ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
moddang

ข้อคิดคำคม - เกร็ดความรู้

โพสต์แนะนำ

clip ดี ๆของไทยคนดูตั้ง 3 ล้านเศษแล้ว

 

ดูแล้ว...คิดเอง แล้วแต่มุมมองค่ะ

 

http://www.youtube.com/watch?v=Um9KsrH377A&feature=player_embedded

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ริบบิ้นสีฟ้า

 

ริบบิ้นสีฟ้า มีความรู้สึกดีๆ มาให้......

 

ครูคนหนึ่งที่นิวยอร์คตกลงใจจะแสดงความชื่นชมนักเรียนไฮสคูลชั้นปีสุดท้ายที่เธอสอน

ด้วยการบอกเขาเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าพิเศษต่างจากคนอื่นอย่างไรบ้าง

เธอเรียกนักเรียนทุกคนไปหน้าชั้นทีละคน

 

แรกสุดเธอบอกแต่ละคนว่า...พวกเขามีคุณค่าเพียงใด

ทั้งต่อตัวครูและต่อเพื่อนร่วมห้อง

จากนั้นเธอก็มอบริบบิ้นสีฟ้าพิมพ์ด้วยตัวหนังสือสีทองเป็นของขวัญให้

ข้อความบนริบบิ้นมีว่า... "ฉันเป็นคนมีคุณค่า"

 

จากนั้นครูให้นักเรียนทำงานกลุ่มของชั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่ง

ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อดูว่าการแสดงความชื่นชมยกย่องผู้อื่นส่งผลอย่างไรต่อคนในชุมชน

 

เธอมอบริบบิ้นแก่นักเรียนคนละสามเส้น ให้นักเรียนเผยแพร่การรับรู้และชื่นชมคุณค่าผู้อื่นในวงกว้างออกไป จากนั้นนักเรียนจะต้องติดตามผลและ ดูว่าใครยกย่องใครบ้าง แล้วนำกลับมารายงานในห้องภายในหนึ่งสัปดาห์

 

นักเรียนชายคนหนึ่งเข้าพบผู้บริหารระดับรองที่ทำงานในบริษัทใกล้ๆ เพื่อยกย่องที่ชายผู้นี้เคยช่วยเขาวางแผนอาชีพในอนาคต แล้วมอบริบบิ้น ติดให้บนเสื้อเชิ้ต

จากนั้นก็มอบริบบิ้นอีกสองเส้นที่เหลือพร้อมกับกล่าวว่า....

 

"เรากำลังทำงานกลุ่มของชั้นเรียนเกี่ยวกับเรื่องการแสดงความยกย่องชื่นชมผู้อื่นครับ ผมอยากขอให้คุณช่วยหาใครสักคนที่คุณต้องการยกย่อง แล้วให้ริบบิ้นเขา ส่วนอีกเส้นก็ให้เขาไว้สำหรับมอบให้คนต่อไป เพื่อเผยแพร่การยกย่องชื่นชมนี้ให้กระจายต่อไป แล้วช่วยกลับมาบอกผมด้วยครับว่าผลเป็นยังไงบ้าง"

 

ต่อมาในวันเดียวกัน ผู้บริหารท่านนี้เเข้าพบเจ้านายเขา

ซึ่งเป็นคนที่ใครๆ รู้กันดีว่าเกรี้ยวกราด อารมณ์ร้าย

 

เขานั่งลงคุยกับเจ้านาย บอกเจ้านายว่า... ลึกๆ เขายกย่องชื่นชมเจ้านายว่าเป็นผู้มีหัวคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ

 

ดูเหมือนเจ้านายเขาจะประหลาดใจอย่างยิ่ง

 

เขาถามเจ้านายว่าจะยินดีรับริบบิ้นสีฟ้าเป็นของขวัญแสดงความชื่นชม และอนุญาตให้เขาติดริบบิ้นให้ได้หรือไม่ เจ้านายผู้ประหลาดใจตอบว่าได้

 

เขาจึงติดริบบิ้นสีฟ้าเส้นนั้นบนปกเสื้อนอก บริเวณเหนือหัวใจ เมื่อเขามอบริบบิ้นเส้นสุดท้ายแก่เจ้านาย

 

เขาบอกเจ้านายว่า...ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ

ผมอยากให้เจ้านายช่วยส่งต่อริบบิ้นเส้นสุดท้ายนี้

ด้วยการยกย่องชื่นชมใครสักคน

พ่อหนุ่มที่ให้ริบบิ้นผมมาเป็นคนแรก

กำลังทำงานกลุ่มของชั้นอยู่ เขาอยากให้ช่วยกระจายการยกย่องชื่นชมนี้ให้เผยแพร่ในวงกว้างออกไป

แล้วดูว่าการทำแบบนี้ส่งผลต่อใครๆ ยังไงบ้าง

ค่ำวันนั้น....

ชายผู้เป็นเจ้านายกลับบ้านไปหาลูกชายวัยรุ่นอายุสิบสี่

เขาเรียกลูกชายให้นั่งลง แล้วกล่าวว่า

 

"วันนี้เกิดเรื่องเหลือเชื่อที่สุดกับพ่อ ตอนอยู่ห้องทำงาน ลูกน้องคนหนึ่ง เข้ามาบอกว่าเขาชื่นชมพ่อ แล้วให้ริบบิ้นเส้นหนึ่งเป็นการยกย่องว่าพ่อเป็นอัจริยะ เรื่องความมีหัวคิดสร้างสรรค์ ลองนึกดูเขาคิดว่าพ่อมีหัวคิดสร้างสรรค์เข้าขั้นอัจฉริยะเชียวนะ แล้วเขาก็เอาริบบิ้นเส้นนี้ที่เขียนว่าฉันเป็นคนมีคุณค่า ติดให้บนปกเสื้อนอกตรงหัวใจนี่แล้วยังให้ริบบิ้นพ่อมาอีกเส้น ให้พ่อมองหาใครสักคนที่จะยกย่องชื่นชมต่อ..."

 

"ระหว่างที่พ่อ ขับรถกลับบ้าน ก็คิดว่าริบบิ้นเส้นนี้จะให้ใครดี แล้วพ่อก็นึกถึงแก พ่ออยากชื่นชมแกนะ วันๆ

พ่อทำงานยุ่งเหยิงมาก พอกลับมาบ้านก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแกสักเท่าไร บางทียังอาละวาดอีก เรื่องแกเรียนได้เกรดไม่ดี เรื่องทำห้องนอนรก แต่ยังไงไม่รู้สิ

วันนี้พ่อกลับอยากนั่งลงตรงนี้กับแก อยากบอกว่าแกมีค่ากับพ่อมากแค่ไหน

นอกจากแม่แกแล้ว.... ก็มีแกนี่แหละที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตพ่อ แกเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมเลยแหละ แล้วพ่อก็รักแกนะ...

ด็กหนุ่มผู้ตื่นตะลึงเริ่มสะอื้น... แล้วก็สะอื้น...

เขาไม่อาจหยุดร้องไห้ ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว

เขาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวทั้งน้ำตา

 

"พ่อครับ เมื่อตอนเย็น ผมอยู่บนห้อง นั่งเขียนจดหมายถึงพ่อกับแม่ เพื่ออธิบายว่าทำไมผมถึงฆ่าตัวตาย

แล้วก็ขอให้พ่อยกโทษให้ผม ผมตั้งใจจะฆ่าตัวตายคืนนี้ตอนพ่อหลับ ผมคิดว่าพ่อไม่เคยแคร์ผมเลย

จดหมายอยู่บนห้องครับ แต่ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องการมันแล้วล่ะ"

 

พ่อของเด็กหนุ่มเดินขึ้นไปบนห้องพบจดหมายข้อความสะเทือนใจ บรรยายถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน

จดหมายฉบับนั้นจ่าหน้าถึงพ่อกับแม่

 

ชายผู้เป็นเจ้านายกลับไปที่ทำงานอย่างเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาเลิกเป็นคนขี้โมโหแต่จะพยายามทำทุกวิถีทาง

เพื่อให้พนักงานใต้บังคับบัญชารู้ว่าพวกเขามีค่าอย่างไรบ้าง

 

ส่วนชายผู้เป็นนักบริหารระดับรอง ก็ช่วยให้คำแนะนำเด็กหนุ่มอื่นๆ ต่อมาอีกหลายคน เรื่องการวางแผนอาชีพในอนาคต แล้วก็ไม่เคยลืมบอกเด็กเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าต่อชีวิตเขาอย่างไรบ้าง

 

หนึ่งในนั้นก็คือเด็กหนุ่มลูกชายเจ้านายเขา

 

ส่วนเด็กหนุ่มกับเพื่อนร่วมชั้นก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่าเรื่องหนึ่งนั่นคือ

เราต่างเป็นคนที่มีคุณค่า...ด้วยกันทั้งนั้น

 

ฉันขอสนับสนุนให้คุณส่งข้อความนี้ ไปให้เขาหรือเธอผู้นั้น เพื่อให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของคุณ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่า... การให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ มีคุณค่าแค่ไหนกับคนสักคน

 

ส่งเรื่องนี้ไปยังคนทุกคนที่คุณเห็นว่ามีความหมายต่อคุณมีความสำคัญต่อคุณ หรืออาจส่งไปให้คนหนึ่ง..สอง..หรือสามคนที่มีความหมายต่อคุณมากที่สุด หรือคุณอาจจะแค่ยิ้ม ที่ได้รู้ว่ามีใครบางคนคิดว่าคุณเป็นคนสำคัญ

ไม่งั้น คุณก็คงไม่ได้รับเมล์ฉบับนี้แต่แรก

จำไว้นะ ฉันให้ริบบิ้นสีฟ้าแก่คุณแล้ว....

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

481876qojaq5ujfk.gif

 

เลือดกรุ๊ปโอ จะมีกรดในกระเพาะอาหารสูง สามารถย่อยอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ควรกินอาหารจำพวกแป้งมากเกินไป เพราะจะย่อยยาก และเมื่อเกิดการสะสมแป้ง ร่างกายจะเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล และจะกลายเป็นโรคเบาหวานและทำให้อ้วนง่าย อาหารที่ควรทานคืออาหารจำพวกสาหร่าย เกลือไอโอดีน อาหารทะเล และควรกินตับ กินบลอกโคลี ผักโขม เพราะจะช่วยในเรื่องประสิทธิภาพการเผาผลาญมากขึ้น

 

เครื่องดื่มที่เหมาะกับเลือดกรุ๊ปโอ...คือ น้ำสัปปะรด น้ำลูกพรุน แต่ไม่ควรดื่มน้ำแอบเปิล น้ำส้ม น้ำกระหล่ำปลี

 

เลือดกรุ๊ปเอ กรุ๊ปนี้จะตรงข้ามกับกรุ๊ปโอแทบจะทุกอย่าง

 

เพราะเลือดกรุ๊ปนี้จะมีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ จึงเหมาะกับอาหารมังสวิรัติและควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ เพราะหากกินมากเกินไปร่างกายจะไม่ยอมย่อย ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่นโรคหัวใจและโรคมะเร็ง หากต้องการกินเนื้อจริงๆ ควรบริโภคแค่เนื้อไก่เพราะไม่มีไขมันมาก หรือกินถั่วเหลืองแทนเพื่อทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ แล้วควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกอาหารสำเร็จรูป เช่นไส้กรอก แฮม เพราะอาหารจำพวกนี้มีสารดินประสิวที่ไปกระตุ้นให้เกิดมะเร็งในกระเพาะอาหาร ควรหันมากินผักและอาหารจากถั่วเหลือง เพื่อช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

 

เครื่องดื่มที่เหมาะสมกับคนเลือดกรุ๊ปเอก็คือ น้ำแอปปริคอต น้ำแครอต น้ำเซเลรี [...]

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไดอารี่ของเพื่อนคนหนึ่ง ถึง คำว่า เพื่อน

 

 

 

68051-attachment.jpg

 

 

... การจะอยู่รวมกันในสังคมนั้น ต้องใช้เหตุและผล เป็นสำคัญ ...

... การเป็นคนที่มีเหตุผล ทำให้เรารู้จักและยอมรับในกฎเกณฑ์ของสังคม ...

 

68052-attachment.jpg

... และอยู่ร่วมกันในสังคมได้ ...

 

... แต่ระหว่าง "เพื่อน" ...

... ถ้าใช้แค่เพียง "เหตุผล" อาจจะไม่พอ ...

 

68053-attachment.jpg

 

 

... เพราะแต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ...

 

 

68054-attachment.jpg

 

... และเมื่อต่างยึดมั่น ถือมั่น ...

.. ในเหตุผลของตนเอง ...

... ทัศนคติก็จะไม่ตรงกัน ...

 

68055-attachment.jpg

 

... ทำให้เพื่อนลืมไปว่า ...

... เราเป็นอะไรที่มากกว่า แค่ "คนรู้จัก" กัน ...

 

68056-attachment.jpg

 

... สิ่งที่สำคัญกว่าเหตุผลคือ "ความเข้าใจ" ...

... แม้ทัศนคติจะไม่ตรงกัน แต่เพื่อนก็อยู่ด้วยกันได้ ...

... แค่ทำความเข้าใจในตัวตนของกันและกัน ...

 

 

68058-attachment.jpg

... และสิ่งนี้แหละ ทำให้เกิดคำว่า "เพื่อน" ทำให้เราเป็นมากกว่า ...

... แค่ "คนรู้จัก" กัน ...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

3 ()

 

!54 !031

 

1. คาถาคนทำงาน

ขั้น แรก…ท่อง นะโม 3 จบ ก่อน แล้วจึงค่อยท่องคาถานะ

อาจ จะมี … เซ็งไปบ้าง…ในบางครั้ง

อาจ จะมี …เบื่อกันบ้าง…. ในบางหน

อาจ จะมี …เหม็นขี้หน้า…กับบางคน <====== อัน นี้ โดน

พยายาม ทน ทำงานไป เพราะได้ตังค์ <====== อันนี้โดนก่า

 

2. คาถาปล่อยวาง

กู ว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา

เขา ไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยๆ

สาม ประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย

จง วางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย

 

3. คำสอนของพระพุทธเจ้า

อย่า ไปนึกว่า ‘ คนอื่น ‘ เหนือ กว่าเรา เพราะทำให้เกิดปมด้อย

อย่า ไปนึกว่า ‘ คนอื่น ‘ ต่ำ กว่าเรา เพราะทำให้เกิดทิฐิ

อย่า ไปนึกว่า ‘ คนอื่น ‘ เสมอ เท่าเรา เพราะทำให้เกิดการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น

จง นึกเสมอว่า ‘ คนอื่นทุกคน ‘ เป็น เพื่อนรวมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คำคม

 

 

 

นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ [ขงเบ้ง]

 

 

* มังกรถ้าไร้หัว หางก็ตีกันเอง ถ้าคานบนเอน คานล่างก็เบี้ยว ถ้าเสาเอกเฉียง เสาโทก็เฉ [ขงเบ้ง]

 

 

* เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา เพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา ท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้ [ขงเบ้ง]

 

 

* การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น [ขงเบ้ง]

 

 

* ผู้ ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่ [ขงเบ้ง]

 

 

* คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย [ขงเบ้ง]

 

 

*อำนาจที่ปราศจากเหตุผล คือ อำนาจของคนพาล อำนาจที่ปราศจากความเมตตา คือ อำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย [ขงเบ้ง]

 

 

:D ดวงอาทิตย์ทำให้ทุกสิ่งกระจ่างชัด แต่ เรายังต้องทำความเข้าใจในส่วนที่มืด ซึ่งยังคงดำรงอยู่ [ขงเบ้ง]

 

 

:o ความผิดพลาดของเมื่อวานนี้ คือบทเรียนสำหรับวันนี้ [โรแบร์โต บักจีโอ]

 

 

:) มนุษยสัมพันธ์คือพื้นฐานของความสำเร็จ[ดร.เทียม โชควัฒนา]

 

 

:blush: ถ้า ท่านเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น ท่านอาจเกิดความเย่อหยิ่งหรือรู้สึกขมขื่น เพราะในโลกนี้มีทั้งคนที่ดีกว่าและด้อยกว่าท่านเสมอ [แม็กซ์ เออร์มานน]

 

 

:rolleyes: คนที่ยิ่งใหญ่จริงๆ คือคนที่เป็นคนดีจริงๆ [จอร์จ แชปแมน]

 

 

* จัดการกับความผิดของผู้อื่นอย่างนุ่มนวลเช่นเดียวกับที่ท่านได้จัดการกับความผิดของตัวเอง [สุภาษิตจีน]

 

 

* คุณไม่มีวันที่จะมีอนาคตที่ดีกว่าวันนี้ ถ้าคุณมัวคิดถึง แต่อดีตที่ผ่านไปแล้ว [Charles F. Kettering]

 

 

*อย่ากลัว และอย่าพยายามปกปิดความล้มเหลว จงเรียนรู้จากความล้มเหลว และก้าวสู่ความท้าทายต่อไป [เอช. สแตนลี่ จัดด์]

 

 

*การใช้โอกาสเล็ก ๆ หลาย ๆ ครั้ง ให้เป็นประโยชน์ อาจทำให้ถึงที่หมายได้เร็วกว่า การรอคอยโอกาสใหญ่ เพียงครั้งเดียว [ฮิวจ์ อัลเลน] :wub:

 

 

* ตัวท่าน เป็นทั้งมิตร และศัตรูของท่านเอง [บากาวาด กิลตา]

 

 

*ชมเกินจริงเป็นโทษ ติเกินเหตุเสียน้ำใจ [ดร.เทียม โชควัฒนา]

 

 

* ความล้มเหลว คือความสำเร็จ ถ้าเราใช้ความล้มเหลวนั้นเป็นบทเรียน [ไมโรล์ม เอส.ฟอร์บี]

 

 

* เมื่อ คนคนหนึ่ง ได้ทำดีอย่างสุดความสามารถ โดยทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เพื่อครอบครัวและสังคม ก็ถือว่า เขาประสบความสำเร็จแล้ว [แมค ดักกลาส]

 

 

* ผู้บริหารที่ดีคือผู้ที่มีวิจารณญาณในการเลือกคนดีมาทำงาน และสามารถยับยั้งตนเองไม่ให้ก้าวก่ายการทำงานของเขาเหล่านั้น [ธีโอดอร์ รูสเวลท์]

 

 

* ทบทวนอดีต ศึกษาปัจจุบัน เพื่ออนาคต [ดร.เทียม โชควัฒนา]

 

 

* ความใกล้ชิดย่อมนำมาซึ่งความเข้าใจและผลงานที่ดี [ดร.เทียม โชควัฒนา]

 

 

*เกียรติที่สูง ไม่จำเป็นต้องให้ตัวเองอวดอ้าง [ดร.เทียม โชควัฒนา]

 

 

*ความกังวล คือการใช้จินตนาการอย่างผิดๆ [แมรี่ โครลี่ย์]

 

 

*ทำทุกอย่างให้ถูกต้องและเปิดเผย จะชนะใจคนได้ [ดร.เทียม โชควัฒนา]

 

 

*ความผิดพลาดมักเกิดจากสองสาเหตุ คือคิดแต่ไม่เคยทำ กับทำแต่ไม่เคยคิด [จอห์น ชาร์ลส์ ซาลัค]

 

 

*ไม่มีอะไรที่ง่ายเหมือนการหลอกตัวเอง เพราะเราต้องการอย่างใด เราก็เชื่ออย่างนั้น [ดีมอสธีนส์]

 

 

*เราห้ามคนคิดไม่ดีกับเราไม่ได้ แต่เราทำให้เขาคิดกับเราดีขึ้นได้ [บุญเกียรติ โชควัฒนา]

 

 

*ยากนักที่คนจะพัฒนาขึ้นได้ เมื่อไม่มีแบบอย่างอื่นใด นอกจากตนเองให้ลอกเลียน [โกลด์ สมิธ]

 

 

*ทำดี ดีกว่าพูดดี [นิรนาม]

 

 

*เพียงท่านใส่ใจกับผลที่จะเกิดขึ้นมากพอ ท่านก็เกือบจะบรรลุผลแล้ว [วิลเลี่ยม เจมส์]

 

 

*เมื่อได้ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ทุกสถานการณ์ก็กลายเป็นโอกาสได้ [เฮเลน ชูลแมน]

 

 

*วิสัยทัศน์ที่ปราศจากการลงมือทำให้สำเร็จ อาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา [สตีเฟ่น เคส]

 

 

*อย่าค้นหาความผิดพลาด จงค้นหาวิธีเยียวยา [เฮนรี่ ฟอร์ด]

 

 

*เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่การไม่เคยล้ม แต่คือการลุกขึ้นมาสู้ใหม่ทุกครั้งที่ล้มลง [ขงจื้อ]

 

 

*ปัญหาคือการรู้ว่าจะทำอะไรต่อไป ทักษะคือการรู้ว่าจะทำอย่างไร และสิ่งที่ดีคือการลงมือทำ [เดวิด สตาร์ จอร์แดน]

 

 

*ความ แตกต่างระหว่างอุปสรรคและโอกาสนั้นหรือ อยู่ที่ทัศนคติของเราต่อเรื่องนั้นๆ ทุกโอกาสย่อมมีอุปสรรค และทุกอุปสรรคย่อมมีโอกาส [ซิลโลว์ แบกซ์เดอร์]

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านเจอครับเลยเอามาฝากพี่ๆน้องที่แม่ยังอยู่wub.gif

ผมโพสต์ไว้ในบล็อกของผมแล้วแต่เสียดายถ้าเรื่องดีไม่ถูกอ่านเลยมาแปะไว้ที่นี่ด้วย หากมีคนได้ประโยชน์ซักคนก็คุ้มแล้วครับcool.gif

เมื่อคุณเกิดมาในโลกนี้ แม่อุ้มคุณไว้ในอ้อมอก คุณขอบคุณแม่ด้วยการเปล่งเสียงร้องไห้

เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ แม่ป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ คุณขอบคุณแม่โดยการร้องไห้งอแง

เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ แม่สอนให้คุณหัดเดิน คุณขอบคุณแม่ด้วยการวิ่งหนีทุกครั้งที่แม่เรียกหา

เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ แม่ทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วยความรัก คุณขอบคุณแม่ด้วยการโยนจานลงบนพื้น

เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ แม่ให้ดินสอสีแก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการระบายสีเลอะเต็มบ้าน

เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ แม่แต่งชุดสวยๆ(หรือหล่อๆ)ให้คุณไปเที่ยว คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำชุดเลอะโคลน

เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ แม่ไปส่งคุณที่รร. คุณขอบคุณแม่ด้วยการร้องไห้ตะโกนว่า 'ไม่ไป... ไม่ไป... ไม่ไป...''

เมื่อคุณอายุ 7 ขวบ แม่ซื้อไอศกรีมให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว

เมื่อคุณอายุ 8 ขวบ แม่ซื้อลูกบอลให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำกระจกเพื่อนบ้านแตก

เมื่อคุณอายุ 9 ขวบ แม่สอนให้คุณเล่นเปียโน คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม

เมื่อคุณอายุ 10 ขวบ แม่พาคุณไปเรียนพิเศษและพาไปงานวันเกิดเพื่อน คุณขอบคุณแม่ด้วยการกระโดดลงจากรถโดยไม่คิดที่จะหันกลับมามอง

เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ แม่พาคุณกับเพื่อนไปดูหนัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการขอที่นั่งคนละแถว(หรือขอให้แม่ไม่ต้องดู)

เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ แม่เตือนคุณว่าอย่าดูทีวี คุณขอบคุณแม่ด้วยการรอให้แม่ไปข้างนอกแล้วดูต่อ

เมื่อคุณอายุ 13 ปี แม่บอกให้คุณตัดผม คุณขอบคุณแม่ด้วยการด่าแม่ว่า "แม่นี่...ไม่มีรสนิยมเลย ไม่ต้องกะหนู(ผม)หรอก"

เมื่อคุณอายุ 14 ปี แม่จ่ายเงินซัมเมอร์แคมป์ ที่แพงแสนแพงเพื่อให้คุณได้เรียนสิ่งที่ดีๆ คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เขียนจดหมายหาแม่ซักกะฉบับ

เมื่อคุณอายุ 15 ปี แม่กลับบ้านหลักงานเลิกอยากกอดคุณสักกอด คุณขอบคุณแม่ด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้อง

เมื่อคุณอายุ 16 ปี แม่สอนคุณขับรถ คุณขอบคุณแม่ด้วยการขับรถหนีแม่ไปเที่ยว

เมื่อคุณอายุ 17 ปี แม่จ่ายค่าเรียนกวดวิชา คุณขอบคุณแม่ด้วยการให้แม่ส่งข้างนอกเพื่อจะได้ไม่อายเพื่อน

เมื่อคุณอายุ 18 ปี แม่ร้องไห้ในวันที่คุณจบชั้นมัธยม คุณขอบคุณแม่ด้วยการฉลองยันเช้า

เมื่อคุณอายุ 19 ปี แม่รอโทรศัพท์สายสำคัญ คุณขอบคุณแม่ด้วยการใช้สายตลอดคืนนั้น

เมื่อคุณอายุ 20 ปี แม่ถามว่าคุณมีแฟนรึยัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการตอบว่า 'แม่อย่ามายุ่งกะหนู(ผม)เลย'

เมื่อคุณอายุ 21 ปี แม่แนะนำอาชีพของแม่ให้คุณทำในอนาคตของคุ ณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า 'หนู(ผม)ไม่อยากเป็นอย่างแม่'

เมื่อคุณอายุ 22 ปี แม่อยากกอดคุณในวันรับปริญญา คุณขอบคุณแม่ด้วยการกอดกับเพศตรงข้ามกับคุณ

เมื่อคุณอายุ 23 ปี แม่ซื้ออพาร์ตเม้นท์และเฟอร์นิเจอร์ให้แก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการว่ากับเพื่อนๆลับหลังว่า 'มันช่างเชยและน่าเกลียดเสียนี่กระไร'

เมื่อคุณอายุ 24 ปี แม่บอกให้คุณพาแฟนของคุณมาหาแม่ เมื่อคุณพามา แม่ถามพวกคุณว่าอนาคตวางแผนไว้ว่าอย่างไร คุณขอบคุณแม่ด้วยการจ้องเขม็งและพูดว่า 'แม่จะมายุ่งอะไรกะหนูอีกเนี่ย'

เมื่อคุณอายุ 25 ปี (สำหรับผู้ชาย)แม่ช่วยออกค่าสินสอดให้กับคุณ และบอกกับคุณว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า'อายคนอื่นเขาน่า แม่'

(สำหรับผู้หญิง)แม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานให้คุณ และบอกว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า'หนูอยากไปอยู่ต่างประเทศเพื่อจะได้สวีทกับแฟนโดยไม่มีแม่'

เมื่อคุณอายุ 30 ปี แม่โทรมาหาและแนะนำวิธีเลี้ยงเด็ก คุณขอบคุณแม่โดยการบอกว่า 'สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะค่ะแม่'

เมื่อคุณอายุ 40 ปี แม่โทรมาชวนคุณไปงานวันเกิดญาติ คุณขอบคุณแม่และญาติว่า 'ตอนนี้ไม่ว่างเลย'

เมื่อคุณอายุ 50 ปี แม่ชราและไม่สบาย อยากให้คุณดูแล คุณขอบคุณแม่ด้วยการบอกว่า 'มันเป็นภาระนะแม่ หนูมีงานอีกเยอะแยะ'

และแล้ววันหนึ่ง แม่จากคุณไปอย่างสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยทำมาก่อน จะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณ โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถึงความลึกซึ้งแด่'แม่'

ไม่มีอะไรมาแทนแม่ได้ แม้ว่าบางคราวแม่จะไม่ใช่คนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรือเห็นด้วยกับคุณ แต่ก็คือ'แม่ 'ของคุณ และเชื่อได้ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังคุณ ความกังวลของคุณ

ลองถามตัวเองดู คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้า ความกังวลใจไม่ว่าจากการงาน จากงานบ้าน หรือจากงานในครัวของแม่ไหม คุณเคยนึกถึงความทุกข์ของแม่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อคุณและทุกคนไหม

รักแม่ให้มาก แม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างการ เพราะเมื่อแม่จากไป จะเหลือเพียงความเสียใจและความทรงจำเท่านั้น

อย่าเพิกเฉยกับคนที่ใกล้หัวใจคุณที่สุด รัก'แม่'ให้มากกว่ารักตัวเอง แสดงให้แม่รู้ว่าคุณก็'รัก'ก่อนที่จะทำได้เพียงบอกรักกับ'รูป'ของแม่เท่านั้น

มีพี่คนหนึ่งเค้าเล่าให้ผมฟังว่าเค้ากอดเเละหอมเเก้มเเม่ทุกวันก่อนออกจากบ้าน

ผมก็บอกว่า ดีจัง อยากทำบ้างเเต่ไม่กล้า เขิน อาจเป็นเพราะเเม่ไม่ได้กอดผมมานานเเค่ไหนเเล้วก็ไม่รู้

ตั้งเเต่เกิดมายังจำไม่ได้เลยว่ากอดครั้งสุดท้ายของเเม่เมื่อไร

พี่คนนั้น ก็ตอบว่า เค้าก็เป็นเหมือนกัน เค้าไม่เคยกอดเเม่เลย

จนวันนึง เค้าไปเห็นคน ๆ นึง นอนกอดศพเเม่ เเล้วร้องไห้

เค้าก็คิดได้ว่าการกอดเเม่ในตอนนั้นมันไม่มีความหมายอีกเเล้ว

เเม่ไม่อยู่อีกต่อไปเเล้ว เเม่ไม่รับรู้อะไรเเล้วเค้าเลยกลับบ้านไปกอด เเละ หอมเเก้มเเม่

ซึ่งจริง ๆเเล้ว เเม่ของพี่เค้าก็อยากกอดลูกเช่นกันเเต่ไม่กล้า

หลังจากนั้นก่อนออกจากบ้านทุกครั้งเค้าก็จะกอดเเละหอมเเก้มเเม่

เเม่ก็จะยิ้มตอบกลับมาทุกครั้ง ดังนั้นผมคิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายไม่ใช่เหรอครับกับการที่เราจะเข้าไปกอดเเม่ หอมเเม่ ในตอนที่เรายังมีโอกาส

หากเรามาลองคิดดูเเล้วเเม่กอดเรามาตั้งเเต่เราเกิด เเม่อุ้มท้องเรามาตั้งเเต่เเม่ท้องจนเเม่คลอด

ไออุ่นเเละสัมผัสเหล่านั้นคุณอยากให้มันหวนกลับมาอีกครั้งไหม เพียงเเค่คุณลองกอดเเม่ดูสักครั้ง

ไม่เเน่บางทีท่านอาจจะรอให้คุณกอดอยู่ก็ได้ รอความรักจากคุณ จากลูกที่โอบกอดมาตั้งเเต่เกิด

เเล้วคุณก็อาจจะได้กลับไปสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นอีกครั้งหนึ่งครับ

วันนี้ยังไม่สายไปนะครับสำหรับการเริ่มต้น ลองคิดดูสิครับว่าคุณโชคดีเเค่ไหนที่วันนี้ยังมีเเม่ให้กอด

เเต่ใครบางคนเค้าอาจไม่มีเเม่ให้กอดอีกเเล้ว หรือไม่เคยรู้จักเเม้เเต่อ้อมกอดของเเม่ด้วยซ้ำ

เเล้ววันนี้คุณคิดจะเข้าไปกอดเเม่หรือยังครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ คุณ mor lek

 

-ขอบคุณมากนะคะ เป็นข้อคิดที่ดีมากเลยค่ะ ...จะเอาอะไรมาดูคลายเครียด เลยเด๋วเสียอารมย์ ต้องไปหาใหม่แล้ว :P

 

 

ขออนุญาตินำไปแปะที่บ้านใกล้เรือนเคียงนะคะ

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข้อคิดดีๆ สั้นๆ เตือนใจคุณ......

 

:rolleyes: :mellow:

 

บางครั้งการใช้ชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เราจำเป็นต้องมีหลักยึดเตือนใจ เพื่อให้อยู่ในสังคมอย่างสงบสุข และสง่างาม ไม่เว้นเเต่จะเป็นการปฏิบัติต่อคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อน เพื่อเป็นการรักษามิตรภาพให้ยืนยาว อีกทั้งยังเป็นการคบกันด้วยความจริงใจ ช่วยเหลือกันในยามมีความทุกข์ ในยามสุขก็แบ่งปันให้กันด้วยความจริงใจ

หากใครบอกว่า โอ้โหตั้ง 73 ข้อเชียวหรอ แต่ขอบอกว่าลองศึกษาดูก่อน มันไม่มากไม่มายและยากเย็นเกินไปที่เราจะปฏิบัติเลยจริงๆ

 

433964nztsbmvq0u.gif

 

1. เอาใจเขามาใส่ใจเรา

2. เชื่อมั่นตัวเอง

3. อย่ามองคนที่หน้าตา

4. กล้าคิด พูด และทำ

5. เมื่อมีเรื่อง จงหมั่นปรึกษาผู้อื่น

6. และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย

7. อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด

8. ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ

9. เปิดใจให้กว้าง

10. มองการณ์ไกล

 

11. วางแผนอนาคต

12. อย่าโทษตัวเอง

13. มีความรับผิดชอบ

14. ตอบแทนเมื่อได้รับ

15. ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้และไม่มี

16. อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด

17. คิดถึงส่วนรวมให้มาก

18. ดูแลตัวเองให้เป็น

19. รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี

20. อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า

 

21. อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียไปแล้ว

22. จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร

23. ที่ทำอยู่มีผลดี ผลเสีย มีประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์

24. อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก

25. ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น

26. อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตนเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน

27. คนไม่ผิดคือคนที่ใหม่เคยทำอะไร

28. ได้หน้าอย่าลืมหลัง

29. คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อนความรู้สึก แต่จงวางแผนที่จะดูแลมันไม่ให้เสีย

30. อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ

 

31. อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง

32. รู้จักแบ่งเวลา และหน้าที่

33. ทำประโยขน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง

34. อย่าเห็นแก่ตัว

35. อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

36. อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้

37. กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง

38. เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้

39. อย่าคิดว่าเขาไม่โทร.มา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทร.ไป

40. จงเป็นฝ่ายให้มากกว่าเป็นฝ่ายรับ

 

41. ดูแลบิดามารดาให้ดี คุณมีโอกาศ รีบทำซะก่อนที่จะไม่มี

42 .อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมา แต่คุนสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้

43. คำพูดเมื่อพูดไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้ ดังนั้น คิด ก่อนพูด

44. อย่าทุ่มเทในสิ่งที่ไร้ประโยชน์

45. คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด

46. ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วไม่สามารถเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้

47. หาจุดหมายให้กับชีวิต

48. เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น

49. ถ้างง เขียนหนังสือได้ แต่เขียนให้เป็นภาษา

50. วันๆหนึ่งคุณทำอะไรบ้าง ที่ไม่ใช่ กิน นอน เล่น

 

51. ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ

52. เพื่อนคุณก็เช่นกัน อย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล

53. ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง

54. คุณซื้อนาฬิกาได้ แต่คุณไม่สามารถซื้อเวลาได้

55. ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ถ้ามีกลับไปหาซะ

56. ตอนนี้คุณถึงเมื่อไหร่ ทำอะไรซะบ้าง

57. อย่ากล่าวคำขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามไปขอโทษ

58. ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ

59. ตอนนี้คนกำลังสบายอยู่ แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ หมดประโยชน์แล้วหรือ

60. ไม่ใช่ แล้วไง ต้องให้บอกต่อมั้ย

 

61. ทำอะไรก้อได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของคนอื่น

62. ตอนที่คนกำลังอ่านประโยคนี้ จงจำไว้ว่าคุณเป็นมนุษย์ และยังมีชีวิตอยู่

63. ใครเป็นคนทำให้คุนมีชีวิต ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง

64. ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกเขาว่ารักก้อเพียงพอแล้ว

65. อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน

66. ไม่มีกฏหมายข้อใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา

67. ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆ มีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีมั้ย หรือดูที่ราคาขนม

68. เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต

69. อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีคนพิมพ์คนนี้อีกคน

70. อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคดีที่สุด

 

71. อย่าพูดว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้า งั้นคุณก้อไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน

72. เหนื่อยนักก็หยุดพักซะบ้าง

73. อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคนเพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง

 

http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=7774281adef2df7b

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"การให้" คำนี้ คุณให้นิยาม มันไว้ อย่างไร....

 

:blush: :rolleyes: :wub:

 

 

 

1.การให้ หมายถึง...การทำอะไรก็ได้ ที่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้แบบที่เราพร้อมและยินดีที่จะทำ

ให้โดยที่เรา ไม่รู้ตัวว่าให้ ให้โดยที่เราเต็มใจจะให้ ให้รอยยิ้มก็คือให้ ให้เสียงหัวเราะก็คือให้

ให้ความคิดก็คือให้ ให้มิตรภาพก็คือให้ ให้คืออะไรทุกอย่างที่เราคนคนนึง สามารถจะทำได้

แค่เราทำค่ะ จับมือก็คือให้ กอดก็คือให้ อิอิก็คือให้.........นั้นคือความหมายของการให้ของพี่ค่ะ

 

2.การให้ มีความสำคัญแค่ไหน

สำคัญแค่ไหน...อยู่กับเวลานั้นคนที่ได้รับต้องการแค่ไหนค่ะ

ถ้าต้องการมากที่สุด แค่ 1 บาท กระเป๋าตังหาย มีค่าที่สุคค่ะ โทร.กลับบ้านได้ค่ะ

บางครั้งคนรับไม่รู้เลยถึงการให้ ก็มี

หรือบางครั้งคนรับ ไม่ต้องการแต่มีการให้ ก็มี

ความสำคัญ ขึ้นอยู่กับ การให้นั้น ส่งผลถึงใครค่ะ

 

การให้คือการที่เราสามารถทำให้คนอื่นมีความสุขได้

การให้คือการมอบความสุขให้ผู้รับได้รู้ถึงการมีความสุขอย่างง่ายๆเป็นอย่างไร

การให้ เราให้ได้ตลอดค่ะ...ให้อะไรก็ได้ที่เราอยากจะให้

ให้โดยไม่ต้องมองว่าคนรับคิดอย่างไร เพราะเค้าคิดได้มากมาย

ให้โดยไม่ต้องมองว่าเราจะได้อะไรคืนมาไหม

ให้โดยไม่ต้องมองว่า..เค้าจะเอาไปทำอะไรต่อ หรือ ให้ใครต่อ

แค่เราให้เป็น...นั้นเท่ากับเรารับค่ะ.

เพราะเราได้ให้ตามใจตัวเอง เราก็รับความสุขที่เราได้ทำตามใจตัวเองเช่นกันค่ะ

 

ให้......ให้......ให้.....มากเท่าไร....ตัวเราเองก็รับมากขึ้นเท่านั้นค่ะ

อย่ามองว่าใครจะคิดว่าเราให้เพราะอะไร เราไม่ต้องคอยตอบคำถามนั้นค่ะ

เราตอบตัวเองแค่ว่า...เราต้องการให้...และ จะให้ๆๆๆๆไปเรื่อยๆๆๆ

แค่นั้นพอค่ะ....น้องพี่..... ^_^

การให้ เกิดจากความพึงพอใจ ทำด้วยความสบายใจ มีความสุขที่จะทำ บางครั้งคนรับก็อาจไม่รู้ตัว

 

ความสำคัญของการให้ โดยพื้นฐานแล้ว คือ การลดความเห็นแก่ตัว

 

ถ้าทุกคนไม่รู้จักให้ เราจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ยากลำบากขึ้น B)

 

การให้โดยไม่หวังสิ่งใด ไม่หวังอะไรตอบแทน ให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ

 

ถ้าเรารู้จักการให้ เหมือนเราได้ปลดปล่อยตัวเองจากกิเลสอันครอบงำจิตใจ โลกนี้จะน่าขึ้นอีกเยอะ ถ้าโลกนี้มีแต่การให้ คงหรรษาดีพิลึก :D

 

 

การให้ ให้คือพอใจอยากจะให้ ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้ด้วยความเต็มใจและมีความสุขที่ได้ให้

 

การ ให้มีความสำคัแค่ไหน พี่คิดว่าสำคัญนะสำหรับสังคมปัจจุบัน บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องให้ที่เป็นเงินทองหรือสิ่งของเสมอไป ให้มันมีหลายอย่างไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นสิ่ง

 

ของ ให้ด้วยน้ำใจ ด้วยมิตรภาพ คนเราจะเป็นผู้รับฝ่ายเดียวคงไม่ได้ต้องเป็นฝ่ายให้คนอื่นบ้าง เพราะการให้คือการเสียสละอย่างหนึ่ง ^_^

 

การให้ ให้คือพอใจอยากจะให้ ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้ด้วยความเต็มใจและมีความสุขที่ได้ให้

 

การ ให้มีความสำคัแค่ไหน พี่คิดว่าสำคัญนะสำหรับสังคมปัจจุบัน บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องให้ที่เป็นเงินทองหรือสิ่งของเสมอไป ให้มันมีหลายอย่างไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นสิ่ง

 

ของ ให้ด้วยน้ำใจ ด้วยมิตรภาพ คนเราจะเป็นผู้รับฝ่ายเดียวคงไม่ได้ต้องเป็นฝ่ายให้คนอื่นบ้าง เพราะการให้คือการเสียสละอย่างหนึ่ง :lol:

 

 

http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=04e46a5e4a920a0a

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"การให้" คำนี้ คุณให้นิยาม มันไว้ อย่างไร....

 

 

ข้อสำคัญของการให้อีกหน่อยครับ คืออย่ายึดติดว่าจะต้องให้ และเมื่อให้แล้วอย่าหลงคิดว่าเราเป็นผู้ให้...เราดีกว่าคนอื่นhappy.gif

ถ้าหลง 2 ประเด็นนี้การให้เพื่อลดความตระหนี่ก็จะไม่ค่อยมีความหมายอะไร เพราะเพิ่มกิเลสเข้ามาในใจมากกว่าเดิมอีก cool.gif

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"การให้" คำนี้ คุณให้นิยาม มันไว้ อย่างไร....

 

:blush: :rolleyes: :wub:

 

สำหรับตัวเองการให้จะเป็นสิ่งที่คิดว่าสนองตัวเองค่ะ เพราะมีทั้งการให้ด้วยความสุจริตใจและการให้ที่แอบแฝง เพราะตัวเองยอมรับในกิเลสไม่ปฏิเสธมันแต่พยายามให้มันน้อยที่สุด ที่ว่าการให้ แอบแฝงเช่น ความจำเป็นต้องให้ เป็นหน้าที่ ประชด และไม่อยากเป็นผู้รับ และทุกสิ่งทุกอย่างก็คือเพื่อความสบายใจของตนเอง !031

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ คุณ morlek และคุณ mai

 

วันนี้ลองมาอ่านเรื่องดีๆบ้าง

 

FORWARD MAIL

 

มีร้านค้าแห่งหนึ่ง ติดประกาศขายลูกสุนัข 7 ตัว

เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็กๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวัน

แต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ

เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีราคาค่อนข้างแพง

 

 

วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน

เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่ง ก็มากระตุกชายเสื้อเขา

เขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่

 

 

เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขาย

ผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว

พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว

ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ?

เด็กบอกอย่างสุภาพ

 

 

อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่หลังร้านน่ะ

เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี

แล้วผิวปากเรียกสุนักทั้งเจ็ดออกมา

 

เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมา ทีละตัว

เขานับ...แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้น

ไหนว่ามีเจ็ดตัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ?

เด็กชายถาม

 

 

เจ้าของร้านตอบว่า

อ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัว

เพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี

มันก็เลยต้องคลานออกมา วิ่งมาพร้อมกับพี่ๆ ของมันไม่ได้

 

 

สิ้นคำเจ้าของร้าน

ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา

ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว

มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้าน

 

 

ลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ดๆ

เห็นได้ชัดว่า มันพยายามคลานมาหาเขา

หางของมันกระดิกดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ตลอดเวลา

มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย

ท่าทางจะชอบเขามาก

 

 

เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ?

 

 

ปกติ อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ

เจ้าของร้านตอบ

 

 

เด็กชายนิ่งอึ้งไป ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ

เขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้น

 

 

ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้

เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ

 

 

เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า

โอ๊ะ! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะ

ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรีๆ ไปเลย

 

 

เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป

ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า

 

ทำไมครับ

ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้?

 

 

ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะ

ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อมๆ พี่ๆ น้องๆ ของมัน

และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว

เพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้

ความจริง อาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ

ลองดูตัวอื่นดีไหม?

 

 

เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า

คุณอาดูอะไรนี่สิครับ

 

ว่าแล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น

 

เจ้าของร้านจึงได้เห็นว่า

ขาของเด็กชายคนนี้ เล็กลีบ เช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัข

แต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้

 

 

คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกัน

ผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ

วิ?งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้

อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ?

 

 

เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป

ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา

 

 

เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่า

ผมจะซื้อสุนัขตัวนี้ ในราคาสองพันบาท เท่ากับลูกหมาตัวอื่นๆ

แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ

ถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอา

ขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้

เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาท

คุณอาจะว่าอย่างไรครับ?

 

 

เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน

ทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจ

พลางกล่าวขอโทษขอโพย ในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป

 

เขาบอกว่าไม่ขัดข้อง

ที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้

และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย

พวกมันก ็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก.

 

...........................................

 

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า !031

 

อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก

 

ที่มา : นิทานสีขาว

เล่าโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทำอย่างไรให้เป็นทั้ง ....คนเก่ง และ คนดี ตอนที่ 2

 

!031 !30

 

สำหรับบทความตอนนี้เราจะมาพูดคุยกันถึง วิธีการปฏิบัติตนเพื่อให้เป็น “ คนดี ” เหตุ เพราะการเป็นคนเก่งเพียงอย่างเดียวนั้นก็ไม่สามารถทำให้คุณประสพความสำเร็จ ในหน้าที่การงานได้ และพบว่ามีหลายคนที่เป็นคนเก่งแต่กลับไม่มีใครยอมรับหรือให้ความช่วยเหลือใน การทำงาน … .. แล้วคุณเองล่ะเป็นคนดีที่ทุกคนยอมรับในตัวคุณมากน้อยแค่ไหน โดยขอให้คุณพิจารณาว่าคุณเคยประสพกับภาวการณ์หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้บ้างไหม

 

ยามลำบาก … หาคนช่วยเป็นไม่มี

 

พบ ว่าเมื่อคุณมีงานด่วนที่ต้องการหาคนช่วยเหลือ มักไม่ค่อยมีใครอยากทำงานให้กับคุณ ไม่มีใครอาสาทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ หรือทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือเวลาคุณขอข้อมูลจากใครก็มักจะไม่มีใครอยากส่งข้อมูลให้คุณ ไม่มีใครให้ความร่วมมือในการทำงานกับคุณเลย และในที่สุดก็จะส่งผลต่อเนื่องไปยังผลงานของคุณที่อาจไม่โดนใจหัวหน้างานเอา ซะเลย

 

มีแต่คนซุบซิบนินทา หรือว่าร้าย

 

โดยส่วนใหญ่คนที่ไม่มีใครชอบหน้าหรือไม่อยากพูดคุยต่อหน้าด้วยนั้นมักจะเป็น คนที่ได้รับการกล่าวถึงลับหลังหรือพูดง่าย ๆ ว่ามักจะถูกซุบซิบนินทาว่าร้าย คุณจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่นที่ไม่ถูกชะตากับคุณ และมักจะจับกลุ่มเวลาคุณไม่อยู่เพื่อพูดถึงคุณในทางที่ไม่สู้ดีนัก แบบชนิดที่ว่าเอาเรื่องคุณไปเมาส์กันสนุกสนาน

 

โดนซ้ำเติม … ยามเมื่อผิดพลาด

 

คุณ จะไม่ได้รับกำลังใจยามเมื่อทำผิดพลาด ดีไม่ดีคุณจะโดนตอกย้ำหรือซ้ำเติมเมื่อคุณทำงานพลาด ไม่มีใครเห็นใจหรือให้ความช่วยเหลือแก่คุณเลย พวกที่ไม่ชอบหน้าคุณมักจะชอบเห็นคุณโดนหัวหน้าต่อว่า ซึ่งอาจทำให้คุณหมดกำลังใจหรือเบื่อหน่ายไปกับการทำงานของคุณเอง เหตุเพราะคุณไม่มีเพื่อนหรือคนที่คอยปรับทุกข์ยามเมื่อคุณสิ้นหวังหรือหมด กำลังใจ

 

ไม่มีใครทักทาย หรือพูดคุยด้วย

 

วัน ๆ คุณจะนั่งอยู่คนเดียว ไม่พูดไม่จากับใคร นั่นอาจเนื่องมาจากการที่ไม่มีใครอยากพูดคุยกับคุณด้วย ซึ่งไม่มีใครอยากสบตาหรือคุยเล่นกับคุณ เวลาคุณเดินไปไหนต่อไหนจะรู้สึกเหมือนว่า “ ข้ามาคนเดียว ” หรือ รู้สึกว่า “ โดดเดี่ยวผู้น่ารัก ”

 

ขาดการยอมรับหรือสนับสนุนในหน้าที่การงาน

 

คุณ จะไม่เป็นที่ยอมรับต่อสังคมหรือบุคคลรอบข้าง และหากคุณก้าวขึ้นเป็นใหญ่เป็นโต ได้รับการเลื่อนตำแหน่งก็จะไม่มีใครสนับสนุนหรือให้ความเคารพหรือยอมรับใน ตัวคุณเลย ซึ่งคุณจะเป็นผู้ที่ไม่มีใครศรัทธาในตัวคุณ คอยซ้ำเติมและสมน้ำหน้าคุณหากคุณทำงานผิดพลาด

ดัง นั้นถึงแม้คุณจะเก่งแค่ไหน แต่หากคุณไม่เป็นคนดีแล้วล่ะก็ รับรองได้ว่างานที่คุณทำนั้นย่อมไม่บรรลุผลสำเร็จอย่างแน่นอน ซึ่งการปฏิบัติตนให้เป็นคนดี มีคนรัก เคารพและยอมรับศรัทธาในตัวคุณเองนั้น จะต้องมีพื้นฐานมาจาก

ให้ “ ความรัก ” : คุณ ต้องให้ “ ความรัก ” แก่ผู้อื่นก่อน เพราะความรักจะนำมาซึ่งความสงสารและความเห็นใจเมื่อเพื่อนของคุณหรือใครก็ ตามนั้นกำลังตกทุกข์ได้ยาก แล้วคุณเองจะต้องมอบรักให้กับคนที่รักหรือแสดงความเป็นมิตรกับคุณเท่านั้น หรือไม่ .... ไม่จำเป็นเสมอไปค่ะ ยิ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ชอบหน้าคุณ ชอบคัดค้านหรือไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณ หรือเป็นพวกที่มองคุณในทางลบ ไม่ว่าคุณจะทำหรือพูดอะไร .... พบว่ากลุ่มคนเหล่านี้คุณยิ่งจะต้องมอบความรักให้พวกเค้า คุณไม่ควรโต้ตอบคนที่ไม่ชอบหน้าคุณตามแบบฉบับที่พวกเค้าแสดงออกกับคุณ แต่ในทางตรงกันข้ามคุณยิ่งต้องให้ความช่วยเหลือและเห็นใจที่พวกเค้าแสดงออก ด้วยกิริยาหรือน้ำเสียงที่ก้าวร้าว

 

คิดแต่สิ่งดี : คน ดีจะต้องคิดดีหรือมองโลกในทางสร้างสรรค์หรือทางบวก (Positive Thinking) เพราะการมองโลกในทางบวกจะส่งผลให้คุณมีสุขภาพจิตที่ดี จะทำให้คุณเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญกับปัญหาใด ๆ ก็ตาม และหากคุณมีอารมณ์ดีไม่โกรธโมโหง่าย สิ่งนี้เองจะเป็นเสน่ห์ในตัวคุณที่เพื่อน ๆ หรือคนอื่น ๆ อยากเข้ามาหาและพูดคุยกับตัวคุณ และการที่คุณเป็นคนที่ดีนั้นย่อมจะเป็นพื้นฐานให้คุณมีความเข้าใจในสาเหตุ ของการแสดงพฤติกรรมของแต่ละคนที่จะแตกต่างกันไป เช่นหากลูกค้าโมโหและต่อว่าคุณแบบเสีย ๆ หาย ๆ ถ้าคุณเป็นคนคิดดีแล้วล่ะก็ คุณไม่ควรแสดงพฤติกรรมรุนแรงที่โต้ตอบลูกค้าของคุณ แต่คุณจะต้องเข้าใจพื้นฐานหรือที่มาที่ส่งผลทำให้ลูกค้าแสดงพฤติกรรมเช่นที่ ว่านี้ และคุณจะต้องพยายามปรับปรุงตนเองหรือระบบงานเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้ามาต่อ ว่าคุณได้อีก

 

เลือกใช้ “ คำพูด ” ให้เหมาะสม : คำ พูดอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมิตรภาพที่แตกร้าวระหว่างคุณกับคนอื่น ๆ เหตุเพราะคุณเลือกใช้คำพูดไม่เหมาะสม หรือไม่ถูกกาเทศะ แต่คุณจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในคำพูดที่สื่อออกไป โดยการเลือกใช้คำพูดที่เสริมสร้างกำลังใจหรือคำพูดในทางบวก ( Positive Wording) ซึ่งเป็นคำพูดที่ยกย่องชมเชย คำพูดที่ให้ความหวังหรือความฝัน คำพูดที่ให้กำลังหรือให้ความช่วยเหลือ .... และในบางสถานการณ์เมื่อคุณไม่สามารถสรรหาคำพูดดี ๆ แล้วล่ะก็ ดิฉันขอแนะนำว่าการที่คุณเงียบ ๆ หรือไม่พูดอะไรออกไปซะเลยจะดีกว่า แบบว่า “ พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ”

 

สร้าง “ สัมพันธภาพ ” กับผู้อื่น : คน ที่เป็นคนดีได้นั้นจะต้องเป็นคนที่มีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น ซึ่งจะต้องมีหลักหรือเทคนิคในการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีตามมา การสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นนั้นจะทำให้คุณเป็นคนที่แสวงหาหรือต้องการอยาก จะรู้จักคนอื่น ๆ อีกทั้งคุณมักจะพยายามหาวิธีการหรือหนทางที่จะรักษาหรือขยายความสัมพันธที่ ดีนั้นกับผู้อื่นเสมอ โดยคุณไม่จำเป็นต้องรอให้ผู้อื่นมาสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับคุณก่อนเลย ซึ่งพื้นฐานของการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นนั่นก็คือ การปฏิบัติตนให้เป็น “ ผู้ให้ ” มากกว่า “ ผู้รับ ” โดยคุณอาจจะต้องให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นก่อน ให้ความคิดเห็นหรือให้เวลาเมื่อมีคนอยากเข้ามาพูดคุยหรือปรึกษาหารือกับคุณ เอง

 

พื้นฐานของการปฏิบัติเพื่อเป็นคน ดีตามที่ได้กล่าวถึงไปแล้วนั้น จะส่งผลให้คุณได้รับความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ และการยอมรับในตัวคุณ เท่ากับว่าคุณสามารถซื้อใจผู้อื่นไว้ได้ ซึ่งจะทำให้ผู้อื่นพร้อมที่จะสนับสนุนและช่วยเหลือในหน้าที่การงานของคุณเอง และการได้รับการยอมรับศรัทธาจากคนอื่นๆ จะส่งผลต่อเนื่องในประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานของคุณเอง

ที่มา : www.manager.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...