ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ฮ่าๆๆ อ่านแล้วแปล้บๆ ถ้าภาษาบ้านๆ เราก็เรียกว่าเงินจม สินะครับ

 

ภาษาบ้านๆเรียกว่า "โลภ" ล้วนๆครับ... ทำไมซื้อไม่ได้ถูกกว่านี้ว้าาาาา...

"รูงี้" เอาเงินก้อนหลังๆที่ซื้อของ ไปทำอย่างอื่น รอเหลือ ๑๑๐๐ ปีนี้แล้วก็ได้ ฯลฯ

 

ดีว่ากันเงินไว้เป็นส่วนๆ ไม่ค่อยรู้สึก "จม" นักครับ

:17

 

....

คนที่เก่งและมีคุณธรรม จะไม่มี moment ที่ผิดพลาดและเห็นแก่ตัวบ้างหรือ

 

เคยคิดเสมอว่า "ถ้าฉันอยู่ในตำแหน่ง ... /มีอำนาจเหมือน ..../ มีเงินเยอะเหมือน .... ฉันจะไม่ โกง/ชั่ว/ฮั้ว" หรอก

แต่เนื่องจากไม่เคยสัมผัส ตำแหน่ง/อำนาจ/เงิน ขนาดนั้น เลยไม่รู้ว่ามันหอมหวลอย่างไร

เมื่อถึงเวลาที่ผมได้สัมผัสมัน มันอาจจะทำให้ผมเมาเป๋เละเทะ จนโงหัวไม่ขึ้นก็ได้

 

 

ในยุคนี้... มองสื่อ "ตปท." มักจะหา มุมมอง แม่คิดแบบดีๆ และจริงใจ ได้จากรายการ "ตลก"

รัสเซลล์ แบรนด์ เป็นดาราตลกจากเกาะอังกฤษที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์เรื่องผู้นำ และ

ระดับชั้นทางเศรษฐกิจไว้ได้น่าสนใจ

 

ถ้าถนัดฟัง อังกฤษ สำเนียง อังกฤษ และสนใจเรื่องพวกนี้ แนะนำครับ

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรื่องความเท่าเทียม เห็นด้วย ว่าความจริงแล้วมันไม่เสมอกัน แต่ก็ต้องยอมรับความจริงเหมือนกัน ว่าระบบการศึกษา ระบบความเชื่อ มันช่างยัดเยียดว่า "เท่าเทียมกัน" เหลือเกิน ... เลยไม่แปลกใจที่เห็นคนออกมาเรียกร้องความเท่าเทียม

 

อันที่จริงแล้ว ความสามารถในการที่จะ "ยอมรับนับถือ เป็นผู้ตามคนที่เก่งและมีคุณธรรม" ก็เป็นความเก่งอย่างหนึ่ง นะครับ (อย่างน้อยผมคนนึงหล่ะ ที่ไม่เก่งในเรื่องนี้)

 

คำพูดข้างบน ไม่ได้ต้องการจะชม, กระทบ นะครับ บางคนอ่านอาจจะเข้าใจผมผิด .. ลองเปลี่ยนใหม่เป็นแบบนี้ดีไหม ..

 

"สุขภาพของคนสะท้อน สิ่งที่เขาเลือกทาน

คุณภาพของสิ่งที่คนเลือกทาน สะท้อนสุขภาพของเขา"

 

มันอยู่ที่วัฒนธรรมความเป็นมารากเหง้าด้วยน่ะครับ

ถ้ากลุ่มชนหนึ่งมีผู้นำที่ดี สอนเขาในเรื่องที่ทำแล้วจะเกิดผลดีทั้งต่อส่วนรวมและตัวเขา เมื่อเกิดผลดังว่า เขาก็จะเคารพนับถือเองโดยไม่ต้องบังคับแต่อย่างใด และความศรัทธาเชื่อถือจะตามมาเอง กลุ่มชนที่มีรากเหง้าแบบนี้จะเป็นผู้อ่อนน้อมโดยนิสัย

 

ถ้ากลุ่มชนใดเริ่มจากมีผู้นำที่ไม่ดี เกิดผลร้ายต่อชุมชนต่อตนเอง ต่อมากลุ่มชนนั้นก็จะมีแต่ความระแวง ไม่เชื่อถือใคร จะทำอะไรมองผลประโยชน์ตนไว้ก่อน เพราะกลัวจะถูกเอารัดเอาเปรียบ

 

คำว่าความเท่าเทียม มันเป็นตัวล่อของกิเลส จึงใช้ได้ผลเสมอ ความเป็นจริงจึงมักเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับอุดมคติ

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยอมรับนับถือ เป็นผู้ตามคนที่เก่งและมีคุณธรรม

 

 

คนที่เก่งและมีคุณธรรม จะไม่มี moment ที่ผิดพลาดและเห็นแก่ตัวบ้างหรือ

 

มีครับ มีแน่ๆ โดยเฉพาะคนที่เกิดมานี่ก็ต้องยอมรับว่าเพราะมีกิเลส ถ้าว่าตามหลักศาสนาพุทธ (ถ้าตามหลักคริสต์ก็อาจจะเรียกว่ามีบาปดั้งเิดิมหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ)

จึงไม่เกิดประโยชน์เลย ถ้าจะหวังสังคมอุดมคติ

เพียงแต่ผู้นำที่ดีหรือมีกิเลสเบาบางหน่อย+มีประสบการณ์ มองเห็นผลใกล้ไกล มากกว่าคนทั่วไป จะพาผู้ตามรอด เป็นตามกฏธรรมชาติทั่วไป

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เขาว่ามันจะเป็น ยาสระผมกลับหัวR(h&s) นะคะ :uu รอช้อนเพิ่มแถว1310+- อีกที :32 หลุุด1300 หนีให้ไวนะคะ :_06

post-2539-0-51569700-1382793372_thumb.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ คุณส้มโอมือ คุณwcg คุณmilo คุณMOR LEK คุณน้ำใสและทุกท่านครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เขาว่ามันจะเป็น ยาสระผมกลับหัวR(h&s) นะคะ :uu รอช้อนเพิ่มแถว1310+- อีกที :32 หลุุด1300 หนีให้ไวนะคะ :_06

เพื่อบางท่านไม่รู้จักh&s)http://marketiwa-thai.blogspot.com/2010/06/head-and-shoulder-top.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธุรกิจ

 

วันที่ 26 ตุลาคม 2556 11:00

นำเข้าทอง-ต่างชาติขนเงินกลับ ขาดดุลพุ่ง

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_538871_1.jpg

 

นำเข้าทองคำพุ่ง ต่างชาติขนเงินกลับ ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดกระจาย

 

 

 

รายงานนโยบายการเงินจัดทำขึ้นเป็น รายไตรมาส โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายการเงิน เพื่อสื่อสารแนวคิดและเหตุผลของการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของคณะ กรรมการต่อสาธารณชน และเพื่อเสนอกรอบประมาณการภาวะเศรษฐกิจ และแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ชัดเจนและมองไปข้างหน้า ในรายงานนโยบายการเงินเดือนตุลาคม 2556 มีประเด็นขาดดุลบัญชี เดินสะพัด ซึ่งเป็นจุดกังวลว่าอาจจะเป็นจุดอ่อนทำให้เกิดการโจมตีค่าเงินเหมือนเช่น วิกฤตการเงินในปี 2540 แต่ธปท.ยังมั่นใจว่าไม่น่าเป็นห่วง

"ธนาคารแห่งประเทศไทย" (ธปท.) เปิดเผย รายงานนโยบายการเงิน ประจำเดือน ต.ค.2556 โดยระบุว่า ตั้งแต่หลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ภาพรวมความเคลื่อนไหวของดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยมีแนวโน้มเกินดุลมาอย่างต่อ เนื่อง โดยปัจจัยที่ส่งเสริมให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลนั้น มาจากการเกินดุลการค้าเป็นหลัก ต่างจากช่วงก่อนปี 2540 ที่ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยขาดดุลอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จากการขาดดุลการ ค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ที่มีการนำเข้าสินค้าเพื่อลงทุน โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีความต้องการลงทุนเพื่อเก็งกำไรสูง รวมถึงการพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศเพื่อการลงทุน

ผลจากพฤติกรรมดังกล่าว ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆ ปรับสูงกว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนต่างชาติ สูญเสียความเชื่อมั่น ต่อเศรษฐกิจไทยและเกิดการโจมตีค่าเงินบาทเกิดขึ้น เนื่องจากประเทศไทยเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้าย โดยใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่คงที่ ไม่ได้เป็นระบบการปล่อยลอยตัวค่าเงินบาทในปัจจุบัน จนนำไปสู่การภาวะวิกฤติการเงินในปี 2540

แม้ในปี 2555 จนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาขาดดุลได้อีกครั้ง โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 สัดส่วนการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจะอยู่ที่ 6.7% แต่การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ในปัจจุบันนั้นต่างจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 อย่างมาก เนื่องจากการขาดดุลครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนความร้อนแรงของเศรษฐกิจหรือความไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ โดยการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในรอบนี้นั้นเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน

รายงานนโยบายการเงินของ ธปท.ระบุว่า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในรอบนี้มาจาก ปัจจัยแรกการนำเข้าทองคำ สุทธิเพิ่มขึ้นมาก ตามผลตอบแทนจากนักลงทุนให้ความนิยมและหันมาลงทุนทองคำมากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมา ความต้องการทองคำนั้น มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ตามความต้องการลงทุนทองคำส่วนหนึ่งมาจากภาวการณ์อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ใน ระดับต่ำ และการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มีความผันผวนรุนแรง ส่งผลให้นักลงทุนให้ความสนใจการลงทุนในทองคำมากขึ้น

แต่การนำเข้าทองคำ ไม่ได้มีผลต่อกิจกรรมในภาคเศรษฐกิจจริง ทั้งในภาคของการผลิต และไม่ก่อให้เกิดการจ้างงานมากนัก ดังนั้นการประเมินเสถียรภาพทางเศรษฐกิจจากภาวะดุลบัญชีเดินสะพัดควรพิจารณา จากดุลบัญชีเดินสะพัดไม่รวมทองคำเป็นหลัก หากไม่รวมทองคำเข้าไป ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยยังคงอยู่ในภาวะเกินดุล สะท้อนความสามารถในการแข่งขันของไทยไม่ให้ลดลงมากนัก

ปัจจัยต่อมานั้น มาจากกำไรและเงินส่งกลับประเทศสูงกว่าปกติ โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 กำไรและเงินส่งกลับประเทศของธุรกิจของนักลงทุนต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจ เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างรวดเร็วจาก อานิสงส์ของมาตรการคืนเงินภาษีรถยนต์คันแรก ผลักดันให้ผลประกอบการในปี 2555 นั้นออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้นักลงทุนต่างชาตินำส่งเงินและกำไรกลับต่างประเทศสูงกว่าช่วงปกติ

ขณะที่ อีกส่วนหนึ่งของกำไรของธุรกิจต่างชาติในประเทศไทยที่ไม่ได้ส่งกลับประเทศ แต่นำกลับมาลงทุนในประเทศไทยใหม่นั้น เพิ่มขึ้นตามผลประกอบการของภาคธุรกิจในปีก่อน แม้การรวมข้อมูลกำไรที่นำกลับมาลงทุน ( Reinvested Earnings) ที่เพิ่มขึ้น นับเป็นรายจ่ายในดุลบริการ ทั้งรายได้ และเงินโอน แต่รายจ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้ ไม่ได้มีความน่ากังวลแต่อย่างใด เพราะเป็นกำไรที่ผู้ประกอบการต่างชาตินำกลับมาลงทุนใหม่ในประเทศไทย และไม่ได้ทำให้ดุลการชำระเงินโดยรวมเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มดุลบัญชีเดินสะพัดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงที่เหลือของปี 2556 คาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดจะยังคงขาดดุลต่อ เนื่อง แต่จะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากไตรมาสที่ 2 จากดุลการค้าที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงสิ้นปีตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ ฟื้นตัว ในขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน มีแนวโน้มขาดดุลลดลงจากรายรับการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง

ประกอบกับการส่งกำไรและเงินปันผลกลับไปยังประเทศของผู้ประกอบการต่าง ชาติลดลง เนื่องจากผลประกอบการของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมยานยนต์จะลดลงมาตามมาตรการรถ ยนต์คันแรกของรัฐบาล ที่เริ่มทยอยหมดไป ไม่ร้อนแรงเหมือนปีที่ผ่าน ประกอบกับในไตรมาสที่ 4 ของปีการส่งกลับกำไรและเงินปันผลจะลดลงตามปัจจัยด้านฤดูกาล

ส่วนความเคลื่อนไหวของดุลบัญชีเดินสะพัดในระยะยาวนั้น ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย จะมีแนวโน้มขาดดุลต่อ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงประกอบกับความ สามารถในการแข่งขันของไทยในสินค้าบางชนิดนั้น โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ และแผงวงจรรวม ที่มีทิศทางลดลง จากความนิยมของอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแทบเล็ตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความนิยมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ลดลง ทำให้การส่งออกของไทยน่าจะได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวที่ช้ากว่าปกติ และการฟื้นตัวของการส่งออกของไทยนั้นจะมีการเติบโตที่ช้ากว่าประเทศอื่นในภูมิภาค

ต่างกับการนำเข้าสินค้านั้น คาดว่า จะขยายตัวตามแผนการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคของภาครัฐบาล ทั้งโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท และโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ทำให้ประเมินว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยนั้นจะเป็นที่น่ากังวลหรือไม่นั้น สิ่งที่สำคัญ คือ สาเหตุที่ทำให้การขาดดุล หากการขาดดุลบัญชี เดินสะพัดเกิดจากปัจจัยที่ส่งผลเสียต่อภาคเศรษฐกิจจริงและภาคการเงิน อาทิ การนำเข้าเพื่อบริโภคที่อาจจะขยายตัวมากจนเกินไป ทำให้ประเทศต้องมีภาระหนี้สินที่สูงขึ้นจากการพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศใน ขณะที่การลงทุนในประเทศอยู่ในระดับต่ำจะเป็นเรื่องที่น่ากังวล

เพราะสาเหตุเหล่านี้ นอกจากไม่ทำให้ประเทศไทยมีการเติบโตในระยะยาวแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงินและเสถียรภาพต่างประเทศของไทย ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีก็ถือว่าการขาดดุลบัญชี เดินสะพัดยังไม่สะท้อนภาวะที่น่ากังวลจนเกินไป รวมถึงปัจจุบันไทยใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวภายใต้การจัดการของ ธปท. ซึ่งมีความยืดหยุ่นและช่วยให้ดุลบัญชีเดินสะพัดสามารถปรับตัวได้ตามกลไกตลาด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

5 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

โอบามาจัดหนัก ย้ายทหารเป็นแผง

 

ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโอบามาย้ายทหารเข้ากรุไปแล้ว 197นาย นับว่าเป็นความพยายามที่จะรวบอำนาจทางทหาร โดยย้ายทหารที่ไม่ใช่สายของโอบามาออกไป

 

 

ปี2013 ย้าย9ตำแหน่ง ดังรายนามต่อไปนี้

 

Year: 2013 (9, so far).

1. Marine Col. Daren Margolin – Quantico – Oct. 18, 2013. Was in charge of Quantico’s Security Battalion.

2. Marine Major General C.M.M. Gurganus – Oct. 12, 2013. Commander Regional Command Southwest and I Marine Expeditionary Force (Forward) in Afghanistan.

3. AF Major Gen. Michael Carey – Oct. 8, 2013. 2-star commander of 20th Air Force. 3 wings of ICBMs. 450 nukes. Covered 3 AF bases across nation.

4. Navy Vice-Admiral Tim Guardina – Oct. 9, 2013. 3-star vice-commander all US nuclear forces (land/air/sea). Relieved of command. Demoted in rank to 2-stars.

5. Marine Major General Gregg A. Sturdevant – September 2013. Director of strategic planning and policy for U.S. Pacific Command and commander of the Aviation Wing At Camp Bastion, Afghanistan.

6. Marine Col. James Christmas – July 18, 2013. Commanded 22nd Marine Expeditionary Unit. Also, commanded the new Special-Purpose Marine Air-Ground Task Force Crisis Response Unit.

7. Army Brigadier General Bryan Roberts – May 2013. Commander, Ft. Jackson, SC.

8. Marine Gen. James Mattis – May 2013. Chief of CentCom.

9. Army Major General Ralph Baker – April 2013. Commander of Joint Task Force Horn of Africa at Camp Lemonnier in Djibouti, Africa

*********************************************************

ปี2012 ย้ายไป 28ตำแหน่ง

 

Year: 2012 (Overall total – 4 +24 = 28 Final total).

1. Marine General John R. Allen – Nov. 13, 2012. Commander, ISAF – International Security Assistance Force.

2. Army General David Petraeus – Nov. 9, 2012. Commander, International Security Assistance Force (ISAF) and Commander, U.S. Forces Afghanistan (USFOR-A). Director of CIA from September 2011 to November 2012.

3. Navy Rear Admiral Charles M. Gaouette – Oct. 27, 2102. Commander, USS John C. Stennis strike group. Relieved within a day or so of Benghazi.

4. Army General Carter F. Ham – Oct. 18, 2012. Commander, AFRICOM. Relieved during Benghazi from direct command of AFRICOM.

******************************************************

 

ปี2012 ย้ายทหารเรือ24ตำแหน่ง

 

Naval Officers (all in 2012): Total – 24

1. Cmdr. Derick Armstrong, Commander, guided missile destroyer USS The Sullivans.

2. Cmdr. Martin Arriola, Commander, USS Porter.

3. Capt. Antonio Cardoso, Commander, of Training Support Center San Diego.

4. Capt. James CoBell, Commander, Oceana Naval Air Station’s Fleet Readiness Center Mid-Atlantic.

5. Cmdr. Joseph E. Darlak, Commander, USS Vandegrift.

6. Cmdr. Franklin Fernandez, Commander, Naval Mobile Construction Battalion 24.

7. Cmdr. Ray Hartman, Commander, amphibious dock-landing ship Fort McHenry.

8. Cmdr. Jon Haydel, Commander, USS San Diego.

9. Cmdr. Diego Hernandez, Commander, ballistic-missile submarine USS Wyoming.

10. Cmdr. Lee Hoey, Commander, Navy Drug Screening Laboratory, San Diego.

11. Cmdr. Dennis Klein, Commander, submarine USS Columbia.

12. Capt. Marcia “Kim” Lyons, Commander, Naval Health Clinic New England.

13. Capt. Chuck Litchfield, Commander, USS Essex.

14. Capt. Robert Marin, Commander, USS Cowpens.

15. Capt. Sean McDonell, Commander, Seabee reserve unit Naval Mobile Construction Battalion 14.

16. Cmdr. Corrine Parker, Commander, Fleet Logistics Support Squadron 1.

17. Capt. Lisa Raimondo, Commander, Naval Health Clinic Patuxent River, Md.

18. Capt. Jeffrey Riedel, Program manager, Littoral Combat Ship program.

19. Cmdr. Sara Santoski, Commander, Helicopter Mine Countermeasures Squadron 15.

20. Cmdr. Sheryl Tannahill, Commander, Navy Operational Support Center Nashville.

21. Cmdr. Michael Ward, Commander, USS Pittsburgh.

22. Capt. Michael Wiegand, Commander, Southwest Regional Maintenance Center.

23. Capt. Ted Williams, Commander, Mount Whitney.

24. Cmdr. Jeffrey Wissel, Commander, of Fleet Air Reconnaissance Squadron 1.

********************************************************

 

ปี2011 ย้าย158ตำแหน่ง

 

Year: 2011 Total – 1 + 157 = 158 overall

Army Major Gen. Peter Fuller – May 2011. A top U.S. commander in Afghanistan.

157 Air Force majors. Military advocates decry ‘illegal’ early terminations of 157 Air Force majors

**********************************************************

ปี2010 ย้าย1ตำแหน่ง

 

Year: 2010 Total – 1 ( total)

1. Army Gen. Stanley McChrystal – June 2010. Overall commander Afghanistan. Replaced by Gen. Petraeus.

**********************************************************

ปี 2009 ย้าย 1ตำแหน่ง

 

1. Year: 2009 Total – 1 (total)

Army Gen. David D. McKiernan – 2009. First 4-star relieved since Truman relieved MacArthur. Commanded in Afghanistan.~Breitbart Facebook Picture

 

http://www.torn-republic.com/2013/10/obamas-military-purge-removes-197.html

 

 

 

1380246_169013606628355_1155561096_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

6 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

หากเชื่อในคณิตศาสตร์ ให้ซื้อทองคำ

--------------------------------------

นสพ.ข่าวหุ้น

28 ตุลาคม 2556

 

เบรนต์ จอห์นสัน ซีอีโอ บริษัท ซินติเอโก แคปิตอล เชื่อว่า ปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐจะทำให้ทองคำดีดตัว 200 ดอลลาร์ในช่วง 2 เดือนข้างหน้า และเขาไม่แปลกใจเลยที่ราคาทองจะกลับไปอยู่ที่ 1,500 หรือ 1,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในปลายปีนี้

 

ทองคำไม่ได้แตะระดับ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์มาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ซึ่งในตอนนั้นมันได้ปรับตัวลงมากกว่า 200 ดอลลาร์ในเวลาแค่สองวัน แต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้มีการตกลงซื้อขายทองคำกันที่ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ราคาทองได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% โดยทะลุเหนือระดับ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งเดือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เนื่องจากมีแนวคิดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะยังคงกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายเงิน หลังจากที่ข้อมูลการอ้างสิทธิ์ของคนตกงานใหม่ในสหรัฐได้สร้างความผิดหวัง จึงทำให้เกิดความสนใจซื้อทองขึ้นมาใหม่

 

ราคาทองคำแท่งดีดตัวขึ้นหลังจากที่จำนวนชาวอเมริกันที่ไปขอรับสิทธิประโยชน์ ของคนตกงานใหม่ ลดลงน้อยกว่าที่คาดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ แรงซื้อทางเทคนิคก็ทำให้ทองปรับตัวขึ้นหลังจากที่มันทะลุระดับแนวต้านสำคัญ ซึ่งเป็นอัตราเฉลี่ยของการเคลื่อนไหวในรอบ 50 วัน ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์หลายคนอ้างว่า มีความสนใจซื้อตราสารล่วงหน้าทองคำสหรัฐสูงสุดในรอบสองเดือนเพราะคาดว่า ทองคำแท่งจะดีดตัวขึ้น

 

ราคาทองในตลาดสปอตก็ปรับตัวขึ้นเป็น 1,351.61 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน ส่วนตราสารทองคำสหรัฐที่จะส่งมอบในเดือนธันวาคม มีการตกลงซื้อขายในราคาที่สูงขึ้น 1.2% อยู่ที่ 1,350.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ทองยังมีความแข็งแกร่งเพราะการอ่อนตัวของเงินดอลลาร์ และเพราะผลตอบแทนพันธบัตรของกระทรวงการคลังสหรัฐวนเวียนใกล้ระดับต่ำสุดใน รอบสามเดือน หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการขอรับสิทธิประโยชน์ของคนตกงานใหม่ประจำ สัปดาห์

 

อย่างไรก็ดี จอห์นสันบอกว่า เขาสังเกตเห็นว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆ ทองคำอยู่ในระดับ “ต่ำมาก” ตัวอย่างล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม เมื่อเจฟฟรีย์ เคอร์รี่ หัวหน้าฝ่ายวิจัยโภคภัณฑ์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า จะเริ่มมีแรงเทขายทองคำแบบ "slam dunk sell" หลังจากที่การปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐยุติลง และมีการอภิปรายเกี่ยวกับเพดานหนี้

 

“บริษัทต่างๆ จากทั่วโลกกำลังบอกว่า “ให้เทขายทองคำ” ซึ่งนั่นคือ slam dunk sell ดังนั้น ยังมีอารมณ์ที่เป็นลบจำนวนมากอยู่ และมีการเทขายล่วงหน้ามากด้วย” จอห์นสัน กล่าว

 

สำหรับจอห์นสันแล้ว นี่คือข่าวดีอย่างแท้จริง เพราะทองจะดีดตัวเล็กน้อย และทันทีทันใด จากนั้นการขายล่วงหน้าเหล่านั้นจะเริ่มฟื้นตัว นักลงทุนจะเริ่มตระหนักว่า นโยบายคิวอียังคงอยู่ และไม่ได้ไปไหน และสิ่งต่างๆ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

 

“ผมหมายถึงว่า ทองสามารถดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนที่มันอ่อนตัวลง” จอห์นสัน กล่าว

 

ตามความเห็นของจอห์นสัน ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า หนี้สินทิ้งให้สหรัฐตกอยู่ในอันตราย และสถานการณ์นี้จะจบลงโดยที่เป็นผลดีต่อทองคำ

 

"สโลแกนอย่างไม่เป็นทางการของผมคือ คุณเชื่อมั่นในคณิตศาสตร์ หรือคุณเชื่อมั่นในมหัศจรรย์ แต่บังเอิญว่า ผมเชื่อมั่นในคณิตศาสตร์ และการคาดการณ์ที่ว่าระดับหนี้ของสหรัฐกำลังเริ่มที่จะเพิ่มมากขึ้นอย่างรวด เร็ว และแนวทางที่มีการออกแบบระบบนี้ขึ้นมา มันกำลังจะทำให้หนี้เพิ่มขึ้นอีก”

 

ทำไมเรื่องนี้จึงมีความหมายต่อทองคำ?

---------------------------------------

จอห์นสัน กล่าวว่า มีความสัมพันธ์สูงมากระหว่างฐานเงิน หนี้ของประเทศ และทองคำ และสำหรับภาพในระยะยาวนั่นคือตัวขับเคลื่อนหลักของทองคำ

 

ตามความเห็นของจอห์นสัน สหรัฐจะต้องสร้างเงินเฟ้อขึ้นอีกเพื่อชำระหนี้ และหากดอลลาร์สูญเสียมูลค่าเพราะเงินเฟ้อ จะต้องใช้เงินดอลลาร์เหล่านั้นมากขึ้นเพื่อที่จะซื้อทองคำหนึ่งออนซ์ ซึ่งผลที่ตามมาคือจะทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นมาก

 

จอห์นสันคิดว่า ทองคำได้ปรับฐานเสร็จแล้วเป็นส่วนใหญ่ และคาดว่าราคาทองจะสูงขึ้นอีกมากแม้ว่าจะเข้าสู่ปลายปีและเข้าสู่ปีหน้าแล้

<span style="font-size:18px;"><a class="_6i9" href="

rel="theater">

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Seam Arsenalการลงทุนด้วยระบบ II

12 ชั่วโมงที่แล้ว

 

น่าสนใจสกุลเงิน EUR ตอนนี้กำลัง bullish มากเลยทำให้ ดอลล่า เริ่มด้อยค่าเพราะ การเเข็งค่าของเงินยูโรเเต่มาถึงเเนวต้าน จิตวิทยา รอดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เเละจะส่งผลต่อ ดอลล่า เเละ ทองคำอย่างไร

1380721_628066487239935_962857192_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

8 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

จุดเริ่มต้นของจุดจบของเปโตรดอลล่าร์

 

Voice of Russia รายงานว่าซาอุดิ อาราเบียกำลังพิจรณาที่จะลดระดับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯอเมริกาลงอย่างจริง จัง เนื่องจากประธานาธิบดีโอบามาไม่ยอมจัดการกับซีเรียและมิหนำซ้ำกลับมีท่าที ที่จะฟื้นความสัมพันธ์กับอิหร่าน ซึ่งเป็นคู่อริของซาอุดิ อาราเบีย มีความเป็นไปได้ที่ความระหองระแหงใจนี้ จะนำไปสู่การลดความสำคัญของเปโตรดอลล่าร์ลงไป ซึ่งจะเป็นภัยต่อสถานภาพของดอลล่าร์ในฐานะเป็นเงินสกุลหลักของโลก เปโตรดอลล่าร์คือข้อตกลงที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน่ำมัน นำโดยซาอุฯ ที่จะขายน้ำมันเป็นดอลล่าร์ และจะนำรายได้ดอลล่าร์ รีไซเกิ็ลกลับไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเพื่อที่จะให้สหรัฐฯสามารถก่อหนี้ ได้ต่อไป ในทางกลับกันสหรัฐฯจะให้ความช่วยเหลือทางทหารและความมั่นคงกับกลุ่มประเทศ ผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางเป็นข้อแลกเปลี่ยน เปโตรดอลล่าร์เป็นเสาค้ำดอลล่าร์ ซึ่งพิมพ์ออกมาโดยไม่มีหลักทรัพย์อะไรหนุน

 

มีความเป็นไปได้ที่ซาอุฯ จะทะยอยทิ้งทรัพย์สินดอลล่าร์ที่ถืออยู่$690,000ล้าน ซึ่งเป็นรายได้จากการขายน้ำมัน โดยจะขายออกไปเพื่อถือทรัพย์สินอื่นของยุโรปหรือจีน ถ้าทำเช่นนั้น เปโตรดอลล่าร์จะอยู่ไม่ได้ และความสำคัญของค่าเงินดอลล่าร์ที่จะเป็นเงินสกุลหลักของโลกจะเสื่อมไป

 

thanong

27/10/2013

 

http://voiceofrussia.com/2013_10_27/The-beginning-of-the-end-for-the-petrodollar-2572/

 

 

 

644481_169205186609197_302711179_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีคนส่งจดหมายมาถามลุงจิม ซึ่งผมก็เคยเอะใจคิดเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร

สำหรับลุงจิม ดูเหมือนว่าลุงจิมจะมีมุมมองที่ไม่เหมือนกับผม ...

 

* * * * *

 

ถาม : ผมเป็นคนหนึ่งที่มีหนี้อสังหาฯอยู่ ถ้าจะโปะหนี้ให้หมดตอนนี้ จะใช้ทองคำ ๒๐๐๐ ออนซ์ ถ้าราคาไปถึง ๓๕๐๐ เหรียญอย่างที่ลุงจิมว่า จะใช้ทองคำเพียงแค่ ๓๐๐ ออนซ์เท่านั้น ... แต่ลุงกลับแนะนำว่า ให้พยายามล้างหนี้ และนำสินทรัพย์ทั้งหลายออกจากระบบให้หมด ... ซึ่งมันสวนทางกันจากการคำนวณตามข้างบน ลุงมีความเห็นว่าอย่างไร?

 

ตอบ : จากประวัติศาสตร์ เมื่อเงินถูกลดค่า หนี้ก็จะถูกลดค่าไปด้วย (นั่นหมายความว่า "ตัวเลข" ของจำนวนหนี้ ก็จะวิ่งเพิ่มขึ้นตามที่เงินถูกลดค่า) เพราะฉะนั้นแผนที่จะเอาทองคำมาใช้หนี้นั้น จะไม่สามารถใช้ได้ตามประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้น

 

http://www.jsmineset.com/2013/10/27/jims-mailbox-1387/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีคนส่งจดหมายมาถามลุงจิม ซึ่งผมก็เคยเอะใจคิดเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร

สำหรับลุงจิม ดูเหมือนว่าลุงจิมจะมีมุมมองที่ไม่เหมือนกับผม ...

 

* * * * *

 

ถาม : ผมเป็นคนหนึ่งที่มีหนี้อสังหาฯอยู่ ถ้าจะโปะหนี้ให้หมดตอนนี้ จะใช้ทองคำ ๒๐๐๐ ออนซ์ ถ้าราคาไปถึง ๓๕๐๐ เหรียญอย่างที่ลุงจิมว่า จะใช้ทองคำเพียงแค่ ๓๐๐ ออนซ์เท่านั้น ... แต่ลุงกลับแนะนำว่า ให้พยายามล้างหนี้ และนำสินทรัพย์ทั้งหลายออกจากระบบให้หมด ... ซึ่งมันสวนทางกันจากการคำนวณตามข้างบน ลุงมีความเห็นว่าอย่างไร?

 

ตอบ : จากประวัติศาสตร์ เมื่อเงินถูกลดค่า หนี้ก็จะถูกลดค่าไปด้วย (นั่นหมายความว่า "ตัวเลข" ของจำนวนหนี้ ก็จะวิ่งเพิ่มขึ้นตามที่เงินถูกลดค่า) เพราะฉะนั้นแผนที่จะเอาทองคำมาใช้หนี้นั้น จะไม่สามารถใช้ได้ตามประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้น

 

http://www.jsmineset...s-mailbox-1387/

 

เมื่อเช้าผมอ่านเว็ปลุงจิมผมว่ามันก็ทะแม่งๆไงชอบกล

ถ้าเป็นความคิดของผมเงินฝากควรจะเอาออกมานอกระบบ ส่วนหนี้ควรจะอยู่ในระบบ เพราะไม่ว่าค่าเงินจะลดลงยังไงหนี้เราก็ยังเป็นตัวเลขเท่าเดิม เช่นเอามาล้านนึง ยังไงยังไงก็เป็นล้านนึง(เว้นแต่ไม่จ่ายดอก แล้วดอกกลายเป็นต้น หนี้ถึงจะเพิ่ม)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อเช้าผมอ่านเว็ปลุงจิมผมว่ามันก็ทะแม่งๆไงชอบกล

ถ้าเป็นความคิดของผมเงินฝากควรจะเอาออกมานอกระบบ ส่วนหนี้ควรจะอยู่ในระบบ เพราะไม่ว่าค่าเงินจะลดลงยังไงหนี้เราก็ยังเป็นตัวเลขเท่าเดิม เช่นเอามาล้านนึง ยังไงยังไงก็เป็นล้านนึง(เว้นแต่ไม่จ่ายดอก แล้วดอกกลายเป็นต้น หนี้ถึงจะเพิ่ม)

นึกว่าผมงง คนเดียวซะอีก 555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อเช้าผมอ่านเว็ปลุงจิมผมว่ามันก็ทะแม่งๆไงชอบกล

ถ้าเป็นความคิดของผมเงินฝากควรจะเอาออกมานอกระบบ ส่วนหนี้ควรจะอยู่ในระบบ เพราะไม่ว่าค่าเงินจะลดลงยังไงหนี้เราก็ยังเป็นตัวเลขเท่าเดิม เช่นเอามาล้านนึง ยังไงยังไงก็เป็นล้านนึง(เว้นแต่ไม่จ่ายดอก แล้วดอกกลายเป็นต้น หนี้ถึงจะเพิ่ม)

 

ต้องดูกรอบของแกด้วยมั้งครับ ที่แกบอกว่าให้เอาเงิน "ออกมานอกระบบ" นี่คือให้เอามาฝากในฮ่องกง/สิงคโปร์/เอเชีย อะไรทำนองนี้ เพราะยุโรป อเมริกา และประเทศที่เจริญๆแล้วไม่ปลอดภัยอีกต่อไป (ตามความเห็นของแก)

 

ส่วนเรื่องหนี้ ถ้าให้พยายามเข้าใจแก ลองมานั่งคิดเล่นๆ ... ผมว่าแกมองในกรณีสุดๆ คือเกิดการ "รีเซ็ท" ระบบขึ้น รัฐบานอาจมีการออกกฏพิเศษออกมา (หรือมีเหตุการใดๆก็ตาม) ที่จะปรับเปลี่ยน "หนี้" ตามอัตราทดของเงินสกุลใหม่ด้วย ... (ถ้าดูปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงในอดีต จะมีการออกเงินสกุล "ใหม่" ขึ้นมาทดแทนเสมอ เพราะนับ ๐ กันไม่ไหว) --- แต่ตราบใดก็ตาม ถ้าไม่มีการ "รีเซ็ท" ระบบขึ้น เงินในสกุลเดิม ก็จะด้อยค่าลงเมื่อเทียบกับทองคำ การถือทองคำก่อนการ "รีเซ็ท" จะทำให้เราได้กำไร ตามที่คนถามมา

 

ก่อน :

ทอง(๑ ออนซ์) - ๑๐ เหรียญ(เก่า)

หนี้ - ๑๐ เหรียญ(เก่า)

 

หนี้:ทอง = ๑:๑

 

หลังล้างไพ่ :

๑ เหรียญ(ใหม่) - ๑๐,๐๐๐ เหรียญ(เก่า)

หนี้ - ๑๐๐,๐๐๐ เหรียญ(ใหม่)

ทอง(๑ ออนซ์) - ๑๐๐,๐๐๐ เหรียญ(ใหม่)

 

หนี้:ทอง = ๑:๑

 

พอจะฟังดูมีเหตุผลหรือเปล่าครับ?!

พิมพ์ไปงงไป...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...