ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

วันหยุดพักกายพักใจ มีความสุขมากๆครับ คุณginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2557 06:31:34 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 21 พ.ย.2557

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ยังคงเดินหน้าทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ธนาคารกลางทั่วโลกต่างเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 91.06 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 17,810.06 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 10.75 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 2,063.50 ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 11.10 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 4,712.97 จุด

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่ปรับตัวลงติดต่อกันมาสองวัน โดยภาวะการซื้อขายได้แรงหนุนจากการที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวย้ำว่าอีซีบีจะเร่งผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนปรับตัวขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดดอกเบี้ยโดยไม่คาดหมาย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 2.1% ปิดที่ 345.24 จุด และเพิ่มขึ้น 2.9% ในสัปดาห์นี้

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดเพิ่มขึ้น 113.02 จุด หรือ 2.67% ที่ระดับ 4,347.23 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น 248.58 จุด หรือ 2.62% ปิดที่ 9,732.55 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 71.86 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 6,750.76 จุด

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) นำโดยหุ้นบริษัทเหมืองและก๊าซ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศซึ่งเป็นผู้ใช้โลหะภาคอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดของโลก

ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 71.86 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 6,750.76 จุด สำหรับตลอดสัปดาห์ ดัชนีปรับตัวขึ้น 1.5% ซึ่งนับเป็นการปรับตัวขึ้นห้าสัปดาห์ติดต่อกัน และดัชนีปรับตัวขึ้นแล้ว 3.79% ตั้งแต่ต้นปี

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่จีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจุดประกายความหวังว่าความต้องการน้ำมันจากจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก จะเพิ่มสูงขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 76.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. และช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX ปรับตัวขึ้น 0.9% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นได้เป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 80.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.เช่นกัน สำหรับตลอดสัปดาห์ สัญญาเบรนท์ปรับตัวขึ้น 1.2%

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่ธนาคารกลางจีนสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่าสองปี ขณะที่ประธานธนาคารกลางยุโรปย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งความเคลื่อนไหวของสองธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ดังกล่าวได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 6.8 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ 1,197.7 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 25.8 เซนต์ หรือ 1.60% ปิดที่ 16.395 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 21.7 ดอลลาร์ หรือ 1.80% ปิดที่ 1,227.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 27.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 794.90 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่ประธานธนาคารกลางยุโรปให้คำมั่นว่าจะขยายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ยูโรอ่อนค่าลงเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2388 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2551 ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5647 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5699 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.79 เยน เทียบกับระดับ 117.95 เยน, แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9701 ฟรังค์ จาก 0.9575 ฟรังค์ และลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ 1.1240 จาก 1.1304 ดอลลาร์แคนาดา

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8662 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8636

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,810.06 จุด เพิ่มขึ้น 91.06 จุด, +0.51%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,712.97 จุด เพิ่มขึ้น 11.10 จุด, +0.24%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,063.50 จุด เพิ่มขึ้น 10.75 จุด, +0.52%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,347.23 จุด เพิ่มขึ้น 113.02 จุด, +2.67%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,732.55 จุด เพิ่มขึ้น 248.58 จุด, +2.62%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,750.76 จุด เพิ่มขึ้น 71.86 จุด, +1.08%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,304.30 จุด ลดลง 11.90 จุด, -0.22%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,091.53 จุด เพิ่มขึ้น 12.66 จุด, +0.14%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 17,357.51 จุด เพิ่มขึ้น 56.65 จุด, +0.33%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,964.84 จุด เพิ่มขึ้น 6.80 จุด, +0.35%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,486.79 จุด เพิ่มขึ้น 34.13 จุด, +1.39%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,276.18 จุด เพิ่มขึ้น 7.23 จุด, +0.10%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,437.12 จุด เพิ่มขึ้น 87.48 จุด, +0.37%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,112.05 จุด เพิ่มขึ้น 18.48 จุด, +0.36%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,809.13 จุด ลดลง 13.16 จุด, -0.72%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,345.32 จุด เพิ่มขึ้น 29.72 จุด, +0.90%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,334.63 จุด เพิ่มขึ้น 267.07 จุด, +0.95%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

กสิกรฯคาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้ามีโอกาสฟื้นตัว จับตาเงินเฟ้อยูโรโซน-ส่งออกไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2557 13:21:29 น.

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย คาดแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (24-28 พ.ย.) มองว่า ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น โดยต้องจับตาการเปิดเผยตัวเลขการส่งออกของไทย สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะทยอยรายงานออกมา อาทิ จีดีพีประจำไตรมาส 3/57 (รายงานครั้งที่ 2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามรายงานตัวเลขจีดีพีและเงินเฟ้อของประเทศในยูโรโซน และการเคลื่อนไหวของตลาดภายหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของจีน

อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: jumnain@infoquest.co.th--

 

กสิกรฯคาดเงินบาทสัปดาห์หน้ากรอบ32.70-33.00 จับตาแรงซื้อเงินดอลลาร์ใกล้สิ้นเดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2557 13:16:26 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์แนวโน้มเงินบาทสัปดาห์หน้า (24-28 พ.ย.) อาจเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยอาจต้องจับตาแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ในช่วงใกล้สิ้นเดือนของกลุ่มผู้นำเข้า และการเคลื่อนไหวของตลาดภายหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของจีน

นอกจากนี้ นักลงทุนอาจรอประเมินสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากดัชนี PMI เขตชิคาโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. และจีดีพีประจำไตรมาส 3/57 (รายงานครั้งที่ 2) อนึ่ง ตลาดการเงินสหรัฐฯ จะปิดทำการวันที่ 27 พ.ย. เนื่องในวันหยุด Thanksgiving

อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: jumnain@infoquest.co.th--

 

ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเชื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนจีดีพีปีหน้าโต 4%

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2557 17:24:03 น.

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาถกฐาพิเศษ “การขับเคลื่อนประเทศไทย" ในงานสัมมนาหอการค้าไทยทั่วประเทศว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเห็นผลต่อเศรษฐกิจไทยภายในไตรมาส 1 ของปี 2558 อย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ขยายตัวได้ในระดับ 4%

"จะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเดือนม.ค.ปีหน้า จากมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 ที่เหลือและงบประมาณปี 2558 ที่ใช้ในการลงทุน 270,000 ล้านบาท จะเพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยยังไม่มีความจำเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่"ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว

รองนายกฯกล่าวด้วยว่าภาครัฐกำลังเร่งพิจารณาแก้ไขกฏหมายกว่า 100 ฉบับ เพื่อให้รองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปีหน้า นอกจากนี้ รัฐบาลพยายามปรับแก้กฎระเบียบให้เอื้อต่อการทำธุรกิจของภาคเอกชนโดยภายในวันอังคารที่ 25 พ.ย. 57จะมีการเสนอการปรับแก้กฎหมายด้านภาษีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการจจัดตั้งสำนักงานใหญ่ภูมิภาค(อาร์โอเอช) เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในเมืองไทยโดยสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะเทียบเคียงกับฮ่องกง และสิงคโปร์ ได้อย่างแน่นอน

อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: jumnain@infoquest.co.th--

ADVERTISEMENT

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันหยุดพักกายพักใจ มีความสุขมากๆครับ คุณginger

 

ขอบคุณนะคะ deb

โชคดีน้าเพื่อน พี่น้อง คุณทุกท่าน...

 

รับวันจันทร์ใสๆบายใจกันน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เกาะติดหุ้นโลก 24-11-57 vdo.gif Morning News : เกาะติดหุ้นรอบโลก "NOW26" 24-11-57 คาดหุ้นสัปดาห์หน้าฟื้นตัว "กสิกรไทย" คาดหุ้นสัปดาห์หน้ามีโอกาสฟื้นตัว จับตาเงินเฟ้อยูโรโซน ส่วนเงินบาทแกว่ง 32.70-33.00 บาท/ดอลลาร์ 'หม่อมอุ๋ย'คาดเศรษฐกิจปีหน้าโต4% "ม.ร.ว.ปรีดิยาธร" มั่นใจเศรษฐกิจฟื้นต้นปีหน้า ผลจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดเติบโต 4% '2กูรู'มั่นใจ'การเมืองนิ่ง'หนุนหุ้นพุ่ง จี้รัฐบาล'ปรองดอง'ฟื้นเศรษฐกิจ แอร์เอเชียหวัง'เลิกอัยการศึก' 'ไทคอน'พร้อมขายกองรีทธ.ค.

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

ข่าวยอดนิยม

กลุ่มหนุนเอกราชสก็อตเปิดตัวหนังสือพิมพ์ "เดอะ เนชันแนล" วางแผงครั้งแรก 24 พ.ย.นี้

นายริชาร์ด วอล์กเกอร์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ซันเดย์ เฮรัลด์ ในสก็อตแลนด์ เปิดเผยว่า เตรียมวางแผงหนังสือพิมพ์รายวันฉบับใหม่ ที่สนับสนุนการแยกตัวจากอังกฤษที่ชื่อ "เดอะ เนชันแนล" ในสก็อตแลนด์เป็นครั้งแรกวันนี้ (24 พ.ย.) โดยจะวางแผงฉบับนำร่องเป็นเวลา5 วันเพื่อทดสอบความต้องการของตลาด ทั้งนี้ ซันเดย์ เฮรัลด์ มียอดขายเพิ่มขึ้น 111% ในช่วงก่อนลงประชามติแยกประเทศ และขณะนี้มียอดขายเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 40%

Tags : เดอะ เนชันแนลหนังสือพิมพ์สกอตแลนด์เอกราช

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

(เพิ่มเติม) เงินบาทเปิด 32.75/76 แนวโน้มแข็งค่า หลังจีนลดดอกเบี้ยเซอร์ไพรส์ตลาด

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2557 11:14:29 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.75/76 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ปิดที่ระดับ 32.79/80 บาท/ดอลลาร์ ยังแกว่งในกรอบแคบ เนื่องจากแต่ละสกุลในภูมิภาคต่างก็มีประเด็นของตัวเอง เช่น เย็นวันศุกร์ ประเทศจีนมี Surprise Cut Rate

ขณะที่ยูโรยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องหลังนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ออกมาคอมเม้นท์ว่า อีซีบีพร้อมดำเนินการขยายขนาดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากอัตราเงินเฟ้อไม่สามารถส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวกลับขึ้นไปสู่ระดับเป้าหมายของอีซีบีได้โดยเร็ว

ส่วนดอลลาร์/เยนย่อตัวหลังนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นออกมาบอกว่าเงินเยนอ่อนค่าเร็วเกินไป

"วันนี้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าได้เล็กน้อย มองกรอบวันนี้ 32.70-32.80 บาท/ดอลลาร์"นักบริหารเงิน กล่าว

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 32.7700 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(21 พ.ย.) อยู่ที่ 1.84835% และ THAI BAHT FIX 6M(21 พ.ย) อยู่ที่ 1.76685%

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 117.75 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 117.80 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2385 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 1.2437 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 32.7790 บาท/ดอลลาร์

- กระทรวงการคลังเตรียมออกแพ็คเกจมาตรการของขวัญปีใหม่ แก่คนไทยและผู้ประกอบการรายย่อยภายใน 3 สัปดาห์ เชื่อเป็นมาตรการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ยันไม่ก่อหนี้ครัวเรือนเหมือนรถยนต์คันแรก สั่งแบงก์รัฐลดดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อย เร่งจัดตั้ง "นาโนไฟแนนซ์" ยอมสูญปีละกว่าหมื่นล้านบาทขยายเพดานลดภาษีนิติบุคคลเอสเอ็มอี "สมหมาย" ดันพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เข้า ครม.ต้นปีหน้า

- นักเศรษฐศาสตร์-นักการเงินต่างชาติคาดจีดีพีไทยปีหน้าปรับขึ้นมาอยู่ที่ 4% หากรัฐเร่งเพิ่มผลิตภาพ พัฒนาทักษะคุณภาพแรงงาน เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ห่วงดอกเบี้ยขึ้นดันต้นทุนหนี้เอกชน-หนี้ ครัวเรือนพุ่ง เสี่ยงก่อภาวะช็อกคนไทยหยุดใช้จ่าย สร้างแรงกดดันเศรษฐกิจ มองการเมืองป่วนทำนโยบายรัฐไม่ต่อเนื่อง ขณะที่ประเมินจีดีพีไทยปีนี้โตเพียง 1% เหตุส่งออกท่องเที่ยวทรุด

- หอการค้าสรุปเศรษฐกิจปีหน้าโต 3-5% ส่งออกโต 4.1% คาดเศรษฐกิจปีหน้าเริ่มฟื้นตั้งแต่ไตรมาส 1 ด้านภูมิภาคหวังค้าชายแดน เขตเศรษฐกิจพิเศษขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

- China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนปรับตัวลง 0.33% แตะที่ 6.1420 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปรับตัวขึ้น 60 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 11,130 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง เทียบเท่ากับ 1,205.51 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 6.49 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ 7.76 ดอลลาร์ฮ่องกง

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

เปิดตลาดราคา 'ทองคำ' คงที่!!! รูปพรรณขายออก 19,050 บาท

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- จันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2557 09:36:00 น.

สมาคมค้าทองคำ รายงานราคาทองคำ ประจำวันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 โดยเปิดตลาดราคาทองคำ คงที่ ดังนี้

ทองคำแท่ง

รับซื้อ 18,550.00 บาท ขายออก 18,650.00 บาท

ทองรูปพรรณ

รับซื้อ 18,282.96 บาท ขายออก 19,050.00 บาท

 

สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2557 10:23:56 น.

กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--MTS Gold Group

ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,192 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,204เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.78 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,450บาท กับ 18,550บาท และกลับมาปิดที่ 18,400 บาท กับ 18,500 บาท

ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,067 คู่สัญญาแบบ 10 บาทอยู่ที่ 5,816 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 1.58 % แบบ10 บาท เพิ่มขึ้น 7.34% GFZ14 ปิด 18,760 บาท และ GFG14 ปิด 18,840 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,770 บาท GF10G14 ปิดที่ 18,840 บาท

สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 6.8 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,197.7 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ ปิดตลาดที่ระดับ 76.51 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 720.91 ตัน ( คงทองเท่าเดิม)

ข่าวที่สำคัญ

-ในคืนวันศุกร์ทองคำปรับตัวสูงขึ้นและสามารถยืนเหนือ 1,200 เหรียญ/ออนซ์ และสามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ระดับ 1,207 เหรียญ/ออนซ์ เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากแรงเข้าซื้อของกลุ่มนักลงทุน รวมถึงการทำ Short Covering หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่อีซีบีพร้อมสนับสนุนการเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ

-จากการประกาศลดดอกเบี้ยของจีน ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ปริมาณความต้องการทองคำจากกลุ่มผู้บริโภคในจีนอาจเพิ่มสูงขึ้นด้วย

-นักวิเคราะห์จาก โจนาธาน บัทเลอร์ กล่าวว่า มาตรการใดๆก็ตามที่ช่วยเร่งฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของจีนมักส่งผลเชิงบวกและผลักดันให้ทองคำปรับตัวสูงขึ้น และอาจทำให้กลุ่มผู้บริโภคในจีนกลับมาเข้าซื้อทองรูปพรรณ รวมทั้งลงทุนในสินค้าประเภททองคำมากขึ้น

-สำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า กลุ่มเฮดฟันด์มีการเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นหลังจากที่ชะลอตัวมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพราะได้รับแรงหนุนจากการดำเนินการของธนาคารกลางต่างๆทั้งจีน ญี่ปุ่น และยุโรป จึงผลักดันให้ทองคำกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง

-ข้อมูลจากรัฐบาลสหรัฐฯ เผยว่า ปริมาณการถือครองสถานะ Long Position สุทธิ ในตลาดนิวยอร์กเพิ่มสูงขึ้นกว่า 56% หรือ 21,634 คู่สัญญา สู่ระดับ 60,307 คู่สัญญาณ

-นาย อัฟชิน นาวาบี นักวิเคราะห์จาก MKS กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันทองคำในทิศทางขาลง ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้น แต่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอยู่ในแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร จึงมีโอกาสที่เราจะเห็นการตกลงของราคาทองคำอีกครั้ง

-นักวิเคราะห์จาก Kitco กล่าวว่า ในวันนี้สัญญา Gold Option ประจำเดือนธันวาคมในตลาด COMEX จะหมดอายุลง อาจทำให้ทองคำเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยความผันผวน และอาจบอกเป็นนัยถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้

-นาย โรบิน บาร์ นักวิเคราะห์จากโซซีเอต เจเนอรัล กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ตลาดอาจเงียบเหงาเนื่องจากตลาดสหรัฐฯจะปิดทำการเนื่องในวัน Thanksgiving จึงอาจทำให้ปริมาณการซื้อขายในตลาดชะลอตัวลงระหว่างวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ และอาจส่งผลไปยังสัปดาห์หน้าอีกด้วย

-รายงานจาก IMF ระบุว่า ยูเครนได้ทำการลดการสำรองทองคำเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนตุลาคม โดยลดลง 14 ตัน จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่รัสเซียเพิ่มการสำรองทองคำติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 โดยในเดือนตุลาคมเพิ่มการถือครอง 18.9 ตัน ปัจจุบันมีการถือครองทองคำทั้งสิ้น 1,168 ตัน

-ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2388 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2551 ยูโร/ดอลลาร์ หลังจากอีซีบีจะยังคงเดินหน้าขยายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ

-ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ปรับตัวสูงขึ้น 0.82% สู่ระดับ 88.313 ในคืนวันศุกร์ และไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 88.424 ก่อนจะทรงตัวบริเวณ 88.33 ในเช้าวันนี้

-อย่างไรก็ดี ค่าเงินยูโรยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากถ้อยแถลงของประธานอีซีบี ซึ่งกดดันให้ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.2% สู่ระดับ 1.2388 ยูโร/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์

-นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี ระบุว่า อีซีบีพร้อมใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อผลักดันอัตราเงินเฟ้อและให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ปรับตัวสูงขึ้นให้เร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งอาจมีการขยายโครงการซื้อสินทรัพย์หากจำเป็น

-เจ้าหน้าที่ของอียู เปิดเผยว่า อียูกำลังเตรียมแผนกองทุนสำรองเป็นจำนวน 2.1 พันล้านยูโร (2.6 พันล้านดอลลาร์) เพื่อจัดสรรความเสี่ยงสำหรับโครงการใหม่ๆในกลุ่มนักลงทุนรายบุคคล

-ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวสูงขึ้น 1.3% และปิดที่ระดับสูงสุด 80.36 ดอลลาร์/บาร์เรล นับตั้งแต่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพราะได้รับแรงสนับสนุนหลังจากธนาคารกลางจีน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% สู่ระดับ 2.75% และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อายุหนึ่งปีของสถาบันลง 0.4% สู่ระดับ 5.6% จึงส่งผลให้นักลงทุนคาดหวังว่า ความต้องการน้ำมันจากจีนจะเพิ่มสูงขึ้น

-แบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า ในการประชุม 27 พฤศจิกายนนี้ โอเปคอาจปรับลดเป้าหมายการผลิตลงไม่เกิน 500,000 บาร์เรล/วัน โดยชี้ว่าหลายประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย อาจพอใจกับราคาน้ำมันที่ลดลง เพื่อที่จะได้แข่งขันกับการลงทุนในหินน้ำมันในอเมริกาเหนือ

-สำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า สหรัฐฯ เตรียมแผนการเข้าซื้ออาวุธหนักในวงเงิน 24.1 ล้านดอลลาร์ โดยมีแผนจะช่วยเหลือกองกำลังนิกายสุหนี่ของอิรัก โดยการซื้ออาวุธที่ประกอบไปด้วย AK-47s, จรวดขับเคลื่อนขนาดเล็ก และเครื่องยิงระเบิดเล็ก เพื่อสนับสนุนการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย IS ในจังหวัดอันบาร์ของอิรัก

-รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของเยอรมนี แสดงความกังวลเกี่ยวกับกรณีที่รัสเซียแทรกแซงและสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน เพื่อให้เกิดความแตกแยกในตะวันออกกลางของยูเครน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัสเซียความต้องการทำลายความเป็นเอกภาพของยูเครน

-ขณะที่ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย พยายามสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งด้วยการผูกมิตรทางทหารกับปากีสถาน หลังจากอินเดียทำการเข้าซื้ออาวุธจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น

-ในคืนวันศุกร์ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด +0.51% โดยยังคงเดินหน้าทำสถิติปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 2 ต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ดี ตลอดสัปดาห์ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 1.0%

-วันนี้ตลาดหุ้นและตลาดการเงินของญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณแรงงาน (Labor Thanksgiving)

-นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-33.00 บาท/ดอลลาร์ โดยดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว ซึ่งต้องจับตาแรงซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงใกล้สิ้นเดือนของกลุ่มผู้นำเข้า ตัวเลขการส่งออกของไทย และการเคลื่อนไหวของตลาดหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืนวันศุกร์

- ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้

- ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

ทิศทางราคาทองคำ

สภาพตลาดทองคำยังคงมีความผันผวนเป็นรายวัน และมีแรงซื้อทุกครั้งที่ราคาปรับตัวลดลงบริเวณ 1,190 เหรียญ ทั้งๆที่ค่าเงินดอลลาร์เองยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและค่าเงินเยน โดยค่าเงินยูโรเริ่มทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 1 ปี ที่ระดับ 1.2385 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ SPDR ยังคงถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 720.91 ตัน แม้จะมีกระแสข่าวว่า รัสเซียซื้อทองคำเพิ่ม แต่ยูเครนก็ลดการถือครองทองคำลง ภาพโดยรวมจึงจะเห็นความผันผวนของราคาทองคำบริเวณ 1,190 – 1,210 เหรียญ โดยที่ให้จับตาไปยังการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ ทั้งนี้หากค่าเงินยูโรเองและหลุด 1.2350 ยูโร/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญและเป็นจุดต่ำสุดเดิมในช่วงปีครึ่ง หากหลุดลงมาก็จะทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงต่อได้ ก็ต้องจับตาดูอีกครั้งหนึ่ง

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำในระยะสั้นมีความผันผวนในทิศทางขาขึ้น โดยจะเห็นได้จากกราฟระยะสั้น 4-8 ชั่วโมง และบ่อยครั้งใน Oscillator มีภาวะ Divergence แต่ก็มีแรงซื้อกลับทุกครั้ง ซึ่งในเชิงเทคนิคระยะยาวยังคงเป็นแนวโน้มขาลง โดยทองคำมีแนวต้านบริเวณ 1,210 เหรียญซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน โดยหากทะลุขึ้นไปจะมีแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,236 เหรียญ ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน ทองคำจะเป็นขาขึ้นโดยสมบูรณ์ต้องยืนเหนือ 1,220 เหรียญ สำหรับช่วงนี้เป็นความผันผวนในระยะสั้นๆ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะนำให้เฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยแนะนำให้ลงทุนใน 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) ลดสถานะลงแล้วรออยู่นอกตลาด หรือไม่ได้ทำอะไรเลย และ 2) เล่นตามสภาวะการแกว่ง ทำกำไรระยะสั้น

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

ทำกำไรเป็นรอบๆ ระยะสั้น

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

บริหารพอร์ตให้ดี ระวังถูก Call Margin ไม่แนะนำให้ทำสถานะ Short Position เพิ่ม รอดูจังหวะก่อน

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

Wait & See บริหารพอร์ตสมดุลตามสภาพตลาด เนื่องจากระยะสั้นตลาดมีความผันผวน ขณะที่ระยะยาวยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง

Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,640 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,840 บาท

Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,720 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,920 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 24 พ.ย. 57 (ภาคเช้า)

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2557 11:05:29 น.

กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--GT Wealth Management

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น US$9.20 ต่อออนซ์ มาอยู่ที่ระดับ US$1,202.50 ต่อออนซ์ (Gold Spot) ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตามแรงหนุนการลดดอกเบี้ยของจีนเพื่อหนุนตลาด ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 2 ปี โดยปรับลดดอกเบี้ยระยะหนึ่งปีลง 0.40% สู่ระดับ 5.6% ขณะที่ประธาน ECB เองก็มุ่งเน้นให้มีการหนุนเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นเงินเฟ้ออย่างรวดเร็วทำให้ราคาสินทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ค่าเงินบาททรงตัวใกล้ระดับ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ SPDR รายงานการถือครองทองคำที่ 720.91ตัน ไม่เปลี่ยนแปลง

ราคาทองคำโลกเช้านี้ (Gold Spot) เคลื่อนไหวบริเวณ US$1,200 โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2557 (GFZ14)ราคาเปิดใกล้ระดับ 18,740 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 18,550 บาท ราคาเสนอขาย 18,650 บาท

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า การผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางจีนจะเป็นปัจจัยที่สามารถหนุนราคาทองคำ เพราะถือเป็นการผ่อนคลายนโยบายที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและความต้องการสินทรัยพ์เสี่ยงให้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ตลาดทุนปรับตัวบวกขึ้นมาพอสมควร ในทางเทคนิค แนวต้าน US$1,207 แนวรับ US$1,195

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2557 17:11:49 น.

กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--พีอาร์ดีดี

สภาวะตลาดวันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,194.40-1,203.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,650 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 150 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,500 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ14 อยู่ที่ 18,720 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 120 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,600 บาท

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.37 น. ของวันที่ 24/11/14)

แนวโน้มวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557

ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ของเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งเหนือความคาดหมายของนักลงทุนในตลาดทองคำ โดยการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลดลง 0.40% สู่ระดับ 5.6% ขณะที่ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลดลง 0.25% ประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าอุปสงค์ทองคำในจีนอาจจะพุ่งขึ้นในอนาคตได้หนุนราคาทองคำปรับขึ้นไปแตะจุดสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ราคาทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนได้หันมาสนใจมาตรการกระตุ้นโดยรวมเพิ่มขึ้นและเปิดกว้างรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นรวมทั้งการลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวทางของทางการจีน นอกจากนี้นักลงทุนในตลาดทองคำยังคงจับตาทิศทางราคาน้ำมัน เพราะหากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นตาม และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เพิ่มแรงซื้อเข้ามาตลาดทองคำเพราะว่าทองคำเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทำประกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะมีการประชุมพิเศษระหว่างรัสเซียและกลุ่มโอเปกวันที่ 25 พฤศจิกายน ก่อนการประชุมโอเปกที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ วัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาดโลกให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำน่าจะดีดตัวขึ้นและอาจมีโอกาสทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,210 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ราคาทองคำจะอ่อนตัวลงทดสอบบริเวณแนวรับ 1,190-1,182 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นโดยหาจังหวะทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไป และนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากอาจเข้าซื้อเพื่อลงทุนระยะสั้นเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,190 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณโซนแนวรับ 1,182 หรือ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,210 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,220 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนไม่มีวินัยในการลงทุนที่จะตัดขาดทุน จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,190 (18,460บาท) 1,182 (18,340บาท) 1,175 (18,230บาท)

แนวต้าน 1,210 (18,780บาท) 1,220 (18,930บาท) 1,235 (19,170บาท)

GOLD FUTURES (GFZ14)

แนวรับ 1,190 (18,540บาท) 1,182 (18,420บาท) 1,175 (18,310บาท)

แนวต้าน 1,210 (18,850บาท) 1,220 (19,010บาท) 1,235 (19,240บาท)

 

 

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดบวก 10.94 จุด สอดคล้องกับตลาดทั่วโลกหลังจีนหั่นดบ.-ปัจจัยในหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2557 17:14:36 น.

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,590.14 จุด เพิ่มขึ้น 10.94 จุด(+0.69%) มูลค่าการซื้อขาย 49,361.23 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,592.20 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,584.54 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 489 หลักทรัพย์ ลดลง 334 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 215 หลักทรัพย์

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้างสดใส สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ก็อยู่ในแดนบวกเกือบทุกตลาดรับผลดีจากที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย และทางธนาคารกลางยุโรป(ECB)ก็พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางในการดึงเงินเฟ้อให้กลับขึ้นมา

ส่วนบ้านเราก็ยังได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุน LTF-RMF ด้วย และหลังจากจบงาน Set in the City ก็มักจะมีแรงซื้อเข้ามา อย่างไรก็ดี วันพรุ่งนี้ต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในการพิจารณาอนุมัติโครงการรถไฟรางคู่ และคาดว่าตลาดฯอาจได้แรงหนุนจากที่พรุ่งนี้ MSCI จะปรับตะกร้าหุ้นในการคำนวณดัชนีใหม่

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(25 พ.ย.)นายณัฐชาต กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังยืนในแดนบวกได้แต่อาจไม่มากอย่างมีนัยสำคัญเหมือนวันนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

VPO มูลค่าการซื้อขาย 2,193.28 ล้านบาท ปิดที่ 2.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท

ITD มูลค่าการซื้อขาย 2,154.76 ล้านบาท ปิดที่ 7.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,553.74 ล้านบาท ปิดที่ 191.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

DEMCO มูลค่าการซื้อขาย 1,512.78 ล้านบาท ปิดที่ 18.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

GEL มูลค่าการซื้อขาย 1,435.65 ล้านบาท ปิดที่ 1.36 บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาท

อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 24 พฤศจิกายน 2557

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2557 17:15:38 น.

กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ยิงเครื่องบินรบซีเรียตกในจังหวัดเดียร์ อัล-ซูร์ ทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นเครื่องบินรบลำแรกที่กลุ่มหัวรุนแรงยิงตกนับตั้งแต่เข้าควบคุมบริเวณดังกล่าวที่เป็นแหล่งน้ำมัน

--โฆษกของสหรัฐเปิดเผยว่า นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ จะพบปะกับนายซาอัด อัล-ไฟซาล รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการหารือโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน

--ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ยอมรับการเจรจาต่อรองเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่มาก ขณะที่การเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์เดินหน้ามาใกล้จะถึงขีดเส้นตายในวันนี้ (24 พ.ย.)

--นายหม่า ไค รองนายกรัฐมนตรีจีนเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการบินทั่วไปของจีนนั้นควรได้รับมาตรการส่งเสริมการขยายตัว เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการป้องกันประเทศ

--สถาบันเพื่อการพัฒนาและกลยุทธ์แห่งชาติของมหาวิทยาลัยเหรินหมิน เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของจีนคาดว่าจะขยายตัว 7.4% ในปี 2557 จากปีก่อนหน้านี้

--นายวี ยองซอบ โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยในการแถลงข่าวในวันนี้ว่า เกาหลีใต้เริ่มปฏิบัติการฝึกซ้อมทางทหารบริเวณแนวหมู่เกาะดกโดแล้วในวันนี้ ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่มีข้อพิพาทระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

--แถลงการณ์ล่าสุดจากเว็บไซต์ของรัฐบาลจีน www.gov.cn ระบุว่า สภาแห่งรัฐ หรือคณะรัฐมนตรีจีนจะพิจารณาการใช้นโยบายในด้านการเงิน ที่ดินและบุคลากร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจระดับประเทศในทางภาคกลางและตะวันตก

--กระทรวงการคลังจีนประกาศในวันนี้ว่า รัฐบาลกลางของจีนได้จัดสรรงบประมาณให้กองทุนบรรเทาสาธารณภัยฉุกเฉินเป็นจำนวน 50 ล้านหยวน (8.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองคังติง มณฑลเสฉวน

--ข้อมูลจากศูนย์การกู้ยืมและให้กู้ยืมอินเตอร์แบงก์จีน ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้าชั้นดี (LPR) ระยะ 1 ปีสำหรับตลาดกู้ยืมและให้กู้ยืมอินเตอร์แบงก์ของจีน ได้ปรับตัวลง 0.20% แตะ 5.56% ในวันนี้ ซึ่งนับเป็นวันทำการวันแรกหลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดดอกเบี้ยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจีนลดดอกเบี้ย

ราคาทองคำเปิดตลาดในเอเชียที่บริเวณ 1,200 USDต่อออนซ์ ระหว่างวันมีกรอบเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,195 -1,203 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นพร้อมกับราคาหุ้นและราคาน้ำมันหลังธนาคารจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงในเย็นวันศุกร์ แนวโน้มของราคาทองคำในสัปดาห์นี้มอง sideway เนื่องจากราคาทองคำยังขาดแรงสนับสนุนที่จะส่งผลให้ราคาดีดตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยจากรายงานการถือครองทองคำของ SPDR ยังไม่เห็นการกลับเข้ามาซื้อทองคำอย่างมีนัยยะสำคัญ และค่าเงินดอลลาร์ยังอยู่ในระดับสูงก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ

 

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy2411201415494520…

See Translation

 

 

 

9750_958076497554034_275768007162803620_n.jpg?oh=0d86b857a33298bbff9ae3b1d190a9d6&oe=54DA8E0B

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...