ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

สถานทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง เร่งติดตามสถานการณ์คลังเก็บสินค้าอันตรายระเบิด

โฆษก กต.เผย สถานทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง เร่งติดตามสถานการณ์หลังคลังเก็บสินค้าอันตรายระเบิดคืนวานนี้ จ.เทียนจิน ทางตอนใต้ของปักกิ่ง เผย มีนักเรียนไทยศึกษาอยู่ราว 500 คน...

NATIONTV.TV|BY NATIONTV 22

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายการ Morning Talk วิเคราะห์แนวโน้มฟิวเจอร์ส

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โดย ฝ่ายวิจัย บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รมว.คลัง เชื่อหยวนลดค่ากระทบส่งออกไทยไม่มาก เตือนข่าวปรับครม.กระทบเชื่อมั่น

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2558 11:46:40 น.

นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เช้านี้ว่า การที่จีนใช้นโยบายปรับเงินหยวนให้อ่อนค่าลงมากเกิดผลกระทบต่อไทยในระดับหนึ่ง เนื่องจากจีนเป็นผู้ส่งออกและนำเข้าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ การที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่าไปแล้วราว 4.7% ทำให้เกิดผลกระทบต่อประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่าแน่นอน

 

 

 

"เมื่อยักษ์ขยับตัวแบบนี้ก็เกิดผลกระทบมากต่อประเทศเล็กประเทศน้อย ผมเข้าใจว่าเป็นการปรับเพื่อให้เขาได้ดุลการค้ากับชาติใหญ่ ๆ ด้วยกัน เป้าหมายคืออียู และญี่ปุ่น...เพราะจีนทำ QE ไม่ได้ ฐานสกุลเงินของเขายังไม่กว้างพอ จึงต้องใช้วิธีลดค่าเงิน"นายสมหมาย กล่าว

 

นายสมหมาย กล่าวอีกว่า สำหรับผลกระทบต่อการส่งออกของไทยนั้น ถือว่าไทยค่อนข้างโชคดี เนื่องจากสินค้าที่ส่งไปจำหน่วยยังประเทศจีนส่วนใหญ่เป็นปัจจัยการผลิต อันดับแรก คือ เม็ดพลาสติก ยางพารา เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หากการลดค่าเงินหยวนเพื่อหวังกระตุ้นการส่งออกของจีนเป็นหลัก เมื่อการส่งออกของจีนดีขึ้นก็จะทำให้การส่งออกสินค้าวัตถุดิบของไทยไปยังจีนได้รับประโยชน์ด้วย

 

ส่วนในด้านการท่องเที่ยวนั้น ก็เชื่อว่าจะกระทบกับไทยไม่มากเช่นกัน แม้ว่าในปี 57 จะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางเข้ามาในไทยถึง 4.6 ล้านคน แต่มาจากคนจีนที่มีพาสปอร์ตแค่ 5%ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ดังนั้น หากจากนี้ไปชาวจีนสามารถทำพาสปอร์ตได้เพิ่มขึ้น ก็คงจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มอีกอย่างแน่นอน

 

นายสมหมาย กล่าวอีกว่า ผลกระทบจากเงินหยวนที่อ่อนค่าลงมากอาจจะรุนแรงกับประเทศอื่นมากกว่าประเทศไทย โดยหากดูจากค่าเงินจะพบว่า การอ่อนค่าของเงินหยวนทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงราว 0.25% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่กระทบกับค่าเงินรูเปี๊ยะห์ของอินโดนีเซียให้อ่อนค่าลงถึง 1.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัญ และริงกิตมาเลเซีย 4.0% เมื่อเทืยบกับดอลลาร์สหรัฐ

 

ดังนั้น ประเทศไทยควรจะใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาส แต่น่าเสียดายที่บรรยากาศของประเทศในเรื่องความเชื่อมั่นติดลบ อย่างเช่น กรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยเฉพาะฝ่ายเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนต่างชาติชะงัก เพราะเกิดความไม่มั่นใจผู้ที่จะดูแลนโยบายด้านเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเตรียมแผนใด ๆ เพื่อรับมือค่าเงินหยวน เพราะเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ดูแลได้

 

"เราไม่ควรจะทำอะไรโดยเจตนาให้เงินบาทอ่อนค่าลงไปกว่านี้อีกแล้ว แบงก์ชาติก็วางใจที่ทุนสำรองยังมาก ก็เน้นดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบมากเท่านั้น เชื่อว่าแบงก์ชาติรับมือได้ รัฐบาลไม่ต้องเตรียมอะไรรับมือ แต่ควรเน้นการสร้างความเชื่อมั่นเท่านั้น และคนที่จะสร้างความเชื่อมั่นได้คือท่านนายกรัฐมนตรี ผมพูดได้เท่านี้" นายสมหมาย กล่าว

 

อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2226917

 

 

คลัง เผยยอดหนี้สาธารณะคงค้างสิ้น มิ.ย.58 อยู่ที่ 42.36% ของ GDP

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2558 11:00:21 น.

นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ในฐานะโฆษก สบน.เผยหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,682,490.76 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.36% ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 2,516.86 ล้านบาท

 

โดยหนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 6,771.99 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของตั๋วเงินคลังสุทธิจำนวน 20,000 ล้านบาท, การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศจำนวน 3,130.79 ล้านบาท(การกู้เงินเพื่อให้ บมจ.การบินไทย กู้ต่อ จำนวน 1,693.33 ล้านบาท สำหรับโครงการซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340-600, การกู้เงินเพื่อให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) กู้ต่อจำนวน 1,410.11 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง และรถไฟสายสีแดง, กรมทางหลวงเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อให้ใช้ในโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) จำนวน 27.35 ล้านบาท, การกู้เงินบาททดแทนเงินกู้ต่างประเทศเพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน(DPL) จำนวน 173 ล้านบาท, การกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 23,779 ล้านบาท, การชำระหนี้ที่กู้มาเพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 32 ล้านบาท และการชำระคืนหนี้ภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ จำนวน 24 ล้านบาท

 

 

 

ขณะที่หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินมียอดหนี้คงค้างลดลง 2,810.38 ล้านบาท เนื่องจากการชำระคืนต้นเงินกู้ในประเทศมากกว่าการเบิกจ่ายเงินกู้ ซึ่งในเดือนมิถุนายน 2558 มีการกู้เงินเพื่อลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ การกู้เงินเพื่อเช่าซื้อเครื่องบินแอร์บัส 777-300ER ของ บมจ.การบินไทย จำนวน 5,435.04 ล้านบาท และการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงของ รฟม.จำนวน 10.83 ล้านบาท

 

ส่วนหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน(รัฐบาลค้ำประกัน) มียอดหนี้คงค้างลดลง 6,384.72 ล้านบาท เนื่องจากรัฐวิสาหกิจต่างๆ มีการชำระคืนต้นเงินกู้มากกว่าการเบิกจ่ายเงินกู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีรายการที่สำคัญ ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่กู้มาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนด จำนวน 4,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระหนี้เงินต้นที่กู้มาเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้เงินจากการระบายข้าว จำนวน 2,365 ล้านบาท

 

และหน่วยงานของรัฐมียอดหนี้คงค้างลดลง 93.75 ล้านบาท เนื่องจากสำนักงานธนานุเคราะห์ชำระคืนต้นเงินตามสัญญาเงินกู้

 

โฆษก สบน.กล่าวว่า หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 เท่ากับ 5,682,490.76 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ในประเทศ 5,343,785.99 ล้านบาท หรือ 94.01% และหนี้ต่างประเทศ 340,704.77 ล้านบาท(ประมาณ 10,110.50 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือเท่ากับ 5.99% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และหากเปรียบเทียบกับเงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน 160,273.97 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ 30 มิถุนายน 2558) หนี้ต่างประเทศจะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 6.31% ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและความมั่นคงในด้านการเงินของประเทศ

 

โดยหนี้สาธารณะแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาวถึง 5,572,279.97 ล้านบาท หรือ 98.03% และมีหนี้ระยะสั้น 112,210.79 ล้านบาท หรือ 1.97% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

 

อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2226851

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยูโรกรุ๊ปเล็งประชุมพิจารณาข้อตกลงเงินช่วยเหลือกรีซวันศุกร์นี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2558 11:36:24 น.

โฆษกของนายเจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานรัฐมนตรีคลังยูโรโซน หรือยูโรกรุ๊ป กล่าววานนี้ว่า ยูโรกรุ๊ปจะประชุมกันในวันศุกร์นี้ที่กรุงบรัสเซลส์ เพื่อพิจารณาอนุมัติข้อตกลงเงินช่วยเหลือระหว่างกรีซและบรรดาเจ้าหนี้

 

“ยูโรกรุ๊ปจะมีการประชุมนัดพิเศษว่าด้วยประเด็นกรีซในวันศุกร์ที่ 14 ส.ค.นี้ เวลา 15.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น" โฆษกระบุทางทวิตเตอร์

 

 

 

ทั้งนี้ รัฐบาลกรีซได้บรรลุข้อตกลงเงินช่วยเหลืองวดที่ 3 ในระยะ 5 ปีกับบรรดาเจ้าหนี้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยข้อตกลงเงินช่วยเหลือมูลค่า 8.5 หมื่นล้านยูโร (9.5 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อแลกกับการปฏิรูปดังกล่าวขึ้นหลังจากที่มีการหารือกับหลายรอบนับตั้งต่ปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

 

ทางด้านนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ประกาศเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญในวันนี้ เพื่อพิจารณาและลงมติต่อข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่รัฐบาลกรีซและเจ้าหนี้ให้ความเห็นชอบในวันก่อนหน้า

 

ทั้งนี้ รัฐบาลหวังว่าข้อตกลงดังกล่าวจะผ่านการอนุมัติของสภาในวันนี้ ก่อนที่การประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนจะเริ่มขึ้นในวันศุกร์

 

กรีซมีกำหนดต้องชำระหนี้มากกว่า 3 พันล้านยูโรต่อธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 20 ส.ค. ซึ่งหากกรีซไม่ได้รับเงินกู้เพิ่มเติมจากเจ้าหนี้ ก็จะประสบภาวะผิดนัดชำระหนี้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2226907

 

China Focus: ผู้ส่งออกจีนชี้เงินหยวนอ่อนค่าส่งผลกระทบแค่ในวงจำกัด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2558 11:29:12 น.

แม้ว่าสกุลเงินหยวน หรือ renminbi (RMB) ของจีนร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในขณะนี้ แต่บรรดาผู้ส่งออกจีนเปิดเผยว่า เงินหยวนที่อ่อนค่าลงนั้นส่งผลต่อธุรกิจแค่ในขอบเขตจำกัด

 

อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนของจีนปรับตัวลดลง 1.6% เมื่อวานนี้ หลังร่วงลง 1.9% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

 

การปรับตัวลงอย่างหนักของเงินหยวนเมื่อเทียบสกุลเงินดอลลาร์ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ โดยเงินหยวนเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในปีนี้ แม้ว่าดอลลาร์ปรับตัวแข็งแกร่งเนื่องจากคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

 

 

นักวิเคราะห์มองว่า การที่จีนเงินหยวนของจีนปรับฐานลงอย่างหนักในครั้งนี้ เป็นเพราะจีนต้องการตอบสนองข้อเรียกร้องของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ต้องการให้เงินหยวนสะท้อนสถานการณ์ในตลาดได้ดียิ่งขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเงินหยวนอ่อนค่าลงหลังจีนเผยข้อมูลยอดส่งออกเดือนก.ค.ที่อ่อนแรง แต่บรรดาผู้ส่งออกจีนต่างตอบรับการปรับตัวลงของเงินหยวนทั้งในด้านบวกและลบ

 

"การอ่อนค่าของเงินหยวนส่งผลดีต่อการส่งออกจีนจริง แต่ในขอบเขตจำกัด" นายเหลียง หง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่นกล่าว

 

นายเหลียงเสริมว่า การอ่อนค่าของเงินหยวนซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงระบบการกำหนดอัตราค่ากลางสกุลเงิน จะช่วยลดทอนแรงกดดันต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้เพียงเล็กน้อย หลังจากที่ยอดส่งออกจีนชะลอตัวลง

 

ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนก.ค.ของจีนร่วงลง 8.3% จากปีที่แล้ว ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง 1.5%

 

"เงินหยวนที่อ่อนค่าจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้บรรดาผู้ส่งออก หลังยอดส่งออกเดือนก.ค.อ่อนแอ" นายลู่ ตง รองผู้จัดการสาขาเซี่ยงไฮ้ของไชน่า เอ็กพอร์ต แอนด์ เครดิต อินชัวแรนซ์ คอร์ปกล่าว "แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ที่เงินหยวนอ่อนค่า และจะไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการปรับตัวลงอย่างหนักเมื่อเทียบเงินดอลล์"

 

ด้านนายจูเลียน อีวานส์-พริตชาร์ด นักเศรษฐศาสตร์ประจำประเทศจีน ของแคปปิตอล อีโคโนมิกส์ แสดงความเห็นว่าการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (Reference Rate) มีจุดมุ่งหมายเบื้องต้นเพื่อก้าวสู่การเปิดเสรียิ่งขึ้นของตลาดปริวรรตเงินตรา ก่อนการตัดสินใจของ IMF ว่าจะรวมสกุลเงินหยวนเข้าไปในตะกร้าสกุลเงิน SDR หรือไม่

 

ส่วนนายจู ซิงไห่ นักวิเคราะห์จาก CITIC กล่าวว่า "การอ่อนค่าของเงินหยวนจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมสิ่งทอและหลอดไฟ เนื่องจากทั้งสองภาคส่วนของจีนต้องพึ่งพาการส่งออกมาก"

 

อย่างไรก็ตาม นายจูเสริมว่า ผลกระทบด้านบวกที่แท้จริงของการอ่อนค่าของเงินหยวน ไม่ได้มีมากเท่ากับในทางทฤษฎี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน จะนำไปสู่การปรับตัวในด้านราคา

 

นายหลี่ ฉี ผู้อำนวยการฝ่ายการผลิตของบริษัทหลี่เชง โคลทติ้ง กรุ๊ปเปิดเผยว่า "การที่เงินหยวนปรับตัวลงทำให้เรามีข้อได้เปรียบ แต่เงินหยวนที่อ่อนค่าส่งผลให้ปริมาณการค้าสูงขึ้น และเราก็ต้องปรับราคาส่งออกด้วยเช่นกัน ซึ่งแม้ว่าเราไม่อยากปรับ แต่ลูกค้าต่างชาติของเราก็จะต้องการให้ทำเช่นนั้น" นายหลี่กล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq26/2226902

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รองผู้ว่าฯแบงก์ชาติจีนเผยจีนมีสภาพคล่องเพียงพอ ขณะอัตราดอกเบี้ยทรงตัว

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2558 16:25:00 น.

นายยี่ กัง รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ในปัจจุบัน จีนยังคงมีสภาพคล่องจำนวนมาก ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังทรงตัว แม้ดูจะต่ำกว่าในอดีต

 

นายยี่ได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าวเมื่อถูกตั้งข้อซักถามในประเด็นที่ว่าการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนและความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดปริวรรตเงินตราจีนในปัจจุบัน จะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและอัตราดอกเบี้ยจีนหรือไม่

 

นอกจากนี้ รองผู้ว่าฯแบงก์ชาติยังเปิดเผยว่า จีนจะเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่รัดกุมต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2227170

 

Xinhua Insight: ธนาคารกลางจีนชี้เงินหยวนอาจสะดุด แต่จะไม่ร่วงลงหนัก

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2558 16:12:00 น.

สกุลเงินหยวนยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่น่าจะอ่อนค่าลงอย่างหนัก เนื่องจากทางธนาคารกลางและปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคงนั้นจะไม่เปิดโอกาสให้เงินหยวนดิ่งลงอย่างรุนแรง

 

อัตราค่าเงินหยวนในตลาดสปอตปรับตัวลดลงราว 3% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2555 หลังธนาคารกลางได้ออกมาปฏิรูประบบการกำหนดอัตราค่ากลางสกุลเงิน จนส่งผลให้เมื่อวานนี้ อัตราค่ากลางของสกุลเงินหยวนปรับลง 1.6% แตะ 6.3306 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

ด้านธนาคารกลางจีนเปิดเผยในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า ไม่มีเหตุผลที่เงินหยวนจะอ่อนค่าลงต่อไป

 

ธนาคารกลางจีนชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสดใส ประกอบกับยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และการยกระดับเงินหยวนสู่สากลนั้นจะนำมาซึ่งความมีเสถียรภาพ โดยเศรษฐกิจจีนขยายตัว 7% ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งสร้างภาวะที่เอื้อต่อการปรับตัวอย่างมีเสถียรภาพของเงินหยวน

 

จีนมียอดเกินดุลการค้าที่ 3.05 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยหนุนอัตราแลกเปลี่ยน

 

ธนาคารกลางจีนมองว่า สกุลเงินหยวนที่มีความเป็นสากลและภาคการเงินที่เปิดกว้าง ได้ส่งผลให้เงินหยวนได้รับความต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ช่วยสร้างเสถียรภาพด้วยกันเช่น

 

นอกจากนี้ ทางธนาคารกลางยังระบุถึงปริมาณทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่มีจำนวนมาก ภาวะการคลังที่มั่นคง และระบบการเงินที่แข็งแกร่ง โดยธนาคารกลางมีแผนปรับปรุงการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน และทำให้ค่าเงินมีเสถียรภาพโดยพื้นฐาน

 

นายหม่า จุน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำสำนักงานวิจัยของธนาคารกลางจีน ชี้ว่าอัตราเงินหยวนที่ลดลงนั้น เป็นผลจากความแตกต่างที่ดำเนินมาเป็นเวลานานระหว่างอัตราค่ากลางและระดับปิดที่ตลาดอินเตอร์แบงก์ในวันก่อนหน้า

 

นักเศรษฐศาสตร์รายนี้มองว่าการปรับตัวดังกล่วเป็นการปรับฐานทางเทคนิคที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และไม่ควรมีการตีความเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการอ่อนค่าลงต่อไปในอนาคต

 

ด้านนายหวาง เต๋า หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของ UBS ซึ่งมองว่าเงินหยวนจะไม่อ่อนค่าลงต่อเนื่องเช่นกัน คาดการณ์ว่าทางรัฐบาลจีนจะยังคงดำเนินงานอย่างระมัดระวัง โดยเขากล่าวว่า "การทบทวนตะกร้าสกุลเงิน SDR (Special Drawing Right) ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ควรพิจารณา รวมถึงการหลีกเลี่ยงการสร้างความปั่นป่วนต่อแนวโน้มการอ่อนค่าและกระแสเงินทุนไหลออก ก็เป็นประเด็นที่มีความสำคัญมากขึ้น"

 

ส่วนดอยช์ แบงก์ ซึ่งคาดการณ์ว่าอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐต่อเงินหยวนจะอยู่ที่ราว 6.3 หยวนภายในสิ้นปี 2558 เปิดเผยว่า เนื่องจากรัฐบาลจีนอาจไม่ต้องการให้ตลาดมองว่าเงินหยวนจะมีการซื้อขายแบบทางเดียวอีกครั้ง ก็อาจจะมีความอ่อนไหวอยู่บ้างในการกำหนดค่าและในตลาดสปอตเงินหยวน

 

ไชน่า อินเตอร์เนชันแนล แคปิตอล คอร์ป (CICC) ชี้ว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องวิตกมากเกินไปเกี่ยวกับการอ่อนค่าของเงินหยวน

 

CICC ประเมินว่าตลาดอาจมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อเงินหยวน หากทางธนาคารกลางมีการกำหนดทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างเสถียรภาพที่ระดับปัจจุบัน หลังแรงกดดันเกี่ยวกับการอ่อนค่าของเงินหยวนลดน้อยลง

 

เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินหยวนไม่ดึงดูดเงินลงทุนไม่มานัก และยังก่อให้เกิดกระแสเงินทุนไหลออก ทางแบงก์ชาติจีนจึงอาจมีการเสริมสภาพคล่องด้วยการปรับลดสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) โดยเจ้า หยาง นักเศรษฐศาสตร์ของโนมูระ ไชน่า คาดการณ์ว่าจีนจะมีการปรับลด RRR และอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งภายในปีนี้

 

การร่วงลงของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นผลมาจากความพยายามในการปรับปรุงอัตราค่ากลางสกุลเงินให้ใกล้เคียงกับอัตราตลาดมากขึ้น

 

ธนาคารกลางจีนระบุว่า "ภาวการณ์นี้อาจนำไปสู่ความผันผวนรุนแรงในระยะใกล้ แต่หลังจากเวลาผ่านพ้นไปสักระยะหนึ่ง การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างวัน และความผันผวนของอัตราค่ากลาง จะอยู่ในช่วงที่มีเสถียรภาพมากขึ้น"

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2227162

 

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 13 สิงหาคม 2558 โดย YLG

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2558 16:30:29 น.

กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--พีอาร์ดีดี

 

สภาวะตลาดวันที่ 13 สิงหาคม 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,118.03-1,126.31 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,650 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,600 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ15 อยู่ที่ 18,750 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 420 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,330 บาท

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.59 น.ของวันที่ 13/08/15)

 

แนวโน้มวันที่ 14 สิงหาคม 2558

ธนาคารกลางจีนตัดสินใจปรับลดค่าเงินหยวนจนเกิดการอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง โดยเงินหยวนร่วงลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมารูดลงมาราว 4 % และธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางของเงินหยวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจจะเกิดสงครามสกุลเงินในระดับโลก ปัจจัยนี้กดดันสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้นทั่วโลกให้ร่วงลงและกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่นทองคำ ทั้งนี้ แรงซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจนราคาทองคำปรับตัวขึ้น 5 วันติดต่อกัน และราคาทองคำสามารถทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ซึ่งราคามีการทะยานขึ้นมาแล้วกว่า 4 % จากจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่งที่อ่อนตัวลงไปทดสอบเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ นักลงทุนกำลังจับตาความผันผวนของค่าเงินหยวน หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศยุติการแทรกแซงตลาดเงินและระบุว่าจะจัดการหยวนอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ฟิทช์ เรทติงส์ ระบุว่า การลดค่าเงินหยวนสะท้อนความท้าทายและแรงกดดันต่อภาวะเศรษฐกิจจีน โดยมีจุดประสงค์จัดการกับความอ่อนแอทางโครงสร้างกำลังเผชิญอยู่ ความเห็นดังกล่าวได้เพิ่มแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ประกอบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบประมาณ 1 เดือนเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินท่ามกลางความไม่แน่นอนว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้หรือไม่หลังจากที่จีนปรับลดค่าเงินหยวนลง ซึ่งนั่นจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เบื้องต้นมุมมองต่อราคาทองคำว่า ในขณะนี้ราคาทองคำอาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,127-1,136 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แต่หากราคายังไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ ก็จะเห็นการย่อตัวของราคากลับลงมาบริเวณแนวรับ 1,107 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังคงแนะนำการลงทุนในลักษณะรอจังหวะซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเมื่อราคาอ่อนตัวลง

 

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,107 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,127 หรือ 1,136 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรเพียงบ้างส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่านราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง โดยนักลงทุนที่รอซื้อทองคำอาจรอดูการตั้งฐานของราคาโดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,107-1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนในระยะสั้นหากราคาการย่อตัวลงมาและสามารถตั้งฐานบริเวณแนวรับดังกล่าวได้แข็งแกร่งสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรทองคำเพิ่มเติม

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,107 (18,410บาท) 1,100 (18,290บาท) 1,090 (18,130บาท)

แนวต้าน 1,127 (18,750บาท) 1,136 (18,900บาท) 1,145 (19,050บาท)

 

GOLD FUTURES (GFQ15)

แนวรับ 1,107 (18,580บาท) 1,100 (18,460บาท) 1,090 (18,290บาท)

แนวต้าน 1,127 (18,910บาท) 1,136 (19,910บาท) 1,145 (19,210บาท)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดร่วง 12.60 จุด วอลุ่มเทรดบาง-ชะลอลงทุนหลังกังวลเศรษฐกิจในประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2558 17:29:50 น.

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,466 จุด ลดลง 12.60 จุด (-0.85%) มูลค่าการซื้อขาย 25,246.56 ล้านบาท

 

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดของวันที่ 1,481.27 จุด และทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,466.64 จุด

 

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 188 หลักทรัพย์ ลดลง 687 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 213 หลักทรัพย์

 

 

 

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีฯปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ โดยปัจจัยสำคัญที่ยังกดดันตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ยังคงเป็นภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่เห็นแนวโน้มการฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น ทั้งการส่งออกก็ยังไม่ดี และยังมีปัญหาภัยแล้งเข้ามาซ้ำเติม ซึ่งกระทบภาคการบริโภค ทำให้มีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศด้วย

 

นอกจากนี้ ยังกระทบผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในประเทสอีกด้วย โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่อาจได้รับผลกระทบจากสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดราย(NPL)ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ปริมาณการซื้อขายน้อย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังชะลอการลงทุนเพื่อรอปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามา

 

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(21 ก.ค.)นายธนเดช คาดว่า ตลาดหุ้นไทยคงยังไปได้ไม่ไกล เป็นช่วงที่ภาวะตลาดซึม เนื่องจากกระแสเงินจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่เข้ามา ขณะที่รายย่อยชะลอการลงทุน และนักลงทุนสถาบันในประเทศก็เลือกลงทุนหุ้นบางตัว อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ยังคงต้องติดตามผลดำเนินงานไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศที่เริ่มทยอยประกาศออกมาแล้ว

 

พร้อมให้แนวต้าน 1,480 จุด แนวรับ 1,450-1,460 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,530.87 ล้านบาท ปิดที่ 330.00 บาท ลดลง 4.00 บาท

 

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,367.83 ล้านบาท ปิดที่ 188.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

 

TPIPL มูลค่าการซื้อขาย 1,103.08 ล้านบาท ปิดที่ 2.50 บาท ลดลง 0.14 บาท

 

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,006.54 ล้านบาท ปิดที่ 5.20 บาท ลดลง 0.05 บาท

 

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 636.72 ล้านบาท ปิดที่ 250.00 บาท ลดลง 2.00 บาท

 

อินโฟเควสท์ โดย จีรายุทธ จันทรงสกุล/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2209355

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

95631192056987323_XdjXkvmK_c.jpg

วันศุกร์ สบายใจ

 

ดีฮัป deb .....วิเช้า โชคดึ ทุกท่านน

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทเปิด 35.18/20 แนวโน้มแข็งค่า รอดูตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2558 09:25:16 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 35.18/20 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเย็นวานนี้อยู่ที่ระดับ 35.18 บาท/ดอลลาร์

 

"เงินบาทเคลื่อนไหวในโทนขยับแข็งค่า หลังจากวันหยุด(12 ส.ค.)ที่ผ่านมาขึ้นไปทำ High ประมาณ 35.57 บาท/ดอลลาร์ หลังจากนั้นก็ขยับลงมาตลอด ลงมาต่ำสุดแถวๆ 35.16" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

ทั้งนี้ คาดว่าวันนี้เงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.15-35.30 บาท/ดอลลาร์

"คาดว่าวันนี้จะขยับในกรอบด้านล่าง 35.15 ด้านบน 35.30 แต่ช่วงเย็นจะมีตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซน" นักบริหารเงิน กล่าว

 

*ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 124.40 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 124.51 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1143 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.1160 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.2170 บาท/ดอลลาร์

 

- ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดค่ากลางเงินหยวนว่า จากนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องจับตาสถานการณ์ตลอดถึงสิ้นปี เพราะเหตุการณ์ผันผวนตลอด และไทยไม่ควรไปแข็งขืนกับสถานการณ์และควรปล่อยไปตามธรรมชาติ เพราะขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์มีปฏิกิริยาที่ทำให้บาทอ่อนค่าอยู่แล้ว จึงอยู่ที่ ธปท.จะดูแลค่าเงินบาทที่อ่อนลงอย่างไรถึงจะเหมาะสม และมีดุลยภาพต่อสถานการณ์การนำเข้าและส่งออกในไทย

 

- นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคมและ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวถึงกรณีธนาคารกลางของจีนประกาศลดค่าเงินหยวนถึง 3 วันติดต่อกัน ว่าเป็นสถานการณ์ที่มีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหลายประเทศในโลกทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญของหลายประเทศ

 

- นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุจีนลดค่าหยวนกระทบจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้น แนะนักลงทุนถือหุ้นยาว 3 ปี ด้าน 'ประพันธ์' ยืนยันบจ.จ่อ IPO ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ตามเป้าหมายจำนวน 20 บริษัท ขณะ

 

- "แบงก์ชาติ" เดินหน้าผลักดันระบบดิจิทัลแบงกิ้ง เน้นพัฒนาระบบชำระเงิน วางเป้าหมาย 5 ปี "โอน-ชำระ" เงิน ได้ทุกที่ ทุกเวลาทุกช่องทาง เข้มเรื่องความปลอดภัย หวังช่วยลดต้นทุนภาคธุรกิจ หนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมลุยจัดสัมมนาใหญ่ 31 ส.ค.นี้

 

- ศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีโอกาสปรับตัวหลุด ต่ำกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ มาเห็นระดับ 970 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติต่ำสุด (นิวโลว์) ในรอบ 7 ปี บนเงื่อนไขที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ และระดับดังกล่าวอาจทำให้เห็นราคาทองคำในประเทศต่ำกว่าระดับ 17,000 บาท/น้ำหนักทอง 1 บาท บนสมมติฐานค่าเงินบาทที่ระดับ 35 บาท/เหรียญสหรัฐ

 

- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) หลังจากยอดค้าปลีกที่ดีเกินคาดของสหรัฐได้ช่วยหนุนความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาด

 

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงเนื่องความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 44 เซนต์ ปิดที่ 49.22 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) หลังจากสภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 8 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ระดับ 1,115.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 274,000 ราย ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 22 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง

 

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 0.5%

 

- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพียง 0.7% ในไตรมาส 3 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายของผู้บริโภคไม่เพียงพอที่จะชดเชยการลดลงของตัวเลขสต็อกสินค้า

 

- ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในเดือนหน้า

 

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2227871

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $8 หลัง WGC เผยอุปสงค์ทองคำทั่วโลกลดลง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2558 07:47:19 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) หลังจากสภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 8 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ระดับ 1,115.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 7.7 เซนต์ ปิดที่ 15.399 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 4.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 995.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 7.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 615.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำปิดร่วงลงหลังจาก WGC เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ลดลง 12% สู่ระดับ 914.9 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี เทียบกับไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ 1,038 ตัน เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อในภูมิภาคเอเชียลดการถือครองทองคำ

 

ความต้องการทองคำในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของปริมาณการใช้ทองคำทั่วโลกนั้น ปรับตัวลดลง โดยความต้องการทองคำในอินเดียทรุดฮวบลง 25% สู่ระดับ 154.5 ตันในไตรมาส 2 จากระดับ 204.9 ตันในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนความต้องการทองคำในจีนลดลง 3% สู่ระดับ 216.5 ตัน จากระดับ 224.1 ตันในไตรมาส 2 ปีก่อน

 

ทั้งนี้ WGC ประมาณการว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกตลอดปี 2558 จะอยู่ที่ราว 4,200 - 4,300 ตัน

 

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังร่วงลงเพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อคืนนี้ มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2227435ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $8 หลัง WGC เผยอุปสงค์ทองคำทั่วโลกลดลง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2558 07:47:19 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) หลังจากสภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 8 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ระดับ 1,115.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 7.7 เซนต์ ปิดที่ 15.399 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 4.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 995.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 7.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 615.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำปิดร่วงลงหลังจาก WGC เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ลดลง 12% สู่ระดับ 914.9 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี เทียบกับไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ 1,038 ตัน เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อในภูมิภาคเอเชียลดการถือครองทองคำ

 

ความต้องการทองคำในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของปริมาณการใช้ทองคำทั่วโลกนั้น ปรับตัวลดลง โดยความต้องการทองคำในอินเดียทรุดฮวบลง 25% สู่ระดับ 154.5 ตันในไตรมาส 2 จากระดับ 204.9 ตันในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนความต้องการทองคำในจีนลดลง 3% สู่ระดับ 216.5 ตัน จากระดับ 224.1 ตันในไตรมาส 2 ปีก่อน

 

ทั้งนี้ WGC ประมาณการว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกตลอดปี 2558 จะอยู่ที่ราว 4,200 - 4,300 ตัน

 

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังร่วงลงเพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อคืนนี้ มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2227435

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดร่วง $1.07 เหตุดอลล์แข็ง,วิตกอุปทานพุ่ง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2558 07:28:28 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงเนื่องความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.23 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 44 เซนต์ ปิดที่ 49.22 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้นักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อ โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ

 

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อคืนนี้ มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5%

 

สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 101,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับเฉลี่ย 31.51 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า หากการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้อิหร่านสามารถผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นด้วย

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2227422

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวน์หลังจีนจะคงค่าเงินไว้,ช่วงนี้เทรดตามงบฯ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2558 09:09:12 น.

นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวน์ขึ้นไปได้ แต่ถ้าให้ดีจะต้องยืนให้เหนือแนว 1,416 จุด เนื่องจากทางจีนได้ออกมาบอกแล้วว่าจะคงค่าเงินไว้ โดยจะไม่ให้มีการอ่อนค่าลงไปกว่านี้อีก ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลได้บ้าง ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบแคบ

 

ทั้งนี้ มองว่าตลาดหุ้นไทยคงจะเทรดด้วยประเด็นอื่นในวันนี้ อย่างเรื่องการรอดูการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) และการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งนักลงทุนก็อาจจะเข้ามาเทรดตามงบฯก็ได้

 

พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,416 จุด

 

 

อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2227719

 

ANALYST PICKS: หุ้นเด่นจากนักวิเคราะห์ วันที่ 14 ส.ค. 2558 หุ้นเด่นจากนักวิเคราะห์ (ANALYST PICKS) รวบรวมจากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ประจำวันนี…

http://www.ryt9.com/s/iq05/2227876

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

11889577_511295015704344_3836849443157366724_n.jpg?oh=c255754d511c8eb79c60568ec80d81e4&oe=56737F43&__gda__=1450506281_836c0813d4e801fca1ec43a78df30d3c

 

 

ปั่นเพื่อแม่ Bike For Mom สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงให้สัญญาณปล่อยขบวนจักรยานและทรงจักรยานนำขบวน

 

11863299_1003750543009071_4357649887175960805_n.jpg?oh=d00a95f2f574962a73efc1a73854d9d3&oe=567CDDC7

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...