ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

 

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

HSHsocial

 

 

Ylg Bullion

 

 

Ylg Bullion

 

 

MTS GOLD GROUP

 

Ylg Bullion

5ชม ที่แล้ว

 

 

YLGResearch

 

HSHsocial

ปัญหา 'ส่วนแก้' กับ 'คนส่วนเกิน'/เปลว สีเงิน

พรุ่งนี้ ๑ สิงหา เอาตีนแช่น้ำ ฟังยิ่งลักษณ์แถลงปิดคดีปล่อยปละโครงการรับจำนำข้าวด้วยวาจา ที่ศาลฎีกาฯ นักการเมืองซักวัน แล้วดู....

พวกส่วนเกิน จะเฉไฉด้วย "มุกใหม่" แบบไหนอีก?

http://www.thaipost.net/?q=node/33289

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.37 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อน หลังความกังวลการเมืองสหรัฐฯกดดอลล์อ่อน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2560 11:22:17 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.37 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากสุด

 

 

 

สัปดาห์ก่อนที่ระดับ 33.33 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากยังมีแรงเทขายดอลลาร์ออกมา หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศออกมาไม่ค่อย

 

ดีนัก

"บาทอ่อนค่าจากปิดตลาดสุดสัปดาห์ก่อน แต่ทิศทางดอลลาร์ยังไม่ดีเท่าไหร่นัก เพราะมีแรงเทขายออกมา หลังตัวเลข

 

เศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศออกมาไม่ดี และยังมีปัญหาเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 33.30-33.40 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบ รอปัจจัยใหม่เข้ามา" นักบริหารเงิน กล่าว

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 33.3267 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (27 ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.29944%

 

ส่วน THAI BAHT FIX 6M (27 ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.42784%

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 110.36 เยน/ดอลลาร์ จากสุดสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 111.22 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1743 ดอลลาร์/ยูโร จากสุดสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 1.1731 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.3180 บาท/

 

ดอลลาร์

- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (31 ก.ค.-4 ส.ค.)ที่ 33.20-33.60 บาท

 

ต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งจุดสนใจของตลาดน่าจะอยู่ที่ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สถานการณ์ทางการ

 

เมืองในสหรัฐฯ และรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีน ยูโรโซน และสหรัฐฯ

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญอื่น ๆ ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ยอด

 

ทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE)

 

- ธนาคาร ซี ไอเอ็มบี ไทย คาดว่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (31 ก.ค.-4 ส.ค.)จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.20-

 

33.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยเดือนมิถุนายน 2560

 

- สมาคมธนาคารไทย หารือแนวทางการลดค่าธรรมเนียมป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามที่รัฐบาลต้องการ แต่

 

ยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งทางธนาคารเห็นว่าปัญหาหลักไม่ใช่เรื่องค่าธรรมเนียมหรือค่าพรีเมียม การป้องกันความเสี่ยง แต่เป็นเรื่องความรู้

 

ความเข้าใจผลิตภัณฑ์การเงินของเอสเอ็มอีมากกว่า

- กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ...ได้ผ่านการ

 

พิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณาออกมามีผลบังคับใช้ทัน

 

การจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2562 ซึ่งได้กำหนดว่าต้องมีการทำแผนทางการคลังระยะปานกลาง เพื่อใช้จัดทำงบประมาณรายจ่าย

 

ประจำปีให้มีประสิทธิภาพ

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงินทั้ง

 

ระบบ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2560 อยู่ที่ 4.17 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.95% ของสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 4.3 หมื่นล้านบาท เมื่อ

 

เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่ 3.74 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.72% แต่เพิ่มขึ้นเพียง 1.2 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส

 

ก่อนหน้าที่ 4.05 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2.95% ของสินเชื่อรวม

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน

 

ประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ปี 2560 อยู่ที่ระดับ 2.6% ซึ่งสูงกว่าที่ขยายตัว 1.2% ในไตรมาสแรก ขณะที่สอดคล้องกับมุม

 

มองของนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าเศรษฐกิจไตรมาส 2 ของสหรัฐจะดีดตัวขึ้นกว่า 2.5%

 

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวัน

 

ศุกร์ (28 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐ แม้ว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสก็ตาม

 

ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบเยนที่ระดับ 110.68 เยน จาก 111.12 เยน ยูโรแข็งค่าเทียบดอลลาร์สู่ระดับ 1.1754

 

ดอลลาร์ จาก 1.1679 ดอลลาร์

นอกจากนี้ ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐ โดยล่าสุดวุฒิสภาสหรัฐลงมติ

 

คัดค้านการล้มเลิกใช้กฏหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ ด้วยคะแนนเสียง 49-51 ดังนั้นจนถึงขณะนี้จึงยังไม่มีร่างกฎหมายประกัน

 

สุขภาพฉบับใหม่มาบังคับใช้แทนที่โอบามาแคร์ ซึ่งความล้มเหลวดังกล่าวได้สร้างความเคลือบแคลงให้กับนักลงทุนว่า ประธานาธิบดีโด

 

นัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผลักดันนโยบายด้านภาษีและการคลังตามที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ได้หรือไม่

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (28 ก.ค.) หลังจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก

 

โดยเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะทำให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่นๆ จึงดึงดูดใจนักลงทุนมากขึ้น

 

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2686320

 

 

 

BAY มองเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง คาดสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.15-33.50

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2560 14:35:00 น.

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.15-33.50 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 33.33 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาททำสถิติแข็งค่าสุดรอบ 26 เดือนครั้งใหม่ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยมูลค่า 2.7 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 1 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการซื้อพันธบัตรระยะสั้น

 

 

 

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.00-1.25% ตามคาด โดยก่อนหน้านี้มีแรงเทขายดอลลาร์ หลังโฆษกทำเนียบขาวลาออกจากตำแหน่งและรัฐบาลทรัมป์ประสบปัญหาจากการตรวจสอบกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐฯ

 

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ BAY มองว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อย่างมากที่สุดอีกเพียงครั้งเดียวคือในเดือนธันวาคม โดยเฟดประเมินว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ แข็งแกร่งมากขึ้น การจับจ่ายใช้สอยในภาคครัวเรือนและการลงทุนของธุรกิจยังคงขยายตัว แต่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำและส่งสัญญาณการปรับนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งคาดว่าจะเริ่มต้นปรับงบดุลให้เข้าสู่ภาวะปกติในเร็วๆ นี้ หากเศรษฐกิจขยายตัวตามคาด

 

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ BAY ประเมินว่า ปัจจัยชี้นำหลักของตลาดจะอยู่ที่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการจากสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายไตรมาส 3 ตลาดจะเริ่มพิจารณาการปรับเพดานหนี้ของสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้รัฐบาลต้องผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่จะจำกัดการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์ในระยะถัดไป

 

สำหรับปัจจัยในประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คงคาดการณ์จีดีพีของไทยปี 2560 เติบโต 3.6% แม้ปรับเพิ่มประมาณการมูลค่าส่งออกเป็นเติบโต 4.7% จาก 3.3% โดยระบุว่าต้องรอดูผลการเบิกจ่ายงบกลางปี สศค.ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเบิกจ่ายงบลงทุนปีงบประมาณ 2560 เหลือ 68.5% จากเดิม 76.9% จึงยังคงประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ไว้ที่ระดับเดิม

 

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2686474

 

ธปท.เผยเศรษฐกิจ มิ.ย.ขยายตัวต่อเนื่องตามส่งออก-ท่องเที่ยวโต แต่ลงทุนรัฐ-เอกชนยังหดตัว

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2560 14:37:00 น.

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือน มิ.ย.50 พบว่ายังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยการส่งออกขยายตัวดีในหลายหมวดสินค้า เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวที่เติบโตดี สอดคล้องกับอุปสงค์ต่างประเทศที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ด้านการใช้จ่ายในรปะเทศ การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวจากการใช้จ่ายในหมวดบริการและสินค้าคงทน อย่างไรก็ดี การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวตามการลงทุนภาคก่อสร้าง การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวตามรายจ่ายลงทุน ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมทรงตัวตามการผลิตเพื่อขายในประเทศที่ยังไม่ดี และการระบายสินค้าคงคลังของบางอุตสาหกรรม

 

 

 

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงต่อเนื่องตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศและราคาอาหารสด อัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลปรับลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลตามรายรับจากภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว

 

--อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2686477

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดีจ้า

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงขายทำกำไร ฉุดทองคำปิดลบ 1.90 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 1 สิงหาคม 2560 07:55:49 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยสกัดแรงลบในตลาด ซึ่งส่งผลให้สัญญาทองคำปิดปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.90 ดอลลาร์ หรือ 0.15% ปิดที่ระดับ 1,273.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 9.1 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 16.786 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 4.1 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 940.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 5.25 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 885.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ ภายหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยสกัดแรงลบในตลาดทองคำ โดยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ จากแรงกดดันของสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งปลดนายแอนโธนี สคารามุคซี ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทำเนียบขาว ซึ่งได้สร้างความวิตกให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับการบริหารประเทศของทรัมป์

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2686939

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 46 เซนต์ รับข่าวสหรัฐเล็งคว่ำบาตรอุตฯน้ำมันเวเนซุเอลา

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 1 สิงหาคม 2560 06:48:54 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) หลังจากสหรัฐขู่ว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพื่อตอบโต้รัฐบาลเวเนซุเอลาภายใต้การนำของนายนิโคลัส มาดูโร ที่เดินหน้าจัดการเลือกตั้งสมัชชาร่างรัฐธรรมนูญ

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 50.17 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 52.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาเรื่องการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา เพื่อตอบโต้รัฐบาลเวเนซุเอลาภายใต้การนำของนายนิโคลัส มาดูโร ที่เดินหน้าจัดการเลือกตั้งสมัชชาร่างรัฐธรรมนูญ

 

ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลานั้น จะรวมถึงการระงับนำเข้าน้ำมันจากเวเนซุเอลา

 

ปธน.มาดูโรได้พยายามผลักดันให้มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งจะมีสมาชิกสภาทั้งหมด 545 คน เพื่อเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยอ้างว่าจะสามารถคลี่คลายวิกฤตการณ์ภายในประเทศได้ ขณะที่พรรคฝ่ายค้านของเวเนซุเอลาได้ขัดขวางการเลือกตั้งดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการของมาดูโร

 

นักลงทุนจับตาสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2686748

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.27/28 แนวโน้มยังแข็งค่า หลังดอลล์อ่อนจากความกังวลการเมืองในสหรัฐฯ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 1 สิงหาคม 2560 09:20:06 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.27/28 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัว

 

 

 

จากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดระดับ 33.28 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทยังมีโอกาสจะแข็งค่าขึ้นไปได้ต่อ เนื่องจากดอลลาร์ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าจากปัจจัยด้านการเมืองของสหรัฐฯ

 

เองเป็นตัวกดดัน แม้ว่าข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาในช่วงนี้จะดูดีก็ตาม

 

"เงินบาทวันนี้ยังมีโอกาสจะแข็งค่าต่อ เพราะดอลลาร์ยังอ่อนค่า จากกรณีเรื่องการเมืองของสหรัฐฯ เองเป็นตัวกด

 

ดัน" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.15 - 33.35 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.28/29 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 110.64 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1827/1830 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1740 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.3140 บาท/

 

ดอลลาร์

- ธนาคารแห่งประเทสไทย (ธปท.) เตือนเอกชนทำประกันความเสี่ยง ไม่การันตี 'บาท' แข็งค่าหลุด 33 บาท/

 

ดอลล์ เหตุครึ่งปีหลังเงินสหรัฐมีทิศทางอ่อนลงอีก แต่มั่นใจไม่กระทบส่งออกได้ตามเป้า ขยายตัว 5%

 

- สมาคมผู้ค้าปลีกไทย กังวลกำลังซื้อครึ่งปีหลังจากผลดัชนีไตรมาสสองแผ่วตัว ฉุดดัชนีครึ่งปีแรกลดลง แนะออก

 

มาตรการกระตุ้นเพิ่ม เหตุจากกลุ่มรายได้ปานกลาง-รายได้น้อย ติดกับดักหนี้ครัวเรือนที่สูง

 

- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี สั่งตลาดหลักทรัพย์ ดึงเงินจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน

 

(CMDF) ตั้งกองทุน "แองเจิล ฟันด์" ร่วมกับภาคเอกชนและทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย เพื่อลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพตั้งแต่เป็นตัว

 

อ่อน พร้อมสั่งดีอี-อุตสาหกรรม-คลังเร่งเคลียร์ทุกอุปสรรคให้เสร็จภายใน ก.ย.นี้ ก่อนไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานยักษ์ START UP

 

THAILAND

- นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจ

 

ไทยขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเรื่องเงินฝืด แม้ว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะติดลบมา 2 เดือนติดกัน เพราะทางเทคนิคเงินเฟ้อจะต้องติดลบติดต่อกัน

 

6 เดือน ถึงจะถือว่าเศรษฐกิจมีปัญหาเรื่องเงินฝืด

- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ในยูโรโซนทรงตัวที่

 

ระดับ 1.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมหมวด

 

อาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 1.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี จากระดับ 1.2% ในเดือนมิ.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่

 

คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 1.1%

- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย

 

(pending home sales) เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังปรับตัวลง 3 เดือนติดต่อกัน โดยหากเทียบราย

 

ปี ดัชนีเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.

 

- นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า การที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ไม่ได้มี

 

สาเหตุเพียงอย่างเดียวจากการที่เฟดตรึงไว้ในระดับดังกล่าว แต่ยังเกิดจากการที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะอ่อนแอ รวมทั้งจากปัจจัยอื่นๆ

 

ซึ่งการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ เป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจมีศักยภาพที่จำกัดในการขยายตัว และการเติบโตที่ชะลอตัวลงจะ

 

ลดโอกาสของภาคธุรกิจที่จะทำกำไร และสร้างแรงกดดันต่อความต้องการลงทุน

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) จาก

 

แรงกดดันของสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งปลดนายแอนโธนี สคารา

 

มุคซี ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทำเนียบขาว ซึ่งได้สร้างความวิตกให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับการบริหารประเทศของ

 

ทรัมป์ โดยยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1825 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1754 ดอลลาร์ ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อ

 

เทียบกับเยน ที่ระดับ 110.37 เยน จากระดับ 110.68 เยน

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้น

 

ติดต่อกัน 2 วันทำการ อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยสกัดแรงลบในตลาด ซึ่งส่งผลให้สัญญาทองคำปิดปรับตัวลง

 

เพียงเล็กน้อย

- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ การใช้จ่าย-รายได้ส่วนบุคคลเดือนมิ.ย., ดัชนีราคา

 

การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค., ดัชนีภาคการ

 

ผลิตเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนมิ.ย. และยอดขายรถเดือนก.

 

ค.

--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2686970

 

รองประธานเฟดชี้อัตราดอกเบี้ยต่ำมีสาเหตุจากเศรษฐกิจอ่อนแอ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 1 สิงหาคม 2560 00:12:41 น.

นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า การที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ไม่ได้มีสาเหตุเพียงอย่างเดียวจากการที่เฟดตรึงไว้ในระดับดังกล่าว แต่ยังเกิดจากการที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะอ่อนแอ รวมทั้งจากปัจจัยอื่นๆ

 

นายฟิสเชอร์ระบุว่า การที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ เป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจมีศักยภาพที่จำกัดในการขยายตัว และการเติบโตที่ชะลอตัวลงจะลดโอกาสของภาคธุรกิจที่จะทำกำไร และสร้างแรงกดดันต่อความต้องการลงทุน

 

นายฟิสเชอร์ยังกล่าวว่า สภาวการณ์ที่เศรษฐกิจมีการชะลอตัวมีสาเหตุมาจากประสิทธิภาพในการผลิตอยู่ในระดับต่ำ และมีการลงทุนที่ซบเซาในภาคธุรกิจ ซึ่งการที่จะผ่านสถานการณ์ดังกล่าวจำเป็นจะต้องมีการใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลาย และใช้มาตรการทางการคลังที่เข้มข้นเพื่อเพิ่มการผลิต

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2686698

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง-เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดี

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 1 สิงหาคม 2560 09:08:17 น.

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย WTI ได้ปรับตัวขึ้น 6 วันติดต่อกันจนทะลุระดับ 50 เหรียญฯ/บาร์เรลแล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน และทางสหรัฐฯก็เตรียมกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา รวมถึงจะมีการหารือระหว่างกลุ่มประเทศผู่ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกโอเปก ในวันที่ 7-8 ส.ค. ส่วนเศรษฐกิจไทยก็ฟื้นตัวได้ดี ดูได้จากการส่งออก และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี

 

 

 

อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของดัชนียังอาจจำกัด เนื่องจากสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลียังตึงเครียดอยู่ และนักลงทุนต่างชาติได้ปรับพอร์ตเมื่อวานนี้ด้วยการขายสุทธิมากขึ้นกว่า 7 พันล้านบาทในตลาดหุ้นไทย และยังได้ทำ Short ในตลาดฟิวเจอร์สอีกด้วย

 

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน พร้อมให้แนวรับ 1,575-1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580-1,582 จุด

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2686963

 

เงินหยวนแข็งค่าแตะ 6.7148 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 1 สิงหาคม 2560 08:55:26 น.

China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น 1.35% แตะที่ 6.7148 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐในวันนี้

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 2% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน

 

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อิงกับราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายในแต่ละวัน

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย มลฑา ชัยธำรงค์กูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2686953

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกฯ แจงทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อวางแนวทางปฎิรูปประเทศให้รัฐบาลใหม่ขับเคลื่อน ปัดสืบทอดอำนาจ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2560 12:28:52 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวขอบคุณสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในโอกาสรับมอบวาระงานปฏิรูปว่า สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการไปนั้นเป็นการปฏิรูปโครงสร้าง หากไม่ดำเนินการให้มีโครงสร้างเกิดขึ้นก็จะพัฒนาอะไรไม่ได้ และถือเป็นการวางรากฐานให้ประเทศแข็งแรง และทัดเทียมกับนานาประเทศ

 

 

 

ทั้งนี้รัฐบาลมุ่งหวังที่จะปฏิรูปประเทศให้เท่าทันนานาชาติ โดยได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเอาไว้เพื่อเป็นเข็มทิศนำทางให้การพัฒนาประเทศเกิดความต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก ไม่หลงทาง ไม่ได้เป็นการสืบทอดอำนาจ ไม่ได้บีบบังคับพรรคการเมืองให้ต้องทำตามอย่างที่กล่าวหา เพียงแต่ให้รัฐบาลที่เข้ามาใหม่ต้องสานต่อแนวทางการพัฒนาประเทศไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำหนดไว้ แต่สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้โดยความเห็นชอบของรัฐสภา

 

ขณะที่พรรคการเมืองยังสามารถทำงานอื่นๆ ตามนโยบายของตัวเองได้ ส่วนการปฏิรูปประเทศนั้นเปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่จะขับเคลื่อนประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งทั้งสองอย่างต้องดำเนินการไว้พร้อมกัน

 

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2686377

 

(เพิ่มเติม) นายกฯ แจงทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อวางแนวทางปฎิรูปประเทศให้รัฐบาลใหม่ขับเคลื่อน ปัดสืบทอดอำนาจ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2560 15:21:20 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวขอบคุณสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในโอกาสรับมอบวาระงานปฏิรูปว่า สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการไปนั้นเป็นการปฏิรูปโครงสร้าง หากไม่ดำเนินการให้มีโครงสร้างเกิดขึ้นก็จะพัฒนาอะไรไม่ได้ และถือเป็นการวางรากฐานให้ประเทศแข็งแรง และทัดเทียมกับนานาประเทศ

 

 

 

พร้อมย้ำถึงเหตุผลการเข้ามาบริหารประเทศเพราะเกิดวิกฤต ทั้งปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง เกิดความแตกแยกในสังคม ปัญหาทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ ปัญหาความเลื่อมล้ำในสังคม ดังนั้นการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมาก็ได้ความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหา และรัฐบาลได้ทำงานอย่างอดทน อดกลั้น เพื่อให้ประเทศเกิดความแข็งแกร่งขึ้น

 

ทั้งนี้รัฐบาลมุ่งหวังที่จะปฏิรูปประเทศให้เท่าทันนานาชาติ โดยได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเอาไว้เพื่อเป็นเข็มทิศนำทางให้การพัฒนาประเทศเกิดความต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก ไม่หลงทาง ไม่ได้เป็นการสืบทอดอำนาจ ไม่ได้บีบบังคับพรรคการเมืองให้ต้องทำตามอย่างที่กล่าวหา เพียงแต่ให้รัฐบาลที่เข้ามาใหม่ต้องสานต่อแนวทางการพัฒนาประเทศไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำหนดไว้ แต่สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้โดยความเห็นชอบของรัฐสภา

 

"ยุทธศาสตร์ชาติไม่ได้เข้าไปควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลต่อๆ ไป แต่เป็นการวางยุทธศาสตร์เพื่อหวังให้รัฐบาบต่อไป ได้ทำงานตรงตามแผนพัฒนาฯฉบับที่ 12 ส่วนเรื่องนโยบายของแต่ละพรรคที่จะใช้หาเสียงก็เป็นแนวคิดของแต่ละพรรค แต่อยากให้ประชาชนคำนึงด้วยว่า หากจะเลือกตั้งควรจะมองว่าพรรคการเมืองเหล่านั้น ได้มีการวางนโยบายให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติหรือแผนพัฒนาฯฉบับที่ 12 หรือไม่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

ขณะที่พรรคการเมืองยังสามารถทำงานอื่นๆ ตามนโยบายของตัวเองได้ ส่วนการปฏิรูปประเทศนั้นเปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่จะขับเคลื่อนประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งทั้งสองอย่างต้องดำเนินการไว้พร้อมกัน โดยมีระบบควบคุม คือการออกกฎหมายต่างๆ เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้า เป็นเครื่องจักร เครื่องกล ที่แข็งแรง เป็นไปตามโรดแมพที่วางไว้ โดยการวางแนวทางทั้งหมด เพื่อไปสู่การปฎิรูปหรือรีฟอร์มที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือ

 

"ยุทธศาสตร์ชาติเป็นการกำหนดเป้าหมายอนาคต เป็นเข็มทิศนำทาง ไม่ให้ตกหลุมตกร่อง การปฏิรูปเปรียบเสมือนการจูนเครื่องยนต์ให้มันดี เป็นการใส่เทอร์โบเข้าไป ให้สามารถไปให้เร็ว ขณะเดียวกันต้องบำรุงรักษา ปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุด ซึ่งก็คือเรื่องของการทุจริต และเรื่องระบบบริหารราชการ ต้องแก้ไขไม้ให้หยุดชะงักระหว่างทาง ไม่ให้เสียบนสะพาน วันนี้เราอยู่บนสะพาน ที่ คสช.สร้างไว้ ข้ามลำน้ำที่เชี่ยวกราก ต้องมีสะพาน เรากำลังทำสะพานให้เขาข้ามอยู่ แต่หากท้ายสุดเราจะตกสะพานไปเอง ก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อเสร็จแล้ว สะพานก็ถูกทุบทิ้งอยู่ดี แต่ไม่เป็นไร ว่ายน้ำให้เป็นแล้วกัน ผมไม่กลัว เพราะผมว่าน้ำเป็น ต้องดูแลตัวเอง แต่เอาประเทศมาก่อนเสมอ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาคดีของศาลนั้น ตนเองไม่เคยกล่าวหาว่าใครมีความผิด ทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐานและขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล รัฐบาลทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับองค์กรอิสระในการทำงาน

 

"ตัดสินอย่างไรไปว่าตามศาล แต่ตอนนี้คนไทยชอบตัดสินไปเอง เมื่อเช้าก็ดูข่าวทีวีช่องหนึ่ง ในเว็บ ในเฟซบุ๊ก ตัดสินเองไปหมด ผมก็ปวดหัว แต่ต้องกลับมาถ่ายทอดให้กับรัฐมนตรี รัฐมนตรีก็ปวดหัวไปด้วย บางครั้งรัฐมนตรีก็รับไม่ไหว บอกกับผมว่า อย่าฟังทุกเรื่อง แต่จะไม่ฟังก็ไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ ปลุกระดมได้ทั้งสิ้น เขาไปปลุกระดมข้างล่าง ต้องให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบ ผมอ่านติดตามทุกฉบับ ถ้าสร้างประโยชน์ ผมก็นำมาปฏิบัติ ถ้าไม่สร้างประโยชน์ผมก็เฉยๆ แต่ก็โมโห เพราะไม่รู้ว่าจะมีเจตนาบิดเบือนหรือไม่ แต่ก็ทำให้การทำงานมีปัญหาไปหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการใช้จ่ายงบประมาณ ว่า รัฐบาลเน้นการกระจายรายได้ไปในทุกพื้นที่ แต่ก็ต้องมีแผนงานที่จะลงทุนเพื่ออนาคต ยืนยันว่าจะไม่ทำให้เดือดร้อน

 

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการตั้งคณะกรรมการ ตามกรอบ พ.ร.บ.ปฎิรูปประเทศ และพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการมาทำงาน จะไม่มีการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่ง เพราะตนเองจะเป็นผู้พิจารณาด้วยตนเอง พร้อมกันนี้ ขอให้คณะกรรมการ ที่จะเข้ามาสานต่องานอีกครึ่งหนึ่งในวันนี้ ทำงานให้สำเร็จลุล่วง ให้การปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติเสร็จสมบูรณ์และให้ถือเป็นผลงานประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจร่วมกัน ตนจึงอยากให้กำลังใจทุกคนในการทำงาน เพื่อเดินหน้าประเทศ และ ขอให้ทุกคนให้กำลังใจตนเองและคณะรัฐมนตรีด้วย

 

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกคนปรบมือให้กำลังทุกฝ่าย ที่ร่วมทำงานกันมาอย่างเต็มที่ ซึ่งตนพร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกคน แม้จะไม่อยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว และขอให้ทุกคนช่วยปฎิรูปทั้งการศึกษา สาธารณสุข และลดความขัดแย้ง ใช้สติในการติดตามข่าวสารผ่านสื่อโซเซียล และย้ำว่าส่วนตัวพร้อมสู้ เพราะตนไม่คิดว่าจะทำอะไรผิด

 

"ผมก็โดนเยอะ แต่ผมสู้ได้ ผมไม่คิดว่าผมจะทำอะไรผิด ผิดอยู่แค่วันเดียว คือวันที่ 22 พฤษภาคม" นายกฯ กล่าว

 

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2686518

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประเพณีกดดันศาล

...พร่ำพูดกันมาเป็นสิบๆ ปีแล้วว่านักการเมืองควรมีศีลธรรม

แต่วันนี้กลับห่างศีลธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ

...See more

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราชกิจจาฯ ประกาศพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติใช้เป็นเป้าหมายพัฒนาประเทศ กำหนดทบทวนทุก 5 ปี

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2560 16:42:46 น.

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 เพื่อใช้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่าง ๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกัน อันจะก่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะต้องไม่น้อยกว่า 20 ปี

 

 

 

ในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว กำหนดให้การประกาศใช้ยุทธศาสตร์ชาติทำเป็นประกาศพระบรมราชโองการ และเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ และหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยมีหน้าที่ดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ

 

ทั้งนี้ การกำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดิน การจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ และแผนอื่นใด รวมตลอดทั้งการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ

 

ยุทธศาสตร์ชาติอย่างน้อยต้องประกอบด้วย วิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศ, เป้าหมายการพัฒนาประเทศในระยะยาว กำหนดระยะเวลาที่ต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และตัวชี้วัดการบรรลุเป้าหมาย, ยุทธศาสตร์ด้านต่าง ๆ เป้าหมายการพัฒนาประเทศ ซึ่งอย่างน้อยต้องมีเป้าหมายในด้านความมั่นคงของประเทศ ด้านคุณภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน และด้านบทบาทของรัฐที่มีต่อประชาชน

 

การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติต้องคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติ ความต้องการ และความจำเป็นในการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล และเป้าหมายการปฏิรูปประเทศตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ โดยให้ดำเนินการตามกระบวนการ คือ มีการใช้ข้อมูลความรู้ที่เกิดจากการศึกษาวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ, วิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอย่างรอบด้านทั้งในประเทศและต่างประเทศ วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและข้อจำกัด รวมทั้งความเสี่ยงของประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น

 

การให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และความเป็นเจ้าของยุทธศาสตร์ชาติร่วมกัน การกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายการพัฒนาประเทศในระยะยาวต้องมีความชัดเจนเพื่อให้เห็นภาพในอนาคตของประเทศ โดยเป็นกรอบอย่างกว้างที่ยืดหยุ่นตามการเปลี่ยนแปลงของโลก และต้องกำหนดระยะเวลาการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งมีการระบุตัวชี้วัดการบรรลุเป้าหมายไว้ให้ชัดเจน

 

การจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาตินั้น ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ส่วนรองประธานกรรมการ ประกอบด้วย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และ รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

 

ส่วนกรรมการ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประธานกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย

 

นอกจากนี้ ยังมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนไม่เกิน 70 คน ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์ในด้านความมั่นคง ด้านการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวัฒนธรรม ด้านการศึกษา ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านสาธารณสุข ด้านโครงสร้างพื้นฐาน หรือด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยให้ ครม.แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

 

หน้าที่และอำนาจของคณะกรมการ คือ จัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติเพื่อเสนอ ครม., กำหนดวิธีการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติ และการมีส่วนร่วมในการติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนทุกภาคส่วนดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ, เสนอความเห็นต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และกำกับดูแลการปฏิรูปประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ

 

ทั้งนี้ กำหนดให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านต่าง ๆ จัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน 120 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง โดยให้ใช้ร่างยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปีที่คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.58 จัดทำขึ้นมาใช้เป็นหลักในการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติเบื้องต้นดังกล่าว และให้นำความเห็นหรือข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง มาประกอบการพิจารณา รวมทั้งให้คำนึงถึงความคิดเห็นของประชาชนด้วย

 

สำหรับยุทธศาสตร์ชาติที่ได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายภายใน 20 วัน เพื่อมีพระบรมราชโองการประกาศใช้เป็นยุทธศาสตร์ชาติ หลังจากนั้นให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติแต่ละด้านจัดทำแผนแม่บทเพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอ ครม. ซึ่งแผนแม่บทและแผนการปฏิรูปประเทศตามกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศต้องมีความสอดคล้องกัน

 

แผนแม่บทที่ ครม.ให้ความเห็นชอบและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้มีผลผูกพันหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น รวมทั้งการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทด้วย

 

ให้คณะกรรมการจัดให้มีการทบทวนยุทธศาสตร์ชาติทุก 5 ปีหรือในกรณีที่สถานการณ์ของโลกหรือสถานการณ์ของประเทศเปลี่ยนแปลงไปจนไม่สามารถหรือไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการตามเป้าหมายหรือยุทธศาสตร์ด้านหนึ่งด้านใดได้ หากคณะกรรมการเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมยุทธศาสตร์ชาติเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ให้คณะกรรมการขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนดำเนินการ

 

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/รัชดา/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2686601

 

ยิ่งลักษณ์ เดินทางถึงศาลฎีกาฯ แถลงปิดคดีจำนำข้าว ท่ามกลางกองเชียร์มาให้กำลังใจ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 1 สิงหาคม 2560 09:10:31 น.

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในเวลาประมาณ 8.33 น. เพื่อแถลงปิดคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วยวาจาในเวลา 9.00 น. ก่อนที่จะมีคำพิพากษาออกมาในวันที่ 25 ส.ค.นี้ โดยวันนี้มีแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ และประชาชนจำนวนมาก เดินทางพร้อมนำดอกกุหลาบมามอบเป็นกำลังใจให้

 

 

 

"ขอบคุณที่มาให้กำลัง ดิฉันมีความพร้อมที่จะแถลงปิดคดีด้วยวาจานอกเหนือจากลายลักษณ์อักษร เพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ และยืนยันว่าโครงการจำนำข้าวเป็นโครงการที่มีประโยชน์"น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวก่อนเดินทางเข้าภายในอาคารศาลฎีกาฯ

 

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2686965

 

ปธน.เวเนซุเอลาเมินสหรัฐประกาศคว่ำบาตร เผยรู้สึกภูมิใจที่ตกเป็นเป้าหมายสหรัฐ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 1 สิงหาคม 2560 08:20:54 น.

นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ออกมาปฏิเสธการคว่ำบาตรของสหรัฐเมื่อวานนี้ พร้อมกล่าวว่า เขารู้สึกภูมิใจที่ตนเองตกเป็นเป้าหมายของสหรัฐ

 

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐประกาศคว่ำบาตรนายมาดูโร หลังจากที่เขาเดินหน้าจัดการเลือกตั้งสมัชชาร่างรัฐธรรมนูญ (ANC)

 

นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า การคว่ำบาตรนายมาดูโรสะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐมีจุดยืนต่อต้านนโยบายการปกครองประเทศของนายมาดูโร พร้อมกับเตือนว่า สหรัฐจะคว่ำบาตรบุคคลอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสมัชชา ANC ด้วย

 

ในการคว่ำบาตรครั้งนี้ จะส่งผลให้ทรัพย์สินทั้งหมดของนายนิโคลัส มาดูโร ถูกอายัดตามอำนาจทางกฎหมายของสหรัฐ พร้อมกับห้ามไม่ให้พลเมืองของสหรัฐติดต่อกับนายมาดูโร

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปัทมาสน์ ชนะรัชชรักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2686944

 

จีนแนะสหรัฐแยกถกประเด็นเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธและการค้ากับจีนออกจากกัน

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2560 13:01:53 น.

จีนเปิดเผยว่า สหรัฐควรแยกเรื่องโครงการทดสอบอาวุธเกาหลีเหนือออกจากประเด็นความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างสหรัฐ-จีนในระหว่างการเจรจา

 

นายเฉียน เค่อหมิง รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์จีน แถลงว่า "เราคิดว่า ประเด็นอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ และการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนเป็นประเด็นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง" ซึ่งทั้งสองประเด็นไม่มีความเกี่ยวเนื่องกัน และไม่ควรนำมาหารือร่วมกัน

 

 

 

คำวิจารณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายเฉียนได้ตอบคำถามเกี่ยวกับกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐโพสต์ข้อความวิจารณ์จีนลงบนทวิตเตอร์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า จีนไม่ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ

 

นายทรัมป์ กล่าวหลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปไปแล้ว 1 วันว่า "ผมรู้สึกผิดหวังกับจีนเป็นอย่างยิ่ง"

 

"ผู้นำรุ่นก่อนของเราได้ปล่อยให้จีนสร้างรายได้จากการค้าขายมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่จีนก็ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ กับเกาหลีเหนือเพื่อเราเลย ทำแค่การเจรจาเท่านั้น" ทรัมป์ระบุ "เราจะไม่ปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป จีนสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย!" สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จิตวัฒน์ วิจิตรถาวร/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2686387

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

 

YLGResearch

 

HSHsocial

บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำพุธที่ 2 สิงหาคม 2560 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 2 สิงหาคม 2560 10:15:01 น.

กรุงเทพฯ--2 ส.ค.--MTS Gold Group

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำมีแรงเทขายทำกำไรและมีการแกว่งตัวไปทำจุดสูงสุดใหม่แถวระดับ 1,273 เหรียญ และเช้านี้มีแรงเทขายกลับเข้ามาทำให้ราคาทองคำทรงตัวแถว 1,267 เหรียญ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภาวะการเมืองที่ยังคงวุ่นวายของสหรัฐฯ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นออกมาในเกณฑ์ทรงตัว ไม่ว่าจะเป็น Core PCE Price Index, Personal Spending และ ISM Manufacturing PMI สำหรับดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงไปแถวระดับ 92.65 จุดวานนี้ ก่อนจะดีดขึ้นมาแถวระดับ 93.. ทางด้านดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและใกล้ทดสอบ 22,000 จุด โดยเมื่อวานนี้ปิดที่ระดับ 21,963.92 จุด จากการที่ภาคอุตสาหกรรมต่างๆของดาวโจนส์นั้นออกมาค่อนข้างดีจึงทำให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นต่อได้ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจยูโรโซนยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีจึงทำให้ค่าเงินยูโรยังคงอยู่ในทิศทางแข็งค่า ซึ่งเช้านี้ค่าเงินยูโรอยู่ที่ 1.1798 ดอลลาร์/ยูโร ทางด้านค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้นจากที่แข็งค่าลงไประดับ 33.23 บาท/ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ก่อนที่เช้านี้จะทรงตัวแถวระดับ 33.30 บาท/ดอลลาร์ โดยเป็นการดีดกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย

 

 

 

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ในขณะที่ภาพรวมทางเทคนิคเข้าสู่สภาวะสะสมพลัง วันนี้คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนตัวในกรอบระหว่าง 1,265 – 1,272 เหรียญ แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังและทำกำไรในกรอบแคบ โดยหากทองคำหลุด 1,265 เหรียญ แนะนำให้นักลงทุนให้ทำการปิดสถานะ Long ออกไปก่อนและเน้นทำกำไรในระยะสั้นๆ

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ 1,265 – 1,272 เหรียญ เน้นเล่นสั้นๆเพื่อทำกำไร

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

ลงซื้อขึ้นขาย เก็งกำไรในกรอบระยะสั้น ผู้ที่ถือ Long ไว้หากราคาหลุด 1,265 เหรียญแนะนำให้ปิดสถานะออกไปก่อน

 

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

ปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุล ไม่แนะนำให้ถือครองสถานะมากเกินไป

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ยังคงแนะนำให้ปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุลกับสภาวะการแกว่งตัวของตลาด โดยภาพรวมยังให้หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว

 

Gold Futures Q17 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,030 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,230 บาท

Gold Futures V17 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,080 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,280 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2687573

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“โกลเบล็ก” มองหุ้นไทยตอบรับราคาน้ำมันยืนเหนือ 50 ดอลลาร์ หนุนดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,560 – 1,590 จุด- แนะเก็งกำไร BANPU อานิสงส์ราคาถ่านหินทำนิวไฮ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 2 สิงหาคม 2560 10:15:43 น.

 

ดูรูปทั้งหมด

กรุงเทพฯ--2 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้อานิสงส์ราคาน้ำมันยืนบวกเหนือ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลหลังจากสหรัฐขู่ใช้มาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลาสมาชิกกลุ่มโอเปก บวกแรงเก็งกำไรประกาศงบไตรมาส 2/60 หนุนกรอบดัชนีแกว่งตัวที่ 1,560 –1,590 จุด แนะซื้อ BANPU จากราคาถ่านหินปรับตัวสูงสุดในรอบปี ด้านแนวโน้มราคาทองคำมีความผันผวนสูง หลังปรับตัวไปทดสอบ 1,300 ดอลลาร์ แนะนำจุดรับสำคัญ 1,240–1,245 ดอลลาร์

 

 

 

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูงแถว 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลหลังจากสหรัฐฯขู่ว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลาซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มโอเปก ประกอบกับดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเดือนก.ค.พุ่งสูงสุดในรอบ 4 เดือนสู่ระดับ 51.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 50.4 ในเดือนมิ.ย. และสภาผู้ส่งออกปรับคาดการณ์ส่งออกปี 60 เป็นโต 5% จากเดิม 3.5% จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า

 

อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีปัจจัยกดดันภาพรวมตลาดหุ้นไทยจากการคาดการณ์ที่ประชุมธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบกว่า 10 ปี รวมถึง Fund Flow ต่างชาติเป็น Net Sell 4 วันราว 1 หมื่นล้านบาทแม้ว่าเงินบาทแข็งค่า และสถานการณ์น้ำท่วมในภาคอีสานกดดันให้ NPL ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นอีก

 

นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาการทยอยประกาศงบการเงินงวดไตรมาส 2/2560 จนถึงวันสุดท้ายในวันที่ 15 ส.ค. ในวันที่ 2 ส.ค. อียู จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของยูโรโซนเดือนมิ.ย. สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค. วันที่ 3 ส.ค. ธนาคารกลางอังกฤษมีกำหนดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ตลาดคาดว่าอาจจะประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเป็นครั้งแรกและในวันที่ 4 ส.ค. สหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.

 

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับ Sentiment เชิงบวกจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวระดับสูงแถว 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลหลังสหรัฐฯ ขู่ว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลาซึ่งเป็นสมาชิกโอเปก รวมถึงแรงซื้อดักงบไตรมาส 2/60 ที่จะทยอยประกาศจนถึงกลางเดือนส.ค.

 

อย่างไรก็ตาม ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติที่ผันผวน Net Sell 4 วันราว 1 หมื่นลบ.แม้ว่าค่าเงินบาทแข็งค่า รวมถึงสถานการณ์น้ำท่วมทำให้ความกังวลว่า NPL ของกลุ่มธนาคารน่าจะเพิ่มขึ้นต่อไปอีกเป็นแรงกดดันต่อภาวะตลาด ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,560 – 1,590 จุด

 

ทั้งนี้ แนะนำซื้อสะสมในหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมัน แนะนำ BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในปีนี้ โดยตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. ปรับขึ้นกว่า 26% เป็นผลบวกต่อผลประกอบการในอนาคต และกลุ่มนำเข้าได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า แนะนำ SYNEX, COM7, SIS, BIZ และMGT

 

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ความเข้ากันไม่ได้ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับเจ้าหน้าที่และคณะทำงาน เป็นปัญหาทางการเมืองที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อศักยภาพการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ

 

ทั้งนี้ การที่ Fed คลายความกดดันลงในเรื่องอัตราเงินเฟ้อ จึงชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วหันไปมุ่งเน้นการปรับลดงบดุลแทน เม็ดเงินทุนจึงกระจายเข้าเก็งกำไรในสินทรัพย์ต่าง ๆ ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และดันให้เงินสกุลอื่นแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และเงินบาทได้รับผลกระทบดังกล่าวนี้อย่างมากจากภาวะเงินทุนไหลเข้าตามความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับประโยชน์ทั้งจากอัตราดอกเบี้ยของไทยและค่าเงิน ระดับราคาทองคำในประเทศจึงไม่สะท้อนการทะยานขึ้นของราคาทองคำโลก เนื่องจากถูกกดโดยการแข็งค่าของเงินบาท

 

ในขณะที่การคว่ำบาตรที่สหรัฐฯประกาศต่อเวเนซุเอลาและรัสเซียได้สร้างผลกระทบในวงกว้าง เนื่องจากทั้งสองประเทศล้วนเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อุปทานจะตึงตัว หากชาติพันธมิตรสหรัฐฯหรือผู้นำเข้าอื่น ๆ เข้าร่วมการคว่ำบาตรด้วย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมายืนเหนือ 50 ดอลาร์ต่อบาร์เรลซึ่งเป็นผลดีต่อราคาทองคำในแง่ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม กองทุน SPDR ยังคงทยอยขายสุทธิออกมาไม่หยุด และการปรับขึ้นของราคาทองคำเริ่มมีสัญญาณลบ bearish divergence ทั้งจาก MACD, RSI และ stochastic ในขณะที่ความผันผวนกำลังลดต่ำลง จึงควรระวังการเลือกทิศทางแบบ breakoutกระทันหัน ระหว่างการทะยานขึ้นสู่ 1,300 ดอลลาร์ หรือ การปรับฐานลงสู่ช่วงแนวรับสำคัญ 1,240–1,245 ดอลลาร์ จึงแนะนำให้ปิดสถานะทั้งหมด แล้วรอจังหวะที่เหมาะสมเพื่อเปิดสถานะใหม่อีกครั้ง

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2687575

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.31 กลับมาอ่อนค่าหลังมีแรงซื้อดอลล์ จับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ มองกรอบวันนี้ 33.25-33.40

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 2 สิงหาคม 2560 09:19:12 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.31 บาท/ดอลลาร์ จากเย็น

 

 

 

วานนี้ที่ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 33.26 บาท/ดอลลาร์

"ล่าสุดเงินบาทอ่อนค่าขึ้นมาอยู่ที่ 33.33 บาท/ดอลลาร์ เมื่อคืนมีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามาในตลาด ซึ่งน่าจะเป็น

 

สัญญาณทางเทคนิคเพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่...ปัจจัยที่ต้องติดตามคือคืนนี้จะมีเจ้าหน้าที่เฟดออกมาพูด และรายงานตัวเลขการจ้างงาน

 

ของสหรัฐฯ (ADP)" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.40 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.54 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 110.34 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1798 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.1815 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.2830 บาท/

 

ดอลลาร์

- นายแบงก์ ระบุต้องติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นกว่าประเทศคู่ค้าและคู่แข่งเป็นเพียงระยะสั้นหรือไม่

 

โดยยอมรับว่าการเคลื่อนไหว ค่าเงินบาทเป็นเรื่องควบคุมยาก ผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออกไม่ควรประมาท จำเป็นต้องป้องกัน

 

ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อล็อกต้นทุนและกำไรในช่วงที่ค่าเงินผันผวน อย่าคิดว่าการทำเฮดจิ้งเป็นค่าใช้จ่ายและต้นทุน

 

- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) จะค่อยๆ ฟื้นตัว

 

ขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 1.0%

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ผู้สูงอายุโดยอนุมัติในหลักการส่วนการจัดเก็บ

 

เงินเข้ากองทุนผู้สูงอายุเพิ่ม จากภาษีสุรา ยาสูบ และเบียร์ ในอัตรา 2% เข้ากองทุนผู้สูงอายุ เพื่อไปเพิ่มให้กับผู้สูงอายุที่มีรายได้

 

น้อย แต่กำหนดเพดานการจัดสรรเงินเข้ากองทุนไว้ที่ไม่เกิน 4,000 ล้านบาทต่อปี โดยจะมีผลบังคับใช้หลังจากผ่านสภานิติบัญญัติแห่ง

 

ชาติ(สนช.) และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว คาดว่าจะเป็นช่วงต้นปี 2561

- บริษัทไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)

 

สำหรับภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.3 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และสูงกว่าระดับ 52.0

 

ในเดือนมิ.ย.

- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับตัวสู่ระดับ 56.3

 

ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 56.5

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) จาก

 

แรงกดดันของข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอของสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการกำหนดนโยบายการเงินของ

 

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากนี้ โดยยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.1810 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1825 ดอลลาร์ ดอลลาร์อ่อนค่าลง

 

เมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 110.23 เยน จากระดับ 110.37 เยน

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ ประกอบกับความ

 

ไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

- นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเตือนถึงภาวะฟองสบู่ในตลาดพันธบัตร โดยระบุ

 

ว่า เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ช่วงของการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้ตลาดพันธบัตรร้อนแรงเกินไป หากภาวะการณ์ดังกล่าวยังคง

 

ดำเนินต่อไป

- นักลงทุนจับตาข้อมูลด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.

 

จาก ADP, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานราย

 

สัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค. จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย., ดัชนีภาคการผลิต

 

เดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และดุลการค้าเดือนมิ.ย.

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2687560

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก 6 ดอลล์ เหตุข้อมูลศก.ซบเซาหนุนแรงซื้อทอง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 2 สิงหาคม 2560 07:14:16 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์ หรือ 0.47% ปิดที่ระดับ 1,279.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ขยับขึ้น 2.2 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 16.764 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ปรับตัวขึ้น 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.94% ปิดที่ 949.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 8 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 893.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของเศรษฐกิจสหรัฐได้ลดน้ำหนักของการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้

 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐดิ่งลง 1.3% ในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 1.21 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2016 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย.

 

ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับตัวสู่ระดับ 56.3 ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 56.5

 

ในส่วนของเงินเฟ้อนั้น ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.5% เช่นกันในเดือนพ.ค.

 

ทั้งนี้ ดัชนี PCE พื้นฐาน ยังคงอยู่ห่างไกลจากระดับ 2.0% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟด

 

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐยังเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเช่นกัน โดยรายงานล่าสุดระบว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้สั่งปลดนายแอนโธนี สคารามุคซี ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทำเนียบขาว ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้แต่งตั้งเขาให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวไม่ถึง 10 วัน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2687344

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดร่วง $1.01 หลังโอเปกผลิตน้ำมันเพิ่มเดือนก.ค.

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 2 สิงหาคม 2560 06:53:36 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้นในตลาด

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 49.16 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 51.78 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากผลสำรวจระบุว่า โอเปกได้ผลิตน้ำมันมากขึ้นในเดือนก.ค. แม้มีข้อตกลงลดกำลังการผลิต โดยโอเปกผลิตน้ำมันมากขึ้น 90,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับสูงสุดในปีนี้ นำโดยลิเบีย ซึ่งได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน

 

นักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้ โดยมีสาเหตุจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ลดความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน

 

ทั้งนี้ ผลสำรวจนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมัน WTI จะมีค่าเฉลี่ยที่ระดับ 50.08 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ลดลงจากระดับ 51.92 ดอลลาร์ที่คาดการณ์ในเดือนมิ.ย. ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์คาดว่าจะมีค่าเฉลี่ยที่ระดับ 52.45 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ลดลงจากระดับ 53.96 ดอลลาร์ที่คาดการณ์ในเดือนมิ.ย.

 

นักวิเคราะห์ระบุว่า การให้ความร่วมมือของโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิตนั้น จะยังคงถูกกดดันในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งจะสร้างความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการปรับสมดุลในตลาด

 

นักลงทุนจับตาสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันสหรัฐจะลดลง 2.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2687341

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม 2560 07:46:50 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 ส.ค.2560

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) โดยดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 22,000 จุดเป็นครั้งแรก เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทแอปเปิล อิงค์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ที่บ่งชี้ว่า ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวได้ดีในเดือนก.ค. ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพรุ่งนี้อย่างใกล้ชิด

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,016.24 จุด เพิ่มขึ้น 52.32 จุด หรือ +0.24% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,362.65 จุด ลดลง 0.29 จุด หรือ -0.00% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,477.57 จุด เพิ่มขึ้น 1.22 จุด หรือ +0.05%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) จากแรงกดดันของผลประกอบการที่น่าผิดหวังของริโอทินโต บริษัทเหมืองแร่ข้ามชาติรายใหญ่ และแรงเทขายในหุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด หลังธนาคารยักษ์ใหญ่ดังกล่าวเปิดเผยว่ายังไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้

 

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 12.23 จุด หรือ -0.16% ปิดที่ 7,411.43 จุด

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากธนาคารโซซิเอเต้ เจเนอราล (ซอคเจน) ธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส เปิดเผยกำไรสุทธิร่วงลงอย่างหนักในไตรมาส 2

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 378.63 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,181.48 จุด ลดลง 69.81 จุด หรือ -0.57% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,107.25 จุด ลดลง 19.78 จุด, -0.39% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,411.43 จุด ลดลง 12.23 จุด, -0.16%

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงน้อยกว่าการคาดการณ์นั้น ได้สกัดแรงบวกในตลาดระหว่างวัน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 49.59 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 52.36 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลปอนด์และยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) ขณะนักลงทุนกำลังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐเพื่อหาปัจจัยบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดงบดุลบัญชีเมื่อใด และเฟดจะดำเนินการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้หรือไม่ หลังข้อมูลเงินเฟ้อที่มีการเปิดเผยล่าสุดยังคงอ่อนแอและเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟด

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1868 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1810 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3239 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3218 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7976 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7977 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 110.56 เยน จากระดับ 110.23 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9695 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9652 ฟรังก์สวิส

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นเหนือระดับ 22,000 จุดเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงลบในตลาด และช่วยให้สัญญาทองคำปิดขยับลงเพียงเล็กน้อย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่ 1,278.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 3.1 เซนต์ หรือ 0.18% ปิดที่ 16.733 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 4.3 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 953.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.20 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 892.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 6,362.65 จุด ลดลง 0.29 จุด, -0.00%

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 22,016.24 จุด เพิ่มขึ้น 52.32 จุด, +0.24%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,477.57 จุด เพิ่มขึ้น 1.22 จุด, +0.05%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,107.25 จุด ลดลง 19.78 จุด, -0.39%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,411.43 จุด ลดลง 12.23 จุด, -0.16%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,181.48 จุด ลดลง 69.81 จุด, -0.57%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 32,476.74 จุด ลดลง 98.43 จุด, -0.30%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,348.80 จุด เพิ่มขึ้น 10.60 จุด, +0.32%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,770.61 จุด เพิ่มขึ้น 5.48 จุด, +0.31%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,824.25 จุด เพิ่มขึ้น 19.04 จุด, +0.33%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 27,607.38 จุด เพิ่มขึ้น 67.15 จุด, +0.24%

ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 786.23 จุด ลดลง 0.58 จุด, -0.07%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,872.65 จุด ลดลง 33.95 จุด, -0.43%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,285.06 จุด ลดลง 7.58 จุด, -0.23%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,427.63 จุด เพิ่มขึ้น 4.67 จุด, +0.19%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,744.20 จุด ลดลง 28.20 จุด, -0.49%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,794.50 จุด ลดลง 26.10 จุด, -0.45%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,080.04 จุด เพิ่มขึ้น 94.25 จุด, +0.47%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 10,519.27 จุด เพิ่มขึ้น 81.98 จุด, +0.79%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2688148

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนค่าเทียบยูโร-ปอนด์ ขณะนลท.จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ส.ค. 60)--สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลปอนด์และยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) ขณะนักลงทุนกำลังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐเพื่อหาปัจจัยบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดงบดุลบัญชีเมื่อใด และเฟดจะดำเนินการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้หรือไม่ หลังข้อมูลเงินเฟ้อที่มีการเปิดเผยล่าสุดยังคงอ่อนแอและเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟด

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1868 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1810 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3239 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3218 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7976 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7977 ดอลลาร์

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 110.56 เยน จากระดับ 110.23 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9695 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9652 ฟรังก์สวิส

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.32% สู่ระดับ 92.746 เมื่อคืนนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ รายงานว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งแม้จะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง แต่ก็บ่งชี้ว่า ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนยังคงมีการขยายตัวได้ดี โดยรายงานดังกล่าวได้หนุนดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักบางสกุล

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้นราว 180,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.4% ในเดือนมิ.ย.

ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรถือเป็นหนึ่งในข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยแถลงการณ์ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า เฟดกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปและการปรับลดงบดุลบัญชีในปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค. จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย., ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และดุลการค้าเดือนมิ.ย.

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 52.32 จุด รับผลประกอบการ แอปเปิล

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม 2560 06:35:18 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) โดยดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 22,000 จุดเป็นครั้งแรก เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทแอปเปิล อิงค์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ที่บ่งชี้ว่า ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวได้ดีในเดือนก.ค. ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพรุ่งนี้อย่างใกล้ชิด

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,016.24 จุด เพิ่มขึ้น 52.32 จุด หรือ +0.24% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,362.65 จุด ลดลง 0.29 จุด หรือ -0.00% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,477.57 จุด เพิ่มขึ้น 1.22 จุด หรือ +0.05%

 

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 7 และล่าสุดทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 22,000 จุดเป็นครั้งแรก ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทแอปเปิล อิงค์ โดยหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 4.7% และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 อยู่ที่ 8.72 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.67 ดอลลาร์/หุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบการเงินที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.42 ดอลลาร์/หุ้น และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 1.57 ดอลลาร์/หุ้น

 

ส่วนรายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 4.541 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบการเงินที่แล้ว ที่ระดับ 4.236 หมื่นล้านดอลลาร์

 

ทั้งนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของแอปเปิลในไตรมาส 3 มาจากยอดขายไอโฟนซึ่งอยู่ที่ 41.03 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบการเงินที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 40.4 ล้านเครื่อง และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

 

นอกจากนี้ ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายอื่นๆ ยังช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นด้วย โดยบริษัทไทม์ วอร์เนอร์ อิงค์ เปิดเผยตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.33 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้ที่ระดับ 7.33 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยผลประกอบการของไทม์ วอร์เนอรได้รับปัจจัยบวกจากความสำเร็จของภาพยนตร์ "Wonder Woman"

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยได้แรงหนุนจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นของภาคบริการ

 

อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสื่อสาร โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสื่อสารร่วงลง 1.1% ขณะที่หุ้นเอทีแอนด์ที ดิ่งลง 1.6% และหุ้นเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่น ร่วงลง 1.3%

 

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้นราว 180,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.4% ในเดือนมิ.ย.

 

ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรถือเป็นหนึ่งในข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยแถลงการณ์ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า เฟดกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปและการปรับลดงบดุลบัญชีในปีนี้

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค. จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย., ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และดุลการค้าเดือนมิ.ย.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2687966

(Aug 3) ผ่อนเกณฑ์สำรองลูกหนี้น้ำท่วม - สมาคมธนาคารไทย เตรียมเสนอ ธปท.ขอผ่อนผันการจัดชั้นหนี้ลูกค้าน้ำท่วม ไม่ให้เป็นเอ็นพีแอล ด้านเครดิตบูโรไม่ขึ้นบัญชีดำ

แหล่งข่าวจากสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้า ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ได้รับผล กระทบจากภาวะน้ำท่วม โดยเตรียมยื่นต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้พิจารณาผ่อนผันกรณีที่ลูกหนี้ของธนาคารเป็นหนี้ปกติ แต่ได้รับผลกระทบจาก น้ำท่วมจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ ไม่ถือว่าเป็นหนี้จัดชั้น เพื่อลดภาระที่ธนาคารจะ ไม่ต้องตั้งสำรองหนี้จากการช่วยเหลือลูกค้า

"เกณฑ์ที่จะขอนี้ ธปท.เคยผ่อนผันให้เมื่อครั้งเกิดน้ำท่วมในปี 2554 ซึ่งจะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีกำลังช่วยเหลือลูกค้าได้มากขึ้น" แหล่งข่าวเปิดเผย

ด้าน นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือถึงสถาบันการเงิน 96 แห่ง ที่ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าในหลายจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม หากผ่อนผันการชำระหนี้ควรจะรายงานในสถานะบัญชีปกติ แทนการรายงานและนำส่งข้อมูลว่าลูกค้าผิดนัดชำระหนี้เพื่อช่วยเหลือลูกค้าไม่ให้เกิดความเสียหายในประวัติ หรืออาจนำส่งเป็นพักหนี้ตามนโยบายของรัฐ มาตรการนี้จะเป็นการช่วยเยียวยาจิตใจหลังน้ำลดแล้ว

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) กล่าวว่า ธนาคารจะลดดอกเบี้ยให้ลูกค้าเป็นเวลา 1 ปี โดย 6 เดือนแรกลดอัตราดอกเบี้ยลง 3% และพักชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 1 ปี และลดดอกเบี้ยเหลือ 4% ในปีแรก สำหรับลูกค้าเงินกู้ระยะยาว และยัง มีอีกหลายมาตรการโดยขอให้ลูกหนี้ ที่ประสบภัยติดต่อธนาคารเพื่อขอความช่วยเหลือได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

Source: Posttoday

20479482_1668658689820283_3420490871565903499_n.png?oh=5a8097b7e382f42415ec7a33dfa41086&oe=59F0B73D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ 1 ดอลล์ เหตุนลท.เทขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังดาวโจนส์พุ่ง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม 2560 07:12:54 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นเหนือระดับ 22,000 จุดเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงลบในตลาด และช่วยให้สัญญาทองคำปิดขยับลงเพียงเล็กน้อย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่ 1,278.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 3.1 เซนต์ หรือ 0.18% ปิดที่ 16.733 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 4.3 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 953.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.20 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 892.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำปิดในแดนลบ หลังจากดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติทะยานขึ้นเหนือระดับ 22,000 จุดเป็นครั้งแรก ซึงส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้น

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยได้แรงหนุนจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นของภาคบริการ

 

อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยสกัดแรงลบในตลาดระหว่างวัน โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลดลง 0.42% แตะที่ 92.65 เมื่อคืนนี้

 

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้นราว 180,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.4% ในเดือนมิ.ย.

 

ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรถือเป็นหนึ่งในข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยแถลงการณ์ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า เฟดกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปและการปรับลดงบดุลบัญชีในปีนี้

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2687972

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 43 เซนต์ รับอุปสงค์น้ำมันเบนซินพุ่ง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม 2560 06:53:57 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงน้อยกว่าการคาดการณ์นั้น ได้สกัดแรงบวกในตลาดระหว่างวัน

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 49.59 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 52.36 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดในแดนบวก หลังจากรายงานของ EIA ที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ระบุว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.842 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ค.

 

นอกจากนี้ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 636,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 150,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 525,000 บาร์เรล

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจาก EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 3.0 ล้านบาร์เรล

 

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มีการผลิตน้ำมัน 33 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีนี้

 

ทางด้าน Economist Intelligence Unit (EIU) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัย ระบุว่า แม้ว่าโอเปกมีข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน แต่ตลาดโลกยังคงเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาด

 

ทั้งนี้ EIU เตือนว่า ไม่มีการรับประกันว่า การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในอนาคตจะเพียงพอสำหรับการปรับสมดุลในตลาด ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำมันจำนวนมาก

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2687968

 

 

 

(เพิ่มเติม) ศาลฎีกาฯ ยกฟ้องสมชาย-ชวลิต-พัชรวาท-สุชาติคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 2 สิงหาคม 2560 13:19:21 น.

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 4 คนในคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปิดล้อมรัฐสภาในปี 51 เนื่องจากเห็นว่าเป็นไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฎิบัติการตามขั้นตอนของแผนรักษาความสงบแล้ว ซึ่งจำเลยไม่ได้มีเจตนาพิเศษเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำร้ายผู้ชุมนุมให้ได้รับอันตรายแก่กายและเสียชีวิต

 

 

 

ในคดีดังกล่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตกเป็นจำเลยที่ 1-4 กรณีร่วมกันสลายการชุมนุมและไม่ดำเนินการระงับยับยั้งเป็นเหตุให้มีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 83

 

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในเหตุการณ์ช่วงเช้าของวันที่ 7 ต.ค.51 จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันสั่งการให้มีการเปิดทางเข้ารัฐสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีเข้าไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 176 เนื่องจากผู้ชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาที่จุดประตูเข้าออกทุกด้านถือเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ได้เป็นการชุมนุมที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของแผนรักษาความสงบ (กรกฎ/48) โดยใช้มาตรการควบคุมฝูงชนจากเบาไปหาหนักเท่าที่จะทำได้ในสถานการณ์ขณะนั้น ดังนั้น พยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 4 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 

ส่วนเหตุการณ์ในช่วงบ่ายและช่วงค่ำ กลุ่มผู้ชุมนุมกลับมาปิดล้อมรัฐสภา มีการปลุกระดมผู้ชุมนุมและจะบุกเข้ามาข้างในรัฐสภา จึงมิใช่เป็นการชุมนุมโดยสงบ และเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อเปิดทางช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในรัฐสภา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของแผนรักษาความปลอดภัยแล้ว จึงจำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาเพื่อช่วยเหลือดังกล่าว

 

ขณะที่พยานทั้ง 2 ฝ่ายที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับแก๊สน้ำตายังมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับผลอันเกิดจากการใช้แก๊สน้ำตา แม้จะมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ในสถานการณ์เช่นนั้นเป็นการยากสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะทราบว่าแก๊สน้ำตาจะเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเช่นนั้น เมื่อการชุมนุมยังไม่สงบเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติเพื่อรักษาความสงบ ไม่ให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลและทรัพย์สินของทางราชการ

 

ในขณะเกิดเหตุจำเลยจึงไม่อาจคาดเห็นได้ว่าแก๊สน้ำตาจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ชุมนุม และข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่ามีเจตนาพิเศษเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำร้ายผู้ชุมนุมให้ได้รับอันตรายแก่กายและเสียชีวิต จำเลยที่ 1-3 จึงไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจำเลยที่ 4 ไม่มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด

 

อนึ่ง ศาลได้เริ่มไต่สวนพยานหลักบานนัดแรกเมื่อวันที่ 8 เม.ย.59 โดยอนุญาตให้คู่ความทั้งสองฝ่ายนำพยานเข้าไต่สวนทั้งหมดรวม 47 ปาก ซึ่งเป็นพยานฝ่ายโจทก์ 15 ปาก ฝ่ายจำเลยทั้งสี่ 32 ปาก ใช้เวลาไต่สวน 21 นัด คดีเสร็จการไต่สวนเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.60

 

นายสมชาย กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังรับฟังคำตัดสินว่า รู้สึกทราบซึ้งใจที่สถาบันตุลาการเป็นที่พึงของประชาชนได้ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาล โดยขณะนั้นที่หน้าอาคารศาลฎีกาฯ มีกลุ่มประชาชนที่มาชุมนุมกันหลายสิบคนแสดงความไม่พอใจกับผลการตัดสิน พร้อมทั้งตะโกนและชูป้ายข้อความต่อว่านายสมชาย ท่ามกลางการดูแลสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น

 

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2687727

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...