ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

Spotlight: การเมืองสหรัฐระส่ำ หลังอดีตที่ปรึกษาความมั่นคง ทรัมป์ สารภาพให้การเท็จกรณีรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2560 11:00:00 น.

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้การซัดทอดปธน.ทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว นอกจากนี้ นายฟลินน์ยังยอมรับว่า เขาได้ให้การเท็จต่อสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เกี่ยวกับการสนทนาของเขากับนายเซอร์เกย์ คิซยัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ

 

 

 

ทั้งนี้ นายฟลินน์นับเป็นเจ้าหน้าที่คนแรกของคณะทำงานปธน.ทรัมป์ ที่ถูกระบุว่ามีความผิดข้อหาพัวพันในคดีติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว

 

นายฟลินน์ให้การต่อศาล ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า "การออกมายอมรับผิดของผมในครั้งนี้สะท้อนถึงการตัดสินใจซึ่งทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของครอบครัวและประเทศชาติ ผมขอแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของผม"

 

"มันเป็นความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่ต้องอดทนต่อการให้การเท็จเกี่ยวกับ ‘การขายชาติ’ และการกระทำที่ไม่สมควรในด้านอื่นๆอยู่นานหลายเดือน" นายฟลินน์ซึ่งถูก ปธน. ทรัมป์ ปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนก.พ. กล่าวเพิ่มเติม

 

"คำให้การเท็จเป็นการกระทำที่ขัดต่อทุกสิ่งที่ผมเคยยึดถือและปฏิบัติ ในวันนี้ผมตระหนักแล้วว่า การกระทำเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ผิดและผมต้องการทำทุกสิ่งให้ถูกต้องอีกครั้ง ด้วยความเชื่อในพระเจ้า"

 

ด้านนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษผู้รับผิดชอบคดีรัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้ง ได้ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านายฟลินน์ในวันเดียวกัน โดยระบุถึงข้อกล่าวหาของนายฟลินน์ รวมถึงการให้ FBI เข้ามาสอบสวนการติดต่อของนายฟลินน์กับเจ้าหน้าที่รัสเซีย 2 ครั้ง

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ปีที่แล้ว นายฟลินน์ได้ให้การเท็จว่า เขาไม่ได้ร้องขอให้นายเซอร์เกย์ คิซยัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ ละเว้นการดำเนินการใดๆที่เป็นการตอบสนองต่อการคว่ำบาตรของสหรัฐเพิ่มเติม นอกจากนี้ เขายังให้การว่าจำไม่ได้ถึงบทสนทนาทางโทรศัพท์กับนายเซอร์เกย์ ที่ระบุว่ารัสเซียตัดสินใจดำเนินการตามข้อเรียกร้องของเขา

 

นอกจากนี้ สำนักงานที่ปรึกษาพิเศษยังพบว่าเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2559 นายฟลินน์ให้การเท็จว่า เขาไม่ได้ร้องขอให้นายเซอร์เกย์เลื่อนการลงมติ หรือยกเลิกการพิจารณาลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และเขาจำไม่ได้เกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์กับฝั่งรัสเซียหลังจากนั้น

 

อย่างไรก็ดี นายไท คอบบ์ ที่ปรึกษากฎหมายพิเศษประจำทำเนียบขาว ได้ออกแถลงการณ์ตามมาว่า รัฐบาลสหรัฐเองก็ตกเป็นเหยื่อคำให้การเท็จของนายฟลินน์มาโดยตลอด ทว่าก็มิได้ใส่ใจต่อนัยยะของการซัดทอดนั้นๆ

 

"คำให้การเท็จเหล่านั้นสร้างความวุ่นวายให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาว ซึ่งเป็นเหตุให้เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา" นายคอบบ์เพิ่มเติม

 

"การออกมายอมรับความผิดในครั้งนี้มิได้ทำให้เจ้าหน้าที่คนใดติดร่างแหไปด้วย" นายคอบบ์กล่าว

 

ทางด้านปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า เขาไม่เคยขอให้นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI ยุติการสอบสวนนายไมเคิล ฟลินน์ ตามที่นายโคมีย์เคยให้การไว้

 

นายโคมีย์ เคยให้การไว้ว่า ปธน.ทรัมป์เป็นผู้ขอให้ตนกล่าวปฏิญานแสดงความจงรักภักดี หรือไม่เช่นนั้นก็ยุติการสืบสวนนายไมเคิล ฟลินน์

 

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า นายไมเคิล ฟลินน์ ถูกไล่ออกเพราะเขาได้โกหกต่อนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี และ FBI เอง

 

อนึ่ง นายฟลินน์ซึ่งเป็นอดีตนายทหารของสหรัฐ คือหนึ่งในบุคคลสำคัญรายแรก ๆ ที่ให้การสนับสนุนปธน.ทรัมป์ระหว่างการหาเสียง โดยเขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลทรัมป์ แต่ได้ถูกปลดจากตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2560 หลังถูกกล่าวหาพัวพันการติดต่อกับทางการรัสเซียโดยมิชอบ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย มลฑา ชัยธำรงค์กูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2749906

 

ส.ว.รีพับลิกันเตือน ทรัมป์ เลิกทวีตประเด็นรัสเซีย หวั่นจะเป็นภัยเอง

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2560 09:06:10 น.

นายลินด์ซีย์ แกรห์ม วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน ได้ออกมาเตือนว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้มีการแสดงความคิดเห็นผ่านทวิตเตอร์อย่างต่อเนื่อง ในประเด็นการสืบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งนั้น อาจทำให้ปธน.ทรัมป์เป็นภัยเสียเองเนื่องจากเป็นคดีอาญา

 

ถ้อยแถลงดังกล่าวสอดคล้องกับฝ่ายนิติบัญญัติทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ซึ่งต่างได้ออกมาแสดงความกังวลในประเด็นเดียวกันนี้

 

 

 

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า เขาไม่เคยขอให้นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ยุติการสอบสวนนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ตามที่นายโคมีย์เคยให้การไว้

 

นายโคมีย์ เคยให้การไว้ว่า ปธน.ทรัมป์เป็นผู้ขอให้ตนกล่าวปฏิญานแสดงความจงรักภักดี หรือไม่เช่นนั้นก็ยุติการสืบสวนนายไมเคิล ฟลินน์

 

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า นายไมเคิล ฟลินน์ ถูกไล่ออกเพราะเขาได้โกหกต่อนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี และ FBI เอง

 

เมื่อพิจารณาจากข้อความบนทวิตเตอร์ทั้งสองครั้งนี้แล้ว เหล่าผู้เชี่ยวชาญมองว่า หากปธน.ทรัมป์ทราบว่านายฟลินน์ได้โกหกต่อ FBI อยู่ก่อนแล้ว แต่ยังกดดันให้นายโคมีย์เลิกสอบสวนนายฟลินน์ ก็เท่ากับว่าปธน.ทรัมป์เสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดีฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรม

 

อย่างไรก็ดี นายจอห์น ดาวด์ ทนายของปธน.ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบว่า ตนเป็นผู้เขียนข้อความบนทวิตเตอร์เรื่องนายไมเคิล ฟลินน์ ข้อความดังกล่าวไม่ได้มาจากปธน.ทรัมป์แต่เพียงผู้เดียว โดยนายดาวด์เปิดเผยว่า กว่าปธน.ทรัมป์จะทราบเรื่องที่นายฟลินน์โกหกต่อ FBI นั้นก็ตอนที่นายฟลินน์ถูกตั้งข้อกล่าวหาแล้ว

 

นายดาวด์ได้แสดงความขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด และตนจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเขียนข้อความบนทวิตเตอร์ให้ปธน.ทรัมป์อีก

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2749778

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

15541573_1378139278903532_1604289805448332425_n.jpg?oh=4ce62f3b2c381107f1444bc8c5b28fd0&oe=5AC5445E

ขอเชิญประชาชนจังหวัดใกล้เคียงเฝ้ารับเสด็จ"ในหลวง ร.๑๐" เสด็จฯ จ.ปัตตานี

พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค 4/ผอ.รมน.ภาค4 เป็นประธานการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาพื้นที่ เตรียมรับเสด็จฯ

"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร"

วันที่ 9 ธันวาคมนี้ บริเวณลานจอดรถ หน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี และบริเวณพระบรมรูป รัชกาลที่ ๕ อ.เมือง จ.ปัตตานี

 

24301281_1738760869508031_8100464709376590020_n.jpg?oh=5ab0f0808dc281b1c907b63854aef0fb&oe=5AC7F841

- รําลึก‘วันพ่อ’ ทั่วไทยทำบุญถวายร.9ยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นพระราชกุศล

http://bit.ly/2Az8QwL

 

- ‘ตูน’กลับมาวิ่งต่อ หลังพักฟื้นร่างกาย2วัน ศิริราชสมทบ6.2แสนบ.

http://bit.ly/2nuZuzd

 

 

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 07:48:05 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 ธ.ค. 2560

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนส่งแรงขายเข้ากดดันหุ้นกลุ่มต่างๆ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ อาทิ ดัชนี PMI ภาคบริการที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในสหรัฐยังคงส่งผลให้ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,180.64 จุด ร่วงลง 109.41 จุด หรือ -0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,629.57 จุด ลดลง 9.87 จุด หรือ -0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,762.21 จุด ลดลง 13.15 จุด หรือ -0.19%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มเหมืองแร่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการเจรจา Brexit ระหว่างสหราชอาณาจักรกับสหภาพยุโรป (EU)

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.2% ปิดที่ 386.74 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,375.53 จุด ลดลง 13.76 จุด หรือ -0.26% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,327.50 จุด ลดลง 11.47 จุด หรือ -0.16% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,048.54 จุด ลดลง 10.01 จุด หรือ -0.08%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และแรงกดดันจากข้อมูลภาคบริการที่อ่อนแอของอังกฤษ

 

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 11.47 จุด หรือ -0.16% ปิดที่ 7,327.50 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว และจากการที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันบรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตจนถึงปลายปีหน้า

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 57.62 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 62.86 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือนเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) หลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ซึ่งส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 12.80 ดอลลาร์ หรือ 1.00% ปิดที่ระดับ 1,264.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 30.5 เซนต์ หรือ 1.86% ปิดที่ 16.068 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 8.5 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 917.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 14.60 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 977.15 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรและปอนด์ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) ขณะนักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในสภาคองเกรสของสหรัฐ หลังวุฒิสภาได้ลงมติรับรองร่างกฎหมายฉบับของวุฒิสมาชิกรีพับลิกันด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 51-49 คะแนนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1815 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1856 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3437 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3474 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7608 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7597 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.59 เยน จากระดับ 112.65 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9883 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9855 ฟรังก์สวิส

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 6,762.21 จุด ลดลง 13.15 จุด, -0.19%

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 24,180.64 จุด ลดลง 109.41 จุด, -0.45%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,629.57 จุด ลดลง 9.87 จุด, -0.37%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,375.53 จุด ลดลง 13.76 จุด, -0.26%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,327.50 จุด ลดลง 11.47 จุด, -0.16%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,048.54 จุด ลดลง 10.01 จุด, -0.08%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 32,802.44 จุด ลดลง 67.28 จุด, -0.20%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,438.06 จุด ลดลง 0.41 จุด, -0.01%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,724.84 จุด เพิ่มขึ้น 11.71 จุด, +0.68%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,000.47 จุด เพิ่มขึ้น 2.27 จุด, +0.04%

 

ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 953.30 จุด ลดลง 16.72 จุด, -1.72%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 28,842.80 จุด ลดลง 295.48 จุด, -1.01%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,145.00 จุด เพิ่มขึ้น 60.55 จุด, +0.75%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,303.68 จุด ลดลง 5.94 จุด, -0.18%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,510.12 จุด เพิ่มขึ้น 8.45 จุด, +0.34%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 22,622.38 จุด ลดลง 84.78 จุด, -0.37%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 10,566.85 จุด ลดลง 84.26 จุด, -0.79%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,971.70 จุด ลดลง 13.90 จุด, -0.23%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,056.80 จุด ลดลง 13.80 จุด, -0.23%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2750621

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าเทียบยูโร-ปอนด์ ขณะตลาดจับตาความคืบหน้าในการผ่านกม.ปฏิรูปภาษีสหรัฐ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 07:32:37 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรและปอนด์ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) ขณะนักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในสภาคองเกรสของสหรัฐ หลังวุฒิสภาได้ลงมติรับรองร่างกฎหมายฉบับของวุฒิสมาชิกรีพับลิกันด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 51-49 คะแนนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

 

 

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1815 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1856 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3437 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3474 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7608 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7597 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.59 เยน จากระดับ 112.65 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9883 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9855 ฟรังก์สวิส

 

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.22% สู่ระดับ 93.392 เมื่อคืนนี้

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า โอกาสที่รัฐสภาสหรัฐจะลงมติอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับสุดท้ายเพื่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามประกาศบังคับใช้นั้น มีค่อนข้างสูง โดยที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ถึงแม้ว่าสมาชิกสภาคองเกรสอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการประสานข้อแตกต่างระหว่างเนื้อหาในร่างกฎหมายฉบับของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐก็ตาม

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 8.6% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 4.87 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากที่ขาดดุล 4.49 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.

 

นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP และผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 3/2560

 

ส่วนในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.1%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2750617

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 109.41 จุด จากแรงขาย,วิตกการเมืองสหรัฐ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 06:52:37 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนส่งแรงขายเข้ากดดันหุ้นกลุ่มต่างๆ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ อาทิ ดัชนี PMI ภาคบริการที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในสหรัฐยังคงส่งผลให้ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,180.64 จุด ร่วงลง 109.41 จุด หรือ -0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,629.57 จุด ลดลง 9.87 จุด หรือ -0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,762.21 จุด ลดลง 13.15 จุด หรือ -0.19%

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นในกลุ่มต่างๆ รวมถึงหุ้นกลุ่มสื่อสาร กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มอุตสาหกรรม

 

หุ้นบริษัทรับสร้างบ้านร่วงลง หลังจากบริษัทโทลล์ บราเธอร์ส เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง โดยหุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ดิ่งลงอย่างหนักถึง 7.4% ขณะที่หุ้นพัลท์ กรุ๊ป ร่วงลง 1.3% และหุ้นเลนนาร์ คอร์ป ปรับตัวลง 0.9%

 

หุ้นทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ปรับตัวลง 0.3% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทวอลท์ดิสนีย์ ยังคงเดินหน้าเสนอซื้อธุรกิจด้านสื่อของฟ็อกซ์ แม้คู่แข่งรายใหญ่อย่างคอมคาสท์ ยังคงให้ความสนใจก็ตาม ขณะที่หุ้นดิสนีย์ ร่วงลง 2.7% และหุ้นคอมคาสท์ ดิ่งลง 1.9%

 

ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 8.6% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 4.87 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากที่ขาดดุล 4.49 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.

 

ทางด้านผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM ปรับตัวลงสู่ระดับ 57.4 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 60.1 ในเดือนต.ค. ขณะที่ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.5 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 55.3 ในเดือนต.ค.

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยทางการเมืองในสหรัฐ หลังจากนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เตรียมให้การซัดทอดนายทรัมป์ว่า เป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว

 

นักลงทุนจับตานายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนโตของปธน.ทรัมป์ ซึ่งจะเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ กรณีที่ปธน.ทรัมป์อาจพัวพันกับการที่รัสเซียเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

 

ทางด้านเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐกล่าวว่า ปธน.ทรัมป์จะประกาศการตัดสินใจในวันนี้เกี่ยวกับสถานะของกรุงเยรูซาเลม ขณะที่ชาติอาหรับเตือนสหรัฐให้ตระหนักถึงผลกระทบร้ายแรงที่จะตามมา หากสหรัฐให้การยอมรับกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งจะกระทบต่อความรู้สึกของชาวมุสลิมทั้งโลก

 

นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP และผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 3/2560

 

ส่วนในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.1%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2750543

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองปิดร่วง $12.80 หลังดัชนีดอลลาร์ดีดตัวขึ้น

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $12.80 หลังดัชนีดอลลาร์ดีดตัวขึ้น

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 07:29:53 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือนเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) หลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ซึ่งส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

 

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 12.80 ดอลลาร์ หรือ 1.00% ปิดที่ระดับ 1,264.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 30.5 เซนต์ หรือ 1.86% ปิดที่ 16.068 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 8.5 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 917.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 14.60 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 977.15 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำร่วงลงหลังจากดัชนีดอลลาร์ ดีดตัวขึ้น 0.34% แตะที่ระดับ 93.40 เมื่อเวลา 19.16 GMT เมื่อคืนนี้ หรือเวลา 02.16 น.ตามเวลาไทยในวันนี้

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51-49 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยหลังจากนี้ สภาคองเกรสสหรัฐจะต้องรวมร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างเดียวกัน และให้การอนุมัติ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป

 

สำหรับความแตกต่างสำคัญระหว่างร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในฉบับของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรคือ ร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรจะกำหนดให้การปรับลดภาษีมีผลบังคับใช้ทันทีในปีหน้า ในขณะที่ร่างของวุฒิสภาจะชะลอการปรับลดภาษีจนกว่าจะถึงปี 2562

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2750584

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 15 เซนต์ หลัง โกลด์แมน แซคส์ เพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมัน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 07:13:06 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว และจากการที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันบรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตจนถึงปลายปีหน้า

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 57.62 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 62.86 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีหน้า โดยปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สู่ระดับ 62 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ระดับ 58 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI สู่ระดับ 57.50 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ระดับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันดิบจะขยายตัวรวดเร็วกว่าที่ประมาณการไว้ในเบื้องต้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนราคาน้ำมัน

 

นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันออกไปจนถึงปลายปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า

 

ขณะเดียวกัน โอเปกและกลุ่มนอกโอเปกอาจทบทวนข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนมิ.ย.ปีหน้า ถ้าหากตลาดน้ำมันอยู่ในภาวะร้อนแรงเกินไป อันเป็นผลจากการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิต

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2750547

 

ทั่วโลกวอนทรัมป์คิดให้ดี ก่อนประกาศรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของยิวพรุ่งนี้

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 00:06:10 น.

โฆษกของประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้โทรศัพท์แจ้งปธน.อับบาสว่า เขามีความประสงค์ที่จะย้ายสถานทูตสหรัฐประจำอิสราเอลจากกรุงเทลอาวิฟไปยังกรุงเยรูซาเลม

 

โฆษกยังเปิดเผยว่า ปธน.อับบาสได้เตือนถึงผลกระทบที่อันตรายจากการตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลต่อกระบวนการสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพของภูมิภาค และต่อโลก

 

 

 

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะให้การรับรองกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐรายหนึ่งกล่าวว่า ปธน.ทรัมป์จะทำการประกาศการตัดสินใจในวันพรุ่งนี้

 

เจ้าชายคาลิด บิน ซาลมาน เอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำสหรัฐ กล่าวว่า การที่สหรัฐประกาศสถานะของกรุงเยรูซาเลมก่อนที่จะได้ข้อสรุปในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ จะกระทบต่อกระบวนการสันติภาพ และเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาค

 

รัฐบาลซาอุดิอาระเบียออกแถลงการณ์เตือนสหรัฐให้ตระหนักถึงผลกระทบร้ายแรงที่จะตามมา หากสหรัฐให้การยอมรับกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งจะกระทบต่อความรู้สึกของชาวมุสลิมทั้งโลก

 

ทางด้านนางเฟเดริกา โมเกรินี หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (EU) กล่าวเตือนว่า สถานะของกรุงเยรูซาเลมควรถูกกำหนดผ่านทางการเจรจา ขณะที่ EU มีจุดยืนในการสนับสนุนแนวทางการตั้งรัฐปาเลสไตน์ และอิสราเอล โดยสหรัฐควรหลีกเลี่ยงการกระทำที่จะเป็นการบ่อนทำลายความพยายามสร้างสันติภาพ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2750541

 

กลุ่มกบฏฮูตียืนยันข่าวซาเลห์อดีตประธานาธิบดีเยเมน ถูกสังหารวันนี้

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2560 23:24:15 น.

เจ้าหน้าที่ของกลุ่มกบฏฮูตีรายหนึ่งเปิดเผยว่า นายอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ อดีตประธานาธิบดีเยเมน ได้ถูกสังหารในวันนี้ ระหว่างพยายามหลบหนีออกจากซูดานเพื่อไปยังจังหวัดมาริบของซาอุดิอาระเบีย

 

นอกจากนี้ นายทาเร็ค หลานของนายซาเลห์ ได้ถูกสังหารที่บ้านของเขาในเมืองซานา ขณะที่นายอารีฟ อัล-ซูกา เลขาธิการพรรคของนายซาเลห์ ก็ได้ถูกสังหารที่เมืองซานาเช่นกัน

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2750385

 

ศาลสูงสุดสหรัฐไฟเขียวคำสั่งแบนพลเมือง 6 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 5 ธันวาคม 2560 11:01:00 น.

เมื่อวานนี้ศาลสูงสุดสหรัฐมีคำสั่งอนุญาตให้มีการบังคับใช้คำสั่งห้ามพลเมืองจาก 6 ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามเดินทางเข้าสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยเสนอไว้ แต่ถูกระงับคำสั่งบางส่วนโดยศาลแห่งอื่น โดยคำสั่งนี้จะบังคับใช้กับพลเมืองทุกคนจากชาด อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซีเรีย และเยเมน

 

 

 

ก่อนหน้านี้ ศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นได้มีคำตัดสินอนุญาตให้พลเมืองจากประเทศเหล่านี้เดินทางเข้าสหรัฐได้ หากบุคคลเหล่านั้นมีญาติที่แท้จริงอาศัยอยู่ในสหรัฐ

 

นอกจากนี้ คำสั่งแบนพลเมืองที่ปธน.ทรัมป์ เคยเสนอไว้ ยังรวมถึงพลเมืองเกาหลีเหนือและเจ้าหน้าที่รัฐบาลเวเนซุเอลาบางราย แต่คำสั่งห้ามพลเมืองของ 2 ประเทศนี้เข้าสหรัฐไม่ได้ถูกระงับโดยศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น จึงมีผลบังคับใช้ได้ตามวันที่กำหนดไว้

 

เมื่อรวมกับคำสั่งแบน 6 ชาติมุสลิมแล้วจึงเท่ากับว่า คำสั่งห้ามเข้าประเทศนั้นครอบคลุมพลเมืองจาก 8 ประเทศ

 

ด้านนายเจฟฟ์ เซสชันส์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เปิดเผยผ่านแถลงการณ์ว่า คำตัดสินของศาลสูงสุดถือเป็นชัยชนะที่จะมอบความมั่นคงและความปลอดภัยต่อชาวอเมริกัน

 

เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ประกาศคำสั่งดังกล่าว คณะบริหารของปธน.ทรัมป์ชี้แจงเหตุผลที่เพิ่มเกาหลีเหนือเข้าไปในบัญชีรายชื่อใหม่ว่า เป็นเพราะเกาหลีเหนือไม่ได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐอย่างเพียงพอ อีกทั้งยังไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารกับสหรัฐ ขณะที่อีก 7 ประเทศที่เหลือก็ไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อช่วยสหรัฐในการคัดกรองคนเข้าเมืองเช่นกัน โดยรัฐบาลสหรัฐยืนยันว่า มาตรการแบนพลเมืองจาก 8 ประเทศนี้ ไม่ได้อิงเรื่องชาติกำเนิดหรือศาสนาแต่อย่างใด

 

ส่วนอิรัก ซึ่งแม้ไม่อยู่ในรายชื่อประเทศที่ถูกแบน แต่ประชาชนอิรักที่เดินทางเข้าสหรัฐจะถูกตรวจคัดกรองด้วยมาตรการที่เข้มงวดขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่า พลเมืองเหล่านั้นจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์ โทร.02-2535000 อีเมล์: kanitnut@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2750505

 

ผู้สังเกตุการณ์คาดการเสียชีวิตของอดีตประธานาธิบดีเยเมนจะกระตุ้นความรุนแรงของสงครามกลางเมือง

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2560 23:41:52 น.

ผู้สังเกตุการณ์ทางการเมืองระบุว่า การเสียชีวิตของนายอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ อดีตประธานาธิบดีเยเมน จะกระตุ้นความรุนแรงของสงครามกลางเมืองในเยเมนระหว่างชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ ซึ่งซาอุดิอาระเบียให้การสนับสนุน และชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ ซึ่งอิหร่านให้การสนับสนุน

 

เจ้าหน้าที่ของกลุ่มกบฏฮูตีรายหนึ่งเปิดเผยว่า นายซาเลห์ได้ถูกสังหารในวันนี้ ระหว่างพยายามหลบหนีออกจากเยเมนเพื่อไปยังจังหวัดมาริบของซาอุดิอาระเบีย

 

 

 

นอกจากนี้ นายทาเร็ค หลานของนายซาเลห์ ได้ถูกสังหารที่บ้านของเขาในเมืองซานา ขณะที่นายอารีฟ อัล-ซูกา เลขาธิการพรรคของนายซาเลห์ ก็ได้ถูกสังหารที่เมืองซานาเช่นกัน

 

ทางด้านนายอับดุล-มาลิค อัล-ฮูตี ซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มกบฏฮูตี กล่าวว่า พวกเขาสามารถสกัดแผนการของนายซาเลห์ในการปลุกระดมชาวเยเมนให้จับอาวุธ และสร้างความไม่สงบในประเทศ

 

นายอัล-ฮูตีกล่าว หลังจากที่นักรบของเขาสังหารนายซาเลห์เพียงไม่กี่ชั่วโมง

"ผมได้เรียกร้องให้นายซาเลห์ยุติการสนับสนุนการรุกราน และการทำสงครามที่เขาประกาศขึ้น" นายอัล-ฮูตีกล่าว ได้เล็งถึงการที่ซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรได้สนับสนุนนายซาเลห์ด้วยการใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีเยเมน

 

"อย่างไรก็ดี นายซาเลห์ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำเรียกร้องของเรา" นายอัล-ฮูตีกล่าว

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2750386

 

นายกฯออสเตรเลียกังวลอิทธิพลจีน เล็งแบนเงินบริจาคการเมืองจากต่างประเทศ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 5 ธันวาคม 2560 14:27:00 น.

นายมัลคอล์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เปิดเผยในวันนี้ว่า ทางการออสเตรเลียมีแผนที่จะออกระเบียบใหม่เพื่อสั่งห้ามรับเงินบริจาคทางการเมืองจากต่างประเทศเพื่อไม่ให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซง ท่ามกลางกระแสวิตกที่ว่าจีนกำลังเข้ามามีอิทธิพลเหนือการเมืองออสเตรเลีย

 

นายกฯออสเตรเลีย แถลงต่อสื่อมวลชนว่า "ขณะนี้อำนาจจากต่างแดนกำลังเข้ามามีอิทธิพลในแวดวงการเมืองมากขึ้น ในรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น"

 

 

 

อย่างไรก็ดี นายกฯออสเตรเลียเน้นย้ำว่า ระเบียบใหม่ไม่ได้มุ่งไปที่ประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ โดยเขาระบุว่า ปัญหาเรื่องการถูกแทรกแซงจากต่างประเทศนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก อย่างสหรัฐอเมริกาเองก็มีรายงานว่าถูกรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หากระเบียบใหม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาออสเตรเลียแล้ว บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีบทบาทในระบบการเมืองออสเตรเลียในนามของต่างประเทศ บุคคลต่างประเทศ บริษัทหรือองค์กรทางการเมืองในต่างประเทศ จำเป็นต้องขึ้นทะเบียน โดยการไม่ลงทะเบียนเพื่อชี้แจงความสัมพันธ์กับต่างประเทศให้รับทราบนั้นอาจทำให้ผู้นั้นถูกดำเนินคดีอาญา

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์ โทร.02-2535000 อีเมล์: kanitnut@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2750513

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 6 ธันวาคม 2560

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 10:08:09 น.

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะให้การรับรองกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และจะย้ายสถานทูตสหรัฐประจำอิสราเอลจากกรุงเทลอาวีฟ ไปยังกรุงเยรูซาเลมในวันนี้

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าชายคาลิด บิน ซาลมาน เอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำสหรัฐ กล่าวว่า การที่สหรัฐประกาศสถานะของกรุงเยรูซาเลมก่อนที่จะได้ข้อสรุปในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์นั้น อาจจะกระทบต่อกระบวนการสันติภาพ และเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาค

 

 

 

นอกจากนี้ นางเฟเดริกา โมเกรินี หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (EU) กล่าวเตือนว่า สถานะของกรุงเยรูซาเลมควรถูกกำหนดผ่านทางการเจรจา ขณะที่ EU มีจุดยืนในการสนับสนุนแนวทางการตั้งรัฐปาเลสไตน์ และอิสราเอล โดยสหรัฐควรหลีกเลี่ยงการกระทำที่จะเป็นการบ่อนทำลายความพยายามสร้างสันติภาพ

 

-- ร็อบ พอร์ตแมน วุฒิสมาชิกรัฐโอไฮโอจากรัฐรีพับลิกัน และนายออร์ริน แฮตช์ ประธานคณะกรรมาธิการการเงินของวุฒิสภา ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าต้องการให้ยกเลิกภาษีขั้นต่ำ (AMT) ในร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับใหม่ที่ได้รับการรับรองจากวุฒิสภาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ ภาษีขั้นต่ำเป็นมาตรการป้องกันไม่ให้บริษัทเอกชนจ่ายภาษีน้อยเกินไป โดยบริษัทจะต้องคำนวณภาษีที่พึงจ่ายตามสูตรภาษีเงินได้นิติบุคคลและสูตรภาษีขั้นต่ำ และจ่ายภาษีโดยยึดตามจำนวนเงินที่คำนวณออกมาได้มากกว่า

 

- คณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐให้การอนุมัตินายเจอโรม พาวเวล ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวานนี้ และจะมีการจัดการประชุมเพื่อลงมติให้การรับรองนายพาวเวลโดยวุฒิสภาเต็มคณะอย่างเป็นทางการต่อไป

 

ทั้งนี้ นายพาวเวลจะเข้าดำรงตำแหน่งประธานเฟดแทนนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน ซึ่งจะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า

 

-- รัฐบาลอินเดียประกาศอัดฉีดงบประมาณกว่า 8.45 หมื่นล้านรูปี (131 ล้านดอลลาร์) เพื่อหวังที่จะกระตุ้นการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศให้เพิ่มขึ้นจากเดิมสองเท่าภายในปี 2563 หลังการค้าในปัจจุบันซบเซาลง อีกทั้งยังต้องการช่วยเหลือผู้ส่งออกี่ประสบปัญหาหลังการประกาศใช้มาตรการภาษีสินค้าและบริการ

 

-- นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ว่า เฟดควรชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงช่วงฤดูร้อนปีหน้า หรือประมาณกลางปี 2561 โดยควรประเมินทิศทางเงินเฟ้อก่อนว่าเป็นไปตามเป้าหมาย 2% หรือไม่ แล้วถึงค่อยดำเนินการขึ้นดอกเบี้ย

 

นอกจากนี้ นายนีล คาชคารี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส ยังเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า เขาจะเดินหน้าคัดค้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนธ.ค. เช่นเดียวกับที่เขาได้คัดค้านการดำเนินการดังกล่าวมาแล้วถึง 2 ครั้ง แม้มีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ก็ตาม

 

-- โกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีหน้า โดยได้แรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันบรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตจนถึงปลายปีหน้า

 

ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีหน้าสู่ระดับ 62 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ระดับ 58 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI ในปีหน้าสู่ระดับ 57.50 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ระดับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 8.6% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 4.87 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากที่ขาดดุล 4.49 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. หลังการนำเข้าน้ำมันและอาหารเพิ่มสูงขึ้น

 

-- หุ้นเทนเซ็นต์ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติจีน ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันอังคารที่ผ่านมา โดยมูลค่าตามราคาตลาดของหุ้นจากวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมาจนถึงวันที่วันศุกร์ที่ 1 ธ.ค. นั้นลดลงกว่า 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังได้รับอิทธิพลจากการที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง ส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างราคาหุ้นในตลาดและราคาหุ้นที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้นั้นมากถึง 19 เซนต์

 

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 3/2560 ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาส 2/2560 ที่มีการขยายตัว 0.8%

 

นอกจากนี้ GDP ไตรมาส 3/2560 ของออสเตรเลียยังขยายตัวต่ำตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.7%

 

หากเทียบเป็นรายปี GDP ขยายตัว 2.8% ซึ่งแม้ว่าดีกว่าไตรมาส 3/2559 ซึ่งขยายตัวเพียง 1.8% แต่ก็ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ชาญวิทย์ เอี่ยมอุดม/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2750778

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.64 ตลาดรอดูความชัดเจนร่างกม.ภาษีสหรัฐฯ มองกรอบวันนี้ 32.60-32.70

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 09:11:45 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.64 บาท/ดอลลาร์ จาก

 

 

 

ปิดตลาดช่วงเย็นวันจันทร์ที่ระดับ 32.63 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอดูความชัดเจนของที่ประชุม ส.ส.สหรัฐฯ ในการพิจารณาร่าง

 

กฎหมายภาษี

"บาททรงตัวใกล้เคียงกับช่วงเย็นวันจันทร์ ตลาดรอดูความชัดเจนของร่างกฎหมายภาษีของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันมีแรงซื้อ

 

ดอลลาร์กลับเข้ามาในตลาดโลก" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 32.60-32.70 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 112.43 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันจันทร์ที่ระดับ 112.90 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1821 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันจันทร์ที่ระดับ 1.1856 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.6550 บาท/

 

ดอลลาร์

- ธนาคารกสิกรไทย ตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันสาขาในกลุ่มประเทศ CLMV เป็นสาขาดิจิทัล ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำรูปแบบ

 

มาตรฐานดิจิทัล แบงก์กิ้ง แพลตฟอร์ม (สแตนดาร์ด ดิจิทัล แบงก์) เสร็จแล้ว และพร้อมที่จะปรับปรุงเป็นดิจิทัลแบงก์ได้ทันทีภายใน

 

2 เดือน หากได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางแต่ละประเทศ

- ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ภาพรวมภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องในปีหน้า แม้

 

ว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะขยายตัวดี และแนวโน้มปี 2561 เห็นโอกาสเติบโตต่อไปได้ แต่การเติบโตกระจุกตัวในระดับบน

 

ทำให้เห็นคอนโดมิเนียมราคาแพงขายดีมาก ขณะที่กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางกำลังซื้อยังอ่อนแอ ส่งผลกระทบให้คอนโดมิเนียมราคาถูก มี

 

ยอดขายชะลอลง

- กรอ.คาดปีหน้ามูลค่าลงทุนภาคอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ปัจจัยหลักมาจากโครงการอีอีซี มีข้อแม้กฎหมาย

 

จะต้องชัดเจนเพื่อดึงดูดนักลงทุน แย้มจีนและญี่ปุ่นสนตั้งเขตกำจัดกากอุตฯรองรับโรงงานพาเหรดเข้าพื้นที่ในช่วง 5 ปี มูลค่าลง

 

ทุนกว่า 5 แสนล้านบาท เผยยอด ร.ง.4 ช่วง 11 เดือนแตะ 4.74 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.94%

 

- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการผลิตรถยนต์ปี 61 คาดว่าจะมีจำนวน 1.96

 

ล้านคัน สูงกว่าปีนี้เล็กน้อยที่มีจำนวน 1.95 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 860,000 คัน จากปีนี้ที่คาดว่ามี

 

850,000 คัน โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือสถานการณ์การลงทุนภาคเอกชนเพราะจะส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวดีและส่งผลดีต่อยอด

 

ขายรถยนต์

- ส.อ.ท.หวัง ครม.ใหม่ฉุดเศรษฐกิจฟื้น กระจายรายได้และเพิ่มแรงซื้อ พร้อมมองส่งออกปีหน้ายังสดใส ขยายตัวที่

 

กว่า 4% ส่งผลกำลังผลิตขยายตัวในไตรมาส 3 ปี 61 ด้านพาณิชย์รับลูก "สมคิด" เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สั่งบูมหมู่บ้าน

 

เกษตรอินทรีย์ 8 แห่ง เป็นจุดเช็กอินใหม่ดึงนักท่องเที่ยว

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 8.6% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 4.87 หมื่นล้าน

 

ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากที่ขาดดุล 4.49 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

 

ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.

 

- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ให้สัมภาษณ์ว่า เฟดควรชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงช่วงฤดูร้อนปี

 

หน้า หรือประมาณกลางปี 2561 โดยควรประเมินทิศทางเงินเฟ้อก่อนว่าเป็นไปตามเป้าหมาย 2% หรือไม่ แล้วถึงค่อยดำเนินการขึ้น

 

ดอกเบี้ย

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรและปอนด์ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ในการซื้อขายที่

 

ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) ขณะนักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในสภาคองเกรสของสหรัฐ

 

หลังวุฒิสภาได้ลงมติรับรองร่างกฎหมายฉบับของวุฒิสมาชิกรีพับลิกันด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 51-49 คะแนนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือนเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) หลังจากดัชนี

 

ดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ซึ่งส่งผลให้

 

สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

- นักลงทุนจับตานายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนโตของปธน.ทรัมป์ ซึ่งจะเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการ

 

ข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ กรณีที่ปธน.ทรัมป์อาจพัวพันกับการที่รัสเซียเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

 

- นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP และ

 

ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 3/2560

ส่วนในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์

 

คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น

 

261,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.1%

 

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2750717

 

ปธ.เฟดชิคาโกแนะเฟดควรชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงฤดูร้อนปีหน้า

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 08:52:53 น.

นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ว่า เฟดควรชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงช่วงฤดูร้อนปีหน้า หรือประมาณกลางปี 2561 โดยควรประเมินทิศทางเงินเฟ้อก่อนว่าเป็นไปตามเป้าหมาย 2% หรือไม่ แล้วถึงค่อยดำเนินการขึ้นดอกเบี้ย

 

ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ รวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน จะสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็มีเจ้าหน้าที่บางรายที่ไม่เห็นเช่นนั้น โดยไม่นานมานี้ นายนีล คาชคารี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส เปิดเผยว่า เขาจะเดินหน้าคัดค้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนธ.ค. เช่นเดียวกับที่เขาได้คัดค้านการดำเนินการดังกล่าวมาแล้วถึง 2 ครั้ง แม้มีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ก็ตาม

 

 

 

นายคาชคารีได้เปิดเผยในระหว่างขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยมินนิโซตาว่า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ เขาจึงไม่เห็นเหตุผลที่จะไปขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจในขณะนี้ พร้อมกับกล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง เนื่องจากจะทำให้แรงจูงใจในการกู้ยืมลดน้อยลงด้วย

 

ด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้กล่าวสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเธอได้แถลงมุมมองทางเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้ขยายตัวในวงกว้าง และหากมีการปรับนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เศรษฐกิจก็จะยังคงมีการขยายตัว ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง

 

นอกจากนี้ นางเยลเลนได้แสดงมุมมองในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ก็ได้เตือนว่ายังคงมีปัญหาทางด้านโครงสร้างที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งได้แก่ ประชากรวัยสูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น และประสิทธิภาพการผลิตที่ซบเซา ซึ่งสภาคองเกรสควรพิจารณานโยบายที่จะกระตุ้นการลงทุนในภาคธุรกิจ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ยกระดับคุณภาพของระบบการศึกษา และนวัตกรรม รวมทั้งผลักดันการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ

 

ทั้งนี้ การประชุมครั้งต่อไปของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ธ.ค. โดยประธานเฟดสาขาชิคาโกและประธานเฟดมินนิอาโปลิสต่างก็มีสิทธิลงมติในปีนี้

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2750699

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตกลงทรัมป์ย้ายสถานทูตอเมริกาจากเมืองเทล อาวีฟไปกรุงเยรุซาเลม:

วงในคนข้างกายโดนัลด์ ทรัมป์ออกมาแจ้งชัดเจนแล้ว (http://theduran.com/trump-abbas-us-moving-israel-embassy-j…/) ว่าอเมริกาจะเคลื่อนย้ายสถานทูตอเมริกาที่กรุงเทล อาวีฟไปเมืองเยรุซาเลมแทน เท่ากับเป็นการบอกว่าเยรุซาเลมคือเมืองหลวงของอิสราเอล เนตันยาฮูยืนยันว่าเยรุซาเลมคือเมืองหลวงอิสราเอลมา ๓ พันกว่าปีแล้วตาม *ความเชื่อ* ในศาสนาของเขา ที่จริงแล้ว อิสลามและคริสต์ก็พัฒนามาจากศาสนายูดายของชาวยิวแต่โบราณ จึงไม่น่าต้องขัดแย้งอะไรมากมายขนาดนี้

สำหรับคนที่ *เชื่อ* ว่าพระเจ้าสร้างโลกและมองว่าพระเจ้ามีอยู่พระองค์เดียว ก็อาจมองด้วย *ความเชื่อ* ได้ว่านี่อาจเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าก็เป็นได้ ส่วนใครที่ *เชื่อ* ในพระเจ้าหลายพระองค์ ก็อาจจะมองไปได้ว่าพระเจ้าทุกๆ พระองค์ที่มีคงประชุมหารือกันหรือมีประชาพิจารณ์แล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ตามเสียงส่วนมากในระบอบประชาธิปไตยแล้วว่าจะต้องให้เรื่องเมืองเยรุซาเลมบนโลกมนุษย์มาลงเอยกันแบบนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ถึงจะต้องย้ายสถานทูตให้ได้

คิดอย่างนี้ จะได้ไม่เครียดครับ ญาติโยมทั้งหลายก็โปรดติดตามกันต่อไป อาตมาขอลงจากธรรมาสน์ก่อน ^^

๖ ธันวาคม ๒๕๖๐

(ภาพประกอบจากกูเกิล)

หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* หรือ *ไร้สาระ* จะลบออกทุกครั้งที่เห็นครับเห็น ๓.ถ้าอยากติดตามข่าวต่างประเทศมากกว่าเพจนี้ ติดตามได้ที่ https://vk.com/bodhinanda แต่ว่าต้องระบุชื่อ นามสกุลจริง รูปจริงในโปรไฟล์ของสมาชิกด้วย

24796498_1483032185078070_7720271954654715789_n.jpg?oh=77d6c1869896d12087e4eaa8ea9e1b12&oe=5A917E21

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

Gold Today added 2 new photos.

15 mins · _Y91QzmaslR.png

 

ถ้าอยู่ในกรอบนี้

ไม่หลุดเทรนไลน์ล่างบริเวณ 1265 กราฟจะวิ่งเป็น cycle ขึ้น กลับไปเทส 68-70 ของมัน

ดู oscillator แล้ว

เป็นสัญญาณซื้ออยู่ครับ

แสดงว่าบาวได้อีกครับ

ภาพที่ 2

จะเห็นว่า tf 30m โดนครอบด้วยชาเนลขาลงของtf h1 และแนวรีบาวใกล้เคียงกัน คือ 67-72 เราจะไปออกวัดกันตรง 72 ครับ

เพราะการรีบาวใน tf 30m ความแรงมันสู้ h1 ไม่ได้หรอกครับ

ถ้าไม่เบรค 72 ในชาเนลดาวเทรนใน tf h1 ขึ้นไปไม่ได้

มันมี new low ครับ

กลับกันครับถ้า h1 เทสทะลุ 72 ได้นั่นต้องมีข่าวช่วยครับ แล้วเราจะถือ l ต่อ ไป tp75 -78 ของเราครับ

เพราะงั้นคนที่มี l63 เมื่อคืน

ถือต่อครับ วัดกันที่ข่าวไปเลย

เพราะไงตอนนี้ก็กำไรแล้วตั้ง stop loss ไว้เท่าทุน หรือ ที่ 60

นี่คือ แผน mm ของเราครับ

กลัวอะไรเราได้ของถูกกว่าราคาปัจจุบันอยู่ ให้มันหลุดเทรนไลน์ 30m(1265) ซิค่อยปิดก็ยังกำไร

ไม่ผ่าน 72 l ข้างบนคัททิ้งสถานเดียวครับ

ไม่งั้นต้องถือข้ามปี

24879633_2200436576648634_5241067587210368959_o.jpg?oh=5d010e47e64ee77a32e813cf6b394c5e&oe=5A8BD985

24313343_2200436663315292_1377351511797437706_o.jpg?oh=92532fcb786ce1cab38edd52467132d3&oe=5ACA3A5D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

MTS Live วันที่ 6 ธันวาคม 2560

สามารถติดตามข่าวสารต่างๆของทาง บริษัท MTS GOLD GROUP ได้ในช่องทางด้านล่างนี้ หรือ ติดต่อได้ที่เบอร์ 02-770-7777 ในวันและเ?...YOUTUBE.COM

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

24991053_1739796939404424_6576691017316098880_n.jpg?oh=10c91f3912284359a93fd5b23c17e6a7&oe=5A92BFA6

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

- พบผู้ป่วย1ต้องสงสัย2ติดเชื้อไวรัสไข้‘ซิกา’เป็นจนท.รพ.ตั้งครรภ์

http://bit.ly/2AAQywO

 

 

- คุกตลอดชีวิต! สำเร็จโทษบึ้มพระมงกุฎ ชิงสารภาพลดเหลือ27ปี

http://bit.ly/2kuoC84

 

 

- จับ10แก๊งหื่น ซื้อกามเด็ก15‘กรุงเก่า’ มีหมดบิ๊กขรก.-วินจยย.

http://bit.ly/2k1l9di

 

 

- เมืองคอนวิกฤติหนัก น้ำป่าถล่ม‘สิชล-ท่าศาลา-นบพิตำ’ โรงพยาบาลอำเภอท่วมจมมิด

http://bit.ly/2AxBf8h

 

 

- ตูน‘ก้าว’แตะ600ล. ยอดบริจาคขยับพรวด ‘ทีมวิ่ง’ออกจากกทม.

http://bit.ly/2AxBDnf

 

 

- ‘ศรีวราห์’ปัดจัดฉากล่าแพะ ยื่น5หมายจับ บิ๊กป้อมปัดแจกของขวัญปลดล็อก

http://bit.ly/2j173fB

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 7 ธันวาคม 2560

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560 08:32:24 น.

นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาสภาคองเกรสสหรัฐเตรียมลงมติเพื่ออนุมัติงบประมาณการใช้จ่ายชั่วคราวของรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค.) โดยหากสภาคองเกรสมีมติเห็นชอบ ก็จะช่วยให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศหลังจากวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค.

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 316 ต่อ 90 ให้ปรับเพิ่มเพดานหนี้และอนุมัติงบประมาณชั่วคราวระยะ 3 เดือนสำหรับรัฐบาลในการบริหารประเทศจนถึงวันที่ 8 ธ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ หรือชัตดาวน์

 

 

 

นักวิเคราะห์มองว่า หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณดังกล่าวได้ทันเส้นตายในวันพรุ่งนี้ หน่วยงานรัฐของสหรัฐก็จะให้บริการได้เฉพาะบริการด้านฉุกเฉิน และกองทัพเท่านั้น ในขณะที่การปฏิบัติการด้านอื่นๆอาจจะต้องระงับการให้บริการ เช่น การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับสวนสาธารณะ

 

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม

 

"ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่จะรับรองอย่างเป็นทางการให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้ควรเกิดขึ้นมานานแล้ว" ปธน.ทรัมป์กล่าวในการแถลงต่อชาวอเมริกันที่ทำเนียบขาว

 

-- บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล พุ่งขึ้นเหนือระดับ 12,000 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 12,198.57 ดอลลาร์

 

บิตคอยน์มีมูลค่าไม่ถึง 1,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปีนี้ แต่สามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 5,000 ดอลลาร์ในเดือนต.ค. และทะยานเหนือ 11,000 ดอลลาร์ในเวลาไม่ถึง 2 เดือนหลังจากนั้น

 

ขณะนี้บิตคอยน์มีมูลค่าตลาดราว 2.03 แสนล้านดอลลาร์ โดยสูงกว่ามูลค่าตลาดของบริษัทโกลด์แมน แซคส์ถึงกว่า 2 เท่า

 

-- นายเทอร์รี แบรนสตัด เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศจีน กล่าวในการประชุม Fortune Global Forum ณ เมืองกว่างโจวว่า สหรัฐจะพร้อมเปิดการเจรจากับเกาหลีเหนือ หากเกาหลีเหนือยอมยุติโครงการทดสอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ และยอมทำตามมติของประชาคมโลก

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิ่งลงเกือบ 3% นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงที่ฉิวเฉียดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

 

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยวานนี้ว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐพุ่งขึ้น 3.0% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2557 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.5% ในไตรมาส 2

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานเพิ่มขึ้น 2.4% ในไตรมาส 3

 

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานเพิ่มขึ้น 1.5%

-- นายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เตรียมเดินทางเยือนจีนเป็นเวลา 4 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคมนี้

 

ทั้งนี้ นายปาร์ค โซ ฮยุน โฆษกประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า นายมูนหาจะรือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในประเด็นการแก้ไขปัญหาการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือด้วยสันติวิธี เพื่อนำสันติภาพกลับมาสู่คาบสมุทรเกาหลีอีกครั้ง

 

-- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศวานนี้ว่า เขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่งในปีหน้า ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า เขาจะได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย

 

ปธน.ปูตินประกาศการตัดสินใจดังกล่าวต่อบรรดาแรงงานในโรงงานผลิตรถยนต์แห่งหนึ่งในเมืองนิซนี นอฟกอรอด ทางตะวันตกของรัสเซีย

 

ทั้งนี้ รัสเซียจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 18 มี.ค.2561 โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี

 

-- นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง และคาดว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.1%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปัทมาสน์ ชนะรัชชรักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2751349

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $1.20 เหตุวิตกสถานการณ์ตะวันออกกลาง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560 07:18:08 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐ จากกรุงเทลอาวีฟ ไปยังกรุงเยรูซาเลม

 

 

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ระดับ 1,266.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 11.3 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 15.955 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 14.70 ดอลลาร์ หรือ 1.60% ปิดที่ 902.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 9.8 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 986.95 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม

 

ทั้งนี้ การดำเนินการของปธน.ทรัมป์เมื่อวานนี้ ถือเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายปี 1995 ของสหรัฐ ซึ่งกำหนดให้มีการย้ายสถานทูตสหรัฐไปยังกรุงเยรูซาเลม ในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐหลายคนก่อนหน้านี้ เช่น บิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู บุช และบารัค โอบามา ต่างก็ใช้คำสั่งประธานาธิบดีเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไป เนื่องจากวิตกว่าจะกระพือความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

 

อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้สกัดแรงบวกในตลาดทองคำ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.21% สู่ระดับ 93.579 เมื่อคืนนี้

 

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง และคาดว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.1%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2751212

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดร่วง $1.66 หลังสต็อกเบนซินสหรัฐพุ่งสวนทางน้ำมันดิบ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560 06:59:52 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าสต็อกน้ำมันดิบลดลงก็ตาม

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 55.96 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.64 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 61.22 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนัก หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซิน พุ่งขึ้น 6.78 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 220.9 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ธ.ค. ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 129.4 ล้านบาร์เรล

 

ส่วนสต็อกน้ำมันดิบ ลดลง 5.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 448.4 ล้านบาร์เรล แต่ก็ไม่สามารถพยุงราคาน้ำมันให้ปิดตลาดในแดนบวกได้

 

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ธ.ค. แต่ สต็อกน้ำมันเบนซิน พุ่งขึ้น 9.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น เพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรล

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ โดยเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 แท่น สู่ระดับ 749 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. และสูงกว่าระดับ 477 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

ขณะเดียวกันรายงานระบุว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.68 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางปี 2559 และใกล้กับระดับการผลิตของรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2751210

 

จับตาสภาคองเกรสสหรัฐเตรียมโหวตงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงชัตดาวน์พรุ่งนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560 08:19:33 น.

นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาสภาคองเกรสสหรัฐเตรียมลงมติเพื่ออนุมัติงบประมาณการใช้จ่ายชั่วคราวของรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค.) โดยหากสภาคองเกรสมีมติเห็นชอบ ก็จะช่วยให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศหลังจากวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค.

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 316 ต่อ 90 ให้ปรับเพิ่มเพดานหนี้และอนุมัติงบประมาณชั่วคราวระยะ 3 เดือนสำหรับรัฐบาลในการบริหารประเทศจนถึงวันที่ 8 ธ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ หรือชัตดาวน์

 

 

 

นักวิเคราะห์มองว่า หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณดังกล่าวได้ทันเส้นตายในวันพรุ่งนี้ หน่วยงานรัฐของสหรัฐก็จะให้บริการได้เฉพาะบริการด้านฉุกเฉิน และกองทัพเท่านั้น ในขณะที่การปฏิบัติการด้านอื่นๆอาจจะต้องระงับการให้บริการ เช่น การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับสวนสาธารณะ

 

กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับชัตดาวน์ได้กลับมาสร้างแรงกดดันต่อตลาดการเงินอีกครั้ง หลังจากแกนนำพรรคเดโมแครตได้ประกาศยกเลิกกำหนดการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า เขาเชื่อว่าจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆกับพรรคเดโมแครตเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลได้

 

ขณะที่นางแนนซี เปโลซี ผู้นำเสียงข้างน้อยของพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายชาร์ลส์ ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยของเดโมแครตในวุฒิสภา ได้ระบุในแถลงการณ์ร่วมว่า "การที่ท่านประธานาธิบดีไม่เห็นว่าพรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ ทำให้เราเชื่อว่า ทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ก็คือ การเจรจากับสมาชิกรีพับลิกันในสภาคองเกรสแทน"

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2751335

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560 07:38:40 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ธ.ค. 2560

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิ่งลงเกือบ 3% นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงที่ฉิวเฉียดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,140.91 จุด ลดลง 39.73 จุด หรือ -0.16% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,629.27 จุด ลดลง 0.30 จุด หรือ -0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,776.38 จุด เพิ่มขึ้น 14.16 จุด หรือ +0.21%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง สเตนฮอฟฟ์ อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้งส์ และซากา พีแอลซี

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.1% ปิดที่ 386.32 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,998.85 จุด ลดลง 49.69 จุด หรือ -0.38% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,374.35 จุด ลดลง 1.18 จุด หรือ -0.02% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,348.03 จุด เพิ่มขึ้น 20.53 จุด หรือ +0.28%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) ด้วยอานิสงส์จากสกุลเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร สืบเนื่องจากการเจรจา Brexit ระหว่างสหราชอาณาจักรกับสหภาพยุโรป (EU) ยังไร้สัญญาณความคืบหน้าที่สำคัญ

 

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 20.53 จุด หรือ +0.28% ปิดที่ 7,348.03 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าสต็อกน้ำมันดิบลดลงก็ตาม

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 55.96 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.64 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 61.22 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐ จากกรุงเทลอาวีฟ ไปยังกรุงเยรูซาเลม

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ระดับ 1,266.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 11.3 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 15.955 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 14.70 ดอลลาร์ หรือ 1.60% ปิดที่ 902.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 9.8 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 986.95 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) ด้วยแรงหนุนจากข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐซึ่งขยายตัวสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1794 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1815 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3376 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3437 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7562 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7608 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.26 เยน จากระดับ 112.59 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9902 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9883 ฟรังก์สวิส

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 6,776.38 จุด เพิ่มขึ้น 14.16 จุด, +0.21%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,629.27 จุด ลดลง 0.30 จุด, -0.01%

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 24,140.91 จุด ลดลง 39.73 จุด, -0.16%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,374.35 จุด ลดลง 1.18 จุด, -0.02%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,348.03 จุด เพิ่มขึ้น 20.53 จุด, +0.28%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,998.85 จุด ลดลง 49.69 จุด, -0.38%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 32,597.18 จุด ลดลง 205.26 จุด, -0.63%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,397.21 จุด ลดลง 40.85 จุด, -1.19%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,718.33 จุด ลดลง 6.51 จุด, -0.38%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,035.51 จุด เพิ่มขึ้น 35.04 จุด, +0.58%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 28,224.80 จุด ลดลง 618.00 จุด, -2.14%

ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 947.64 จุด ลดลง 5.66 จุด, -0.59%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,129.62 จุด ลดลง 15.38 จุด, -0.19%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,293.96 จุด ลดลง 9.72 จุด, -0.29%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,474.37 จุด ลดลง 35.75 จุด, -1.42%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 22,177.04 จุด ลดลง 445.34 จุด, -1.97%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 10,393.92 จุด ลดลง 172.93 จุด, -1.64%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,946.10 จุด ลดลง 25.70 จุด, -0.43%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,030.40 จุด ลดลง 26.90 จุด, -0.44%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2751278

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าเทียบเงินสกุลหลัก รับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560 07:01:37 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) ด้วยแรงหนุนจากข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐซึ่งขยายตัวสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1794 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1815 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3376 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3437 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7562 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7608 ดอลลาร์

 

 

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.26 เยน จากระดับ 112.59 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9902 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9883 ฟรังก์สวิส

 

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.21% สู่ระดับ 93.579 เมื่อคืนนี้

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นหลังออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง โดยภาคบริการมีการจ้างงานพุ่งขึ้น 155,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 35,000 ตำแหน่ง

 

นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในสภาคองเกรสของสหรัฐ หลังวุฒิสภาได้ลงมติรับรองร่างกฎหมายฉบับของวุฒิสมาชิกรีพับลิกันด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 51-49 คะแนนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า โอกาสที่รัฐสภาสหรัฐจะลงมติอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับสุดท้ายเพื่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามประกาศบังคับใช้นั้น มีค่อนข้างสูง แต่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ถึงแม้ว่าสมาชิกสภาคองเกรสอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการประสานข้อแตกต่างระหว่างเนื้อหาในร่างกฎหมายฉบับของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐก็ตาม

 

นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.

 

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง และคาดว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.1%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2751211

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 39.73 จุด เหตุหุ้นพลังงานร่วงหลังราคาน้ำมันดิ่ง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560 06:44:28 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิ่งลงเกือบ 3% นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงที่ฉิวเฉียดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,140.91 จุด ลดลง 39.73 จุด หรือ -0.16% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,629.27 จุด ลดลง 0.30 จุด หรือ -0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,776.38 จุด เพิ่มขึ้น 14.16 จุด หรือ +0.21%

 

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.7% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.6% และหุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ร่วงลงกว่า 2% โดยปัจจัยที่ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานนั้น มาจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดิ่งลงเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว

 

หุ้นโฮม ดีโปท์ ร่วงลง 1.12% หลังจากบริษัทประกาศแผนซื้อคืนหุ้นมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส ดิ่งลง 1.7% หลังจากบริษัทได้ออกแถลงการณ์เตือนเกี่ยวกับความล่าช้าในการจัดส่งสินค้า

 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 51-49 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันทุกคนยกเว้นนายบ็อบ คอร์กเกอร์ ต่างลงคะแนนเสียงรับรองร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตทุกคนลงคะแนนเสียงไม่รับรองร่างกฎหมายดังกล่าว

 

ทั้งนี้ สภาคองเกรสสหรัฐกำลังอยู่ในขั้นตอนการรวมร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างเดียวกัน และให้การอนุมัติ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป

 

สำหรับความแตกต่างสำคัญระหว่างร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในฉบับของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรคือ ร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรจะกำหนดให้การปรับลดภาษีมีผลบังคับใช้ทันทีในปีหน้า ในขณะที่ร่างของวุฒิสภาจะชะลอการปรับลดภาษีจนกว่าจะถึงปี 2562

 

อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวกหลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นไมโครซอฟท์ หุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 1% ขณะที่หุ้นอเมซอนดอทคอม ขยับขึ้น 0.9%

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 235,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.

 

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐพุ่งขึ้น 3.0% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2557 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.5% ในไตรมาส 2

 

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.

 

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง และคาดว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.1%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2751209

 

ปูตินประกาศลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัยในปีหน้า

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 22:51:53 น.

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศในวันนี้ว่า เขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่งในปีหน้า ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า เขาจะได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย

 

ปธน.ปูตินประกาศการตัดสินใจดังกล่าวต่อบรรดาแรงงานในโรงงานผลิตรถยนต์แห่งหนึ่งในเมืองนิซนี นอฟกอรอด ทางตะวันตกของรัสเซีย

 

ทั้งนี้ รัสเซียจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 18 มี.ค.2561 โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี

 

นายปูตินได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีครั้งแรกในปี 2543 และอีกครั้งในปี 2547 ส่วนในปี 2551-2555 เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรัสเซีย และในปี 2555 เขาก็กลับมาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งหนึ่ง

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2751199

 

ทรัมป์ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการให้เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560 01:41:56 น.

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม

 

"ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่จะรับรองอย่างเป็นทางการให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้ควรเกิดขึ้นมานานแล้ว" ปธน.ทรัมป์กล่าวในการแถลงต่อชาวอเมริกันที่ทำเนียบขาว

 

 

 

"ประธานาธิบดีหลายคนก่อนหน้านี้ได้ให้สัญญาในเรื่องนี้ในการรณรงค์หาเสียง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไร ซึ่งในวันนี้ ผมกำลังทำตามคำสัญญาของผม" ปธน.ทรัมป์กล่าว

 

ปธน.ทรัมป์กล่าวต่อไปว่า การตัดสินใจของเขาไม่ได้มีความประสงค์ที่จะขัดขวางกระบวนการสันติภาพระหว่างอิสราเอล และปาเลสไตน์ โดยสหรัฐจะให้การสนับสนุนแนวทางในการตั้งรัฐปาเลสไตน์ และอิสราเอลควบคู่กัน หากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องกัน

 

ผู้นำสหรัฐระบุว่า เขาจะสั่งการให้มีการเริ่มต้นกระบวนการในการออกแบบ และก่อสร้างสถานทูตสหรัฐในกรุงเยรูซาเลม ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาหลายปี และหากการก่อสร้างแล้วเสร็จ ก็จะถือเป็นคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อสันติภาพในตะวันออกกลาง

 

ทั้งนี้ การดำเนินการของปธน.ทรัมป์ในวันนี้ ถือเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายปี 1995 ของสหรัฐ ซึ่งกำหนดให้มีการย้ายสถานทูตสหรัฐไปยังกรุงเยรูซาเลม ในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐหลายคนก่อนหน้านี้ เช่น บิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู บุช และบารัค โอบามา ต่างก็ใช้คำสั่งประธานาธิบดีเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไป เนื่องจากวิตกว่าจะกระพือความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2751207

 

อิสราเอลเตรียมกองกำลังรับมือปาเลสไตน์ลุกฮือก่อจลาจล ก่อนทรัมป์ประกาศรับรองเยรูซาเลมวันนี้

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 17:55:55 น.

อิสราเอลเตรียมกองกำลังรับมือเหตุการณ์ปะทะกับชาวปาเลสไตน์ที่อาจเกิดขึ้นในวันนี้ ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม

 

เจ้าหน้าที่คาดว่าชาวปาเลสไตน์ในฝั่งตะวันออกของกรุงเยรูซาเลม และในเขตเวสต์แบงก์อาจก่อการจลาจลเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการประกาศของปธน.ทรัมป์ ขณะที่มีผู้จุดไฟเผารูปโปสเตอร์ของปธน.ทรัมป์ในเมืองเบธเลเฮมเมื่อวานนี้ ทันทีที่มีข่าวว่าปธน.ทรัมป์เตรียมประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลในวันนี้

 

 

 

เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์เตือนว่าการดำเนินการของปธน.ทรัมป์จะเป็นการทำลายโอกาสในการทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ขณะที่ชาวปาเลสไตน์หวังที่จะตั้งเมืองหลวงในฝั่งตะวันออกของกรุงเยรูซาเลม

 

ทั้งนี้ อิสราเอลได้ครอบครองดินแดนฝั่งตะวันตกของกรุงเยรูซาเลมนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศขึ้นในปี 2491 และหลังจากที่อิสราเอลชนะสงคราม 6 วันเหนือชาติอาหรับในปี 2510 อิสราเอลก็ได้เข้ายึดครองดินแดนฝั่งตะวันออกของกรุงเยรูซาเลมจากจอร์แดน พร้อมกับประกาศรวมดินแดนทั้งสองฝั่ง และสถาปนากรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ประชาคมโลกไม่เคยยอมรับการประกาศแต่เพียงฝ่ายเดียวของอิสราเอล

 

ปธน.ทรัมป์เตรียมเปิดทำเนียบขาววันนี้ ประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม

 

การประกาศดังกล่าวจะมีขึ้นในวันนี้เวลา 13.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 01.00 น.ตามเวลาไทย

 

อย่างไรก็ดี คาดว่าการย้ายสถานทูตดังกล่าวจะใช้เวลาหลายปี โดยอาจใช้เวลา 3-4 ปีในการก่อสร้างสถานทูตสหรัฐในกรุงเยรูซาเลม

 

"ท่านประธานาธิบดีเชื่อว่านี่เป็นการยอมรับความจริง เรากำลังดำเนินการบนพื้นฐานของความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลก็มีที่ตั้งอยู่ในกรุงเยรูซาเลม" เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งกล่าว

 

ปธน.ทรัมป์ได้แจ้งผู้นำของอิสราเอล ปาเลสไตน์ จอร์แดน และซาอุดิอาระเบีย ถึงการตัดสินใจที่จะย้ายสถานทูตสหรัฐไปยังกรุงเยรูซาเลมแล้ว ท่ามกลางคำเตือนจากชาติต่างๆถึงความเสี่ยงที่จะตามมาจากการตัดสินใจดังกล่าว

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2751178

 

นายกฯอังกฤษเตรียมต่อสายตรงกล่อมทรัมป์เปลี่ยนใจก่อนประกาศรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงยิว

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 20:12:38 น.

นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า ตนจะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับสถานะของกรุงเยรูซาเลม ซึ่งควรจะถูกกำหนดในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์

 

"ดิฉันจะพูดคุยกับท่านประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับสถานะของกรุงเยรูซาเลม ซึ่งควรถูกกำหนดจากการเจรจาทำข้อตกลงระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์" นางเมย์กล่าว

 

 

 

นางเมย์ระบุว่า ในที่สุดแล้ว กรุงเยรูซาเลมควรถูกแบ่งปันเป็นเมืองหลวงร่วมกันระหว่างอิสราเอล และรัฐปาเลสไตน์ที่จะถูกก่อตั้งขึ้นในอนาคต โดยรัฐปาเลสไตน์ควรจะมีอธิปไตย ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของทางออกในการตั้งรัฐปาเลสไตน์ และอิสราเอลควบคู่กัน

 

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์เตรียมเปิดทำเนียบขาววันนี้ ประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม

 

การประกาศดังกล่าวจะมีขึ้นในวันนี้เวลา 13.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 01.00 น.ตามเวลาไทย

 

อย่างไรก็ดี คาดว่าการย้ายสถานทูตดังกล่าวจะใช้เวลาหลายปี โดยอาจใช้เวลา 3-4 ปีในการก่อสร้างสถานทูตสหรัฐในกรุงเยรูซาเลม

 

"ท่านประธานาธิบดีเชื่อว่านี่เป็นการยอมรับความจริง เรากำลังดำเนินการบนพื้นฐานของความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลก็มีที่ตั้งอยู่ในกรุงเยรูซาเลม" เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งกล่าว

 

ปธน.ทรัมป์ได้แจ้งผู้นำของอิสราเอล ปาเลสไตน์ จอร์แดน และซาอุดิอาระเบีย ให้ทราบถึงการตัดสินใจที่จะย้ายสถานทูตสหรัฐไปยังกรุงเยรูซาเลมแล้ว ท่ามกลางคำเตือนจากชาติต่างๆถึงความเสี่ยงที่จะตามมาจากการตัดสินใจดังกล่าว

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2751192

 

ประธานาธิบดีตุรกีเรียกร้องผู้นำมุสลิม 57 ชาติจัดประชุมตอบโต้สหรัฐให้การรับรองกรุงเยรูซาเลม

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 ธันวาคม 2560 20:53:18 น.

นายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี เรียกร้องให้ผู้นำขององค์การความร่วมมืออิสลาม ซึ่งประกอบด้วยชาติมุสลิม 57 ประเทศ จัดการประชุมที่เมืองอิสตันบูลในวันที่ 13 ธ.ค. เพื่อหารือต่อการที่สหรัฐเตรียมประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

 

นายเออร์โดกันหวังว่าที่ประชุมจะมีการออกมาตรการร่วมกัน ขณะที่เพิ่มความร่วมมือระหว่างชาติมุสลิม

 

 

 

โฆษกของนายเออร์โดกันยังกล่าวว่า การรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม จะถือเป็นการทำผิดพลาดครั้งใหญ่

 

นายเออร์โดกันกล่าวเตือนว่า ตุรกีจะตัดความสัมพันธ์กับอิสราเอล หากสหรัฐรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

 

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์เตรียมเปิดทำเนียบขาววันนี้ เพื่อประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม

 

การประกาศดังกล่าวจะมีขึ้นในวันนี้เวลา 13.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 01.00 น.ตามเวลาไทย

 

อย่างไรก็ดี คาดว่าการย้ายสถานทูตดังกล่าวจะใช้เวลาหลายปี โดยอาจใช้เวลา 3-4 ปีในการก่อสร้างสถานทูตสหรัฐในกรุงเยรูซาเลม

 

"ท่านประธานาธิบดีเชื่อว่านี่เป็นการยอมรับความจริง เรากำลังดำเนินการบนพื้นฐานของความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลก็มีที่ตั้งอยู่ในกรุงเยรูซาเลม" เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งกล่าว

 

ปธน.ทรัมป์ได้แจ้งผู้นำของอิสราเอล ปาเลสไตน์ จอร์แดน และซาอุดิอาระเบีย ให้ทราบถึงการตัดสินใจที่จะย้ายสถานทูตสหรัฐไปยังกรุงเยรูซาเลมแล้ว ท่ามกลางคำเตือนจากชาติต่างๆถึงความเสี่ยงที่จะตามมาจากการตัดสินใจดังกล่าว

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2751194

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...