ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

เงินบาทเปิด 32.84/85 อ่อนค่าต่อเนื่องตามเยน-เฟดยังไม่มีมาตรการเพิ่ม

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2557 09:41:00 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 32.84/85 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.81/82 บาท/ดอลลาร์

"หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนต.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมา ตลาดตีความว่าคงไม่มีมาตรการอะไรออกมาเพิ่มเติม ดอลลาร์น่าจะแข็งค่าต่อไปได้ ประกอบกับค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้นมามาก ล่าสุดทะลุ 118 เยน/ดอลลาร์" นักบริหารเงิน กล่าว

สำหรับทิศทางค่าเงินบาทวันนี้ มองว่าน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.80-90 บาท/ดอลลาร์ รอตัวเลขเงิน CPI ของสหรัฐฯ

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 118.15 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 117.57 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2536 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.2530 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 32.8220 บาท/ดอลลาร์

- โปรดเกล้าฯ ครม.ประยุทธ์ 2 แต่งตั้ง "อำนวย ปะติเส" เป็น รมช.เกษตรฯ และ "วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ" อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง เป็น รมช.คลัง

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ย้ำข้อเสนอกดเงินบาทอ่อน เพื่ออุ้มภาคส่งออก ช่วยการเติบโตแค่ระยะสั้น ไม่ยั่งยืน แนะแก้ปัญหาที่โครงสร้าง ยืนยันที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยขอให้ดูแลเรื่องนี้ พร้อมปัดข่าวส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ชี้เป็นเพียงเงื่อนไขที่ทำได้ในกรณีเศรษฐกิจอ่อนแรงกว่าคาดเท่านั้น มองจีดีพีไตรมาสสุดท้ายโตได้ 3.5% จากลงทุนรัฐ ดันเศรษฐกิจทั้งปีขยายตัว 1%

- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ติงหยุดใช้เงินกระตุ้นเศษฐกิจ แนะรัฐบาลจัดลำดับความสำคัญของการแก้ปัญหาของประเทศให้ถูกจุดเน้นวางรากฐานในระยะยาว และบริหารด้วยความระมัดระวังไม่ให้ซ้ำรอยฟิลิปปินส์

- นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งให้กรมสรรพากรไปศึกษาหาทางอุดช่องโหว่การโกงและเลี่ยงการเสียภาษีเป็นแพ็กเกจมาเสนอให้คลังพิจารณาโดยเร็ว หลังจากได้รับรายงานจากธนาคารโลกที่นำผลงานวิจัยมาให้ดูว่าประเทศไทยมีการโกงภาษีกันมาก โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) มีการโกงถึง 30% จากที่ควรจะเก็บได้ พร้อมเตรียมงัดมาตรการก๊อกสองมอบของขวัญปีใหม่คนไทย

- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รับพิษเศรษฐกิจฉุดคนไทยเที่ยวปี 57 ต่ำกว่าเป้าหมาย ขณะที่รายได้ยังคงเติบโตดี แย้มเตรียมแผนปีหน้ากระตุ้นท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น ดึง 4 สายการบินโลว์คอสต์ ร่วมออกแคมเปญตั๋วราคาพิเศษ

- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกันเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) ขณะที่รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเฟดจะยังคงจับตาดูความเสี่ยงช่วงขาลงที่มีต่อเศรษฐกิจโลกต่อไป

- สกุลเงินเยนร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่นจะได้รับชัยชนะในการเลือกทั่วไป ส่งผลให้นายอาเบะสามารถสานต่ออำนาจในการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) หลังจากผลการสำรวจบ่งชี้ว่า ชาวสวิตเซอร์แลนด์อาจจะปฏิเสธแผนการเปิดทางให้ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์สามารถถือครองทองคำได้มาก

- กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า 7.1 แสนล้านเยนในเดือนต.ค. ซึ่งทำสถิติขาดดุลการค้าเป็นเดือนที่ 28 ติดต่อกัน

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Gold spot price update 19.11.14 อ.นัน

*ขอสั้นๆนะครับ ผมมองว่าแบบนี้ครับ คลื่น5ใหญ่สีเหลืองนั้นถ้าจะจบเป็นคลื่น5เลยก็ได้ หรือยังจะไม่จบก็ได้ (หมายความว่าจะจบคลื่น5ใหญ่ตรงแถว 1130+/- ก็ได้ หรืออาจจะมี New low ที่มากกว่านั้นก็ได้) ผมก็เลยใส่เครื่องหมาย? ไว้หลังคลื่น5ใหญ่สีเหลืองนั่นเอง

*ส่วนคลื่น5สีขาวถือว่าน่าจะจบไปแล้วชัดเจน โดยล่าสุดนี้ ราคาทองคำน่าจะอยู่ในช่วงคลื่นปรับในลูกคลื่นa คิดว่าใกล้ที่จะจบคลื่นaสีขาวแล้ว จากนั้นก็น่าจะมีการตกปรับฐานลงมาในคลื่นb สีขาว จากนั้นก็น่าจะมีการขึ้นทำ new high ในคลื่น c ตามภาพ

 

***ดังนั้นสิ่งที่ควรทำตอนนี้

*ใครที่เผลอไป sell เพลินๆ ก็อย่าลืมหาจังหวะออกในช่วงที่ราคาย่อลงไปในคลื่น b นะครับ (ในตอนนี้ให้สันนิฐานก่อนว่าเป็น bสีขาว อย่าพึ่งไปลุ้นว่าจะลงทำ new low ที่ต่ำกว่า 1130 นะครับ)

*ใครที่ buy ในช่วงที่ผ่าน แล้วชอบเล่นสั้นก็หาจังหวะปิดทำกำไรออกก่อนในคลื่นa แล้วค่อยหาจังหวะ buy ใหม่ในช่วงคลื่นbสีขาว โดยต้องคอยติดตามดูว่าหากมีการปรับฐานลงมาจริงในช่วงต่อจากนี้จะทำ upper low หรือไม่ หากใช่ก็ buy เข้าไปแรงๆเลยครับ เพราะมีโอกาสได้ลุ้นกับคลื่น Cสีขาว ที่จะต้องขึ้นทำ upper high เกินจุดจบคลื่นa แน่นอน ตามทฤษฎี นั่นเอง

*ส่วนใครที่ซื้อจริงผมว่า ซื้อเก็บยาวๆไปเลยครับ หรือถ้าจะแบ่งก็แบ่งทำกำไรบ้างเล็กน้อย แล้วก็คอยมาหาจังหวะเก็บคืนในช่วงปรับฐานลงมาในคลื่นbสีขาวครับ

ขอให้ทุกท่าน โชคดี มีกำไร และขอให้ผมได้แฟนสวยแสนดี สักคนเถอะครับ 555

 

 

 

 

10632590_1000645666628449_6509589236629305292_n.jpg?oh=6d4bea786240491dced221898c15377f&oe=551F2292&__gda__=1427359902_5dc24bc7c0310e15bc5a1ff3f9e9f10a

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดี เพื่อนๆ wann deb news TradserJunior .. ...

... โชคดีนะคะพี่น้องงงง ทุกท่าน

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2557 07:59:17 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 พ.ย.2557

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,719.00 จุด เพิ่มขึ้น 33.27 จุด หรือ +0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,701.87 จุด เพิ่มขึ้น 26.16 จุด หรือ +0.56% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,052.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.03 จุด หรือ +0.20%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากมีรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของทั้งจีนและยูโรโซนชะลอตัวลง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.3% ปิดที่ 338.28 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,234.21 จุด ลดลง 31.98 จุด, -0.75% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,483.97 จุด เพิ่มขึ้น 11.17 จุด, +0.12% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,678.90 จุด ลดลง 17.70 จุด, -0.26%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเยอรมนีหดตัวลงในเดือนต.ค.

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 17.70 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 6,678.90 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะปรับลดเพดานการผลิตในการประชุมเดือนนี้ หลังจากราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนัก

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.58 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.33 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ 1,190.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 15.7 เซนต์ ปิดที่ 16.137 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 6.3 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,205.6 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 767.15 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐออกมาในเชิงบวก

ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2551 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2544 ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5699 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5677 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.95 เยน เทียบกับระดับ 117.88 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9575 ฟรังค์ จาก 0.9579 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8636 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8616 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,719.00 จุด เพิ่มขึ้น 33.27 จุด +0.19%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,701.87 จุด เพิ่มขึ้น 26.16 จุด +0.56%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,052.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.03 จุด +0.20%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,678.90 จุด ลดลง 17.70 จุด -0.26%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,483.97 จุด เพิ่มขึ้น 11.17 จุด +0.12%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,234.21 จุด ลดลง 31.98 จุด -0.75%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,302.40 จุด ลดลง 50.10 จุด -0.94%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,316.20 จุด ลดลง 52.60 จุด -0.98%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,078.87 จุด เพิ่มขึ้น 115.63 จุด +1.29%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 17,300.86 จุด เพิ่มขึ้น 12.11 จุด +0.07%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,958.04 จุด ลดลง 8.83 จุด -0.45%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,452.66 จุด เพิ่มขึ้น 1.67 จุด +0.07%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,268.95 จุด ลดลง 0.54 จุด -0.01%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,349.64 จุด ลดลง 23.67 จุด -0.10%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,093.57 จุด ลดลง 34.36 จุด -0.67%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,822.29 จุด ลดลง 2.10 จุด -0.12%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,315.60 จุด ลดลง 18.96 จุด -0.57%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,067.56 จุด เพิ่มขึ้น 34.71 จุด +0.12%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $3 จากคาดการณ์เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2557 07:51:16 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ 1,190.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 15.7 เซนต์ ปิดที่ 16.137 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 6.3 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,205.6 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 767.15 ดอลลาร์/ออนซ์

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้สัญญาทองคำปรับตัวลงนั้น มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจากการที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ อันเนื่องมาจากธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป

ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังคงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสหรัฐว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% แตะที่ 5.26 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 15 พ.ย.ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 291,000 ราย แต่ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลดลงไม่มากเท่ากับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 285,000 ราย

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวสวิตเซอร์แลนด์บ่งชี้ว่า ชาวสวิสจะปฏิเสธแผนการเปิดทางให้ธนาคารกลางสวิสสามารถถือครองทองคำอย่างน้อย 20% ในสินทรัพย์ของธนาคารกลาง

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ปรับลงเทียบสกุลเงินส่วนใหญ่ แม้ข้อมลศก.สดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2557 07:58:59 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐออกมาในเชิงบวก

ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2551 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2544 ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5699 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5677 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.95 เยน เทียบกับระดับ 117.88 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9575 ฟรังค์ จาก 0.9579 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8636 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8616 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลง แม้ว่ามีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใส โดยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% แตะที่ 5.26 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.16 ล้านยูนิต

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน

ส่วนเงินเยนปรับตัวลงต่อเนื่องเมื่อเทียบดอลลาร์ ขณะที่ข้อมูลที่เปิดเผยในช่วงต้นสัปดาห์นี้แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลงสู่ภาวะถดถอยในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ โดยนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะดำเนินมาตรการกระตุ้นทางการเงินมากขึ้นเพื่อหนุนเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยในระหว่างวัน ดอลลาร์/เยนพุ่งแตะ 118.22 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10634096_827866583976960_3676457075550146763_o.jpg

ดีจายวันสุขแว่วววว

มอกความลับกับฝรั่ง ไสว บุญมา

ในช่วงนี้มีเรื่องแปลก ๆ หนึ่งในความแปลกได้แก่เลขาโทของสถานทูตออสเตรเลียนัดพบ

ผมไม่ได้อยู่ในเมืองไทยและไม่ว่างจนกระทั่งเมื่อต้นสัปดาห์ เธอต้องการรู้ว่าหน้าตาผมเป็นอย่างไรและบอกว่าอยากให้อธิบายเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ผมเต็มใจ เนื่องจากเชื่อมั่นในแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาตั้งแต่ครั้งได้ฟังพระราชดำรัสเรื่องนี้เมื่อปี 2541 ผมมอบหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงให้เธอไป 2 เล่มชื่อ “สู่ความเป็นอยู่แบบยั่งยืน” และ “ทางข้ามเหว : แนวคิดสำหรับแก้วิกฤติไทย” ซึ่งทั้งคู่อาจดาวน์โหลดได้ฟรีที่เว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา www.bannareader.com เมื่อคุยกันได้พักใหญ่ ผมบอกให้เธอไปดาวน์โหลดเรื่อง “สู่จุดจบ! The Coming Collapse of Thailand” ซึ่งหนังสือพิมพ์แนวหน้านำมาขึ้นเว็บไซต์เพื่อให้ดาวน์โหลดกันได้ฟรีพร้อมกับบอกเธอว่า เล่มนี้มีประวัติยาวนานและเคยถูกปิดกั้นโดยลิ่วล้อของทรชน

ผมปรารภกับเธอว่า มนุษย์เราขาดภาษาสำหรับที่จะใช้สะท้อนความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างได้และการเลือกใช้คำบางคำอาจนำไปสู่ความเข้าใจต่างกันจนถึงขั้นเกิดการเข้าใจผิด คำว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” จัดได้ว่าอยู่ในหมู่คำจำพวกนั้น ตามความเข้าใจของผม เศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักปรัชญาที่อาจนำมาประยุกต์ใช้ได้ทั้งในระดับบุคคล/องค์กร (Micro) และระดับชาติ/โลก (Macro) ผมบอกเธอว่า ในองค์ประกอบ 5 ด้านซึ่งเธอบอกว่าได้ผ่านสายตาของเธอมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเนื่องจากเธอมาประจำการอยู่ในเมืองไทยนานกว่าสองปี สองด้านเป็นเสมือนฐานที่ต้องการความแข็งแกร่งได้แก่ “ความรู้” และ “คุณธรรม” เธอเห็นด้วยว่าทั้งสองด้านนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด หากไม่แข็งแกร่งพอ การพัฒนาเกิดขึ้นไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นในระดับบุคคล หรือระดับประเทศ

สำหรับด้านการนำมาประยุกต์ใช้ในระดับบุคคล เธอเข้าใจด้าน “การมีเหตุผล” และ “การมีภูมิคุ้มกัน” ทันที แต่ด้านการมี “ความพอประมาณ” ดูเธอจะต้องการคำอธิบาย ผมจึงพูดถึงเรื่องปัจจัยสี่ซึ่งคนไทยค่อนข้างโชคดีที่ดินฟ้าอากาศอำนวยให้เข้าถึงได้ไม่ยากนักเมื่อเทียบกับประชาชนในภาคอื่นของโลก เมื่อร่างกายของเรามีปัจจัยสี่พร้อมกับมีสิ่งจำเป็นสำหรับดำเนินชีวิตอื่น ๆ ครบถ้วนและเรามีความพอใจ เราได้ประยุกต์ใช้แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว เนื่องจากความจำเป็นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉะนั้น การประยุกต์ใช้องค์ประกอบนี้จึงมีกรอบค่อนข้างกว้าง

สำหรับการนำมาประยุกต์ใช้ในด้านการบริหารประเทศ เธอสนใจเป็นพิเศษและบอกว่านั่นคือต้นเหตุของการต้องการพบผม ทั้งนี้ เพราะเมื่อ คสช. ยึดอำนาจรัฐก็ประกาศโป้งออกมาว่า จะยึดแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานของการบริหารประเทศ ผมบอกเธอว่าประเด็นนี้กว้างมาก ผมจึงอยากจะจำกัดการสนทนาส่วนใหญ่ให้อยู่ในด้านเศรษฐกิจเนื่องจากผมมีประสบการณ์มากกว่าด้านอื่น

จากมุมมองของเศรษฐกิจ แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นระบบตลาดเสรีที่เรารู้จักดีอยู่แล้วเพราะเราใช้กันมานาน แต่มี “ความพอประมาณ” เสริมเข้าไปเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพของโลกที่เปลี่ยนไป ผมอธิบายว่า ระบบตลาดเสรีที่เราใช้กันมาตั้งแต่สมัยอดัม สมิธ รวบรวมแนวคิดไว้หากศึกษาให้แตกฉานจะพบว่า มีองค์ประกอบสำคัญอยู่ด้วยกัน 4 ด้านแล้ว นั่นคือ ความรู้ คุณธรรม การมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน มนุษย์เราใช้ระบบตลาดเสรีมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลเพราะมันสะท้อนสัญชาตญาณของมนุษย์เราสองอย่างคือ เราเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวที่เมื่อมีอะไรเหลือกินเหลือใช้ก็นำมาแลกเปลี่ยนกัน และเราต้องการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเสรี ด้วยเหตุนี้ ระบบตลาดเสรีจะคงอยู่ต่อไป เธอเข้าใจทันทีและเห็นด้วยว่าไม่เคยมีฝรั่งคนไหนพูดถึง

สภาพของโลกที่เปลี่ยนไปได้แก่ประชากรเพิ่มขึ้นจนเกิน 7 พันล้านคนแล้วและยังเพิ่มขึ้นต่อไปในขณะที่ทรัพยากรโลกร่อยหรอลง ฉะนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทุกคนบริโภค หรือใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้นไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด แต่ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา การบริหารและการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวคิดตลาดเสรีกระแสหลักใช้การบริโภคที่เพิ่มขึ้นไปแบบไม่มีที่สิ้นสุดเป็นหัวจักรขับเคลื่อน ปัญหาร้ายแรงจึงเกิดขึ้น หลักเศรษฐกิจพอเพียงที่อาจนำมาแก้ปัญหาได้แก่ความพอประมาณ เรามิได้พูดกันถึงเรื่องความพอประมาณทางด้านจำนวนประชากรเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญมองว่าเมื่อประชากรโลกเพิ่มขึ้นไปถึงราว 9 พันล้านคนแล้วก็จะไม่เพิ่มต่อไปอีก เราพูดถึงเฉพาะมาตรการและนโยบายที่จะใช้จำกัดการบริโภคให้อยู่ในระดับความพอประมาณ เรื่องนี้ ผมชี้ว่ามีอยู่ในหนังสือเรื่อง “ทางข้ามเหว” แล้ว

จากหนังสือเล่มนั้น เราพูดกันถึงเรื่องระบบภาษีซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ทั้งนี้ เพราะภาษีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของบุคคลมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ให้อิสระแก่บุคคลว่าจะเลือกทำอะไรหรือไม่ ผมเสนอให้ใช้ภาษีบริโภคแบบก้าวหน้าเป็นแกน นั่นคือ เก็บภาษีขั้นต่ำ หรือไม่เก็บภาษีสินค้าและบริการที่มีความจำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตและตั้งภาษีให้สูงขึ้นตามลำดับสำหรับสินค้าและบริการที่มีความจำเป็นต่ำและไม่มีความจำเป็น บุคคลมีอิสระที่จะเลือกบริโภคสิ่งเหล่านั้นหากเขาเต็มใจที่จะจ่ายภาษี ระบบตลาดเสรีจึงไม่ถูกละเมิด

ก่อนยุติการสนทนา เธอถามว่าคนไทยเข้าใจและนำแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้มากน้อยเพียงไร ผมตอบว่า คนไทยและองค์กรส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนน้อยเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้จนได้ผลแบบเป็นรูปธรรมแล้ว แต่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยไม่เคยจริงใจที่จะนำไปใช้แม้แต่น้อย คำพูดของบรรดาผู้นำจึงเป็นเพียงวาทกรรมอำพรางที่นำในหลวงมาแอบอ้างเท่านั้น และหากลดความฉ้อฉลลงไม่ได้ เมืองไทยจะติดหล่มแน่นอน

Tags : ดร.ไสว บุญมา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10407416_827866453976973_183283438630956313_n.jpg?oh=e409f220f6a906176355ae030e38347c&oe=550E56D4&__gda__=1426980373_3ce2c7b4d5a26e93307f354bf56f6d35

นักลงทุนที่ดีต้องมีภูมิคุ้มกัน

ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'เสี่ยวหมี่'ลั่นจะเป็นสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งภายใน5-10ปี

 

http://www.posttoday.com/%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B9%8C/331422/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%995-10%E0%B8%9B%E0%B8%B5

 

 

อียูเล็งกำหนดกฎระเบียบเพื่อสร้างความโปร่งในการทำธุรกรรมโดยใช้หลักทรัพย์

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2557 14:01:00 น.

สหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า อียูกำลังหารือเกี่ยวกับกฎระเบียบใหม่ที่มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงความโปร่งใสในการทำธุรกรรมกู้ยืมโดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันและธุรกรรมการซื้อคืน

ร่างกฎระเบียบดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตัวแทนถาวรในนามของสภาอียู โดยมีเป้าหมายที่จะปรับปรุงเสถียรภาพด้านการเงิน ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นว่าข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินโดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันนั้น เป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพสำหรับนักลงทุน

ทั้งนี้ การทำธุรกรรมทางการเงินโดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการโดยกลุ่มธนาคารเงานั้น ต้องใช้สินทรัพย์ที่เป็นของคู่สัญญา จึงจะสามารถกู้ยืมได้

ร่างกฎระเบียบดังกล่าวนำเสนอมาตรการปรับปรุงความโปร่งใสใน 3 ประเด็น อันได้แก่ การติดตามต้นเหตุที่ทำให้เกิดความเสี่ยงบในระบบการเงินที่เกี่ยวข้องกับการใช้หลักทรัพย์ทำธุรกรรมทางการเงิน, การเปิดเผยข้อมูลการทำธุรกรรมต่อนักลงทุนที่นำทรัพย์สินไปทำธุรกรรม, และกิจกรรมด้านการวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

14:54 ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปิดบวกวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับตัวขึ้นวันนี้ เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้…

14:38 ERW คาดปี 58 พลิกกำไร รายได้โต 35% ,ตั้งกอง REIT มูลค่า 1.8 -2 พันลบ. นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป(ERW)คาดว่…

14:36 ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวก 34.13 จุด จากความหวังจีนหนุนสภาพคล่อง ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกในวันนี้ เพราะได้รับแรง…

14:32 ธปท.แจงทุนสำรองระหว่างประเทศ 14 พ.ย.อยู่ที่ US$ 159.2 พันล้าน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานตัวเลขทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของไทย วันที่ 14 …

14:28 (เพิ่มเติม)กลยุทธ์การลงทุนรอบบ่ายวันที่ 21 พฤศจิกายน 2557 โบรกเกอร์ แนวรับ แนวต้าน กลยุทธ์ จากบทวิเคราะห์ CIMBS 1,570 1,575 แกว่งตัวในกรอบแคบ…

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2557 10:20:25 น.

กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--MTS Gold Group

ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,182 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,190เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.84 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,300บาท กับ 18,400บาท และกลับมาปิดที่ 18,450 บาท กับ 18,550 บาท

ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 918 คู่สัญญาแบบ 10 บาทอยู่ที่ 5,976 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 2.94 % แบบ10 บาท เพิ่มขึ้น 3.63% GFZ14 ปิด 18,600 บาท และ GFG14 ปิด 18,650 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,620 บาท GF10G14 ปิดที่ 18,680 บาท

สัญญา Comex ลดลง 3 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,190.9 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 75.58 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 720.91 ตัน ( คงทองเท่าเดิม)

ข่าวที่สำคัญ

-นักวิเคราะห์จากคิทโก ระบุว่า ราคาทองคำปิดปรับตัวลงสู่ระดับ 1,190.9 เหรียญ/ออนซ์ หลังจากที่ดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับประมาณ 1,197 เหรียญ/ออนซ์ เพราะได้รับแรงกดดันจากการเทขายทำกำไร

-อย่างไรก็ดี การที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 0.2% จากระดับ 0.1% ในเดือนก่อนหน้า รวมถึงแรงหนุนจากปริมาณการเข้าซื้อทองคำที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้ซื้อในเอเชีย หลังจากที่ราคาร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,175 เหรียญ/ออนซ์

-ขณะที่ตลาดทองคำไม่ได้ให้ความสนใจกับผลการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้นอย่างแข็งแกร่งเท่าที่ควร อันได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง และการปรับตัวลดลงของคนว่างงาน

-นักวิเคราะห์จากรอยเตอร์ส ระบุว่า นักลงทุนทองคำยังคงให้ความสนใจไปยังข้อมูลภาคแรงงานของสหรัฐฯ รวมถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งหากข้อมูลบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกเพิ่มขึ้น อาจสนับสนุนให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีหน้า

-นายจิม เวคคอฟ จากคิทโก กล่าวว่า หากทองคำสามารถยืนเหนือระดับ 1,225 เหรียญได้อย่างแข็งแกร่ง จะช่วยสนับสนุนภาพของทองคในทิศทางขาขึ้น ขณะที่ภาพหลักของทองคำ ณ ขณะนี้ยังคงเป็นแนวโน้มขาลง และคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,180 – 1,200 เหรียญ ซึ่งแนวรับสำคัญที่แข็งแกร่งทางเทคนิคจะอยู่ที่บริเวณ 1,160 เหรียญ

-รายงานจากสวิสฯ แสดงให้เห็นว่า การนำเข้าทองคำของจีนจากสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซื้อขายทองคำ ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 3 เท่าสู่ระดับ 42.5 ตันในเดือนก่อนหน้า

-ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2551 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2544 ยูโร/ดอลลาร์ แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯโดยรวมอยู่ในเชิงบวก แต่ยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนที่ระดับ 117.95 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 117.88 เยน/ดอลลาร์

-อย่างไรก็ดี ค่าเงินเยนยังคงอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์นี้ และขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ที่ระดับ 118.22 เยน/ดอลลาร์ เพราะได้รับแรงหนุนจากกระแสข่าวที่ว่าบีโอเจอาจดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาอยู่ในสภาวะฟื้นตัวอีกครั้ง

-เมื่อคืนนี้ ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น 1.5% (80,000 ยูนิต) สู่ระดับ 5.26 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2013 สะท้อนให้เห็นว่าตลาดขายบ้านมือสองฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

-ขณะที่ดัชนีภาคการผลิต (Flash Manufacturing PMI) ประจำเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯปรับตัวลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 54.7 จากเดิม 55.9 ในเดือนก่อนหน้า แต่ภาคการผลิตในเขตฟิลาเดเฟีย ปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งสู่ระดับ 40.8 จากระดับ 20.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2011 แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯยังคงอยู่ในภาวะฟื้นตัวได้ในเกณฑ์ที่ดี

-ดัชนี CPI พื้นฐานของสหรัฐฯประจำเดือนตุลาคมปรับตัวขึ้น 0.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 5 เดือน

-จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 2,000 ราย สู่ระดับ 291,000 ราย ซึ่งยังเป็นระดับที่ดีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายมากว่า 10 สัปดาห์แล้ว ทั้งนี้ข้อมูลตลาดแรงงานก็ยังคงบ่งชี้ถึงทิศทางการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

-สถาบันมาร์กิต เผยว่า ดัชนีภาคการผลิต (PMI) เบื้องต้นประจำเดือนพฤศจิกายนของยูโรโซนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 51.4 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน แสดงให้เห็นว่ายูโรโซนอาจเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเร็วๆนี้

-ขณะที่ภาคการผลิตของเยอรมนีประจำเดือนพฤศจิกายน พบว่าปรับตัวลดลงแตะระดับ 52.1 จาก 53.9 ในเดือนก่อนหน้า บ่งชี้ให้เห็นว่า ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของยูโรโซนยังคงมีการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

-ขณะที่ HSBC เผยว่า ดัชนีภาคการผลิต (PMI) เบื้องต้นประจำเดือนพฤศจิกายนของจีน ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนเช่นกัน ส่งสัญญาณให้เห็นว่าภาคการผลิตของจีนยังคงเผชิญกับแรงกดดัน

-นักเศรษฐศาสตร์จาก มิซูโอะ ซิเคียวริตี้ กล่าวว่า ยอดส่งออกของญี่ปุ่นสู่อียูฟื้นตัวขึ้น หลังจากค่าเงินอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร หลังจากที่เศรษฐกิจของยุโรปปรับตัวลดลงต่ำสุดในปี 2011 อย่างไรก็ดี ปริมาณความต้องการภายในประเทศของญี่ปุ่นยังคงปรับตัวลดลงโดยจะเห็นได้จากยอดงบดุลของประเทศ แม้ว่าอียูจะค่อยๆมีการฟื้นตัวก็ตาม

-ยอดค้าปลีกประจำเดือนตุลาคมของอังกฤษ ปรับตัวสูงขึ้น 0.8% เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากยอดขายสินค้าครัวเรือนและการใช้จ่ายด้านการบริโภคที่สูงขึ้น

-ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากกระแสข่าวที่ว่า กลุ่มโอเปกจะปรับลดเพดานการผลิตในการประชุม 27 พ.ย.นี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนัก รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ความต้องการน้ำมันที่ลดน้อยลง และข่าวที่ว่าลิเบียเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตน้ำมันได้อีกครั้ง

-สำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า สหรัฐฯมีแผนเพิ่มกำลังสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน ประกอบไปด้วย การจัดส่งยานพาหนะHumvee รวมถึงอาวุธหนักเพื่อต่อสู้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซียย

-เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด +0.19% และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 17,719 จุด หลังจากยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

-นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-32.90 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด และค่อนข้างเหวี่ยงตามค่าเงินภูมิภาค

-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย เปิดเผยว่า จะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้าสู่การพิจารณาที่ประชุม ครม.ในเดือนมกราคม 2558 เพื่อช่วยลดภาระงบประมาณของประเทศที่จะต้องนำเงินสนับสนุนแก่ท้องถิ่น เพื่อให้ท้องถิ่นสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น และจะทำให้รัฐบาลสามารถนำงบกลางที่เหลือไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้มากขึ้น

-ขณะที่เศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปีจะยังคงเติบโตได้ไม่สูงมากนัก เนื่องจากภาคการส่งออกของไทยไม่ได้ฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่คาดหวังไว้ เนื่องจากตั้งแต่เดือน ก.ค. – ต.ค. 57 การส่งออกยังคงชะลอตัว แต่หากการท่องเที่ยวและการบริการเริ่มกลับสู่ช่วง ไฮซีซั่นอาจช่วยหนุนการเติบโตได้บ้าง

-ธปท. เผยว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้อาจจะเติบโตได้ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ ธปท.เคยคาดการณ์ไว้ที่ 1.5% และอาจอยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่สภาพัฒน์ประเมินไว้ที่ระดับ 1% แต่จะมีการทบทวนตัวเลขอีกครั้งในเดือนธันวาคมนี้

-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ทั่วโลก เร่งผลักดันการส่งออกของไทยให้เป็นรูปธรรมภายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558 โดยตั้งเป้าหมายเบื้องต้น คือ การขยายตัวสำหรับปี 2558 ที่ระดับ 4% จากปีนี้ โดยมีแนวโน้มว่าน่าจะเป็นไปได้

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน

- CPI m/m ตัวลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 0.0%

- Core CPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1 % ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 0.2%

- Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 293K ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 291K

- Flash Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 55.9 ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 54.7

- Philly Fed Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 20.7 ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ40.8

- Existing Home Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 5.18 M ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 5.26M

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้

- ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

ทิศทางราคาทองคำราคาทองคำมีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือ 1,190 เหรียญอีกครั้ง โดยที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาออกมาค่อนข้างดี แต่การที่ทองคำปรับตัวสูงขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อในฝั่งเอเชียหลังจากที่ราคาปรับตัวลดลง ในวันนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจใดๆ ขณะที่ SPDR ยังคงถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 720.91 ตัน

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ในเชิงเทคนิค ระยะสั้นราคาทองคำยังคงมีการแกว่งตัวผันผวน และยังหา Direction ไม่ได้ชัดเจน โดยมีการแกว่งตัวขึ้นลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดีระยะยาวยังเป็นขาลง ซึ่งหากราคาจะกลับเป็นขาขึ้นได้ต้องยืนเหนือ 1,240 เหรียญ ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

คำแนะนำเล่นอย่างระมัดระวัง และปรับพอร์ตให้สมดุลกับสภาพความผันผวนของตลาด โดยคาดว่าในวันนี้ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,170 – 1,200 เหรียญ

- นักลงทุนที่ถือ Long Position และนักลงทุนที่ถือ Short Position

เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ เข้า-ออกเร็ว และปรับพอร์ตให้สมดุลกับสภาพความผันผวนของตลาด

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ภาพระยะสั้นตลาดยังคงมีการแกว่งตัวผันผวนอย่างรุนแรง แนะนำให้ทำการปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับสภาพตลาด ขณะที่ภาพหลักของทองคำยังคงเป็นทิศทางขาลง

Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,500 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,700 บาท

Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,550 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,750 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดดีดขึ้น $6.8 หลังแบงก์ชาติจีนลดดบ.,ECBเร่งดันเงินเฟ้อ

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2557 08:09:00 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) หลังจากที่ธนาคารกลางจีนสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่าสองปี ขณะที่ประธานธนาคารกลางยุโรปย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งความเคลื่อนไหวของสองธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ดังกล่าวได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 6.8 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ 1,197.7 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 25.8 เซนต์ หรือ 1.60% ปิดที่ 16.395 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 21.7 ดอลลาร์ หรือ 1.80% ปิดที่ 1,227.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 27.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 794.90 ดอลลาร์/ออนซ์

ภาวะการซื้อขายในตลาดได้รับแรงหนุนจากความเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางชั้นนำของโลก โดยสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นแตะที่ 1,207.60 ดอลลาร์/ออนซ์ในระหว่างวัน

ธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.4% สู่ระดับ 5.6% โดยมีผลตั้งแต่วันเสาร์นี้

การประกาศลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.ค. 2555 ซึ่งถือเป็นความพยายามล่าสุดของทางการจีนในการเดินหน้าสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ ภายหลังจากที่ได้มีการอัดฉีดสภาพคล่อง และลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์แบบกำหนดเป้าหมาย

เศรษฐกิจจีนอยู่ภายใต้แรงกดดัน โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 7.3% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาสสาม ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552

ขณะเดียวกันนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวในการประชุม European Banking Congress ในแฟรงค์เฟิร์ตว่า อีซีบีพร้อม "ทำในสิ่งที่เราต้องทำ เพื่อผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ปรับตัวสูงขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" และจะขยายโครงการซื้อสินทรัพย์หากจำเป็น ซึ่งนายดรากิไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้เรื่องการซื้อพันธบัตรรัฐบาล

นายดรากิได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของตนเองว่าจะใช้มาตรการเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาในยูโรโซน

ก่อนหน้านี้ เขาได้เคยเผยว่า เจ้าหน้าที่ของอีซีบีกำลังศึกษาวิธีการต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนที่ขยายตัวเพียง 0.2% ในไตรมาสที่ผ่านมา และเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.4% ซึ่งต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับเป้าหมายเงินเฟ้อของอีซีบีที่ 2%

ทั้งนี้ ความคาดหวังหรือความกังวลเรื่องเงินเฟ้อจะส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ โดยอัตราเงินเฟ้อจะส่งผลให้มูลค่าของพันธบัตรและเงินสดลดลง แต่มูลค่าทองคำกลับสามารถต้านแรงกดดันเงินเฟ้อได้ ดังนั้นหากเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้ นักลงทุนมักเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อปกป้องความมั่งคั่งของตนจากผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดเพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หลังจีนลดดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2557 07:43:46 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) หลังจากที่จีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจุดประกายความหวังว่าความต้องการน้ำมันจากจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก จะเพิ่มสูงขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 76.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. และช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX ปรับตัวขึ้น 0.9% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นได้เป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 80.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.เช่นกัน สำหรับตลอดสัปดาห์ สัญญาเบรนท์ปรับตัวขึ้น 1.2%

ธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.4% สู่ระดับ 5.6% โดยมีผลตั้งแต่วันเสาร์นี้

การประกาศลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.ค. 2555 ซึ่งถือเป็นความพยายามล่าสุดของทางการจีนในการเดินหน้าสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ ภายหลังจากที่ได้มีการอัดฉีดสภาพคล่อง และลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์แบบกำหนดเป้าหมาย

เศรษฐกิจจีนอยู่ภายใต้แรงกดดัน โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 7.3% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาสสาม ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552

ด้วยเหตุที่จีนเป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันมากเป็นอันดับสองของโลก เทรดเดอร์จึงเชื่อว่า การลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และสนับสนุนให้อุปสงค์น้ำมันดิบในประเทศเพิ่มสูงขึ้น

ตลาดจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ที่กรุงเวียนนาในวันที่ 27 พ.ย.นี้อย่างใกล้ชิด โดยโอเปคเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบในสัดส่วนถึงหนึ่งในสามของโลก

แบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า โอเปคอาจปรับลดเป้าหมายการผลิตลงไม่เกิน 500,000 บาร์เรล/วัน โดยชี้ว่าหลายประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย อาจพอใจกับราคาน้ำมันที่ลดลง เพื่อที่จะได้แข่งขันกับการลงทุนในหินน้ำมันในอเมริกาเหนือ

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 พ.ย. เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล แตะ 381.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 780,000 บาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 718,000 บาร์เรล สู่ระดับ 23.24 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล แตะ 204.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 114.8 ล้านบาร์เรล

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 91.06 จุด รับกระแสกระตุ้นศก.จีน,ยุโรป

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2557 07:11:00 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ยังคงเดินหน้าทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ธนาคารกลางทั่วโลกต่างเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 91.06 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 17,810.06 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 10.75 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 2,063.50 ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 11.10 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 4,712.97 จุด

สำหรับทั้งสัปดาห์ ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 โดยดาวโจนส์บวก 1.0% S&P 500 ปรับตัวขึ้น 1.2% และ Nasdaq บวก 0.5%

ทั้งดาวโจนส์ และ S&P 500 ต่างแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 17,894.83 จุด และ 2,071.46 จุดตามลำดับ หลังจากที่ทั้งสองดัชนีเพิ่งปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี จากการเปิดเผยข้อมูลยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.ของสหรัฐซึ่งปรับตัวขึ้นผิดไปจากที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากที่เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.4% สู่ระดับ 5.6% โดยมีผลตั้งแต่วันเสาร์นี้

การประกาศลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.ค. 2555 ซึ่งถือเป็นความพยายามล่าสุดของทางการจีนในการเดินหน้าสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ ภายหลังจากที่ได้มีการอัดฉีดสภาพคล่อง และลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์แบบกำหนดเป้าหมาย

ขณะเดียวกันนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวในการประชุม European Banking Congress ในแฟรงค์เฟิร์ตว่า อีซีบีพร้อม "ทำในสิ่งที่เราต้องทำ เพื่อผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ปรับตัวสูงขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" และจะขยายโครงการซื้อสินทรัพย์หากจำเป็น ซึ่งนายดรากิไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้เรื่องการซื้อพันธบัตรรัฐบาล

นายดรากิได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของตนเองว่าจะใช้มาตรการเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาในยูโรโซน

ก่อนหน้านี้ เขาได้เคยเผยว่า เจ้าหน้าที่ของอีซีบีกำลังศึกษาวิธีการต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนที่ขยายตัวเพียง 0.2% ในไตรมาสที่ผ่านมา และเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.4% ซึ่งต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับเป้าหมายเงินเฟ้อของอีซีบีที่ 2%

ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางจีนและธนาคารกลางยุโรปมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดี มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงิน ได้เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของยูโรโซนปรับตัวลดลงแตะ 51.4 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ขณะที่เอชเอสบีซีเผยดัชนี PMI เบื้องต้นเดือนพ.ย.ของจีน ปรับตัวลดลงแตะที่ 50 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กขยับลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนขายหุ้นเพื่อทำกำไร หลังจากที่หุ้นพุ่งสูงในช่วงเปิดตลาด

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...