ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ดีจ้า wannnnn meng deb ... .. .. โชคดี+++++++นะคะ

 

 

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ ประจำวันที่ 01 ตุลาคม 2558

ราคาทองคำปรับลงแรงหลังจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด แนวโน้มราคาทองคำเป็นขาลงต่อ

แนะนำ Trading Short เมื่อดีดตัวขึ้น

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 12.46 ดอลลาร์ ปิดที่

1,114.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,111.60 - 1,127.80 เช้าวันนี้ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,115 USDต่อออนซ์

ราคาทองคำปรับตัวลดลงแรง หลังการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรโดย ADP ของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนคาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศในวันศุกร์นี้จะดีขึ้น และเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยหนุนการจ้างงาน ทำให้คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC อีก 2 ครั้งในปีนี้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและตลาดหุ้นสหรัฐปรับบวกขึ้นแรง เป็นปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม กองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำจำนวน 3.28 ตัน สำหรับภาพทางเทคนิคของราคาทองคำ หลังจากหลุดแนวรับบริเวณ 1,120 ลงมา แนวโน้มเป็นขาลงต่อ indicator RSI และ MACD ให้สัญญาณขาย

แนะนำ : Trading Short เมื่อดีดตัวขึ้น

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy0110201594723265…

___________________________

สนใจลงทุนทองคำกับ Classic Gold

ทองคำแท่ง : 02-6180888

Gold Futures : 02-6180808

เว็บไซต์ : www.classicgold.co.th

 

 

 

12079086_1149918608369821_4268440520714904904_n.jpg?oh=2d80a2f0c591cef672db1d0d413ffc50&oe=568DF0FA&__gda__=1453072374_0b3f150434a88f4dd135ddf23e866fec

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

d78c954fdbb16af77fbd27e41627094c.jpg

สวัสดีวันศุกร์

ในแต่ละช่วง ของวัน

หามุมพักผ่อนกาย จิตใจ ไว้เสมอ

ตรงไหนก็ได้

หายใจช้าๆ ลึกลงจากช่วงอก......ท้อง

ค่อยๆผ่อนลมหายใจ ออก....ช้า

ผ่อนคลาย....

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2558 07:48:17 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 1 ต.ค.2558

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทาง โดยในขณะที่ข้อมูลด้านแรงงานยังคงแข็งแกร่งนั้น ข้อมูลภาคการผลิตกลับอ่อนแรงลง นอกจากนี้ ตลาดยังปรับตัวลงหลังจากผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มอ่อนแอลงในปีนี้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,272.01 จุด ลดลง 12.69 จุด หรือ -0.08% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,627.08 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด หรือ +0.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,923.82 จุด เพิ่มขึ้น 3.79 จุด หรือ +0.20%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากมีรายงานระบุว่า ภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนก.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 346.23 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,426.54 จุด ลดลง 28.75 จุด หรือ -0.65% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,509.25 จุด ร่วงลง 151.19 จุด หรือ -1.57% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,072.47 จุด เพิ่มขึ้น 10.86 จุด หรือ +0.18%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนไปได้บ้าง หลังมีการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 10.86 จุด หรือ 0.18% ที่ 6,072.47 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ภาคการผลิตของสหรัฐและจีนอ่อนแรงลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มอ่อนแอลงในปีนี้

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 44.74 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 68 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 47.69 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) ทำสถิติปิดลบติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.5 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ระดับ 1,113.7 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 0.7 เซนต์ ปิดที่ 14.511 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 3.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 905.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 28.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 679.40 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐ ก่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันนี้

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1185 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1175 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5132 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5127 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.92 เยน จาก 119.91 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9777 ฟรังก์ จาก 0.9741 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7031 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7015 ดอลลาร์

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,272.01 จุด ลดลง 12.69 จุด -0.08%

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,627.08 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด +0.15%

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,923.82 จุด เพิ่มขึ้น 3.79 จุด +0.20%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,072.47 จุด เพิ่มขึ้น 10.86 จุด +0.18%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,509.25 จุด ลดลง 151.19 จุด -1.57%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,426.54 จุด ลดลง 28.75 จุด -0.65%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,295.94 จุด เพิ่มขึ้น 114.70 จุด +1.40%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 17,722.42 จุด เพิ่มขึ้น 334.27 จุด +1.92%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,979.32 จุด เพิ่มขึ้น 16.51 จุด +0.84%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,144.10 จุด เพิ่มขึ้น 85.50 จุด +1.69%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,112.10 จุด เพิ่มขึ้น 90.50 จุด +1.80%

 

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,890.94 จุด ลดลง 3.04 จุด -0.04%

 

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,254.88 จุด เพิ่มขึ้น 30.97 จุด +0.73%

 

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,633.93 จุด เพิ่มขึ้น 12.89 จุด +0.80%

 

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,801.85 จุด เพิ่มขึ้น 10.96 จุด +0.39%

 

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,220.95 จุด เพิ่มขึ้น 66.12 จุด +0.25%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2264025

 

เงินบาทเปิด 36.48/50 แนวโน้มยังอ่อนค่า ติดตามตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯคืนนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2558 09:29:52 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.48/50 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 36.44 บาท/ดอลลาร์

 

เงินบาทวันนี้ยังมีโอกาสอ่อนค่าได้ต่อ ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนติดตามคือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนนี้ คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.

 

 

 

นักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้เงินบาทจะอ่อนค่าอยู่ในกรอบ 36.50-36.80 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.00 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นที่ระดับ 120.09 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโร เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1200 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นที่ระดับ 1.1151 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 36.939 บาท/ดอลลาร์

 

- เปิดฉาก "ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2015" สินค้าแบรนด์ดังตบเท้าเข้าร่วมคึกคัก งัดโปรโมชั่นชิงลูกค้า คาดเงินสะพัด 1.3-1.4 พันล้านบาท หวังช่วยกระตุ้นตลาดให้กลับมาคึกคัก

 

- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ ประเมินส่งออกปีนี้อาจติดลบมากกว่าร้อยละ 5 พาณิชย์เผยเงินเฟ้อ ก.ย.58 ติดลบเดือนที่ 9 ปรับเป้าใหม่ทั้งปีอยู่ที่จากบวกเป็นติดลบร้อยละ 0.2-1

 

- นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ย. 2558 เริ่มปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากภาพรวมการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่กลับมาขยายตัวได้ 10% แสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐส่งออกมาช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งการอัดฉีด เม็ดเงินผ่านกองทุนหมู่บ้าน การอัดฉีดเม็ดเงินตำบลละ 5 ล้านบาท และการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในต่างจังหวัดได้ดีขึ้น

 

- นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผย ภายหลังเข้ารับตำแหน่งวันแรก (1 ตุลาคม 2558)ว่า เตรียมเข้าหารือกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง และนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เพื่อรับมอบนโยบายและภารกิจตามแนวทางของรัฐบาลอย่างเป็นทางการ โดยเบื้องต้นจะกำหนดให้กระทรวงการคลัง มีบทบาทในการรักษาวินัยการเงินการคลัง ซึ่งจะทำให้กระทรวงการคลัง เป็นทั้งกระทรวงหลักและกระทรวงที่ให้ความสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจของไทยไม่ค่อยสู้ดี เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก

 

- คลัง เตรียมชงครม.ค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนองบ้านเหลือ 0.01% กระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้านปลัดคลังคนใหม่พร้อมคลอดมาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจต่างๆ ระหว่างที่การส่งออกยังไม่ฟื้นตัว

 

- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐ ก่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันนี้ ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ตอกย้ำว่ายังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่เฟดมีกำหนดที่จะประชุมนโยบายการเงินอีกเพียง 2 ครั้งในปีนี้

 

- ผลการสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ(ISM) พบว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 50.2 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.56 ลดลงจากระดับ 51.1 ในเดือนส.ค. โดยได้รับผลกระทบจากดอลลาร์ที่แข็งค่า และอุปสงค์ต่างประเทศที่ซบเซา ซึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของสหรัฐชะลอตัวมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี

 

- กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น รายงานว่า ตำแหน่งงานว่างของญี่ปุ่นยังคงปรับตัวขึ้นในเดือนส.ค. โดยทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 23 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจต้องการจ้างงานเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อัตราตำแหน่งงานว่างในเดือนส.ค.อยู่ที่ 1.23 จากระดับ 1.21 ในเดือนก่อนหน้า โดยบ่งบ่งชี้ว่ามีตำแหน่งงานว่าง 123 ตำแหน่งสำหรับผู้หางานทุกๆ 100 คน ส่วนอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.4% จาก 3.3%

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่า ภาคการผลิตของสหรัฐและจีนอ่อนแรงลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มอ่อนแอลงในปีนี้

 

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 44.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 68 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 47.69 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2264381

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $1.5 ขณะตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2558 07:26:06 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) ทำสถิติปิดลบติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.5 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ระดับ 1,113.7 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 0.7 เซนต์ ปิดที่ 14.511 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 3.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 905.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 28.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 679.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้

 

นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 173,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 5.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี

 

ส่วนข้อมูลแรงงานด้านอื่นๆที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 277,000 ราย แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นเวลามากกว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง

 

ขณะที่ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า เอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2264020

 

เกิดเหตุเครื่องบินสหรัฐตกในอัฟกานิสถาน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย

 

 

ข่าวทั่วไป สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2558 09:40:00 น.

สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เกิดเหตุเครื่องบินขนส่งของสหรัฐตกบริเวณสนามบินจาลาลาบัด จังหวัดนานกาฮาร์ ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย

 

แหล่งข่าวกล่าวว่า "เครื่องบินสหรัฐรุ่น C-130 ตกบริเวณสนามบินจาลาลาบัดเมื่อประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้"

 

จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีทหารสหรัฐเสียชีวิต 5 รายจากจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด

 

นอกจากนี้ นายโทนีย์ วิคแมน โฆษกรัฐบาลสหรัฐได้ออกมาเปิดเผยว่า "ขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว" พร้มระบุว่าจะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมตามความเหมาะสม

 

ทั้งนี้ ในเดือนมิ.ย.ของปีที่ผ่านมา เครื่องบิน C-130 รุ่น 4 เครื่องยนต์ได้เกิดเหตุขัดข้องจนทำให้เครื่องบินต้องลงจอดฉุกเฉินที่บริเวณตะวันตกของอัฟกานิสถาน และไม่สามารถระบุสาเหตุได้เช่นเดียวกัน

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สกาวรัฐ บัวสำลี/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq38/2264395

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐแฉรัสเซียไม่ได้โจมตีกลุ่ม IS อย่างที่ประกาศไว้

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2558 09:15:00 น.

เจ้าหน้าที่จากกระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า การโจมตีทางอากาศของรัสเซียในซีเรียนั้น ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ตามที่รัสเซียได้กล่าวอ้างไว้แต่อย่างใด

 

 

 

"รัสเซียได้ประกาศไว้อย่างชัดเจนว่ามีเป้าหมายที่กลุ่ม ISIL" นายสตีฟ วอร์เรน โฆษกประจำปฏิบัติการ Operation Inherent Resolve ต่อต้านกลุ่ม IS ซึ่งมีสหรัฐเป็นผู้นำ กล่าว "ผมไม่ทราบว่าเป้าหมายอยู่ที่ใคร แต่เราไม่เชื่อว่ารัสเซียมุ่งเป้าไปที่กลุ่ม ISIL" (ISIL คืออีกชื่อหนึ่งของกลุ่มไอเอส)

 

นายวอร์เรน เสริมว่า "ตามจุดที่รัสเซียโจมตีเมื่อวานนี้ เราไม่เชื่อว่ามีกลุ่ม ISIL ประจำการอยู่"

 

ก่อนหน้านี้ นายอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงว่า เครื่องบินรบของรัสเซียได้เริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายของกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรียแล้ว เป้าหมายดังกล่าวได้แก่ รถยนต์ และโกดังสินค้าที่เชื่อว่าเป็นของกลุ่ม IS

 

การโจมตีต่อกองกำลัง IS มีขึ้น หลังนายเซอร์เก อิวานอฟ หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เปิดเผยว่า วุฒิสภาของรัสเซียมีมติเอกฉันท์อนุมัติให้ปธน.ปูติน ส่งกองกำลังติดอาวุธเข้าไปยังซีเรียได้

 

เมื่อวานนี้ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ได้ออกมาชี้แจงถึงเจตนาของรัสเซียในการโจมตีซีเรีย โดยเผยว่ารัสเซียมีเป้าหมายที่กลุ่มก่อการร้าย และไม่มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย

 

"เราเห็นพ้องกับกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐในการโจมตีกลุ่ม ISIL อัลนุสรา และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ นายลาฟรอฟกล่าวที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ "เรามีวิธีการที่เหมือนกัน"

 

ทั้งนี้ สหรัฐมีความวิตกว่ารัสเซียมีเป้าหมายโจมตีกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ซึ่งกลุ่มดังกล่าวสหรัฐเป็นผู้สนับสนุน

 

นอกจากนี้ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในซีเรียยังสร้างความยุ่งยากให้กับกลุ่มพันธมิตรต่อต้าน IS ที่นำโดยสหรัฐ เนื่องจากเครื่องบินอาจเกิดการปะทะกันกลางอากาศ

 

สหรัฐยังได้ปฏิเสธคำเรียกร้องของรัสเซีย ที่ได้สั่งให้สหรัฐถอนเครื่องบินออกจากน่านฟ้าซีเรีย เพื่อเปิดทางให้กับเครื่องบินของรัสเซีย โดยสหรัฐจะดำเนินปฏิบัติการโจมตีในซีเรียต่อไป

 

ในขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมสหรัฐรายงานว่า สหรัฐและรัสเซียได้เปิดการหารือรอบแรกเพื่อพูดคุยถึงปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย

 

นายปีเตอร์ คุก โฆษกเพนตากอน เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง โดยเน้นไปที่ความปลอดภัยของปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2264224

 

บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2558 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2558 09:58:01 น.

กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--MTS Gold Group

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยท่ามกลางการแข็งค่าของค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ที่ระดับ 1.1198 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ดัชนีดอลลาร์เช้านี้อยู่ที่ระดับ 96.12 ด้านข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อวานนี้ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ ได้แก่ Jobless Claims ที่เพิ่มขึ้น 10,000 ตำแหน่ง ขณะที่ ISM Manufacturing PMI ชะลอตัวลงในเดือนกันยายน สำหรับตลาดทองคำรอคอยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งถือว่าสำคัญที่สุด ได้แก่ Non-Farm Payrolls ที่คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มสูงขึ้นจากระดับ 173K สู่ระดับ 201K ด้านกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ซื้อทองคำเพิ่ม 1.78 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 689.2 ตัน

 

 

 

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำยังเป็นแนวโน้มขาลง โดยมีแนวรับสำคัญ 1,100 เหรียญ๗ และแนวต้านที่ระดับ 1,130 เหรียญ ซึ่งในวันนี้คิดว่ามีโอกาสที่ราคาทองคำจะทรงตัวและค่อยๆปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตามเนื้อข่าวที่จะเข้ามา ด้านราคาทองคำไทยยังคงมีความแข็งแกร่งจากค่าเงินบาทที่อยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง จากระดับ 36.35 บาท/ดอลลาร์ สู่ระดับ 36.50 บาท/ดอลลาร์ในเช้านี้ จึงผลักดันให้ราคาทองคำไทยและ Gold Futures เคลื่อนไหว Sideway Up โดยเป็นการเคลื่อนไหวลักษณะปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ ทองคำไทยจะมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 19,100 บาท/บาททองคำ และแนวต้านสำคัญ 19,400 บาท/บาททองคำ

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะนำให้ลงทุนลักษณะ Sideways โดยเป็นการลงซื้อขึ้นขายสำหรับทองคำไทย แต่ราคาทองคำต่างประเทศแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ทิศทางขาลง

 

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

เก็งกำไรทิศทางขาขึ้นระยะสั้นในกรอบสำหรับทองคำไทย แต่สำหรับทองคำต่างประเทศแนะนำให้ทยอยลดสถานะหรือปิดสถานะเพื่อลดความเสี่ยง

 

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

สำหรับทองคำต่างประเทศแนะนำให้หาจังหวะเปิดสถานะ Short บริเวณแนวต้าน เข้าออกไว

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ภาพหลักของราคาทองคำตลาดโลกยังคงอยู่ในทิศทางขาลง

Gold Futures V15 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,270 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,470 บาท

Gold Futures Z15 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,360 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,560 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2264416

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

d0e56177e5aec9a700d3b406ece2d435.jpg

Photograph Rainy Day by Jake Olson Studios

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $22.9 หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐต่ำกว่าคาด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2558 09:13:40 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากปรับตัวลดลงติดต่อกันมา 5 วันทำการ เนื่องจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ที่ออกมาน่าผิดหวังนั้นได้กดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงโลหะมีค่าอย่าง ทอง

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 22.9 ดอลลาร์ หรือ 2.06% ปิดที่ระดับ 1,136.6 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งสัปดาห์ ราคาทองลดลง 0.8%

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 75.2 เซนต์ หรือ 5.18% ปิดที่ 15.263 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ดีดขึ้น 4.3 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 909.5 ดอลลาร์/ออนซ์

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1%

 

ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนอัตราการว่างงาน คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.1%

 

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค.และส.ค. โดยปรับลดลง 59,000 ตำแหน่งจากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้

 

ข้อมูลจ้างงานที่ย่ำแย่ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐยังไม่น่าจะรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งตัวเลขที่อ่อนแอและกระแสคาดการณ์ดังกล่าวได้กดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง และกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ เพราะการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้โลหะมีค่าที่กำหนดราคาซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาน่าดึงดูดใจมากขึ้น

 

โดยปกติแล้ว ทองและดอลลาร์จะเคลื่อนตัวในทิศทางตรงข้ามกัน ซึ่งหมายความว่าหากดอลลาร์ปรับตัวลง สัญญาทองก็จะปรับตัวขึ้น เนื่องจากทอง ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ จะมีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ

 

ขณะเดียวกัน ตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอได้ก่อให้เกิดความกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกกำลังฉุดรั้งการขยายตัวของสหรัฐ ซึ่งผลักดันให้นักลงทุนหันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นทองคำ

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2265353

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง 80 เซนต์ หลังจำนวนแท่นขุดเจาะลดลงต่อเนื่อง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2558 08:43:03 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ซึ่งบ่งชี้ว่าผลผลิตน้ำมันในสหรัฐกำลังหดตัว

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 45.54 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับตลอดสัปดาห์ สัญญาปรับตัวลงราว 0.4%

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 48.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ทั้งสัปดาห์ สัญญาร่วงลงไปประมาณ 1%

 

เบเกอร์ ฮิวจส์ บริษัทผู้ให้บริการข้อมูลด้านน้ำมัน รายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลงอีก 26 หลุม เหลือ 614 หลุม ณ สิ้นสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 แล้ว และหากรวมแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ตัวเลขแท่นขุดเจาะลดลงทั้งสิ้น 29 หลุม มาอยู่ที่ 809 หลุม

 

ข้อมูลแท่นขุดเจาะเป็นปัจจัยหนุนตลาด เนื่องจากเทรดเดอร์เชื่อว่า บริษัทน้ำมันของสหรัฐยังคงเดินหน้าปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง

 

โดยข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยหลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐลดลงจาก 40,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ 9.096 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว

 

ก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลแท่นขุดเจาะจากเบเกอร์ ฮิวจส์นั้น สัญญาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลง โดยร่วงลงไปต่ำกว่า 44 ดอลลาร์ เนื่องจากข้อมูลจ้างงานที่ชะลอตัวในเดือนที่แล้ว ได้ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความต้องการพลังงาน

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2008

 

ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนอัตราการว่างงาน คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.1%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2265350

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อน หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานอ่อนแอ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2558 09:26:47 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์กันไว้

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1225 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1185 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5193 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5132 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.88 เยน จาก 119.92 เยน ปรับตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9707 ฟรังก์ จาก 0.9777 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงแตะ 1.3189 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3257 ดอลลาร์แคนาดา

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7032 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7031 ดอลลาร์

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1%

 

ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนอัตราการว่างงานนั้นสอดคล้องกับการคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.1%

 

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค.และส.ค. โดยปรับลดลง 59,000 ตำแหน่งจากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้

 

โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 198,000 ตำแหน่งต่อเดือน เทียบกับที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 260,000 ต่อเดือนในปี 2557

 

ข้อมูลจ้างงานที่ย่ำแย่ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐยังไม่น่าจะรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งตัวเลขที่อ่อนแอและกระแสคาดการณ์ดังกล่าวได้กดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2265452

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อน หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานอ่อนแอ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2558 09:26:47 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์กันไว้

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1225 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1185 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5193 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5132 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.88 เยน จาก 119.92 เยน ปรับตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9707 ฟรังก์ จาก 0.9777 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงแตะ 1.3189 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3257 ดอลลาร์แคนาดา

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7032 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7031 ดอลลาร์

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1%

 

ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนอัตราการว่างงานนั้นสอดคล้องกับการคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.1%

 

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค.และส.ค. โดยปรับลดลง 59,000 ตำแหน่งจากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้

 

โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 198,000 ตำแหน่งต่อเดือน เทียบกับที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 260,000 ต่อเดือนในปี 2557

 

ข้อมูลจ้างงานที่ย่ำแย่ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐยังไม่น่าจะรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งตัวเลขที่อ่อนแอและกระแสคาดการณ์ดังกล่าวได้กดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2265452

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ระวัง‘มูจีแก’ พายุใหญ่กระทบไทย อุตุฯเตือนเหนือ-อีสาน

 

 

ข่าวทั่วไป RYT9 -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2558 06:00:00 น.

 

ดูรูปทั้งหมด

ระวัง‘มูจีแก’

พายุใหญ่กระทบไทย

อุตุฯเตือนเหนือ-อีสาน

4-6ตุลารับมือถล่มหนัก

ฝนซัดกทม.ติดทั่วเมือง

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศพายุ “มูจีแก” ฉบับที่ 1 ระบุว่า พายุดีเปรสชั่นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกได้เคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน และได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน“มูจีแก” แล้ว โดยเมื่อเวลา 07.00 น. มีศูนย์กลางอยู่ที่ ละติจูด 16.4 องศาเหนือ ลองจิจูด 119.6 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า พายุนี้จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 4 - 5 ตุลาคมนี้

 

 

 

สำหรับพายุนี้จะเริ่มส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ในช่วงวันที่ 4 - 6 ตุลาคม โดยบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนสะสมในระยะนี้ไว้ด้วย

 

ต่อมาในช่วงค่ำกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศฉบับที่ 2เกี่ยวกับพายุโซนร้อน “มูจีแก” อีกหนหนึ่ง เนื้อหาสอดคล้องกับประกาศฉบับที่1 ทั้งย้ำว่าประเทศไทยตอนบนภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันเจอภาวะฝนตกหนักแน่นอนขอให้ประชาชนระวัง

 

เที่ยงวันเดียวกันเกิดฝนอย่างหนักในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร โดยกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) แนะให้หลีกเลี่ยง เส้นทางรอบแยกเกษตร มีน้ำท่วมผิวจราจรเสมอทางเท้า รถติดขัด ขณะเส้นทาง ถนนพระราม 3, ถนนสุขสวัสดิ์, ถนนสาทรเหนือ-ใต้, ถนนพระราม 4, ถนนราชดำริ, ถนนเพชรบุรี, ถนนวิภาวดีถนนรามคำแหง น้ำท่วมประมาณ 5-10 ซม. ทำให้รถติดขัดเป็นอย่างหนัก บางจุดกลายเป็นอัมพาตรถไม่ขยับตัวนานเกือบ 3 ชั่วโมง

 

ขณะที่ถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าเพชรเกษม-วงแหวนตะวันตก ฝนตกหนัก รถเคลื่อนตัวช้าสลับหยุดนิ่ง เลี่ยงการจราจร ถนนรัชดาภิเษก ขาเข้า-ออก จากแยกลาดพร้าว-แยกรัชโยธิน น้ำท่วมสูง 30 ซม. รถติดขัดมาก รถจอดเสียหลายคัน

 

โดยเฉพาะที่ หน้าศาลอาญา มีน้ำท่วมสูงเกือบครึ่งคันรถ ในโลกออนไลน์ต่างแชร์ภาพเหตุการณ์ตลอดทั้งวัน เกิดน้ำท่วมขังสูงท่วมฟุตบาตประมาณ 20 เซนติเมตร รถยนต์ขนาดใหญ่วิ่งได้เฉพาะเลนขวาสุดเท่านั้น ส่วนรถยนต์ขนาดเล็กและรถจักรยานยนต์ ไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้ ส่งผลให้การจราจรฝั่งถนนรัชดาภิเษกขาออก รถติดเป็นอัมพาต ไม่สามารถเคลื่อนตัวไปได้ ท้ายแถวอยู่แยกพระราม 9

 

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ กทม.ได้นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เข้ามาสูบน้ำเพื่อระบายลงคลองต่อไป

 

ด้านศูนย์ป้องกันน้ำท่วม รายงานสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่ กทม.ว่า จากเหตุการฝนตกที่ผ่านมา สามารถวัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดที่ เขตวังทองหลาง 81.5 มิลลิเมตร (มม.) เขตยานนาวา 81 มม. เขตพญาไท 73.5 มม. เขตราชเทวี 59 มม. เขตบางรัก 56 มม. เขตดินแดง 51.5 มม. ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังรอระบายบนถนนความสูง 15-30 เซนติเมตร โดยเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ สำนักงานเขต และหน่วยเบสท์ อยู่ระหว่างเร่งระบายน้ำ เพื่อให้ถนนแห้งเป็นปกติโดยเร็วที่สุด

 

ข่าวแจ้งว่า สำหรับข้าราชการระดับสูง ของกทม.ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการระบายน้ำ ได้เกษียณอายุราชการไปเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา มีจำนวนถึง 3 คน ได้แก่ นายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกทม. นายอดิศักดิ์ ขันตี รองปลัดกทม. และนายกังวาฬ ดีสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ ส่งผลให้สำนักการระบายน้ำ ไม่มีผู้อำนวยการสำนัก มีเพียงรองสำนัก 3 คนเท่านั้น โดยใน 3 คนนี้ เป็นลูกหม้อสำนักการระบายน้ำและมีความเชี่ยวชาญในพื้นที่ปฏิบัติงาน 2 คน ได้แก่ นายสมพงษ์ เวียงแก้ว นายณรงค์ เรืองศรี ส่วนนายเฉลิมพล โชตินุชิต เป็นรองผอ.สำนักที่ดูแลด้านการบริหารบุคคลเท่านั้น

 

ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. จะทาบทามนายสัญญาและนายอดิศักดิ์ เข้ามาช่วยงานด้านการระบายน้ำในอนาคตด้วย

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/ryt9/2265175

 

เช็คด่วน!!!เส้นทางจราจรช่วงเช้า หลังเกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่

 

 

ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- เสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2558 08:45:00 น.

3 ต.ค.58 อิทธิพล ของพายุโซนร้อน"มูจีแก" ได้เคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน ส่งผลกระทบให้ประเทศไทยหลายพื้นที่มีฝนตก และตกหนัก โดยในเขตพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ฝนได้ตกมาตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ส่งผลให้การจราจรในเช้าวันนี้ มีรถหนาแน่นเคลื่อนตัวช้า ผู้ขับขี่ยวดยานโปรดใช้ความระมัดระวัง

 

-ประกาศแจ้งข่าว (การจราจร)ถนนสาทรเหนือ จาก สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน มุ่งหน้า แยกสาทร ไป แยกนรินทร รถมากเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ , ช่วง แยกนรินทร มุ่งหน้า แยกสาทร - คอนแวนด์ ไป แยกวิทยุ รถมากเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ

 

 

 

-ประกาศแจ้งข่าว ช่วงนี้พื้นที่โดยทั่วไปของกรุงเทพมหานครมีฝนตก ได้แก่ ถนนดินแดง , ถนนราชดำริ , ถนนราชปรารภ , ถนนงามวงศ์วาน , ถนนวิภาวดีรังสิต , ถนนแจ้งวัฒนะ , ถนนพหลโยธิน , ถนนพระราม 9 ฯลฯ ทำให้ถนนเปียกลื่น อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับทราบ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เส้นทางต่าง ๆ และสภาพการจราจรเพิ่มเติม หรือ แจ้งอุบัติเหตุจราจร ท่านสามารถสอบถามและแจ้งได้ที่ 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

-ประกาศแจ้งข่าว (การจราจร)ถนนรามอินทรา ขาเข้า จาก ก.ม. 8 มุ่งหน้า ด่วนรามอินทรา ไป แยกลาดปลาเค้า รถมากเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ , ช่วง แยกลาดปลาเค้า มุ่งหน้า แยกหลักสี่ รถมากยังพอเคลื่อนตัวได้

 

-ประกาศแจ้งข่าว (การจราจร)ถนนพระราม 9 ขาเข้า จาก แยกรามคำแหง มุ่งหน้า แยกพระราม 9 - 2 ไป แยกศูนย์วิจัย รถมากยังพอเคลื่อนตัวได้ , ช่วง แยกศูนย์วิจัย มุ่งหน้า แยกอ.ส.ม.ท. รถมากเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ

 

-ประกาศแจ้งข่าว (การจราจร)ถนนประชาธิปก จาก วงเวียนใหญ่ มุ่งหน้า แยกบ้านแขก ไป สะพานพระปกเกล้า รถมากยังพอเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ ไม่มีท้ายแถว

 

-ประกาศแจ้งข่าว (การจราจร)ถนนประชาชื่น จาก แยกพงษ์เพชร มุ่งหน้า แยกประชานุกูล ไป แยกประชาชื่น รถมากยังพอเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ ไม่มีท้ายแถว

 

-ประกาศแจ้งข่าว (การจราจร)ถนนแจ้งวัฒนะ ขาเข้า จาก แยกปากเกร็ด มุ่งหน้า แยกเมืองทอง ไป แยกหลักสี่ - วิภาวดี รถมากยังพอเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ , ช่วง แยกหลักสี่ - วิภาวดี มุ่งหน้า อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ รถมากเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ

 

-ประกาศแจ้งข่าว (การจราจร)บนสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า จาก แยกอรุณอัมรินทร์ มุ่งหน้า แยกผ่านพิภพ รถมากเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ ไม่มีท้ายแถว ส่วนฝั่งกลับกันยังใช้การได้ดี

 

ขอบคุณ จราจรตาเพชร - Thai Traffic Police

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/nnd/2265351

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

(Oct 2) จีนยกเครื่องทุนสำรอง ทิ้งบอนด์มะกัน-ซบทอง : เมื่อกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) ประกาศอ่อนค่าเงินด้วยการลดอัตราอ้างอิงค่าเงินดังกล่าวติดต่อกันหลายครั้ง รวมกันแล้วอ่อนลงไปราว 3% ส่งผลให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง โดยอยู่ที่ราว 6.3 หยวน/เหรียญสหรัฐ จาก 6.1 หยวน/เหรียญสหรัฐ

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่การส่งออกของจีนร่วงลงอย่างหนัก แม้ในช่วงไตรมาสแรกของปี สถาบันเศรษฐกิจระหว่างประเทศปีเตอร์สัน ระบุว่า จีนแทบไม่มีการเข้าแทรกแซงค่าเงินหยวนเลย แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการเปิดเสรีตลาดการแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวน เพื่อให้ค่าเงินหยวนกลายเป็นสกุลเงินสำรองระดับโลก หรือเข้าเป็นหนึ่งในตะกร้าค่าเงิน (เอสดีอาร์) ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของพีบีโอซีในครั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวค่าเงินครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 เลยทีเดียว สร้างคำถามให้เกิดขึ้นว่า "การอ่อนค่าเงินดังกล่าวจะทำให้เงินทุนสำรองของจีนลดลงหรือไม่"

ลีเหมาเซียน นักวิเคราะห์ของโบคอม อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ ในปักกิ่ง เปิดเผยว่า ยิ่งจีนแทรกแซงค่าเงินหยวนมากเท่าไร ปริมาณเงินทุนสำรองของจีนก็ยิ่งลดลงไปมากเท่านั้น รวมไปถึงต่างชาติจะยิ่งมองว่าค่าเงินหยวนไม่เป็นไปตามเสรีตลาด และยิ่งถอนทุนออกจากจีนมากยิ่งขึ้น

แน่นอนจีนต้องขายพันธบัตรในรูปแบบเหรียญสหรัฐ เพื่อช่วยประคองค่าเงินหยวนหลังจากนั้น และผลที่ตามมาคือในเดือน ส.ค. เงินทุนสำรองของจีนลดลงเป็นประวัติการณ์ถึง 9.39 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สร้างความตระหนกให้แก่นักลงทุนเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม จีนได้เตรียมรับมือความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดค่าเงินหยวน-เหรียญสหรัฐ มาตั้งแต่ปี 2012-2013 ด้วยการกระจายสินทรัพย์สำรองออกไปจากรูปแบบของเหรียญสหรัฐ โดยเป็นไปเพื่อการปล่อยเสรีตลาดการแลกเปลี่ยนเงินตราให้มากขึ้น รวมถึงหลบความเสี่ยงจากเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าหลังการออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีกด้วย

เมื่อปี 2013 หนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานว่า จีนจัดตั้งหน่วยงานที่ชื่อ "สำนักงานบริหารเงินตราต่างประเทศ (เซฟ)" ขึ้นในวอลสตรีทเพื่อขายพันธบัตรสหรัฐ ในขณะที่เข้าซื้อสินทรัพย์จากยุโรปและญี่ปุ่นมากขึ้น หรือเรียกได้ว่าจีนพยายามกระจายสินทรัพย์สำรองออกไปโดยเฉพาะทองคำ

จากข้อมูลของกระทรวงการคลังสหรัฐ แสดงให้เห็นว่าจีนทิ้งพันธบัตรของสหรัฐไปมากถึง 4.92 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยจีนขายพันธบัตรของสหรัฐทิ้งไป 6 ครั้งติดต่อกันในช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เท่ากับจีนถือพันธบัตรสหรัฐอยู่ 1.22 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นับถึงช่วงเดือน ก.พ.ดังกล่าว

ในขณะเดียวกัน จีนก็พยายามเข้าซื้อทองคำให้มากขึ้น ล่าสุดพีบีโอซีก็ออกมาเปิดเผยว่า เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จีนเพิ่มปริมาณทองคำสำรองมากขึ้นอีก 1% จาก 53.93 ล้านออนซ์ ในเดือน ก.ค. เป็น 54.45 ล้านออนซ์ เมื่อสิ้นเดือน ส.ค. หรือเท่ากับ 16.2 ตัน ทำให้จีนมีปริมาณทุนสำรองในรูปทองคำทั้งหมด 1,693.584 ตัน

นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา จีนเรียกได้ว่าเป็นผู้บริโภคทองคำมากที่สุดในโลก โดยอยู่ที่ 216.5 ตัน นำอินเดียที่ 154.5 ตัน และสหรัฐที่ 37.9 ตัน

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเรียกได้ว่าเพิ่มขึ้นน้อยเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ โดยในเดือน ก.ค. จีนก็เพิ่มปริมาณทุนสำรองในรูปทองคำเกือบ 19 ตัน มากกว่า 16.2 ตัน ของเดือน ส.ค. รวมถึงยังน้อยเมื่อเทียบเป็นสัดส่วนกับประเทศอื่น โดยคิดเป็นเพียง 1.7% ของการถือครองทองคำสำรองทั่วโลกเทียบกับสหรัฐอยู่ที่ 73% ของทั้งหมด

สาเหตุที่จีนเพิ่มทุนสำรองในรูปแบบทองคำน้อยลงเป็นผลมาจากราคาทองคำที่ลดลง 40% นับตั้งแต่ปี 2011 โดยสำนักงานบริหารเงินตราต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำตกลงจาก 1,900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ในช่วงกลางปี 2011 เป็น 1,200 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ในช่วงต้นปี 2015 ซึ่งความผันผวนของราคาไม่เป็นผลดีต่อสถานะเงินทุนสำรอง

"การถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์สำรองมากๆ จะทำให้ยากต่อการรับมือกับสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว" เซฟ กล่าวและระบุว่า นอกจากความผันผวนของราคาแล้ว ทองคำยังต้องการค่าโกดังสำหรับเก็บรักษาอีกด้วย

เรียกได้ว่าจีนกระจายความเสี่ยงจากพันธบัตรสหรัฐ เพื่อมาเจอความเสี่ยงของทองคำ แม้ทองคำจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าตามความเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยก็ตาม โดยจีนหันไปซื้อทองคำมากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2011 ที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจาก 800 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ในช่วงต้นปี 2009

ในขณะเดียวกัน แม้จะมีรายงานว่าจีนเข้าซื้อทองคำเป็นสินทรัพย์สำรองมากขึ้น ก็ไม่ได้ช่วยให้ราคาทองคำขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากการเข้าซื้อดังกล่าวยังน้อยกว่าปริมาณที่นักลงทุนหวังไว้

ทั้งนี้ ภายหลังจากการเข้าปรับอัตราอ้างอิงค่าเงินหลายต่อหลายครั้งในเดือน ส.ค. จีนก็ยืนยันที่จะปล่อยเสรีค่าเงินหยวนมากขึ้นต่อไป ตามความตั้งใจเดิมที่มาพร้อมกับความพยายามกระจายสินทรัพย์สำรองดังกล่าว

ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน ยืนยันในเดือนที่แล้วว่า จีนพยายามที่จะปฏิรูปการแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนต่อไป ในขณะที่เงินทุนสำรองของจีนยังอยู่ในระดับปานกลางและยังสามารถจัดการได้

"ด้วยความพยายามปฏิรูปค่าเงินหยวน และทำให้ค่าเงินหยวนเป็นนานาชาติมากขึ้น จึงเป็นเรื่องปกติที่เงินทุนสำรองจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ซึ่งไม่มีความจำเป็นจะต้องตระหนกจนเกินไป" สีจิ้นผิง กล่าว

แน่นอนว่า หากจีนเข้าแทรกแซงค่าเงินหยวนด้วยการอ่อนค่าเงินหยวนลงไปอีก เงินทุนสำรองของจีนก็จะลดลง และยิ่งทำให้ยากต่อการปฏิรูปให้ค่าเงินหยวนเป็นนานาชาติมากยิ่งขึ้น ความพยายามในการกระจาย เงินทุนสำรองที่ถือได้ว่ายังไม่ประสบความสำเร็จดีอาจจะกลายเป็นการเสียเปล่าไปเลยก็ได้

โดย ชญานิศ ส่งเสริมสวัสดิ์

Source: Posttoday

 

 

 

 

 

12107196_1073633079322850_2421277465787885482_n.jpg?oh=1bbac5983028ac2df2fbd9f6c2040e0e&oe=5684CBBC

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

(Oct 3) เศรษฐกิจไทยรอเงินทุนรัฐ - ในไตรมาส 2 การเติบโตของเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงเล็กน้อย 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากที่ขยายตัว 3% ในไตรมาส 1 นอกเหนือจากการใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยวที่เติบโตได้ดีแล้ว เครื่องชี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆส่วนใหญ่บ่งบอกถึงการเริ่มต้นไตรมาส 3 ที่อ่อนแอ ส่วนการส่งออกยังเผชิญความเสี่ยงจากอุปสงค์ที่อ่อนแอในตลาดนอกเศรษฐกิจกลุ่ม G-3 ผลสำรวจภาคธุรกิจยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและการคาดการณ์คำสั่งซื้อที่ลดลง บ่งชี้ว่าแผนการลงทุนภาคเอกชนอาจจะเลื่อนออกไปอีก แม้จะมีการขออนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอในอัตราที่สูงในปี 2557

การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงดำเนินไปอย่างช้าๆ รัฐบาลจึงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่หลังการปรับคณะรัฐมนตรีช่วงเดือนสิงหาคม โดยมุ่งเน้นความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนรายได้ต่ำ แผนการเบิกจ่ายอยู่ที่ประมาณ 1.8% ของจีดีพี และมาตรการส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้ทันที อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อเศรษฐกิจอาจจะน้อยกว่าคาดหวัง เนื่องจากปัจจัยความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่อ่อนแอ อัตราการเติบโตของค่าจ้างที่ชะลอลง และหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง คาดว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจยังคงต้องพึ่งพาการเบิกจ่ายของแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก โดยประมาณการของรัฐบาล ณ เดือนมิถุนายนแสดงให้เห็นว่าแผนการเบิกจ่ายสำหรับปี 2559 อยู่ที่ประมาณ 2% ของจีดีพีในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี การดำเนินการตามแผนการลงทุนยังคงเป็นไปได้ช้ากว่าที่คาด และการจัดลำดับความสำคัญของโครงการต่างๆรอบใหม่อาจก่อให้เกิดความล่าช้าเพิ่มขึ้นในระยะสั้น สำหรับความเสี่ยงทางการคลัง คาดว่าความต้องการใช้จ่ายที่สูงจะส่งผลให้การขาดดุลงบประมาณอยู่ใกล้ 3% ของจีดีพีในช่วง 2-3 ปีนี้ แต่ระดับหนี้สาธารณะยังมีแนวโน้มที่จะอยู่ต่ำกว่า 50% ของจีดีพี ในช่วงปี 2558-2560

จากการเติบโตของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงในระยะใกล้ เราจึงปรับลดคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีในปี 2558 เป็น 2.6% จาก 3.1% แต่คงการคาดการณ์ของปี 2559 ไว้ที่ 3.3% นอกจากนี้ได้ปรับลดการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยลงเป็น -0.7% และ 1.8% สำหรับปี 2558 และปี 2559 ตามลำดับ เนื่องจากราคาพลังงานในตลาดโลกและเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยสรุป ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวโน้มที่จะคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากไปอีก เนื่องจากเศรษฐกิจยังขยายตัวอยู่ในระดับต่ำ และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงมีน้อย

เมื่ออัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะอยู่ต่ำกว่าขอบล่างของเป้าหมายนโยบายของ ธปท. (1-4%) ในหลายเดือนแรกๆของปี 2559 และ ธปท. มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงนี้ นโยบายการเงินจึงน่าจะมีทิศทางเอนเอียงไปด้าน "dovish" เช่นเคย แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นก็ตาม จึงคาดว่าความเสี่ยงด้านเงินทุนไหลออกและการอ่อนค่าของเงินบาทในอัตราที่สูงจะมีจำกัด เนื่องจาก 2 ประเด็นคือ 1.การลดการถือครองหลักทรัพย์สกุลเงินบาทของนักลงทุนต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา และ 2.การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดและเงินทุนโดยตรงที่ยังมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงในช่วงต่อไป นอกจากนี้ ธปท. มีแนวโน้มที่จะคงนโยบายด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่ดำเนินมาตลอดคือ ให้การเคลื่อนไหวของเงินบาทมีความยืดหยุ่น

ในฝั่งของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แสดงความคิดเห็น ในช่วงที่ผ่านมาว่า กลยุทธ์การ กระตุ้นเศรษฐกิจจะมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและอุปสงค์ภายในประเทศผ่านการสนับสนุนทางการเงินและการส่งเสริมธุรกิจระดับจังหวัด นอกจากนี้ยังจะมีการเน้นเรื่องการสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าที่สูงขึ้นในภาคอุตสาหกรรม หากการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของภาคเอกชนประสบความสำเร็จ คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจะค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ

การเลือกตั้งที่ล่าช้าออกไปจากการคาดการณ์เดิมน่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงจำกัดในระยะใกล้ตราบใดที่การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองภายในประเทศยังปราศจาก การเผชิญหน้ากันอย่างไรก็ตาม หากความไม่แน่นอนทางการเมืองยืดเยื้อออกไปเป็นเวลา นานอาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเศรษฐกิจได้เช่นกัน เช่น การเสียโอกาสเนื่องจากความล่าช้าของการตัดสินใจทางธุรกิจ อันเนื่องมาจากความกังวล เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบาย หรือการดำเนินงานของแผน ปฏิรูปที่ยังมีความไม่แน่นอน เป็นต้น

คอลัมน์ เงินๆ ทองๆ: นลิน ฉัตรโชติธรรม HSBC

Source: โลกนี้มีสุข

 

 

 

 

12118688_1074122492607242_7214559928096922130_n.jpg?oh=82ca7fff0142fa8ffe0b83ae38e67add&oe=56A9B199&__gda__=1453367185_6b92b4647857e15db10a4a91b274e300

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โต้หั่นเครดิต'สมคิด'ยันพื้นฐานยังดี

"สมคิด"โต้ฟิทช์ไม่หั่นเครดิต แค่เตือนแนวโน้มเป็นลบ เพราะสินเชื่อตก

 

 

 

POSTTODAY.COM|BY POSTTODAY

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

12096084_1190634647629981_4642188630404926454_n.jpg?oh=af31cf4a2cb575e4cece03cdf788a310&oe=569336D3&__gda__=1453956571_57fc9ba8077240c592f56fed8ca54985

"ประยุทธ์" นำตักบาตร ในโอกาส 102 ปีสมเด็จพระสังฆราชฯ ก่อนกลับชูนิ้วไอเลิฟยูให้ปชช.ที่ตะโกนให้กำลังใจ ‪#‎nna‬

ภาพ-ข่าว : จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง…สำนักข่าวเนชั่น twitter@jeerapong_nna

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...