ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

 

Wealth Station

1 hr · _Y91QzmaslR.png

ทองมาจ่อให้เสียวๆ หน่อยนะ ถ้าหลุดก็ไปดู 1255 ผ่านนี้เปลี่ยนกรอบเป้าเบื้องต้น 1245 1242 เบรก 1265 ขึ้นมาขาเอสก็น่าปิดก่อนครับ

24799609_1600808873290915_3272228427098897145_o.png?oh=8d46fa80c806be391c738944b7e9d85b&oe=5A8E5FA0

 

 

YLG GOLD DAILY UPDATE 07-12-60

• ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 2.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ในเชิงบวกต่อการผลักดันกฏหมายภาษีของสหรัฐและการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในภาคเอกชนสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด

• อย่างไรก็ดีราคาทองคำยังทรงตัวอยู่เหนือจุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือนโดยได้รับแรงหนุนจากความวิตกว่าหน่วยงานราชการสหรัฐอาจต้องปิดทำการชั่วคราว และความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางหลังจากทรัมป์รับรองให้เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

อ่านฉบับเต็ม :https://goo.gl/CB4nnT

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

24883398_1779998768701206_8825940037993309987_o.jpg?oh=79f75eb8edbf0cd5f34f610c6c2b0b52&oe=5ACAE2CD

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.63 อ่อนค่าจากวานนี้เล็กน้อยหลังไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯพรุ่งนี้

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560 09:18:10 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.63 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า

 

 

 

จากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ 32.61 บาท/ดอลลาร์

"มีแรงซื้อดอลลาร์เข้ามาในตลาดโลก ขณะที่ตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่ โดยรอดูการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาค

 

เกษตรของสหรัฐฯในคืนวันศุกร์นี้" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ยังประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทไว้ที่ 32.60-32.70 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ 112.45 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 112.12 เยน/ดอลลาร์

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1797 ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1825 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.5960 บาท/

 

ดอลลาร์

- ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในปี 61 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) จะเติบโตได้มากกว่า

 

4% เนื่องจากมีแรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การส่งออกที่คาดว่าสูงกว่าปีนี้ และแรงส่งจากการท่อง

 

เที่ยว การบริโภค และการลงทุนของรัฐที่จะผลักดันเอกชนให้เกิดการลงทุนตาม รวมทั้งการเลือกตั้งที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนัก

 

ลงทุนมากขึ้น ส่วนกรณีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ยังเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะปรับไม่ได้

 

ตามแผนที่ตั้งไว้ เพราะอาจทำให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป และทำให้เกิดการกระตุก การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐได้

 

- กระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการสวัสดิการให้กับผู้มีรายได้น้อยระยะที่ 2 ไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเสนอคณะ

 

รัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบได้ในเดือน ธ.ค.นี้ โดยในบางมาตรการสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2561

 

เป็นต้นไป เช่น การจัดหางาน การฝึกอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อยพ้นความยากจน

 

- ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อร่วมกับธนาคาร กรุงไทยและธนาคารไทยพาณิชย์ 63,360 ล้านบาท

 

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง เมื่อ เดือน ต.ค. ที่ผ่านมา คาดว่า

 

ในปีนี้จะยังไม่มีการเบิกใช้สินเชื่ออาจจะเป็นปีหน้า

- ธนาคารกรุงไทย ได้มีการปรับขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อและกระบวนการตรวจสอบให้กระชับมากขึ้นพร้อมกับเร่งปรับ

 

โครงสร้างหนี้ซึ่งเชื่อว่าสิ้นปีนี้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะลดลงต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ขณะที่หนี้เอ็นพีแอลได้ผ่านจุดสูงสุด

 

ไปแล้ว ส่งผลให้ธนาคารสำรองหนี้จัดชั้นในไตรมาส 4 ลดลงจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

- บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานค้ำประกันสินเชื่อ บสย. ในรอบ

 

11 เดือน มียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ 7.54 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการช่วยเอสเอ็มอีได้เข้าถึงสินเชื่อสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.06

 

แสนราย ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะค้ำประกันสินเชื่อได้ 8.6 หมื่นล้านบาท ได้ตามเป้าหมาย

 

- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ปี 2561 ททท.มีเป้าหมายสร้างรากฐานเพื่อนำไปสู่เป้า

 

หมายที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560-2564) ซึ่งเมื่อสิ้นสุดปี 2564 ไทยจะมีรายได้ 1 ใน

 

7 ของโลกที่ 4 ล้านล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน และการเดินทางภายในประเทศ 200 ล้านคน

 

- ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่ม

 

ขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 235,000

 

ตำแหน่งในเดือนต.ค.

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) ด้วย

 

แรงหนุนจากข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐซึ่งขยายตัวสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดใน

 

ตะวันออกกลางได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศรับรองให้

 

กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐ จากกรุงเทลอาวีฟ ไปยัง

 

กรุงเยรูซาเลม

- นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาสภาคองเกรสสหรัฐเตรียมลงมติเพื่ออนุมัติงบประมาณการใช้จ่ายชั่วคราวของรัฐบาลใน

 

วันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค.) โดยหากสภาคองเกรสมีมติเห็นชอบ ก็จะช่วยให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศหลังจากวันศุกร์ที่ 8

 

ธ.ค.

- ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

 

ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัย

 

มิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.

- นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการตัดสิน

 

ใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะ

 

เพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง และคาดว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับ

 

ขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.1%

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2751383

 

ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex เปิดบวก 17.87 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560 11:11:22 น.

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียเปิดในวันนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดหุ้นส่วนใหญ่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวานนี้

 

ดัชนี Sensex เปิดวันนี้ที่ 32,615.05 จุด เพิ่มขึ้น 17.87 จุด หรือ +0.05%

หุ้น SBI เพิ่มขึ้น 0.72% หุ้น Cipla เพิ่มขึ้น 0.67% และหุ้น NTPC เพิ่มขึ้น 0.63%

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ชาญวิทย์ เอี่ยมอุดม/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2751463

 

แคนาดา-เม็กซิโกยืนยันไม่ย้ายสถานทูตไปเยรูซาเลมตามสหรัฐ

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560 09:05:00 น.

นางคริสเตีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของแคนาดา ประกาศว่า ทางแคนาดาจะไม่ย้ายสถานทูตไปยังกรุงเยรูซาเลม โดยแคนาดามีจุดยืนว่า สถานะของกรุงเยรูซาเลมนั้นจะกำหนดได้จากการเจรจาโดยสันติเท่านั้น เพื่อปูทางสู่กระบวนการสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์

 

นางฟรีแลนด์ เปิดเผยว่า แคนาดามีความมุ่งมั่นเพื่อให้ภูมิภาคตะวันออกกลางเกิดสันติภาพที่ครอบคลุม ยุติธรรม และยั่งยืน รวมถึงการตั้งรัฐปาเลสไตน์ที่อยู่คู่กับอิสราเอลได้อย่างสันติ

 

 

 

นอกเหนือจากแคนาดาแล้ว เมื่อวานนี้กระทรวงต่างประเทศของเม็กซิโก ก็ได้ประกาศยืนยันไม่ย้ายสถานทูตไปยังกรุงเยรูซาเลมเช่นเดียวกัน โดยทางรัฐบาลเม็กซิโกระบุว่า การตัดสินใจไม่ย้ายสถานทูตนั้นสอดคล้องกับมติของสหประชาชาติ (UN)

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังเมื่อคืนนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม

 

ปธน.ทรัมป์ ระบุว่า การตัดสินใจของเขาไม่ได้มีความประสงค์ที่จะขัดขวางกระบวนการสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ โดยสหรัฐจะให้การสนับสนุนแนวทางในการตั้งรัฐปาเลสไตน์และอิสราเอลควบคู่กัน หากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องกัน

 

ผู้นำสหรัฐระบุว่า เขาจะสั่งการให้มีการเริ่มต้นกระบวนการในการออกแบบ และก่อสร้างสถานทูตสหรัฐในกรุงเยรูซาเลม ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาหลายปี และหากการก่อสร้างแล้วเสร็จ ก็จะถือเป็นคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อสันติภาพในตะวันออกกลาง

 

ทั้งนี้ การดำเนินการของปธน.ทรัมป์ ถือเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายปี 2538 ของสหรัฐ ซึ่งกำหนดให้มีการย้ายสถานทูตสหรัฐไปยังกรุงเยรูซาเลม ในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐหลายคนก่อนหน้านี้ เช่น บิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู บุช และบารัค โอบามา ต่างก็ใช้คำสั่งประธานาธิบดีเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไป เนื่องจากวิตกว่าจะกระพือความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

 

ชาวปาเลสไตน์ถือว่ากรุงเยรูซาเลมซึ่งถูกอิสราเอลยึดครองมาตั้งแต่สงครามปี 2510 นั้น เป็นเมืองหลวงแห่งรัฐในอนาคต รวมถึงมองว่าสถานะของกรุงเยรูซาเลมนั้นยังคงเป็นประเด็นที่ต้องได้รับการแก้ไข

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2751377

 

 

 

 

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.63 อ่อนค่าจากวานนี้เล็กน้อยหลังไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯพรุ่งนี้

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560 11:14:31 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.63 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า

 

 

 

จากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ 32.61 บาท/ดอลลาร์

"มีแรงซื้อดอลลาร์เข้ามาในตลาดโลก ขณะที่ตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่ โดยรอดูการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาค

 

เกษตรของสหรัฐฯในคืนวันศุกร์นี้" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ยังประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทไว้ที่ 32.60-32.70 บาท/ดอลลาร์

 

THAI BAHT FIX 3M (6 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.69720% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (6 ธ.ค.)อยู่ที่ระดับ

 

1.05763%

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ 112.45 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 112.12 เยน/ดอลลาร์

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1797 ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1825 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.5960 บาท/

 

ดอลลาร์

- ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในปี 61 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) จะเติบโตได้มากกว่า

 

4% เนื่องจากมีแรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การส่งออกที่คาดว่าสูงกว่าปีนี้ และแรงส่งจากการท่อง

 

เที่ยว การบริโภค และการลงทุนของรัฐที่จะผลักดันเอกชนให้เกิดการลงทุนตาม รวมทั้งการเลือกตั้งที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนัก

 

ลงทุนมากขึ้น ส่วนกรณีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ยังเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะปรับไม่ได้

 

ตามแผนที่ตั้งไว้ เพราะอาจทำให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป และทำให้เกิดการกระตุก การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐได้

 

- กระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการสวัสดิการให้กับผู้มีรายได้น้อยระยะที่ 2 ไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเสนอคณะ

 

รัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบได้ในเดือน ธ.ค.นี้ โดยในบางมาตรการสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2561

 

เป็นต้นไป เช่น การจัดหางาน การฝึกอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อยพ้นความยากจน

 

- ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อร่วมกับธนาคาร กรุงไทยและธนาคารไทยพาณิชย์ 63,360 ล้านบาท

 

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง เมื่อ เดือน ต.ค. ที่ผ่านมา คาดว่า

 

ในปีนี้จะยังไม่มีการเบิกใช้สินเชื่ออาจจะเป็นปีหน้า

- ธนาคารกรุงไทย ได้มีการปรับขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อและกระบวนการตรวจสอบให้กระชับมากขึ้นพร้อมกับเร่งปรับ

 

โครงสร้างหนี้ซึ่งเชื่อว่าสิ้นปีนี้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะลดลงต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ขณะที่หนี้เอ็นพีแอลได้ผ่านจุดสูงสุด

 

ไปแล้ว ส่งผลให้ธนาคารสำรองหนี้จัดชั้นในไตรมาส 4 ลดลงจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

- บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานค้ำประกันสินเชื่อ บสย. ในรอบ

 

11 เดือน มียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ 7.54 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการช่วยเอสเอ็มอีได้เข้าถึงสินเชื่อสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.06

 

แสนราย ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะค้ำประกันสินเชื่อได้ 8.6 หมื่นล้านบาท ได้ตามเป้าหมาย

 

- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ปี 2561 ททท.มีเป้าหมายสร้างรากฐานเพื่อนำไปสู่เป้า

 

หมายที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560-2564) ซึ่งเมื่อสิ้นสุดปี 2564 ไทยจะมีรายได้ 1 ใน

 

7 ของโลกที่ 4 ล้านล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน และการเดินทางภายในประเทศ 200 ล้านคน

 

- ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่ม

 

ขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 235,000

 

ตำแหน่งในเดือนต.ค.

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) ด้วย

 

แรงหนุนจากข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐซึ่งขยายตัวสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดใน

 

ตะวันออกกลางได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศรับรองให้

 

กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐ จากกรุงเทลอาวีฟ ไปยัง

 

กรุงเยรูซาเลม

- นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาสภาคองเกรสสหรัฐเตรียมลงมติเพื่ออนุมัติงบประมาณการใช้จ่ายชั่วคราวของรัฐบาลใน

 

วันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค.) โดยหากสภาคองเกรสมีมติเห็นชอบ ก็จะช่วยให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศหลังจากวันศุกร์ที่ 8

 

ธ.ค.

- ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

 

ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัย

 

มิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.

- นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการตัดสิน

 

ใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะ

 

เพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง และคาดว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับ

 

ขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.1%

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2751465

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้พระลานพระราชวังดุสิต ในการจัดการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ เพื่อมอบความสุขแก่ประชาชน และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร อย่างต่อเนื่อง และในวันเสาร์ที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๐ นี้ ตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ น. เป็นต้นไป พบกับการแสดงดนตรี "จิตรลดาสวามิภักดิ์" ในคอนเสิร์ตชุด "ก้าวเดินต่อไป" โดยในการนี้ได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงจาก คุณพลอยไพลิน เจนเซน พระธิดาองค์โตในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ที่จะมาร่วมทอดความงดงามจากความรักและพระเมตตา ผ่านงานศิลปะไทยอันล้ำค่า

นอกจากนี้ยังพบกับศิลปินนักร้อง นักแสดง จากการรวมตัวของศิษย์และครูจิตรลดา ทั้งสายสามัญ สายวิชาชีพ และวิทยาลัยเทคโนโลยีจิตรลดา ร่วมกับวงดุริยางค์ราชนาวี ที่จะถ่ายทอดบทเพลงเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และถวายความจงรักภักดี กับปลุกจิตสำนึกรักสามัคคี เพื่อก้าวเดินต่อไปเพื่อแผ่นดินไทยร่วมกัน โดยพิธีกร จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร และ วัชรบูล ลี้สุวรรณ

ประชาชนสามารถรับเครื่องสักการะพระราชทานเพื่อร่วมถวายสักการะพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และนำกลับไปบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมกับชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร "เศรษฐกิจพอเพียงนำทางชีวิตตามพระราชปณิธาน สืบสาน – รักษา – ต่อยอด"

และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น. - ๒๒.๐๐ น. ณ พระลานพระราชวังดุสิต

24312367_1954235288163955_4917625622200474149_n.jpg?oh=9b13c8c36f735dc874235babfcefe6b7&oe=5AC89156

chinaxinhua news

ทรัมป์รับรอง "เยรูซาเล็ม" เป็นเมืองหลวงอิสราเอลแม้ทั่วโลกคัดค้าน-ยูเอ็นประชุมด่วนศุกร์นี้

วันพุธที่ผ่านมา (6 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่การทูตเปิดเผยว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะประชุมวาระเร่งด่วนวันศุกร์นี้ (8 ธ.ค.) เพื่อหารือต่อการตันสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ประกาศรับรองนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ

เจ้าหน้าที่เผยว่า การเรียกร้องให้อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติแถลงข่าวต่อสาธารณะครั้งนี้เกิดขึ้นโดยประเทศฝรั่งเศส โบลิเวีย อียิปต์ อิตาลี เซเนกัล สวีเดน สหราชอาณาจักร และอุรุกวัย

ทั้งนี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 ธ.ค.) ทรัมป์ได้ประกาศว่าเขาจะรับรองนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศเริ่มดำเนินการย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ จากเมืองเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเล็ม

“ผมมั่นใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ” ทรัมป์กล่าว พร้อมเสริมว่าเขาประเมินว่า “พฤติการณ์นี้จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อสหรัฐอเมริกาและเป็นการนำไปสู่สันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์”

“นี่เป็นก้าวที่ล่าช้ามานานในการเร่งกระบวนการสู่สันติภาพและร่วมงานกันเพื่อให้ได้ข้อตกลงระยะยาว” เขากล่าว ทั้งยังยืนยันว่าการประกาศของเขาเป็นเพียง “การรับรองความเป็นจริง” ซึ่งเขาคิดว่า “จำเป็น” ในการบรรลุสู่สันติภาพ

นครเยรูซาเย็มเป็นนครศักดิ์สิทธิ์และเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์มายาวนาน ชาวอิสราเอลมองว่านครเยรูซาเล็มคือนครหลวงอันเป็นนิรันดร์และไม่อาจแบ่งแยกได้ และต้องการให้สถานทูตทั้งหมดมาตั้งอยู่ในนครแห่งนี้ ขณะเดียวกันชาวปาเลสไตน์ก็ต้องการให้เมืองหลวงของปาเลสไตน์ซึ่งเป็นรัฐเอกราชตั้งอยู่ในฝั่งตะวันออกของนครแห่งนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอลมาตั้งแต่สงครามปี 1967 ต่างฝ่ายต่างต้องการให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของประเทศตนเอง

ทั้งนี้ การตัดสินใจข้างต้นของทรัมป์เท่ากับประกาศว่าสหรัฐฯ เลือกข้างอิสราเอล จึงเกิดเสียงคัดค้านจากผู้นำทั่วโลก เพราะไม่เห็นว่านี่คือหนทางที่จะนำไปสู่สันติภาพ

“องค์การสหประชาชาติคือผู้ที่ให้สถานะพิเศษทางการเมืองและกฎหมายแก่เยรูซาเล็ม ซึ่งทางสหประชาชาติเองก็เรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติเคารพสถานะพิเศษดังกล่าว นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงเชื่อว่าคณะมนตรีฯ จึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหานี้โดยเร่งด่วน” ทูตสวีเดนประจำสหประชาชาติกล่าว

หลังการประกาศของทรัมป์ กูเตอร์เรสได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ผมประกาศไปอย่างชัดเจนแล้วว่า สหประชาชาติคัดค้านมาตรการฝ่ายเดียวใดๆ ก็ตามที่จะส่งผลอันตรายต่อสันติภาพของชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์”

“ในช่วงเวลาแห่งความวิตกกังวลอันใหญ่หลวงนี้ ผมอยากจะพูดให้ชัดอีกครั้งว่า ไม่มีทางเลือกใดที่จะแทนที่ทางแก้ 2 รัฐ (two-state solution) ไม่มีแผนบี” กูเตอร์เรสกล่าว “ผมจะทำทุกอย่างในขอบเขตอำนาจของผมเพื่อสนับสนุนให้ผู้นำอิสราเอลและปาเลสไตน์หันกลับมาสู่การเจรจา”

24796440_2009367439279268_2695303660612632738_n.jpg?oh=e430a44718b93e5d6f122c932de0e9c7&oe=5ACB899E

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เจาะลึกเศรษฐกิจ by Ylg 11-12-2560Ylg Bullion

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 11 ธันวาคม 2560 06:34:42 น.
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 8 ธ.ค. 2560
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,329.16 จุด เพิ่มขึ้น 117.68 จุด หรือ +0.49% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,651.50 จุด เพิ่มขึ้น 14.52 จุด หรือ +0.55% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,840.08 จุด เพิ่มขึ้น 27.24 จุด หรือ +0.40%



-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.) ขานรับสหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป (EU) ที่บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.73% ปิดที่ 389.25 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,153.70 จุด เพิ่มขึ้น 108.55 จุด หรือ +0.83% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,399.09 จุด เพิ่มขึ้น 15.23 จุด หรือ +0.28% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,393.96 จุด เพิ่มขึ้น 73.21 จุด หรือ +1.00%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ หลังจากอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,393.96 จุด เพิ่มขึ้น 73.21 จุด หรือ +1.00%
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.) อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.18% ปิดที่ 57.36 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ หรือ 1.93% ปิดที่ 63.40 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ ซึ่งจัดเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และหันไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยงแทน เช่น ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 4.7 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ระดับ 1,248.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.1 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 15.823 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 10.80  ดอลลาร์ หรือ 1.21% ปิดที่ 883.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 6.55 ดอลลาร์ หรือ 0.7%  ปิดที่ 996.40 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆส่วนใหญ่ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

ยูโรอ่อนค่าลงเทียบดอลลาร์สหรัฐสู่ระดับ 1.1768 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1783 ดอลลาร์สหรัฐ ปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3399 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3474 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7503 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7518 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์แข็งค่าเทียบเยนที่ระดับ 113.53 เยน จากระดับ 113.01 เยน อ่อนค่าลงเทียบฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9925 ฟรังก์ จากระดับ 0.9934 ฟรังก์ และแข็งค่าเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ 1.2871 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2851 ดอลลาร์แคนาดา

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 24,329.16 จุด เพิ่มขึ้น 117.68 จุด, +0.49%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,651.50 จุด เพิ่มขึ้น 14.52 จุด, +0.55%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 6,840.08 จุด เพิ่มขึ้น 27.24 จุด, +0.40%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,393.96 จุด เพิ่มขึ้น 73.21 จุด, +1.00%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,399.09 จุด เพิ่มขึ้น 15.23 จุด, +0.28%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,153.70 จุด เพิ่มขึ้น 108.55 จุด, +0.83%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 33,250.30 จุด เพิ่มขึ้น 301.09 จุด, +0.91%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,424.64 จุด เพิ่มขึ้น 36.50 จุด, +1.08%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,721.25 จุด เพิ่มขึ้น 2.20 จุด, +0.13%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,030.96 จุด เพิ่มขึ้น 24.12 จุด, +0.40%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 28,639.85 จุด เพิ่มขึ้น 336.66 จุด, +1.19%
ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 940.16 จุด เพิ่มขึ้น 1.51 จุด, +0.16%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,304.70 จุด เพิ่มขึ้น 129.77 จุด, +1.59%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,289.99 จุด เพิ่มขึ้น 17.94 จุด, +0.55%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,464.00 จุด เพิ่มขึ้น 2.02 จุด, +0.08%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 22,811.08 จุด เพิ่มขึ้น 313.05 จุด, +1.39%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 10,398.62 จุด เพิ่มขึ้น 42.86 จุด, +0.41%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,994.40 จุด เพิ่มขึ้น 16.70 จุด, +0.28%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,077.40 จุด เพิ่มขึ้น 16.60 จุด, +0.27%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข โทร.02-2535000 ต่อ 338 อีเมล์: preeyapan@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2752725

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

YLG GOLD DAILY UPDATE 11-12-60
• วันศุกร์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวขึ้น 1.46 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน โดยได้รับแรงกดดันหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนพ.ย. 
• อย่างไรก็ดีราคาทองคำยังคงทรงตัวเหนือระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนได้เช่นกันเพื่อรอดูว่าผลการประชุมเฟดวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ และประเด็นที่ว่าสมาชิกสภาคองเกรสจะสามารถตกลงกันได้ในเรื่องร่างกฎหมายภาษีขั้นสุดท้ายก่อนวันที่ 22 ธ.ค.ได้หรือไม่
อ่านฉบับเต็ม :https://goo.gl/89RUay
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
Line ID : @ylgbullion
Facebook : YLG Group
เว็ปไซต์ : www.ylgbullion.co.th
Call Center : 02 687 9888
#YLG #GOLD #ทองคำ #เทรดทองออนไลน์ #YLGBULLION #บทวิเคราะห์ราคาทอง #กราฟเทคนิค #ราคาทองคำ

No automatic alt text available.
 
(+) สนง. สถิติจีนเผยดัชนี CPI เดือนพ.ย. ขยายตัว 1.7% ชะลอลงจากเดือนต.ค. สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NB
YLGBULLION.CO.TH
 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:P สวัสดีเพื่อน พี่น้อง

No automatic alt text available.

 

ราคาทองคำสมาคมฯ เปิดตลาดวันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม 2560 ยังทรงต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว

-----

บิตคอยน์พุ่งทะลุ 16,000 ดอลลาร์ หลังเริ่มเทรดสัญญาฟิวเจอร์สในตลาด CBOE

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 11 ธันวาคม 2560 08:16:41 น.
ตลาด CBOE เริ่มเปิดซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ในวันอาทิตย์ที่ 10 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเช้าวันจันทร์ตามเวลาประเทศไทย

สัญญาบิตคอยน์เปิดตลาดที่ 15,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะพุ่งไปแตะระดับ 16,630 ดอลลาร์
คณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐ มีมติอนุมัติให้เปิดการซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ของ CBOE และ CME ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากที่ CBOE และ CME สามารถแสดงให้เห็นว่า การซื้อขายสัญญาบิตคอยน์สอดคล้องกับกฎระเบียบควบคุมการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของสหรัฐ

ทั้งนี้ CME จะเริ่มทำการซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ในวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค.


--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข โทร.02-2535000 ต่อ 338 อีเมล์: preeyapan@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2752792

-----

ผู้เชี่ยวชาญเตือนบิตคอยน์ทะลุ 100,000 ดอลลาร์ ก่อนทรุดเหลือ 0 ขณะกระทบโบรกฯขนาดเล็ก

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2560 00:40:51 น.
บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล จะเริ่มทำการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าในตลาด CBOE Global Markets Inc ในวันอาทิตย์ที่ 10 ธ.ค. ขณะที่ Chicago Mercantile Exchange (CME) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จะเริ่มทำการซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ในวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค.

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ในตลาดฟิวเจอร์ส จะส่งผลให้นักลงทุนสถาบันเข้าซื้อขายบิตคอยน์มากขึ้น



บิตคอยน์ปรับตัวอย่างผันผวน หลังจากที่ทะยานขึ้นเหนือระดับ 19,000 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 19,340 ดอลลาร์

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บิตคอยน์มีมูลค่าไม่ถึง 1,000 ดอลลาร์ แต่สามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 5,000 ดอลลาร์ในเดือนต.ค. และพุ่งขึ้นเหนือ 11,000 ดอลลาร์ในเวลาไม่ถึง 2 เดือนหลังจากนั้น

อย่างไรก็ดี นายทอม ปีเตอร์ฟาย ผู้ก่อตั้งบริษัทอินเตอร์แอคทีฟ โบรกเกอร์ กล่าวคาดการณ์ว่า บิตคอยน์จะปรับตัวขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแตะระดับ 100,000 ดอลลาร์ หรือมากกว่า ก่อนที่จะทรุดตัวลงสู่ระดับ 0 ดอลลาร์ และจะส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินของบริษัทโบรกเกอร์รายย่อย

"บริษัทโบรกเกอร์ขนาดเล็กจะล้มละลาย" นายปีเตอร์ฟายกล่าว พร้อมกับเสริมว่า "บิตคอยน์จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของบริษัทรับชำระบัญชี"

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2752456

----

การสร้างคลองไทยที่ภาคใต้จะทำให้ภูมิ ยุทธศาสตร์ของประเทศไทย ล้ำเลิศขึ้นสู่ขั้นใหม่ เพราะ
1สามารถเชื่อมต่อสองฝั่งฟากมหาสมุทร ให้เดินทางถึงกันได้ในเวลาอันรวดเร็ว อย่างน้อยประหยัดเวลาเดินเรือถึง 3 วัน 2 พื้นที่ภาคใต้ จะกลายเป็นเขตเศรษฐกิจนานาชาติ ที่รุ่งเรืองที่สุดในภูมิภาคนี้ เงินลงทุนจะหลั่งไหล เข้าประเทศ และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง ของอาเซียนหรือการคมนาคมทางทะเลหรือเส้นทางสายไหมทางทะเล ระหว่าง 2ฟากมหาสมุทรอย่างแท้จริง 
3 สองฝั่งคลอง จะกลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีลักษณะพิเศษคือมีความเป็นสากล โดยประเทศไทยเป็นเจ้าของและนานาประเทศ มีส่วนร่วมในการถือหุ้นหรือในการได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงสูงสุด 
4 การดำเนินโครงการนี้ประเทศไทยอาจไม่ต้องลงเงินเลยแม้แต่บาทเดียวแต่จะมีเงินทุนหลั่งไหลเข้ามา อย่างท่วมท้น ความเติบโตทางเศรษฐกิจและ GDP ของประเทศจะพุ่งกระฉูด

Image may contain: 2 people, people smiling, people standing and suit

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Image may contain: text

พี่ตูนป่วยเป็นไข้ หยุดวิ่งวันนี้ ขอให้หายดีแข็งแรงแล้งค่อยวิ่งต่อนะคะ ....

Somkiat Osotsapa shared กิตติศักดิ์ เจริญทรัพย์'s video.
19 hrs  คลิป
 
ชอบมาก รักมาก

พี่เชียร์ได้ทุกวันเรย ขอ-บ-----------------------------------------------------------------------------------------------
ตูนได้ทำหน้าที่แทนคนไทยให้กำลังใจที่ยิ่งใหญ่ๆต่อเด็กๆเหล่านี้
เด็กทั่วประเทศ
จิตใจที่ดีแสร้งทำไม่ได้
ขอบคุณ น้อง
ภูมิใจนะ....

เงินของเด็กพิการ เงินของเด็กๆทำให้ผมน้ำตาไหล

--------------------------------------------------------

รัฐมนตรีชาติอาหรับประกาศไม่ยอมรับเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม 2560 18:47:13 น.
รัฐมนตรีต่างประเทศจากชาติสมาชิกสันนิบาตอาหรับเปิดเผยว่า การที่สหรัฐตัดสินใจรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลนั้นผิดต่อหลักกฎหมาย และเป็นการกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงในภูมิภาคมากขึ้น

สันนิบาตอาหรับซึ่งจัดการประชุมฉุกเฉินขึ้นที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์เมื่ออวานนี้ เพื่อหารือถึงท่าทีของชาติอาหรับในประเด็นดังกล่าว ออกมาเตือนให้สหรัฐล้มเลิกการตัดสินใจ เนื่องจากเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ



แถลงการณ์ของสันนิบาตอาหรับระบุว่า การตัดสินใจของสหรัฐไม่มีผลตามกฎหมาย และมันได้ทำลายความพยายามในการเสริมสร้างสันติภาพ ทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น อีกทั้งกระตุ้นความโกรธ และผลักดันให้เกิดความรุนแรงและความไม่มั่นคงขึ้นในภูมิภาค

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆทั่วโลกยอมรับปาเลสไตน์เป็นรัฐอิสระ โดยมีเยรูซาเลมตะวันออกเป็นเมืองหลวง

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม โดยกล่าวว่า การตัดสินใจของเขาไม่ได้มีความประสงค์ที่จะขัดขวางกระบวนการสันติภาพระหว่างอิสราเอล และปาเลสไตน์ โดยสหรัฐจะให้การสนับสนุนแนวทางในการตั้งรัฐปาเลสไตน์ และอิสราเอลควบคู่กัน หากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องกัน

อย่างไรก็ดี การประกาศของปธน.ทรัมป์ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์และคัดค้านอย่างหนักจากโลกอาหรับและประเทศมุสลิม

ทั้งนี้ อิสราเอลได้ครอบครองดินแดนฝั่งตะวันตกของกรุงเยรูซาเลมนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศขึ้นในปี 2491 และหลังจากที่อิสราเอลชนะสงคราม 6 วันเหนือชาติอาหรับในปี 2510 อิสราเอลก็ได้เข้ายึดครองดินแดนฝั่งตะวันออกของกรุงเยรูซาเลมจากจอร์แดน พร้อมกับประกาศรวมดินแดนทั้งสองฝั่ง และสถาปนากรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ประชาคมโลกไม่เคยยอมรับการประกาศแต่เพียงฝ่ายเดียวของอิสราเอล

ขณะที่ชาวปาเลสไตน์ถือว่ากรุงเยรูซาเลมซึ่งถูกอิสราเอลยึดครองมาตั้งแต่สงครามปี 2510 นั้น เป็นเมืองหลวงแห่งรัฐในอนาคต รวมถึงมองว่าสถานะของกรุงเยรูซาเลมนั้นยังคงเป็นประเด็นที่ต้องได้รับการแก้ไข

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พัทธนันท์ เอกนิพิตรพงศ์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pattanan.e@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2752723

-----

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กระทรวงกลาโหมอเมริกาเผย: 'รัฐบาลอเมริกาแอบส่งทหารเข้าประเทศอื่นๆ ด้วยภารกิจลับ ๔๔,๐๐๐ นาย':

ขณะนี้ อเมริกาส่งทหารเข้าไปประจำยังค่ายทหารต่างๆ ๑๔ แห่งในซีเรียร่วม ๒,๐๐๐ นายทั้งๆ ที่รัฐบาลซีเรียก็ไม่ได้อนุญาต ส่วนที่อิรักมีถึง ๕๒๐๐ คนโดยที่รัฐบาลอิรักก็พยายามไล่แต่อเมริกาไม่ยอมออกไป ข้อมูลล่าสุดจากดร.รอน พอล ระบุว่าอเมริกายังส่งทหารอีก ๔๔,๐๐๐ นายเข้าสู่ประเทศที่อเมริกาไม่ได้ระบุ หมายความว่าเข้าไปด้วยภารกิจลับเพื่อให้อเมริกาเป็น ต่อฝ่ายศัตรู รายงานบอกว่า ๑.โดยปรกติ อเมริกาจะให้ข้อมูลเท็จแก่ประชาชนว่าจะส่งทหารไปที่ไหน ๒.จำนวนทหารที่ส่งไปก็ไม่มีการเปิดเผยให้เด่นชัด

ถ้าจะให้เดานะครับ ทหารเหล่านี้ รัฐบาลอเมริกาน่าจะส่งไปในประเทศที่สุ่มเสี่ยงจะเอียงไปหาจีนหรือรัสเซียมากกว่า ประเด็นก็คือเข้ามาในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง ภัย Globalism (ทฤษฎีการเมืองว่ารัฐบาลเดียวเป็นพ่อทุกรัฐบาล) เป็นอันตรายต่อความสงบสุขของโลกสมัยนี้จริงๆ เพราะทฤษฎีการเมืองนี้แหละครับคือที่มาของกลุ่มก่อการร้ายหลายชื่อหลายประเภทบนโลกเวลานี้

เมืองไทยก็ต้องช่วยกันเฝ้าระวังกันให้ดีครับ
๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๐
หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* หรือ *ไร้สาระ* จะลบออกทุกครั้งที่เห็นครับเห็น ๓.ถ้าอยากติดตามข่าวต่างประเทศมากกว่าเพจนี้ ติดตามได้ที่ https://vk.com/bodhinanda แต่ว่าต้องระบุชื่อ นามสกุลจริง รูปจริงในโปรไฟล์ของสมาชิกด้วย
http://www.ronpaullibertyreport.com/…/44000-us-troops-on-un…

 

China Xinhua News
3 hrs · _Y91QzmaslR.pngคลิป

เกิดเหตุปะทะหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ในเลบานอน

10 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีรายงานว่าเกิดการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยของเลบานอน หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงเบรุต หลังเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาและน้ำจากรถดับเพลิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งมาประท้วงต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กรณีรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

ขณะนี้ถนนสายหลักที่นำไปสู่สถานทูตสหรัฐฯ ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกั้นไว้

รายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่ามีประชาชนหลายรายได้รับบาดเจ็บจากก้อนหินและแก๊สน้ำตา

การประท้วงในเลบานอนก็ดำเนินมาแล้วต่อเนื่อง 3 วันเช่นเดียวกับสถานที่อื่นๆ ในเขตเวสต์แบงค์และฉนวนกาซา ทั้งนี้ เลบานอนมีผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์และลูกหลานอาศัยอยู่หลายร้อยคน ซึ่งในจำนวนคนเหล่านี้มีผู้ที่ลี้ภัยมาตั้งแต่มีการสถาปนาอิสราเอลขึ้น

กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงส่วนมากโพกผ้าลายขาวดำ ชูธงชาติปาเลสไตน์ และตะโกนคำขวัญประณามทรัมป์

การรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลได้โหมไฟพิโรธในหมู่ประเทศอาหรับและทำให้พันธมิตรตะวันตกหลายประเทศไม่พอใจ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวได้ล้มความพยายามสร้างสันติภาพเหนือภูมิภาค และยิ่งเสี่ยงจะทำให้ภาวะไม่สงบในตะวันออกกลางยืดเยื้อออกไปอีก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

*เครื่องมืออันทรงพลัง* ของรัฐบาลอเมริกาและแก๊งนาโต้:

ยุคนี้เป็นยุค ๔.๐๐ ปัญหาที่เกิดยุคนี้คือ Globalism (รัฐบาลชาติเดียวแต่เป็นพ่อทุกรัฐบาล) โดยกลุ่มทุนยิวซึ่งเป็นเครือข่ายรัฐบาลเงา (Deep State) ในอเมริกาอยู่เบื้องหลัง เพราะต้องการให้รัฐบาลตนปกครองทุกรัฐบาลในโลก อเมริกาจึงต้องส่งทหารไปตั้งฐานทัพอยู่ทั่วโลก ถึงเขาไม่อนุญาตก็กล้ารุกรานประเทศโน้นประเทศนี้ได้อย่างเสรี ไม่กลัวชาติไหนจะฟ้องยูเอ็น เพราะยูเอ็นก็คือองค์กรที่อเมริกามีส่วนสำคัญในการสร้างขึ้นและแถมอุดหนุนด้านการเงินอีกด้วย

รัฐบาลอเมริกาไม่กลัวใครประณามเพราะอเมริกาควบคุม *สื่อกระแสหลัก* (Mainstream Media=MSM) ของโลกเอาไว้ได้ อเมริกาถือว่าแม้จะทำชั่วปานใดก็ตาม หากไม่มีใครแฉเสียอย่างก็ไม่มีใครทำอะไรอเมริกาได้ ตรงข้าม ถ้าอเมริกาจะเล่นใครชาติไหน ก็จะให้สื่อต่างๆ ประสานเสียงกันด่าคราวเดียว ชาตินั้นๆ ก็จะเน่าไปทั่วโลกในระยะเวลาอันสั้น

สื่อที่อเมริกาใช้ด่าซึ่งเป็นสื่อกระแสหลักที่อเมริกาอยู่เบื้องหลังมีหลายสื่อ ดังๆ ทั้งนั้นครับ ยกตัวอย่างเช่น CNN BBC New York Times Reuters AFP FoxNews Daily Express Daily Star SkyNews NBC OBC Newsweek LATimes USATODAY The Economist เป็นต้น ยังไม่รวมกระบอกเสียงของ NGOs จัดตั้งต่างๆ ที่ทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิด

สื่อพวกนี้แหละครับที่ปั่นกระแสโกหกว่าอิรักมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง สื่อพวกนี้แหละครับที่บอกว่ารัฐบาลซีเรียฆ่าประชาชนตัวเอง สื่อพวกนี้แหละครับที่บอกว่าจีน เกาหลีเหนือ อิหร่านและรัสเซียเลวทรามต่ำช้า ทั้งๆ ที่แต่ละวัน เราเห็นแต่รัฐบาลอเมริกาและแก๊งมิตรประเทศนาโต้เท่านั้นที่ส่งทหารบุกรุกชาติอื่นแม้จะผิดกฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎบัตรประชาชาติก็ตาม สื่อเหล่านี้แหละครับที่กำลังโจมตีพม่า เวเนซุเอล่าและฟิลิปปินส์ สื่อเหล่านี้แหละครับที่ไม่ค่อยจะนำเสนอข่าวละเมิดสิทธิมนุษยชนในซีเรีย อิรัก เยเมน ปาเลสไตน์ของรัฐบาลอเมริกา อิสราเอลและซาอุดิอาระเบีย สื่อพวกนี้แหละครับที่คอยสอนเราเรื่อง *ประชาธิปไตย* และ *สิทธิมนุษยชน* ทั้งๆ ที่ประเทศของตนเองนั่นแหละเลวทรามต่ำช้ามากกว่าหลายเท่า

เชื่อมั้ยครับ สื่อกระแสหลักเหล่านี้มีหนังสือพิมพ์ในเครือข่าย ๑,๕๐๐ ฉบับ มีวารสาร ๑,๑๐๐ ชื่อ มีสถานีวิทยุ ๙,๐๐๐ สถานี มีทีวี ๑,๕๐๐ ช่อง มีผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ๒,๔๐๐ ชื่อ แต่ทว่ามีบรรษัทเป็นเจ้าของควบคุมกิจการทั้งหมดอยู่แค่ ๖ บรรษัทเท่านั้น มีผู้บริหารบรรษัทเหล่านี้รวม ๒๗๒ คนที่ควบคุมประชากรอเมริกันซึ่งมีอยู่ทั้งหมด ๒๗๗ ล้านคนในด้านข้อมูลข่าวสาร ชาวอเมริกันดูข่าว ฟังข่าว อ่านข่าวหรือพูดง่ายๆ ว่า *เสพข่าว* จากสื่อที่ ๖ บรรษัทใหญ่เหล่านี้เป็นเจ้าของ บรรษัทใหญ่ทั้ง ๖ เหล่านี้คือเครือข่ายรัฐบาลเงา (Deep State) ในอเมริกา พวกเขามีความเชื่อว่า 'ถ้าสื่อกระแสหลักของพวกเขาลงข่าวเหมือนกันบ่อยๆ โลกก็จะต้องเชื่อพวกเขา'

สื่อกระแสหลักพวกนี้จึงล้างสมองคนไปได้รอบโลก ประชาชนจำนวนมากทั่วโลก โดยเฉพาะประชาชนคนอเมริกันจำนวนมากพากันโง่ที่คิดว่าตนเองอยู่ในโลกเสรี หาเฉลียวใจไม่ว่าถูกสื่อที่ตัวเองเสพทุกวันล้างสมองตนอยู่ทุกวัน คนทำสื่อหลายๆ สำนักในประเทศไทยก็ถูกล้างสมองไปด้วย คนคร่ำหวอดในวงการสื่อของไทยหลายคนจึงถูกสื่อกระแสหลักของอเมริกา *ปั่นหัว* หรือ *เสี้ยม* ให้เขียนข่าวเชียร์รัฐบาลอเมริกา ไม่เว้นแม้กระทั่งเหน่งศักดิ์ที่หลายๆ คนติดตาม

แต่ยกเว้นผมครับ ไม่เพียงไม่หลงกล ผมยังจะด่ามันอีกต่างหาก ให้รู้เสียบ้างว่าละนาเจียละนา เอ้ย ไผเป็นไผ ^^

๗ ธันวาคม ๒๕๖๐
(ภาพประกอบจากกูเกิล)
หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* หรือ *ไร้สาระ* จะลบออกทุกครั้งที่เห็นครับเห็น ๓.ถ้าอยากติดตามข่าวต่างประเทศมากกว่าเพจนี้ ติดตามได้ที่ https://vk.com/bodhinanda

 
 แต่ว่าต้องระบุชื่อ นามสกุลจริง รูปจริงในโปรไฟล์ของสมาชิกด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

No automatic alt text available.

รังนกสำเร็จรูป คุณค่าที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อ
ถ้าต้องการได้โปรตีนจากรังนกสำเร็จรูปเท่ากับไข่ไก่ 1 ฟอง จะต้องกินรังนกมากถึง 26 ขวด หรือถ้าจะให้ได้โปรตีนจากรังนกสำเร็จรูปเท่ากับนม 1 กล่อง จะต้องกินรังนกมากถึง 34 ขวด อีกนัยหนึ่ง ปริมาณโปรตีนในรังนกสำเร็จรูป 1 ขวด เท่ากับนมสดประมาณครึ่งช้อนโต๊ะ หรือถั่วลิสง 2 เมล็ดเท่านั้น

รายละเอียด :>> http://bit.ly/1ruz3il

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดึจ้า

ข่าวในพระราชสำนัก วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2560

'ร.10'เสด็จวางพุ่มดอกไม้ถวายบังคมพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระราชพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนู...
DAILYNEWS.CO.TH
 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 12 ธันวาคม 2560 07:35:33 น.
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 11 ธ.ค. 2560

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดทำนิวไฮ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความตื่นตระหนกเกี่ยวกับเหตุก่อการ้ายที่เกิดขึ้นในย่านไทม์สแควร์เมื่อวานนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้



ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,386.03 จุด เพิ่มขึ้น 56.87 จุด หรือ +0.23% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,659.99 จุด เพิ่มขึ้น 8.49 จุด หรือ +0.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,875.08 จุด เพิ่มขึ้น 35.00 จุด หรือ +0.51%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้สร้างแรงกดดันต่อตลาด อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดดีดตัวขึ้น เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.05% ปิดที่ 389.05 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,123.65 จุด ลดลง 30.05 จุด หรือ -0.23% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,386.83 จุด ลดลง 12.26 จุด หรือ -0.23% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,453.48 จุด เพิ่มขึ้น 59.52 จุด, +0.80%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) ด้วยอานิสงส์จากสกุลเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สืบเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลสหราชอาณาจักรจะผลักดันข้อเสนอ Brexit ที่มีการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนหน้าการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 59.52 จุด หรือ +0.80% ปิดที่ 7,453.48 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ในทะเลเหนือของอังกฤษ จะปิดทำการซ่อมแซมเป็นเวลาหลายสัปดาห์ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้น หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายในย่านไทม์สแควร์ของสหรัฐเมื่อวานนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 57.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น  1.29 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 64.69 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นทำนิวไฮ รวมทั้งปัจจัยกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.50 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ระดับ 1,246.90 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 3.8 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 15.785 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 9.10 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 892.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2.35 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 998.75 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) ขณะนักลงทุนชะลอการซื้อขาย ก่อนหน้าการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1792 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1768 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3348 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3399 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7535 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7503 ดอลลาร์

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 113.47 เยน จากระดับ 113.53 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9907 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9925 ฟรังก์สวิส

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 6,875.08 จุด เพิ่มขึ้น 35.00 จุด, +0.51%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,659.99 จุด เพิ่มขึ้น 8.49 จุด, +0.32%
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 24,386.03 จุด เพิ่มขึ้น 56.87 จุด, +0.23%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,453.48 จุด เพิ่มขึ้น 59.52 จุด, +0.80%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,386.83 จุด ลดลง 12.26 จุด, -0.23%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,123.65 จุด ลดลง 30.05 จุด, -0.23%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 33,455.79 จุด เพิ่มขึ้น 205.49 จุด, +0.62%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,460.45 จุด เพิ่มขึ้น 35.81 จุด, +1.05%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,719.47 จุด ลดลง 1.78 จุด, -0.10%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,026.63 จุด ลดลง 4.33 จุด, -0.07%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 28,965.29 จุด เพิ่มขึ้น 325.44 จุด, +1.14%
ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 917.45 จุด ลดลง 22.71 จุด, -2.42%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,358.57 จุด เพิ่มขึ้น 53.87 จุด, +0.65%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,322.20 จุด เพิ่มขึ้น 32.21 จุด, +0.98%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,471.49 จุด เพิ่มขึ้น 7.49 จุด, +0.30%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 22,938.73 จุด เพิ่มขึ้น 127.65 จุด, +0.56%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 10,473.09 จุด เพิ่มขึ้น 74.47 จุด, +0.72%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,998.30 จุด เพิ่มขึ้น 3.90 จุด, +0.07%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,081.90 จุด เพิ่มขึ้น 4.50 จุด, +0.07%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2752943

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $1.50 หลังดาวโจนส์ทำนิวไฮ,ตลาดคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 12 ธันวาคม 2560 07:18:31 น.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นทำนิวไฮ รวมทั้งปัจจัยกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.50 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ระดับ 1,246.90 ดอลลาร์/ออนซ์



สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 3.8 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 15.785 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 9.10 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 892.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2.35 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 998.75 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงาน

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างวันนั้น นักลงทุนได้เข้าซื้อสัญญาทองคำ หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายในย่านไทม์สแควร์ เมืองแมนฮัตตันของสหรัฐเมื่อวานนี้ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 4 คน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.20 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 19.20 น.ตามเวลาไทย เมื่อวานนี้ ใกล้กับสถานีรถขนส่งในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นสถานีที่มีจำนวนรถขนส่งคับคั่งที่สุดในโลก ขณะที่ตำรวจนิวยอร์กสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งเป็นชายวัย 27 ปี

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2752880

 

ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้น หลังเหตุระเบิดย่านไทม์สแควร์ นักลงทุนกังวลความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 11 ธันวาคม 2560 23:12:11 น.
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวขึ้นในวันนี้ หลังเกิดเหตุระเบิดในย่านไทม์สแควร์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในด้านภูมิรัฐศาสตร์

ณ เวลา 23.02 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.35% สู่ระดับ 57.56 ดอลลาร์/บาร์เรล



เกิดเหตุระเบิดในย่านไทม์สแควร์ในแมนฮัตตันวันนี้ ขณะที่ตำรวจนิวยอร์กสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง วัย 27 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการที่ไปป์บอมบ์ที่เขาทำขึ้นได้เกิดระเบิดออกมา

นายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก กล่าวว่า "นี่เป็นความพยายามก่อการร้าย"
ตำรวจระบุว่า นอกจากผู้ก่อเหตุระเบิดได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 3 คนจากเหตุการณ์ดังกล่าว

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.20 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 19.20 น.ตามเวลาไทย ใกล้กับสถานีรถขนส่งในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นสถานีที่มีจำนวนรถขนส่งคับคั่งที่สุดในโลก ขณะที่ตำรวจได้ทำการอพยพประชาชนออกจากสถานีรถไฟใต้ดินในบริเวณใกล้เคียง

นายบิล แบรตตัน อดีตผู้บัญชาการตำรวจนิวยอร์ก กล่าวว่า "ผู้ต้องสงสัยอยู่ในวัยราว 25 ปี โดยคาดว่ามาจากบังกลาเทศ และได้อาศัยอยู่ในสหรัฐเป็นเวลา 7 ปี ซึ่งขณะที่จุดปะทุระเบิด เขาได้กล่าวออกนามของ ISIS (รัฐอิสลาม) ดังนั้น นี่จึงเป็นการก่อการร้าย"

ทางด้านทำเนียบขาวแถลงในวันนี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับแจ้งเกี่ยวกับเหตุระเบิดในย่านไทม์สแควร์ในแมนฮัตตันแล้ว

ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันร่วงลงจากปัจจัยการผลิตน้ำมันที่มากขึ้นของสหรัฐ
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 แท่น สู่ระดับ 751 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. และสูงกว่าระดับ 498 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

เบเกอร์ ฮิวจ์ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ฤดูร้อนที่ผ่านมา

การผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.71 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1970 และใกล้เคียงระดับการผลิตของรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2752871

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

"ตูน" กลับมาวิ่งต่ออีกครั้ง ออกตั้งแต่ตี 2 หลังหยุดพัก 2 วัน

จับตาประชุมเฟดวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ ขณะนักลงทุนคาดเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25%

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 12 ธันวาคม 2560 08:14:11 น.
ตลาดการเงินจับตาการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 85% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นในเดือนมี.ค.และมิ.ย.



ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดก็ได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยนางเยลเลนได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้ขยายตัวในวงกว้าง และหากมีการปรับนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เศรษฐกิจก็จะยังคงมีการขยายตัว ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/คมปทิต โทร.02-2535000 อีเมล์: kompathit.s@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2752996
 
ปูตินสั่งถอนทหารรัสเซียออกจากซีเรีย หลังเสร็จสิ้นภารกิจทำลายกองกำลัง IS

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 11 ธันวาคม 2560 19:48:27 น.
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สั่งการในวันนี้ให้กองทัพรัสเซียเริ่มถอนตัวออกจากซีเรียกลับไปยังรัสเซีย หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจนาน 2 ปีในการช่วยรัฐบาลซีเรียทำลายกองกำลังรัฐอิสลาม (IS)

ทั้งนี้ ปธน.ปูตินมีคำสั่งดังกล่าวในการเดินทางเยือนซีเรียโดยที่ไม่มีการประกาศล่วงหน้า โดยเขาได้เดินทางไปยังฐานทัพอากาศมีย์มิมในจังหวัดลาตาเกียของซีเรีย และได้มีการหารือกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย และได้ทำการกล่าวปราศรัยต่อทหารรัสเซียที่ประจำการในซีเรีย

อย่างไรก็ดี ปธน.ปูตินกล่าวว่า รัสเซียจะยังคงรักษาฐานทัพอากาศมีย์มิมในซีเรีย รวมทั้งฐานทัพเรือในเมืองท่าตาร์ตุสของซีเรีย



--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq38/2752861
 

ตะวันออกกลางชุลมุนกันใหญ่แล้ว 
1 ชาวมุสลิมในปาเลสไตน์และย่านนั้นรวมทั้งทั่วโลกแม้ในสหรัฐก็เดินขบวนประท้วง การที่จะมีการตั้งสถานทูตสหรัฐในเยรูซาเล็มกันเป็นการใหญ่มีบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก 
2 มาเลเซียประกาศพร้อมส่งทหารไปช่วยชาวปาเลสไตน์ ในขณะที่ตุรกีประกาศ ไม่ยอมให้ต่างชาติ ได้ดินแดนปาเลสไตน์เป็นอันขาด 
3 เครื่องบินรัสเซีย เริ่มลงมือขับไล่เครื่องบินของสหรัฐในซีเรีย 
4 นายพลกอเซ็มสุไลมานีของอิหร่านประกาศให้สหรัฐถอนทหารออกจากซีเรียมิฉะนั้นจะถูกขับไล่

ปอกเปลือก ทรราช added 7 new photos.

12 hrs · _Y91QzmaslR.png

ข่าวบันเทิง... สหรัฐโดนลูบคมอีกแล้ว THAAD อึ้ง จีนแอบส่งเครื่องบินรบสเตลท์ J-20 เข้าน่านฟ้าของเกาหลีใต้โดยเจ้าบ้านไม่รู้ตัว ในช่วงที่สหรัฐและเกาหลีใต้จัดฝึกผสมทางอากาศ สหรัฐเจ็บใจมาก จึงจัดซ้อมรบทางทะเลด้วยเรือพิฆาต Aegis หลายลำร่วมกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น อ้างฝึกติดตามขีปนาวุธของคิมน้อย
--------------

วันที่ 7 ธ.ค. 60 Asia Times พาดหัวข่าวว่า "บินขับไล่สเตลท์ของจีนอาจจะโฉบเหนือน่านฟ้าเกาหลีใต้ก็ได้" (China’s stealth jet may have done flyover of S Korea) [อุ๊แม่จ้าววววว! F-22 และ F-35 ก็อยู่แถวนั้นนี่นา เกิดอะไรขึ้น หรือว่าแร้งจะถูกมังกรถอนขนซะแล้ว? - ผู้แปล]

เครื่องบินรบยุคที่ห้า J-20 (สเตลท์) ของจีนได้เข้าร่วมในภารกิจลับสุดยอดในการสอดแนมเกมสงคราม Vigilant Ace ของสหรัฐและเกาหลีใต้ท่ีกำลังลั่นกลองรบกระหึ่มท้องฟ้าอยู่แถวคาบสมุทรเกาหลี และไม่มีใครกองทัพฝ่ายไหนตรวจจับได้เลยหรือ?

หนังสือพิมพ์ Sina ท้องถิ่นของจีนรายงานว่า "ใช่" แล้วหลักฐานหละ?

[แหม… เรื่องแบบนี้ใครจะไปแสดงหลักฐานหละครับ ขืนแสดงออกไป เกาหลีใต้ก็เล่นงานจีนในข้อหาละเมิดน่านฟ้าของเกาหลีใต้นะสิ เงียยๆ ไว้ และปล่อยข่าวผ่านสื่อยียวนและเย้ยสหรัฐและเกาหลีใต้ผ่านสื่อท้องถิ่นไม่สนุกกว่ารึ? - ผู้แปล]

กองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดแอดประชาชนน (PLAAF) ของจีนกล่าวในโซเชียลมีเดีย Weibo ของจีนเมื่อวันจันทร์นี้ว่า ระหว่างการฝึกตามปรกติ อากาศยานสอดแนมของจีน ได้ขึ้นบินจากฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของจีน และใช้เส้นทางการบินที่ไม่เคยไปมาก่อน

ผู้สังเกตการณ์ทางทหารบางคนในประเทศจีนเชื่อว่า เครื่องบินเหล่านี้ได้เดินทางข้ามน่านฟ้าของเกาหลีใต เหนือทะเลจีนตะวันออกและทะเลเหลือง และที่น่าสนใจยิ่งกว่านี้ก็คือ ทางกรุงโซลยังคงปิดปากเงียบจนถึงขณะนี้

[กรุงโซล ยังงงอยู่ครับ มาได้ไงฟระ? ตอนไหน? เมื่อไร? มีใครเห็นบ้าง? เงียบ… สหรัฐว่าไงครับ "อย่าถาม ไอก็ไม่เห็นเหมือนกัน จีนมั่วหรือเปล่า?" ฮั่นแน่ - ผู้แปล]

บางคนคาดการณ์ว่า ระบบเรดาร์ของเกาหลีใต้จะต้องล้มเหลว (แหง็มๆ) ในการตรวจจับและติดตามอากาศยานสอดแนมของจีน ที่ปฏิบัติภารกิจรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับการฝึกผสม (ของสหรัฐและเกาหลีใต้) ในครั้งนี้

"หากเป็นเรื่องจริง ดังนั้นเครื่องบินของจีนที่มีเทคโนโลยีสเตลท์เพียงตระกูลเดียวที่สามารถจะไปมาไร้ร่องรอยโดยไม่ถูกตรวจจับได้ จะต้องเป็น J-20 แน่นอน" ผู้เชี่ยวชาญแสดงความคิดเห็น

[จริงๆแล้ว จีนมีเครื่องบินรบยุคที่ห้าอีกหนึี่งรุ่น ใหม่ล่าสุด คือ J-31 ผลิตเครื่องต้นแบบมาสองลำ ขึ้นบินครั้งแรกในปี 2012 ยังไม่ได้ประจำการ J-31 ลำเล็กกว่า J-20 ลักษณะคล้ายกับ F-35 ของสหรัฐมาก และถูกมองว่าเป็นการก็อปปี้รูปทรงภายนอกจาก F-35 ของสหรัฐ แต่ J-31 เป็นเครื่องบินรบแบบสองเครื่องยนต์อยู่ด้านหลังทั้งคู่ - ผู้แปล]

รายงานข่าวกล่าวต่ออีกว่า "อาจจะมี J-20 หนึ่งหรือสองลำบินควบคู่ไปกับฝูงบิน (สอดแนม) ซึ่งตอนแรกมุ่งหน้าไปยังทะเลตะวันออกในการลาดตระเวนตามหลักเสรีภาพในการบิน แต่จากนั้นเครื่องบินรบลำหนึ่งก็หันหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือและเจาะเข้าไปในน่านฟ้าของกรุงโซล โดยใช้ข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยีสเตลท์ที่ล้ำสมัยของตนเอง โดยไม่ปราศจากการถูกจับได้จากระบบเรดาร์ของกรุงโซลเลย" (ลองของอเมริกันและเกาหลีใต้ชัดๆนี่นา)

แหล่งข่าวอีกแห่งหนึ่งเสนอความคิดเห็นว่า PLAAF ได้เริ่มประจำการเครื่องบินรบ J-20 จำนวนไม่มากในปีนี้แล้ว ซึ่งอยู่ทีฐานทัพอากาศ Cangzhou ซึ่งเป็นฐานทัพหลักของฝูงบินสเตลท์ของจีน ในจังหวัดเหอเป่ย ทางภาคเหนือของจีน (ห่่างจากกรุงปักกิ่งไปทางใต้ประมาณ 175 กม.)

อำเภอ Cangzhou มีชายแดนติดกับทะเลปั๋วไห่ (Bohai Sea) และอ่าวเกาหลี (Korea Bay) รวมทั้งชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลีด้วย แต่มีการรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่นมาก เนื่องจากมีคาบสมุทร Shandong และ Liaodong เป็นปราการป้องกันเอาไว้ (ในส่วนของจีน)

[ปัญหาก็คือว่า แล้วฝั่งเกาหลีใต้ที่มีกองทัพสหรัฐราว 3 หมื่นนาย และระบบป้องกันภัยทางอากาศ THAAD ที่คุยนักคุยหนาว่าเจ๋งผุดๆ นั้นปล่อยให้ J-20 หลุดเข้าไปได้อย่างไร? - ผู้แปล]

วันที่ 11 ธ.ค. 60 RT รายงานว่า ทร. สหรัฐ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้จัดฝึกผสมทางทะด้วยเรือพิฆาตติดตั้งเทคโนโลยี Aegis ที่ล้ำสมัย สำหรับติดตามขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ เรือรบที่สำคัญซึ่งเข้าร่วมการซ้อมรบทางทะเลในครั้งนี้ประกอบด้วยเรือพิฆาต USS Stethem และ USS Decatur ของสหรัฐ, เรือพิฆาต Seoae Ryu Seong Ryong Aegis ของเกาหลีใต้ และเรือพิฆาต Chokai ของญี่ปุ่น การซ้อมรบเริ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์นี้ จะสิ้นสุดในวันที่ 12 ธันวาคม ในคาบสมุทรเกาหลี (หน้าบ้านคิมน้อยอีกแล้ว)

[นักวิแคะรู้สึกกังวลใจเป็นหย่อมๆ เล็กน้อยถึงปานกลาง ไม่รู้ว่าเจ้าเรือพิฒาตเหล่านี้จะไปชนเรือพาณิขย์หรือเรือประมง หรือหรือลากจูงอีกหรือเปล่า หรืออาจจะถูกเรือพาณิชย์พิฆาตกลางทะเลเหมือนกับที่เกิดขึ้นในปีนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้มีทหารเรือสหรัฐจมน้ำตายไปหลายนาย และได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเหล่านั้นด้วย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะไม่พิฆาตกันเองหรือถูกเรือบรรทุกน้ำมันพิฆาตซะก่อนนะครับ เพราะว่าลำก่อนๆที่เพิ่งจะโดนพิฆาตไปหยกๆ ก็ติดตั้งเทคโนโลยี Aegis ตัวนี้และเทคโนโลยีสเตลท์อื่นๆด้วยนะ - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
11/12/2560
-----------
http://www.atimes.com/…/chinas-stealth-jet-may-done-flyove…/
https://sputniknews.com/…/201712101059869506-china-stealth…/
https://sputniknews.com/…/201710051057975225-j20-chinese-a…/
https://sputniknews.com/…/201712101059869506-china-stealth…/
https://www.rt.com/…/412675-japan-us-skorea-missile-tracki…/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Morning Report Gold Investment 12-12-17

สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมเฟด (คุณ ชลธิศ นวลพลับ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส )
YT2FB.COM
 

ทิศทางทองคำเช้า ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2560

ห้ามพลาด!!! ตัวแปรสำคัญที่คาดมีผลต่อราคาทองคำ...

- สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประชุมธนาคารกลางยุโรป ทั้งนี้คาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.50-1.75% สำหรับการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมรายไตรมาสจะมีคำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และมีประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2560-2563 ทำให้คาดว่าจะทราบถึงแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดในอนาคต

- ราคาทองคำทางด้านเทคนิคคาดยังมีโอกาสอ่อนตัวลงได้ ตราบใดที่ราคาทองคำยังไม่สามารถปรับขึ้นทะลุและยืนเหนือ 1,265 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ ทั้งนี้คาดราคาทองคำจะพยายามสร้างฐานที่ 1,240 ดอลลาร์/ออนซ์ ถ้าหลุดจะมีแนวรับถัดไป 1,235 และ 1,230 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,250 และ 1,260 ดอลลาร์/ออนซ์

No automatic alt text available.
 

ปฏิทินตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2560
---------------------------------
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
อ่านฉบับเต็มคลิก : www.ylgbullion.co.th

#YLG #GOLD #โปรโมชั่น #ทองคำ #เทรดทองออนไลน์ #YLGBULLION #บทวิเคราะห์ราคาทอง #ปฎิทินตัวเลขทางเศรษฐกิจ

No automatic alt text available.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...