ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กูรู'ตลาดทองคำ'เตือนมา

http://www.naewna.com/business/130481

วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557, 12.04 น.

tags : ราคาทองคำซบถึงสิ้นปี เหตุปัจจัยกดดันเพียบ

[/url]

130481.gif

12 พ.ย.57 ศูนย์วิจัยทองคำเผยดัชนีเชื่อมั่นทองคำเดือน พ.ย. ฟื้นตัวเล็กน้อยหลังทองร่วงหนักเดือนก่อน หลังยุติ QE โดยดัชนีอยู่ที่ระดับ 46.77 จุด เพิ่มขึ้น 8.10 จุดจากเดือนก่อน BOJ ออกมาตรสภาพคล่องเพิ่มส่งค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่งเทียบสกุลเงินหลักลดความน่าสนใจถือครองทองคำ ด้านผู้ค้ารายใหญ่เชื่อทองเดือนพ.ย.มีแนวโน้มย่อตัวต่อ ระหว่างเดือนน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 17,000-19,000 บาทต่อบาททองคำ

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือนพฤศจิกายน 2557 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำอยู่ที่ระดับ 46.77 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.10 จุด จากเดือนตุลาคม แต่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด สะท้อนมุมมองเชิงลบเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน สอดคล้องทั้งกลุ่มผู้ลงทุนทองคำและกลุ่มผู้ค้าทองคำ ซึ่งมองว่า ราคาทองคำในเดือนพฤศจิกายนยังมีโอกาสปรับตัวลงต่อแต่กรอบการอ่อนตัวอาจจะเริ่มจำกัด จากปัจจัยการกดดันจากการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และความวิตกการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยหลัง FED หลังจบนโยบาย QE ส่วนเงินบาทอ่อนตัวส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศปรับตัวลงไม่มากเท่าทองคำโลก

 

ทั้งนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกเดือนตุลาคมปรับตัวลดลงกว่า 90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ จากระดับ 1,255.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ และทำจุดต่ำสุดที่ 1,173.92 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ จากปัจจัยการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของค่าเงินดอลลาร์ แม้ช่วงต้นเดือนจะปรับตัวขึ้น จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะถดถอย หลังจากที่ IMF ทำการปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ลง ก่อนที่จะปรับตัวลงอย่างหนักในช่วงปลายเดือน จากผลการประชุม FOMC ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่มีการยุติมาตรการ QE รวมถึงมีมุมมองเป็นเชิงบวกต่อตลาดการจ้างงานในประเทศที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผลการประชุม BOJ ที่มีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเหนือความคาดหมายของนักลงทุนจากปริมาณฐานเงินจากเดือนละ 60-70 ล้านล้านเยนเป็น 80 ล้านล้านเยน โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ากว่า 1.3% ในช่วงปลายสัปดาห์ อีกทั้ง ผลการเลือกตั้งกลางปีของสหรัฐฯพรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากได้ทั้ง 2 สภา ยิ่งกดดันราคาทองคำให้ปรับฐานลงอย่างหนักอีกด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ในระยะสามเดือนข้างหน้ากลุ่มตัวอย่างมองว่าดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำน่าจะกลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.95 จุด อยู่เหนือระดับ 50 จุดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 4.38 จุด โดยความหวังว่า ต้นปีหน้าราคาทองคำจะฟื้นตามเทศกาลสำคัญ แต่ยังมีความกังวลด้านปัจจัยอื่นๆที่ยังกดดัน โดยปัจจัยที่เชื่อว่าจะกระทบราคาทองคำในประเทศในช่วงหนึ่งเดือนกลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักกับความผันผวนของค่าเงินบาทเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระทบต่อราคาทองคำในประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทมีความผันผวนอย่างมากในเดือนตุลาคมตามการปรับเปลี่ยนของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และปัจจัยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการปรับเปลี่ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่มีการให้น้ำหนักรองลงมา ขณะที่ปัจจัยที่จะกระทบต่อราคาทองคำในประเทศช่วง 3 เดือนข้างหน้ากลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักกับค่าเงินบาท ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นโยบายการเงินสหรัฐฯ การเก็งกำไร และความต้องการทองคำในตลาดโลกเป็นปัจจัยสำคัญ

 

สำหรับบทสรุปความคิดเห็นผู้ค้าทองคำ (Gold Trader Consensus) จากผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ ผู้ค้าส่งทองคำ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 10 ตัวอย่าง พบว่าผู้ค้าส่วนใหญ่มีมุมมองราคาทองคำในช่วงเดือนพฤศจิกายนในเชิงลบ โดยมีผู้ค้า 1 รายมองทองคำเฉลี่ยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 รายมองราคาทองเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับเดือนตุลาคม ขณะที่อีก 7 รายเชื่อว่าราคาทองคำเฉลี่ยจะปรับตัวลดลงระหว่างเดือน

 

โดยผู้ค้ามองว่าราคาทองคำในตลาดโลกน่าจะมีกรอบราคาสูงสุดอยู่ระหว่าง 1,200-1,220 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวของราคาต่ำสุดอยู่ที่ 1,100-1,160 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ สำหรับราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 95.5%) กลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักราคาสูงสุดที่ 18,500-19,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และกรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดอยู่ที่ 17,000-17,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ

 

ด้านนายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด กล่าวให้ความเห็นว่า แม้ปัจจุบันภาวะตลาดทองคำมีความผันผวน แต่นักลงทุนเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อขายทองคำระยะสั้นมากขึ้นหลังจากผ่านช่วงที่ราคาทองคำผันผวนก่อนหน้านี้ ขณะที่กลุ่มผู้ค้าไม่จำเป็นต้องรับมือกับราคาทองคำที่ผันผวน แต่ควรพัฒนาระบบการซื้อขายที่รวดเร็ว แม่นยำ เพื่อให้สอดคล้องกับความผันผวนของราคาเพื่อตอบโจทย์ของผู้ลงทุน โดยผลดีของการพัฒนาระบบการซื้อขาย คือความสะดวกสบายที่มีต่อกลุ่มผู้ลงทุนที่สามารถสั่งซื้อขายได้ผ่านระบบการซื้อขายออนไลน์หรือผ่านทางระบบโทรศัพท์ ทำให้รวดเร็วทันต่อการเปลี่ยนแปลงในภาวะที่ผันผวน นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อความปลอดภัย ด้วยการซื้อขายแบบออนไลน์ที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงในการซื้อขายจำนวนมาก รวมถึงการซื้อขายแบบออนไลน์ยังทำให้ผู้ประกอบการมีความกระตือรือร้นในการแข่งขันและส่งต่อข้อมูลด้านการลงทุนให้ผู้ลงทุนอีกด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าควรให้ความสำคัญกับเรื่องความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว เนื่องจากในอุตสาหกรรมมีจำนวนผู้ดำเนินธุรกิจในลักษณะนี้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ให้บริการที่หลอกลวงผู้ลงทุนโดยใช้ธุรกิจลงทุนทองคำออนไลน์เพื่อหาผลประโยชน์ ซึ่งยากต่อการตรวจสอบตัวผู้ประกอบการเอง ดังนั้น นักลงทุนควรมีการลงทุนอย่างระมัดระวังและศึกษาผู้ดำเนินธุรกิจให้ละเอียดก่อนการตัดสินใจซื้อขายหรือลงทุน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เด้ง!"พงศ์พัฒน์-โกวิทย์" พ้นสอบสวนกลาง

http://goo.gl/D5BjgT

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับคุณginger

 

โชคดีนะคะ

14:53 ตลาดหุ้นยุโรปคาดเปิดตลาดร่วงลง ขณะนักลงทุนจับตามูลค่าหุ้น ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มว่า จะเปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจกับ…

14:45 พม่าและอินโดนีเซียให้คำมั่นเพิ่มมูลค่าการค้าให้ได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ผู้นำพม่าและอินโดนีเซียเห็นพ้องเรื่องการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่าง 2 ประ…

14:41 ครม.เห็นชอบให้เงินช่วยเหลือลาวสร้างถนนจากหงสา-บ้านเชียงแมน 1.97 พันลบ. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ป…

14:36 ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับตัวลงวันนี้ จากแรงขายหุ้นกลุ่มไอที ตลาดหุ้นเกิดใหม่ยังคงปรับตัวลงในวันนี้ ตามแรงฉุดของกลุ่มหุ้นไอที และสินค้าอุปโภคบริโภค…

14:34 BEAUTY มั่นใจอัตรากำไรสุทธิปีนี้ 20%รายได้โต 30%อัดโปรฯท้ายปีดันยอดขาย นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บิวตี้ คอมมู

 

 

 

สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 12 พฤศจิกายน 2557 10:30:00 น.

กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--MTS Gold Group

ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,154 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,155เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.87 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 17,900 บาท กับ 18,000 บาท และกลับมาปิดที่ 17,850 บาท กับ 17,950 บาท

ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 941 คู่สัญญาแบบ 10 บาทอยู่ที่ 6,606 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 3% แบบ10 บาท เพิ่มขึ้น 5% GFZ14 ปิด 18,120 บาท และ GFG14 ปิด 18,170 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,110 บาท GF10G14 ปิดที่ 18,170 บาท

สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 3.2 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,163 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX เพิ่มขึ้น 0.67 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 77.94 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 724.46 ตัน (ขายออก 0.9 ตัน)

ข่าวที่สำคัญ

-ทองคำปิดปรับตัวสูงขึ้น 0.28% และทรงตัวบริเวณ 1,160 เหรียญได้อีกครั้ง เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการเข้าซื้อเก็งกำไรของกลุ่มนักลงทุนหลังจากที่ทองคำร่วงลงติดต่อกันหลายวันทำการในสัปดาห์ที่ผ่านมา

-นักวิเคราะห์จาก LBMA กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกันในวาระก่อนหน้า ซึ่งโดยภาพรวมราคาทองคำอาจยังคงถูกกดดันต่อในทิศทางขาลงจนถึงปีหน้า และอาจทรงตัวบริเวณ 1,200 เหรียญ/ออนซ์ ในช่วงเดือนตุลาคม 2015

-นายแดนนี แลดเดอร์ ประธานกองทุน ETF ของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อยู่ในแนวโน้มที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จึงเป็นปัจจัยหลักในขณะนี้ที่กดดันราคาทองคำ โดยจะเห็นได้ว่ามีกระแสเงินไหลออกจากกลุ่มสินค้า และการถือครองทองคำเป็นจำนวน 85.8 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ตลอด 4 สัปดาห์ที่ผ่านมากระแสเงินไหลเข้าจากนักลงทุนยังคงอยู่ในภาวะขาลง

-นักวิเคราะห์จากคิทโก ระบุว่า เมื่อวานนี้ราคาทองคำมีการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากเป็นวันหยุดของสหรัฐฯในวันทหารผ่านศึก ขณะที่ในวันนี้ยังคงไม่มีการประกาศปัจจัยสำคัญใดๆจากสหรัฐฯ จึงคาดว่าในวันนี้ราคาจะเคลื่อนไหว Sideways โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1,170 และ 1,175 เหรียญตามลำดับ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ระดับ 1,150 เหรียญ

-กองทุนทองคำ SPDR ยังคงเทขายทองคำต่อเนื่องติดต่อกัน 6 วันทำการ โดยเมื่อวานนี้ถือครองลดลง 0.90 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 724.46 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ 26 กันยายน 2008

-ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรที่ระดับ 1.2478 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2434 ยูโร/ดอลลาร์

-อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนที่ระดับ 115.40 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 114.89 เยน/ดอลลาร์ และสามารถไปทำจุดสูงสุดได้ที่ระดับ 116.10 เยน/ดอลลาร์ (จุดสูงสุดเดิมในเดือนตุลาคม 2007) เพราะได้รับแรงหนุนจาก-กระแสคาดการณ์ที่ว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอาจจะชะลอแผนการปรับขึ้นภาษีการบริโภค

-โดยผู้นำญี่ปุ่นระบุว่า จะใช้มาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินเยน แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการนำเข้าในราคาที่สูงขึ้น และผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะชะลอตัวของประเทศ

-ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคมของญี่ปุ่น พบว่า ปรับตัวลดลงแตะระดับ 38.9 ซึ่งเป็นระดับที่ “อ่อนแอ” และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้บริโภคมีมุมมองลบต่อเศรษฐกิจของประเทศ เพราะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีการบริโภคในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

-สหพันธ์ธุรกิจอิสระของสหรัฐฯ (NFIB) เผยว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กประจำเดือนตุลาคมของสหรัฐฯปรับตัวขึ้น 0.8 จุด สู่ระดับ 96.1 จุด จากมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับภาคแรงงาน การใช้จ่ายด้านการลงทุนและยอดขาย

-นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า ที่ประชุมเอเปก มีมติเห็นชอบในเรื่องการใช้แรงจูงใจ 5 ประเด็น เพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต ( 5 ประเด็นสำคัญในการประชุม 1) การปฏิรูปเศรษฐกิจ 2) นโยบายเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ 3) การขยายตัวอย่างมีนวัตกรรม 4) การสนับสนุนพิเศษ 5) การพัฒนาเขตเมือง)

-รายงานจากระทรวงพลังงานโลก ระบุว่า ในช่วงต้นปี 2030 จีนจะกลายเป็นผู้อุปโภคน้ำมันรายใหญ่เทียบเท่ากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้อุปโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก

-ตลาดหุ้นดาวโจนส์ยังคงปิดบวกติดต่อกัน 6 วันทำการ โดยเมื่อวานนี้ปิดตลาด +0.01% และเป็นการปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผลประกอบการของบริษัทเอกชน

-เช้านี้ ดัชนีนิกเกอิ เปิด +0.75% เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการอ่อนค่าของเงินเยน ที่ยังคงอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ โดยแตะกรอบบน 115 เยน/ดอลลาร์ จึงช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวขึ้น

-นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทไทยในวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.80-32.92 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งหากในวันนี้ยังคงไม่มีปัจจัยสำคัญใดเข้ามา ทิศทางในวันนี้อาจเคลื่อนไหวอยู่บริเวณแนวต้าน 32.92 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งค่าเงินบาทยังคงปรับตัวอ่อนค่าตามภูมิภาค

-นักวิชาการไทย จากสถาบันอนาคตไทย ประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2558 ว่า เศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญปัจจัยท้าทายจากการส่งออก เพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ แต่เศรษฐกิจไทยปี 2558 มีโอกาสจะเติบโตได้มากกว่า 4% จากฐานต่ำในปีนี้ ขณะที่การส่งออกจะยังเติบโตได้ไม่สูงนัก เนื่องจากอุปสงค์ของโลกปีหน้ายังไม่สูง ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐเป็นสำคัญ รวมถึงการท่องเที่ยวที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ซึ่งจะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2557 จะเติบโตเพียง 1.2% ขณะที่การส่งออกแทบจะไม่เติบโตเลย

-รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานไทย เผยว่า ภายใน 1 ปี จะเร่งเดินหน้าแผนปรับโครงสร้างพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซ รวมถึงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมสำรวจหาแหล่งพลังงานในประเทศ แม้จะมีเสียงคัดค้านก็ตาม

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน

- ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้

- ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำมี Technical Rebound ขึ้นมาในช่วงที่ตลาดค่อนข้างเงียบเหงา และการซื้อขายไม่ค่อยคึกคักเนื่องจากเป็นวันทหารผ่านศึกของสหรัฐอเมริกา โดยราคาดีดขึ้นมาบริเวณ 1,160 เหรียญในช่วงเวลาประมาณ 23.00น. วานนี้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจทั่วไปของเมื่อวานนี้และวันนี้ไม่มีอะไรสำคัญ สำหรับSPDR เทขายทองคำออก 0.9 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 724.46 ตัน

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางตามการแกว่งลักษณะ Technical Rebound ซึ่งในเชิงเทคนิคในระยะสั้นราคาทองคำอาจจะขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,170 เหรียญได้ อย่างไรก็ดีในระยะกลางและระยะยาวยังเป็นขาลง คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,150-1,170 เหรียญ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไรในระยะสั้น และลงทุนในทิศทางขาลงเป็นหลัก

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

แนะนำให้ปิดสถานะ Long Position

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

หาจังหวะ Short Position เพิ่มเมื่อราคาดีดตัว

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

เน้นลงทุนในทิศทางขาลงเป็นหลัก

Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,050 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,250 บาท

Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,100 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,300 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

YLG on วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก 12/11/57

http://www.ylgbullion.co.th/ylgfan/?p=411

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 โดย YLG

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 12 พฤศจิกายน 2557 17:18:56 น.

กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--พีอาร์ดีดี

สภาวะตลาดวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,160.60-1,169.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,200 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวขึ้น 250 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 17,950 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ14 อยู่ที่ 18,240 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 190 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,050 บาท

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.58 น. ของวันที่ 12/11/14)

แนวโน้มวันที่ 13 พฤศจิกายน 2557

การฟื้นตัวของราคาทองคำตลาดโลกได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงขณะที่สกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้น เมื่อเกิดกระแสการคาดการณ์ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายชินโซ อาเบะอาจจะเลื่อนการขึ้นการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 8% เป็น 10% ในปีหน้าออกไปเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เปราะบางของญี่ปุ่น ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินเยนกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงซึ่งกระตุ้นคำสั่งซื้อเข้ามาในตลาดทองคำ ประกอบที่ประชุมประจำปีของสมาคมตลาดทองคำแท่งลอนดอน (LBMA) คาดว่า ราคาทองคำอาจเข้าสู่เสถียรภาพที่ระดับราว 1,200 ดอลลาร์ภายในเดือนตุลาคม 2558 ขณะที่ราคาทองคำ ณ ปัจจุบันเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับดังกล่าว ได้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้น อย่างไรก็ดีราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องส่งผลให้แรงซื้อที่เข้ามายังตลาดทองคำชะลอลง หลังจากดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์และดัชนี S&P 500ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟทองคำขนาดใหญ่ที่สุดในโลกลดปริมาณการถือครองทองคำลงระดับต่ำสุดครั้งใหม่ในรอบกว่า 6 ปี ประเด็นดังกล่าวได้เป็นแรงฉุดรั้งการขยับขึ้นของราคาทองคำ เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำสามารถยืนโซนแนวรับ 1,145 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งต้องรอดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำว่าจะสามารถยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งหรือไม่ หากสามารถยืนได้ประเมินว่าราคาทองคำจะขยับขึ้นชนแนวต้านในโซน 1,185 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่หากราคาทองคำไม่สามารถยืนอย่างแข็งแกร่งนักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวของราคาทองคำ

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำ สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือ แนะนำให้ลงทุนระยะสั้นโดยรอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,153 หรือ 1,145 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น โดยราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวในระยะสั้นเพื่อสะสมกำลัง โดยมีการทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้ในระยะสั้นนี้ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแบบ Sideway Up โดยหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทางเทคนิคและนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,175 หรือ 1,185 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญ

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,153 (17,910บาท) 1,145 (17,780บาท) 1,130 (17,550บาท)

แนวต้าน 1,175 (18,250บาท) 1,185 (18,410บาท) 1,195 (18,570บาท)

GOLD FUTURES (GFZ14)

แนวรับ 1,153 (18,080บาท) 1,145 (17,950บาท) 1,130 (17,720บาท)

แนวต้าน 1,175 (18,420บาท) 1,185 (18,580บาท) 1,195 (18,730บาท)

ข่าวหุ้น-การเงินล่าสุด »

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ต่างชาติซื้อ505ลบ. พอร์ตลงทุนต่างชาติซื้อ 505 ลบ. รายย่อยซื้อ 537 ลบ. สถาบันขาย 1.2 พันลบ. บัญชีบล.ซื้อ 174 ลบ. เงินบาทปิด32.86/87แกว่งแคบ ค่าเงินบาทปิด 32.86-32.87 บาท/ดอลลาร์ แกว่งแคบ คาดพรุ่งนี้เคลื่อนไหว 32.80-32.92 บาท/ดอลลาร์ หุ้นไทยปิดร่วง9.17จุด หุ้นไทยปิดร่วง 9.17 จุด อยู่ที่ 1,562.03 จุด หวั่นมาตรการคุมหุ้นร้อน คาดพรุ่งนี้พักฐาน กรอบ 1,555-1,575 จุด Money Wise COMMODITIES 12-11-57 vdo.gif สรุปภาวะซื้อขายตลาดหุ้นไทยภาคบ่าย 12-11-57 vdo.gif ตั้ง'จรัมพรโชติกเสถียร'เป็นดีดีTHAI 'กอบสิทธิ์'คาดศก.ปีหน้าโต4%

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

ข่าวยอดนิยม

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คำต่อคำ ประยุทธ์ แถลงที่ประชุมสุดยอดอาเซียน

วันนี้ (12 พ.ย. 2557) เวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ช้ากว่ากรุงเทพฯ 30 นาที) ณ กรุงเนปยิดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และภริยา เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 25 อย่างเป็นทางการ ณ ห้อง Jade...

NATIONTV.TV

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2557 07:38:43 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 พ.ย.2557

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งทำนิวไฮติดต่อกันหลายวันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีรายงานว่าธนาคารรายใหญ่หลายแห่งได้ถูกสั่งปรับเพื่อยุติข้อหาเกี่ยวกับการปั่นค่าเงินในตลาดปริวรรตเงินตรา

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,612.20 จุด ลดลง 2.70 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,675.13 จุด เพิ่มขึ้น 14.57 จุด หรือ +0.31% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,038.25 จุด ลดลง 1.43 จุด หรือ -0.07%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีรายงานว่าธนาคารรายใหญ่ได้ถูกสั่งปรับเพื่อยุติคดีเกี่ยวกับการปั่นค่าเงิน และองค์การนาโตได้ออกมายืนยันว่า รัสเซียได้ส่งกองกำลังทหารและอาวุธหนักเข้าไปยังยูเครน

ดัชนี Europe Stoxx 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 335.09 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,210.96 จุด ร่วงลง 158.07 จุด หรือ -1.69% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,179.88 จุด ลดลง 64.22 จุด หรือ -1.51% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,611.04 จุด ลดลง 16.36 จุด หรือ -0.25%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษปรับลดแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 16.36 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 6,611.04 จุด

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากมีรายงานว่าภาคการผลิตของยูโรโซนขยายตัวต่ำกว่าคาด

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 3.9 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,159.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 5.5 เซนต์ ปิดที่ 15.623 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,205.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 95 เซนต์ ปิดที่ 773.65 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมัน และจากการคาดกาณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านบาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 76 เซนต์ ปิดที่ 77.18 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.29 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.38 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เนื่องจากสต็อกสินค้าภาคค้าส่งของสหรัฐในเดือนก.ย.ขยายตัวมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2432 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2478 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5783 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5922 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 115.54 เยน เทียบกับระดับ 115.40 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9670 ฟรังค์ จาก 0.9645 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8715 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8700 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,612.20 จุด ลดลง 2.70 จุด -0.02%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,675.13 จุด เพิ่มขึ้น 14.57 จุด +0.31%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,038.25 จุด ลดลง 1.43 จุด -0.07%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,611.04 จุด ลดลง 16.36 จุด -0.25%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,210.96 จุด ลดลง 158.07 จุด -1.69%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,179.88 จุด ลดลง 64.22 จุด -1.51%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,443.00 จุด ลดลง 51.00 จุด -0.93%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,463.10 จุด ลดลง 54.00 จุด -0.98%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,918.95 จุด ลดลง 115.19 จุด -1.28%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 17,197.05 จุด เพิ่มขึ้น 72.94 จุด +0.43%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,967.27 จุด เพิ่มขึ้น 4.27 จุด +0.22%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,494.48 จุด เพิ่มขึ้น 24.81 จุด +1.00%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,232.87 จุด เพิ่มขึ้น 28.32 จุด +0.39%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,938.18 จุด เพิ่มขึ้น 129.90 จุด +0.55%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,048.84 จุด เพิ่มขึ้น 16.56 จุด +0.33%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,816.24 จุด ลดลง 8.87 จุด -0.49%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,283.71 จุด ลดลง 8.44 จุด -0.26%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,008.90 จุด เพิ่มขึ้น 98.84 จุด +0.35%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์แข็งค่า ฉุดทองคำปิดร่วง $3.9

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2557 07:34:07 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากมีรายงานว่าภาคการผลิตของยูโรโซนขยายตัวต่ำกว่าคาด

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 3.9 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,159.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 5.5 เซนต์ ปิดที่ 15.623 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,205.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 95 เซนต์ ปิดที่ 773.65 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำปรับตัวลงหลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท ที่ระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 0.6% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ทั้งในกลุ่มยูโรโซนและสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งถือว่าขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงของเศรษฐกิจในภูมิภาค

รายงานระบุว่า สาเหตุที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเป็นเพราะการผลิตสินค้าทุนเพิ่มขึ้น 2.9% และพลังงานขยับขึ้น 0.3% อย่างไรก็ดี การผลิตสินค้าขั้นกลางลดลง 0.6% สินค้าอุปโภคบริโภคไม่คงทนลดลง 0.9% และสินค้าคงทนร่วงลง 2.6%

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของสัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมัน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 76 เซนต์ หลัง EIA ลดคาดการณ์ราคาน้ำมัน

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2557 07:10:14 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมัน และจากการคาดกาณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านบาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 76 เซนต์ ปิดที่ 77.18 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.29 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.38 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจาก EIA เปิดเผยรายงานแนวโน้มตลาดพลังงานในระยะสั้นเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจจะเคลื่อนไหวที่ระดับเฉลี่ย 83 ดอลลาร์ในปีหน้า ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้อยู่ประมาณ 18 ดอลลาร์

รายงานของ EIA ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอน เนื่องจากปริมาณน้ำมันจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 พ.ย. อาจทะยานขึ้นราว 1.1 ล้านบาร์เรล แตะ 381.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. หลังจากในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 460,000 บาร์เรล แตะ 380.2 ล้านบาร์เรล

ทั้งนี้ EIA จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย

นักลงทุนจับตาดูการประชุมของกลุ่มโอเปคในวันที่ 27 พ.ย.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ขณะที่นายอาลี อัล-โอมาร์ รมว.พลังงานของคูเวตคาดการณ์ว่า โอเปคอาจจะยังไม่ปรับลดเพดานการผลิตในการประชุมครั้งนี้

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ปรับตัวขึ้น หลังสต็อกภาคค้าส่งเพิ่มเกินคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2557 07:24:17 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เนื่องจากสต็อกสินค้าภาคค้าส่งของสหรัฐในเดือนก.ย.ขยายตัวมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2432 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2478 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5783 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5922 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 115.54 เยน เทียบกับระดับ 115.40 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9670 ฟรังค์ จาก 0.9645 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8715 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8700 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. หลังจากที่ขยายตัว 0.6% ในเดือนส.ค. และปรับตัวขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาดไว้ ส่วนยอดค้าส่งขยายตัว 0.2% ในเดือนก.ย. หลังจากที่หดตัวลง 0.8% ในเดือนส.ค.

นักวิเคราะห์กล่าวว่าสต็อกสินค้าในภาคธุรกิจเป็นองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งในการปรับตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โดยข้อมูลในเชิงบวกได้กระตุ้นกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนช่วงกลางปี 2558 เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่น่าพอใจของเศรษฐกิจสหรัฐ

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเงินปอนด์ของอังกฤษ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษเปิดเผยรายงานเงินเฟ้อเมื่อวานนี้ที่แสดงให้เห็นว่าธนาคารได้ปรับลดแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศสำหรับปี 2558 มาอยู่ที่ 2.9% จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 3.1%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10731193_822762067820745_1834254757741045810_n.jpg?oh=90ed97624eb5bb676cdc2b74be94466e&oe=551DF9F4

โชคดีนะคะ เพื่อนๆ คุณๆ news TraderJunior wann deb meng Goldleng Google Espresso Alan น้อย อยากเล่นด้วยคน ตังเม เด็กสยาม Papon .. .. .. . ...

 

เกาะติดหุ้นโลก 13-11-57 vdo.gif Morning News : เกาะติดหุ้นรอบโลก "NOW26" 13-11-57 สรุปหุ้น-ทองรอบวัน 12-11-57 vdo.gif ตรงประเด็นข่าวค่ำ : สรุปหุ้น-ทองรอบวัน "NOW26" 12-11-57 เวิลด์แบงก์คาดเศรษฐกิจไทยปีหน้าโต3.5-4% "ธนาคารโลก" คาดเศรษฐกิจไทยปีหน้าโต 3.5-4% ชี้อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยตามทิศทางเฟด สบน.เตรียมสรุปแผนแก้หนี้จำนำข้าว พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ต่างชาติซื้อ505ลบ. เงินบาทปิด32.86/87แกว่งแคบ หุ้นไทยปิดร่วง9.17จุด

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

ข่าวยอดนิยม

สัมพันธ์"โอบามา-ซูจี" เริ่มสั่นคลอน เพราะผู้นำฝ่ายค้านของพม่า เรียกร้องให้สหรัฐจริงจังกับกระบวนการเปลี่ยนผ่าน

การเดินทางเยือนพม่าเมื่อวันพุธของประธานาธิบดีบารัก โอบามา แห่งสหรัฐ อาจทำให้ผู้นำโลกอย่างโอบามา ต้องปวดหัวมากขึ้น เพราะเป็นการเยือนในช่วงที่ ผู้นำฝ่ายค้านของพม่า นางอองซาน ซูจี เรียกร้องให้สหรัฐ จริงจังกับกระบวนการเปลี่ยนผ่านประเทศพม่าไปสู่ระบอบประชาธิปไตยมากกว่านี้ แม้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว จะยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงพม่าไปสู่ประเทศประชาธิปไตย เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินนโยบายต่างประเทศต่อพม่าของนายโอบามาก็ตาม

ความคืบหน้าด้านปรับเปลี่ยนประเทศไปสู่ประชาธิปไตยของพม่า สะดุดลงในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนายโอบามากับนางซูจี นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ห่างเหินกันมากขึ้น ทั้งยังทำให้ความเห็นที่ต่างกัน เกี่ยวกับการไปสู่ประชาธิปไตย ตั้งแต่รัฐบาลทหารเปลี่ยนผ่านมาเป็นรัฐบาลพลเรือนในปี 2553 เริ่มมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ นางซูจี แถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐมองพัฒนาการประชาธิปไตยของพม่าดีเกินไป ทั้งยังพูดทำนองท้าทายไปยังผู้ที่มองว่า พม่ามีความคืบหน้าในการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยว่า ให้แสดงหลักฐานที่สะท้อนถึงความคืบหน้าด้านประชาธิปไตยในพม่าที่เป็นรูปธรรมตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

ทูตสหรัฐประจำพม่า นายดีเรก มิตเชลล์ บอกว่า การเยือนพม่าครั้งนี้ของนายโอบามาเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ แต่ก็ปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า ผู้นำสหรัฐไม่ได้ไม่ได้แตกคอกับนางซูจี สหรัฐยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำฝ่ายค้านพม่า

ส่วนเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า แม้นายโอบามา จะกังวลเกี่ยวกับประชาธิปไตยในพม่า แต่ก็ยอมรับว่ามีพัฒนาการหลายอย่างเกิดขึ้นกับกระบวนเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยของดินแดนแห่งนี้ภายในระยะเวลาอันสั้น

ความกังวลของนางซูจี มีผลมาจากการที่รัฐบาลพลเรือนพม่า ซึ่งล้วนแต่เคยเป็นคนในกองทัพ มีความล้าช้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่สงวนที่นั่งในสภาถึง 1 ใน 4 ให้กับตัวแทนจากกองทัพ รวมถึงห้ามผู้ที่มีคู่สมรสเป็นชาวต่างชาติเป็นประธานาธิบดี ซึ่งทำให้นางซูจี ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้นำประเทศไม่ได้

ขณะที่ ผู้ช่วยที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐ นายเบน โรดส์ บอกว่า กระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยของพม่าอาจต้องใช้เวลาหลายปี

การเยือนพม่าครั้งที่ 2 นี้ นายโอบา จะเข้าร่วมประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียใต้ หรือ อาเซียน ซึ่งจัดขึ้นในกรุงเนปิดอ เป็นเวลา 2 วัน และมีกำหนดเข้าพบประธานาธิบดีพม่า พลเอกเต็ง เส่ง ในวันนี้ จากนั้นจะเดินทางไปพบนางซูจี และแถลงข่าวร่วมกันที่นครย่างกุ้ง และร่วมงานเสวนากับเยาวชนท้องถิ่น ในวันศุกร์ (14 พ.ย.) ซึ่งกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ สะท้อนถึงพันธกิจในการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ย้ำว่า นายโอบามาให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลง 3 ประการในพม่า คือ ให้พม่าปกครองโดยรัฐบาลที่เป็นพลเรือน ปูทางไปสู่การเลือกตั้งที่ยุติธรรม ให้สัญชาติชาวโรฮิงญา และยุติการสู้รบระหว่างกองทัพพม่ากับชนกลุ่มน้อย

พม่าจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนในสามประเด็นที่ผู้นำสหรัฐคาดหวัง เป็นเรื่องที่ต้องลุ้นกันต่อไป หากสหรัฐทำให้พม่าเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งสามประการอย่างเห็นได้ชัด ก็ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงด้านนโยบายต่างประเทศของนายโอบามา ซึ่งน่าจะพอชดเชยกับการดำเนินนโยบายในประเทศที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงได้

Tags : บารัก โอบามาอองซาน ซูจี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...