ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

อ่านแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

แล้วพึมพำว่าบ้านเราฉิบหายเพราะนักการเมืองมันเอี้ย(รวมคนเลือกนักการเมืองพวกนี้ด้วย)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณภาพผู้นำสะท้อน คุณภาพประชาชน

คุณภาพประชาชน สะท้อนคุณภาพผู้นำ

 

post-2564-0-25180200-1382674862.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พึ่งกลับจากตรวจโรงงานที่จีนเมื่อวานซืน.....

 

อะไรเล็กๆ จีนทำไม่เป็นจริงๆ ครับ....

post-939-0-13069000-1382675572_thumb.jpg

post-939-0-60233600-1382675658_thumb.jpg

 

แต่ถ้าดูที่รายละเอียดคุณภาพยังต้องพัฒนากันต่อไป

 

แต่คาดว่าคงเดินตามแนวญี่ปุ่นละครับ เอาให้ใช้ได้ก่อนแล้วค่อยพัฒนาคุณภาพเอา

post-939-0-46284100-1382675678_thumb.jpg

ถูกแก้ไข โดย leo_attack

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Johnny Pereira43 นาทีที่แล้ว ·

 

 

ทอง โดย Martin Armstrong (MA)

 

- upside, $5,000 was the best I saw. On the downside, a retest of the 1980 high of $875 is reasonable. ปีนี้ ปีหน้า มีโอกาสทดสอบที่ 875 ก่อนจะขึ้นทำนิวไฮ ซึ่งมีโอกาสไปได้ถึง 5000

 

- EVERY market has two sides and until you learn that, then you have no business investing in anything.

 

- Gold is a market and it rises and falls like everything else. It is trading NO DIFFERENT from the rest of the commodity sector.

 

- Until the majority of people question government, which is coming, then and only then will gold rally on a sustainable basis.

 

- When gold exceeds that number (1980 high adjusted withs CPI numbers = $2300) THEN AND ONLY THEN is real bull market underway.

 

บทความนี้ MA โต้ตอบกับคนที่เขียนเข้ามาถามแย้งกับความเห็นของ MA โดยใช้เหตุผลที่ Gold Promoter (คนที่เชียร์ทองว่าต้องขึ้น) มักใช้บอกกับนักลงทุน

 

มีหลายประเด็นน่าสนใจ และ การโต้ตอบก็ค่อนข้างดุเดือด

เป็นอีกบทความ ที่ต้องอ่าน

หากคุณอยากจะเข้าใจ กรอบการลงทุนตามแนวทางของ MA ครับ

 

 

http://armstrongeconomics.com/2013/10/24/gold-perpetual-propaganda/

-PAXP-deijE.gif

 

Gold & Perpetual Propaganda armstrongeconomics.com

QUESTION: Martin, why do you often talk out of both sides of your mouth about Gold? You might say Gold can go to $12,000

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณภาพผู้นำสะท้อน คุณภาพประชาชน

คุณภาพประชาชน สะท้อนคุณภาพผู้นำ

 

post-2564-0-25180200-1382674862.png

 

ประชาชนไม่ต้องเก่งก็ได้ เพียงแต่ยอมรับนับถือ เป็นผู้ตามคนที่เก่งและมีคุณธรรม

 

อัตตาที่เร้าให้หลงว่าเราเท่าเทียมกับคนอื่นนั่นแหละ ขวางทางเจริญ เพราะความจริงมันไม่เสมอกันแล้วแต่เหตุปัจจัย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประชาชนไม่ต้องเก่งก็ได้ เพียงแต่ยอมรับนับถือ เป็นผู้ตามคนที่เก่งและมีคุณธรรม

 

อัตตาที่เร้าให้หลงว่าเราเท่าเทียมกับคนอื่นนั่นแหละ ขวางทางเจริญ เพราะความจริงมันไม่เสมอกันแล้วแต่เหตุปัจจัย

 

เรื่องความเท่าเทียม เห็นด้วย ว่าความจริงแล้วมันไม่เสมอกัน แต่ก็ต้องยอมรับความจริงเหมือนกัน ว่าระบบการศึกษา ระบบความเชื่อ มันช่างยัดเยียดว่า "เท่าเทียมกัน" เหลือเกิน ... เลยไม่แปลกใจที่เห็นคนออกมาเรียกร้องความเท่าเทียม

 

อันที่จริงแล้ว ความสามารถในการที่จะ "ยอมรับนับถือ เป็นผู้ตามคนที่เก่งและมีคุณธรรม" ก็เป็นความเก่งอย่างหนึ่ง นะครับ (อย่างน้อยผมคนนึงหล่ะ ที่ไม่เก่งในเรื่องนี้)

 

คำพูดข้างบน ไม่ได้ต้องการจะชม, กระทบ นะครับ บางคนอ่านอาจจะเข้าใจผมผิด .. ลองเปลี่ยนใหม่เป็นแบบนี้ดีไหม ..

 

"สุขภาพของคนสะท้อน สิ่งที่เขาเลือกทาน

คุณภาพของสิ่งที่คนเลือกทาน สะท้อนสุขภาพของเขา"

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

......

ทอง โดย Martin Armstrong (MA)

.....

อ่านแล้วเจ็บแปล๊บบบ.. :D

 

"จนกว่าที่คนส่วนมากจะเริ่มไม่ไว้ใจรัฐบาน (ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น) เมื่อนั้นทองคำถึงจะเริ่มวิ่งขึ้นอย่างมั่นคง ... ทองคำเมื่อตอนทำราคาสูงสุด ยังไม่สูงเกินราคาเมื่อปี ๑๙๘๐ เมื่อปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อเลย (๒,๓๐๐ เหรียญ) เมื่อไหร่ที่ทองคำทะลุราคา ๒,๓๐๐ เมื่อนั่นตลาดกระทิงสำหรับทองคำก็จะกลับมา

 

ถ้าคุณเลิกแทงสวน และยอมรับว่าตลาดเทรดกันอย่างไร.. มันจะผิดอะไรนักหนาถ้าจะรอซื้อของถูก ... อย่างน้อยคุณก็ได้กำไรเยอะขึ้น แทนที่จะเอาเงินไปบริจาคให้พวกที่สร้างเรื่องชวนเชื่อเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง ... คนคนหนึ่งจะเรียกตัวเองว่าเป็นนักวิแคะได้อย่างไร ในเมื่อชีวิตของเขานั้นขึ้นอยู่กับการพยายามขายตัวเองว่าเป็นนักวิแคะอิสระ"

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านแล้วเจ็บแปล๊บบบ.. :D

 

"จนกว่าที่คนส่วนมากจะเริ่มไม่ไว้ใจรัฐบาน (ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น) เมื่อนั้นทองคำถึงจะเริ่มวิ่งขึ้นอย่างมั่นคง ... ทองคำเมื่อตอนทำราคาสูงสุด ยังไม่สูงเกินราคาเมื่อปี ๑๙๘๐ เมื่อปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อเลย (๒,๓๐๐ เหรียญ) เมื่อไหร่ที่ทองคำทะลุราคา ๒,๓๐๐ เมื่อนั่นตลาดกระทิงสำหรับทองคำก็จะกลับมา

 

ถ้าคุณเลิกแทงสวน และยอมรับว่าตลาดเทรดกันอย่างไร.. มันจะผิดอะไรนักหนาถ้าจะรอซื้อของถูก ... อย่างน้อยคุณก็ได้กำไรเยอะขึ้น แทนที่จะเอาเงินไปบริจาคให้พวกที่สร้างเรื่องชวนเชื่อเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง ... คนคนหนึ่งจะเรียกตัวเองว่าเป็นนักวิแคะได้อย่างไร ในเมื่อชีวิตของเขานั้นขึ้นอยู่กับการพยายามขายตัวเองว่าเป็นนักวิแคะอิสระ"

 

ฮ่าๆๆ อ่านแล้วแปล้บๆ ถ้าภาษาบ้านๆ เราก็เรียกว่าเงินจม สินะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

4 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

สหรัฐฯมีความเสี่ยงสูงที่จะเจอจลาจลเมื่อQEล่มสลาย

 

William Kaye อดีตพนักงาน Goldman SachsและปัจจุบันบริหารHedge Fundที่Hong Kong บอกว่าสหรัฐฯมีความเสี่ยงสูงที่จะเจอการประท้วงจลาจลหนักเหมือน สเปน กรีซ ไซปรัส อิยิปต์ หรือบางส่วนของอิตาลี เมื่อประชาชน ส่วนใหญ่เจอพิษเศรษฐกิจจากการล่มสลายของนโยบายQE การจลาจลและความวุ่นวายจะรุนแรงเมื่อคนอเมริกันและคนในโลกตะวันตกตระหนักว่า อนาคตของพวกเขาและลูกหลานละลายหายไปพร้อมกับการล่มสลายของระบบการเงิน

 

เขาบอกว่า ตลาดหุ้นที่กำลังขึ้นตอนนี้เป็นเพราะโคเคนที่เฟดใส่เข้าไประบบการเงินผ่านนโยบายQE และตลาดหุ้นจะต้องพังในที่สุด

 

มีการพูดถึงการลดขนาดQE และเมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกเขาจะต้องถอนการกระตุ้นQE พวกCentral Planners อาจจะถอนQEอย่างจงใจเพื่อให้ทุกอย่างพัง หรือไม่ก็ถูกบังคับให้ถอน QE เพราะว่าพวกเขาคุมดอกเบี้ยให้ต่ำไม่ได้อีกต่อไป มีความเสี่ยงว่าในกรณีหลังจะเกิดขึ้น เพราะว่าประเทศต่างๆ โดยเฉพาะจีนกำลังรู้สึกไม่สบายใจที่ถือครองทรัพย์สินการเงินสหรัฐฯอยู่ในตอน นี้

 

เมื่อจีนเทขายพันธบัตรสหรัฐฯสุทธิ สิ่งเดียวที่จะเกิดขึ้นคือดอกเบี้ยจะต้องขึ้น ตอนนั้นเฟดจะลุยซื้อพันธบัตรทั้งหมดไม่ได้ (เพื่อกดดอกเบี้ยให้ต่ำต่อไป) เพราะว่ามันจะสร้างแรงเงินเฟ้อ และเมื่อเราเจอสภาพที่ตลาดคาดว่าจะมีเงินเฟ้อสูงขึ้นไปอีกระดับ ตอนนั้นมันจะเป็นประกาศิตกับภาพลวงตาที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ หมายความว่าความเฟ้อฝันต่างๆทั้งหลายจะพังลงมา

 

ตอนนี้กาวที่ติดแน่นทำให้ทุกอย่างโดยเฉพาะตลาดหุ้นดำเนินไปได้ คือดอกเบี้ยที่ต่ำมากผิดปกติ แต่ดอกเบี้ยต้องวิ่งกลับไปหาระดับค่าเฉลี่ยเสมอ และเมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้นกลับไปหาค่าเฉลี่ย มันหมายความว่าทุกอย่างจะจบลง game over ตลาดหุ้นโลกตะวันตกจะพัง พร้อมกับดีมานด์ของผู้บริโภค ความต้องการซื้อบ้าน การใช้จ่ายของผู้บริโภค และเศรษฐกิจจะพังทลาย ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมากสำหรับผู้คนในโลกตะวันตก

 

thanong

25/10/2013

http://kingworldnews.com/kingworldnews/KWN_DailyWeb/Entries/2013/10/23_Chaos_Now_Ready_To_Explode_As_The_West_Begins_To_Collapse.html

 

 

 

1378857_168813406648375_705476056_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

4 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

วิถีแห่งจักรวรรดิ 1/5

---------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง

26 ตุลาคม 2556

 

เราก็เหมือนกับผู้คนในยุคโรมัน เพราะทุกจักรวรรดิ ทุกชีวิต ล้วนมีตายแล้วก็เกิดใหม่

 

ขบวนการนี้เป็นไปอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนำไปอธิบายถึงวงจรที่รุ่งเรืองกับล่มสลายของอารยธรรมในยุคต่างๆ ของมนุษย์บนโลกได้ ไม่ว่าจะเป็น อินคา เมโสโปเตเมีย แอสเทค พาเธีย อียิปต์ โรมัน ไบแซนไทน์ ขอม ปาละ คุปตะ ออตโตมาน หมิง ถัง ซ่ง แม้กระทั่ง อโยธยาศรีรามเทพนคร อันเคยเป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ฯลฯ

 

ทุกๆ ยุค ทุกๆ อารยธรรมบนพื้นพิภพ ต่างถึงแก่กาลวินาศ สิ้นสลายไปโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งอะไรที่เคยเป็น ก็จะเป็นอย่างนั้น อะไรที่เคยเกิด ก็จะเกิดแบบนั้นอีก

 

เว้นแต่เราแต่ละคนจะยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนตน แล้วสร้างอารยธรรมที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน และประพฤติอยู่ในทำนองคลองธรรม ไม่เบียดเบียนกัน ไม่เบียดเบียนธรรมชาติจนขาดสมดุล ไม่เช่นนั้นอารยธรรมของเราก็จะเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ จนสิ้นสลาย

 

ถ้าเรายอมให้ความโลภ ความบ้าคลั่ง ไร้สำนึก มากำหนดวิถีชีวิต ปล่อยมีองค์กรลับๆ มี Private Bank และมีนักการเมือง ฯลฯ ชะตากรรมของเราก็คือการซ้ำรอยความเสื่อมสูญและความตายที่เราได้พบผ่านมาด้วย ความเจ็บปวด สูญเสีย มาแล้วเป็นพันๆ ครั้ง

 

The Course of Empire (วิถีแห่งจักรวรรดิ)

--------------------------------------------

The Course of Empire หรือ วิถีแห่งจักรวรรดิ เป็นชุดภาพที่จิตรกรอเมริกันชื่อ โทมัส โคล (Thomas Cole) วาดขึ้นมา 5 ภาพในปี 1833-1836 เพื่อสะท้อนวงจรอารยธรรมของรัฐหรือจักรวรรดิเป็น 5 ยุค

 

1. The Savage State : ยุครัฐใกล้ธรรมชาติ

-----------------------------------------------

ภาพแรกเป็นยุคที่คนมีวิถีชีวิตใกล้ธรรมชาติ มองเห็นหุบเขาที่มีหน้าผาตั้งตระหง่านโดดเด่นในแสงสลัวยามรุ่งอรุณของวันที่มีพายุ

 

ภูเขานี้จะปรากฏในภาพวาดทั้ง 5 ในซีรีส์วิถีจักรวรรดิทุกภาพ โดยในภาพนี้ภูเขาจะเด่นอยู่ในใจกลางของภาพ ล้อมรอบไปด้วยพายุเมฆ

 

รูปร่างที่น่าเกรงขามของภูเขาบ่งบอกว่าธรรมชาติยังเป็นเรื่องพึงเคารพเกรง กลัวสูงสุดในยุคของรัฐใกล้ธรรมชาติ และความเป็นอยู่ของผู้คนก็ยังคงสภาพที่สอดคล้องกับธรรมชาติอยู่มาก

 

ในภาพนี้ นักล่าที่มีเพียงเตี่ยวพันท่อนล่างวิ่งถือธนูไปล่ากวางในป่า มีกวางที่บาดเจ็บจากลูกศรพยายามหลบหนี ส่วนนี้เป็นข้อบ่งชี้ความพยายามเบื้องต้นของมนุษย์ที่จะเอาชนะธรรมชาติ

 

มีคนพายเรือแคนูโบราณในลำน้ำ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการขนส่งและการสำรวจ

 

มีคนพื้นเมืองเต้นรำรอบกองไฟ มีคนรวมกลุ่มกัน อันเป็นความจำเป็นของการป้องกันพวกพ้องตน รวมไปถึงความจำเป็นในการยังชีพ และเพื่อแสดงความเคารพบูชาต่อธรรมชาติ

 

 

 

6433_10201999684420922_916134793_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

4 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

วิถีแห่งจักรวรรดิ 2/5

---------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง

26 ตุลาคม 2556

 

2. The Arcadian State : ยุคสงบสุขแบบอาร์เคเดีย

------------------------------------------------------

อาร์เคเดีย เป็นชื่อที่ราบสูงแห่งหนึ่งในประเทศกรีซโบราณ ที่มีผู้คนอยู่อย่างง่ายๆ และไร้เดียงสา ภาพวงจรอารยธรรมมนุษย์ในภาพที่ 2 นี้ สะท้อนยุคที่รัฐมีความเป็นอยู่ที่สุขสงบ เหมือนก่อนสมัยกรีกโบราณ

 

ในภาพมีท้องฟ้าสงบสดใส ผู้คนดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนอยู่ในยามเช้าอันสดชื่นของวันในฤดูใบไม้ ผลิหรือต้นฤดูร้อน ภูเขาในภาพที่ 2 นี้เลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งกลางค่อนไปทางซ้ายของภาพ และดูไม่น่าเกรงขาม

 

แผ่นดินดิบเดิมๆ กลายเป็นดินแดนที่เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ได้ มีกิจกรรมต่างๆ ในการดำรงชีพ เช่น การไถดินไว้เพาะปลูก การต่อเรือ การเลี้ยงแกะ การเริงร่าเต้นรำ ฯลฯ

 

ที่หน้าผาบนฝั่งใกล้แม่น้ำมีอาคารเสาสูงรายล้อมเป็นวงกลมทำด้วยหินแบบโครง สร้างสโตนเฮนจ์ มีควันพวยพุ่งขึ้น ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจจะมีการทำบัดพลีบูชา โครงสร้างนี้น่าจะหมายถึงจุดเริ่มต้นของสถาปัตยกรรมแบบอนุสาวรีย์และศาสนา

 

ภาพนี้มีเกษตรกรมาแทนที่นักล่าในภาพแรก อันเป็นสัญลักษณ์ของการตั้งถิ่นฐานถาวร

 

ที่ด้านซ้ายล่างของภาพมีชายชราคนหนึ่งที่คงจะเอาไม้ในมือขีดเขียนพื้นเป็น โจทย์ทางเรขาคณิตอันเป็นสัญลักษณ์จุดเริ่มต้นของวิทยาศาสตร์และตรรกะวิทยา

 

มีเด็กผู้ชายวาดอะไรบนพื้นดิน อันเป็นสัญลักษณ์ต้นกำเนิดของการวาดภาพและระบายสี หากขยายภาพใหญ่มากๆ และให้มีความคมชัด จะเห็นชื่อย่อของ Thomas Cole จิตรกรผู้วาดภาพซีรีส์นี้ บนสะพานด้านล่างของเด็ก

 

มีตอไม้ที่คนตัดไว้ ซึ่ง Thomas Cole มักใช้ภาพตอไม้ที่ถูกตัดเพื่อแสดงความเห็นต่อผลกระทบเชิงลบของอารยธรรม

 

มีชายหญิงเต้นรำ อันเป็นจุดเริ่มต้นของเพลงและดนตรี

 

การตั้งถิ่นฐานถาวรของรัฐในภาพที่ 2 ได้เข้ามาแทนที่วิถีชีวิตในยุคแรกของรัฐใกล้ธรรมชาติ ควันไฟจากการหุงหาแสดงให้เห็นว่ามนุษย์เริ่มควบคุมธรรมชาติเพื่อประโยชน์ใน การดำรงในชีวิตได้

 

มีคน 2 คน ขี่ม้า ซึ่งไม่เพียงแสดงถึงอำนาจในการควบคุมสัตว์ แต่ยังรวมถึงการพัฒนาทางทหารในอนาคต

 

เรือแคนูโบราณจากภาพแรกได้พัฒนาให้ดีขึ้น อันเป็นจุดเริ่มต้นของการค้าทางทะเลและการขยายตัวของจักรวรรดิ

 

ผู้หญิงในอาภรณ์คลาสสิกถือแกนม้วนด้ายกับด้าย อาจจะหมายถึง Clotho ซึ่งเป็นผู้ปั่นกงล้อแห่งโชคชะตา เป็นน้องคนสุดท้องของสามชะตากรรมในตำนานกรีกโบราณ ซึ่งรับผิดชอบปั่นเส้นด้ายของชีวิตมนุษย์ และเป็นผู้ตัดสินใจในวาระสำคัญ เช่น เมื่อไหร่จะให้ใครเกิดใครตาย

 

เด็กเลี้ยงฝูงแกะน่าจะหมายถึงการเริ่มต้นของพระ เพราะการปรากฏตัวของแกะหมายถึงกำเนิดของพระ

 

เบื้องซ้ายค่อนไปทางล่างของภาพ มีทหารในชุดเกราะ อันเป็นสัญญลักษณ์ของกองทัพซึ่งจะเป็นที่มาของความขัดแย้ง

 

 

 

995869_10201999704861433_165940330_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

4 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

วิถีแห่งจักรวรรดิ 3/5

---------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง

26 ตุลาคม 2556

 

3. The Consummation of Empire : จักรวรรดิแห่งการบริโภค

----------------------------------------------------------------

ภาพที่ 3 นี้ แสดงถึงรัฐและอารยธรรมที่พัฒนาจนเป็นจักรวรรดิแห่งการบริโภค ฟุ่มเฟือย กินใช้ได้อย่างบริบูรณ์ แบบที่คนไทยเรียกว่ากินล้างกินผลาญ เหมือนยุคแห่งการบริโภคของเราในขณะนี้มากที่สุด

 

ภูเขาใหญ่ในภาพนี้ถูกลดความสำคัญลงไปจนเหลือแค่โผล่มานิดเดียว เพราะสถาปัตยกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นมามากมายไปบดบังภูเขา บ่งชี้ว่ามนุษย์ออกห่างและย่ำยีธรรมชาติมากขึ้น และธรรมชาติกลับมาอยู่ใต้อำนาจของมนุษย์ไปแล้ว

 

ในภาพทั้ง 5 ในชุดวิถีจักรวรรดิที่ Thomas Cole วาด ภาพที่ 3 นี้ได้รับจากอิทธิพลมากที่สุดจากการเดินทางไปยุโรปในปี คศ.1829-1832

 

หากเทียบกับฤดูกาล ภาพนี้ก็เป็นช่วงเที่ยงของวันในฤดูร้อนรุ่งโรจน์ รูปลักษณ์โดยรวมแสดงให้เห็นความเจริญถึงขีดสูงสุดของกรุงโรมโบราณ

 

ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำในหุบเขาที่ถูกปกคลุมอยู่ในขณะนี้โครงสร้างหินอ่อนฟูฟ่องซึ่งมีขั้นตอนการทำงานลงไปในน้ำ

 

วิหารหินถูกเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็นรูปโดมขนาดใหญ่ ที่มีอำนาจเหนือฝั่งแม่น้ำ

 

ปากแม่น้ำมีกองกำลังการคุ้มครองหนาแน่น มีเรือใบลำใหญ่ๆ จอด และมีที่แล่นออกไปในทะเลไกล

 

มีฝูงชนที่มีความสุขสำราญอยู่บนระเบียง เมื่อกษัตริย์หรือจอมทัพในเสื้อคลุมแดงกลับมาจากศึกสงครามเพราะได้รับชัยชนะ เดินข้ามสะพานในขบวนแห่ฉลองชัย

 

ที่หน้าแผงจั่วรูปสามเหลี่ยมบนเสา Doric ของสถาปัตยกรรมวิหารแบบกรีก มีประติมากรรมปั้นเป็นเรื่องการล่าสัตว์ในยุครัฐใกล้ธรรมชาติของภาพแรก โดย Thomas Cole น่าจะคัดลอกรูปปั้นไดอาน่าซึ่งเป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์มาจากพระราชวังแวร์ใน ปารีส

 

ยุค 1830’s เป็นช่วงที่มีการอภิปรายโต้แย้งกันอย่างเข้มข้นระหว่างพรรค Democratic (หากใช้ชื่อไทยที่ตรงความหมาย ก็น่าจะใช้ชื่อพรรคว่า ปวงประชาธิปไตยก้าวหน้า) กับพรรค Federalist (หากใช้ชื่อไทยที่ตรงความหมาย ก็น่าจะใช้ชื่อพรรคว่า อำมาตยาธิปไตยอนุรักษ์) ในเรื่องที่จะปกครองสหรัฐอเมริกากันแบบไหนดี

 

ซึ่งแน่ละ Thomas Cole กับลูกค้าที่เป็นชนชั้นสูง ต้องสนับสนุนพรรคหลัง

 

หอกและเครื่องแบบทหาร รวมถึงรูปปั้นทหารบนแท่นซ้ายของภาพ บ่งชี้ถึงความเป็นสังคมที่กองทัพคืออำนาจ ส่วนรูปปั้นของเทพีอะธีนาที่เด่นที่สุดในภาพ เป็นสัญลักษณ์ของสงครามและชัยชนะ

 

กระถางต้นไม้ในภาพเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถในการควบคุมธรรมชาติของมนุษย์ คือเอาต้นไม้จากธรรมชาติมาไว้ในสิ่งประดิษฐ์จากคนได้

 

มีเด็กกำลังเล่นกัน โดยเด็กที่มีอายุมากกว่าจมเรือของเล่นของคู่หู ซึ่งสะท้อนถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต

 

น้ำพุขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรุงแต่งของมนุษย์โดยลดทอนความสำคัญขององค์ประกอบต่างๆ ของธรรมชาติลง

 

แตรทองเหลืองในยุคนี้เข้ามาแทนที่ขลุ่ยอันเรียบง่ายของยุคสงบสุขแบบอาร์เค เดีย แสดงถึงพัฒนาการทางวัฒนธรรมที่พึงพอใจกับคุณภาพเสียงแหลมที่ใช้พลังในการ เป่ามากกว่าขลุ่ย

 

 

 

1393764_10201999716301719_2129625594_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

4 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

วิถีแห่งจักรวรรดิ 4/5

---------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง

26 ตุลาคม 2556

 

4. The Destruction of Empire : จักรวรรดิแห่งการทำลายล้าง

-----------------------------------------------------------------

ภาพวาดที่ 4 เป็นยุคจักรวรรดิแห่งการทำลายล้าง ซึ่ง Thomas Cole วางตำแหน่งความสำคัญของภาพใกล้เคียงภาพก่อนหน้า แต่ทำให้เห็นในวงกว้างขึ้น และโฟกัสไปที่จุดกลางของแม่น้ำ โดยภูเขาเริ่มปรากฏขึ้นอีก อันหมายถึงการเริ่มกลับมาของธรรมชาติ โดยสะท้อนความโกลาหลในการทำลายจักรวรรดิด้วยเมฆ พายุ และไฟ

 

ภาพนี้แสดงการทำลายล้างของจักรวรรดิ โดยกองทัพเรือของศัตรูสามารถทะลุทะลวงเข้ามาทำลายการป้องกันของเมือง ทั้งเข่นฆ่า ข่มขืน และเผาทำลาย

 

สะพานที่ขบวนแห่ฉลองชัยชนะเคยข้ามจากภาพที่ 3 หักลงแล้วเพราะทานน้ำหนักจำนวนทหารกับฝูงชนที่พยายามลี้ภัยไม่ไหว อีกนัยหนึ่งก็คือสะพานที่เคยสนับสนุนผู้ปกครองกลับมาเสื่อมทรุดหักฮวบลงภาย ใต้น้ำหนักของกองทัพ เสาต่างๆ ของอาคารพักพัง ไฟไหม้ท่วมมาจากชั้นบนของพระราชวังบนริมฝั่งแม่น้ำ เรือที่เคยใช้ขยายการค้าและการสำรวจ ถูกเผาไหม้และจมลงไปในหล่มของสงคราม

 

รูปปั้นใหญ่ของทหารทางขวาสุดยืนหัวขาด มือขวาขาด แต่ยังคงถือโล่และพยายามก้าวไปข้างหน้าในอนาคตที่ไม่แน่นอน ชวนให้นึกถึงนักล่าในภาพที่ 1 และดูเหมือนรูปปั้น Gladiator ในพิพิธภัณฑ์ Louvre ที่ปารีส

 

ภาพนี้น่าจะได้รับอิทธพลจากเหตุการณ์ที่พวก Vandal บุกทำลายกรุงโรม (Vandal sack of Rome) ในยุคปี คศ.455

 

ระเบียงวิหารแบบ Doric กลายเป็นฐานที่มั่นสำหรับเครื่องปล่อยกระสุน แสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งอย่างรุนแรงของอารยธรรมก่อให้เกิดความด่างพร้อย ของศิลปะและศาสนา

 

ภาพมารดาร่ำไห้เพราะสูญเสียบุตร น่าจะได้อิทธิพลมาจากรายละเอียดของภาพวาดทีโอดอร์ของเมดูซ่า

 

ผู้หญิงที่หนีจากทหารที่ไล่ล่าข่มขืน แล้วกระโดดลงแม่น้ำตรงท่าเรือ สะท้อนถึงการล่มสลายของอารยธรรมอันศิวิไลซ์ กลายเป็นความรุนแรงทางเพศ

 

 

 

1394366_10201999723221892_1624417983_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

4 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

วิถีแห่งจักรวรรดิ 5/5

---------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง

26 ตุลาคม 2556

 

5. Desolation : ยุคเมืองร้าง

------------------------------

ภาพวาดที่ห้า Desolation แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการทำลายล้างในหลายปีต่อมา มีซากเมืองอยู่ท่ามกลางแสงมลังเมลืองของวันตาย ภูมิทัศน์เริ่มกลับไปเป็นที่รกร้างว่างเปล่าหรือกลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง โดยไม่มีมนุษย์เหลือเห็น มีแต่เศษซากของสถาปัตยกรรมเริ่มถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ตอไม้เริ่มโผล่มาในพื้นหลัง โค้งของสะพานแตกกับเสาค้ำวิหารยังมองเห็นอยู่ เสาใหญ่ต้นเดียวที่หลงเหลืออยู่กลายเป็นที่ทำรังของนก

 

ภาพนี้แสดงถึงอารยธรรมมนุษย์ที่ลดลง ภูเขาได้กลับไปสู่สภาพธรรมชาติ อันเป็นการสถาปนาพลังอำนาจของธรรมชาติขึ้นมาใหม่

 

ดวงจันทร์ในภาพยืนยันเวลาเป็นช่วงใกล้ค่ำ ทำให้วงจรของภาพทั้ง 5 ที่เริ่มต้นด้วยรัฐใกล้ธรรมชาติที่มีดวงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า มาบรรจบกันเป็นวงกลม

 

นกที่มาสร้างรังอยู่บนเสาที่ครั้งหนึ่งเคยค้ำยันวิหารทางศาสนาหรือวัง โดยคู่ของมันดื่มน้ำจากสระเบื้องล่าง น่าจะหมายถึงคู่ของสัตว์ที่รอดชีวิตจากน้ำท่วมในพระคัมภีร์ไบเบิล

 

ธรรมชาติค่อยๆ คืบคลานกลับคืนมาทดแทนซากปรักหักพังของจักรวรรดิ และแม้ว่านี่จะเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดของอารยธรรมกับจักรวรรดิ ซากปักหักพังของสถาปัตยกรรมก็ยังความงามบนความรันทดหดหู่ คล้ายความรู้สึกอัดอั้นตันใจ อาลัยอาวรณ์ ที่เราบางคนในวันนี้รู้สึกในทุกครั้งที่ไปมองซากความเจริญ ความเสื่อมสูญสลายของจักรวรรดิอโยธยาศรีรามเทพ

 

จากภาพที่ 1 ซึ่งกวางโดนไล่ล่า จนกลายมาเป็นภาพแกะสลักปูนปั้นบนจั่วหน้าหลังคาในยุคจักรวรรดิแห่งการบริโภค ในภาพที่ 3 บัดนี้กวางกลับมาได้รับอิสรภาพ จนสามารถมาเดินเตร่ได้อีกครั้ง

 

ซากเศษของผนังวิหาร Doric มีความหมายว่าวงจรธรรมชาติมีพลังสูงกว่าสิ่งที่มนุษย์สร้าง ไม่ว่ามนุษย์จะสร้างมันขึ้นมาด้วยวิธีการใด

 

ภาพทั้ง 5 ใน The Course of Empire (วิถีแห่งจักรวรรดิ) ของ Thomas Cole สามารถสะท้อนถึงวิวัฒนาการของมนุษย์ ของรัฐและจักรวรรดิ กับอารยธรรม ที่มีวงจรของมันได้อย่างลึกซึ้ง หากใครจะบอกว่า Thomas Cole ถือวิถีพุทธ ฉันจะเชื่ออย่างสนิทใจ

 

มีกลอนบทหนึ่งที่ George Byron Gordon ประพันธ์ไว้ และ Thomas Cole นำมาประกอบในโฆษณางานเปิดตัวภาพชุด “วิถีแห่งจักรวรรดิ” ตามจะเล่าต่อไป กลอนบทนี้แปลได้ว่า

 

คุณธรรมมีอยู่ในทุกเรื่องราวของมนุษย์ที่เล่าขานกันมา

ทุกเรื่องก็คืออดีตอันหมุนวนกลับมาที่เดิม

เริ่มจากเสรีภาพ ไปสู่ความรุ่งเรือง แล้วก็ล่มสลาย

จากความมั่งคั่ง ไปสู่ความเลวทราม การทุจริต และจบลงด้วยความป่าเถื่อน

ประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะมีเรื่องราวยาวนาน มากมายขนาดไหน

ก็ล้วนแต่เขียนสรุปได้เพียงหน้าเดียว

 

 

หวังว่าเรื่องราวนี้ที่พยายามสรุปและเพิ่มมุมคิดอย่างแสนจะยากลำบากผ่านการ วิจารณ์งานศิลปะเชิงปรัชญาในครั้งนี้ จะทำให้ผู้อ่านมองเรื่องราวของโลกได้แจ่มชัดขึ้น คาดเดาได้ดีขึ้น มองเกห็นปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมืองได้ลึกซี้งขึ้น และคิดได้ว่าเศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร แฝงแนวคิดอะไรไว้ และช่วยกันนำมาใช้ให้ทันก่อนที่เราจะผ่านพ้นช่วงปลายของยุคที่ 3 ในภาพ ไปเข้าสู่ยุคที่ 4

 

ดูภาพที่ชัดขึ้นได้ที่นี่

http://www.jcrows.com/cole.html

 

 

 

1379214_10201999739102289_1922459901_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยอมรับนับถือ เป็นผู้ตามคนที่เก่งและมีคุณธรรม

 

 

คนที่เก่งและมีคุณธรรม จะไม่มี moment ที่ผิดพลาดและเห็นแก่ตัวบ้างหรือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...