ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

หวัดดีวันเสาร์คับคุณginger charlie1 เพื่อนๆ :D

 

1505448_585997964820159_1032102243_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1654027_1461185824100850_1184204907_n.jpg

อ่านแล้วอย่างที่เคยนึกว่าชาวนาสมควรรับกรรมแล้ว ก็อึ้งไปเลยครับ สงสาร :(

 

แต่อีกความรู้สึกหนึ่ง ประเทศไทยเราเหมาะกับ ประชาธิปไตย 1 คน 1 เสียง อย่างพวกโลกสวยยึดติดหรือเปล่า

เสรีภาพในการดำรงชีวิตยังไม่มี จะไปยัดเยียดเสรีภาพทางความคิดให้เขาได้อย่างไร

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทุกข์ของชาวนา คือทุกข์ของแผ่นดิน

http://www.naewna.com/politic/columnist/10957

See Translation

 

 

1888594_690640350986760_1330769940_n.jpg

ระบอบทักษิณกินศพชาวนา

http://www.naewna.com/politic/columnist/10951

See Translation

 

 

1897825_690640770986718_802435658_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

shared Tee Terapong'sphoto.

13 hours ago

นี่คือสาเหตุที่รัฐบาลเถื่อนไม่กล้าเปิดโกดังเก็บข้าวใช่หรือไม่ครับ กลัวเจอหลักฐานพวกนี้ใช่หรือไม่

See Translation

 

นี่คือสาเหตุที่รัฐบาลเถื่อนไม่กล้าเปิดโกดังเก็บข้าวใช่หรือไม่ครับ กลัวเจอหลักฐานพวกนี้ใช่หรือไม่ครับ #PDRC UTT

See Translation

 

 

1606881_637986226281252_108945870_n.jpg

1607133_638558109557397_154483449_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

พระเทพทรงซื้อนกหวีดทองคำจากคณะศิษย์เก่าอักษรจุฬา เงินเข้ากปปสครับ .....

เราไม่รู้หรอกว่า ทุกวันนี้เราสู้เพื่ออะไรบ้าง ตัวเราเอง สู้เพื่อชาติ ศาสนา หรือ พระมหากษัตริย์

หรือ ทุกๆอย่างที่กล่าวมา แต่เรารับรู้ได้เสมอว่าที่เราสู้ทุกวันนี้มัรเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

และ พระองค์ก็อยู่ข้างพวกเรา .... #ทรงพระเจริญ

 

1620482_10152227262782090_507135185_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1798167_628501220531332_367073169_n.jpg

 

 

Tee Terapong

14 hours ago

 

ชาวนาเหนือนับหมื่นเข้ากรุงเคลื่อนพลไล่'ปู'

ชาวนาเศร้า!ขายรถไถใช้หนี้นอกระบบ เหนือนับหมื่นเข้ากรุงเคลื่อนพลบุกสำนักปลัดกลาโหมไล่ 'ปู' 'ภราดร'พร้อมรับมือ แต่หวั่นรวม กปปส.ปิดเมือง

9ก.พ.2557นางสมพร กลิ่นจันทร์ อายุ42 ปี อยู่เลขที่58 หมู่ที่ 5 ต.สายทอง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง กล่าวว่า ขณะนี้ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันยากลำบากและทุกข์ใจมาก เนื่องจากมีหนี้สินนอกระบบ ดอกเบี้ยสูง ประกอบกับสามีเสียชีวิตมา 2 ปีแล้ว ทำมาหากินเพียงคนเดียว ที่สำคัญยังไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าวเปลือก จำนวน 88,101บาท จากรัฐบาลนานประมาณ 5 เดือนแล้ว จึงไม่มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมทั้งมีภาระส่งลูกสาว อายุ 14 ปี เรียนหนังสือด้วย จึงจำเป็นต้องกู้หนี้นอกระบบจำนวน 40,000บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต้องส่งค่าดอกเบี้ยเดือนละ 4,000บาท ช่วงนี้ไม่มีเงินจ่ายค่าดอกเบี้ยมาหลายเดือน เจ้าหนี้ตามทวงอยู่ตลอด เงินใช้จ่ายในครอบครัวไม่มี จึงจำเป็นต้องขายรถไถนาที่มีอยู่ 1 คัน เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายโดยเฉพาะเกี่ยวกับการเรียนของลูกสาวและชำระหนี้สินบางส่วน ในช่วงที่ขาดเงินอยู่นี้ต้องรับจ้างเพื่อได้เงินมาใช้จ่ายประจำวัน

 

ปัจจุบันได้เช่าที่ดินนาทำ จำนวน 27 ไร่ ราคาไร่ละ 1,000บาท แต่ยังไม่สามารถปลูกข้าวได้เพราะขาดน้ำจากภัยแล้ง แต่ต้องจ่ายค่าเช่านาเหมือนเดิม มิฉะนั้นเจ้าของนาอาจจะให้ผู้อื่นเช่าแทน และที่สำคัญไม่มีเงินทุนทำนาครั้งต่อไป จึงขอให้รัฐบาลเร่งจ่ายเงินจำนำข้าวเปลือกให้ไวๆ เพื่อใช้จ่ายและเป็นทุนทำนาต่อไป

 

ชาวนาเหนือบุกเข้ากรุงฯแล้วกว่า10,000คน

นายกิตติศักดิ์ รัตนะวราหะ ประธานเครือข่ายชาวนาภาคเหนือ กล่าวว่า ในช่วง 2 วันมานี้มีพี่น้องชาวนาภาคเหนือเดินทางมาชุมนุมที่กรุงเทพฯ แล้วกว่า 10,000 คน ถึงแม้ใครจะให้ร้ายเราว่ามีการเมืองมาเกี่ยวข้องหรืออยู่เบื้องหลัง และกล่าวหาว่า พวกเราเป็นชาวนาปลอมก็ตาม ความเดือดร้อนของพวกเรามากเกินกว่าจะสนใจคำพูดให้ร้ายพวกนี้ พวกเราเดือดร้อนมาก เราจึงมาเรียกร้องเงินที่เป็นของเรา อีกอย่างตอนนี้ จุดร่วมของพี่น้องชาวนาทั่วประเทศ คือ ต้องการให้นายกฯรักษาการลาออกไป และต้องการให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นมาซึ่งจะเป็นใครและมาจากพรรคการเมืองไหนเราก็ไม่รู้ แต่ถ้าหากรัฐบาลรักษาการยังคงอยู่ อำนาจในการกู้เงินก็ไม่มี ไปขอกู้จากธนาคารไหนก็ไม่มีใครให้ เราจะหาเงินมาคืนให้พี่น้องชาวนาได้อยางไร

 

ส่วนเรื่องที่พี่น้องชาวนาของเราไปขึ้นเวที กปปส. ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไปเรียกร้องเรื่องทางการเมืองและเรื่องอื่นๆตามกลุ่ม กปปส. แต่พวกเราต้องมีเวทีแสดงความเดือดร้อนของพวกเรา คนไทยจะได้รู้ความจริงจากปากของชาวนาที่เดือดร้อนจริงๆ ส่วนความเคลื่อนไหวชุมนุมของพี่น้องชาวนาภาคเหนือในช่วงนี้ได้งดการชุมนุมไว้ก่อน เนื่องจากพี่น้องชาวนาได้เข้าไปชุมนุมที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับพี่น้องชาวนาภาคอื่นๆจำนวนมาก อีกทั้งยังมีพี่น้องชาวนาภาคเหนือที่ต้องการเดินทางไปกรุงเทพฯอีกจำนวนมาก แต่ยังคงติดขัดปัญหาหลายอย่างทำให้ไม่สามารถเดินทางไปได้

 

สำหรับโครงการรับจำนำข้าวและพวกนักการเมืองที่ออกนโยบายเพ้อฝันมาหาเสียงเลือกตั้ง ต่อไปนี้คงใช้ในการหาเสียงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ยิ่งโครงการรับจำนำข้าวยิ่งไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก สิ่งที่ล้มเหลวทำให้ประชาชนอย่างพี่น้องชาวนาของเราเดือดร้อนแสนสาหัสคงไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอีก ทั้งนี้นักการเมืองทั้งหลายที่ออกนโยบายมาหาเสียง ชาวนาของเราจะต้องตรวจสอบดูว่านโยบายเป็นจริงได้หรือไม่ มีประโยชน์ต่อชาวนาและประชาชนจริงๆหรือไม่ และจะตรวจสอบด้วยว่าทำได้จริงหรือไม่ แล้วจะนำเงินจากที่ไหนมาทำ รวมถึงจะตรวจสอบด้วยว่ามีนโยบายต่างๆที่หาเสียงไว้มีการโกงด้วยหรือไม่ พี่น้องชาวนาของพวกเราจะได้ไม่ถูกหลอกจากพวกนักการเมืองอีกต่อไป

 

ปธ.ศูนย์ข้าวตะวันตกลั่นงานนี้ไม่ใช่การเมือง

 

ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ทางคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 , ชมรมนักธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (เอสวีเอ็น) , เครือข่ายปฎิรูปพลังงานไทย , องค์กรต่อต้านการคอร์รัปชั่น ได้ร่วมจัดงานเสวนาหัวข้อเรื่อง “ทางตันจำนำข้าว : ทางรอดชาวนาไทย” โดยมีประชาชนที่สนใจเข้าร่วมรับฟัง

 

นายระวี รุ่งเรือง ประธานศูนย์ข้าวชุมชนภาคตะวันตก กล่าวว่า ถ้าจะถามชาวนาว่า ที่ออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ ได้มีนัยทางการเมืองเข้ามาแอบแฝงหรือไม่ ขอตอบเลยว่าไม่เกี่ยวข้องกัน แต่เรามาเรียกร้องเรื่องเงินจำนำข้าว และมีการเรียกร้องมาอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการจำนำข้าวรอบนี้ เริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค.2556 ที่จะสิ้นสุดลงวันที่ 28 ก.พ.ทำไมรัฐบาลไม่จ่ายเบินให้ชาวนา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ชาวนาสามารถนำใบประทวนไปขึ้นเงินกับ ธกส.ได้ภายใน 7 วัน แต่ครั้งนี้พบว่าชาวนาส่วนใหญ่ยังไม่ได้เงินเลย โดยรัฐบาลจ่ายเงินให้ขาวนานประมาณ 30-40% หรือประมาณ 5 หมื่นกว่าล้านบาท จากยอดเต็มที่ต้องจ่ายประมาณ 1.7 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าช่วงเดือน ต.ค.- พ.ย.2556 ที่รัฐบาลยังมีอำนาจเต็มอยู่นั้น ทำไมไม่พยายามช่วยเหลือชาวนา แต่มาดิ้นรนช่วงยุบสภาในเดือน ธ.ค.แล้ว พร้อมกับบอกกับคนสังคมว่า การเคลื่อนไหวของชาวนาในครั้งนี้ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง

 

นายระวี กล่าวต่อว่า ทางเดียวที่จะให้ชาวนากลับบ้าน คือ รัฐบาลต้องเอาเงินมาให้ชาวนาทั่วประเทศเท่านั้น โดยวันที่ 10 ก.พ.เราจะไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นฟ้องรัฐบาลฉ้อโกงประชาชน และจะเดินทางไปพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นักษาการนายกฯ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี แต่ถ้านายกฯ หรือ รมว.พาณิชย์ ยังไม่คิดจะพูดคุยกับชาวนา เราจะเดินหน้าตรวจโกดังข้าวในแต่ละจุดต่อไป

 

 

"ภราดร" เชื่อชาวนาไม่ปักหลัก กห.

 

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยว่า ชาวนาจะเดินทางมาชุมนุมที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเพื่อแสดงสัญลักษณ์ หลังจากนั้นก็จะเดินทางกลับไปปักหลักที่กระทรวงพาณิชย์เช่นเดิม เนื่องจากสถานที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมไม่เอื้ออำนวยในการปักหลักชุมนุม ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยยังคงใช้การสนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจล 7 กองร้อย กำลังทหารอีก 3 กองร้อย พร้อมชุดเคลื่อนที่เร็ววางกำลังรอบสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และตึกสูง เพื่อเฝ้าระวังมือที่สามที่เข้ามาสร้างสถานการณ์จนก่อให้เกิดความรุนแรง เชื่อว่าเพียงพอ เพราะชาวนาเป็นกลุ่มคนที่เดือดร้อนไม่ใช่กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง

 

"การที่ชาวนาเข้ามาชุมนุมที่กรุงเทพฯ ถือเป็นม็อบที่เดินทางมาเพื่อเรียกร้องเงินจากโครงการจำนำข้าวเท่านั้น ไม่ใช่ม็อบการเมือง จึงถือว่ามาคนละจุดประสงค์กันกับม็อบ กปปส. แต่อาจมีชาวนาบางส่วนที่เห็นด้วยหรือถูกแกนนำเชิญชวนให้มาร่วมชุมนุม ตรงนี้ถือเป็นสิ่งที่เรากังวลว่าอาจจะเกิดความรุนแรง เพราะที่ผ่านมาเวทีแจ้งวัฒนะก็มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง" พล.ท.ภราดร กล่าว

 

"เวที กปปส."ขย่มนโยบายข้าวไม่เลิก

 

เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน ที่เวที กปปส.สวนลุมพินี แกนนำกลุ่ม กปปส.ได้ผลัดเปลี่ยนขึ้นปราศรัยโจมตีโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล ว่า นำเงินของชาวนาไปใช้ประโยชน์มิชอบ และการกระทำของรัฐบาลที่ผ่านมายังทำลายระบบการซื้อ-ขายข้าว รวมทั้งยังโยนความผิดให้ชาวนา ซึ่งชาวนาไม่ได้เป็นหนี้รัฐบาล แต่รัฐบาลเป็นหนี้ชาวนา จึงขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ลาออกไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ทั้งนี้มีรายงานว่า เย็นวันนี้จะมีกลุ่มชาวนามาร่วมขึ้นเวทีปราศรัยสะท้อนปัญหาโครงการจำนำข้าวด้วย

See Translation

 

1654383_638221916257683_813427092_n.jpg

//www.facebook.com/photo.php?v=577218605687766

จำนำข้าว โครงการลึกลับระดับโลก ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ ช่วยกันแชร์

 

เรื่องจำนำข้าว โครงการลึกลับระดับโลก ถามอะไรตอบไม่ได้สักอย่าง ช่วยกันแชร์ !!

 

ข้อความ(Vittayen Muttamara):

คำถามที่คนไทยโดยเฉพาะชาวนาต้องถามรัฐบาลคือทำไมรัฐบาลจึงไม่ขายข้าวที่มีอยู่ในสต๊อคมากมายเพื่อเอาเงินมาจ่ายชาวนา แต่กลับเลือกวิธีวิ่งหาเงินกู้ หากขายข้าววันนี้อีกไม่กี่วันก็มีเงินมาจ่ายชาวนาได้แล้ว

 

มีปัญหาอะไรถึงไม่ขายข้าว หรือกลัวว่าความจริงจะเปิดเผยว่าข้าวในสต๊อคมีจำนวนเท่าไร หรือกลัวว่าคนจะรู้ว่าแอบเอาข้าวดีไปขายในราคาข้าวเน่าให้พรรคพวกตัวเองโกงกินไปแล้วเท่าไร

 

ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?v=10152007322777955

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สั่งสอบ"ผอ.-กรรมการ"หน่วยเลือกตั้งเขต 2เชียงใหม่ ปี 54 ทุจริตยกชุด!

www.isranews.org

ป.ป.ช. ตั้งอนุไต่สวน "ผอ.-กรรมการ" ประจำหน่วยเลือกตั้งเขต 2 เชียงใหม่ ปี 54 ยกชุด ! หลังได้รับร้องเรียนพฤติกรรมส่อทุจริตในหน้าที่...

 

 

 

shared ศูนย์ต้านนิรโทษกรรม's photo.

 

 

14 hours ago

 

 

 

 

 

เวอร์ชั่นไทยมาแล้ว! ... สื่อคุณภาพต่างประเทศ รู้ทันความแย่ของรัฐบาล และเข้าใจความรู้สึกคนไทย Asia Times ตีพิมพ์ "History shows way out of Thai Conflict" ผลงานเขียน Dr. Jeffrey Race หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดระดับโลก เรื่องความขัดแย้งและสงคราม ... ชัดเจนมากว่าทักษิณทำอะไรและควรจบอย่างไร ...ใครตามหาเวอร์ชั่นภาษาไทยอยู่ ... อ่านและแชร์ได้ตามนี้เลยครับ

 

Asia Times, January 13, 2014 by Jeffrey Race

>>ประวัติศาสตร์เผยทางออกให้ความขัดแย้งไทย<<

 

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ถูกขับไล่จากตำแหน่งได้นำสิ่งใหม่มาปลูกฝังในประเทศไทย ทำให้ไม่สามารถหาทางออกอย่างสันติจากความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นในท้องถนนกรุงเทพ และสิ่งนั้นไม่ใช่การเปิดโอกาสทางการเมืองแก่ประชาชนชนบท ตามที่ผู้สื่อข่าวและบทวิเคราะห์ชอบอธิบายกันอย่างผิวเผิน

 

ทั้งสื่อมวลชนและบทวิเคราะห์การเมืองทั่วโลก กำลังให้ความสนใจมากขึ้นกับความขัดแย้งในไทย ที่เข้าสู่การเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านหลักคว่ำบาตรไม่ยอมเข้าร่วม

 

แต่การรายงานข่าวของสื่อมวลชนนานาชาติส่วนใหญ่ ถูกคนไทยวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าไม่รู้จริงและบิดเบือนด้วยความคิดยึดติดกับประวัติศาสตร์การเมืองของวัฒนธรรมที่แตกต่างจากไทยอย่างสิ้นเชิง ประกอบกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศบางคนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองไทยทั้งที่ไม่มีใครไปขอให้พูด จึงยิ่งทำให้คนไทยรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศมักจะวาดภาพความขัดแย้งในไทยว่าเป็นการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ระหว่างชนชั้นในสังคม แม้ว่าเรื่องดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บ้าง แต่การรายงานข่าวแบบผิวเผินเช่นนั้นทำให้มองไม่เห็นมิติอื่นของความขัดแย้ง และบดบังการหาทางออกที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของไทย

 

ความขัดแย้งในปัจจุบัน ได้ทำให้ประชาชนหลายแสนคนออกมาประท้วงตามท้องถนนกรุงเทพฯหลายครั้งตั้งแต่ปี 2549 ลักษณะของความขัดแย้งเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางวัตถุเข้าใจได้ง่ายเหมือนการขัดแย้งกันในประเทศอื่น สองกำลังยิ่งใหญ่ต่อสู้กันเพื่อกุมบังเหียนรัฐบาลไทย ซึ่งเป็นแหล่งผลประโยชน์มากมายมหาศาล ทักษิณเองสามารถเปลี่ยนตัวเองจากเศรษฐีที่ร่ำรวยพอประมาณ กลายเป็นหนึ่งในผู้ร่ำรวยที่สุดของเอเซียได้ภายในช่วงเวลาการเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะถูกยึดอำนาจเมื่อปี 2549

ขั้วกำลังข้างหนึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่พรรคการเมืองของทักษิณซึ่งเดิมมีชื่อว่าพรรคไทยรักไทย ก่อนจะถูกยุบพรรคด้วยอำนาจศาลจากการประพฤติมิชอบในการเลือกตั้ง จากนั้นได้กลายเป็นพรรคพลังประชาชน และปัจจุบันคือพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างผลประโยชน์ให้แก่ตระกูลชินวัตรและพรรคพวก

 

ในประวัติศาสตร์ไทยยุคทศวรรษ 1960 และ 1970 ก็เคยมีตัวอย่างเช่นนี้มาก่อน พรรคสหประชาไทยเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจของครอบครัวกิตติขจรและจารุเสถียร ในขณะที่พรรคชาติไทยสนับสนุนครอบครัวชุณหะวัณและอดิเรกสาร พรรคเพื่อไทยรวมถึงอีกสองร่างเก่าสามารถดึงดูดกลุ่มผู้สนับสนุนที่มีอำนาจทางการเงินและการเมืองจำนวนมาก โดยพวกเขาได้คำนวนแล้วว่าการเข้าพวกกับทักษิณจะได้ประโยชน์มากกว่าเข้าร่วมพันธมิตรขั้วอื่น

 

ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยมีอำนาจควบคุมประเทศไทยโดยเฉพาะกระทรวงต่างๆ แต่ยังมีอิทธิพลไม่มากนักต่อกองทัพและองค์กรอิสระ และถึงแม้ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะใช้คำสวยหรูเช่น “ประชาธิปไตย” “ความยุติธรรม” และ “สวัสดิการประชาชน” ผู้นำของพรรคกลับไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอื่นใดนอกเหนือจากการสร้างประโยชน์ส่วนตน นี่อาจเป็นเรื่องปกติสำหรับการเมืองในทุกประเทศ แม้ว่ามาตรฐานที่ยอมรับได้อาจจะแตกต่างกันไป

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองในชื่อต่างๆของทักษิณ เป็นแรงขับเคลื่อนการเมืองเดียวที่ผลักดันนโยบายต่างๆที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในชนบท แต่นโยบายของพรรคจำนวนมากนั้นสวยเพียงภายนอก โดยไม่สามารถดำเนินการอย่างยั่งยืนได้ อีกทั้งเป็นแหล่งอุดมไปด้วยการคอร์รัปชั่นเพื่อประโยชน์ส่วนตน

 

พรรคของทักษิณทำให้เกิดการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนที่เคยด้อยโอกาส และนำไปสู่การรวมตัวของกลุ่ม “คนเสื้อแดง” ซึ่งเริ่มการชุมนุมเมื่อปี 2553 อย่างสุภาพแบบไทยๆ แต่จบลงอย่างรุนแรงด้วยการเผาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์และเผาอาคารใจกลางเมือง ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง

 

อีกฟากหนึ่งของขั้วกำลังคือกลุ่มผู้ชุมนุมหลายแสนคนที่กำลังยึดครองใจกลางกรุงเทพฯอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคนไทยเรียกพวกเขาอย่างเป็นมิตรว่า “ม๊อบ” คำภาษาอังกฤษอาจความหมายไม่ดี แต่พวกเขาปกติแล้วมีพฤติกรรมที่ดี อนุญาตให้การขนส่งมวลชนสามารถดำเนินได้ และทำความสะอาดพื้นที่ชุมนุมด้วยตัวเอง พวกเขาเหล่านี้เติบโตขึ้นและได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มบุคคลในแวดวงธุรกิจ และบางกรณีเป็นกลุ่มที่มีความสัมพันธ์กับพรรคการเมืองที่ต่อต้านพรรคของทักษิณ

เห็นได้ชัดว่าการชุมนุมครั้งนี้มีการสนับสนุนทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตป้ายติดบอกการจราจร (โปรดเลี้ยวขวา มีการชุมนุมด้านหน้า) ซุ้มอาหารฟรี ระบบการขนส่งผู้ชุมนุมที่พิถีพิถัน อุปกรณ์สื่อสาร ช่องโทรทัศน์ดาวเทียม จอ LCD ใหญ่ขนาด 72 นิ้ว ทั่วบริเวณการชุมนุมเพื่อให้ผู้ชุมนุมจำนวนมากสามารถติดตามการพูดบนเวทีได้ (ระบบเหล่านี้ยังสามารถเคลื่อนย้ายไปจุดต่างๆในเมืองได้โดยมีการวางแผนอย่างดี)

 

ส่วนหนึ่งของผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินเป็นกลุ่มได้รับผลกระทบจากแผนของกลุ่มชินวัตรที่จะยึดครองเศรษฐกิจ ด้วยการให้สัมปทานและการผูกขาดธุรกิจ ที่นักวิจารณ์วงในและนักวิชาการเรียกว่า “คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย” อย่างไรก็ตามผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินมักจะไม่ได้ปรากฏตัวในการประท้วงในที่สาธารณะ

 

ผู้ชุมนุมชาว “ม๊อบ” ส่วนใหญ่ เป็นประชาชนจากทุกสายอาชีพ ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯและปริมณฑล และชาวภาคใต้ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเดินสำรวจการประท้วงด้วยตนเอง และพบเห็นประชาชนหลั่งไหลกันไปสู่ถนนราชดำเนินบริเวณใกล้พระบรมมหาราชวัง มีทั้งคนหนุ่มสาว คนสูงอายุ คนแต่งกายอย่างดี คนแต่งกายเรียบง่าย คนเดิน คนขี่จักรยาน คนขี่มอเตอร์ไซค์ คนขับรถ SUVราคาแพง คนส่วนใหญ่เป็นไทยพุทธ แต่สังเกตจากการแต่งตัวเห็นจำนวนไม่น้อยด้วยว่ามีชาวไทยมุสลิมมาร่วม ผู้คนออกมาประท้วงด้วยอารมณ์เบิกบานกันถ้วนหน้า

 

จุดเด่นของ “ม๊อบ” นี้คือแกนนำการชุมนุมหลายคนที่มีชื่อเสียงในสังคม ซึ่งพวกเขาสร้างความชอบธรรมให้แก่บรรดาผู้ชุมนุมในการไปยึดครองพื้นที่สาธารณะ (โดยตัวผู้ชุมนุมคงไม่กล้าจะทำเอง ด้วยวัฒนธรรมไทยที่โอนอ่อนคล้อยตาม) บรรดาผู้ชุมนุมไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในเรื่องผลประโยชน์ พวกเขาเป็นเหมือนอาสาสมัคร ที่เข้าร่วมในการเมืองท้องถิ่นตามที่ต่างๆในโลก ด้วยความรู้สึกอยากตื่นเต้น อยากสนุกกับเพื่อนๆ และอยากมีส่วนร่วมในเป้าหมายการทำดีเพื่อส่วนรวม

เราไม่สามารถที่จะประเมินอนาคตของการต่อสู้ในครั้งนี้ ถ้าเราไม่เข้าใจถึงแรงบันดาลใจและจุดยืนพี้นฐานของผู้มีฐานะสูงเหล่านี้

 

>รูปแบบการปกครอง (Ruling Pattern)

 

ใครก็ตามที่เดินทางมาประเทศไทย จะรู้สึกได้ภายในไม่กี่นาทีหลังออกจากสนามบินที่กรุงเทพฯ หรือบางคนอาจรู้สึกได้เร็วกว่านั้นเสียอีก ว่าคนไทยมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมจากชนชาติอื่น ซึ่งความแตกต่างนั้นมีผลสำคัญต่อเศรษฐกิจ การเมือง และที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ทุกมิติของการใช้ชีวิตได้รับอิทธิพลจากปรัชญาของพุทธศาสนา นิกายเถรวาท เช่น เรื่องมรรคแปด และทางสายกลาง

 

จุดสูงสุดของสังคมไทยคือพระมหากษัตริย์ ซึ่งในรูปแบบการปกครองตามประเพณีจากอินเดียที่ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน พระมหากษัตริย์ทรงครองแผ่นดิน (ในอดีตคือทรงปกครองแผ่นดิน) ด้วยทศพิธราชธรรม เหล่ารัฐมนตรีของพระมหากษัตริย์ อาจไม่ดีเลิศ แต่พระมหากษัตริย์ทรงกำหนดแนวทางแห่งความดี (moral tone) ของสังคมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าประเทศชาติจะอยู่รอด หากใครไม่เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ ก็จะไม่สามารถเข้าใจการเมืองไทย หรือความเป็นไปได้ในอนาคตของสถานะการณ์ปัจจุบัน

 

นับตั้งแต่การยกเลิกระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เมื่อทศวรรษ 1930 ประเทศไทย มีการเปลี่ยนมืออำนาจการปกครองอย่างละมุนละม่อมจากกลุ่มชนชั้นสูง (elite)หนึ่ง ไปสู่อีกกลุ่มหนึ่ง โดยโครงสร้างการปกครองเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป บรรดานักการเมืองมีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับทางสายกลาง พวกเขามีการคอร์รัปชั่นประมาณหนึ่ง แต่ในที่สุดยอมปล่อยวาง ยอมรับอนิจจังของชีวิต (ซึ่งก็เป็นความเชื่อทางพุทธศาสนา) ดังนั้นจึงเห็นความจำเป็นที่ต้องเดินต่อไปในชีวิตด้วยสิ่งที่พวกเขาได้สะสมมา (หรือบางครั้งต้องยอมสละทิ้งด้วย ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต)

 

ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครเคยพยายามที่จะครอบงำ รัฐ หรือ เศรษฐกิจ บางครั้งผู้มีอิทธิพลทางการเมืองอาจต้องถูกสะกิดให้ออกอย่างนิ่มนวล (ด้วยการประท้วงบนท้องถนน การเคลื่อนย้ายรถถัง หรือ ตามพระราชกระแสแนะนำ) แต่การเมืองไทยก็ยังสืบทอดอำนาจได้โดยแต่ละกลุ่มมีโอกาสได้รับผลประโยชน์

 

รัฐบาลไทยสามารถสร้าง และควบคุมความมั่งคั่งที่มหาศาล และความมั่งคั่งมีเพียงพอสำหรับทุกคน ไม่มีใครอดอาหาร และในขณะที่กลุ่มผู้มีอิทธิพลและมีอันจะกินนิยมชมชอบการมีหน้าตาในสังคมเช่นการถ่ายภาพลงสื่อต่างๆ แต่พวกเขาไม่ได้โอ้อวดความมั่งคั่งถึงระดับที่เราเห็นกันในสังคมเอเซียอื่นๆหรือในบางประเทศ

 

ทักษิณเองเป็นนักฉวยโอกาส และนักจัดการที่ชาญฉลาด แต่ขาดวิจารณญานและสามัญสำนึกที่ดี เขาลาออกจากราชการตำรวจตอนอายุไม่มากนักเพื่อทำธุรกิจหลากหลายซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งเขาค้นพบสูตรแห่งความสำเร็จ ด้วยการได้อภิสิทธิ์ในการค้าขายกับหน่วยงานรัฐบาลด้วยความสนิทสนมกับผู้ใหญ่เป็นการส่วนตัว (sweetheart deal) ธุรกิจแรกคือการเป็นผู้จัดหาวิทยุโมโตโรล่าให้กับกรมตำรวจ จากนั้นคือการจัดจำหน่ายโทรศํพท์มือถือโมโตโรล่าให้กับตลาดไทย ในช่วงที่โมโตโรล่าเป็นผู้นำตลาด (ปัจจุบันเราลืมแบรนด์นี้ไปแล้ว) และช่วงนั้นโทรศัพท์มือถือเพิ่งจะเริ่มมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย

 

แต่ทักษิณเองมีกลอุบาย ที่จะสร้างความร่ำรวยให้ครอบครัวของเขาอีกเช่นเคย โดยในครั้งนั้น เขาบังคับการให้บริการโทรศัพท์มือถือว่าจะต้องล๊อคซิมการ์ดกับตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือจากบริษัทเขาเท่านั้น ซึ่งโมโตโรล่าเป็นผู้นำตลาด (ผู้ใช้ไม่สามารถเอาโทรศัพท์มือถือเปล่ามาใช้ในประเทศไทยกับซิมการ์ดของไทยได้) การกระทำเช่นนั้นผิดข้อตกลงนานาชาติ ของ สมาคม GSM MoU แต่ประสบความสำเร็จในการทำให้ราคาเครื่องโทรศัพท์มือถือในไทยแพงกว่าราคาในประเทศอื่น ๆ ถึงสามเท่า โดยกำไรจากส่วนต่างราคานั้นวิ่งเข้ากระเป๋าครอบครัวชินวัตร และรายได้จากลูกค้าโทรศัพท์มือถือก็วิ่งเข้าบริษัทAIS ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวทักษิณในขณะนั้น

 

การจัดให้มีการผูกขาดตลาด นับตั้งแต่ช่วงต้นชีวิตการเมืองของทักษิณ เป็นการทำนายได้ถึงการครอบงำตลาด และการละเมิดกลไกตลาด ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของวิถีการเมืองแบบทักษิณและพรรคการเมืองของเขา ที่พยายามจะจัดการกับนโยบายสาธารณะในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สไตล์การหว่านล้อมและการแสดงออกว่าเป็นคนมีชีวิตชีวา ส่งผลให้เขามีบทบาททางการเมืองที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และทักษิณได้วางภาพลักษณ์ตนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้ “มีความสามารถ” ที่จะเข้ามากระตุ้นให้พลังกับระบบราชการที่ต้วมเตี้ยมอยู่ในขณะนั้น

 

ในช่วงทศวรรษ 1980 ผู้เขียนเคยได้ไปพบกับ พลตำรวจโทซึ่งเป็น ผู้บัญชาการกรมตรวจคนเข้าเมือง เพื่อถามว่าเหตุใดคำร้องขอถิ่นที่อยู่ในไทยถึงโดนปฏิเสธ นายตำรวจท่านนั้นหยิบกระดาษออกจากลิ้นชักมาอ่านแล้วแจ้งว่า "ไม่ได้จ่ายสินบนตามธรรมเนียม " ผมจึงขอบคุณท่านและเดินออกจากห้องไป ยอมที่จะบินเข้าออกประเทศไทยทุกๆสามเดือนเป็นเวลายี่สิบปี

หลังจากที่ทักษิณผลักดันให้มีการปรับกระบวนการทำงานของส่วนราชการ ปรากฎว่าการให้บริการภาครัฐที่เคยเต็มไปด้วยประสบการณ์เลวร้าย เชื่องช้า รวมถึงต้องใช้เงินสำหรับชาวต่างชาติ กลับกลายเป็นกระบวนการที่รวดเร็ว ง่าย และคาดการณ์ได้ ประชาชนไทยเองก็มีประสบการณ์ที่ดีขึ้นอย่างมากในการติดต่อกับราชการในชีวิตประจำวัน

 

ทักษิณสร้างอาณาจักรพรรคไทยรักไทยที่เป็นเครื่องมือสร้างความร่ำรวยให้ครอบครัวเขาและพรรคพวก ตามแบบประเพณีไทยๆ อย่างไรก็ตามเขาและพรรคพวกเริ่มจะดำเนินการขัดต่อค่านิยมเดิม โดยพวกเขาเริ่มจะกดดันทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ และการปกครอง และมีการใช้เงินของภาครัฐไปกับนโยบายประชานิยมหลายด้าน ซึ่งยังส่งผลดีแก่การเลือกตั้งให้กับพรรคของทักษิณจนปัจจุบัน

 

หลายคนมองว่า การที่ทักษิณไม่ยอมประนีประนอม ไม่ยอมปล่อยวางแล้วเดินหน้ากับชีวิต ความหลงไหลของเขาว่า “ผู้ชนะได้ทุกสิ่ง” ทั้งในเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจนั้น คงมีต้นกำเนิดจากปมชีวิตบางอย่างของเขาตอนเป็นเด็กเติบโตมาในครอบครัวเชื้อสายจีนในภาคเหนือของไทย ไม่ว่าปมที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร แรงจูงใจ และพฤติกรรมของทักษิณ ส่งผลให้ผู้มีอำนาจในสังคมไทยปฎิเสธเขาเพราะไม่สบายใจกับระดับการคอร์รัปชั่นที่สูงอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน รวมถึงการที่เขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน

 

ทักษิณถูกปลดจากอำนาจด้วยการถูกรัฐประหารเมื่อปี 2549 และหลังจากนั้นได้มีการสอบสวนพฤติกรรมที่มิชอบของเขาในช่วงดำรงตำแหน่ง และมีคำพิพากษาว่าเขากระทำผิดทางอาญาเกี่ยวกับการใช้อำนาจโดยมิชอบ และนำไปสู่การยึดทรัพย์บางส่วนของสมบัติของเขาที่ได้มาอย่างไม่โปร่งใส พรรคการเมืองของทักษิณถูกยุบสืบเนื่องจากการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างชัดเจนหลายข้อ ในปี 2551 ทักษิณได้หลบออกไปใช้ชีวิตต่างประเทศเพื่อเลี่ยงการถูกจำคุก โดยยังคงส่งอิทธิพลจากที่ต่างๆในโลก รวมถึงการสนับสนุนทางการเงิน และการปรับเปลี่ยนนโยบายหรือเครื่องมือทางการเมือง เพื่อให้เขายังคงมีอำนาจปกครองรัฐบาลไทย ซึ่งรวมถึงการตั้งให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของเขาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนตนเองภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งเมื่อกลางปี 2554

 

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำงานอย่างขยันด้วยเทคนิค “คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย” ที่พัฒนามาเป็นอย่างดี เพื่อรักษากระแสเงินที่ไหลเชี่ยวเข้าครอบครัวชินวัตรและพรรคพวก นโยบายประชานิยมที่ได้รับการทดสอบมาอย่างดีทำให้พวกเขายังคงได้รับคะแนนเสียง และ กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมากยอมรับว่าวิถีของทักษิณเต็มไปด้วยคอร์รัปชั่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวขึ้นเป็นรัฐบาล แต่พวกเขายังชอบที่ทักษิณได้ให้อะไรบางอย่างตอบแทนพวกเขา ไม่ใช่แค่ความหวัง แต่เป็นชีวิตที่ดีขึ้นอย่างสัมผัสได้

 

>ชนชั้นสูงที่ต่อสู้กัน (Dueling Elites)

 

บางคนอาจจะมองว่าความขัดแย้งที่เรื้อรังของไทย เป็นเพียงแค่กลุ่มขั้วพันธมิตรสองกลุ่มแข่งกันปล้นสะดมภ์ประเทศชาติ ในความเป็นจริงแล้วคู่ต่อสู้ทั้งสองปฏิบัติตนภายใต้กฏเกณต์ที่แตกต่างกันมาก และความแตกต่างที่ว่านี้เองทำให้สถานะการณ์ปัจจุบันยังคงเรื้อรัง แต่ประเด็นนี้ไม่ค่อยได้ปรากฎให้เห็นในการวิเคราะห์ของสื่อมวลชน

 

กลุ่มพลังที่ออกมาต่อต้านระบอบทักษิณ ครอบครัวชินวัตรและพรรคพวก เคยยอมใช้วิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อเปิดเสรีระบบเศรษฐกิจ เพื่อรักษาความเปิดกว้างของสื่อมวลขน ให้อภิปรายโต้แย้งเรื่องของประเทศอย่างเปิดเผย และค่อยๆเพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบตุลาการ กลุ่มคนเหล่านี้มีวัฒนธรรมที่เดินตามทางสายกลางรวมถึงมีความเชื่อว่าเราควรเอาผลประโยชน์แต่พอควรและควรเหลือผลประโยชน์ให้ผู้อื่นด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่จะต้องละทิ้งอำนาจ ก็จงก้าวลงอย่างมีเกียรติ แต่ในทางปฎิบัติผู้มีอำนาจกลุ่มนี้เพิกเฉยต่อการแก้ปัญหายกระดับชีวิตชาวชนบท

 

ส่วนกลุ่มระบอบทักษิณ ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนจากระดับล่างในสังคม ได้วางกฎเกณฑ์ใหม่ในสังคมไทย ซึ่งไม่ใช่ทางสายกลาง (Middle Way) หากแต่เป็นทางของข้า (My Way) ซึ่งพวกเขาได้แสดงออกมาหลายครั้งแล้วว่าพวกเขาไม่รู้จักพอ โดยทั่วไปการรู้จักพอเป็นเรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญและรับได้ง่าย

 

ในช่วงปี 2544-2549 ที่พรรคไทยรักไทยมีอำนาจจากการเลือกตั้งอย่างแข็งแกร่ง ระบอบทักษิณได้เริ่มโครงการที่จะเข้าครอบงำทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์ของครอบครัวชินวัตรและพรรคพวก ไม่ว่าจะเป็นการธนาคาร การโทรคมนาคม การสื่อสารมวลชน การต่างประเทศ ศาลตุลาการ ตำรวจ เป็นต้น ช่วงนั้นระบอบทักษิณเริ่มทดลองที่จะเข้าครอบงำสถาบันกองทัพ และยังเริ่มประชิดป้อมปราการสุดท้ายที่ขวางอยู่ นั่นคือสถาบันพระมหากษัตริย์ ถึงแม้ระบอบทักษิณยังไม่ได้ทำให้ประเทศไทยตกต่ำเท่ากับประเทศอาเจนติน่าในทุกวันนี้ แต่ทิศทางชัดเจน

 

“สภาประชาชน” หรือข้อตกลงเกี่ยวกับ “กระบวนการประชาธิปไตย” ไม่ใช่มาตรการที่จะทำให้ความวุ่นวายยุติลงหรือแม้แต่บรรเทา ความจริงแล้วการทำข้อตกลงบางอย่างกับกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นไปได้ ผู้ชุมนุมประท้วงซึ่งได้ต่อต้านทักษิณมาโดยตลอด เคยใช้ชีวิต กับการปรับเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มประชาชน ดังนั้นพวกเขาน่าจะสามารถรับการเปลี่ยนแปลงได้อีก พวกเขาสามารถยอมรับการมีสิทธิเสียงทางการเมืองที่มากขึ้นจากกลุ่มต่างๆซึ่งปัจจุบันมีอิทธิพลน้อยอยู่ พวกเขาสามารถที่จะบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มคนเสื้อแดงได้เหมือนกับที่เคยทำมาแล้วในอดีต

 

เมื่อปี 2553 ช่วงที่มีการประท้วงและจราจลกลางเมือง กลุ่มคนเสื้อแดงจุดไฟเผาตึกหลายแห่งในกรุงเทพฯ ผู้เขียนเคยมีความกังวลว่า ราชกรีฑาสโมสร (สปอร์ตคลับ) ที่ผมใช้เป็นที่วิ่งออกกำลังกาย อาจจะถูกเผาทำลายด้วย สปอร์ตคลับเป็นสัญลักษณ์ แห่งกลุ่มชนชั้นสูงผู้มีอำนาจ พื้นที่สีเขียวใหญ่ขนาด 1000 ไร่กลางใจเมืองกรุงเทพฯ ได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์เมื่อหนึ่งศตวรรษที่แล้ว แต่มีชาวไฮโซที่มาเล่นกอล์ฟครั้งละ ไม่เกิน 20 กว่าคนเป็นอย่างมาก และตอนนั้นสปอร์ตคลับห่างจากการประท้วงที่รุนแรงของคนเสื้อแดงเพียงแนวรั้วง่ายๆธรรมดาๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามกรรมการของสปอร์ตคลับท่านหนึ่งบอกกับผมว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง เราทำข้อตกลงไว้แล้วว่าเขาจะไม่บุกเข้ามา” และก็ไม่มีชาวเสื้อแดงบุกเข้ามาเลยจริงๆ

 

แกนนำของการประท้วงในครั้งนี้ มีข้อเรียกร้องที่ฝังลึกในใจเพียงข้อเดียว คือเป็นไปไม่ได้ที่อาชญากรหลบหนีคดี เป็นปฎิปักษ์ กับสถาบันพระมหากษัตริย์ จะปกครองแผ่นดินไทย เพื่อประโยชน์ของครอบครัวและพวกพ้อง

 

แต่สำหรับทักษิณ ความขัดแย้งครั้งนี้คงจะเกี่ยวกับเงินและอำนาจการควบคุมเป็นหลัก จริงๆแล้วการพิพากษาโทษคอร์รัปชั่นของเขาเมื่อปี 2554 ได้ดำเนินการอย่างยุติธรรม โดยศาลยึดเงินของเขาไปสี่หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งพิจารณาแล้วว่าเป็นส่วนที่ได้มาโดยมิชอบ (เหตุผลทางกฎหมายซึ่งนำมาสู่การยึดเงินก้อนนี้มีความชัดเจนและโต้แย้งไม่ขึ้น) อย่างไรก็ตามเขายังเหลือเงินคืนให้อีกกว่าสามหมื่นล้านบาท เพราะไม่ชัดเจนว่าเขาได้ทรัพย์สินก้อนนี้มาจากการใช้อำนาจในทางที่ผิด คำพิพากษานั้นเสมือนกับเป็นวิถีแบบไทยที่เชิญให้ทักษิณไปใช้ชีวิตต่างประเทศ ซึ่งเขาเองยังมีทรัพย์สินในต่างประเทศอีกมาก

 

ดังนั้น เราเริ่มเห็นจุดต่างแห่งความขัดแย้งและต่อสู้ครั้งนี้ การเมืองที่มีเสถียรภาพจำเป็นต้องมีความลงตัวพอประมาณระหว่างพฤติกรรมทางการเมืองในสาธารณะ กับ ความคาดหวังทางวัฒนธรรมที่ประชาชนยึดมั่น พฤติกรรมของทักษิณไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ประชาชนยึดมั่น ไม่ว่าใครก็สามารถเห็นได้ว่าหน้าตาของทักษิณเวลาออกทีวี มีความโกรธซ่อนอยู่ เขายังอยากหวนคืนสู่อำนาจเพื่อตัวเอง เขาต้องการเงินที่ถูกยึดคืน และเขาไม่ต้องการติดคุก ถึงแม้ว่าศาลได้ตัดสินแล้วว่าเขาได้เงินส่วนใหญ่มาจากการใช้อำนาจในทางที่ผิด

 

ทักษิณโต้แย้งว่า การดำเนินคดีทางกฎหมายต่อเขา มาจากความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงสืบเนื่องจากที่ทักษิณเอง เคยกดดันคน องค์กร สถาบัน จำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น สื่อมวลชน ธนาคาร กองทัพและสถาบันพระมหากษัตริย์ ทักษิณจึงสร้างศัตรูทางการเมืองมากมาย และเป็นเรื่องจริงว่าการดำเนินคดีกับเขานั้นเป็นผลโดยตรงจากการทำรัฐประหารเมื่อปี 2549

 

แต่ข้อโต้แย้งของทักษิณก็ไม่ได้ทำให้การดำเนินคดีต่อเขาสูญเสียความชอบธรรม เพราะทักษิณและครอบครัวเคยชินกับการอยู่เหนืออำนาจกฎหมาย แต่การพิพากษาโทษนั้นมีขึ้นอย่างบริสุทธ์ ผู้เขียนได้พิจารณาคำพิพากษาคดีทักษิณและคดีพรรคไทยรักไทยแล้ว พบว่าไม่เพียงแต่เป็นคำพิพากษาที่ปราศจากข้อสงสัยอันสมควรแต่ปราศจากข้อสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น

 

ความขัดแย้งในปัจจุบัน เป็นเพราะตัวทักษิณเองที่ไม่ยอมเดินตามรูปแบบทางวัฒนธรรมไทย เรื่องการแบ่งผลประโยชน์และก้าวต่อไปในชีวิต ซึ่งเป็นแนวทางการส่งถ่ายอำนาจปกครองอย่างนิ่มนวลในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ดังนั้นตัวทักษิณจึงกลายเป็นเป้าของความเกลียดชังของประชาชนตามท้องถนน ซึ่งสำหรับประชาชนเหล่านั้น ทักษิณเป็นสิ่ง “นอกรีต” ซึ่งสมควรแก่การปฏิเสธไม่ยอมรับ และถึงแม้วิถีทางกำจัดทักษิณ อาจต้องผิดรูปแบบแห่งประชาธิปไตยเป็นการชั่วคราว ก็นับเป็นสิ่งจำเป็นที่น่าเสียดาย ทั้งนี้เพื่อปกป้องรักษาข้อตกลงของชีวิตในสังคมไทย และ หวนคืนสู่การเมืองที่ไม่ชั่วร้ายดั่งในปัจจุบัน เข้าสู่สังคมที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย

 

ผู้ชุมนุมประท้วงหวังที่จะปกป้องรักษาประเทศไทยในแบบที่พวกเขารู้จัก ไม่ให้แปดเปื้อนจากค่านิยมที่นอกร

 

1779301_827563987261072_1747217974_n.png

 

 

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

shared Thai Leak Page's photo.

February 7

จากแอดมิน

See Translation

 

 

ปฏิรูปครั้งนี้ หากสำเร็จเรื่องพลังงานเพียงเรื่องเดียว เราจะมีความมั่งคั่งตั้งแต่ระดับครอบครัวไปถึงประเทศชาติ พร้อมๆกันพวกเราคนไทนทุกคนทุกสีทุกกลิ่น มีแต่ได้กับได้ ผลที่จะเกิดขึ้นคือ ๑) ลดรายจ่ายครัวเรือนทันที เท่ากับมีเงินเหลือในครอบครัวราว 20 % จากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและราคาสินค้าที่แฝงค่าพลังงานไว้ทุกชิ้นราว19% ๒) ลดการเสียดุลการค้า จากยอดนำเข้าพลังงาน ปีละกว่า 1 ล้านๆ บาท เพราะกระทรวงพลังงานรายงานว่าเราผลิตได้เอง 43% แต่เราต้องนำเข้าเพราะปล่อยให้ที่ขุดได้เอาไปส่งออก ทำกำไรแก่เอกชน ประเทศได้ประโยชน์น้อยมาก ๓) เพิ่มรายได้ประเทศ ด้วยการเก็บรายได้จากผู้ขุดเจาะทัดเทียมกับประเทศที่ฉลาดๆ ซึ่งทุกบริษัทที่ขุดเจาะประเทศไทยล้วนยอมรับได้อยู่แล้วจากสัญญาในทุกประเทศที่เข้าไปขุด เราจะมีเงินเข้าประเทศเพิ่มขึ้นปีละ 3-5 แสนล้านบาท ทันที และ ข้อสุดท้าย ๔) ทำให้กำไร ปตท.ที่ขาดหายไป 6 แสนล้าน คืนกลับมาสู่แผ่นดิน หากไม่เอาคนที่โกงกินเข้ามาอีก

รวมแล้วเงินของประเทศที่จะได้เพิ่ม ราว 1 ล้านๆบาท ในทุกๆปี เพียงพอที่จะพัฒนาพลังงานผิวดินทดแทนการนำเข้าและลดการขุดเจาะลงได้ หากทุ่มเทสร้างพลังงานผิวดินภายใน 10 ปี เราจะพึ่งพาพลังงานใต้ดินมากสุดเพียง20%เท่านั้น

 

ทั้งประเทศชาติและประชาชนจะมั่งคั่งขึ้นทันที

 

สัมปทานเก่าเปลี่ยนสัญญาใหม่ให้เป็นไปตามหลักสากล คือสัญญาแบ่งปันผลผลิต PSC หรือ บางส่วนที่แน่นอนแล้วให้เป็นสัญญาบริการ เราจะได้เลิกมีคำพูดในรายงานของต่างชาติว่าเป็นประเทศ LOW COST ซะที

 

คนไทยไม่ได้โง่ แต่เพราะคนเลวครองบ้านเมืองมานาน เราจึงเป็นพลเมืองในประเทศ LOW COST ที่เขาเหยียดหยามไปทั่วโลก เราต้องเปลี่ยนประเทศด้วยเรากันเอง มิใช่ให้พี่น้องมาเจ็บตายเพื่อเปลี่ยนอำนาจการเมืองให้คนเลวชุดใหม่เข้าไปสูบซดทรัพยากรของเราอีก...ให้กำลังใจกันเดินหน้าเต็มที่ คารวะ

See Translation

 

1656002_683651111686310_552187179_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

shared Thai Leak Page's photo.

February 7

จากแอดมิน

See Translation

 

ด่วนมาก...แม้จะสายไป...ท่อน้ำมันดิบแตกก้นทะเลอ่าวไทย...

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2557 มีรายงานเป็นภาษาอังกฤษว่าเกิดอุบัติเหตุในทะเลอ่าวไทย ที่แหล่งผลิตบัวหลวง ในแปลงสัมปทานของบริษัทซาลามันเดอร์ ซึ่งมีหลุมขุดเจาะ 16 หลุม อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเต่า แม้ซาลามันเดอร์จะรายงานว่าน้ำมันดิบที่รั่วมีปริมาณเพียง 20 บาเรลล์หรือ 3,180 ลิตร แต่ผู้สันทัดกรณีสัณนิษฐานว่า ในความจริงอาจจะมีปริมาณถึง 200 บาเรลล์ หรือ 31,800 ลิตร ซึ่งยังไม่มีทีท่าของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฝ่ายรัฐบาลของไทยเข้าไปตรวจสอบ หรือออกมาแถลงความจริงต่อสังคม

 

พวกเราคนไทยแทบจะสิ้นหวังที่จะเห็นการตรวจสอบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับระบบวิเวศและสิ่งแวดล้อมในอ่าวไทย การปนเปื้อนในแหล่งอาหารทะเล ...

 

จากนี้ไปคนไทยต้องคิดเองว่าจะยังปล่อยให้มีแท่นขุดเจาะ เกือบ 400 แท่น ในแหล่งอาหารทะเลของเราต่อไปอีกนานเท่าใด ... หากไม่ปฎิรูปพลังงาน หรือการปฏิรูปพลังงานคิดเพียงเรื่องราคาก๊าซราคาน้ำมัน ไม่คิดไปถึงการจัดการทั้งระบบ หรือไม่คิดว่าเราควรปิดแท่นขุดเจาะในอ่าวไทยเสียให้หมด ก็อย่าหวังว่า อนาคตความมั่นคงอาหารทะเลของคนไทยจะยั่งยืน ต่อไปเราก็คงต้องกินแต่ปลากระชังของซีพีที่เลี้ยงด้วยอาหารใส่ฮอร์โมน

 

อย่าลืมว่าทุกวันนี้ที่เรามีอาหารทะเลราคาถูกกินได้เพราะประมงรายย่อย ออกจับปลามาขาย มีการแข่งขันในตลาด แต่เมื่อไร ที่แท่นขุดเจาะดารดาษไปทั่วอ่าวไทย น้ำมันรั่วท่อแตกเล็กบ้างใหญ่บ้างกุ้งปูปลาหนีหาย ตัวอ่อนตายไปหรือเปลี่ยนพันธุกรรมเพราะมลพิษในทะเล ประมงหมดอาชีพ การผูกขาดอาหารทะเลที่ให้ไอโอดีนธรรมชาติจะเกิดขึ้น ห่วงโซ่สุขภาพก็ตกอยู่ในมือทุนทั้งระบบ อย่างยากที่จะปลดแอกด้วยสินติวิธี...ใช่ไหม?

 

Salamander Energy’s shares have fallen 3.5% after the firm was forced to temporarily shut down production at the Bualuang oil field in the Gulf of Thailand.

 

The upstream exploration firm confirmed the field had been temporarily shut-in following due to a damaged production riser.

 

The riser was damaged during a spell of bad weather when mooring chains from the Rubicon Vantage FPSO damaged it, resulting in a small oil spill.

 

Salamander said production was immediately stopped while the oil – approximately 20 barrels worth – was cleared up in a five-hour period.

 

Further inspection work and repairs are now underway and the FPSO owners has made arrangements to fit a new production riser if required. Salamander says production is set to start-up again around January 25th.

 

The firm said development drilling at the field had not been affected by the damaged production riser, and the Atwood Mako rig remains on the Bravo platform drilling the BB-02H well.

 

Salamander said it would use the period of downtime to carry out planned maintenance at the site.

 

“Despite the shut-in, the Group’s production forecast for 2014 remains unchanged with production expected to average between 13,000 and 16,000 boepd,” said Salamander.

 

link: http://www.energyvoice.com/2014/01/salamander-energy-halts-thai-production-following-oil-spill/

From @ b (Translated by Bing)

1800184_683516995033055_131413956_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1654217_220376638155494_976203418_n.jpg

 

 

คุยกับหม่อมกร

February 6

 

หลังการปฏิรูปพลังงาน เราคงต้องปฏิรูปการศึกษา

เพื่อให้คนมีคุณธรรมและจริยธรรมมากขึ้น มีหิริโอตัปปะ คือ

ความเกรงชั่ว กลัวบาป มีความละอายต่อการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น

นี่คือสิ่งที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของไทยต้องมีไว้เป็นหลักในการบริหารบ้านเมืองครับ

 

1782012_782406385120459_40860428_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
971814_628901223804310_1291795098_n.jpg ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...