ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

เด็กขายของ ขอคัดลอกบทความจาก Daily News online

 

*** หวั่นเกิดฟองสบู่ทองคำ ***

 

หากมองอีกมุมหนึ่ง การที่นักลงทุนเฮโลเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทองคำมาก ๆ อาจเป็นตัวเร่งให้เกิด “ภาวะฟองสบู่” เร็ว ขึ้น เพราะอยู่ในฝั่งซื้อมากเกินไป เหมือนธุรกิจหรือการลงทุนประเภทอื่นที่เมื่อมีแรงซื้อเข้ามามากจนดันราคา ติดลมบน ทำให้ราคา ทะยานขึ้นสูงเกินความเป็นจริง ซึ่งจากมุมมองของผู้คร่ำหวอดในธุรกิจทองคำอย่าง “พิชญา พิสุทธิกุล” เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ ให้ความเห็นว่า ภาวะฟองสบู่ในตลาดทองคำคงยังไม่เกิดขึ้นในปีนี้ แต่คงได้เห็นกันในปี 54 มากกว่า โดยประเมินว่าหากราคาปรับขึ้นไปถึง 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จะเป็นจุดที่ทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ได้ และหากคำนวณภายใต้สมมุติฐานที่เงินบาทระดับ 28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จาก ราคาทองคำในระดับดังกล่าว คงไม่ทำให้ราคาทองคำในประเทศแตะบาทละ 20,000 บาท ซึ่งอาจอยู่ที่บาทละ 19,900 บาท

 

เช่นเดียวกับ “บุญเลิศ สิริภัทรวณิช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด ที่มองว่า ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณฟองสบู่ของทองคำแล้ว หลังที่ผ่านมาราคาปรับขึ้นอย่างร้อนแรง ทำให้มีแรงซื้อหรือแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างหนาแน่น ซึ่งเป็นเหมือนกับตลาดอื่น ๆ ที่เคยเกิดฟองสบู่ แต่ตลาดทองคำจะแตกต่างจากตลาดอื่น ๆ ตรงที่พื้นฐานของทองคำยังแข็งแกร่ง อีกทั้งความต้องการยังเป็นไปตามความต้องการซื้อและขาย รวมทั้งมีเหตุผลรองรับมากกว่าการเก็งกำไรตามปกติ

 

ได้ฟังความเห็นจากกูรูทองคำเช่นนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจเริ่มหวาดกลัวและเกิดคำถามในใจตามมาว่า “ถึงเวลาที่จะเกิดฟองสบู่ในตลาดทองคำแล้วจริงหรือไม่” เพราะที่ผ่านมาคงปฏิเสธไม่ได้ว่าราคาทองคำได้ปรับขึ้นอย่างร้อนแรงฝ่ามรสุม เศรษฐกิจรอบ ด้านที่เต็มไปด้วยปัจจัยลบได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนักลงทุนเห็นว่าการลงทุนทองคำ เป็นการลงทุนที่มีแต่ได้กับได้ และยิ่งนานวันก็ยิ่งมีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากหากยังไม่พอใจราคาที่ขยับขึ้นก็ถือต่อไปได้ หากพอใจราคาเมื่อไหร่ก็ค่อยทยอยนำออกมาขาย

 

*** ตุนทองแล้วอุ่นใจ ***

 

สำนวนที่ว่ามีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่ เห็นทีจะจริงและเข้ากับยุคสมัยนี้ เพราะใครที่มีทองคำเก็บไว้จำนวนมาก นอกจากจะอุ่นใจที่มีสินทรัพย์ที่มั่นคงแล้ว ยังสามารถแปลงเป็นเงินก้อนโตเมื่อยามจำเป็นได้อีกด้วย แต่หลายคนอาจตกใจกับราคาทองคำที่สูงลิ่ว จนไม่กล้าเข้าไปซื้อหรือขายขออยู่นิ่ง ๆ และรอดูสถานการณ์ดีกว่า อย่างเช่น “สุรางค์ สร้อยทอง” อดีตข้าราชการเกษียณอายุ ที่ยอมรับว่า รู้สึก แปลกใจกับราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งเมื่อเห็นราคาทองที่พุ่งปรี๊ดขนาดนี้แล้ว ก็ไม่กล้าเข้าไปซื้อตุนเพิ่ม เพราะราคาแพงเกินไป นอกจากนี้ มองว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะนำออกมาขาย ทั้งที่ตนเองซื้อมาเก็บไว้ในต้นทุนที่ถูก เนื่องจากต้องการเก็บไว้เป็นสินทรัพย์ ด้วยเหตุที่มีความปลอดภัยและมั่นคง อีกทั้งยังรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้สะสมทองคำ

 

ขณะที่ “ชัยวัฒน์ บงกชเกตุสกุล” ที่ประกอบอาชีพค้าขาย ย่านดอนเมือง ซึ่งจัดได้ว่าเป็นนักเก็งกำไรทองคำตัวจริงเสียงจริง บอกว่า ได้ศึกษาการลงทุนทองคำ มานานพอสมควรแล้ว โดยศึกษาเองผ่าน บทวิเคราะห์และเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อ ปรับรูปแบบการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่ง ที่ผ่านมาได้ซื้อทองคำในต้นทุนบาทละ 16,000 บาท และเมื่อเห็นว่าราคาทองเริ่มขยับขึ้นแตะบาทละ 18,000 บาท ก็ได้ทยอยนำออกมาขาย หากช่วงไหน ที่เจอจังหวะที่ทองปรับลดลง จะเข้าซื้อเก็บสะสม เพราะด้วยความที่ตนเองประกอบอาชีพค้าขาย การซื้อทองคำเก็บไว้นอกจากจะช่วยสร้างกำไรให้งอกงามแล้ว ในบางครั้งยังช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ เพราะทองคำสามารถเก็บไว้ได้และขายง่าย

 

ส่วน “ต่อบุญ ธนะสมบูรณ์” นักบินของสายการบินไทย ที่เพิ่งเบนเข็มหันมาลงทุนทองคำอย่างจริงจัง บอกว่า ก่อนหน้านี้ตนจะซื้อเงินยูโรมาเก็บไว้ เพื่อหวังทำกำไร แต่พอระยะหลังค่าเงินยูโรตกลงมาก เลยประสบปัญหาขาดทุน ตนเลยมาศึกษาว่าควรจะลงทุนสินค้าประเภทไหนดีที่สามารถทำกำไรได้ดีและมีความ เสี่ยงน้อย ซึ่งก็มาลงเอยที่ทองคำ เนื่องจากมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้มาก ขณะที่มีความเสี่ยงน้อย เพราะหากปรับลดลงราคาจะลงประมาณ 50-100 บาทเท่านั้น แต่หากเพิ่มขึ้นจะขยับถึง 100-200 บาท

 

“ได้ซื้อทองสะสมไว้รวมประมาณ 100 บาททองคำ ในราคาต้นทุนที่บาทละ 17,500 บาท และเมื่อราคาทองคำขยับ ขึ้น 300-500 บาท ก็ทยอยแบ่งเทขายครั้งละ 20 บาททองคำ โดยเทขายครั้งล่าสุดในช่วงที่ทองคำปรับขึ้นอยู่ที่บาทละ 19,000 บาท ซึ่งได้จองราคาขายล่วงหน้าไว้กับร้านค้าทอง ส่วนในช่วงที่ราคาตกได้หาจังหวะเข้าซื้อสะสม เพื่อเก็งกำไรต่อไป โดยหลังจากซื้อ ๆ ขาย ๆ มาเป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน ทำให้มีกำไรจากการลงทุนทองคำร่วม 200,000 บาท”

 

ณ วันนี้ ทุกฝ่ายคงต้องจับตา ว่าตลาด “ทองคำ” จะก้าวเข้าสู่วิกฤติฟอง สบู่ เช่นเดียวกับสินทรัพย์อื่นที่เคยเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะการลงทุนในตลาดทองคำในเวลานี้…ไม่ใช่เป็นการลงทุนเพื่อการออมเงินไว้ ใช้ในอนาคตอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นการลงทุนเพื่อหวังผลกำไร เช่นเดียวกับการเก็งกำไรค่าเงิน อสังหาริมทรัพย์ หรือน้ำมัน ที่กำลังรองับเหยื่ออันโอชะอย่างแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ….

 

ขวัญหทัย แนวหล้า

Daily News Online > หน้าเศรษฐกิจ > จับตา'ฟองสบู่ทองคำ'แตก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคะพี่ขายของ สำหรับบทความดี ๆมานำเสนอ อ่านแล้วเก็บไว้เตือนใจตัวเองด้วย ติดตามต่อปาย.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ คุณเด็ดขายของ มากมายครับ..

 

 

ติดตามอ่านทุกเม้น ... !gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าอย่างนั้น...ขอเสียงขา S หน่อยครับ..

 

อิอิ.เกี่ยวกันรึเปล่าเนี่ย.. !ee

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าอย่างนั้น...ขอเสียงขา S หน่อยครับ..

 

อิอิ.เกี่ยวกันรึเปล่าเนี่ย.. 07baa27a.gif

 

ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2554 มาแล้ว ที่นักลงทุนฝรั่ง ไม่กล้าที่จะเข้าลงทุน ราคาทองจึง Sideway

หาทางไปไม่เจอ วิ่งวนไปวนมา อยู่แถวนี่แหละ คือว่า ดีกว่า อยู่เปล่าๆ

 

เดี๋ยว คง เย็นๆ พรุ่งนี้ ถึง ช่วงค่ำ ต่อจนถึง ค่ำอีกวัน ก็รู้แล้วแหละว่า หมู่ หรือ จ่า

 

โอ้โฮ คุณจ๋าย นี่เอาจริงเนอะ กะจะหาค่าทัวร์ไปเที่ยวเมืองจีน แถมมี Pocket Money ช็อปปิ้ง

อีกต่างหาก แถมถ้า Pocket Money เยอะ คงสั่งเครื่องบิน ขากลับ ช่วยแวะ ฮ่องกง สักคืนแน่ๆ

 

จริงไหมครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ถึงขนาดนั้นหลอกครับ..

 

 

แค่ขอเป็นค่าเทอมลูก และ ค่าเบียร์ ก็พอแร้วววว...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"นับแต่นี้ไป คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมของสัตว์โลกแล้ว"

 

 

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณ zagio และ เพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่าน ช่วงอาทิตย์นี้ ราคาทองวิ่งวนไปวนมาอยู่ในช่วงแคบๆ แถมตื่นเช้ามาก็กลับมาที่ราคาเดิม

พอราคาต่างประเทศขึ้นมีน้ำมีนวล ราคาประกาศน่าจะดีเมื่อรวมส่วนที่กั๊กไว้ ที่ไหนได้ ราคาประกาศออกมาเท่า Fair Price บางคืนรีบนอน

แต่หัวค่ำ เพราะ ราคาทองตลาดโลกลดลง US$13 หวังว่า จะรีบตื่นเช้าไปรอซื้อทองแถวเยาวราช ประกาศราคาฯ กั๊กสูงเท่าเดิม เวรกรรม

 

เลยไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟัง พอดี สายตาเหลือบไปเห็นกระดาษรายงาน ก็เลยคิดว่า วันนี้ ขอ เรื่อง ไข่ไกชั่งกิโล ดีกว่า

เพราะหลายๆ คนไม่เข้าใจนโยบายนี้ หรือ ไม่ก็เล่าเรื่อง เล่าสาเหตุไม่จบ คิดเอาเองบ้างแบบเข้าข้างเอียง ก็เลยเอาความคิดของ

รัฐบาลฯ มาบอกต่อ เพื่อความเข้าใจดีกว่า ครับ

 

เรื่องเป็นอย่างนี้นะครับ นโยบายชั่งไข่ขาย รัฐบาลอนุมัติงบ 10 ล้านบาทนำร่อง เพื่อหวังสร้างทางเลือกในการขายไข่ไก่ให้

ผู้บริโภค และ เพิ่มยอดขายให้กับแม่ค้าในตลาดสดทั่วไป ตลาดนัด หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ไม่ได้ห้างร้านฯ ติดแอร์ ที่รับไข่ไก่ไปขาย

จากเอกชนรายใหญ่

 

ขอไม่พูดถึง คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์(เอ็กบอร์ด) เพราะจริงๆ ไม่มีอำนาจสั่งงานที่แท้จริงอยู่แล้ว

 

แนวทางชั่งไข่จำหน่าย เป็นแนวคิดของคณะทำงานนายกฯ ซึ่งอาจเป็นทางเลือกหนึ่งเท่านั้น ( ต้องย้ำแน่นๆ ว่า เป็นทางเลือก เพราะที่แพคใส่อยู่ในบรรจุภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อย เมื่อก่อนแพคหนึ่งมี 12 ฟอง เบอร์ 0 ราคา 65 บาท แต่เดี๋ยวนี้ ต้องมองดีๆ นะครับ เหลือแค่ 10 ฟอง ราคา 65 บาท ราคาเท่าเดิม จำนวนไข่หายไป 2 ฟอง ( แสดงว่า ไข่แพงขึ้น )

นายกฯ อภิสิทธิ์ ยังตอกย้ำกับคำพูดที่ว่า “คงไม่ถึงกับการสั่งยกเลิกการขายไข่แบบคัดเกรด เนื่องจากเป็นแนวทางที่ทั้งเอกชนและ

เกษตรกรผู้ผลิตลงทุนทำมานานซึ่งในระบบการค้าไข่เกือบทั้งระบบทำรูปแบบนี้ และมีประชาชนที่ทำงานอยู่ในขั้นตอนเหล่านี้

มากพอสมควร” ( เห็นไหมครับ คนเก่าที่เคยทำงาน ก็ไม่ได้เดือดร้อน หรือ กลายเป็นเหยื่อให้กับ นโยบายนี้ เพราะบางคนก็บอกว่า งั้น คนที่เคยทำงานในโรงงานคัดแยกไข่ไก่ ก็ตกงาน ผิดครับ หรือ ไม่ก็พูดไม่หมด )

 

เพราะเหตุใดถึงมีความพยายามผลักดันแนวคิดนี้

 

คำตอบ ปรากฎอยู่ในพิมพ์เขียวของคณะทำงานนายกฯ ซึ่งได้กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์การสร้างระบบเศรษฐกิจเท่าเทียมและเป็นธรรม

ในเรื่องการลดค่าครองชีพเกี่ยวกับสินค้าอาหารประเภทปศุสัตว์ ซึ่งมิใช่แค่การสร้างความเป็นธรรมด้วยการนำไข่ชั่งกิโลจำหน่ายเท่านั้น

แต่เสนอแนวทางเป็นแบบ Package

 

เริ่มตั้งแต่ ความต้องการให้มีการ ลดต้นทุนการผลิตและให้ความช่วยเหลือด้านการตลาดแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร และไก่ไข่รายย่อย

โดยดำเนินการผ่านทางสหกรณ์ พุ่งเป้าให้ความช่วยเหลือดังนี้

 

1. ต้นทุนค่าอาหารสัตว์ทั้งสุกรและไก่ไข่ โดยการรวบรวมการซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์สำหรับกลุ่มเกษตรกร การผสมอาหารสัตว์ด้วยตนเอง

ผ่านทางการสนับสนุนเครื่องโม่และเครื่องผสมอาหาร รวมถึงการสร้างโกดังเก็บสินค้าสำหรับเก็บวัตถุดิบอาหารสัตว์ในช่วงที่ราคา

ถูกของฤดูการผลิต รวมทั้งให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นทุนหมุนเวียน

 

2. การเพิ่มประสิทธิภาพเลี้ยงสุกรและไข่ไก่ ผ่านทางการให้ความรู้และจัดโปรแกรมให้ทีมงานติดตามผลหลังการอบรม

 

( 2 ข้อนี้ ไม่สามารถกระทำได้ ตามพิมพ์เขียว ในโครงการเร่งด่วนเพื่อประชาชน เพราะ เอกชนรายใหญ่คุมเกมอยู่ และมีเส้นสายที่แน่น

พอควร การที่จะเข้าไปขอให้กรุณาลดค่าอาหารสัตว์ หรือ ค่าดำเนินการบริษัทฯ คงเป็นเรื่องยาก แต่ก็ยังไม่ได้มีแนวคิดจะทิ้ง ยังพยายาม

ที่จะสร้างและดำเนินการแบบ เศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน หมู่บ้าน ให้พึ่งพาตัวเอง ใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นให้มากขึ้น แล้วซื้อให้น้อยลง

เพื่อลดต้นทุนการผลิต )

 

ดังนั้น เมื่อ 2 ข้อแรก ไม่สามารถทำเป็นแผนเร่งด่วนได้ ทีมงานนายกฯไ ด้เสนอการเพิ่มช่องทางการขายให้กับเกษตรกรรายย่อย

โดยเสนอว่า ต้องมีการเพิ่มช่องทางขายไข่ไก่ตรงแก่ผู้บริโภค เพื่อลดผลกระทบจากการผันผวนของราคา รวมทั้งผลกระทบราคาไข่ไก่ตกต่ำ

โดยสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการกิจกรรม ให้ชาวบ้านในหมู่บ้านที่มีอาชีพเลี้ยงไก่ไข่ รวมตัวกันทำงาน

”การจัดช่องทางการจำหน่าย โดยตรงระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคไข่ไก่”

 

ดำเนินการโดยสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ร่วมกับ กรมส่งเสริมสหกรณ์และ ผ่านทางสำนักงานสหกรณ์จังหวัด โดยให้มีการจำหน่ายไข่ไก่ตรงสู่ผู้บริโภค และให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการขายตรงรวมถึง การสนับสนุนถาดพลาสติกบรรจุไข่ไก่ 30 ฟอง การประชาสัมพันธ์ด้านการตลาดและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจของสหกรณ์ 4 แห่ง ได้แก่

 

1. สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด

2. สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด

3. สหกรณ์ผู้เลี้ยงไข่ไก่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด

4. สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มน้ำน้อย

 

ขณะที่ข้อ 3 ระบุว่า การจัดจำหน่ายไข่ไก่เป็นกิโลกรัม โดยให้มีการจำหน่ายไข่ไก่คละเป็นกิโลกรัม ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซนต์ของจำนวนตลาดสดที่มีอยู่ประมาณ 150 แห่ง หรือประมาณ 30 แห่ง ตรงนี้ก็พอเห็นคำตอบว่า เป็นแค่การ

จัดจำหน่ายในลักษณะนำร่องเฉพาะบางตลาดสำคัญเท่านั้นมิใช่มาตรการ บังคับโดยทันที

 

อย่างไรก็ตามเป้าหมายจากการปรับเปลี่ยนมาเป็นชั่งกิโลกรัม ก็คือ จะทำให้ผู้บริโภคได้ซื้อไข่ไก่ถูกลงประมาณ 5-10 สตางค์ต่อฟอง

(ผ่านโครงการนำร่องระยะแรก) เพราะ เป็นการขายจากผู้ผลิตเกษตรกรโดยตรง ผ่านสหกรณ์ มายังผู้บริโภค ที่ซื้อของจากตลาดสด

แบบชาวบ้านนะครับ ไม่ใช่ แบบติดแอร์

 

ที่น่าสนใจ โครงการชั่งไข่จำหน่าย มีการระบุต้องใช้งบประมาณ 10,000,000 บาท หน่วยงานรับผิดชอบ กองส่งเสริมและพัฒนาระบบตลาด

กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ขณะที่โครงการลดต้นทุนการผลิต แก่เกษตรกรรายย่อย ( ข้อมูลข้างต้น) ใช้งบประมาณ 57,000,000 บาท หน่วยงานรับผิดชอบคือ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ / ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร ส่วนโครงการเพิ่มช่องทางการขายให้กับเกษตรกรรายย่อย ใช้งบ 6,000,000 บาท หน่วยงานรับผิดชอบ คือ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

สรุปในภาครวมทั้งหมด คือ รัฐฯ ตั้งนโยบายชั่งไข่ขาย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ให้ได้ซื้อไข่ราคาไม่แพง เพราะไม่มีต้นทุนการผลิต

ส่วนอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นมา ทั้ง แผนกคัดแยกขนาดไข่, แผนกบรรจุภัณฑ์, พลาสติกบรรจุ, กระดาษแปะบอกยี่ห้อ, แผนกเก็บสต็อคสินค้า, แผนกกระจายสินค้า, ค่าโฆษณาสินค้าที่บวกเป็นต้นทุนสินค้า, ต้นทุนค่าบริหารของกิจการที่ส่วนมากประมาณ 30 % ของต้นทุน และอื่นๆ อีกมากเกือบ 50% ของต้นทุนราคาผลิตไข่ไก่ ที่เล่ามาคือต้นทุนที่สร้างราคาให้ไข่ไก่ แพง

 

รัฐบาลฯ มีความประสงค์ ให้ผู้บริโภค ได้บริโภคไข่ไก่ ที่ราคายุติธรรม และ ผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อย ก็สามารถสร้างรายได้ และเพื่อให้

ทั้งสองฝ่ายมาเจอกัน คือ Demand & Supply นโยบายนี้ ก็เกิดขึ้น และผ่านนายหน้า เพียงแค่สหกรณ์ เท่านั้น จริงๆ ทุกวันนี้ ประชาชน

หาเช้ากินค่ำส่วนมาก ก็ซื้อไข่ไก่รับประทานจาก แม่ค้าแผงขายไก่ ในตลาดสด เป็นประจำอยู่แล้ว ก็จะเป็นการได้ไข่ราคาลดลง

ในกรณีการขายไข่ไก่ชั่งกิโล ก็ถือว่า เป็นการกระจายความเสี่ยงของสินค้าที่เหลือสต็อคอีกประการหนึ่ง เพราะในขนาดของไข่ไก่

บางคนก็ชอบไข่ใหญ่ บางคนก็ชอบไข่ขนาดกลาง ส่วนบางคนก็ชอบไข่ใบเล็ก แม่ค้า สามารถ ระบายสินค้าได้เกือบ 90 % โดยเหลือ

ตกค้างขายไม่ออก น้อยลง และแม่ค้าแต่ละคน แต่ละตลาด ก็สามารถปรับวิธีการขายในนโยบายชั่งกิโล ตามสะดวก ไม่ได้บังคับ โดย

อาจจะกองนี้ เบอร์ใหญ่ ราคากิโลละ 50 บาท เบอร์ 1 กิโลละ 48 บาท เบอร์ 2 กิโลละ 45 บาท ก็ทำได้ เพราะเป็นทางเลือก และ

สามารถปรับให้เกิดความสมดุลในแต่ละตลาดที่ไปจำหน่าย

 

แต่แม่ค้าที่รับไข่ไก่มาขาย สหกรณ์จะขายไข่ไก่ให้กับแม่ค้า ในราคาเป็นกิโล โดยที่ขนาดจะคละกันไป ทุกอย่างก็ต้องอยู่ที่การ

ปรับสมดุลของผู้ซื้อและผู้ขายเอง ครับ

 

ส่วนใครที่เคยซื้อไข่ไก่ตาม Supermarket, ร้านสะดวกซื้อ ก็เชิญซื้อแบบเดิมได้ เพราะก็ยังมีขายอยู่เป็นแพคเหมือนเดิมแต่อาจจะ 10 ฟอง

ไม่มีการกีดกันทางการค้า เพราะนโยบายรัฐ ต้องการให้เกิดการแข่งขัน ไม่ได้ผูกขาด โดยกลุ่มทุน เพียงไม่กี่คน

 

นี่แหละ คือ ความเล่าเรื่อง นโยบายชั่งไข่เป็นกิโล โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านนะครับ

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:rolleyes: แสดงความยินดีกับชาวไทยโกลด์ครับ

 

ทองกลับมาถึง 1350 ได้

 

ภาวะหมีจืดจาง ภาวะกระทิงชัดขึ้น

 

เดือนนี้ขอลุ้นให้กลับไป 1420

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ช่วงนี้ สำหรับน้องใหม่เริ่มต้น ลงทุนทองคำ สู้ สู้ นะครับ

ไม่กล้าไป Post ในห้อง แมงเม่าฯ เดี๋ยวเขาว่าเอา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันก่อน Post เรื่องชั่งไข่ขายเป็นกิโล เวปนี้ มัน เรื่องทองคำ นี่หว่า เขียนผิดเรื่องได้ยังไง

มิหน้าเล่า พี่ทองเลยโมโห วิ่งเป็นจรวด น้าโป๊ะ กร๊าก ซะแบบนั้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แด่ตัวเอง เด็กขายของ เจอมาหมด

 

ตอนนี้กำลังเจออยู่คะ....098eb4a5.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชายแดนไทย-เขมร ยิงกันตูมๆ ค่าเงินบาทอาจจะอ่อนค่าลง เพราะ ฝรั่งหลบชั่วคราว

ถอนกำลังทุน ซุ่มดูสถานการณ์ ถ้าทองขึ้นไป 1,375US$ เนินที่ซื้อ 19,750 คราวต้นเดือน

คงได้วิ่งกลับบ้านคว้ากำไร 100 บาท ก่อนแน่ๆ เลย เพราะ ใส่เสื้อผ้าแบบซักแห้งมาหลายวัน

 

จริงๆ วันนี้ รายงานตัวเลขสหรัฐฯ ออกมาดี แล้วจริงๆ ทองต้องลง แต่จะเหมือนเมื่อคืนนี้หรือเปล่า

ที่รายงานออกมาดี แต่ทองขึ้น เพราะมีปัจจัยอื่นๆ มาเกื้อหนุนเพียบ

1. ธนาคารกลางยุโรป คงอัตราดอกเบี้ย 1 % ตอนเย็นๆ

2. น้าเบนฯ พูด ทิศทางยังต้องดำเนินต่อไป

3. ประธานาธิบดีอียิปต์ กล่าวว่า จะอยู่ต่อถึงกันยา 54 เพื่อชาติ

4. ม็อบชนม็อบ ที่ อียิปต์ คนตายเพิ่มขึ้น สถานการณ์เลวร้าย

5. ราคาน้ำมันตลาด Blent ที่ต้องผ่าน คลองสุเอซ ขึ้นทะลุ เลย US$100

 

คืนนี้ ปัจจัย เกื่อหนุน มีน้อยมากๆ

1. จลาจลอียิปต์ เริ่มเดือดมากยิ่งขึ้น มีการเอารถบรรทุก รถดับเพลิง วิ่งชนม็อบ

2. สหรัฐฯ แจ้งให้อียิปต์ ต้องหาทางออกโดยเร็ว

3. เขมร ยิงปืนใหญ่ เข้ามาที่ไทย กรณีมี รถแทรกเตอร์ กำลังวิ่งมุ่งหน้าไปที่วัดฯ

4. ม็อบ จำลอง จะเอายังไงกันแน่

ข้อ 3 ข้อ 4 เกี่ยวข้องกับเงินบาทที่อาจจะอ่อนค่าลง เพราะเงินทุนต่างประเทศ ถอนออกจากตลาดหุ้น

จากเหตุปัจจัย ขายแบบตื่นตระหนก Panic Sale ตอน บ่าย 3 โมงครึ่ง ตั้งแต่เช้า หุ้นวิ่งขึ้นอยู่ดีๆ

หลังสี่โมง นักลงทุนหุ้น เซ็งไปเลย Weekend นี้ ไม่รู้จะได้ ข่มตาหลับ ข่มตานอน กันหรือเปล่า

เสียวกันเป็นอย่างมาก

 

ส่วนนักลงทุนทองคำ รอค่าเงินบาทที่อ่อนค่า มาช่วยเป็นบันไดทอดให้ลงจากเนินกันอย่างมาก

แล้วหวังอีกประเด็นคือ ราคาตลาดโลกมาแล้ว แต่ราคาสมาคมฯ ไม่ยอมมา นี่สิ ปัจจัยหลักฯ เลยครับ

 

ติดตามต่อไป ถ้าราคายังวิ่งๆ อยู่แถวนี้ หรือขึ้นไปอีกนิดหน่อย

 

19,550 / 19,650

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...