำ ซึ่งพวกเขาได้พบร่องรอยของอนุภาคทองในใบ กิ่งและเปลือกไม้ของยูคาลิปตัสบางต้น แต่ปริมาณของโลหะล้ำค่าดังกล่าวมีเพียงน้อยนิด

 

“เราได้คำนวณและพบว่าต้องใช้ต้นยูคา 500 ต้น เพื่อดูดซึมทองขึ้นมาให้มากพอที่จะเก็บทองจากต้นไม้ไปทำแหวนทองคำหนึ่งวง” ดร.ลินเทิร์นกล่าว แต่การปรากฏของอนุภาคทองก็ชี้ว่ามีปริมาณทองมหาศาลฝั่งอยู่ลึกลงไปมากกว่า 30 เมตร

 

ดร.ลินเทิร์นกล่าวว่า เขาเชื่อว่า ต้นยูคาลิปตัสทำหน้าที่คล้ายปั้มไฮโดรลิค ซึ่งนำน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตขึ้นมาจากราก และขณะที่ทำเช่นนั้นก็ได้ดึงเอาทองคำบางส่วนที่ละลายน้ำผ่านระบบท่อน้ำ เลี้ยงขึ้นมายังใบด้วย ซึ่งปัจจุบันเราพบทองจากที่โผล่พ้นดินขึ้นมา หรือไม่ก็ตรวจพบผ่านอุปกรณ์ขุดสำรวจ แต่นักวิจัยกล่าวว่า การวิเคราะห์ต้นไม้จะช่วยให้ได้วิธีที่ดีกว่าในการค้นหาทองคำที่ยังไม่ถูก ขุดขึ้นมา

 

ไม่เพียงเพราะการวิเคราะห์อนุภาคทองคำจากต้นไม้จะถูกกว่าวิธีเดิมที่ มีค่าใช้จ่ายแพง แต่วิธีดังกล่าวยังทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า เพราะใช้ตัวอย่างจากต้นไม้เพียงเล็กน้อย รวมถึงไม้ใบและกิ่งไม้ที่ร่วงลงพื้นก็นำมาวิเคราะห์ได้ อีกทั้งเทคนิคนี้ยังใช้เพื่อหาแร่ธาตุอื่นๆ อย่างเหล็ก ทองแดง ในพื้นที่อื่นๆ ของโลกได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดูสงครามการเงิน จีน-สหรัฐฯ (ตอนที่ 1) blank.gif โดย สิริอัญญา 28 ตุลาคม 2553 16:05 น.

 

 

 

blank.gif

ได้อ่านบทความของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เรื่องสงครามการเงินแล้ว ก็ต้องขอบอกกล่าวแก่คนทั้งปวงว่าเนื้อหาและน้ำหนักของบทความเรื่องนี้จะเป็น ข้อมูลความรู้และความเข้าใจที่จะเป็นประโยชน์ต่อการรับรู้และรับมือกับ สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

 

อาจารย์ปานเทพนั้นไม่ได้เป็นแค่นักปราศรัยหรือพิธีกรทั่วไปเท่านั้น แท้จริงเป็นผู้จบการศึกษาขั้นสูงในเรื่องการเงิน มีความรู้และสติปัญญาในเรื่องนี้เป็นอันมาก เคยเป็นหนึ่งในคณะที่ต่อสู้ทางความคิดในรัฐบาลพรรคความหวังใหม่ เพื่อไม่ให้มีการปกป้องค่าเงินบาทมาแล้ว

 

เสียดายนักที่ความคิดเห็นที่ถูกต้องพ่ายแพ้แก่ความคิดเห็นที่ผิด จนเป็นเหตุให้ชาติพินาศยับเยินในปี 2540 นั่นเพราะเป็นวิสัยของคนมีอำนาจที่จะหลงเชื่อแต่เฉพาะผู้ที่มีหน้าที่เฉพาะ และมีภาพลักษณ์ว่าทรงปัญญาวิชาคุณในเรื่องการเงิน

 

เป็นความเชื่อที่ผิดและขัดกับคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าในกาลามสูตร และเพราะเชื่อผิดๆ เช่นนั้น รัฐบาลนั้นก็พินาศลง ชาติและเศรษฐกิจ ตลอดจนประชาชนก็พากันพินาศยับเยินตามไปด้วย

 

ก่อนอื่นต้องขอบอกกล่าวว่าขณะนี้สงครามการเงินเกิดขึ้นแล้วในโลก จะมีปริมณฑลความหนักหน่วงและรุนแรงไม่ต่างกับสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นแต่มันจะเกิดขึ้นในมิติเศรษฐกิจการเงินการคลังของประชาคมโลกและประชา ชาติทั่วโลก

 

มันเป็นสงครามการเงินที่เกิดขึ้นระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ คืออเมริกากับจีน ซึ่งความจริงก็ขับเคี่ยวกันมาช้านานแล้ว ทั้งด้านการทหาร การเมือง วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ

 

ในวันนี้ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าอเมริกาได้พ่ายแพ้ในทุกแนวรบ จนทำให้กระแสลมตะวันออกตีกลับพัดกลบลมตะวันตก ดังที่ประธานเหมาเจ๋อตงเคยกล่าวไว้ก่อนปลดแอกประกาศจีนว่า สักวันหนึ่ง “ตังฮวงเซียะต่อไซฮวง” ซึ่งแปลว่าลมตะวันออกจะพัดกลบลมตะวันตก”

 

ทว่าในสงครามการเงินนั้นอเมริกาครองโลกมาช้านานแล้ว เงินสกุลดอลลาร์ของอเมริกามีฐานะยิ่งใหญ่และเกรียงไกรที่สุดในโลกมาช้านาน นับแต่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงจนบัดนี้

 

มีความเข้มแข็งเกรียงไกรถึงขนาดว่ารัฐบาลอเมริกาสามารถเอากระดาษมา พิมพ์เป็นเงินให้มีค่าตามที่ตราไว้ โดยไม่ต้องมีทรัพย์สินใดหนุนหลัง ผิดกับชาติทั้งปวงที่จะพิมพ์ธนบัตรออกใช้ได้ก็ต้องมีสินทรัพย์ค้ำประกันหนุน หลัง ไม่ว่าทองคำ หรือเงินตราต่างประเทศที่เชื่อถือได้ หรือตราสารของรัฐบาลต่างประเทศก็ตาม

 

อเมริกาได้ประกาศความยิ่งใหญ่เกรียงไกรทางการเงินของตนโดยพิมพ์เงิน ดอลลาร์ออกใช้ได้อย่างไม่จำกัด โดยไม่มีหลักประกันใดๆ เพียงแค่พิมพ์ข้อความไว้ในธนบัตรนั้นว่า In God We Trust ซึ่งแปลว่าเราเชื่อในพระเจ้า นั่นคืออเมริกาตั้งตนเป็นพระเจ้าทางการเงินของโลก

 

แท้จริงแล้วหาได้มีความเชื่อใดๆ ในพระเจ้าดังที่กล่าวอ้างไว้ในธนบัตรนั้นไม่! มิฉะนั้นไหนเลยจึงมีการใช้เงินดอลลาร์ในการทำสงครามรุกรานฆ่าฟันเผ่าพันธุ์ มนุษย์ในหลายปริมณฑลทั่วโลกมานานนับศตวรรษแล้ว

 

ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครปฏิเสธเงินดอลลาร์สหรัฐได้ ขบวนการก่อการร้ายที่เป็นปรปักษ์กับอเมริกาหรือประเทศศัตรูคู่ต่อสู้ก็ยัง ต้องยอมรับดอลลาร์ของอเมริกา กระทั่งบางทีก็ถือว่าเป็นพระเจ้าเงินตราจริงๆ

 

หลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาขึ้นแล้ว ก็ถูกหมายหัวว่าประเทศนี้จะเป็นคู่แข่ง จะเป็นคู่ต่อสู้ และจะเป็นคู่ปรปักษ์ในอนาคตกาล และบัดนี้แม้ภายนอกจะเจรจาต้าอ่วยโอภาปราศรัยกันเป็นอันดี แต่แท้จริงการต่อสู้นั้นมาถึงขั้นที่มีการกำหนดแผนการ “เพนตากอน” ระดับต่างๆ จนกระทั่งมาถึงระยะที่ถูกกำหนดความเป็นศัตรูกันแล้ว

 

เพราะเหตุนี้หลังจากสงครามเย็นสิ้นสุดลง มาจนถึงการล่มสลายของมหาอาณาจักรโซเวียต อเมริกาจึงได้ตั้งตนเป็นมหาอำนาจเดี่ยวของโลกในทุกทาง

 

แต่ไม่นานนักภายใต้ลัทธิบริโภคนิยมที่เป็นประหนึ่งกองไฟซึ่ง กระหายฟืนไม่มีที่สิ้นสุด และความมานะถือตนว่าเป็นเจ้าโลกได้ทำให้อเมริกามีรายจ่ายที่ไม่ก่อรายได้ เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งทำให้เป็นประเทศที่เป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นลูกหนี้ประเภทที่ไม่มีหลักประกันใดๆ

 

จีนแม้ประสบปัญหาภายในมากมาย แต่หลังการปฏิวัติวัฒนธรรมสิ้นสุดลง ธงสี่ทันสมัยของเติ้งเสี่ยวผิงที่ถูกชูขึ้นพร้อมกับการเปิดประเทศและการ ปฏิรูปใหญ่ประเทศจีนก็เกิดขึ้น เศรษฐกิจจีนได้เติบโตอย่างมีจังหวะก้าวและมีเสถียรภาพยิ่ง มีอัตราเร่งที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และขยายขอบข่ายไปทั่วโลก แม้ในหลายประเทศที่อิทธิพลทางการเงิน ทางการเมือง ของอเมริกาไปไม่ถึง จีนก็ไปได้ทั่วถึง

 

ทำให้อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนก้าวรุดหน้าอย่างขนานใหญ่ เศรษฐกิจสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีนภายใต้การชี้นำของลัทธิมาร์กซ์-เล นิน ความคิดของเหมาเจ๋อตงและทฤษฎีของเติ้งเสี่ยวผิง เจียงเจ๋อหมิน และหูจิ่นเทา ได้นำพาประเทศจีนท่องไปทั่วทุกปริมณฑลของโลกและในทุกมิติ

 

จนวันนี้จีนเป็นประเทศที่มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ มากที่สุดและขยายตัวมากที่สุดเป็นลำดับสองของโลก แต่ทว่าที่จริงก็คือลำดับหนึ่งของโลก เพราะลำดับหนึ่งคืออเมริกานั้นเนื้อแท้ภายในกลับกลวงโบ๋ เพราะความเป็นลำดับหนึ่งตั้งอยู่บนฐานะที่เป็นลูกหนี้รายใหญ่ของโลกที่เป็น หนี้ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะเป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดของจีน

 

กว่าสิบปีที่ต่อเนื่องมานี้อเมริกาได้ขาดดุลการค้าให้กับจีนอย่างต่อ เนื่อง และเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนทั่วทั้งอเมริกาดาษดาไปด้วยสินค้าจีน และบริการต่างๆ จากจีน ซึ่งแม้อเมริกาจะพยายามดิ้นรนต่อสู้ประการใด แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์จากการถอยร่นมาสู่การยันได้เลย

 

กระทั่งสถานการณ์ถอยร่นได้เพิ่มอัตราเร่งมากขึ้น จนหลายครั้งฝ่ายนำของอเมริกาจักแหล่นที่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารในการกดดัน จีน แต่ไม่สามารถกระทำการใดๆ ได้ เพราะจีนในวันนี้ไม่ใช่คนป่วยแห่งเอเชียอีกต่อไปแล้ว

 

แต่เป็นสาธารณรัฐของประชาชนที่เป็นหลักประกันสันติภาพของโลก และเป็นสาธารณรัฐที่เป็นหลักต้านยันความอยุติธรรมในทางการค้าให้กับนานา ประเทศ โดยเฉพาะการข่มเหงรังแกในทางการเงิน นี่คือฐานะใหม่ของประเทศจีนในวันนี้

 

เพราะอัตราก้าวหน้าและความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ จีนจึงกลายเป็นแหล่งลงทุนที่ดีที่สุด และให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด รวมทั้งมีความมั่นคงมากที่สุดของโลก ดังนั้นกระแสเงินและกระแสการลงทุนจากทั่วโลกจึงหลั่งไหลมาประเทศจีน อุปมาดั่งกระแสน้ำใหญ่ที่หลั่งไหลจากทั่วโลกเข้าไปรวมอยู่ที่ประเทศจีน

 

ในสภาพเช่นนี้ว่าโดยธรรมดาธรรมชาติย่อมจะส่งผลให้ค่าเงินหยวนของจีน แข็งค่า จนอาจทำให้จีนมีสมรรถนะในการแข่งขันทางการค้า เศรษฐกิจ และการเงินลดลง

 

แต่จีนนั้นได้รับรู้มาตั้งแต่ปี 2540 แล้วว่าในปัญหาค่าเงินนั้นหาใช่ปัญหาทางเศรษฐกิจพื้นฐานแต่อย่างเดียวไม่ หากมีปมใหญ่ใจความคือปัญหาสงคราม

 

ฝ่ายนำของประเทศไทยนี่แหละที่ได้บอกกล่าวกับจีนในปี 2540 ในระหว่างการสนทนาของผู้นำรัฐบาลไทย กับนายกรัฐมนตรีจูหรงจี ที่ฝ่ายจีนได้สอบถามความเป็นไปด้วยความห่วงใยและใคร่รู้สถานการณ์ที่เป็นไป เพราะไทยกำลังย่อยยับเสียยิ่งกว่าเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง

 

ผู้นำรัฐบาลไทยได้แจ้งแก่นายกรัฐมนตรีจูหรงจีในครั้งนั้นว่า การโจมตีค่าเงินบาทไม่ใช่การต่อสู้หรือการแข่งขันในทางการเงินอีกต่อไปแล้ว แต่มันมีลักษณะสงครามที่มีความโหดร้ายและการทำลายล้างที่ไม่ต่างกับสงคราม มันคือสงครามชนิดใหม่ของโลก คือสงครามการเงิน

 

ถ้าผู้นำรัฐบาลไทยทำตามความรู้เหมือนดังที่พูด ประเทศไทยก็คงไม่ย่อยยับถึงปานนั้น แต่น่าเสียดายนักเวลาทำเข้าจริงกลับไม่เชื่อถือสิ่งที่คณะของอาจารย์ปานเทพ ซึ่งนำโดยนายสุรศักดิ์ นานานุกูล เป็นผู้นำธงทางความคิด กลับไปปฏิบัติตามที่พวกมีเถยจิตคิดฉวยโอกาสหาประโยชน์ตน จนชาติไทยต้องล่มจม

 

นายกรัฐมนตรีจูหรงจี ฟังแล้วก็เข้าใจ แต่กล่าวยืนยันด้วยความมั่นใจว่าเมื่อปัญหาการต่อสู้เรื่องค่าเงินเป็นปัญหา สงคราม จีนก็ไม่กลัวเรื่องนี้ เพราะหลักทฤษฎีและประสบการณ์ทางการปฏิบัติในการสงครามในโลกนั้น ความคิดเหมาเจ๋อตงที่ได้นำเสนอยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี กลยุทธ์ การยุทธ์ การรบ ในการสงครามนั้นยังคงทันสมัยและไม่แพ้แก่ผู้ใดในโลก.

 

หมายเหตุ : บทความนี้มีความยาวประมาณ 4 ตอนจบ

 

ดูสงครามการเงิน จีน-สหรัฐ (ตอนที่ 2) blank.gif โดย สิริอัญญา 31 ตุลาคม 2553 16:48 น.

 

 

 

blank.gif TabOver.gif หลังจากการสนทนาระหว่างผู้นำรัฐบาลไทยกับนายกรัฐมนตรีจูหรงจี ครั้งนั้นแล้ว จีนก็ถูกโจมตีค่าเงินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ต่อเนื่องจากการโจมตีค่าเงินในเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย เวียดนาม และอีกหลายประเทศ

 

จีนได้ปฏิบัติการตอบโต้ในสงครามการเงินในครั้งนั้นกับกองทุนใหญ่ 8 กองทุนที่โหมเข้าโจมตีค่าเงินจีน และฮ่องกง อย่างเต็มกำลังอัตราศึก

 

ได้รับทราบจากชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีนในภายหลังว่า ผลการสนทนาดังกล่าวนั้นทำให้มีการปรึกษาหารือกันในฝ่ายผู้นำจีน และได้รับการสนับสนุนทางความคิดในการสงครามจากฝ่ายทหารอย่างเต็มกำลัง

 

ดังนั้นความคิดเหมาเจ๋อตง โดยเฉพาะสรรนิพนธ์ทางการทหารในปัญหาว่าด้วยยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี การยุทธ์ การรบ ในสงคราม จึงถูกนำมาปรับใช้ในสงครามการเงินระหว่างจีนกับ 8 กองทุนใหญ่ อย่างอึกทึกครึกโครมไปทั่วโลก

 

จีนได้กำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์หลักในการรับมือกับสงครามการเงินในครั้งนั้นว่า “จีนจะไม่ลดค่าเงินหยวนเป็นอันขาด”

 

ในที่สุดเมื่อสงครามสิ้นสุดลง กองทุนที่ทำสงครามโจมตีค่าเงินต่อจีนและฮ่องกงพ่ายแพ้ยับเยิน ถึงขั้นล้มละลายไปถึง 5 กองทุน และอีก 3 กองทุนเจ๊งไม่เป็นท่า ส่งผลให้การฟื้นตัวของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศในเอเชียรวมทั้งไทยสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าที่คาดคิด

 

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อเมริกากลายเป็นมหาอำนาจทางทหารที่เข้มแข็งเกรียงไกรฉันใด หลังสงครามการเงินครั้งนี้จีนก็กลายเป็นมหาอำนาจทางการเงินที่เข้มแข็ง เกรียงไกรฉันนั้น

 

สภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ทำให้เงินหยวนของจีนมีความเข้มแข็งมั่น คงมากที่สุดสกุลหนึ่งของโลก และถ้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมาที่สุดก็กล่าวได้ว่าเป็นสกุลเงินที่มีความเข้ม แข็งและมั่นคงมากที่สุด

 

แต่ทว่าสงครามการเงินแม้สงบลงชั่วคราว แต่การปะทะและการต่อสู้ก็ยังคงอยู่และค่อยๆ ยกระดับ ทั้งปริมณฑลและขนาดของความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกอย่างไม่หยุดยั้ง

 

ในการทำสงครามการเงินรอบใหม่นี้ แนวทางยุทธศาสตร์หลักของจีนคือการทำให้เงินหยวนไม่แข็งค่าตามฐานะที่เป็น จริง แต่ให้มีคุณค่าตามฐานะเศรษฐกิจการค้าและพื้นฐานที่เป็นจริงของประเทศจีน

 

ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนประกาศอย่างแข็งกร้าวหลายครั้งว่า จะไม่ยอมให้ใครมาบงการค่าเงินหยวนเป็นอันขาด

 

ผลจากการกำหนดยุทธศาสตร์เช่นนั้น จึงทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่ากว่าความเป็นจริง และตัวเลขล่าสุดที่อเมริกากล่าวหาจีนอย่างรุนแรงคือ จีนฉ้อโกงอเมริกาและประชาคมโลก โดยการทำค่าเงินให้อ่อนกว่าความเป็นจริงถึง 40%

 

หมายความว่าในสภาพที่แท้จริงที่ถ้าค่าเงินหยวนมีอัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวนต่อ 10 บาท แต่ค่าในการแลกเปลี่ยนที่เป็นอยู่แค่ 1 หยวนต่อ 6 บาทเท่านั้น ข้อกล่าวหานี้ถึงแม้อเมริกาจะโหวกเหวกโวยวายโจมตีประการใด แต่จีนก็ยังคงเพิกเฉย

 

อเมริกาได้พยายามกดดันจีนในทุกรูปแบบ แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะนี่คือปัญหายุทธศาสตร์หลักในสงครามการเงินรอบใหม่

 

และภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ว่านี้ จึงทำให้สินค้าและบริการต่างๆ ของจีนที่ขายหรือให้บริการแก่ต่างประเทศมีราคาถูกลงกว่าปกติถึง 40% จึงยิ่งทำให้จีนได้เปรียบทางการค้าต่อประเทศคู่แข่งมากขึ้น โดยเฉพาะกับอเมริกา

 

แต่จีนนั้นเป็นประเทศที่เจนจบพิชัยสงคราม ที่จะไม่ล้อมตีพร้อมกันทั้งสี่ด้าน ดังนั้นจึงเปิดอีกด้านหนึ่งเป็นทางออกให้กับมิตรประเทศ นั่นคือการทำความตกลงใช้เงินหยวนเป็นสกุลเงินกลางในการซื้อขายสินค้าและ บริการระหว่างจีนกับมิตรประเทศ

 

เป็นผลให้หลายประเทศในโลกได้เข้าทำข้อตกลงกับจีน และใช้เงินหยวนเป็นสกุลเงินกลาง ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบในความผันผวนและผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากสงครามทางการเงิน

 

พูดให้ชัดก็คือใครที่ไม่เกี่ยวข้องเป็นคู่สงครามก็มีทางออกทางด้าน นี้ และผลจากทางออกด้านนี้จึงทำให้เงินหยวนของจีนได้แพร่หลายใช้สอยไปในขอบเขต ทั่วโลก จนกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินของโลก ที่สามารถใช้ได้ในทุกประเทศ

 

ประเทศไทยของเราแม้รู้และเห็นทางออกนี้ก็ยังเงื้อง่างุ่มง่ามอยู่ จนทำให้เสียเปรียบในการแข่งขันทางการค้ามากขึ้นทุกที

 

อเมริกาได้สูญเสียส่วนแบ่งฐานะความเป็นประเทศเจ้าเงินตราที่สกุลเงิน ดอลลาร์เคยครองโลกให้กับเงินหยวนของจีนส่วนหนึ่ง และให้กับสกุลเงินยูโรของอียูอีกส่วนหนึ่ง

 

ในวันนี้เงินหยวนไม่ใช่เศษกระดาษที่ญี่ปุ่นเคยใช้ปาหัวคนจีน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองอีกต่อไปแล้ว หากกำลังกลายเป็นมหาอาณาจักรสกุลเงินหนึ่งของโลก คือหยวนเอ็มไพร์ไปเรียบร้อยแล้ว

 

แน่นอนว่าเมื่อจีนมีแนวความคิดว่าการต่อสู้เรื่องค่าเงินหรือการเงิน เป็นปัญหาสงคราม ด้วยเหตุนี้การสร้างพันธมิตร การสร้างแนวร่วม จึงเป็นปฏิบัติการพื้นฐานอย่างหนึ่งของสงครามด้วย

 

ดังนั้นจีนจึงได้สร้างความเป็นพันธมิตรและแนวร่วมกับสกุล เงินยูโรของอียูและสกุลเงินต่างๆ ของทุกประเทศทั่วโลก ทำให้บัดนี้แนวร่วมของหยวนเอ็มไพร์กระจายตัวอยู่ทั่วโลก โดยมีกลุ่มหลักใหญ่คือยูโรของอียู แม้กระทั่งกับอีกหลายสกุลเงินในโลกอิสลามซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอเมริกา

 

เหมาเจ๋อตงเคยกล่าวไว้ในด้านการทหารว่า ซึ่งจะทำสงครามให้ได้ชัยชนะนั้น ปัญหาแนวร่วมและปัญหามวลชนจะเป็นปัญหาพื้นฐานหนึ่งที่ต้องทำให้ดี ดังนั้นในวันนี้เมื่อจีนประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในการสร้างพันธมิตรและแนว ร่วมทางการเงินขึ้นในโลกแล้ว จึงเท่ากับได้สถาปนาความมั่นคงและแนวหลังอันเข้มแข็งเกรียงไกรให้กับหยวน เอ็มไพร์นั่นเอง

 

ในอีกด้านหนึ่ง เมื่ออเมริกาสูญเสียฐานะความเป็นเจ้าโลกแห่งเงินตราไปถึงครึ่งหนึ่งแล้ว ก็ได้สูญเสียพันธมิตรและแนวร่วมไปอย่างกว้างขวางอีกด้วย

 

มันเป็นวิสัยของแนวคิดทุนนิยมที่กลัวความเสี่ยงและกลัวขาดทุน ดังนั้นการเปลี่ยนเงินสำรองจากที่หลายประเทศเคยถือดอลลาร์อย่างเดียว มาเป็นสกุลเงินหยวนหรือยูโรหรือสกุลเงินอื่น แม้กระทั่งสกุลเงินของแคนาดา ก็เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

การเทขายเงินดอลลาร์เพื่อเปลี่ยนมาถือเงินสกุลอื่นในกองทุนสำรองการ เงินของประเทศต่างๆ กำลังก่อเกิดเป็นกระแสใหญ่ของโลก ที่มีผลทำให้เงินดอลลาร์ของอเมริกายิ่งขาดไร้เสถียรภาพและความมั่นคง

 

ในการสงครามทางทหารนั้น การสูญเสียพันธมิตรและแนวร่วมเป็นปัจจัยหนึ่งในการพ่ายแพ้สงครามฉันใด การสูญเสียพันธมิตรและแนวร่วมในทางการเงินก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการพ่ายแพ้ สงครามทางการเงินฉันนั้น

 

คัมภีร์พิชัยสงครามบทหนึ่งระบุว่า ผู้บัญชาการสงครามที่ปรีชาสามารถจะต้องตั้งตนอยู่ในฐานะที่ไม่พ่ายแพ้ก่อน การเอาชัยชนะแม้ด้านหนึ่งขึ้นกับฝ่ายเรา แต่อีกด้านหนึ่งยังคงขึ้นอยู่กับข้าศึก

 

และอีกบทหนึ่งก็ระบุว่า แม้ข้าศึกพ่ายแพ้แล้ว แต่ชัยชนะและปราชัยจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อเราทำให้ข้าศึกนั้นพ่ายแพ้จริงๆ และเรากุมชัยชนะได้จริงๆ

 

ดังนั้น ในวันนี้แม้รูปโฉมของสงครามทางการเงินจะบ่งชี้อนาคตตามหลักการแห่งพิชัย สงครามในทางการทหารแล้ว แต่ชัยชนะและปราชัยในความเป็นจริงในสงครามการเงินยังคงเป็นเรื่องที่ต้องใช้ เวลา และยังต้องมีปฏิบัติการอีกมากหลายว่าผลสุดท้ายจะกลับกลายเป็นอื่นไปหรือไม่

 

การที่ประเทศต่างๆ ขาดความเชื่อมั่นในสกุลเงินดอลลาร์ของอเมริกาและยักย้ายถ่ายเทขายเงิน ดอลลาร์ออกไปเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นมาดำรงไว้ในกองทุนเงินสำรอง ระหว่างประเทศ คือสัญญาณสีแดงสุดที่อเมริกาไม่เคยพบมาก่อน

 

เหมือนกับลูกเศรษฐีที่ไม่เคยพบความยากลำบาก และไม่เคยพบว่าในกระเป๋าตนไม่มีเงิน ครั้นเผชิญหน้ากับภาวะยากลำบาก และล้วงกระเป๋าแล้วมีเงินเหลืออยู่เพียงไม่กี่บาทเป็นอย่างไร ภาวะที่เป็นไปในอเมริกาในวันนี้ก็เป็นอย่างนี้!

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดูสงครามการเงิน จีน-สหรัฐ (ตอนที่ 3) printButton.png emailButton.png บทความ - บทความพิเศษ เขียนโดย สิริอัญญา วันพฤหัสบดีที่ ๐๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เวลา ๑๕:๓๖ น.

 

 

 

 

 

 

ผล จากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐมีเสถียรภาพและความมั่นคงลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดความหวาดวิตกแก่ผู้ถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งในอเมริกาและนอกอเมริกา เป็นผลให้มีการเคลื่อนย้ายทุนออกจากอเมริกาครั้งใหญ่อย่างต่อเนื่อง

 

เป็นธรรมดาของค่าเงินที่ถ้ามีเงินไหลเข้าประเทศใดมาก ค่าของเงินประเทศนั้นก็จะแข็งค่าขึ้น แต่ถ้ามีเงินไหลออกจากประเทศใดมากค่าของเงินประเทศนั้นก็จะอ่อนตัวลง

 

และ เป็นธรรมดาของผู้รับผิดชอบดูแลค่าเงินที่จะต้องหามาตรการและทำทุกวิถีทาง เพื่อฟื้นเสถียรภาพและความมั่นคงให้กลับคืนมา หรือไม่ถ้าหากเห็นว่ามีความสามารถเพียงพอก็จะฉวยโอกาสนั้นเป็นเครื่องมือใน การต่อสู้หรือทำสงครามทางการเงินกับประเทศอื่น

 

อเมริกาก็เช่นเดียวกัน เมื่อเกิดภาวะเงินทุนไหลออก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ไร้เสถียรภาพ ไร้ความมั่นคง และอ่อนค่าลง จึงมีความพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้เสถียรภาพและความมั่นคงกลับคืนมา

 

เพราะเหตุที่ระบบเศรษฐกิจการเงินของอเมริกาเป็นระบบเศรษฐกิจสงคราม คืออาศัยสงครามเป็นรากฐานสำคัญรากฐานหนึ่งในการค้ำจุนและพัฒนาระบบเศรษฐกิจ ของตน

 

ดังนั้นการใช้สงครามเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการฟื้นเสถียรภาพและความมั่นคง ของเงินดอลลาร์สหรัฐจึงเกิดขึ้น และนี่คือที่มาของสงครามยึดครองอิรักลุกลามไปถึงอาฟกานิสถาน และกำลังจ่อเข้าไปในอีกหลายประเทศในโลก

 

ในขณะที่อเมริกาป่าวร้องและอ้างตนเป็นนักสันติภาพของโลกและเป็นตำรวจโลก แต่ในอีกทางหนึ่ง บรรดาสงครามในทุกปริมณฑลของโลกแทบไม่มีที่ใดเลยที่ไม่มีอเมริกาเกี่ยวข้อง คงเหลือแต่ว่าจะเกี่ยวข้องระดับใดเท่านั้น

 

เพราะ เหตุนี้ยิ่งสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีปัญหามากเท่าใด ภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกก็ยิ่งต้องเผชิญกับสงครามมากขึ้นเท่านั้น และโลกก็ยังคงเสี่ยงกับภัยสงครามเพิ่มขึ้นเท่านั้นด้วย

 

ดัง นั้นในวันนี้โลกจึงอยู่ในความเสี่ยงภัยสงครามมากที่สุดอีกยุคหนึ่ง ที่อสูรสงครามอาจแผลงฤทธิ์คร่าชีวิตและทำลายมนุษยชาติอย่างโหดร้ายทารุณและ กว้างขวางเมื่อใดก็ได้ ทำให้ภารกิจในการหยุดอสูรสงครามและธำรงรักษาสันติภาพของโลกเพิ่มความสำคัญ และความจำเป็นมากขึ้น

 

แต่เนื่องจากระบอบทุนนิยมโลกกำลังอยู่ในภาวะล่มสลาย กระทั่งชาวอเมริกันกว่าครึ่งได้สัมผัสกับภยันตรายที่คุกคามความมั่นคงของ มนุษย์อย่างชัดเจนแล้ว จึงยังคงเห็นดีเห็นงามกับการดำรงระบอบเดิมอยู่เพียง 45% เท่านั้น นอกจากนั้นล้วนมีความเห็นดิ้นรนที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบ เป็นแต่ว่ายังหาทางออกไม่พบ และทำให้ความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างหลากหลาย

 

จากความพยายามดิ้นรนเพื่อจะฟื้นฟูเสถียรภาพและความมั่นคงของเงินดอลลาร์ สหรัฐ โดยขยายพื้นฐานเศรษฐกิจสงครามจากสงครามที่เกิดขึ้นในหลายปริมณฑลของโลกนั้น ด้านหนึ่ง แม้ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐสามารถแข็งค่าขึ้นบ้างก็เป็นเฉพาะครั้งเฉพาะคราว แข็งค่าขึ้นแล้วก็อ่อนตัวลงอีก สลับสับเปลี่ยนเช่นนี้มาหลายรอบแล้ว แต่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้อเมริกามีรายจ่ายมหาศาลที่ยากจะหยุดได้

 

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเป็นธรรมดาของสงครามที่ต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวน มหาศาลเกิดขึ้น ดังที่ซุนหวู่กล่าวว่าไม่มีสงครามยืดเยื้อใดที่จะอำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้ทำ สงครามเลย ดังนั้นในท่ามกลางสงครามในหลายปริมณฑลของโลกที่อเมริกาได้เข้าเกี่ยวข้อง กระทั่งได้กลายเป็นคู่สงครามไปเสียเอง จึงได้ก่อเกิดเป็นภาระรายจ่ายจำนวนมหาศาลอย่างต่อเนื่อง และยาวนาน

 

สงคราม ยืดเยื้อยาวนานเท่าใด การเพิ่มขึ้นของรายจ่ายก็ยาวนานเท่านั้น จึงทำให้ปริมาณการขาดดุลการคลังและการเพิ่มภาระหนี้จำนวนมหาศาลเกิดขึ้นกับ อเมริกา จนโรงพิมพ์เงินดอลลาร์สหรัฐต้องทำงานกันไม่มีวันหยุด และเพิ่มการผลิตเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้นทุกทีและไม่มีทางจะหยุดยั้งได้อีก แล้ว

 

มาถึงวันนี้ก็พอที่จะวินิจฉัยได้แล้วว่าเศรษฐกิจสงครามของอเมริกานั้นไม่ สามารถกอบกู้ฐานะทางเศรษฐกิจการเงินการคลังของอเมริกาได้ ซ้ำบังเกิดผลร้ายชนิดที่อเมริกาไม่เคยคาดคิดถึงเลยนับแต่ก่อตั้งสหรัฐ อเมริกามา

 

นอกจากความพยายามผลักดันเศรษฐกิจสงครามแล้ว ยังดำเนินมาตรการอื่นอีกหลายมาตรการ ไม่ว่าความพยายามกดดันในเรื่องการขาดดุลการค้า ในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การละเมิดเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา แต่ทุกมาตรการก็ดูเหมือนว่าจะไร้ผล

 

แม้กระทั่งปรากฏการณ์ที่มีการมอบรางวัลโนเบลให้กับนักเคลื่อนไหวชาวจีนที่ ต่อต้านรัฐบาลจีนและหลบหนีอยู่ในต่างประเทศก็ไม่ได้ผล และนอกจากไม่ได้ผลแล้วยังทำให้ความขลังและความน่าเชื่อถือของรางวัลโนเบลถูก ทำลายลงไปไม่น้อยจากการมอบรางวัลโนเบลในปีนี้เสียเอง

 

เพราะถ้าหากจีนเป็นเผด็จการจริง มีปัญหาภายในจนประชาชนจีนลำบากยากจนจริง หรือมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนจนประชาชนจีนต่อต้านรัฐบาลจีนเสียเอง หรือว่าเศรษฐกิจจีนล้มเหลว นั่นแล้วอาจทำให้คุณค่าของการใช้รางวัลโนเบลเป็นเครื่องมือมีผลขึ้นมาบ้าง แต่ในเมื่อทุกอย่างเป็นเรื่องตรงกันข้ามทั้งสิ้น จึงทำให้อาวุธสันติภาพคือรางวัลโนเบลในปีนี้ต้องกลายเป็นกระสุนด้าน

 

และ เพราะผลจากการที่ทุนไหลออกจากอเมริกาเป็นจำนวนมหาศาล และกระแสทุนเหล่านั้นส่วนใหญ่พุ่งไปที่จีน จึงอุปมาดั่งปริมาณน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิคไหลหลากเข้าสู่ประเทศจีน หากแก้ไขไม่ทันหรือแก้ไขไม่เป็นก็เห็นทีจีนจะต้องถูกกระแสเงินท่วมจนพังทลาย ทั้งประเทศ

 

อเมริกาเห็นโอกาสจากวิกฤตเช่นนั้น จึงดำเนินมาตรการการเงินภายในประเทศด้วยการลดและกดดอกเบี้ยให้ต่ำลงจนเหลือ เพียง 0.25% เท่านั้น เพื่อเร่งกระแสเงินไหลออก ซึ่งไม่ต่างอันใดกับการเร่งผันน้ำจากมหาสมุทรแปซิฟิคให้ท่วมประเทศจีน

 

กระแส เงิน กระแสทุน ที่มีปริมาณมากที่สุดของโลกไหลบ่าไปทั่วทั้งโลก จนเป็นเหตุให้เกิดวิกฤตทางการเงินและกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของสกุล เงินต่าง ๆ ซึ่งจีนน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะกระแสหลักพุ่งไปที่จีน

 

หากจีนโอบอุ้มเอาน้ำทั้งมหาสมุทรแปซิฟิคมาไว้ที่ประเทศจีน ก็แน่นอนว่ากระแสเงินก็จะท่วมประเทศจีน และเมื่อใดที่ไหลออกไป ความพินาศฉิบหายก็บังเกิดแก่ประเทศจีนอย่างไม่ต้องสงสัย นี่คือมาตรการอันสุดอำมหิตในสงครามการเงินที่อาจส่งผลทำลายระบบเศรษฐกิจการ เงินและความมั่งคั่งของจีนจนพินาศยับเยิน

 

และเมื่อใดที่ระบบเศรษฐกิจและความมั่งคั่งของจีนพินาศยับเยินแล้ว ไหนเลยความเข้มแข็งเกรียงไกรทางการทหารของจีนจะดำรงอยู่ได้ เมื่อวันนั้นมาถึงอเมริกาก็จะฟื้นคืนทุกสิ่งอย่าง พร้อมทั้งกำไรมหาศาล รวมทั้งจะกลายเป็นมหาอำนาจเดี่ยวที่เข้มแข็งเกรียงไกรที่สุดของโลกไปตลอด กาล

 

ความจริงการบ่อนทำลายความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของจีนได้เกิดขึ้นอย่าง ต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้แล้วร่วม 20 ปี นั่นคือปรากฏการณ์ที่สถาบันทางเศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าล้วนเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ และทางการเงินของอเมริกา พยายามป่าวร้องให้หลงเชื่อว่าจีนกำลังพังพินาศเพราะอัตราการเจริญเติบโตเกิน ร้อนหรือ Overheat ไปแล้ว

 

มาตรการนี้ถูกใช้ต่อเนื่องมานับสิบปี แต่ก็ไม่ปรากฏร่องรอยใด ๆ ว่าระบบเศรษฐกิจจีนจะพังพินาศเพราะความร้อนเกินหรือ Overheat ของความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเลย

 

เหมาเจ๋อตงเคยกล่าวในยุคสงครามกับญี่ปุ่นว่า ถ้าประเทศจีนเป็นอย่างอเมริกาที่มีศูนย์กลางใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ค และนิวยอร์คถูกยึดไปแล้ว จีนก็จะต้องพ่ายแพ้ แต่ประเทศจีนไม่ใช่อเมริกา เพราะประเทศจีนมีความไม่สม่ำเสมอในสภาพต่าง ๆ อย่างทั่วด้าน แม้หัวเมืองชายทะเลและเมืองใหญ่จะถูกญี่ปุ่นยึดไป แต่ประเทศจีนยังมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลที่ญี่ปุ่นเข้าไม่ถึง ยึดไม่หมด

 

เหมาเจ๋อตงชี้ว่าโดยสภาพเช่นนี้ญี่ปุ่นจะไม่สามารถชนะจีนได้ และจีนก็จะไม่พ่ายแพ้ญี่ปุ่น เพราะจีนมีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นองค์กรนำ และอยู่ในยุคสมัยที่องค์กรนำมีความก้าว

หน้า แต่จีนจะไม่ชนะอย่างรวดเร็วเพราะจีนอ่อนแอเกินไป

 

ด้วยการวิเคราะห์เช่นนั้น เหมาเจ๋อตงจึงวินิจฉัยสงครามจีน-ญี่ปุ่น ครั้งนั้นว่าจะเป็นสงครามยืดเยื้อและจีนจะเป็นฝ่ายชนะ. ดูสงครามการเงิน จีน-สหรัฐ (ตอนที่ 4-จบ) printButton.png emailButton.png บทความ - บทความพิเศษ เขียนโดย สิริอัญญา วันพฤหัสบดีที่ ๐๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เวลา ๑๕:๔๒ น.

 

 

 

 

 

 

อเมริกา และตะวันตกเห็นแต่ความร้อนแรงของความเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนจากหัวเมืองชาย ฝั่งทะเล โดยลืมมองจีนตอนกลางและจีนตะวันตกว่ายังลำบากยากจน บางพื้นที่ยังมีวิถีดำเนินไม่ต่างกับยุคสมัยในราชวงศ์ชิงแต่ประการใด

 

อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของหัวเมืองด้านในอยู่ระดับศูนย์บ้าง 1 หรือ 2% บ้าง ดังนั้นกลยุทธ์ที่จีนเคยใช้ในสงครามยืดเยื้อและคำวินิจฉัยปัญหายุทธศาสตร์ สงครามจีน-ญี่ปุ่น จึงถูกนำมาใช้รับมือกับความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ

 

นั่นคือจีนได้ยักย้ายถ่ายเทผันผ่อนอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจจากหัวเมืองชาย ทะเลและหัวเมืองใหญ่เข้าสู่ใจกลางแผ่นดินใหญ่และดินแดนด้านตะวันตก ทำให้อัตราถัวเฉลี่ยสามารถลดความร้อนแรงลง และทำให้หัวเมืองชายทะเลและหัวเมืองใหญ่กลายเป็นหัวรถจักรความเร็วสูงที่ขับ เคลื่อนขบวนรถไฟระบบเศรษฐกิจจีนให้รุดหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว

 

หลัง จากรับมือกับการบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจได้สำเร็จแล้ว จีนก็ต้องเผชิญหน้ากับยุทธศาสตร์ใหญ่ในระยะหลังสุดนี้ นั่นคือการรับมือกับกระแสเงิน กระแสทุน ที่กำลังท่วมทับประเทศจีน และนี่คือปัญหาทางยุทธวิธีใหญ่สุดและสำคัญที่สุดที่จีนจะต้องคิดอ่านและใช้ รับมือกับสงครามการเงินครั้งสำคัญและมโหฬารนี้

 

หากจีนไม่สามารถระบายน้ำจากมหาสมุทรแปซิฟิคออกจากประเทศได้ก็จะล่มจมฉันใด การไม่สามารถรับมือกับกระแสเงินที่ไหลเข้าประเทศจีนครั้งมโหฬารและเอิกเกริก ที่สุดได้ ก็จะทำให้จีนล่มจมได้ฉันนั้น

 

ดังนั้นการระบายน้ำคือระบายเงินและทุนออกจากประเทศจีนและการจัดการกับเงิน ทุนที่ไหลเข้าประเทศจีนอย่างเหมาะสมโดยไม่กระทบต่ออัตราเร่งแห่งความก้าว หน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจจีน จึงเป็นยุทธวิธีสำคัญยิ่งในการทำสงครามการเงินรอบนี้

 

เพราะการบริหารจัดการของจีนเป็นสากลและมีขอบเขตทั่วโลก ดังนั้นจึงสามารถกำหนดแหล่งระบายเงินและทุนออกไปยังต่างประเทศได้อย่างเหมาะ สม

 

จีนได้นำเงินทุนไหลเข้าประเทศ และเงินที่ได้จากการได้ดุลการค้ามหาศาลออกไปลงทุนในต่างประเทศทุกรูปแบบ และสามารถกวาดเอาผลประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

 

จีนได้เข้าซื้อพันธบัตรต่างประเทศในแทบทุกประเทศทั่วโลก แม้กระทั่งประเทศที่ยากจนหรือประเทศที่อยู่ในขั้นล้มละลาย โดยลงทุนหรือซื้อพันธบัตรหรือตราสารโดยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือด้วยเงินหยวนของจีนเอง

 

ดังตัวอย่างประเทศกรีก ซึ่งอยู่ในภาวะล้มละลายแล้ว และไม่มีชาติใดในโลกช่วยเหลือได้ แม้กระทั่งธนาคารโลกก็เมินหน้าไปนานแล้ว พันธบัตรและตราสารของรัฐบาลกรีกกลายเป็นขยะในสายตาตะวันตก แต่จีนกลับเห็นว่านี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่

 

จีนได้เข้าซื้อพันธบัตรและตราสารทางการเงินของรัฐบาลกรีกทั้งหมด โดยแบ่งการจัดซื้อเป็น 2 ส่วน คือในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้กรีกมีเงินไปจับจ่ายใช้สอยกับประเทศอื่นที่ไม่ต้อนรับเงินหยวน และอีกส่วนหนึ่งในรูปสกุลเงินหยวน โดยมีข้อตกลงให้ใช้เงินหยวนนั้นในการซื้อสินค้าและบริการจากจีนทุกประเภท

 

เมื่อ กรีกได้เงินหยวนไปก็ได้ใช้เงินหยวนนั้นในการซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ จากจีน ย่อมส่งผลให้ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า การเงินและผลประโยชน์ของจีนได้รับตอบแทนจากกรีกชนิดที่ไม่มีปรากฏในตำราทาง เศรษฐศาสตร์ทางการเงินใด ๆ ในโลก

 

แม้กับกลุ่มอียู หรือกลุ่มประเทศอ่าว หรือกลุ่มประเทศในอาฟริกา รวมทั้งลา ตินอเมริกา จีนก็ได้ใช้มาตรการในรูปแบบคล้ายกันนี้ ซึ่งส่งผลให้มีการอำนวยประโยชน์ซึ่งกันและกัน ไม่ใช่การช่วยเหลือแบบเตี้ยอุ้มค่อม

 

เงินทุนจำนวนมากที่ไหลเข้าจีนจึงถูกผลักออกไปสู่ต่างประเทศและมิตรประเทศ ทั่วโลก เงินกองทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จีนจะให้แก่อาเซียนสองยอดคือจำนวน 10,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ในรูปเงินกู้ และอีก 15,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ก็คือยุทธวิธีหนึ่งในการระบายเงินทุนออกจากประเทศจีน ที่เอื้อประโยชน์ต่อภาคีในกลุ่มอาเซียนอย่างยุติธรรม

 

การผันเงินไหลเข้าจีนโดยยุทธวิธีดังกล่าวจึงทำให้กระแสเงินที่จะท่วมประเทศ จีนบรรเทาลง แต่ก็ยังมีเงินทุนเหลืออยู่อีกจำนวนมาก

 

การระบายเงินส่วนที่เหลืออยู่โดยยังสามารถดำรงอัตราส่วนที่เหมาะสมเพื่อความ มั่นคงและเสถียรภาพทางการเงินของจีนจึงยังคงเป็นเรื่องใหญ่

 

และเรื่องใหญ่แบบนี้ ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จีนก็ใช้ลักษณะพิเศษสามใหญ่ให้เป็นประโยชน์สูงสุด คือใช้ความเป็นประเทศใหญ่ ใช้ความที่มีประชากรมาก ใช้ความที่ประเทศจีนตอนกลางและตะวันตกยังยากจน ขาดแคลน และล้าหลังให้เป็นประโยชน์สูงสุด โดยการนำเงินส่วนที่เหลือนี้ไปในการพัฒนาสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าทุก ด้านให้เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและเกิดความสมดุลตามหลักการความสัมพันธ์ใหญ่ 10 ประการ ตามความคิดเหมาเจ๋อตง ดังที่เคยมีระบุไว้ในสรรนิพนธ์เหมาเจ๋อตง เล่ม 5

 

ดังนั้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่สุดหลังยุคสมัยพระเจ้าจิ๋นซี ฮ่องเต้จึงเกิดขึ้น และล้ำยุค โดยระบบรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นการพัฒนารถไฟระยะที่ 7 ของจีน เป็นการปรับอัตราความเร็วของประเทศจีนครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ระยะเดินทาง 250-300 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

 

นอกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรูปแบบต่าง ๆ การพัฒนาระบบชลประทานและแหล่งน้ำเพื่อประชาชาติจีน ซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาคเกษตรก็ขยายตัวไป ควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร โดยเฉพาะการกำหนดยุทธศาสตร์อาหาร ที่กำหนดให้มณฑลกวางตุ้งเป็นศูนย์กลางอาหารโลกที่เพิ่งกำหนดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้

 

จีนได้ใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสในการปรับปรุงประเทศที่เคยมีปัญหาด้านสภาพแวด ล้อมอย่างร้ายแรง เข้าสู่ยุคกรีนหรือไร้มลพิษอย่างทั่วด้าน ในขณะเดียวกัน เพื่อป้องกันอันตรายจากการเติบโตและขยายตัวทางเศรษฐกิจ จีนก็ได้ทำในสิ่งที่คนทั่วโลกและคนไทยคิดไม่ถึง

 

นั่นคือการใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงลงสู่มวลมหาประชาชนจีน ตั้งแต่หน่วยพื้นฐานที่สุดคือหมู่บ้าน หลักปรัชญาและระบบเศรษฐกิจนี้พระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานให้คนไทยมานาน นักหนาแล้ว แต่วันนี้กำลังนำไปใช้อย่างแพร่หลายและได้ผลในประเทศจีน จะเป็นภูมิคุ้มกันการล่มสลายของจีนหลังจากความเจริญเติบโตถึงขีดสุดมาถึง

 

ตรงจุดนี้สะท้อนให้เห็นว่าแม้จีนจะเป็นประเทศนิยมที่มีลักษณะพิเศษเป็นของตน เอง แต่ระบบความคิดในเรื่องนี้จะมีแตกต่างกับปรัชญาเศรษฐกิจแนวพุทธที่ตรงไหน และนั่นคือเนื้อหาและรูปแบบเดียวกันกับสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานแก่คนไทย แต่นักการเมืองไทยไม่สนใจไยดีเลยแม้แต่น้อย

 

ผลจากการใช้ยุทธวิธีผันเงินทุนที่ไหลเข้าออกไปต่างประเทศโดยอำนวยประโยชน์ ซึ่งกันและกันอย่างยุติธรรม และการผันเงินลงทุนไปในการพัฒนาสร้างสรรค์โครงสร้างและสังคมพื้นฐานของจีน แล้วยังกำหนดมาตรการป้องกันการล่มสลายหลังวันที่ความเจริญเติบโตถึงขั้นสูง สุดมาถึง จึงสามารถรับมือกับการผันกระแสเงิน กระแสทุน เข้าท่วมประเทศจีนอย่างได้ผล

 

ในวันนี้แม้ สงครามการเงินยังไม่สิ้นสุด แต่ก็พอเห็นบั้นปลายของสงครามได้แล้วว่าจีนได้ตั้งอยู่ในฐานะที่ไม่พ่ายแพ้ แล้ว และได้แปรเอาวิกฤตเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการเพิ่มความมั่นคงเสถียรภาพและ ดำรงอัตราความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจไว้ได้อย่างสมบูรณ์

 

เมื่อยุทธศาสตร์ใหญ่ในการไขน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิคให้ท่วมประเทศจีนไม่ได้ผล เงินทุนและกระแสเงินในอเมริกาก็แห้งขอด ก่อเกิดเป็นภาวะเงินฝืดและวิกฤตทางเศรษฐกิจตามมาระลอกแล้วระลอกเล่า ดังที่ปรากฏจากวิกฤตแฮมเบอเกอร์ในต้นปี 2552 ซึ่งยังไม่สิ้นสุดและจะยังคงเกิดขึ้นต่อไป

 

อเมริกา จะประสบกับความย่อยยับมากน้อยเพียงใด วันนี้จึงไม่ได้อยู่ที่การเอาชนะในสงครามการเงินกับจีนอีกแล้ว แต่อยู่ที่จะสามารถดึงกระแสทุนกลับคืนสู่อเมริกาได้อย่างไร?

 

ประเทศ ไทยของเราจะมัวโหวกเหวกโวยวายเรื่องเงินบาทแข็งค่าและการสกัดเงินไหลเข้า ประเทศ ภายใต้กรอบความคิดสี่เหลี่ยมที่เลี้ยงหมูเอาไว้ขาย หรือว่าจะอาศัยสถานการณ์นี้ให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมืองและประชาชน จึงเป็นภารกิจอันสำคัญยิ่งของผู้มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องนี้.

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ7 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Bangkok ·

 

 

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง

25 ตุลาคม 2556

 

General News

----------------

 

• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของยูโรโซนในเดือน ต.ค. ลดลงมาอยู่ที่ 51.5 จาก 52.2 ในเดือนก่อน เนื่องจากธุรกิจเอกชนของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างเยอรมนีและฝรั่งเศสขยาย ตัวชะลอลง ส่วนกิจกรรมภาคเอกชนจองประเทศสมาชิกอื่นๆ ขยายตัวเล็กน้อย 3 เดือนติดต่อกัน รวมแล้วก็ยังสูงกว่าระดับ 50 แสดงว่ากิจกรรมทางธุรกิจขยายตัว

 

• ฟิลิปป์ โรสเลอร์ รมต.เศรษฐกิจเยอรมนี กล่าวว่า การปรับตัวที่ดีขึ้นของการบริโภคของภาคเอกชนและการลงทุนจะผลักดันให้ เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัว 1.7% ในปีหน้า หลังจากขยายตัว 0.5% ในปีนี้

 

ทั้งนี้ รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจของรัฐบาลระบุว่า เยอรมนีจะสร้างตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นได้ 235,000 ตำแหน่งในปีนี้ และ 180,000 ตำแหน่งในปีหน้า

 

• ธนาคารกลางสเปน ระบุว่า เศรษฐกิจสเปนขยายตัว 0.1% ในไตรมาส 3 โดยการจ้างงานลดลง 0.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 3.1% เมื่อเทียบรายปี

 

• จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐยังซบเซา และส่วนหนึ่งของปัญหาที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจคือการได้รับความเสี่ยงจากกฏหมาย Affordable Care Act (โอบามาแคร์) ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนให้กับเจ้าของธุรกิจในสหรัฐ

 

• รัฐบาลญี่ปุ่นคงประเมินอัตราขยายตัวของเศรษฐกิจในระดับพื้นฐาน หลังเพิ่มคาดการณ์อัตราขยายตัวไปแล้วในเดือนก่อน และลดคาดการณ์การส่งออกติดต่อกัน 2 ไตรมาส เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอในจีนและประเทศต่างๆ ในเอเชีย

 

โดยรายงานของ ก.คลัง เปิดเผยว่าปริมาณการส่งออกของญี่ปุ่นเดือน ก.ย. ลดลง 1.9% จากปีก่อน หดตัวลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน แม้ว่าในแง่ของมูลค่าจะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 11% ก็ตาม

 

• ธนาคารกลางจีน ระบุว่า ยอดหนี้ค้างชำระในรูปสกุลเงินหยวนของธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจรายย่อยของจีน เพิ่มขึ้น 13.6% เมื่อเทียบปีก่อน ไปอยู่ที่ 12.82 ล้านล้านหยวน ณ สิ้นเดือน ก.ย.

 

• ธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่า สินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยสถาบันการเงินในจีนปล่อยสินเชื่อให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ 14.17 ล้านล้านหยวน (2.31 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อสิ้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบรายปี

 

ทั้งนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าราคาบ้านใหม่ในเมืองชั้นนำของจีนทะยานขึ้นมากกว่า 20% เมื่อเทียบรายปีในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และเสิ่นเจิ้น ซึ่งคาดว่าจะมีมาตรการตรึงราคาบ้านในอนาคต

 

• ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ระบุว่า กลุ่มประเทศสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) จะไม่บรรลุเป้าหมายในการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 อย่างเต็มที่ โดยความปั่นป่วนทางการเงินทั่วโลกจะส่งผลให้ล่าช้า

 

• ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ มีมติคงอัตราดอกเบี้ย Overnight Borrowing ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 3.5% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 5.5% โดยอยู่ระดับนี้มาตั้งแต่เดือน ต.ค. 55 เนื่องจากแรงกดดันจากราคาผู้บริโภคที่ไม่สูงมาก ทำให้ธนาคารกลางสามารถคงนโยบายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศต่อไปได้

 

• สศค. รายงานว่า รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 2.15 ล้านล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 9.1% ส่งผลดีต่อการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล รวมถึงความเชื่อมั่นของภาคเอกชนจะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ และปีหน้าขยายตัวได้ตามที่คาดการณ์ไว้

 

• อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในไทยในเดือน ต.ค. 56 จำนวน 48 ราย เพิ่มขึ้น 109% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีเงินลงทุนรวมที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ 1,629 ล้านบาท และมีการจ้างงานคนไทย 586 คน

 

Equity Market

----------------

 

• SET Index ปิดที่ 1,466.32 จุด เพิ่มขึ้น 8.96 จุด (+0.61%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 33,946 ล้านบาท โดยแกว่งตัวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ จากปัจจัยลบทางการเมืองเรื่องร่างกฎหมายนิรโทษกรรมและประเด็นการตั้งสำรอง เพิ่มขึ้นของธนาคารพาณิชย์จีน แต่สามารถรีบาวด์ขึ้นมาปิดแดนบวกใน ช่วงบ่ายได้

 

ล้านบาท

---------

นักลงทุนสถาบัน -79.25

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ +496.83

นักลงทุนต่างชาติ +245.86

นักลงทุนทั่วไป -663.45

 

Fixed Income Market

------------------------

 

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลง -0.05% ถึง +0.00% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 14 วันและ 3 ปี มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท

 

Guru Corner

---------------

 

• Warren Buffet “มันยาวนานมาก กว่าจะมาถึงวันนี้ และที่ผมทำมันได้ดีก็เพราะผมมีโชค ผมได้เกิดในสหรัฐอเมริกา ทั้งๆ ที่คนมีโอกาสเกิดที่นี่ได้ในอัตราเพียง 30 หรือ 40 ต่อ 1 ผมมียีนที่มีโชคจากบรรพบุรุษ และผมเกิดในช่วงที่ใช่ เพราะถ้าไปเกิดเมื่อหลายพันปีก่อนผมก็ต้องกลายเป็นอาหารกลางวันของสัตว์ดึก ดำบรรพ์อะไรสักพันธุ์แน่ๆ ก็ผมวิ่งไม่เก่งและปีนต้นไม้ไม่เป็น

 

แต่จะเกิดจากใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ มันไม่ได้กำหนดว่าเราจะต้องเป็นคนอย่างไร เพราะเราเองนั่นแหละที่จะกำหนดว่าเราจะเป็นคนแบบใด ผมเชื่อว่าทุกคนถูกสร้างขึ้นมาให้เท่าเทียมกัน แม้ว่าเราจะไม่ได้รับโอกาสเท่าเทียมกันทุกคนก็ตาม ซึ่งความมีโชคดีจึงมีบทบาทใหญ่ในชีวิตด้วย แต่เราต้องเลือกด้วยว่าจะใช้ความมีโชคนั้นอย่างไร และจะทำอะไรให้มันเหนือกว่าความโชคดีที่เราได้รับ”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...