ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

แบงก์ชาติรัสเซียหั่นดอกเบี้ย 0.50%

ธนาคารกลางรัสเซียประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลง 0.50% สู่ระดับ 11% เมื่อวานนี้ ตามความคาดหมายของตลาด หลังจากที่เพิ่งทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา สู่ระดับ 11.5% จากระดับ 12.5% ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ธนาคารกลางรัสเซีย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ในปีนี้ โดยปรับลดลงรวม 6.0% โดยระบุสาเหตุจากความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนม.ค.

 

อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันของรัสเซีย ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 10.5% ที่ทำไว้ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ก่อนที่ธนาคารกลางรัสเซีย ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินสู่ระดับ 17% ในปีที่แล้ว เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ และการดิ่งลงของค่าเงินรูเบิล

ธนาคารกลางรัสเซีย ถูกกดดันให้ผ่อนคลายนโยบายการเงิน เนื่องจากเงินเฟ้อชะลอตัวลง และเศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซา จากผลกระทบจากการที่ถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร และราคาน้ำมันโลกได้ทรุดตัวลง

Credit: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/659083

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หม่อมอุ๋ยไม่กังวลเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง 7 เดือน-มองลดดอกเบี้ยไร้ผล

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2558 15:58:34 น.

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่อัตราเงินเฟ้อติดลบอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ว่า โดยส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เพราะมองว่ามาจากปัจจัยเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่องและปัจจัยจากค่าเงินเยนของญี่ปุ่นมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ทั้งจีน เกาหลีและไทย ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของทุกประเทศ และเมื่อส่งออกไม่ดี ก็ส่งผลทำให้การนำเข้าสินค้าของประเทศใหญ่ๆลดลงไปด้วย

 

 

 

"จากการวิเคราะห์จากนักเศรษฐศาสตร์ เชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะปรับลงอีกสักระยะ และยังบอกไม่ได้ว่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกเมื่อไหร่ สิ่งที่ทำได้คือรัฐบาลต้องพยุงตัวเอง ส่วนการช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการในการลดดอกเบี้ย เพราะจะทำให้เกิดหนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น และเชื่อว่าภาคเอกชนทราบดีว่าภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้เป็นอย่างไร แต่รัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนในระดับรากหญ้ามากกว่า เพราะถือว่าเป็นจุดอ่อนในระบบเศรษฐกิจไทย"รองนายกฯ กล่าว

 

ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.)นั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดของมาตรการดังกล่าว จึงยังไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่มองว่ามาตรการในบางเรื่องอาจจะไม่ใช้การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่เป็นมาตรการในระยะยาวมากกว่า

 

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่ระหว่างสำรวจเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบประมาณ 1.5 ล้านไร่ เป็นเกษตรกรที่อยู่ในเขตชลประทาน ที่มีการปลูกพืชไปแล้วและได้รับผลกระทบจากการส่งน้ำ โดยอยู่ระหว่างการหาแนวทางการให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นมีแนวคิดว่าจะเป็นการจ่ายเงินชดเชยให้แก่เกษตรกรโดยตรง ซึ่งจะชดเชยตามอัตราที่เกษตรกรได้ลงทุนไป

 

อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/นิศารัตน์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2219302

 

เงินบาทปิด 34.42 อ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง-ทำนิวไฮในรอบกว่า 6 ปี

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2558 17:27:25 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 34.42 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 34.25 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 34.24-34.42 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเกิดใหม่ในเอเซียและเงินบาท

 

"วันนี้บาทเหวี่ยงตัวค่อนข้างแรงเกือบ 20 สตางค์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า ปิดตลาดไปทำนิวไฮในรอบกว่า 6 ปี" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 34.30-34.50 บาท/ดอลลาร์

 

"พรุ่งนี้มีโอกาสอ่อนค่าต่อเนื่อง ก่อนจะพักฐานช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากปรับตัวอ่อนค่ามาเร็วมาก" นักบริหารเงิน กล่าว

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 124.27 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 124.10 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0834 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0820 ดอลลาร์/ยูโร

 

- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,466.71 จุด ลดลง 12.60 จุด, -0.85% มูลค่าการซื้อขาย 25,246.56 ล้านบาท

 

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 45.06 ล้านบาท(SET+MAI)

- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จัดเวที BOT Policy Forum ครั้งที่ 5 โดยได้เชิญนายฟิลิปป์ ฮิลเดอแบรนด์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์ ร่วมปาฐกถา ในหัวข้อ "State of the Global Economy and Implications for Financial Markets" เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยนายฟิลิปป์มองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดการเงินของโลกในขณะนี้หากมองในระยะสั้นเริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะในประเทศเศรษฐกิจหลัก แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนสูง จึงเป็นความท้าทายเศรษฐกิจโลกในระยะยาว โดยแนะธนาคารกลางต้องกระจายการลงทุน (Risk diversification) ไม่ลงทุนในลักษณะเฉพาะเจาะจง และไม่เข้าไปซื้อหลักทรัพย์ธนาคารพาณิชย์ เพราะจะเป็น conflict of interest

 

ขณะเดียวกัน นโยบายการลงทุนควรคำนึงถึงวัตถุประสงค์ในการดำเนินนโยบายการเงินเป็นอันดับแรก โดยต้องสร้างความเข้าใจกับสาธารณชนในกรณีที่เกิดผลขาดทุนจากการดำเนินนโยบายการเงินตามเป้าหมายของธนาคารกลางเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจด้วย

 

- นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง พบปะนักลงทุนต่างชาติ (Roadshow) ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยให้กับนักลงทุนชาวต่างชาติ โดยชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นภายหลังสถานการณ์การเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2557 เป็นต้นมาขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ และภาวะภัยแล้งในประเทศ ซึ่งรัฐบาลดำเนินนโยบายเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

 

- ราคาขายปลีกทองในประเทศเช้านี้ ปรับตัวลดลงจากวันศุกร์ที่ผ่านมาบาทละ 350 ตามสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก

 

- สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของกระทรวงการคลังกรีซว่า กรีซได้เริ่มกระบวนการชำระหนี้วงเงิน 6.8 พันล้านยูโร(7.4 พันล้านดอลลาร์) ให้กับกลุ่มเจ้าหนี้ ซึ่งประกอบด้วย ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แล้วในวันนี้

 

- ธนาคารของกรีซกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งแล้วในวันนี้ ภายหลังจากที่ทางการสั่งปิดทำการเป็นเวลานานถึง 3 สัปดาห์ เนื่องจากวิกฤตหนี้ของประเทศ

 

- ศูนย์สารสนเทศแห่งรัฐของจีน (SIC) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวราว 7% ในช่วงครึ่งปีหลัง และคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะปรับเพิ่มขึ้น 1.6% สาเหตุเนื่องจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน การใช้จ่ายด้านการคลังที่ปรับตัวสูงขึ้น และการริเริ่มโครงการขนาดใหญ่หลายแห่ง

 

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงร่วงลง 287 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 10,318 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือราคาเทียบเท่ากับ 1,117.56 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 31.09 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง

 

- สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี(Destatis) เผยดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) เดือน มิ.ย.ขยับลง 0.1% จากเดือน พ.ค.และปรับตัวลง 1.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตจะไม่สร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อให้กับเยอรมนี

 

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2209350

 

ญี่ปุ่นเผยยอดขายรถยนต์ใหม่เดือนก.ค.ร่วง 7.6% หลังปรับขึ้นภาษีมินิคาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2558 16:08:00 น.

สมาคมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในเดือนก.ค.ปรับตัวลง 7.6% แตะ 425,093 คัน ซึ่งลดลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน เนื่องจากการปรับเพิ่มภาษีรถยนต์ขนาดเล็กได้ส่งผลให้ความต้องการอ่อนแรงลง

 

สำหรับยอดขายรถยนต์ขนาดเล็กที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 660 ซีซี ร่วงลง 18.1% จากปีก่อนหน้า แตะ 142,854 คัน ซึ่งปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่เจ็ดติดต่อกัน

 

ด้านสมาคมผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แห่งญี่ปุ่น (JADA) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ที่ไม่ใช่รถยนต์ขนาดเล็ก ลดลง 1.3% แตะ 282,239 คัน ซึ่งหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน

 

ยอดขายรถยนต์ในญี่ปุ่นนั้นชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังการปรับเพิ่มภาษีรถยนต์ขนาดเล็กเมื่อเดือนเม.ย.เป็นปัจจัยลบที่กดดันความต้องการซื้อ ซึ่งอยู่ในภาวะซบเซาอยู่แล้วหลังจากที่ได้มีการปรับเพิ่มภาษีการบริโภคในปีก่อนหน้า สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq28/2219306

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดร่วง 12.60 จุด วอลุ่มเทรดบาง-ชะลอลงทุนหลังกังวลเศรษฐกิจในประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2558 17:29:50 น.

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,466 จุด ลดลง 12.60 จุด (-0.85%) มูลค่าการซื้อขาย 25,246.56 ล้านบาท

 

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดของวันที่ 1,481.27 จุด และทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,466.64 จุด

 

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 188 หลักทรัพย์ ลดลง 687 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 213 หลักทรัพย์

 

 

 

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีฯปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ โดยปัจจัยสำคัญที่ยังกดดันตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ยังคงเป็นภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่เห็นแนวโน้มการฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น ทั้งการส่งออกก็ยังไม่ดี และยังมีปัญหาภัยแล้งเข้ามาซ้ำเติม ซึ่งกระทบภาคการบริโภค ทำให้มีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศด้วย

 

นอกจากนี้ ยังกระทบผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในประเทสอีกด้วย โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่อาจได้รับผลกระทบจากสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดราย(NPL)ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ปริมาณการซื้อขายน้อย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังชะลอการลงทุนเพื่อรอปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามา

 

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(21 ก.ค.)นายธนเดช คาดว่า ตลาดหุ้นไทยคงยังไปได้ไม่ไกล เป็นช่วงที่ภาวะตลาดซึม เนื่องจากกระแสเงินจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่เข้ามา ขณะที่รายย่อยชะลอการลงทุน และนักลงทุนสถาบันในประเทศก็เลือกลงทุนหุ้นบางตัว อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ยังคงต้องติดตามผลดำเนินงานไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศที่เริ่มทยอยประกาศออกมาแล้ว

 

พร้อมให้แนวต้าน 1,480 จุด แนวรับ 1,450-1,460 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,530.87 ล้านบาท ปิดที่ 330.00 บาท ลดลง 4.00 บาท

 

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,367.83 ล้านบาท ปิดที่ 188.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

 

TPIPL มูลค่าการซื้อขาย 1,103.08 ล้านบาท ปิดที่ 2.50 บาท ลดลง 0.14 บาท

 

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,006.54 ล้านบาท ปิดที่ 5.20 บาท ลดลง 0.05 บาท

 

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 636.72 ล้านบาท ปิดที่ 250.00 บาท ลดลง 2.00 บาท

 

อินโฟเควสท์ โดย จีรายุทธ จันทรงสกุล/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2209355

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

11694768_466411613526048_1459541294862899740_n.jpg?oh=8555fce61a43ce984571c89e77c07b26&oe=5652A89D&__gda__=1448673689_49173fe7045f576f286a4e6d5560ead9

ดีจ้า

เงินบาทเปิด 35.12/14 อ่อนค่าจากวานนี้ รอลุ้นผลประชุมกนง.วันพรุ่งนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 4 สิงหาคม 2558 09:39:47 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 35.12/14 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 35.08 บาท/ดอลลาร์

 

"เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวตามแรงซื้อแรงขายในประเทศ และรอผลการประชุม กนง.วันพรุ่งนี้ จึงคาดว่าระหว่างจนกว่าผลประชุมจะออกเงินบาทก็คงแกว่งแคบๆในกรอบต่อไป" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

นักบริหารเงิน ประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้จะอยู่ในกรอบระหว่าง 35.05-35.30 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 124.05/07 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 124.16 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0947/0949 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.0968 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 35.0420 บาท/ดอลลาร์

 

- แบงก์ชาติเผยเงินบาทหลุด 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐผลตลาดการเงินโลกเป็นสำคัญ ห่วงการอ่อนค่าเงินบาทรวดเร็วอาจกระทบต่อเสถียรภาพการเงินไทย พร้อมเข้าดูแลไม่ให้เงินบาทผันผวนสูงเกินไป ล่าสุดตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเงินบาทอ่อนค่า 6.7% น้อยกว่าริงกิตและรูเปียห์อ่อนค่า 8.4% และ8.0% ตามลำดับ ส่วนความผันผวนขยับขึ้นเป็น 5.8% จากสิ้นเดือน ก.ค.อยู่ที่ 4.3%

 

- ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ปรับยอดส่งออกไทยลงอีกเป็นติดลบ 4.2% จากเดิมคาดติดลบ 2% ชี้เหตุจากเศรษฐกิจคู่ค้าของไทยหดเกือบหมดยกเว้นสหรัฐ ชี้เงินบาทอ่อนไม่ส่งผลบวกมากนัก เพราะเพื่อนบ้านก็ค่าเงินอ่อนลงเช่นกัน

 

- นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายการบริหารหนี้สาธารณะ ได้เห็นชอบการปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะปีงบประมาณ 2558 ครั้งที่ 3 และแผนการบริหารหนี้สาธารณะปีงบประมาณ 2559 เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายใน 2 สัปดาห์นี้

 

- กสทช.เดินหน้า 4จี เปิดฟังความเห็นใน กทม.รอบสุดท้าย ก่อนส่งเข้าบอร์ด กทค. กำหนดกรอบคลื่น 1800 ประมูล 11 พ.ย.ตายตัว ส่วน 900 ต้องรอลุ้น เผยนายกรัฐมนตรีกำชับเน้นประโยชน์ประชาชน วางเงื่อนไขคิดค่าบริการอย่างเป็นธรรม เปิดทางให้คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างทั่วถึง

 

- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและเงินเยนเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่าข้อมูลจ้างงานที่แข็งแกร่งในสัปดาห์นี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะเพิ่มขึ้นอีกในเดือนก.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่นายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี เลขาธิการกลุ่มโอเปกยืนยันว่า โอเปกจะไม่ลดกำลังการผลิต แม้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นก็ตาม โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 2.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.52 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.ในวันศุกร์นี้

 

- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของสหรัฐชะลอตัวในเดือนก.ค. ผลการสำรวจของ ISM พบว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 52.7 ในเดือนก.ค. ลดลงจากระดับ 53.5 ในเดือนมิ.ย.

 

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนมิ.ย. โดยเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 4 เดือน และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลงในช่วงท้ายไตรมาส 2

 

- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ระดับ 1,089.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2219866

 

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์แข็ง ฉุดทองคำปิดร่วง 5.7 ดอลลาร์

 

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 4 สิงหาคม 2558 07:45:34 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.ในวันศุกร์นี้

 

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ระดับ 1,089.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 23 เซนต์ ปิดที่ 14.515 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 17.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 967.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 7.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 603.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและเงินเยน อันเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ข้อมูลจ้างงานที่แข็งแกร่งในสัปดาห์นี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ หลังจากที่ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. จากระดับ 254,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2008 จาก 5.5% ในเดือนพ.ค.

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ข่าวลือเป็นจริง!!! กลุ่ม “อาลี บาบา กรุ๊ป” จับมือ AJD เป็นพันธมิตรร่วลงทุน ลุยธุรกิจโลจิสติกส์-อีคอมเมิร์ซในไทยใช้เป็นฐานรุกตลาดเออีซี

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- อังคารที่ 4 สิงหาคม 2558 09:24:40 น.

 

ดูรูปทั้งหมด

กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--IR Network

YTO Express บริษัทยักษ์ใหญ่โลจิสติกส์ครบวงจรของจีน ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ "อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง" ภายใต้การบริหารของ "แจ๊ค หม่า" มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของประเทศจีน จับมือ AJD "พระเอกตัวจริง" เจ้าตลาดผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย ศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุน (Joint Venture) หรืออาจเข้ามาถือหุ้นใหญ่ใน AJD รุกธุรกิจด้านโลจิสติกส์-อีคอมเมิร์ซ เตรียมพร้อมบุกตลาดเออีซี เพราะ"พระเอกตัวจริง"ของเรามีเครือข่ายลูกค้าที่แข็งแกร่งและพันธมิตรทางธุรกิจอยู่ทั่วประเทศ มั่นใจงานนี้ win-win ทั้งสองฝ่าย! ผงาดเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2219714

 

 

สหรัฐเผยยอดขายรถยนต์เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 5.3%, จีเอ็มครองยอดขายอันดับ 1

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 4 สิงหาคม 2558 09:36:11 น.

ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านยานยนต์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในตลาดสหรัฐในเดือนก.ค. ซึ่งรวมถึงรถยนต์นั่งโดยสารและรถบรรทุกน้ำหนักเบา อยู่ที่ 1,511,261 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14

 

เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ยังคงรั้งยอดขายอันดับ 1 ในเดือนก.ค. ด้วยยอดขาย 272,512 คัน เพิ่มขึ้น 6.4% เทียบรายปี ตามด้วยอันดับ 2 คือ ฟอร์ด มอเตอร์ ด้วยยอดขาย 222,014 คัน เพิ่มขึ้น 5% และอันดับ 3 คือ โตโยต้า มอเตอร์ ด้วยยอดขาย 217,181 คัน เพิ่มขึ้น 0.6%

 

 

 

ส่วนอันดับ 4 คือ เอฟซีเอ ยูเอส แอลแอลซี ผู้ผลิตรถยนต์ไครสเลอร์ ด้วยยอดขาย 174,744 คัน เพิ่มขึ้น 6.6% และอันดับ 5 คือ ฮอนด้า มอเตอร์ ด้วยยอดขาย 146,324 คัน เพิ่มขึ้น 7.7%

 

สำหรับยอดขายของบริษัทรถยนต์รายอื่นๆนั้น นิสสัน มอเตอร์ มียอดขาย 130,872 คัน เพิ่มขึ้น 7.8% และฟูจิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ซูบารุ มียอดขาย 50,517 คัน เพิ่มขึ้น 10.5% สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq28/2219865

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

edeb52f240368183e3b838e7790f41b0.jpg

source livescience.com

 

ข่าวเช้าววันพุธจ้า

ปธ.เฟดแอตแลนตาชี้ศก.สหรัฐพร้อมสำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ย

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 09:00:00 น.

นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า เศรษฐกิจของสหรัฐมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ

 

นายล็อคฮาร์ท ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดที่มีสิทธิโหวตในปีนี้ กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐจะต้องย่ำแย่อย่างรุนแรงถึงจะทำให้เขาไม่โหวตสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.

 

นักลงทุนมองว่าการแสดงความเห็นของนายล็อคฮาร์ทเป็นการส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2220639

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดบวก 1.3 ดอลล์ หลังราคาน้ำมันฟื้นตัว

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 07:35:28 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ อย่างไรตาม การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกในตลาด และส่งผลให้สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.3 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ระดับ 1,090.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4.2 เซนต์ ปิดที่ 14.557 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 8.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 958.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 4.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 598.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กปรับตัวขึ้น 57 เซนต์ ปิดที่ 45.74 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวลดลงอีก

 

อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของสัญญาทองคำ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.3% แตะที่ 97.74 เมื่อคืนนี้ ซึ่งการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2220435

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: แรงซื้อเก็งกำไร หนุนน้ำมัน WTI ปิดบวก 57 เซนต์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 07:12:58 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่ราคาร่วงลงติดต่อกันหลายวัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวลดลง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันในวันนี้

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ ปิดที่ 45.74 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ ปิดที่ 49.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หลังจากราคาร่วงลงติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคำสั่งยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้ ก็จะยิ่งทำให้อิหร่านสามารถผลิตและส่งออกน้ำมันดิบได้มากขึ้น

 

ตลาดได้รับแรงหุนนเพิ่มขึ้นเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่ง EIA จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ จะปรับตัวลดลงอีก หลังจากที่สต็อกน้ำมันดิบในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ปรับลดลง 4.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 459.7 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าอยู่ในระดับทรงตัว และสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 212,000 บาร์เรล สู่ระดับ 57.7 ล้านบาร์เรล

 

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนมิ.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ เพราะได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภาคการขนส่ง และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ายอดสั่งซื้อภาคโรงงานได้ฟื้นตัวขึ้น

 

ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กพุ่งขึ้นแตะ 68.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 63.1 ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนีการจ้างงานดีดตัวแตะระดับ 64.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2220432

 

เหล็กร้องถูกทุ่มตลาดหนัก จี้รัฐเร่งเซอร์ชาร์จก่อนผู้ประกอบการเจ๊ง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 06:00:00 น.

นายนาวา จันทนสุรคน อุปนายกสมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเหล็กมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของชาติ แต่ในระยะที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเหล็กของไทยขาดการส่งเสริมและปกป้องจากภาครัฐ จนประเทศไทยอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงยิ่งเพราะต้องนำเข้าสุทธิสินค้าเหล็ก (ปริมาณนำเข้า-ปริมาณส่งออก) สูงถึง 14.4 ล้านตันต่อปี มากสุดเป็นลำดับที่สองของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาซึ่งมีการนำเข้าเหล็กสุทธิ 17.8 ล้านตันต่อปี ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจของประเทศไทยมีขนาดของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) เพียงแค่ 1 ใน 49 ของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ทำให้เงินตราของประเทศไทยไหลออกเนื่องจากการนำเข้าเหล็กเป็นมูลค่ามหาศาลหลายแสนล้านบาทต่อปี ในขณะที่อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ต้องสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับการทุ่มตลาดและการค้าเหล็กที่ไม่เป็นธรรมจากต่างประเทศอย่างรุนแรง รวมถึงการหลีกเลี่ยงอากรนำเข้า อากรตอบโต้การทุ่มตลาด และอากรปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ด้วยกลวิธีต่างๆ

 

 

 

“สมาคมอุตสาหกรรมเหล็กต่างๆกำลังเฝ้ารอว่าการขับเคลื่อนของหน่วยราชการจะมีความรวดเร็วและทันเหตุการณ์เพียงใดไม่ว่าจะเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมพิเศษ (Surcharge) การนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งสมาคมอุตสาหกรรมเหล็กได้ยื่นเรื่องไปยังสำนักงานบีโอไอตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 โดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้มีมติอนุมัติในหลักการ เมื่อเดือนพฤษภาคมให้ใช้Surcharge กับสินค้าเหล็กนำเข้าได้ หรือการเร่งเปิดไต่สวนเพื่อตอบโต้การทุ่มตลาด และปกป้องการนำเข้าสินค้าเหล็กที่เพิ่มขึ้น ซึ่งยังค้างอยู่ที่กรมการค้าต่างประเทศ หลายรายการ ตลอดจนการออกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถบังคับใช้มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty) ได้จริง ทั้งๆ ที่มีพ.ร.บ.ออกมาแล้วกว่า 16 ปี แต่ไม่เคยใช้มาตรการนี้เลย”

 

ด้านนายวิกรม วัชรคุปต์ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมการค้า ของสมาพันธ์เหล็กและเหล็กกล้าอาเซียน (AISC) เปิดเผยว่า ประเทศไทยคือเป้าหมายใหญ่สุดในอาเซียนที่กำลังถูกทุ่มตลาดสินค้าเหล็กอย่างรุนแรง โดยอาเซียนมีการนำเข้าสินค้าเหล็กมากกว่า 46 ล้านตันต่อปี คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 70% ของปริมาณการใช้เหล็กในอาเซียน โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเหล็กนำเข้ามากสุดในอาเซียน ทั้งนี้ สมาพันธ์เหล็กและเหล็กกล้าอาเซียน ยืนยันว่ายินดีเปิดรับต่อการค้าเสรี แต่ต้องเป็นการค้าที่เป็นธรรมด้วย จึงเรียกร้องให้ภาครัฐของทุกประเทศในอาเซียนต้องไม่ลังเลที่จะตอบโต้การค้าสินค้าเหล็กที่ไม่เป็นธรรม ด้วยมาตรการต่างๆ ที่ได้ผลอย่างจริงจัง ดังเช่น ประเทศอื่นๆ ที่ใช้ทั้งมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด มาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น หรือแม้กระทั่งการขึ้นอัตราภาษีหรืออากรนำเข้าสินค้าเหล็ก ดังเช่นที่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย บราซิล เกาหลีใต้ ได้ดำเนินการในระยะหลังนี้

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/nnd/2220482

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซต์เวย์ถึงดีดขึ้น หลังราคาน้ำมันฟื้นช่วงสั้น

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 09:13:20 น.

นักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะแกว่งตัวไซต์เวย์ ถึงมีโอกาสดีดตัวขึ้นได้ในกรอบจำกัด หลังราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นระยะสั้น อาจจะช่วยหนุนการลงทุนกลุ่มพลังงาน แต่เชื่อว่าการดีดตัวขึ้นของดัชนีอาจจะไม่ยั่งยืนนัก หลังยังมีปัจจัยลบกดดันจากความกังวลหลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ นอกจากนี้ยังต้องจับตาการประชุมของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการปรับเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ ซึงมีแนวโน้มที่จะปรับเป้าหมายการส่งออกลง ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันนี้ คาดว่าจะไม่สร้างความประหลาดใจใหั้กับตลาดซึ่งน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% โดยคาดว่าดัชนีจะมีแนวรับบริเวณ 1,428 และ 1,422 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,440-1,442 จุด

 

 

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะเคลื่อนไหวไซต์เวย์ อาจดีดกลับขึ้นได้ตามราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานดีดกลับ แต่เชื่อว่าดัชนีจะขยับขึ้นไม่ได้มากนัก เพราะตลาดยังกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หลังล่าสุดประธานเฟด สาขาแอตแลนตา ออกมาระบุว่าเศรษฐกิจของสหรัฐมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ

 

ขณะที่ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา เป็นสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดที่มีสิทธิโหวต ทำให้การออกมาระบุดังกล่าวนับว่ามีน้ำหนัก ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตร(bond yield)ปรับตัวขึ้น และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

 

นอกจากนี้ยังต้องติดตามการปรับเป้าหมายตัวเลขการส่งออกของไทยในปีนี้ โดยคาดว่ากระทารวงพาณิชย์จะปรับลดเป้าหมายการส่งออกในปีนี้เหลือไม่เติบโต หรือติดลบเล็กน้อย จากเป้าเดิมที่คาดเติบโต 1.2% ในปีนี้ หลังในช่วงครึ่งแรกปีนี้ตัวเลขส่งออกของไทยติดลบ 4.84% ส่วนการประชุมกนง.ในวันนี้ คาดว่าจะไม่มีประเด็นที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด โดยคาดว่ากนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยายที่ระดับ 1.5% ต่อไป

 

พร้อมมองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวรับบรเวณ 1,428 และ 1,422 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,440-1,1442

 

อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2220647

 

มาร์กิตเผยดัชนี PMI ภาคบริการจีนเดือนก.ค.ขยายตัวสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 09:05:08 น.

มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนที่จัดทำร่วมกับไคซิน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน จากระดับ 51.8 ในเดือนมิ.ย.

 

ตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นถึงภาวะหดตัว และดัชนีที่สูงกว่า 50 จะบ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคบริการของจีนมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า

 

 

 

การปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของดัชนี PMI ภาคบริการล่าสุดได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของปริมาณธุรกิจใหม่ในเดือนก.ค. ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่มีการขยายตัวมากขึ้นในอัตราที่แข็งแกร่ง

 

นอกจากนี้ การจ้างงานในภาคบริการยังคงเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. โดยบริษัทต่างๆในภาคบริการระบุว่าการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากแผนการขายธุรกิจของบริษัท

 

ทั้งนี้ บริษัทไคซิน มีเดีย คอมพานี ลิมิเต็ด ได้ให้การสนับสนุนมาร์กิตในการจัดทำดัชนี PMI ของจีน แทนเอชเอสบีซี ซึ่งเคยร่วมมือกับมาร์กิตในการจัดทำดัชนีมาเป็นเวลา 5 ปี

 

เมื่อช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เอชเอสบีซี ได้ยุติการร่วมมือกับบริษัทมาร์กิต ซึ่งเป็นให้บริการข้อมูลทางการเงิน หลังที่ร่วมมือกันจัดทำดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการทั่วโลกมาเป็นเวลาหลายปี

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq28/2220642

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลล์แข็งค่าแตะกรอบกลาง 124 เยน หลังจนท.เฟดส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ย

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 11:34:53 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะกรอบกลาง 124 เยนในการซื้อขายเช้านี้ที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียว หลังจากนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ส่งสัญญาณเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

 

เมื่อเที่ยงวันนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 124.40-124.41 เยน เมื่อเปรียบเทียบกับ124.33-124.43 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 123.85-123.87 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อช่วง 17.00 น. ของเมื่อวานนี้

 

 

 

ยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.0861-1.0862 ดอลลาร์ และ 135.11-135.13 เยน เมื่อเปรียบเทียบกับ 1.0876-1.0886 ดอลลาร์ และ 135.25-135.35 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 1.0972-1.0974 ดอลลาร์ และ 135.89-135.93 เยนที่ตลาดโตเกียวในเย็นเมื่อวานนี้

 

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากประธานเฟดสาขาแอตแลนต้ากล่าวให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า เศรษฐกิจของสหรัฐมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ

 

นายล็อคฮาร์ท ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดที่มีสิทธิโหวตในปีนี้ กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐจะต้องย่ำแย่อย่างรุนแรงถึงจะทำให้เขาไม่โหวตสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.

 

นักลงทุนมองว่าการแสดงความเห็นของนายล็อคฮาร์ทเป็นการส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จิตวัฒน์ วิจิตรถาวร/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2220947

 

รัฐบาลกรีซเล็งชงแผนปฏิรูปต่อรัฐสภาภายใน 14 ส.ค. ก่อนเส้นตายจ่ายหนี้ ECB 20 ส.ค.

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 11:53:00 น.

รัฐบาลกรีซวางแผนที่จะเสนอร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศให้รัฐสภาพิจารณาภายในวันที่ 14 ส.ค.นี้ เพื่อให้รัฐสภาพิจารณาอนุมัติเงื่อนไขต่างๆที่จะต้องดำเนินการเพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้รับเงินกู้จากกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM)

 

นักวิเคราะห์คาดว่า รัฐสภากรีซจะลงมติเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าวภายในวันที่ 19 ส.ค. ก่อนหน้าวันครบกำหนดชำระหนี้ให้กับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 20 ส.ค.

 

 

 

นางโอลกา เกโรวาซิลิ โฆษกรัฐบาลกรีซ เปิดเผยในวันนี้ว่า รัฐบาลคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปเกี่ยวกับข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับทางเจ้าหนี้ได้ภายในวันที่ 18 ส.ค.

 

การเจรจาในช่วงแรกได้เสร็จสิ้นลงแล้วเมื่อวานนี้ และการเจรจาช่วงที่ 2 จะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้ ซึ่งจะเป็นการร่างรายละเอียดของข้อตกลงดังกล่าว

 

ทั้งนี้ ตารางเวลาในการดำเนินการของรัฐบาลกรีซจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการเจรจาต่อรองกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) และกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM)

 

ประเด็นที่ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ได้รวมถึง กองทุนใหม่สำหรับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งแผนการเพิ่มทุนของภาคธนาคาร

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2220964

 

ฟิลิปปินส์เผยเงินเฟ้อเดือนก.ค.ลดลงแตะ 0.8%, บ่งชี้เสี่ยงเผชิญเงินฝืด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 11:25:28 น.

สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวลงสู่ระดับ 0.8% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 21 ปี และบ่งชี้ว่าฟิลิปปินส์มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะเงินฝืด

 

ปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ปรับตัวลดลงในเดือนก.ค.นั้น มาจากการปรับลงของต้นทุนราคาอาหาร น้ำมัน สาธารณูปโภค และการซ่อมแซมบ้านเรือน

 

ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์คาดการณ์ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ค.อาจจะเคลื่อนไหวในช่วง 0.5% - 1.3% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนดังกล่าวจะอยู่ที่ 0.9%

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สกาวรัฐ บัวสำลี/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2220938

 

IMF รับยังต้องใช้เวลาพิจารณาเรื่องดึงเงินหยวนเข้าตะกร้าสกุลเงิน SDR

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 10:49:33 น.

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า IMF จำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อมูลก่อนที่จะตัดสินใจว่า จะอนุมัติให้มีการดึงสกุลเงินหยวนของจีนเข้าสู่ตะกร้าสกุลเงิน SDR (Special Drawing Right) หรือไม่ ในขณะที่เงินหยวนยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะที่ตามรอยสกุลเงินชั้นนำระดับโลกอยู่

 

อย่างไรก็ดี ทาง IMF ยังคงเปิดทางให้มีการชะลอการอนุมัติออกไปอีก 9 เดือน จนกระทั่งถึงเดือนก.ย. 2559 ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงตะกร้าสกุลเงินที่ใช้กับ SDR (Special Drawing Right)

 

 

 

ปัจจุบัน จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ ได้โน้มน้าวให้มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องดังกล่าว โดยตามหลักการแล้วจะมีการพิจารณาองค์ประกอบตะกร้าสกุลเงินทุกๆ 5 ปี

 

การรวมเงินหยวนเข้าสู่ตะกร้าสกุลเงินดังกล่าว จะช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือ และเพิ่มปริมาณการทำธุรกรรมเงินหยวนในตลาดการเงินทั่วโลก

 

ทั้งนี้ การเลื่อนการตัดสินใจของ IMF ครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะจัดการประชุม G-20 ในปีหน้า

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2220899

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิด 35.15/18 อ่อนค่าหลังกนง.คงดอกเบี้ย มองกรอบพรุ่งนี้ 35.00-35.25

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 17:44:28 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.15/18 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 35.12 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันอ่อนค่าสุด 35.18 บาท/ดอลลาร์ และเงินบาทแข็งค่าสุด 35.05 บาท/ดอลลาร์

 

"ช่วงเช้าค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นและเริ่มเห็นการอ่อนค่าลงในช่วงบ่ายจากกรณีประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ส่งสัญญาณว่าเฟดพร้อมจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเดือนก.ย.นี้ ขณะที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50%" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.00-35.25 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 124.30 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 124.33/55 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0852 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.0849/0871 ดอลลาร์/ยูโร

 

- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,436.36 จุด เพิ่มขึ้น 4.20 จุด, +0.29% มูลค่าการซื้อขาย 37,192.16 ล้านบาท

 

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 396.99 ลบ.(SET+MAI)

- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุมวันที่ 5 ส.ค. 58 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% เนื่องจากประเมินว่าการดำเนินนโยบายการงินในช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยผ่อนคลายภาวะการเงินเพิ่มเติม ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในทิศทางที่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

 

- กระทรวงการคลัง เตรียมเปิดให้ประชาชนทั่วไปและผู้สูงอายุที่มีอาชีพอิสระและไม่มีสวัสดิการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินกรณีชราภาพ สามารถสมัครเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้ ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ เบื้องต้นคาดว่าภายในปี 2558 จะมีประชาชนและผู้สูงอายุเข้าเป็นสมาชิกกองทุนอย่างน้อย 6 แสนคน ซึ่งรัฐบาลเตรียมงบประมาณเพื่อจ่ายสมทบ 683 ล้านบาท และในปี 2559 คาดว่าจะมีเข้ามาอีก 1 ล้านคน โดยรัฐบาลเตรียมงบประมาณรองรับ 1.7 พันล้านบาท ซึ่งหากสมาชิกมีมากกว่าที่คาดไว้ก็สามารถของบกลางมาใช้เพื่อรองรับในส่วนนี้ได้ โดยคาดว่าภายใน 5 ปี จะมีสมาชิก กอช.ทั้งสิ้น 3 ล้านคน

 

- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทย พ.ศ.2559-2564 ทั้งในระดับมหภาคและรายสาขา เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ(กอช.) อนุมัติใช้เป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและทิศทางอุตสาหกรรมในอนาคต พร้อมทั้งผลักดันการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ที่ได้รับความเห็นชอบแล้วสู่การปฏิบัติต่อไป

 

- เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า IMF ยังคงมีแผนที่จะพิจารณาทบทวนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเพิ่มสกุลเงินหยวนของจีนเข้าในตะกร้าสกุลเงิน SDR (Special Drawing Right) ภายในสิ้นปีนี้

 

- หนังสือพิมพ์อีโคโนมิค อินฟอร์เมชั่น เดลี่ รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค.ของจีน มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นประมาณ 1.6% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าเดือนมิ.ย.ที่ขยายตัวเพียง 0.2%

 

- มูลค่าการค้าในระดับทวิภาคีของจีนกับประเทศต่างๆ ภายใต้โครงการเส้นทางเศรษฐกิจ 'Belt & Road' มียอดรวมแตะที่ 4.8537 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ คิดเป็นสัดส่วน 25.8% ของมูลค่าการค้ากับต่างประเทศของจีนในช่วงเวลาเดียวกัน

 

- มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของยูโรโซนในเดือนก.ค.ลดลงแตะ 54.0 จาก 54.4 ในเดือนมิ.ย. แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากข้อมูลเบื้องต้นที่ 53.7

 

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2221266

 

จีน-รัสเซียพร้อมกระชับความร่วมมือทวิภาคี หวังรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค

ข่าวทั่วไป สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 17:48:01 น.

จีนและรัสเซียให้คำมั่นที่จะกระชับความร่วมมือระดับทวิภาคี ขณะที่นายหวัง ยี่ รมว.ต่างประเทศจีน และนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ได้พบปะกันนอกรอบการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ครั้งที่ 48 ที่มาเลเซีย

นายหวังกล่าวว่า จีนและรัสเซียได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรักษาหลักการกฎบัตรของสหประชาชาติ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

เขายังกล่าวว่า จีนพร้อมที่จะเพิ่มความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับรัสเซียเกี่ยวกับกิจการในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อรักษาความมั่นคงอย่างยั่งยืนในเอเชีย รวมทั้งปกป้องเสถียรภาพ สันติภาพ และการพัฒนาในภูมิภาค

ทางด้านนายลาฟรอฟกล่าวว่า การพัฒนาหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างจีน-รัสเซีย ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายทางการทูตที่สำคัญที่สุดของรัสเซีย และการร่วมมือกันระหว่างประเทศทั้ง 2 จะช่วยหนุนเสถียรภาพในระดับโลก

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยในเมียนมาร์พุ่งแตะ 69 ราย

 

 

ข่าวทั่วไป สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 สิงหาคม 2558 17:56:00 น.

กระทรวงสวัสดิการสังคม การบรรเทาทุกข์และการโยกย้ายถิ่นฐานของเมียนมาร์ เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยครั้งรุนแรงในเมียนมาร์เพิ่มขึ้นแตะ 69 ราย ขณะที่ประชาชน 259,799 คนได้รับผลกระทบ

 

อุทกภัยครั้งนี้ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ โดยทางการพม่าได้ประกาศให้รัฐยะไข่ รัฐชิน เขตปกครองสะกาย และเขตปกครองมาเกวเป็น "พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ"

 

 

 

ทางด้านกรมอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาออกคำเตือนว่า น้ำท่วมเริ่มเคลื่อนลงไปทางทิศใต้ และอาจขยายวงและสร้างความเสียหายในพื้นที่อื่นๆเพิ่มเติม

 

ทั้งนี้ นานาประเทศต่างให้ความช่วยเหลือเมียนมาร์ในการรับมือกับเหตุอุทกภัยรุนแรงในครั้งนี้ โดยปฏิบัติการกู้ภัยของจีน ซึ่งนำโดยเอกอัครราชทูตจีนประจำเมียนมาร์นั้น ครอบคลุมรัฐยะไข่ เขตสกาย และเขตมาเกว พร้อมมอบความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เป็นมูลค่า 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ด้านทีมกู้ชีพซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 10 คนจาก Blue Sky ซึ่งเป็นเป็นองค์กรให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ไม่ใช่ภาครัฐที่ใหญ่ที่สุดของจีน เดินทางถึงย่างกุ้งวานนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

 

ขณะที่สหประชาชาติ (UN) และองค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสากลหลายแห่งได้ตอบรับที่จะให้ความช่วยเมียนมาร์ในเหตุอุทกภัยครั้งนี้ ภายหลังพม่าได้ร้องขอเมื่อวานนี้

 

สำหรับประเทศอื่นๆ ได้แก่ นอร์เวย์ สิงคโปร์ และไทย ยืนยันที่จะให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน

 

ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและชลประทานเมียนมาร์ระบุว่า มีพื้นที่เกษตรที่จมอยู่ใต้บาดาล 1,100,612 เอเคอร์ ใน 13 เขตปกครองและรัฐของพม่า โดยเขตปกครองพะโคมีพื้นที่เกษตรจมอยู่ใต้น้ำมากที่สุด เป็นบริเวณกว่า 307,429 เอเคอร์

 

อุทกภัยครั้งรุนแรงในเมียนมาร์ครั้งนี้เกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในฤดูมรสุมซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนมิ.ย. และสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนในหลายพื้นที่ เป็นเหตุให้บ้านเรือน พื้นที่เกษตร ทางรถไฟ ถนน และสะพานได้รับความเสียหาย สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq38/2221276

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...