ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

 

Ausiris Gold Investment was live.

44 mins · _Y91QzmaslR.pngคลิป

ราคาทองวันนี้...live

วิเคราะห์ซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

เวลา 06:00 - 09:00 น. ประชาชนเข้าชมพระเมรุมาศจำนวนมาก ยังนั่งรอในเต๊นท์พักคอย 4,000 คน

JS100

24174211_1643063325717228_3303235092969472251_n.jpg?oh=3e5dc1c7213488fb7063de5a48aa63dd&oe=5A89289C

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:Hi

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.67 แนวโน้มยังแข็งค่าต่อจากแรงขายดอลล์ มองกรอบ 32.65-32.75

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2560 09:29:43 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.67 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก

 

 

 

ปิดตลาดเมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 32.68 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีแรงเทขายดอลลาร์ ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุล

 

เงินหลัก โดยเฉพาะเงินยูโร

"บาทเปิดตัวใกล้เคียงกับเย็นวันศุกร์ แต่มีทิศทางแข็งค่าเนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าหลังมีแรงเทขาย เนื่องจากตัวเลข

 

เศรษฐกิจยูโรที่ประกาศออกมาดีกว่าคาด" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 32.65-32.75 บาท/ดอลลาร์

 

"ทิศทางบาทไม่น่าหลุดแนวรับ 32.65 น่าจะชะลอตัวลงหลังแข็งค่าอย่างรวดเร็วในช่วงก่อนหน้านี้ " นักบริหารเงิน

 

กล่าว

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 111.63 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 111.44 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1915 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1866 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.6750 บาท/

 

ดอลลาร์

- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (27 พ.ย.-1 ธ.ค.) ไว้ที่ 32.50-32.80

 

บาท/ดอลลาร์ โดยคงต้องติดตามสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจ

 

สหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ย., ยอดขายบ้านใหม่, ข้อมูลรายได้/การใช้

 

จ่ายส่วนบุคคล และตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจาก Core PCE Price Index เดือน ต.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ย. และตัวเลขจีดีพี

 

ประจำไตรมาส 3/2560 (รายงานครั้งที่ 2) นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามความคืบหน้าของการผลักดันแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ

 

และรายงานเศรษฐกิจการเงินประจำเดือน ต.ค.60 ของไทยด้วยเช่นกัน

- ธนาคารทหารไทยกางแผน 5 ปี (2561-2565) ตั้งเป้าสินเชื่อโต 1 เท่าของจีดีพี พร้อมเดินหน้า พัฒนาช่องทางดิจิ

 

ทัล หวังให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

- หอการค้าภาคใต้จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่มี

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ พิจารณาแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาคใต้ มูลค่า

 

กว่า 2 แสนล้านบาท

- ในหลวง ร.10 โปรดเกล้าฯให้รัฐมนตรีใหม่ เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ 30 พฤศจิกาฯ

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) จาก

 

การที่นักลงทุนลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีหน้า หลังจากรายงานการประชุมของเฟด

 

ประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ระบุว่า กรรมการเฟดบางคนได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย

 

ของเฟด

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำปิด

 

พุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ช่วยสกัดแรงลบของสัญญาทองคำในระหว่างวัน

 

- ตลาดการเงินยังคงจับตาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ โดยรายงานระบุว่า

 

ปธน.ทรัมป์จะพบปะกับสมาชิกวุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลิกันในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าในการผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี

 

- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.

 

ย. จากเฟดดัลลัส ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผย ราคาบ้านเดือนก.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ และความเชื่อมั่นผู้บริโภค

 

เดือนพ.ย.จาก Conference Board

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2746427

 

World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2560

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2560 09:10:50 น.

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ (24 พ.ย.) โดยดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ เพราะได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่า ชาวสหรัฐได้ออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าอย่างคึกคักในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ส่งผลให้ราคาหุ้นเด่นๆ เช่นหุ้นอเมซอน ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

 

 

 

สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐ (NRF) คาดการณ์ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเดือนพ.ย.และธ.ค.ปีนี้ อาจแตะระดับ 6.558 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 2.5% ในช่วงเวลา 10 ปี และสูงกว่าค่าเฉลี่ย 3.4% ในช่วง 7 ปีนับตั้งแต่ปี 2552 ที่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัว

 

-- บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล พุ่งขึ้นแตะระดับ 1 ล้านเยน (8,900 ดอลลาร์สหรัฐ) ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราญี่ปุ่นได้เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (26 พ.ย.) ท่ามกลางกระแสคาดหวังว่าจะมีการใช้เงินสกุลดิจิทัลนี้อย่างแพร่หลายในอนาคต

 

มูลค่าบิตคอยน์ในตลาดแลกเปลี่ยน Coincheck ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 1,001,904 เยน ในช่วงเที่ยงวานนี้ ซึ่งสูงกว่าระดับในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาถึง 10 เท่า หลังจากที่เริ่มซื้อขายครั้งแรกที่ระดับ 100,000 เยน

 

นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า ปัจจัยที่หนุนมูลค่าบิตคอยน์ทำนิวไฮในญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ มาจากรายงานข่าวที่ว่า ตลาดซื้อขายล่วงหน้าในสหรัฐมีแผนที่จะเปิดให้ซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ล่วงหน้า ซึ่งจุดกระแสคาดหวังว่า ตลาดบิตคอยน์จะเติบโตขึ้นอีกในอนาคต

 

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของจีน ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ทะยานขึ้น 23.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี

 

ส่วนในเดือนต.ค.เพียงเดือนเดียว กำไรของบริษัทอุตสาหกรรม ปรับตัวขึ้น 25.1% เทียบรายปี

 

-- ตลาดการเงินยังคงจับตาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ โดยรายงานระบุว่า ปธน.ทรัมป์จะพบปะกับสมาชิกวุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลิกันในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าในการผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี

 

นายจอห์น บาร์ราสโซ ประธานคณะกรรมาธิการนโยบายพรรครีพับลิกันประจำวุฒิสภา เปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์จะพบปะกับสมาชิกวุฒิสภาในการรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันรายสัปดาห์ ที่อาคารรัฐสภาในวันอังคาร

 

ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้

 

-- สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก เดินทางถึงเมียนมาแล้วในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญานับหมื่นคนที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย ซึ่งตั้งอยู่ตามแนวชายแดนเมียนมา-บังกลาเทศ

 

สาธุคุณมาริอาโน โซอี เนอิง โฆษกของพระสันตะปาปาฟรานซิสกล่าวว่า ในระหว่างทริปการเดินทางเยือนเมียนมาเป็นเวลา 4 วันนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะเข้าพบกับนางซูจี และนายอู ถิ่น จอ ประธานาธิบดีเมียนมาในวันพรุ่งนี้ที่กรุงเนปีดอ ก่อนที่จะเข้าพบกับพลเอกมิน ออง ไลง์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่เมืองย่างกุ้งในวันพฤหัสบดี และจะเดินทางต่อไปยังบังกลาเทศ

 

-- สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของอินเดียไว้ที่ระดับ BBB-/A-3 และคงแนวโน้มความน่าเชื่อถือที่ระดับ "มีเสถียรภาพ" แม้เศรษฐกิจอินเดียยังคงมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง และความน่าเชื่อถือด้านการเงินเริ่มฟื้นตัวขึ้นก็ตาม

 

ความเคลื่อนไหวของ S&P สวนทางกับที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ได้ประกาศเพิ่มอันดับความน่าชื่อถือของอินเดีย ขึ้นสู่ระดับ Baa2 จากระดับ Baa3 พร้อมกับปรับเปลี่ยนแนวโน้มความน่าเชื่อถือเป็น "มีเสถียรภาพ "จากเดิม "เชิงบวก" โดยระบุว่า เศรษฐกิจอินเดียยังคงมีความแข็งแกร่ง และการปฏิรูปในเชิงสถาบันจะช่วยสนับสนุนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียให้สูงขึ้นด้วย

 

-- ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีมัสยิดในคาบสมุทรไซนายของอียิปต์ในวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 305 ราย และบาดเจ็บ 128 ราย ขณะที่รัฐบาลอียิปต์ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน

 

คณะมนตรีความมั่นคงและเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีดังกล่าว โดยระบุว่า เป็นการกระทำที่ขี้ขลาดและชั่วร้ายที่สุด ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ประณามการโจมตีดังกล่าวเช่นกัน

 

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. จากเฟดดัลลัส ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผย ราคาบ้านเดือนก.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board

 

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่ตลาดให้ความสนใจและจะมีการเปิดเผยวันพรุ่งนี้ได้แก่ เกาหลีใต้จะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนพ.ย., สถาบัน GfK จะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.คของเยอรมนี และฝรั่งเศสจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2746416

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนลง เหตุ Sentiment เสียหลังหลุด 1,700 และปัจจัยขับเคลื่อนไม่ค่อยมี

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2560 09:22:19 น.

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง เนื่องจาก Sentiment ตลาดเสียหลังหลุดแนว 1,700 จุด และปัจจัยขับเคลื่อนก็ยังไม่ค่อยมี อีกทั้งยังต้องติดตามเหตุการณ์สำคัญในรอบสัปดาห์นี้ด้วย อย่างเรื่องความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนปัจจุบันที่จะพูดในวันพุธนี้ และถ้อยแถลงของประธานเฟดคนใหม่ที่จะพูดในวันอังคาร

 

 

 

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามตัวเลข GDP ของสหรัฐฯงวดไตรมาส 3/60 ที่จะประกาศครั้งที่ 2 ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ และให้ติดตามตัวเลข PMI ของสหรัฐฯ, ยุโรป และจีน ที่จะทยอยประกาศออกมาในสัปดาห์นี้เช่นกัน รวมไปถึงติดตามร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯที่วุฒิสภาจะพิจารณา-โหวตเสียงในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้ด้วย เพราะจะมีผลต่อตลาดฯ

 

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ อาจเป็นแรงขายอันเป็นผลจากความไม่แน่นอนในหลายปัจจัย พร้อมให้แนวรับ 1,690 ถัดไป 1,680-1,685 จุด ซึ่งหากดัชนีฯอ่อนตัวลงมาแถว 1,680-1,685 จุด มีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,700 ถัดไป 1,707-1,710 จุด

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2746424

 

ซูเปอร์โพลระบุคนส่วนใหญ่ให้คะแนนนิยมนายกรัฐมนตรีถือเป็นความสำเร็จทั้งที่ไม่ใช่นักการเมือง-ไม่มีฐานเสียง-ไม่มีพรรค

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2560 09:32:21 น.

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจโพล เรื่อง คะแนนนิยมนายกรัฐมนตรี กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวนทั้งสิ้น 1,102 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่าง วันที่ 20 - 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนจำนวนมากหรือร้อยละ 45.7 ยังคงระบุว่า เป็นความสำเร็จของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในเรื่องคะแนนนิยมที่ได้รับวันนี้ถึงแม้จะลดลงเพราะไม่ใช่นักการเมือง ไม่มีฐานเสียงจากหัวคะแนนและไม่มีพรรคการเมืองที่สังกัด โดยจำแนกตามเพศ พบว่า ตัวอย่างที่เป็นผู้หญิงร้อยละ 46.8 ซึ่งมากกว่าตัวอย่างที่เป็นชายร้อยละ 44.1 ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงประสบความสำเร็จในเรื่องคะแนนนิยมถึงแม้ว่าจะมีคะแนนนิยมที่ลดลง

 

 

 

ที่น่าพิจารณาคือ กลุ่มตัวอย่างที่มีช่วงอายุแตกต่างกัน มีสัดส่วนแตกต่างกัน เมื่อถูกถามเรื่องคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยพบว่า คนเกษียณอายุ 60 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.3 ระบุ ยังคงเป็นความสำเร็จของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงแม้คะแนนนิยมจะลดลงเพราะ ทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่วุ่นวาย ไม่ชอบความวุ่นวาย ปัญหาปากท้องเป็นเรื่องที่เรียกร้องกันในทุกรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่นักการเมือง ไม่มีพรรคการเมืองในสังกัด เสียสละมาก ซื่อสัตย์สุจริต ทำได้เท่านี้ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างเยาวชน อายุไม่เกิน 24 ปี มีอยู่ไม่ถึงครึ่งหรือร้อยละ 41.1 เพราะ ยังไม่เห็นผลงานอะไรที่ทำเพื่อกลุ่มเด็กและเยาวชน ยังไม่มีอะไรเป็นของขวัญชัดเจนให้กลุ่มเด็กและเยาวชน ที่เห็นทำอยู่ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมจับต้องได้ให้กับเด็กและเยาวชน และอยากให้ฟังเสียงเด็กและเยาวชนบ้าง ในขณะที่กลุ่มคนวัยทำงาน อายุไม่เกิน 59 ปีร้อยละ 56.0 มองว่า คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ได้รับวันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะ บ้านเมืองสงบเรียบร้อยไม่วุ่นวาย เศรษฐกิจระดับประเทศเริ่มฟื้นตัว ถึงแม้ เงินในกระเป๋าของตัวเองยังไม่เพิ่มขึ้นและยังคงมองว่าปัญหาปากท้องจะได้รับการแก้ไขเป็นรูปธรรมมากกว่าการให้เพียงความหวังหลังปรับคณะรัฐมนตรี

 

ที่น่าสนใจคือ เมื่อจำแนกตาม ฐานสนับสนุนทางการเมือง พบว่า กลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.7 มองว่าเป็นความสำเร็จของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเรื่องคะแนนนิยมนายกรัฐมนตรี และในกลุ่มตัวอย่างที่ไม่สนับสนุนกลับพบว่ามีถึงร้อยละ 25.9 และ กลุ่มพลังเงียบมีอยู่ร้อยละ 42.9 ที่มองคะแนนนิยมนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นเรื่องความสำเร็จ เพราะ ไม่มีพรรคการเมืองสนับสนุน เป็นเสียงสะท้อนของประชาชนที่ไม่มีหัวคะแนนจัดตั้ง และไม่ใช่นักการเมืองจึงทำโดยไม่เลือกปฏิบัติพื้นที่ฐานเสียงและภาคนิยม และไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในหมู่ประชาชน ไม่แบ่งแยกประเทศออกเป็นภาคของฝ่ายการเมือง

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์ โทร.02-2535000 ต่อ 313 อีเมล์: pornpen@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2746199

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ปัตตานี-สงขลา 27-28 พ.ย.ติดตามโครงการเมืองต้นแบบ-ประชุมครม.สัญจร

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2560 15:45:47 น.

พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กำหนดการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ อย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 3/2560 ระหว่างวันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2560 ที่จังหวัดปัตตานีและจังหวัดสงขลาว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อพบปะและรับฟังความเห็นของประชาชน ติดตามความก้าวหน้าของโครงการ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" และสร้างการรับรู้ของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ต่อนโยบายและการดำเนินแผนงานโครงการของรัฐบาล ในรอบ 3 ปี รวมทั้งเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนในพื้นที่ด้วย

 

 

 

สำหรับในวันจันทร์ ที่ 27 พฤศจิกายน 2560 นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังสนามบินบ่อทอง (กองกำลังทางอากาศยานทหารเฉพาะกิจที่ 9) ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จากนั้น เดินทางต่อไปยังตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก เพื่อเป็นประธานเปิดตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนใต้ เยี่ยมชมตลาดและพบปะประชาชน รวมถึงเยี่ยมชมพื้นที่เกษตรอุตสาหกรรมแปรรูปโรงงานน้ำมันปาล์ม และรับฟังรายงานความก้าวหน้าพื้นที่การลงทุนเกษตรอุตสาหกรรมของภาคเอกชนตามโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน"

 

จากนั้นช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการประชุมติดตามงานด้านความมั่นคงและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องประชุมอาคารสมาคมนายทหารสัญญาบัตร กองพลทหารราบที่ 15 ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะพบผู้นำท้องถิ่นของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องจัดเลี้ยงอาคารสมาคมนายทหารสัญญาบัตร หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยังสนามบินสงขลา ฐานทัพเรือสงขลา กองทัพเรือภาคที่ 2 เพื่อร่วมประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (Working Dinner) ณ ห้องประชุมสมิหลา โรงแรมบีพี สมิหลา บีช จังหวัดสงขลา

 

ส่วนในวันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2560 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีกำหนดสักการะอุนสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ก่อนจะพบปะนักศึกษา และเยี่ยมชมนิทรรศการ จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2560 ณ ห้องประชุมศรีวิศวะ อาคารคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย

 

ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบปะประชาชนและมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัด (ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส พังงา พัทลุง ระนอง สุราษฎร์ธานี) ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

 

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/รัชดา/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2745783

 

มูลค่า บิตคอยน์ พุ่งเหนือระดับ 1 ล้านเยนที่ตลาดแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลญี่ปุ่นวานนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2560 09:32:12 น.

บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล พุ่งขึ้นเหนือนระดับ 1 ล้านเยน (8,900 ดอลลาร์สหรัฐ) ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราดิจิทัลญี่ปุ่นได้เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (26 พ.ย.) ท่ามกลางกระแสคาดหวังว่าจะมีการใช้เงินสกุลดิจิทัลนี้อย่างแพร่หลายในอนาคต

 

มูลค่าบิตคอยน์ในตลาดแลกเปลี่ยน Coincheck ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 1,001,904 เยน ในช่วงเที่ยงวานนี้ ซึ่งสูงกว่าระดับในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาถึง 10 เท่า หลังจากที่เริ่มซื้อขายครั้งแรกที่ระดับ 100,000 เยน

 

 

 

นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า ปัจจัยที่หนุนมูลค่าบิตคอยน์ทำนิวไฮในญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ มาจากรายงานข่าวที่ว่า ตลาดซื้อขายล่วงหน้าในสหรัฐมีแผนที่จะเปิดให้ซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ล่วงหน้า ซึ่งจุดกระแสคาดหวังว่า ตลาดบิตคอยน์จะเติบโตขึ้นอีกในอนาคต

 

ปัจจุบัน บิตคอยน์มีมูลค่าตามราคาตลาดที่ระดับประมาณ 16 ล้านล้านเยน ซึ่งสูงกว่าสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆรวมกันราวครึ่งหนึ่ง

 

ที่ผ่านมา บิตคอยน์เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในจีน ยุโรป และสหรัฐ เนื่องจากต้นทุนการทำธุรกรรมที่ค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม ระบบการแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลดังกล่าวยังไม่มีการกำกับดูแลจากหน่วยงานรัฐบาลหรือธนาคารกลางอย่างเป็นทางการ

 

แต่ที่ญี่ปุ่น บริษัทค้าปลีกเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่อย่าง บิ๊ก คาเมรา อิงค์ ได้เปิดรับการชำระเงินด้วยสกุลเงินบิตคอยน์ตั้งแต่ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ได้กล่าวเตือนว่า การที่มูลค่าบิตคอยน์พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น อาจทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ เนื่องจากราคาไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงที่ราคาอาจจะร่วงลงในอนาคต

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2746432

 

ปูติน ลงนามกฎหมายขึ้นทะเบียนสื่อต่างชาติ มีผลบังคับใช้ 25 พ.ย. เป็นต้นไป

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2560 09:29:17 น.

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ลงนามกฎหมายขึ้นทะเบียนสื่อมวลชนของต่างประเทศในฐานะตัวแทนรัฐบาลต่างชาติ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. เป็นต้นไป

 

 

 

ปธน.ปูตินลงนามอนุมัติกฎหมายดังกล่าวเมื่อวานนี้ หลังสภาล่างและสภาสูงลงมติยอมรับในวันที่ 15 พ.ย. และ 22 พ.ย. ตามลำดับ

 

กฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุให้สำนักข่าว RT ของรัสเซีย ลงทะเบียนเป็นตัวแทนรัฐบาลต่างชาติ ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการลงทะเบียนตัวแทนต่างชาติ (FARA) ที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2481

 

หน่วยงานของสหรัฐอ้างว่า สื่อรัสเซียมีอิทธิพลต่อความคิดสาธารณะในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2559 ด้วยการเผยแผร่ข่าวลวง ขณะที่รัสเซียมีความเห็นว่า การบัง

 

คับลงทะเบียนเป็นอุปสรรคต่อกิจกรรมสื่อรัสเซียในสหรัฐ และละเมิดเสรีภาพในการพูด

ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ของรัสเซีย กระทรวงยุติธรรมรัสเซียจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าสื่อใดควรขึ้นทะเบียนเป็นตัวแทนรัฐบาลต่างชาติ ซึ่งอาจถูกจำกัดกิจกรรมในรัสเซีย

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สกาวรัฐ บัวสำลี โทร.02-2535000 อีเมล์: sakaorat.b@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2746198

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

24131187_1761365953873979_5630139233910150666_n.jpg?oh=6e6c7726cbe8125137c09852cbcf502e&oe=5A9CFBAA

ข่าวสารประกอบการลงทุนทองคำ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 - YLG Bullion International Co., Ltd. –

(+) ดอลล์ร่วงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. เมื่อเท

YLGBULLION.CO.TH

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

MTS Live วันที่ 27 พฤศจิกายน 2560สามารถติดตามข่าวสารต่างๆของทาง บริษัท MTS GOLD GROUP ได้ในช่องทางด้านล่างนี้ หรือ ติดต่อได้ที่เบอร์ 02-770-7777…

YOUTUBE.COM

 

Ylg Bullion

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ร.10 พระราชทาน'การ์ดทรงขอบใจ' ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานถวายพระเพลิงพระบรมศพ

27 พ.ย. 60 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทาน "การ์ดทรงขอบใจ" แก่ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จิตอาสาเฉพาะกิจ และประชาชนทุกหมู่เหล่า ที่ร่วมในพระราชพิธีถวานพระเพลิงพระบรมศพเมื่อวันที่ 25-29 ต.ค....

NAEWNA.COM

 

 

Ylg Bullion

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

YLGResearch

 

 

ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์

1 hr ·

อกอเมริกาช้ำ ระกำทรวงอีกระลอก: 'ประเทศกลุ่ม BRICS วางแผนสร้างตลาดค้าขายทองคำกันเอง':

ก่อนสิ้นปีนี้ เปโตรหยวนก็จะได้รับการสร้างขึ้นมาในตระกร้าซื้อขายน้ำมันโลก เปโตรหยวนมีภาษีดีกว่าดอลล่าร์เพราะอิงทองคำ ส่วนดอลล่าร์ไม่ได้อิงทองคำใดๆ เลย แต่ทุกวันนี้ อเมริกาและอียูดูแลตลาดทองคำอยู่และอาจหันไปควบคุมราคาทองคำได้ ว่าแล้ว กลุ่มประเทศ BRICS ก็หันมาสร้างตลาดทองคำกันเองเพื่อป้องกันมิให้อเมริกาเข้ามาแทรกแซง โดยมีรัสเซียและจีนเป็นโต้โผใหญ่ ขณะนี้ จีนและรัสเซียติดอันดับ ๒ ใน ๑๐ ประเทศที่มีทองคำสำรองมากที่สุดในโลก ธนาคารชาติรัสเซียและจีนได้ตกลงร่วมมือกันแล้ว คงจะเป็นมรรคเป็นผลตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

สมัยก่อน ประเทศอเมริกาและยุโรปเล่นเอาเรือปืนไฟมาบังคับประเทศอื่นๆ เพื่อหาผลประโยชน์ ปกครองแล้วก็หาเรื่องทำให้ประเทศต่างๆ แตกแยก มาบัดนี้ บรรดาประเทศเหล่านี้ก็รวมตัวเป็นแก๊งอันธพาลแสวงหาผลประโยชน์เช่นเดิม

๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* จะลบออกทุกครั้งที่เห็นครับเห็น ๓.ถ้าอยากติดตามข่าวต่างประเทศมากกว่าเพจนี้ ติดตามได้ที่ https://vk.com/bodhinanda แต่ว่าต้องระบุชื่อ นามสกุลจริง รูปจริงในโปรไฟล์ของสมาชิกด้วย

http://theduran.com/brics-countries-in-plans-to-create-new…/

 

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2560

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2560 17:00:00 น.

ทางการอินโดนีเซียประกาศยกระดับการเตือนภัยจากภูเขาไฟในเกาะบาหลี สู่ระดับสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากเกิดการปะทุอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะนำไปสู่การปะทุครั้งใหญ่

 

สำนักงานบรรเทาสาธารณภัยและภูเขาไฟอินโดนีเซียได้ยกระดับการเตือนภัยภูเขาไฟ "อากุง" สู่ระดับ 4 เนื่องจากภูเขาไฟลูกนี้มีการปะทุเพิ่มขึ้นอย่างมาก นับจากปะทุครั้งแรกเมื่อวันอังคารที่แล้ว

 

 

 

--สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ได้เดินทางถึงเมียนมาแล้วในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญานับหมื่นคนที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย ซึ่งตั้งอยู่ตามแนวชายแดนเมียนมา-บังกลาเทศ

 

--สำนักงานสถิติแห่งประเทศจีน (NBS) เปิดเผยว่า กำไรของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัวรวดเร็วขึ้นในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้

 

ทั้งนี้ กำไรของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสหกรรม พุ่งขึ้น 23.3% ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบเป็นรายปี เพิ่มขึ้น 22.8% จากช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

 

--บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล พุ่งขึ้นเหนือนระดับ 1 ล้านเยน (8,900 ดอลลาร์สหรัฐ) ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราดิจิทัลญี่ปุ่นได้เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (26 พ.ย.) ท่ามกลางกระแสคาดหวังว่าจะมีการใช้เงินสกุลดิจิทัลนี้อย่างแพร่หลายในอนาคต

 

--มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ขยายโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) 2 รายการในปีนี้ ส่งผลให้การควบคุมดูแลการเงินมีทิศทางที่ดีขึ้น

 

--อะโดบี อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า ชาวอเมริกันมีการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ในเทศกาลวัน "ขอบคุณพระเจ้า" และวัน "แบล็กฟรายเดย์" เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การใช้จ่ายในร้านค้าปลีกทั่วไปลดลงเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการจับจ่ายในร้านค้าปลีกของสหรัฐเปลี่ยนไปในช่วงฤดูกาลช็อปปิ้งปลายปีนี้

 

--นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับลดน้ำหนักการลงทุนของหุ้นซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ สู่ระดับ "equal weight" จากเดิมที่ "overweight" โดยให้เหตุผลว่า ความต้องการชิปความจำอาจแผ่วลงในอนาคต และกระทบต่อรายได้ของบริษัทในเวลาถัดมา

 

นอกจากนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ ยังได้ปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นซัมซุงลง 3.4% เหลือ 2.8 ล้านวอน

 

--นางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา จะเดินทางเยือนประเทศจีนเพื่อเข้าร่วมงานประชุม ณ กรุงปักกิ่งซึ่งมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายเดือนนี้

 

--ประธานาธิบดีฮวน ออร์แลนโด เฮอร์นันเดซ วัย 49 ปี ได้ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งโดยอ้างผลเอ็กซิทโพลล์ ขณะที่ซาลวาดอร์ นาสรัลลาซึ่งเป็นคู่แข่งได้อ้างชัยชนะจากผลเอ็กซิทโพลล์เช่นกัน

 

ผลเอ็กซิทโพลล์ซึ่งจัดทำโดย Televicentro ระบุว่า ประธานธิบดีฮวนซึ่งเป็นพันธมิตรกับสหรัฐได้คะแนนนิยมไป 43.93% ส่วนนายซัลวาดอร์ นาสรัลลา ผู้ก่อตั้งพรรค Anti-Corruption Party ผู้นำพันธมิตรฝ่ายค้านต่อต้านเผด็จการ มีคะแนนนิยมที่ระดับ 34.70%

 

--มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ คาดการณ์ว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ในมาเลเสียอาจปรับตัวลง หลังจากที่อุปทานทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับความต้องการซื้อในประเทศ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร โทร.02-2535000 อีเมล์: jongdee@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2746832

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

24059165_1730098610374257_2678752921185852039_n.jpg?oh=127d8b1e7f5ec70fab82afc6979ae9cf&oe=5AD65D65

 

ร.10พระราชทานการ์ด ทรงขอบใจพสกนิกร ร่วมงาน-ปฏิบัติหน้าที่

http://bit.ly/2AiAbmz

 

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงซื้อเก็งกำไรหนุนทองปิดบวก 7.1 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2560 07:29:44 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาวุฒิสภาสหรัฐซึ่งมีกำหนดลงมติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.1 ดอลลาร์ หรือ 0.55% ปิดที่ระดับ 1294.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.8 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 17.02 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 5.5 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ 950.8 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 1,001.05 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากแรงซื้อทางเทคนิค รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีและผลกระทบในเชิงบวกที่จะมีต่อภาวะเศรษฐกิจ

 

วุฒิสภาสหรัฐมีกำหนดลงมติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันที่ 16 พ.ย. แต่มีเนื้อหาแตกต่างจากฉบับของวุฒิสภาในหลายประเด็น

 

ทั้งนี้ หากวุฒิสภาให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากนั้น วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรก็จะต้องนำร่างกฎหมายของทั้ง 2 สภามาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นร่างกฎหมายฉบับเดียวกัน ก่อนที่จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามรับรองให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของสัญญาทองคำ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.16% แตะที่ระดับ 92.929 เมื่อคืนนี้ ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2746911

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 84 เซนต์ วิตกสหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่ม,นลท.จับตาประชุมโอเปก

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2560 06:54:50 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) หลังจากมีข้อมูลระบุว่า สหรัฐทำการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกกลุ่มโอเปกที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย.

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 84 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 58.11 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ขยับลง 2 เซนต์ ปิดที่ 63.84 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐพุ่งขึ้น 15% นับตั้งแต่กลางปีที่แล้ว สู่ระดับ 9.66 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสหรัฐเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสหรัฐจะเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันมากที่สุดในโลกภายในเวลา 5 ปี

 

ทางด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 9 แท่น สู่ระดับ 747 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนก.ค.

 

นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศโอเปก และนอกกลุ่มโอเปกที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย. โดยที่ประชุมจะมีการหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน รายงานระบุว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียต่างก็สนับสนุนให้มีการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากสมาชิกโอเปกเห็นพ้องกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า ก็จะส่งผลให้ตลาดเผชิญภาวะขาดแคลนน้ำมันราว 830,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะขาดแคลน 310,000 บาร์เรล/วัน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2746888

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2560 07:56:42 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 27 พ.ย. 2560

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากมีรายงานว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ในวันแบล็กฟรายเดย์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่วุฒิสภาจะลงมติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,580.78 จุด เพิ่มขึ้น 22.79 จุด หรือ +0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,601.42 จุด ลดลง 1.00 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,878.52 จุด ลดลง 10.64 จุด หรือ -0.15%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลง ก่อนที่การประชุมกลุ่มโอเปกจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ นอกจากนี้ การร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบ

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 384.87 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,000.20 จุด ลดลง 59.64 จุด หรือ -0.46% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,360.09 จุด ลดลง 30.37 จุด หรือ -0.56% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,383.90 จุด ลดลง 25.74 จุด หรือ -0.35%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) โดยดัชนี FTSE 100 ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มทางธุรกิจของบริษัทจีน โดยจีนเป็นผู้ซื้อโลหะรายใหญ่ เช่น แร่เหล็ก ทองแดง และทองคำ

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,383.90 จุด ลดลง 25.74 จุด หรือ -0.35%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) หลังจากมีข้อมูลระบุว่า สหรัฐทำการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกกลุ่มโอเปกที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย.

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 84 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 58.11 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ขยับลง 2 เซนต์ ปิดที่ 63.84 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาวุฒิสภาสหรัฐซึ่งมีกำหนดลงมติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.1 ดอลลาร์ หรือ 0.55% ปิดที่ระดับ 1294.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.8 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 17.02 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 5.5 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ 950.8 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 1,001.05 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดเงินนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ 10 ปีในเดือนต.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1899 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1924 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3317 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3324 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7607 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7615 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.02 เยน จากระดับ 111.56 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9813 ฟรังก์ จากระดับ 0.9798 ฟรังก์

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,601.42 จุด ลดลง 1.00 จุด, -0.04%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 6,878.52 จุด ลดลง 10.64 จุด, -0.15%

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 23,580.78 จุด เพิ่มขึ้น 22.79 จุด, +0.10%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,000.20 จุด ลดลง 59.64 จุด, -0.46%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,360.09 จุด ลดลง 30.37 จุด, -0.56%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,383.90 จุด ลดลง 25.74 จุด, -0.35%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 33,724.44 จุด เพิ่มขึ้น 45.20 จุด, +0.13%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,436.36 จุด ลดลง 5.79 จุด, -0.17%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,719.86 จุด เพิ่มขึ้น 2.63 จุด, +0.15%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,064.59 จุด ลดลง 2.55 จุด, -0.04%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 29,686.19 จุด ลดลง 180.13 จุด, -0.60%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,361.69 จุด ลดลง 3.42 จุด, -0.04%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,322.23 จุด ลดลง 31.59 จุด, -0.94%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,507.81 จุด ลดลง 36.52 จุด, -1.44%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 22,495.99 จุด ลดลง 54.86 จุด, -0.24%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 10,750.93 จุด ลดลง 103.16 จุด, -0.95%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,988.80 จุด เพิ่มขึ้น 6.20 จุด, +0.10%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,070.40 จุด เพิ่มขึ้น 7.30 จุด, +0.12%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2747027

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์แข็งเทียบค่าเงินหลัก รับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2560 07:07:46 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดเงินนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ 10 ปีในเดือนต.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง

 

 

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1899 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1924 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3317 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3324 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7607 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7615 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.02 เยน จากระดับ 111.56 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9813 ฟรังก์ จากระดับ 0.9798 ฟรังก์

 

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.16% แตะที่ระดับ 92.929

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับปัจจัยหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.พุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 685,000 ยูนิต สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 6% โดยยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550

 

เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 18.7% ในเดือนต.ค. โดยยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นทุกภูมิภาค

 

นักลงทุนจับตาวุฒิสภาสหรัฐเตรียมลงมติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันที่ 16 พ.ย. แต่มีเนื้อหาแตกต่างจากฉบับของวุฒิสภาในหลายประเด็น

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนก.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3/2560, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2746892

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 22.79 จุด หุ้นค้าปลีกพุ่งรับยอดใช้จ่ายวันแบล็กฟรายเดย์

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2560 06:38:15 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากมีรายงานว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ในวันแบล็กฟรายเดย์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่วุฒิสภาจะลงมติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,580.78 จุด เพิ่มขึ้น 22.79 จุด หรือ +0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,601.42 จุด ลดลง 1.00 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,878.52 จุด ลดลง 10.64 จุด หรือ -0.15%

 

หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอเมซอนดอทคอม ปรับตัวขึ้น 0.8% และทำสถิติปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ขณะที่หุ้นอเมริกัน อีเกิล เอ้าท์ฟิทเตอร์ พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นแก๊ป ดีดตัวขึ้น 1.2% และหุ้นดิลลาร์ด ทะยานขึ้น 4.7%

 

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นหลังจากอะโดบี อนาลิติกส์ รายงานว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ในวันแบล็กฟรายเดย์ หรือวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.03 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ อะโดบี อนาลิติกส์ คดการณ์ว่า ยอดการใช้จ่ายในวันไซเบอร์ มันเดย์ จะพุ่งทำสถิติสูงสุดเช่นกัน

 

หุ้นไทม์ ซึ่งเป็นเจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์รายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 9.5% หลังจากเมียร์ดิธ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อทีวีของสหรัฐ ประกาศทุ่มเงิน 2.8 พันล้านดอลลาร์ ซื้อกิจการของไทม์ อิงค์

 

รายงานระบุว่า ไทม์ อิงค์ ประสบปัญหารายได้จากการโฆษณาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ที่แยกกิจการจากไทม์ วอร์เนอร์ในปี 2557 โดยรายได้ในไตรมาส 3 ของไทม์ร่วงลง 9.5% สู่ระดับ 679 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน

 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.พุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 685,000 ยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 6% นอกจากนี้ ยอดขายบ้านเดือนต.ค.ยังทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่วุฒิสภาจะลงมติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันที่ 16 พ.ย. แต่มีเนื้อหาแตกต่างจากฉบับของวุฒิสภาในหลายประเด็น

 

หากวุฒิสภาให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากนั้น วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรก็จะต้องนำร่างกฎหมายของทั้ง 2 สภามาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นร่างกฎหมายฉบับเดียวกัน ก่อนที่จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามรับรองให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ขณะที่ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้

 

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดนิวยอร์ก หลังจากมีรายงานว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐพุ่งขึ้น 15% นับตั้งแต่กลางปีที่แล้ว สู่ระดับ 9.66 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ หุ้นเชฟรอน ปรับตัวลง 0.8% หุ้นมารอนธอน ออยล์ ดิ่งลง 4.3% และหุ้นเฮสส์ คอร์ป ร่วงลง 2.9%

 

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนก.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3/2560, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. , รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และ การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2746887

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...