ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

คุณกุ้งจริงใจ และอธิบายอย่างละเอียดเลยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สงครามช่วงชิงความมั่งคั่งระหว่าง “ทองคำ” กับ “กระดาษ”

ณ บ้านพระอาทิตย์

โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000128011

 

“ทองคำ” ถือได้ว่าเป็นสินทรัพย์ที่หลายประเทศเคยใช้หนุนหลังการพิมพ์ธนบัตรของชาติตัวเองมาแล้วมาก่อน เพราะคนจะเชื่อในกระดาษเงินตราได้ก็เพราะเชื่อว่าตัวเองไม่ต้องถือทองคำเดินไปเดินมา และให้ธนาคารกลางเป็นคนรับฝากทองคำเหล่านั้นพร้อมกับการออกกระดาษทดแทน เพื่อให้เชื่อว่ากระดาษเหล่านั้นมีมูลค่าเท่ากับทองคำที่ฝากเอาไว้กับธนาคารหรือธนาคารกลางของแต่ละประเทศ

 

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจผู้ชนะสงคราม ได้กำหนดตีมูลค่าทองคำผูกกับเงินดอลลาร์สหรัฐเอาไว้ที่ 35 ดอลลาร์เท่ากับทองคำ 1 ออนส์ เงินดอลลาร์สหรัฐกลายเป็นเงินสากลที่ถูกนำไปใช้ทั่วโลก และเมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐได้ถูกใช้ในการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างประเทศ ก็ยิ่งทำให้เงินดอลลาร์ได้ใช้มากกว่าปริมาณทองคำที่มีอยู่จริงในทุนสำรองของสหรัฐอเมริกา

 

ประกอบกับในช่วงเวลานั้นสหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่การทำสงครามยืดเยื้อกับเวียดนามและสงครามเย็นก่อให้เกิดการใช้จ่ายงบประมาณมหาศาล ทั้งขาดดุลการค้า ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ก็ยิ่งทำให้ทองคำที่มีอยู่ในทุนสำรองระหว่างประเทศนั้นมีน้อยกว่าเงินดอลลาร์ที่พิมพ์อยู่จริง ดังนั้นหากประเทศใดเอาดอลลาร์มาแลกทองคำกลับคืนก็ย่อมไม่มีทองคำให้เพียงพอ ด้วยเหตุนี้ ในปี พ.ศ. 2514 สหรัฐอเมริกาจึงประกาศหยุดการใช้ทองคำหนุนหลังเงินดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

 

และด้วยความคุ้นเคยหรือยอมจำนนของประเทศต่างๆในโลกได้ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสกุลหลักของโลกมาอย่างยาวนานโดยไม่ใครเคยคำนึงการหนุนหลังการพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ ประเทศไทยและอีกหลายประเทศก็เคยใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบตะกร้าเงินค่อนข้างคงที่ตรึงเอาไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินบาทเคยแข็งค่าตามเงินดอลลาร์สหรัฐ จนประเทศไทยมีความฟุ้งเฟ้อนำเข้าสินค้าต่างประเทศ ขาดดุลการค้า ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด แถมยังกู้หนี้ต่างประเทศมาใช้กันอย่างมโหฬาร จนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งในปี พ.ศ.2540 ประเทศไทยถูกโจมตีค่าเงินจนแทบหมดทุนสำรองระหว่างประเทศ จนต้องจำใจยอมลอยค่าเงิน และแก้กฎหมายเอื้อประโยชน์ให้กับต่างชาติ และปล่อยให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์และวาณิชธนกิจต่างชาติเข้ามาปล้นสินทรัพย์ของประเทศไทยในราคาถูกๆมาแล้ว

 

เพราะจริงๆ แล้วที่ผ่านมาทุนของสหรัฐอเมริกาเองไม่ค่อยได้สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเท่ากับความมั่งคั่งของวาณิชธนกิจ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และธนาคารซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นการที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งจึงเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐอเมริกาที่สามารถซื้อสินค้าและสินทรัพย์จากประทศต่างๆได้ราคาถูก แต่เป็นผลเสียต่อภาคการผลิต

 

นับตั้งแต่ประเทศในภูมิภาคเอเชียพากันอ่อนค่าเงิน ก็ได้ทำให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่กลายเป็นประเทศส่งออกที่กลับมาเกินดุลการค้า และเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง โรงงานอุตสาหกรรมได้ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในภูมิภาคนี้ตลอดระยะเวลา 14 ปี ประเทศในเอเชียหลายประเทศได้พลิกฟื้นจากสถานภาพลูกหนี้กลายเป็นประเทศเจ้าหนี้ เพราะเงินจำนวนมหาศาลที่ได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยว

 

ค่าเงินอ่อนของประเทศไทยและเอเชียก็ได้ทำให้ทุนการผลิตของสหรัฐอเมริกาย้ายฐานการผลิตของตัวเองไปยังประเทศในเอเชียมากยิ่งขึ้น ทำให้คนอเมริกันสูญเสียศักยภาพและความสามารถในการผลิต ซ้ำร้ายกว่านั้นสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นประเทศที่ขาดดุลการค้า ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด อย่างมโหฬาร

 

 

เมื่อการผลิตอยู่นอกประเทศ แถมนำเข้าแทนการผลิตในประเทศ ก็ย่อมทำให้เกิดการว่างงานเกิดขึ้นไปโดยปริยาย

 

ปัจจุบันหนี้ต่างประเทศ(ทั้งของรัฐบาลและเอกชน)ของอเมริกาสูงที่สุดในโลกถึง 14.82 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีทุนสำรองระหว่างประเทศเพียงแค่ 142,931 ล้านเหรียญสหรัฐ (มีหนี้ต่างประเทศมากกว่าทุนสำรองถึง 97 เท่าตัว) แต่ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกายังรอดมาได้ก็เพราะ

 

ประการแรก ยังออกพันธบัตรกู้จากประเทศต่างๆได้เรื่อยๆประการหนึ่งโดยที่ทุกประเทศทั่วโลกยังเชื่อในพันธบัตรของอเมริกา

 

ประการที่สอง สหรัฐอเมริกาก็ได้พิมพ์ธนบัตรเงินดอลลาร์ออกมาใช้เรื่อยๆโดยที่คนยังเชื่อในดอลลาร์ (ทั้งๆที่ไม่ต้องมีอะไรหนุนหลังการพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์เลย)

 

ประการที่สาม ประเทศต่างๆ ได้เงินดอลลาร์มาจากการค้าระหว่างประเทศอยากได้ผลตอบแทนจึงสมประโยชน์ที่จะได้ดอกเบี้ยจากการฝากเงินกับสหรัฐอเมริกาและซื้อพันธบัตรสหรัฐอเมริกา

 

ไม่ใช่เฉพาะอเมริกาเท่านั้น กลุ่มประเทศยุโรปที่สำคัญหลายแห่งต่างเป็นประเทศที่ขาดดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดกันอย่างมโหฬารทุกปีเช่นกัน ทั้ง กรีซ อังกฤษ อิตาลี สเปน ไอร์แลนด์ โปรตุเกส ฝรั่งเศส ด้วยเหตุนี้สหภาพยุโรปจึงจำเป็นออกพันธบัตรกู้เงินจำนวนมหาศาลดึงเงินจากเอเชียให้ไหลกลับมาเช่นกัน

 

ภาพ: แสดงพื้นที่ทุนสำรองหักลบลด้วยหนี้ต่างประเทศ (สีแดงมีหนี้ต่างประเทศมากกว่าทุนสำรองโดยเฉพาะอเมริกาและยุโรป) (สีเขียวมีทุนสำรองมากกว่าหนี้ต่างประเทศโดยเฉพาะจีน)blank.gif ในขณะที่สหภาพยุโรปได้ท้าทายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐด้วยการก่อตั้งเงินสกุล “ยูโร” ขึ้นมาในปี พ.ศ. 2542 ในครั้งนั้นทำให้โลกได้ถือเอาเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศประมาณ 70.9% ในขณะที่ยูโรมีอยู่ 17.9% ผ่านมา 12 ปีปรากฏว่าโลกถือเงินสกุลดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงเหลือ 60.7% และถือเป็นเงินยูโรเพิ่มขึ้นเป็น 26.6%

 

แต่ปัญหาสำคัญของสหภาพยุโรปก็คือการใช้เงินสกุลเดียวกันคือ “ยูโร” ทั้งๆที่แต่ละประเทศมีลักษณะทางเศรษฐกิจที่ต่างกัน อีกทั้งมีการตัดสินใจที่ไม่เป็นเอกภาพยากที่จะใช้เครื่องมือทางการเงินได้คล่องตัวเท่ากับสหรัฐอเมริกา เมื่อเกิดปัญหาหนี้เสียของกรีซจึงทำให้ปัญหาบานปลายถูกเปลือยอย่างล่อนจ้อนว่า หลายประเทศในยุโรปมีหนี้สินมหาศาลสภาพก็ไม่ต่างจากกรีซเช่นกัน ซึ่งจะเป็นผลทำให้เศรษฐกิจยุโรปล้มก่อนสหรัฐอเมริกา

 

แต่สิ่งที่ชดเชยการเสียเปรียบการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาและยุโรปก็คือ การสูบความมั่งคั่งจากภูมิภาคเอเชียกลับไป ดังนี้

1. ร่วมมือกันสูบพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติในตะวันออกกลางและเอเชียกลับคืนไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรป ทั้งการ่วมมือกันก่อสงคราม หรือใช้สายลับสร้างสถานการณ์ในภูมิภาคต่างๆ ตลอดจนอาจจะสนับสนุนผู้นำแต่ละประเทศที่จะเอื้อผลประโยชน์ให้กับอเมริกาและยุโรปมากที่สุด

 

เพราะการก่อสงครามเป็นการตอบสนองทุนผู้ผลิตอาวุธสงครามในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุนน้ำมันในอเมริกาก็ถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองก็จะได้ประโยชน์ในการเข้ายึดแหล่งพลังงานต่างๆ และเข้าสัมปทานสูบความมั่งคั่งเหล่านั้นกลับประเทศได้ด้วย

2. ใช้กองทุนเฮดจ์ฟันด์และวาณิชธนกิจซึ่งใช้ทั้งเงินและตลาดตราสารอนุพันธ์ในการเข้าโจมตีสูบความมั่งคั่งจากตลาดทุนและตลาดเงินในชาติต่างๆ กลับคืนสู่สหรัฐอเมริกาและยุโรป ด้วยเหตุผลนี้สหรัฐอเมริกาและยุโรปจึงใช้ทุกมาตรการและใช้เงินอย่างมหาศาลเพื่ออุ้มธนาคารที่จะเป็นแหล่งทุนของเหล่ากองทุนวาณิชธนกิจและกองทุนเฮดจ์ฟันด์ทั้งหลาย

 

แต่การกู้เงินอย่างมหาศาลในยุโรปเพื่ออุ้มธนาคารที่จะได้รับผลกระทบจากกรีซ และการพิมพ์แบงค์ดอลลาร์ของสหรัฐอเมริกาผ่านมาตรการ QE 1 และ QE 2 เพื่ออุ้มธนาคารในสหรัฐอเมริกานั้น ตลอดจนการที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาต้องกู้เงินฉุกเฉินเพื่อหาเงินมาคืนหนี้ที่ถึงกำหนดชำระ เป็นการกระตุกโลกอย่างรุนแรงให้มีสติว่า

 

ทำไมประเทศต่างๆต้องเชื่อในเงิน “ยูโร” และ “ดอลลาร์”ต่อไป?

 

ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ธนาคารในยุโรปเรียกเงินคืนจากเฮดจ์ฟันด์เพื่อมาถือเงินสดมาพยุงสถานภาพของธนาคารเพื่อรองรับการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซนั้น เฮดจ์ฟันด์ได้เทขายหุ้น ตราสารน้ำมัน และทองคำ เป็นผลทำให้ราคาดิ่งลงมาก และสัญชาตญาณของเฮดจ์ฟันด์ก็จะผสมโรงในการเทขายให้มากกว่าปกติเพื่อช้อนซื้อกลับทำกำไรมาแล้วหลายระลอกใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ดีได้มีบทพิสูจน์หลายครั้งตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็คือเมื่อเหล่าเฮดจ์ฟันด์เทขายทองคำและตราสารทองคำ ราคาทองคำก็ร่วงเหมือนกันแต่ทุกครั้งที่ราคาทองคำต่ำกว่า 1,600 เหรียญต่อทรอยออนส์ ก็จะมีแรงซื้อกลับมาเช่นกันทุกครั้ง ต่างจากหุ้นและน้ำมันที่เหล่าเฮดจ์ฟันด์ยังปั่นราคาแล้วขายทิ้ง ทุบราคเพื่อช้อนซื้อกลับในลักษณะที่บงการได้ง่ายกว่า

 

เพราะแม้ทุนเฮดจ์ฟันด์จะมีขนาดใหญ่โตและพยายามสร้างความปั่นป่วนในตลาดทองคำอย่างมาก แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับ “ทุนสำรองระหว่างประเทศทั่วโลก” ที่กำลังสะสมทองคำทุกครั้งที่ราคาต่ำลงมา แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางทั่วโลกกำลังแสวงหาทางเลือกอย่างอื่นที่ไม่ใช่ “กระดาษยูโร” หรือ “กระดาษดอลลาร์” และนั่นหมายความว่านับวัน ยุโรป และอเมริกา จะกู้เงินจากเอเชียได้ยากขึ้นทุกวัน

 

เนื่องจากทองคำในโลกมีจำกัด สหรัฐอเมริกาและยุโรปเป็นหนี้มหาศาลท่วมท้นแต่ถือทรัพย์สินทองคำมากที่สุดในโลกโดยไม่ปล่อยขายออกให้เอเชีย (เพราะต้องการบีบให้เอเชียต้องเข้ามาซื้อพันธบัตรสหรัฐอเมริกาและยุโรปต่อไป) ในขณะเดียวกันเอเชียซึ่งได้ชื่อว่ามีความมั่งคั่งร่ำรวยกลับถือทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรและธนบัตรสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่กำลังด้อยค่าลงทุกวัน ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ตลาดทองคำมีราคาสูงขึ้นและผันผวนอย่างมากเพราะหลายประเทศพยายามเร่งปรับทุนสำรองของตัวเองโดยการเพิ่มสัดส่วนทองคำมากขึ้น

 

วันนี้คนอเมริกันและยุโรปเริ่มต่อต้านทุนนิยมในตลาดหุ้นเพิ่มมากขึ้น เพราะปัญหาในประเทศที่มีปัญหาการว่างงานสูงขึ้น คนอเมริกันและยุโรปมีหนี้สินจำนวนมาก แต่รัฐบาลกลับใช้เงินอย่างมหาศาลในการอุ้มธนาคารเพื่อไปปล่อยกู้ให้กับกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในการปั่น-ทุบทำกำไรจากตลาดหุ้นทั่วโลก โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์ใดๆ

 

สิ่งที่ต้องจับตามองในภาวการณ์กดดันทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและยุโรปซึ่งจะลามไปการเมืองด้วย เรายังไม่รู้ว่าประเทศใดจะเป็นเหยื่อรายต่อไปในการก่อสงครามเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับสหรัฐอเมริกาและยุโรป และเรายังไม่รู้ว่าจะมีขบวนการแทรกแซงทางการเมืองหรือสร้างสถานการณ์เพื่อช่วงชิงพลังงานจากประเทศใด

 

ในขณะเดียวกันทั่วโลกต่างเริ่มจับตามองหาสินทรัพย์อย่างอื่นเพื่อแปลงดอลลาร์และยูโรในมือให้เป็นสินทรัพย์ที่มีค่ามากว่าแม้กระทั่งการล่าพื้นที่เพาะปลูกที่อุดมสมบูรณ์ทั่วโลกเพื่อรองรับวิกฤติอาหารของโลกที่กำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติทางธรรมชาติ

 

โดยเฉพาะประเทศไทยมีทั้งพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก มีแหล่งพลังงานที่มีคุณภาพสูงและมีมูลค่ามหาศาล เป็นที่หมายปองจากหลายชาติอยู่ไม่น้อย

 

ดังนั้นจึงได้แต่เพียงแจ้งว่า ไม่มีจะใครเฝ้าระวังรักษาผลประโยชน์อันมีค่าของประเทศไทยนี้ได้นอกจากคนไทยด้วยกันเองเท่านั้น!!!

post-2493-029069600 1317996687.jpg

ถูกแก้ไข โดย nicole 101

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นศ.ราชภัฏบุรีรัมย์เก็บขยะพบถุงเพชร-ทอง 10 ล.ส่งคืนเจ้าของ

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 ตุลาคม 2554 10:47 น.

 

 

บุรีรัมย์ - ไม่สิ้นคนดี หนุ่มนักศึกษา ม.ราชภัฏบุรีรัมย์ เก็บขยะขายหาเงินเรียน พบถุงใส่เพชรและทองมูลค่ากว่า 10 ล้าน ในถังขยะส่งคืนให้เจ้าของ หลังเจ้าของร้านแจ้ง ตร.ติดตามหาจ้าละหวั่น เจ้าของร้านทองเผยนำทองและเพชรไปซุกซ่อนในตะกร้าขยะ ไม่ใส่ตู้เซฟตบตาคนร้ายก่อนไปช่วยงานศพญาติตามอำเภอ พอกลับให้แม่บ้านทำความสะอาด ไม่ทราบนำไปทิ้งใส่ถังขยะ

 

ร.ต.ท.อภิเชษฐ์ ห้วยทราย ร้อยเวร สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจาก นางพัชร์นันท์ โล่น์เจริญวานิช เจ้าของร้าน “เพชรคุณหลวง” เลขที่ 94-96 ตั้งอยู่ถนนนิวาศ ข้างหอนาฬิกา เขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ว่าเพชร ทองคำแท่ง และทองคำรูปพรรณหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาทที่วางโชว์หน้าร้าน ซึ่งได้เก็บรวบรวมใส่ถุงพลาสติกนำไปวางซุกซ่อนในตะกร้าขยะภายในร้าน โดยไม่เก็บไว้ในตู้เซฟ เพื่อหวังตบตาคนร้ายที่อาจเข้ามาลักขโมยทรัพย์สินภายในร้าน ในช่วงที่ตนและครอบครัวเดินทางไปงานศพญาติที่ต่างๆ อำเภอหลายวัน

 

นางพัชร์นันท์ เล่าว่า หลังเสร็จจากงานศพญาติที่ต่างอำเภอก็เดินทางกลับมาเปิดร้านโดยได้ให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาด ในช่วงเย็นวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่แม่บ้านไม่ทราบในตะกร้าขยะมีถุงใส่เพชร ทองคำแท่ง และทองคำรูปพรรณเก็บไว้ จึงนำไปทิ้งที่ถังขยะหน้าบ้านพอรุ่งเช้าตนและครอบครัวได้เดินทางมาเพื่อจะเปิดร้านตามปกติ พบว่าถุงใส่เพชรและทองที่เก็บซุกซ่อนไว้ในตะกร้าขยะได้หายไป จึงสอบถามแม่บ้านก็ทราบว่าได้นำถุงดังกล่าวไปทิ้งถังขยะหน้าบ้านแล้ว

ตนและครอบครัวตกใจมากได้พยายามช่วยกันออกตามหา โดยเบื้องต้นได้ให้รถแบ็กโฮไปคุ้ยกองขยะ ที่บ่อเก็บขยะซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองกว่า 10 กิโลเมตร เพราะไม่อยากให้ใครทราบเรื่องเกรงทรัพย์สินจะสูญหาย แต่เมื่อคุ้ยขยะค้นหานานกว่าชั่วโมงก็ไม่พบถุงใส่เพชร และทองดังกล่าวจึงได้ตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตามหา

 

หลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมือง และตำรวจสายตรวจ 191 ก็ได้เดินทางไปตรวจสอบยังร้านที่เกิดเหตุ เมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ก็พบมีชายคนหนึ่งมาเก็บขยะหน้าบ้าน แต่เห็นภาพไม่ชัดเจน จึงไม่ทราบว่าเป็นใคร หลังจากนั้น ได้กระจายกำลังออกติดตามหาตัวโดยได้ตามหาตามบ้านของผู้ที่มีอาชีพเก็บหาของเก่า

 

จนล่าสุดมาทราบว่า นายทินภัทร พิมพ์พา อายุ 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์เป็นผู้มาเก็บขยะหน้าร้านทองดังกล่าว จึงตามไปที่บ้านเลขที่ 119 ม.9 ต.ชุมเห็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ ก็พบนายทินภัทร พร้อมนางจันที พิมพ์พา อายุ 42 ปีแม่ กำลังนำเพชรและทองที่เก็บได้ในถังขยะไปสอบถามชาวบ้านว่าเป็นของจริงหรือไม่ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครนำของจริงมาทิ้งขยะ

 

นายทินภัทร หรือ น้องอู่ บอกว่า ปัจจุบันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ชั้นปีที่ 1 แต่ด้วยครอบครัวมีฐานะยากจน ช่วงปิดเรียนเสาร์-อาทิตย์ และช่วงปิดเทอม จะขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วง ออกไปตระเวนเก็บขยะตามถังขยะในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ และรอบๆ ตัวเมืองช่วงเช้าและเย็น เพื่อนำไปขายหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว

 

จนวันเกิดเหตุได้ไปเก็บขยะที่ถังขยะหน้าร้าน “เพชรคุณหลวง” ก็เก็บขยะตามปกติ จนกลับมาที่บ้านนำขยะมาคัดแยกจึงพบเพชร และทองดังกล่าว แต่คิดว่าเป็นของปลอม เพราะคงไม่มีใครนำของจริงมาทิ้งขยะ จากนั้นแม่นำไปถามเพื่อนบ้านแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นของจริงหรือของปลอมหรือของจริง จึงนำไปเก็บใส่ถุงไว้เพื่อจะนำไปสอบถามเจ้าของร้าน และหากเป็นของจริงก็ตั้งใจจะนำไปคืนให้ จนมาทราบภายหลังว่าเป็นของจริง

 

จากนั้น นายทินภัทร พิมพ์พา ได้นำเพชร และทองที่เก็บได้ ไปส่งมอบคืนให้กับนางพัชร์นันท์ โล่น์เจริญวานิช เจ้าของร้าน “เพชรคุณหลวง” และครอบครัว ที่ สภ.เมือง ต่อหน้า ร.ต.ท.อภิเชษฐ์ ห้วยทราย ร้อยเวรฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

ขณะ นางพัชร์นันท์ โล่น์เจริญวานิช เจ้าของเพชรและทอง ได้แสดงน้ำใจมอบเงินจำนวน 10,000 บาท ให้กับ นายทินภัทร เพื่อเป็นทุนการศึกษา และเป็นรางวัลตอบแทนความดี ที่นำเพชรและทองคำทั้งหมดที่เก็บได้มาคืนให้ โดยไม่คิดจะนำไปขายหรือเก็บไว้เป็นของตัวเอง ถึงแม้ครอบครัวจะมีฐานะยากจน พร้อมทั้งยังได้มอบเช็คเงินสดอีกจำนวน 100,000 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว จนสามารถติดตามทรัพย์สินได้คืนทั้งหมด พร้อมได้กล่าวยกย่องนายทินภัทร และเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กรณีนี้ถ้าอ่านตามข่าว ผมคิดว่า น้องน่าจะได้ 100,000

ตำรวจได้ 10,000 น่าจะดูดีนะครับ อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

set บ้านเราขึ้นมาซะเยอะ !gd ไม่รู้ลด port กันไปบ้างหรือยัง ขึ้นแรงๆ พยายามลดออกไปให้มากที่สุดนะคะ อย่ามัวแต่คิดว่าซื้อมาราคาไหน แล้วขาดทุนเท่าไร (ถือต่อเดี๋ยวจะเยอะกว่านี้) มันขึ้นมา 70 จุด ก็เท่ากับว่าเราขาดทุนน้อยลงไป 5-10 % แล้ว (ตอนนี้เริ่มร่วงอีกแล้ว เมื่อเช้าบวกอยู่ตั้งเกือบ 20 ตอนนี้ติดลบ เหวี่ยงไปมาระหว่างวันร่วม 40 เหมือนทองเลย !53 )

 

หุ้นตอนนี้ดีแค่ชั่วคราว ความกังวลที่กรีซหรือธนาคารในยุโรปจะล้มภายในเดือน 2 เดือนนี้น่าจะยังไม่เกิด ตอนนี้แค่ชะลอให้หนองที่มันสุกงอมเต็มที่ยังไม่แตกแค่นั้น คอยเตรียมรับมือกับ tsunami ลูกใหม่ 850 อาจไม่ใช่จุดต่ำสุดของปีนี้ ปี 2008 แค่ธนาคารยักษ์ใหญ๋ล้ม set ยังลงไปได้ถึง 400 จุด อันใหม่นี่ระดับประเทศล้มหรือทวีปที่เคยเป็นมหาอำนาจล้ม มันจะซักกี่เท่าของที่เคยเกิด ปตท ที่ราคา 280 อาจจะเหลือราคาที่ต่ำกว่า 100 บาทใครจะไปรู้ !ee ขายแล้วนั่งนิ่งๆ อย่าผลีผลามเข้าซื้อคืนตอนมันลงมาแค่ไม่กี่วันนะ หุ้นขาลง จะใช้กลยุทธ ลงซื้อ ขึ้นขายไม่ได้ นะคะ ติดดอยได้ง่ายๆ เลยล่ะ ถึงมันขึ้นก็หัดนั่งเฉยๆ จนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย ค่อยลุย !53 โชคดีนะคะ !La (ขอโทษด้วยนะคะ !_087 ที่เอามาผสมๆ กับทองคำ เห็นมีคนถามหลายคน คนที่ไม่สนใจก็ข้ามๆ ไปนะคะ !30 )

 

ขอบคุณคะคุณกุ้งอธิบายละเอียดดีคะ ตกลงช่วงนี้ถ้าขึ้นอีกเราก็cut ของเก่าเพิ่มอีกใช่ไหมคะ ไม่ซื้อกลับ แล้วคุณกุ้งดูทาง TA น่าจะลงไปประมาณเท่าไหร่คะ จะได้รอรับกลับคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยุโรปสะดุ้ง!ฟิทช์หั่นอันดับความน่าเชื่อถืออิตาลี-สเปน2ชาติรวด

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 ตุลาคม 2554 02:02 น. Share

 

 

 

 

ชาวอิตาลีออกมาประท้วงมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านการศีกษาของรัฐบาลท่ามกลางวิกฤตหนี้ ที่ล่าสุดโรมก็ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถืออีกครั้ง

 

 

เอเอฟพี - ฟิทช์ หั่นอันดับความน่าเชื่อถือของ อิตาลีและสเปน 2 ชาติรวดเมื่อวันศุกร์(7) อ้างถึงแรงกดดันที่หนักหนา ขณะที่วิกฤตหนี้ยูโรโซนทำให้ความพยายามสร้างความเสถียรทางการคลังของสองประเทศเป็นไปได้ยากลำบากยิ่งขึ้น

 

บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ "ฟิทช์" ปรับลดเครดิตของอิตาลี ลง 1 ขั้นจาก AA- สู่ A+ จากแนวโน้มทางลบของเศรษฐกิจ หลังจากก่อนหน้านี้โรมก็เพิ่งถูกมูดีส์และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ลดอันดับความน่าเชื่อถือไปก่อนแล้ว ขณะที่ประเทศแห่งนี้กำลังตกอยู่ใต้แรงกดดันของตลาดเงินมากขึ้น

 

"การลดอันดับสะท้อนถึงความรุนแรงของวิกฤตหนี้ยูโรโซนก่อแรงสั่นสะเทือนต่อภาคการเงินและเศรษฐกิจของอิตาลีที่มีความอ่อนแออยู่ก่อนแล้ว" ฟิทช์ กล่าวในถ้อยแถลง พร้อมระบุว่าโน้มโน้มเรตติ้งระยะยาวของอิตาลีก็ยังเป็นลบ นั่นหมายความว่าโรมอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือเพิ่มเติมอีก

 

ฟิทช์ ระบุว่าด้วยภาวะหนี้สาธารณะระดับสูงและเงื่อนไขทางการคลังที่มาพร้อมกับความเป็นไปได้ของอัตราการเติบโตระดับต่ำทำให้อิตาลีมีความเสี่ยงโดยเฉพาะจากแรงเขย่าจากภายนอก"

 

บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือแห่งนี้บอกว่าแม้เมื่อเร็วๆนี้อิตาลีออกมาตรการรัดเข็มขัดต่างๆเพื่อส่งเสริมฐานะทางการคลัง แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อปฏิกิริยาตอบสนองอันชักช้าของรัฐบาลอิตาลีสำหรับรับมือกับวิกฤตหนี้ยุโรปที่ลุกลาม

 

ในวันเดียวกัน ฟิทช์ ก็ประกาศปรับลดเครดิตเรตติ้งสเปนลง 2 ขั้นจาก AA+ เหลือ AA- อ้างถึงการใช้จ่ายของรัฐบาลท้องถิ่น การเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอและวิกฤตหนี้ยูโรโซน ทั้งนี้ฟิทช์ มีมุมมองเชิงลบต่อสเปน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดอันดับลงอีกในอนาคต

 

"การปรับลดครั้งนี้สะท้อนถึง 2 ปัจจัย หนึ่งคือวิกฤตหนี้ที่รุนแรงของยุโรปและความเสี่ยงต่อภาวะขาดสมดุลทางการคลังจากการใช้จ่ายงบประมาณของบางแคว้น" ฟิทช์กล่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Ben Davies - Buy Gold, The Only Option Left is to Print Money

 

เขาบอกว่าซื้อทองนะพี่น้อง มีเพียงออพชั่นเดียวเท่านั้นที่จะยืดเวลาการเจ๊งคือพิมพ์เงิน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

555 ถ้าขโมยกล้าลงไปขนาดนั้นก็ให้มันเหอะ

...

 

อิอิ ช่องว่างในถังมันก็มีนี่นา ไม่ต้องใส่ลึกขนาดนั้นก็ได้tongue.gif

 

แบบนี้แสดงว่าพี่หมอไม่ได้ลงถัง (แซก) ... แต่ล้วงถังปาจำ... คิคิ ;)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

set บ้านเราขึ้นมาซะเยอะ !gd ไม่รู้ลด port กันไปบ้างหรือยัง ขึ้นแรงๆ พยายามลดออกไปให้มากที่สุดนะคะ อย่ามัวแต่คิดว่าซื้อมาราคาไหน แล้วขาดทุนเท่าไร (ถือต่อเดี๋ยวจะเยอะกว่านี้) มันขึ้นมา 70 จุด ก็เท่ากับว่าเราขาดทุนน้อยลงไป 5-10 % แล้ว (ตอนนี้เริ่มร่วงอีกแล้ว เมื่อเช้าบวกอยู่ตั้งเกือบ 20 ตอนนี้ติดลบ เหวี่ยงไปมาระหว่างวันร่วม 40 เหมือนทองเลย !53 )

 

หุ้นตอนนี้ดีแค่ชั่วคราว ความกังวลที่กรีซหรือธนาคารในยุโรปจะล้มภายในเดือน 2 เดือนนี้น่าจะยังไม่เกิด ตอนนี้แค่ชะลอให้หนองที่มันสุกงอมเต็มที่ยังไม่แตกแค่นั้น คอยเตรียมรับมือกับ tsunami ลูกใหม่ 850 อาจไม่ใช่จุดต่ำสุดของปีนี้ ปี 2008 แค่ธนาคารยักษ์ใหญ๋ล้ม set ยังลงไปได้ถึง 400 จุด อันใหม่นี่ระดับประเทศล้มหรือทวีปที่เคยเป็นมหาอำนาจล้ม มันจะซักกี่เท่าของที่เคยเกิด ปตท ที่ราคา 280 อาจจะเหลือราคาที่ต่ำกว่า 100 บาทใครจะไปรู้ !ee ขายแล้วนั่งนิ่งๆ อย่าผลีผลามเข้าซื้อคืนตอนมันลงมาแค่ไม่กี่วันนะ หุ้นขาลง จะใช้กลยุทธ ลงซื้อ ขึ้นขายไม่ได้ นะคะ ติดดอยได้ง่ายๆ เลยล่ะ ถึงมันขึ้นก็หัดนั่งเฉยๆ จนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย ค่อยลุย !53 โชคดีนะคะ !La (ขอโทษด้วยนะคะ !_087 ที่เอามาผสมๆ กับทองคำ เห็นมีคนถามหลายคน คนที่ไม่สนใจก็ข้ามๆ ไปนะคะ !30 )

พวกเรา(ในห้องนี้)ต่างหากที่ต้องขอบคุณๆ/กุ้ง/คุณหมอเล็ก/คุณส้มโอมือ/คุณWCG/คุณจ็อทCM/และทุกท่านที่ไม่ได้เอ่ยนามที่นำความรู้+(มั่งมี)มาให้ จากคนที่ความรู้น้อย/ขอบคุณจากใจจริงๆครับ :wub: :wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ได้แช่งให้เจ๊งน๊า แต่มันเจ๊งเห็นๆอยู่แล้ว

ดอกพันธบัตรอายุ 1 ปี ของกรีซปิดที่ 144% ไฮที่ 148.218%

 

 

http://www.bloomberg.com/quote/GGGB1YR:IND

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นี่ก็เจ๊งเห็นๆอีกประเทศนึง ...หนี้ของสเปนมากกว่า 1 ล้านล้านยูโรเป็นครั้งแรก

 

Spain's Net Foreign Debt Exceeds One Trillion Euros for First Time; How does US, Italy, UK, Australia Compare?

 

 

http://globaleconomi...xceeds-one.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พี่ MOR LEK คะ............ถ้าเกิดวิกฤตแล้ว แต่อเมริกาใช้แผน ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย จะเป็นไปได้ไหมคะ? และจีนเจ้าหนี้รายใหญ่ของอเมริกาจะทำอะไรได้บ้างคะ? :mellow: :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พี่ MOR LEK คะ............ถ้าเกิดวิกฤตแล้ว แต่อเมริกาใช้แผน ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย จะเป็นไปได้ไหมคะ? และจีนเจ้าหนี้รายใหญ่ของอเมริกาจะทำอะไรได้บ้างคะ? :mellow: :rolleyes:

 

อิอิ ไม่รู้จ้าว่ามันจะทำกันยังไง เพราะวิกฤติที่จะเกิดขึ้นมันรุนแรงกว่าทุกๆครั้ง ตั้งแต่มีโลกใบนี้มาsleep.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อิอิ ไม่รู้จ้าว่ามันจะทำกันยังไง เพราะวิกฤติที่จะเกิดขึ้นมันรุนแรงกว่าทุกๆครั้ง ตั้งแต่มีโลกใบนี้มาsleep.gif

 

 

:o :blink: :unsure: ...........งั้นภาวนาให้ ดาวหางชนโลกก่อน ดีไหมคะ ?

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...