ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

มาฟัง..... กานนนน. o .....o......o...o..o

Ruben Mandolini

 

WOW!

Hokkaido Show Gardens!

Garden of sound! Great art!

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดขยับลง 20 เซนต์ ขณะนักลงทุนจับตาประชุมเฟด

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 กรกฎาคม 2558 07:37:34 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,096.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 3.7 เซนต์ ปิดที่ 14.642 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 2.5 ดอลลาร์ ปิดที่ 986.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 8.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 621.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ 6 สกุลในตะกร้าเงินนั้น ปรับขึ้น 0.13% แตะที่ 96.66% เมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

นักลงทุนจับตาดูการประชุมระยะเวลา 2 วันของเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า ในการประชุมครั้งนี้เฟดอาจจะยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่อาจจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.หรือธ.ค.

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 59 เซนต์ ขานรับตลาดหุ้นสหรัฐ,ยุโรปพุ่ง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 กรกฎาคม 2558 07:11:25 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 47.98 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 53.3 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อการลงทุน หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากแรงซื้อเก็งกำไรและผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด อันเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่า อิหร่านอาจจะผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้นเมื่อการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้ และรายงานที่ว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ รายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 21 แท่น เป็น 659 แท่น ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า อุปทานน้ำมันในสหรัฐและตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับที่สูงเกินไป

 

นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

 

ส่วนสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น พุ่งขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 463.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2215881

 

แบงก์ชาติจีนไฟเขียวธนาคารกลาง,สถาบันการเงิน,กองทุนความมั่งคั่งเข้าลงทุนตลาดบอนด์

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558 23:29:56 น.

ธนาคารกลางจีนระบุในวันนี้ว่า จีนต้อนรับการลงทุนจากธนาคารกลางทั่วโลก รวมทั้งสถาบันการเงิน และกองทุนความมั่งคั่งของรัฐบาลประเทศต่างๆ ในการเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตรของจีน

 

การเปิดเผยดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ธนาคารกลางประกาศยกเลิกระบบกำหนดโควต้าสำหรับการลงทุนจากธนาคารกลางชาติต่างๆ, กองทุนความมั่งคั่ง และสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในตลาดพันธบัตรของจีน

 

ธนาคารกลางประกาศว่า สถาบันต่างประเทศ ได้แก่ ธนาคารกลาง, กองทุนความมั่งคั่ง และสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก จะสามารถเข้าสู่ตลาดซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดสปอต และตลาดซื้อขายล่วงหน้า รวมทั้งทำธุรกรรมสว็อปอัตราดอกเบี้ย โดยไม่ต้องมีโควตา เพียงแต่เข้าจดทะเบียนกับธนาคารกลาง

 

ธนาคารกลางระบุว่าการเปิดเสรีตลาดพันธบัตรมูลค่า 6.1 ล้านล้านดอลลาร์ของจีนนี้ ได้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq22/2215863

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองนิ่งมาวันเต็มๆ ตามภาพรวมที่ค่อนข้างทรงตัว

สถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะจีนและยุโรปอาจเป็นเหตุผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่คาดไว้เมื่อต้นปี

อย่างน้อยที่สุดประเด็นสำคัญที่สุดคืออัตราเงินเฟ้อยังคงต่ำ และการขึ้นดอกเบี้ยในขณะที่เศรษฐกิจยังไม่พร้อมจะเป็นผลเสียได้

จะเป็นปัจจัยบวกต่อทองได้ แต่มองว่าแรงซื้อก็ยังค่อนระมัดระวัง

ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจในคืนที่ผ่านมาออกมาแย่แต่ทองแทบไม่ดีดเลย

สำหรับวันนี้เทรดในกรอบสั้นก่อนไปลุ้นเฟดคืนนี้

เบรก 1100 - 1105 ได้มองขึ้นเป้า 1113 1120

เบรกลงมองแค่โลว์เดิม 1075 - 1080

by Facebook.com/Wealthstation

29/7/58

 

11822313_923090131062796_4847850365956110298_n.png?_nc_eui=AWiBfQ_a675UCIZJ9O4O7e7yjLesDZy09L0g9w&oh=e4578b2ac4e39b1f675c62066810f1c2&oe=563DA1BE&__gda__=1447568143_e6531067e4022fdd46827f325d2eeda5

11822404_923090127729463_1579588304193498082_n.png?_nc_eui=AWgI2VCe_kVPTwb1BQxhCWSn-ruGw1pEUz7R4Q&oh=e41937cfdfd64340c67a8a380b0c89b2&oe=5641123F

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้ว่าการฯแบงก์ชาตินิวซีแลนด์ส่งสัญญาณหั่นดอกเบี้ยลงอีก

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 กรกฎาคม 2558 12:44:00 น.

ผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก แต่ก็จุดปะทุกระแสคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังปรับตัวสู่ภาวะถดถอย

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายเกรม วีลเลอร์ ผู้ว่าการแบงก์ชาตินิวซีแลนด์ กล่าวว่า การผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมถือเป็นเรื่องที่จำเป็นในการดูแลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์มีความเป็นไปได้ และทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคกลับมาสู่ระดับเป้าหมายระยะกลางที่ราว 2% อีกครั้ง

 

นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็มีความจำเป็น เมื่อพิจารณาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อการส่งออกที่อ่อนแรงลง และแนวโน้มที่ย่ำแย่ลงของหนี้สินต่างประเทศสุทธิของนิวซีแลนด์ในช่วง 2 ปีข้างหน้า

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2216407

 

(เพิ่มเติม) เงินบาทเปิด 34.83/85 แนวโน้มแกว่งแคบ อยู่ระหว่างรอผลประชุมเฟดคืนนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 กรกฎาคม 2558 11:06:47 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.83/85 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 34.87/92 บาท/ดอลลาร์

 

วันนี้เงินบาทคาดว่าจะแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ แต่ยังมีแนวโน้มไปในทิศทางที่อ่อนค่าต่อ ซึ่งตลาดยังคงจับตาผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ ที่การประชุมในวันสุดท้ายจะจบในคืนนี้ ว่าจะมีสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นหรือไม่ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้

 

 

 

"วันนี้คงแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ ตลาดรอผลประชุมของทางเฟด คงจะรู้ผลคืนนี้ว่าตกลงเรื่องสัญญาณการปรับดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไร จะขึ้นหรือไม่ ขึ้นเมื่อไร" นักบริหารเงิน ระบุ

 

นักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.80-34.95 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 34.8850 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(28 ก.ค.) อยู่ที่ 1.54811% ส่วน THAI BAHT FIX 6M(28 ก.ค.) อยู่ที่ 1.49631%

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เปิดตลาดเช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 123.37/41 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 123.70 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1082/1084 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1050 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.8850 บาท/ดอลลาร์

 

- เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องล่าสุดใกล้แตะระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ ระบุจากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ยังอ่อนแรง และผลการประชุมเฟดที่อาจมีความชัดเจนถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับประมาณการค่าเงินมาที่ 35.25 จากเดิม 34.50

 

- "ก้องเกียรติ" ยันหุ้นไทยยังไม่เข้าภาวะหมี แม้จะดิ่งหลุด 1,400 จุด ชี้เริ่มน่าสนใจลงทุนมากขึ้น หวังรัฐบาลใช้มาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนอกตำรากระตุ้นบรรยากาศ ยอมรับวอลุ่มหด ธุรกิจโบรกเกอร์ปีนี้แย่กว่าปีก่อน ด้านตลาดหลักทรัพย์ระบุ เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุด ส่วนการขายสุทธิของต่างชาติเป็นเงินร้อนเท่านั้น

 

- สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ส่งสัญญาณราคาน้ำมันโลก ครึ่งหลังปี'58 ยังเป็นขาลง กระทบขายปลีกในประเทศลดตาม หากปรับติดต่อเกิน 3 เดือน เล็งเสนอรัฐบาลลอยตัวราคาเอ็นจีวี จับตาดีเซลถูกลงต่ำกว่า ลิตรละ 13 บาท เตรียมหารือคมนาคมลดค่าขนส่ง

 

- โตโยต้าเผยตลาดรถยนต์ในไทยทรุดหนัก มองทั้งปียอดขายไม่เกิน 8 แสนคัน ลดจากเดิม 9.2 แสนคัน หลังครึ่งปียอดตก 16% ของโตโยต้ารับสภาพปรับเป้าลง 5 หมื่นคันเลวร้ายสุดรอบ 6 ปี

 

- นายมาซายาสุ โฮซูมิ ประธานคณะวิจัยเศรษฐกิจ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ เปิดเผยถึงผลสำรวจความคิดเห็นของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทยถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยว่า ขณะนี้นักลงทุนญี่ปุ่นในไทยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน และเสถียรภาพทางการเมือง เพราะมองว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 58 สภาพธุรกิจโดยรวมปรับตัวในทิศทางที่แย่ลง ส่งผลให้ดัชนีแนวโน้มเศรษฐกิจติดลบ 4% เทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 57 เพราะการบริโภคภายในประเทศชะลอตัวจากกำลังซื้อที่ลดลง ส่วนในช่วงครึ่งหลังของปี 58 เชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจเป็นบวก 20% ซึ่งน่าจะมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐเป็นหลัก รวมถึงการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน และการส่งออกรถยนต์ที่มีแนวโน้มจะดีขึ้น

 

- ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและเยนเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยคาดหวังว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นสำหรับภาคบริการของสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 55.2 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 55.0 โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวในการจ้างงานและธุรกิจใหม่

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 47.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 53.3 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- นักลงทุนคาดกันว่าเฟดจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ในแถลงการณ์หลังการประชุม ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในสหรัฐจะดึงดูดให้นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงหันมาสนใจดอลลาร์

 

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2216343

 

China Today: ข่าวเศรษฐกิจมหภาคจีนประจำวันที่ 29 กรกฎาคม 2558

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 กรกฎาคม 2558 11:35:09 น.

ธนาคารกลางจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ทางธนาคารจะยังคงใช้นโยบายการเงินที่รัดกุมในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แม้ว่าจะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นผลมาจากการพุ่งขึ้นของราคาเนื้อสุกร ซึ่งถือเป็นอาหารหลักของประเทศเมื่อเร็วๆนี้

 

ธนาคารกลางจีนระบุในแถลงการณ์ออนไลน์ว่า จะยังคงทิศทางด้านนโยบายและความยืดหยุ่นของเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายไว้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสภาพคล่องจะยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม

 

 

 

-- คณะกรรมาธิการด้านบริหารและกำกับดูแลสินทรัพย์รัฐบาลของสภาแห่งรัฐจีน (SASAC) เปิดเผยว่า รัฐวิสาหกิจจีนมีการปรับตัวอย่างน่าพอใจในช่วงครึ่งปีแรก

 

SASAC เปิดเผยว่า หน่วยงานรัฐวิสาหกิจมีศักยภาพในการทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 2 ของปีนี้

 

สำหรับในช่วง 6 เดือนแรก ภาครัฐวิสาหกิจมีรายได้จากการดำเนินงานที่ 11 ล้านล้านหยวน (1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยสามารถทำกำไรได้ถึง 6.43 แสนล้านหยวน

 

-- นายหลี่ ผู่หมิน โฆษกคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจจีนมีเสถียรภาพและกำลังปรับตัวดีขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม นายหลี่กล่าวเตือนว่า เศรษฐกิจยังไม่มีแนวโน้มการขยายตัวอย่างเพียงพอ ขณะที่อุปสงค์ในตลาดอยู่ในภาวะอ่อนแอ และการผลิตในภาคอุตสาหกรรมย่ำแย่

 

“รัฐบาลยังคงเผชิญกับรายได้ทางการคลังที่ชะลอตัว และมีแรงกดดันอย่างหนักในการสร้างเสถียรภาพด้านการจ้างงาน" นายหลี่กล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2216367

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดเช้าลบ 6.79 จุด อยู่ในภาวะซึมตัว Sentiment อ่อนแอ-แย่กว่าเอเชีย

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 กรกฎาคม 2558 12:43:58 น.

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,401.28 จุด ลดลง 6.79 จุด (-0.48%) มูลค่าการซื้อขาย 15,707.96 ล้านบาท

 

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,416.41 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,401.06 จุด

 

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังอยู่ในภาวะซึมๆ ทั้งที่วันนี้น่าจเล่นได้ดีกว่านี้ เนื่องจากตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ต่างรีบาวด์ในระยะสั้น แต่ตลาดบ้านเรารีบาวด์มาในช่วงต้นแต่ก็โดนเทขายจนดัชนีติดลบ ทำให้เช้านี้ Sentiment ตลาดบ้านเราดูอ่อนแอและแย่กว่าเอเชีย

 

 

 

ทั้งนี้ คงจะมาจากเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว โดยเฉพาะภาคการส่งออกมาที่ติดลบมากกว่าคาด และดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ออกมาแย่ หากไม่มีนโยบายใหม่ๆ จากภาครัฐออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ตลาดฯก็อาจอึมครึมและสไลด์ลงต่อ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย BLS คาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/58 จะออกมาต่ำกว่าไตรมาส 1/58 ประมาณ 6% และในไตรมาส 3/58 ปกติก็จะเป็นช่วง Low season และกำไรก็มักจะต่ำสุดในรอบปี ดังนั้น ระยะสั้นจึงหาปัจจัยบวกไม่เจอ

 

สำหรับปัจจัยนอกประเทศเวลานี้ต่างรอผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ว่าจะมีสัญญาณยืนยันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้หรือไม่ หากเป็นไปตามคาดก็จะทำให้การปรับพอร์ตสินทรัพย์เสี่ยงยังคงดำเนินการต่อไป และน่าจะได้เห็นการปรับพอร์ตก่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

 

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายชัยพร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังปรับตัวลงต่อ โดยให้แนวรับ 1,396 จุด ส่วนแนวต้าน 1,415 จุด พร้อมแนะนำนักลงทุนให้ switch ไปที่หุ้นในกลุ่ม ICT เนื่องจากมีการจ่ายปันผลในอัตรา 5-6% และมีความชัดเจนในการประมูล 4G นอกจากนั้น หุ้นในกลุ่มแบงก์ก็น่าสนใจ

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

KBNAK มูลค่าการซื้อขาย 1,073.27 ล้านบาท ปิดที่ 171.00 บาท ลดลง 2.50 บาท

 

WICE มูลค่าการซื้อขาย 867.62 ล้านบาท ปิดที่ 3.10 บาท ลดลง 0.74 บาท

 

PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 737.85 ล้านบาท ปิดที่ 60.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

 

TPIPL มูลค่าการซื้อขาย 677.85 ล้านบาท ปิดที่ 2.20 บาท ลดลง 0.08 บาท

 

BBL มูลค่าการซื้อขาย 480.05 ล้านบาท ปิดที่ 161.50 บาท ลดลง 3.50 บาท

 

อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2216406

 

พาณิชย์ เตือนแชร์ภาพ-คลิปวีดิโอผู้อื่นหลัง 4 ส.ค.มีความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 กรกฎาคม 2558 12:56:33 น.

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2558 เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิและกำหนดข้อยกเว้นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดงจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.นี้เป็นต้นไป หลังจากได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา

 

กฎหมายฉบับนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Digital Economy ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศหรืออินเทอร์เน็ตในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยการแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์เพื่อคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิและกำหนดข้อยกเว้นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดงจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เว็บไซต์ต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต ปลอดจากงานละเมิดลิขสิทธิ์

 

 

 

โดยกฎหมายฉบับนี้ได้ดึงให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต(ISP) เข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเทอร์เน็ต เนื่องจากปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเทอร์เน็ตไม่สามารถแก้ไขได้เพียงความร่วมมือของเจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้บังคับใช้กฎหมายเท่านั้น แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตในการเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาด้วย

 

"เมื่อเจ้าของสิทธิพบงานละเมิดลิขสิทธิ์บนระบบของตนก็สามารถดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดและ ISP สามารถนำงานละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบของตนเองได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น และเมื่อ ISP ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดก็จะไม่ถือว่าเป็นผู้ละเมิดลิขสิทธิ์อีกด้วย กฎหมายฉบับนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์มั่นใจต่อการคุ้มครองงานของตน และกล้าที่จะคิดงานใหม่ๆ อีกทั้งทำให้สภาพแวดล้อมการละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเทอร์เน็ตดีขึ้น ส่งผลให้การขับเคลื่อนนโยบาย Digital Economy มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" นางอภิรดี กล่าว

 

นอกจากนี้ กฎหมายฉบับดังกล่าวยังได้กำหนดถึงข้อมูลการบริหารสิทธิ ซึ่งเป็นข้อมูลที่บ่งชี้ถึงผู้สร้างสรรค์ หรือข้อมูลเงื่อนไขการใช้สิทธิในงานนั้น ซึ่งปรากฏได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อจิตรกรหรือชื่อเจ้าของที่ติดอยู่ที่ภาพ หรือแม้กระทั่งลายน้ำที่แฝงอยู่ หากมีการลบหรือเปลี่ยนแปลงก็จะถือว่าเป็นความผิดฐานใหม่คือ ละเมิดข้อมูลบริหารสิทธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลก Social media ที่มีการแชร์รูปภาพ หรือคลิปวีดิโอต่างๆ ได้อย่างง่ายดายรวดเร็ว หากมีการนำรูปภาพที่มีการลบลายน้ำนั้นไปแชร์ลง Social media ต่างๆ ผู้ที่แชร์นั้น นอกจากจะผิดฐานเผยแพร่ลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วยังจะผิดฐานลบข้อมูลบริหารสิทธิอีกฐานหนึ่งด้วย ถึงแม้ว่าจะมีการอ้างอิงเจ้าของภาพนั้นๆ ก็ตามเพราะเป็นการนำภาพของผู้อื่นมาเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต

 

อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2216425

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐเผยจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น หลังดอกเบี้ยลดลง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 กรกฎาคม 2558 18:58:13 น.

สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว หลังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดต่ำลง

 

MBA ระบุว่า ดัชนีกิจกรรมยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพิ่มขึ้น 0.8% ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ก.ค.

 

ทั้งนี้ ดัชนียื่นขอสืนเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ เพิ่มขึ้น 1.6% ขณะที่ดัชนีขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน ลดลง 0.1%

 

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.17% ในสัปดาห์นี้ ลดลง 0.06% จากสัปดาห์ที่แล้ว

 

MBA เปิดเผยว่า การสำรวจดังกล่าวครอบคลุมผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยรายย่อยของสหรัฐมากกว่า 75%

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2216758

 

นายกฯกรีซส่งสัญญาณยุบสภา,เลือกตั้งใหม่ หากเสียงส่วนใหญ่ไม่หนุนนโยบายปฏิรูป

 

 

ข่าวทั่วไป สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 กรกฎาคม 2558 18:47:46 น.

นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ส่งสัญญาณว่าเขาอาจจะต้องประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนด หากสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ในขณะนี้ไม่สนับสนุนนโยบายในการบริหารประเทศของเขา

 

"ผมจะเป็นคนสุดท้ายที่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ถ้าผมมีเสียงข้างมากในสภาที่จะสนับสนุนผมให้อยู่ครบวาระ 4 ปี แต่ถ้าผมไม่มีเสียงข้างมาก เราก็คงต้องกลับไปสู่การเลือกตั้งใหม่" เขากล่าว

 

ทั้งนี้ รัฐสภากรีซได้ลงมติให้การอนุมัติต่อมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ 2 ฉบับเกี่ยวกับการปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษี, เงินบำเหน็จบำนาญ, การธนาคาร และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขในข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่นายซิปราสทำไว้กับเจ้าหนี้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และคณะกรรมาธิการยุโรป (EC)

 

อย่างไรก็ดี แผนปฏิรูปดังกล่าวผ่านสภาเนื่องจากได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน ขณะที่สมาชิกพรรคไซรีซาของนายซิปราสจำนวนหนึ่งพากันหันไปยกมือคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq38/2216754

 

แหล่งข่าวเผยมูลลาห์ โอมาร์ผู้นำเบอร์หนึ่งตาลีบันเสียชีวิตแล้ว

 

 

ข่าวทั่วไป สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 29 กรกฎาคม 2558 18:30:16 น.

เจ้าหน้าที่รัฐบาลปากีสถานเปิดเผยในวันนี้ว่า รัฐบาลอัฟกานิสถานได้แจ้งต่อรัฐบาลปากีสถานว่า รายงานจากหน่วยข่าวกรองระบุว่า มูลลาห์ โมฮัมหมัด โอมาร์ ผู้นำสูงสุดของกลุ่มตาลีบัน ได้เสียชีวิตแล้ว

 

ทั้งนี้ ทำเนียบประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน และกลุ่มตาลีบันจะออกมาแถลงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขาในไม่ช้า

 

สำนักข่าวบีบีซีรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากรัฐบาลอัฟกานิสถานและหน่วยข่าวกรองว่า มูลลาห์ โมฮัมหมัด โอมาร์ ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อ 2-3 ปีก่อน

 

ถึงแม้เคยมีรายงานการเสียชีวิตของผู้นำตาลีบันรายนี้ในอดีต แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวระดับสูงของรัฐบาลอัฟกานิสถาน

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq38/2216753

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2558 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2558 10:17:33 น.

กรุงเทพฯ--3 ส.ค.--MTS Gold Group

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวผันผวน โดยที่มีการดีดกลับมายืนเหนือ 1,100 เหรียญในคืนวันศุกร์ โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Chicago PMI ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ ดัชนีต้นทุนการจ้างงานปรับตัวลดลง โดยปกติดัชนีดังกล่าวมักจะไม่มีผลกับตัวเลขเศรษฐกิจใดๆ ขณะที่ SPDR เทขายทองคำออกอีก 7.45 ตัน ปัจจุบันคงทองที่ระดับ 672.7 ตัน สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯในคืนนี้ ได้แก่ Personal Spending ที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง ขณะที่ Core PCE Price Index คาดว่าจะทรงตัวเท่าเดิม และข้อมูล ISM Manufacturing PMI ที่คาดว่าจะออกมาดีขึ้นเล็กน้อย

 

 

 

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ตลาดทองคำในกราฟรายชั่วโมง เริ่มทรงตัวเป็น Sideways ขณะที่ภาพระยะยาวในกราฟรายวันยังเป็นขาลง วันนี้คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,080-1,100 เหรียญ ขณะที่ทองคำไทยผันผวนตามไม่มากนัก จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าลงอย่างมากในคืนวันศุกร์ จากระดับ 35.25 บาท/ดอลลาร์ ลงมาที่ระดับ 34.95 บาท/ดอลลาร์ โดยแข็งค่าลงมาประมาณ 30 สตางค์ จึงทำให้ในวันเสาร์ราคาทองคำไทยปรับตัวขึ้นเพียง 50 บาท/บาททองคำ วันนี้คาดว่าราคาทองคำไทยจะเคลื่อนไหวกรอบแคบเช่นเดิมระหว่าง 17,950 – 18,150 บาท/บาททองคำ

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

กลยุทธ์แนวโน้มขาลง ในกรอบ 1,080-1,100 เหรียญ

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

หาจังหวะลดสถานะหรือปิดสถานะบริเวณแนวต้าน

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

ทำกำไรเป็นช่วงๆ โดยเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และขายปิดเมื่อราคาย่อลงมาบริเวณแนวรับ

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ยังคงแนะนำให้ลงทุนในทิศทางแนวโน้มขาลง

Gold Futures Q15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,150 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,350 บาท

Gold Futures V15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,220 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,420 บาท

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2218932

 

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 3 ส.ค. 58 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2558 10:39:19 น.

กรุงเทพฯ--3 ส.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำปิดที่บริเวณ 1,095.40 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ (Gold Spot) ปรับขึ้น US$7.91 ราคาปิดตลาดในเดือนก.ค.ด้วยการร่วงลงมากที่สุดในรอบ 2 ปีที่ 6.4% จากคาดการณ์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ขณะที่ต้นทุนการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ต่ำกว่าที่คาดที่ 0.6% ส่งผลให้ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นในท้ายสัปดาห์ที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามราคาทองยังมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลงจากราคาในรายเดือนร่วงลงถึง 21% จากเดือนมิ.ย. จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอีก 5 แท่นและกลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันสูงกว่า 32 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นอีก 140,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือน มิ.ย. วันนี้ติดตามPMI ภาคการผลิตยุโรป รายจ่ายและรายรับส่วนบุคคล และPMI ภาคการผลิตสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมกนง.กลางสัปดาห์นี้และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯในปลายสัปดาห์ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นบริเวณ 34.99 บาท/ดอลลาร์ขณะที่แนวโน้มยังอ่อนค่า SPDRรายงานการถือสถานะทองคำที่ระดับ 672.7 ตัน ลดลง 7.45 ตัน

 

 

 

ราคาทองคำโลกเช้านี้ (Gold Spot) เคลื่อนไหวบริเวณ US$1,095 โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม 2558 (GFQ15)ราคาเปิดใกล้ระดับ 18,290 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 18,100 บาท ราคาเสนอขาย 18,200 บาท

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำทรงตัวโดยเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ US$1,100 แนวโน้มยังเป็นเชิงลบหลัง FED ย้ำเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ ด้านทองคำในประเทศการอ่อนตัวของค่าเงินบาททำให้ราคาทองคำยืนได้เหนือระดับ 18,000 บาทต่อบาททองคำ ทองคำในตลาดโลกแนวรับ US$1,077 แนวต้าน US$1,108

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2218948

 

สรุปภาวะ SET50 Index Future By GT Wealth Management 3 ส.ค.58 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2558 10:40:47 น.

กรุงเทพฯ--3 ส.ค.--GT Wealth Management

ดัชนี SET50 ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ปรับตัวลงอย่างหนักไปในช่วงก่อนหน้า โดยมีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกครั้ง ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ 39,143.94 ล้านบาท ขณะที่วันนี้ดัชนีอาจปรับขึ้นต่อจากสัญญาณบวกทางเทคนิคและแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มใหญ่หลังจากที่ปรับตัวลงมาอย่างมากในช่วงก่อน แต่อาจมี Upside ไม่มากนัก โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอยู่ที่การนำเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ ครม. หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่ส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอยู่ที่การประชุม กนง.ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ โดยหลายฝ่ายคาดกันว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ทางด้านค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.05 บาทต่อดอลลาร์ แนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จากเงินดอลลาร์ที่ฟื้นตัวและคำแถลงการณ์ของ FED ที่ย้ำถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

 

 

แนวโน้มดัชนี SET50นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดกล่าวว่า แนวโน้มหลักของดัชนียังเป็นเชิงลบ แม้จะมีการฟื้นตัวขึ้นมา แต่ยังไม่ผ่านเส้นแนวโน้มหลัก บวกกับปัจจัยพื้นฐานที่ยังมีหลายประเด็นให้ต้องติดตาม ทั้งการประชุม กนง.ในกลางสัปดาห์และรายละเอียดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของ ครม. ทางเทคนิค แนวรับสำคัญ 938 จุด แนวต้านสำคัญ 962 จุด

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2218949

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นกรีซร่วงหนักถึง 20% เมื่อเปิดทำการอีกครั้งในวันนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2558 10:14:24 น.

บรรดานักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดหุ้นกรีซจะร่วงลงมากถึง 20% ในวันนี้ ซึ่งจะเป็นวันแรกที่ตลาดหุ้นกรีซเปิดทำการอีกครั้ง หลังจากปิดการซื้อขายมาเป็นเวลา 5 สัปดาห์

 

นักวิเคราะห์ประเมินว่า ตลาดหุ้นจะร่วงลงอย่างหนักเมื่อเปิดทำการอีกครั้ง ขณะที่มีความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงของกรีซ

 

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นกรีซได้ปิดทำการตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่ทางการกรีซประกาศมาตรการควบคุมด้านเงินทุน ท่ามกลางวิกฤตหนี้ของประเทศที่เลวร้ายลง

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2218935

 

เงินบาทเปิด 35.06/07 กลับมาแข็งค่าจากแรงขายทำกำไร แต่แนวโน้มยังอ่อนค่า

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2558 09:46:57 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.06/07 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงปิดตลาดเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 35.25 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก หลังตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาเมื่อวันศุกร์ไม่ดี

 

"ดอลลาร์อ่อนค่าย่อตัวลงมาเมื่อเทียบกับเยนและยูโร หลังข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาไม่ค่อยดี" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

ปัจจัยที่ตลาดจับตาดูวันนี้ กระทรวงพาณิชย์จะประกาศอัตราเงินเฟ้อประจำเดือน ก.ค.58 และช่วงกลางสัปดาห์จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ขณะที่จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐ

 

นักบริหารเงิน ประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้จะอยู่ในกรอบระหว่าง 35.00-35.10 บาท/ดอลลาร์

 

"เงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่าในระยะยาว แต่ช่วงสั้นๆ ที่แข็งค่ากลับมาตามแรงเทขายทำกำไร" นักบริหารเงิน กล่าว

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 124.00 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 124.20 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0972 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0939 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 35.1760 บาท/ดอลลาร์

 

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายของประเทศในเดือน มิ.ย.นี้ ว่า เงินทุนยังไหลเข้าสุทธิ 1,655 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.8 หมื่นล้านบาท (คิดจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 35.18 บาท/เหรียญสหรัฐ) เป็นการไหลเข้าต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ไหลเข้าสุทธิ 1,212 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาท

 

- ธปท.เผยไตรมาส 3 สถาบันการเงินส่วนใหญ่ ยังคงเข้มงวดในการปล่อยกู้ต่อไป เพื่อรักษาคุณภาพสินเชื่อ แม้ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาความต้องการสินเชื่อกลุ่มนี้น้อยกว่าคาดการณ์ไว้ ส่วนธุรกิจขนาดใหญ่เน้นออกหุ้นกู้ ทำให้แนวโน้มปล่อยสินเชื่อธุรกิจน่าจะทรงตัว ส่วนภาคครัวเรือนยังระมัดระวังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการบริโภคอื่นๆ

 

- ธปท.เผยภาคธุรกิจส่วนใหญ่คาดการบริโภคกลับมาฟื้นตัวลากยาวไปถึงปี 59 ลุ้นนโยบายรัฐ การท่องเที่ยวจะดีขึ้นหลังเห็นสัญญาณจองห้องพักล่วงหน้าไปถึงไตรมาส 4 ส่วนการลงทุนขนาดใหญ่หันไปกลุ่ม CLMV และเริ่มเห็นสัญญาณการเก็งกำไรในคอนโดฯ บางจุด ด้านต้นทุนแรงงานภาคบริการมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น แต่บางกลุ่มธุรกิจจะมีการลดการใช้แรงงานชั่วคราว

 

- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีคาด กนง.จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 5 สิงหาคม รอดูพัฒนาการของเศรษฐกิจไทย แต่ยังมีโอกาสที่ กนง. จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงอีกครั้งภายในปี 2558 เศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงสูง

 

- นักเศรษฐศาสตร์ เสียงส่วนใหญ่ คาด กนง. ตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% หลังเงินบาทอ่อนค่า เอื้อนโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น รอดูตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ก่อนพิจารณาอีกครั้ง บางส่วนแนะจับตาแรงกดดันเฟด อาจกดดัน กนง. สร้างเซอร์ไพร์สลดดอกเบี้ยรอบนี้ จากปัจจัยเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

 

- กระทรวงการคลัง เร่งเบิกจ่ายลงทุนซ่อมสร้างถนน-โครงการน้ำฯ เติมเงินเข้าสู่ระบบ ตลอดจนเร่ง “เมกะโปรเจกท์” หลังตัวเลขส่งออก ตัวกระตุ้นหลักลดลงต่อเนื่อง

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ หลังจากสหรัฐรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่สูงเกินไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทพลังงานรายใหญ่อย่างเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ร่วงลง 1.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ส่งมอบเดือน ก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.21 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ต้นทุนการจ้างงานในไตรมาส 2 ปีนี้ เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบกว่า 30 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงความเปราะบางของตลาดแรงงานสหรัฐ และทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะชะลอการตัดสินใจเรื่องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 6.4 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่ 1,095.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 4.9 เซนต์ ปิดที่ 14.765 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ต.ค.ลดลง 5 ดอลลาร์ ปิดที่ 985 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย.ร่วงลง 9.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 610.85 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ต้นทุนการจ้างงานในไตรมาส 2 ปีนี้ เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบกว่า 30 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการตัดสินใจเรื่องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 123.93 เยน จากวันพฤหัสบดีที่ระดับ 124.24 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9663 ฟรังค์ จากระดับ 0.9701 ฟรังค์, ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.0981 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.0921 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.5618 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5600 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7304 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7286 ดอลลาร์สหรัฐ

 

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2218910

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...