ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

jumponsrijan

ขาประจำ
  • จำนวนเนื้อหา

    86
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

คะแนนนิยม

0 ปานกลาง

เกี่ยวกับ jumponsrijan

  • คะแนนนิยม
    ขาประจำ

Profile Information

  • เพศ
    ชาย
  1. เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำคอ และหน้าอก บางครั้งอาจมีเหงื่อออกเยอะ หรือรู้สึกกระวนกระวายร่วมด้วย นั่นคืออาการร้อนวูบวาบ (Hot Flashes) ที่ไม่ควรละเลย แม้จะไม่ใช่อาการที่อันตราย แต่ก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน รวมถึงสภาพร่างกายและจิตใจได้ อาการร้อนวูบวาบเป็นอย่างไร? อาการร้อนวูบวาบของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปมักมีลักษณะ ดังนี้ · รู้สึกอุ่นหรือร้อนที่ผิวหนังอย่างเฉียบพลันแล้วหายไป หรืออาจเกิดอาการเป็นระยะ ครั้งละ 2-4 นาที · ผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณร่างกายส่วนบน มีเหงื่อออกมาก และเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือสีแดง · นิ้วชา รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม · หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ · รู้สึกเย็น หนาวสั่น หลังอาการร้อนวูบวาบหายไป · อาการร้อนวูบวาบตอนกลางคืน ทำให้หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึก และส่งผลเสียต่อการนอนหลับในระยะยาว รับมืออาการร้อนวูบวาบ คุณผู้หญิงที่มีอาการร้อนวูบวาบควรสังเกตตนเอง และพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการดังกล่าว เช่น สถานที่ที่อากาศร้อนและมีผู้คนพลุกพล่าน ควรอยู่ในห้องที่เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ สวมเสื้อผ้าหลวม ๆ เนื้อผ้าบางเบา สามารถระบายความร้อนและเหงื่อได้ดี ดื่มน้ำให้เพียงพอในวันที่อากาศร้อนจัด อาจค่อย ๆ จิบน้ำเย็นในระหว่างวันซึ่งจะช่วยให้สดชื่นขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มร้อน อาหารรสเผ็ดจัด อาหารแปรรูป อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง รวมถึงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีไฟโตเอสโตรเจนสูง ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ งดสูบบุหรี่และจัดการความเครียดด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น ฟังเพลงสบาย ๆ หรือนั่งสมาธิ ปรึกษาแพทย์กรณีที่มีโรคประจำตัวและใช้ยาที่อาจทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบ แพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษา และให้ปรับปริมาณยาหรือเปลี่ยนไปใช้ยาตัวอื่นแทน ที่สำคัญ เพื่อให้คุณผู้หญิงได้รับสารอาหารพื้นฐานที่ร่างกายต้องการครบถ้วน การทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยทดแทนสารอาหารบางอย่าง ที่อาจได้รับไม่เพียงพอจากอาหารมื้อปกติ นอกจากนี้ ยังเป็นตัวช่วยบำรุงร่างกาย ซึ่งส่งผลให้มีสุขภาพที่แข็งแรงยืนยาว สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาการร้อนวูบวาบตอนกลางคืน สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/อาการร้อนวูบวาบในผู้สูงอายุ/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  2. คุณผู้หญิงเมื่อถึงวันหนึ่งไม่ว่าใครก็ต้องเจอกับอาการวัยทองด้วยกันทั้งนั้น เพราะเมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศน้อยลง ก็จะส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ขี้หลงขี้ลืม แต่หากคนรอบตัวมีการเรียนรู้และทำความเข้าใจ การรับมือและปรับตัวกับอาการต่างๆ ที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป อาการของวัยทองเป็นอย่างไร? · มีอาการร้อนวูบวาบบริเวณลำตัวส่วนบนอย่างใบหน้า ลำคอ และหน้าอก · มีอาการ เหงื่อออกง่าย หนาวสั่น หรือวิตกกังวล · ซึมเศร้า อารมณ์หงุดหงิด มีความวิตกกังวลง่าย นอนไม่หลับ · ช่องคลอดแห้ง มีอาการคัน และรู้สึกเจ็บเมื่อมีเพศสัมพันธ์ · ผิวหนังเหี่ยวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น เป็นแผล และกระได้ง่ายยิ่งขึ้น การเสริมสร้างสุขภาพผู้หญิงวัยทอง ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ง่าย สะดวก และไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน นอกเหนือจากเรื่องอารมณ์ สุขภาพร่างกาย การทานอาหารที่ดี ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ต้องดูแล เพราะถ้าสุขภาพกายแข็งแรง ก็จะช่วยลดความเครียด ความหงุดหงิดไปได้ หากถามว่า วัยทอง กินอะไรดี ? เราขอแนะนำให้ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารที่มีแคลเซียมสูง หรืออาหารที่มีไฟโตเอสโตรเจนเพื่อปรับฮอร์โมนให้สมดุล และหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม รสจัด และอาหารที่มีคอลเลสเตอรอลสูง · อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งจะช่วยให้กระดูกแข็งแรงและปรับระดับไขมันในเลือดให้สมดุล เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุนเนื่องจากคนวัยทองมีอัตราในการสูญเสียมวลกระดูกได้ถึงร้อยละ 3 – 5 ต่อปี · เน้นผักผลไม้ หรืออาหารที่มีกากใยสูง จะช่วยในการเข้าไปดูดซับไขมันและน้ำดีไว้ในลำไส้ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารประเภทไขมันลดลง ถั่วแดงหลวง ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา ถั่วแขก เมล็ดพืชต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชจำพวกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ · เลือกอาหารจำพวกพืชให้ไฟโตเอสโตรเจน ที่พบอยู่ในอาหาร เช่น ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วดำ งา ฟักทอง กระหล่ำปลี บรอกโคลี แครอท ข้าวโพด มะละกอ มันฝรั่ง ข้าวกล้อง เป็นต้น ซึ่งเป็นสารที่สามารถใช้ทดแทนฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญของเพศหญิง · ผลิตภัณฑ์ ตังกุย มิกซ์ เหมาะสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะมีสารไฟโตเอสโตรเจน ( Phytoestrogen ) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ได้คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ( estrogen ) ในร่างกายของผู้หญิง มีส่วนช่วยดูแลอาการวัยทอง บำรุงร่างกาย และนอนหลับได้สบายขึ้น ส่งผลให้คุณผู้หญิงมีสุขภาพที่แข็งแรง สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัยทอง กินอะไรดี สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/วิธีแก้อาการวัยทอง/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  3. อาการปวดเข่า นั้นทรมานพอ ๆ กับ ปวดหลัง ปวดไหล่เลย บางทีก็อาจจะมากกว่าด้วย เพราะจะแสดงอาการแทบทุกครั้งที่ขยับขา ขยับเข่า โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่ผู้สูงอายุหลายคนกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งอาการของผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมนั้นทำให้กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ดังนั้นผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมจึงควรออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อรอบเข่า รวมถึงกล้ามเนื้อขาด้านหน้า และด้านหลัง ส่วนสาเหตุ นั้นมีหลายอย่างมาก เริ่มตั้งแต่ข้อเข่าอักเสบ น้ำหนักเยอะ หรือนั่งผิดท่านาน ๆ ถ้าอยากป้องกันไว้ก่อน หรืออยากบรรเทาอาการปวดเข่าขอแนะนำ วิธีออกกำลังกาย สำหรับผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ที่ควรปฏิบัติตามอย่างยิ่ง การออกกำลังกาย สำหรับผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมนั้น ส่งผลดีกว่าที่คิด เพราะการออกกำลังกายจะช่วยลดการเสียดทานของกระดูกอ่อน บริเวณข้อต่อต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้อาการปวดเข่าบรรเทาลงได้ และ เพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและข้อต่อของร่างกาย เช่น ช่วยให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น คล่องตัวมากขึ้น และช่วยให้ข้อเข่าทำงานได้ดีขึ้น ผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมควรออกกำลังกาย แบบใด ? การออกกำลังกายของผู้ป่วยโรคเข่าเสื่อม จะไม่เน้นการออกกำลังกายที่หนักหน่วง แต่จะเน้น การออกกำลังกายที่เพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกายครบทุกด้าน เช่น การออกกำลังกายแอโรบิคแบบเบาๆ การออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อเพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อและข้อต่อ เช่น การปั่นจักรยานอยู่กับที่ เดิน ว่ายน้ำ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมจะต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่เพิ่มแรงกดทับของข้อเข่า ไม่ว่าจะเป็น การวิ่ง การกระโดด การหยุดเคลื่อนที่กะทันหัน หรือการเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศทางกระทันหัน ที่อาจส่งผลกระทบทำให้เกิดการบาดเจ็บและการอักเสบของข้อเข่าได้ ขอเน้นว่าควรออกกำลังกายด้วยความนิ่มนวล ไม่รุนแรงจนเกินไป ไม่เช่นนั้นแทนที่จะหายปวด อาจจะปวดหนักกว่าเดิมได้ การออกกำลังกาย บริหารเข่า เพื่อดูแลข้อเข่าเสื่อม เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ โดยไม่ต้องรอให้ปวดหัวเข่า หรือ เจ็บเข่าก่อน เพราะเข่าเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย มีหน้าที่แบกรับน้ำหนักทั้งหมดของเรา สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกกำลังกาย สำหรับผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมสามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/ข้อเข่าเสื่อม/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  4. ตะคริว (Muscle Cramps) คือภาวะที่กล้ามเนื้อมีการหดเกร็งทันทีอย่างเฉียบพลัน โดยจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง ส่วนมากจะเกิดขึ้นบริเวณกล้ามเนื้อน่อง ทำให้รู้สึกปวดรุนแรง ซึ่งอาการตะคริวมักจะหายได้เองภายใน 2-5 นาที ถึงแม้อาการนี้จะไม่ส่งผลเสียถึงแก่ชีวิต แต่อาจก่อให้เกิดอันตรายหากเกิดขึ้นระหว่างว่ายน้ำหรือขณะขับรถ ตะคริวที่น่อง เกิดจาก อะไร? ตะคริวที่น่อง อาการที่ใครหลายคนต้องเคยเผชิญ ซึ่งได้สร้างความเจ็บปวดและความหงุดหงิดรำคาญใจไม่น้อย บางรายอาจมีอาการดังกล่าวขณะนอนหลับตอนกลางคืนจนสะดุ้งตื่น พบบ่อยในช่วงวัยกลางคนและผู้สูงอายุ มีสาเหตุมาจาก · การนอนผิดท่า · เคลื่อนไหวร่างกายน้อย ไม่ยืดกล้ามเนื้อก่อนทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน · การนั่งหรือยืนท่าเดิมนาน ๆ ทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ไม่เพียงพอ · กล้ามเนื้อล้า การออกกำลังกายหรือการทำงานที่ใช้กล้ามเนื้อขาหนักเกินไป · ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เช่น แคลเซียม และแมกนีเซียม · อายุที่มากขึ้น การดื่มน้ำไม่เพียงพอทำให้เซลล์กล้ามเนื้อขาดน้ำ ซึ่งมักเป็นสาเหตุในผู้สูงอายุ · การได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ เนื่องจากการกระทบกระแทก · สาเหตุอื่น ๆ เช่น ความเครียด, เส้นเอ็นหดตัว, ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เป็นต้น การรักษาอาการตะคริวเบื้องต้น อาการตะคริวสามารถบรรเทาได้ด้วยการยืดกล้ามเนื้อน่อง โดยเหยียดขาให้ตรงแล้วจึงค่อย ๆ กระดกข้อเท้าขึ้นให้ปลายนิ้วเท้าเข้าหาตัว อาจใช้เวลาประมาณ 1-2 นาทีแล้วลองปล่อย ดูอาการว่ายังหดเกร็งอยู่หรือไม่ ถ้าเป็นให้ทำซ้ำได้อีกจนหายเกร็ง การจัดท่าทางเพื่อยืดกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว ต้องทำอย่างนิ่มนวลแล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มแรงยืดทีละน้อยจนสุดการเคลื่อนไหว ค้างไว้สักครู่จนกล้ามเนื้อคลายตัว การนวดควรสลับกับการยืดกล้ามเนื้อ เช่น การคลึงเบา ๆ ที่กล้ามเนื้อบริเวณตะคริว 1-2 นาที สลับกับการยืดกล้ามเนื้อ 1-2 นาที แต่ไม่ควรบีบนวดรุนแรง หรือยืดแบบกระตุกอย่างรวดเร็ว เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งมากขึ้นกว่าเดิม อาจใช้วิธีฉีดน้ำอุ่นจากฝักบัวไปยังจุดที่เป็นตะคริว ประคบร้อนด้วยกระเป๋าน้ำร้อนประมาณ 20-30 นาที หรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นบิดพอหมาดประคบบริเวณที่เป็นตะคริว เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อและลดอาการหดเกร็งได้เร็วขึ้น และสามารถรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการปวดหลังเกิดตะคริวได้ สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตะคริวที่น่อง เกิดจากอะไร สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/ตะคริว-เป็นง่าย-แก้ไขได้/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  5. บุคคลที่ต้องการแคลเซียมมากกว่าคนทั่วไป ได้แก่ ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงโรคกระดูกหัก รวมถึง หญิงวัยหมดประจำเดือน เพราะหากขาดแคลเซียมในเลือด ร่างกายจะสลายแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนในอนาคต ซึ่งการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียวอาจได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ อาหารเสริมแคลเซียมจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนสนใจ แต่จะมีวิธีเลือกอย่างไร เรามีคำแนะนำ 1. เลือกซื้อแคลเซียมเสริมรูปแบบตามต้องการ เช่น แบบเม็ด แคปซูล หรือ เม็ดฟู่ 2. ตรวจสอบชนิดของแคลเซียม และใน 1 เม็ดมีปริมาณแคลเซียมเท่าใด 3. เลือกแคลเซียม ที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี 4. เลือกซื้อแคลเซียมเสริมที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุที่มีประโยชน์ อาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ จำเป็นต้องเลือกอย่างใส่ใจ ทั้งในด้านความเหมาะสมของปริมาณที่ควรได้รับ ไปจนถึงส่วนผสมในอาหารเสริมที่ไม่มีผลข้างเคียง หรือเพิ่มโอกาสของโรคต่างๆ ตามมา และที่สำคัญควรเลือกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูดซึมและย่อยง่ายเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ปริมาณแคลเซียมที่แต่ละช่วงวัยควรได้รับ · ผู้หญิงที่อายุ 60 ปี ขึ้นไป ควรได้รับแคลเซียม 1200 มิลลิกรัมต่อวัน · ผู้หญิงที่อายุ ต่ำกว่า 60 ปี ควรได้รับ แคลเซียม 1000 มิลลิกรัมต่อวัน ปัจจัยที่ช่วยเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ แร่ธาตุแมกนีเซียม มีความสำคัญต่อกระดูก เนื่องจากช่วยเพิ่มการดูดซึมของแคลเซียม โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามินดีสูง ได้แก่ ถั่วและเมล็ดพืช หอยนางรม เต้าหู้ เมล็ดทานตะวัน เนื้อปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู แต่จะง่ายกว่าไหม ถ้าเราเสริมแคลเซียมได้ง่ายๆ แถมได้ครับทั้งแคลเซียมและแมกนีเซียม แบบดูดซึมได้เร็ว ไม่มีสารตกค้าง เราขอแนะนำ แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต พลัส แมกนีเซียม มีส่วนช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกทั่วร่างกาย มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกอ่อนในข้อกระดูกแคลเซียมที่สกัดมาจากวิตามินซีในแป้งข้าวโพด ละลายน้ำได้ดีมาก ดูดซึมเข้าร่างกายได้มากกว่า 95% สามารถดูดซึมเข้าเซลล์เนื้อเยื่อร่างกายได้โดยไม่ต้องอาศัยวิตามินดี และกรดในกระเพาะอาหารเหมือนแคลเซียมทั่วไป ไม่ก่อสารตกค้างในร่างกาย ไม่ทำให้เป็นนิ่ว และไม่ทำให้ท้องผูก สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/ผลิตภัณฑ์แคล-ที/อาหารเสริมแคลเซียม/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  6. เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนคงเป็นกังวลไม่น้อยกับการเปลี่ยนแปลงช่วงอายุ 45-55 ปี หรือที่เรียกกันว่า วัยทอง ซึ่งจะมีผลทางร่างกาย และจิตใจ ภาวะที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นจากการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนจากรังไข่ลดลง สิ่งที่เห็นได้ชัดหลังฮอร์โมนเพศหญิงลดน้อยลงของวัยทองทั้งหลาย ก็คือภาวะทางอารมณ์ขึ้นๆ ลงง่ายๆ ขี้หงุดหงิด รวมถึงระบบการทำงานของร่างกายมีประสิทธิภาพไม่ดีเหมือนสมัยสาวๆ อาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกมากผิดปกติ อ่อนเพลีย เหนื่อยหน่าย หงุดหงิดง่าย ขี้กังวล นอนไม่หลับ หลงลืม ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว มีทั้งการขาดฮอร์โมนเพศ รวมถึงกระบวนการเสื่อมของร่างกายตามอายุที่มากขึ้น ได้แก่ ปัญหาระบบอวัยวะสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะ โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคกระดูกพรุน เราจึงต้องหาวิธีแก้อาการวัยทอง พร้อมเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง วิธีการดูแลสุขภาพครอบคลุมทุกเรื่อง ทั้งเรื่องของอาหารการกิน ที่จะต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารหรือสิ่งที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ดื่มน้ำให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ · พักผ่อนให้เพียงพอ · ออกกำลังกายสม่ำเสมอ · ฝึกสมาธิ บริหารจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม · เลือกรับประทานอาหาร ให้ครบ 5 หมู่ หรือเลือกทานอาหารเสริม ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีอาหารเสริมให้เลือกหลายหลาย แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับร่างกายด้วย เราจึงขอแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตังกุย มิกซ์ มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกายคุณผู้หญิงให้สมบูรณ์แข็งแรง อุดมไปด้วยไฟโตเอสโตรเจน ตังกุย มิกซ์ เป็นสมุนไพรที่มีส่วนช่วยชะลอในการเกิดริ้วรอยแห่งวัย มีส่วนช่วยลดอาการวัยทอง มีส่วนช่วยให้หลับสบาย สมองปลอดโปร่ง เจริญอาหาร อีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดการเกิดโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย ผู้ที่อยู่ในวัยทองนั้นเป็นช่วงวัยที่กำลังจะก้าวสู่วัยชราดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรง สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิธีแก้อาการวัยทอง สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/วิธีแก้อาการวัยทอง/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  7. แคลเซียม (Calcium) เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วย ควบคุมการทำงานของหลอดเลือด หัวใจ กล้ามเนื้อ และระบบประสาท เสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ฟัน เล็บ เส้นผม รวมถึงกระดูกที่ประกอบด้วยแคลเซียมมากถึง 99% เมื่อร่างกายขาดแคลเซียม อาจส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ผิวแห้ง เล็บเปราะ ปวดตามข้อ และเสี่ยงเข้าสู่ภาวะกระดูกพรุน ซึ่งผู้หญิงไทย ร้อยละ 50 และผู้ชายที่อายุมากกว่า 65 ปี ร้อยละ 20 มีอาการของโรคนี้ สาเหตุของการสูญเสียแคลเซียม การสูญเสียแคลเซียมในร่างกายมาจากหลายสาเหตุ สาเหตุหลักมาจากการทานอาหารที่มีแคลเซียมต่ำต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในวัยเด็ก รวมถึงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และอาหารที่มีโซเดียมสูง การใช้ยาบางชนิดที่อาจลดการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย การขาดวิตามิน D โรคต่าง ๆ ภาวะเครียด และการสูบบุหรี่ เป็นต้น ปริมาณแคลเซียมเสริมกระดูกที่แนะนำต่อวัน · ผู้ใหญ่ อายุ 19–50 ปี ควรรับประทาน 800 มิลลิกรัม/วัน · ผู้ใหญ่ อายุ 51 ปีขึ้นไป ควรรับประทาน 1,000 มิลลิกรัม/วัน · หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรรับประทาน 1000 - 1200 มิลลิกรัม/วัน อาหารที่มีแคลเซียมสูง · นมและผลิตภัณฑ์จากนม โดยนมวัว 200 มิลลิลิตร มีปริมาณแคลเซียม 204.67 มิลลิกรัม, เชดด้าชีส 100 กรัม มีแคลเซียม 710 มิลลิกรัม · ผัก ในปริมาณ 100 กรัม ผักคะน้า จะมีแคลเซียม 245 มิลลิกรัม, ใบชะพลู มีแคลเซียม 600 มิลลิกรัม, ใบแมงลัก มีแคลเซียม 350 มิลลิกรัม, ใบโหระพา มีแคลเซียม 336 มิลลิกรัม, บร็อคโคลี่ มีแคลเซียม 47 มิลลิกรัม, กะหล่ำปลี มีแคลเซียม 40 มิลลิกรัม · ผลไม้ เช่น มะเดื่อแห้ง 100 กรัม มีปริมาณแคลเซียม 162 มิลลิกรัม, กีวี 100 กรัม มีแคลเซียม 34 มิลลิกรัม, ส้ม 100 กรัม มีแคลเซียม 40 มิลลิกรัม · ปลาและอาหารทะเล ปลาเล็กปลาน้อย 100 กรัม มีแคลเซียม 537 มิลลิกรัม, กุ้ง ปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียม 70 มิลลิกรัม · ธัญพืช เมล็ดงา 1 ช้อนชา มีปริมาณแคลเซียม 88 มิลลิกรัม, ข้าวโอ๊ต 100 กรัม มีแคลเซียม 58 มิลลิกรัม โดยเฉลี่ยการทานอาหารตามปกติจะได้รับแคลเซียมเพียงวันละ ประมาณ 400 มิลลิกรัมเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย การทานแคลเซียมเสริม โดยเลือกอาหารเสริมที่ดูดซึมได้ดี ไร้สารตกค้างในร่างกาย เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่สะดวกและง่ายดาย เพื่อป้องกันอาการขาดแคลเซียม และโรคกระดูกอื่น ๆ ที่อาจตามมา สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แคลเซียมเสริมกระดูก สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/ผลิตภัณฑ์แคล-ที/แคลเซียมเสริมกระดูก/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  8. มีอาการมือชา เท้าชา บางช่วง อาจรู้สึกยิบๆ ปลายนิ้วมือ ฝ่ามือ มีอาการมือชา เท้าชาตอนกลางคืน ช่วงเช้ามืด หรือช่วงตื่นนอน อาการชาเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย แต่ที่พบได้บ่อย คือ บริเวณมือและเท้า เช่น มือชา เท้าชา ชาปลายนิ้วมือ โดยลักษณะของอาการชาอาจเป็นได้ทั้งสูญเสียความรู้สึก หรือมีความรู้สึกที่แสดงออกมากกว่าปกติ ยิบๆ ซ่าๆ เหมือนเข็มทิ่ม อาการมือชาเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่เกิดจากความเจ็บป่วยอย่างฉับพลัน การใช้ยาบางชนิด เส้นประสาทมีปัญหา โดยเฉพาะการขาดวิตามินและแร่ธาตุบางชนิด การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิดเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เนื่องจากมีความสำคัญในการช่วยทำให้เส้นประสาทมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพดีอยู่เสมอ อาจส่งผลให้เกิดอาการมือชาหรือเท้าชาทั้ง 2 ข้าง อาการอื่น ๆ ที่มักจะเกิดร่วมกัน คือ มีอาการอ่อนแรง มีปัญหาเรื่องการทรงตัวทำให้เดินลำบาก ถึงแม้ว่าอาการชาตามปลายมือปลายเท้าจะไกลหัวใจอาจดูไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง แต่ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ อาจมีอาการรุนแรงมากขึ้นแล้วส่งผลให้อวัยวะในร่างกายทำงานผิดปกติ กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเป็นโรคทางเส้นประสาทได้ ดังนั้นควรจะเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะแรก ๆ เพื่อค้นหาสาเหตุของอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่จะตามมาด้วย คำแนะนำถึงวิธีบรรเทาอาการ หรือวิธีปฏิบัติตัวให้ห่างไกลจากอาการมือชา เท้าชา · ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ · รับประทานอาหารเสริมแร่ธาตุ ควรทานเสริมด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เราขอแนะนำแคล-ที แมกนีเซียม พลัส วิตามินรวม ที่มีความสำคัญต่อการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ มีส่วนช่วยดูแลอาการมือชา เท้าชา ดูแลอาการตะคริว และเหน็บชาได้ สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เป็นตะคริวบ่อย สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/มือชา-เท้าชา/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  9. หากท่านใดต้องการอาหารเสริมสุขภาพ ที่สามารถเสริมได้ทั้งกระดูกและข้อ ควรใส่ใจในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ เพราะถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารเสริมบำรุงกระดูกและข้อเข่าเหมือนกัน แต่จะมีความแตกต่างในเรื่องส่วนผสมและปริมาณของสารต่าง ๆ เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์การบำรุง ฉะนั้นผู้ซื้อจึงควรศึกษาวิธีการเลือกอาหารเสริมให้ตรงตามความต้องการของตนเอง เลือกเสริมสร้างกระดูกและข้อเข่า ให้แข็งแรง เลือกผลิตภัณฑ์จากแคล-ที แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต พลัส แมกนีเซียม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บำรุงกระดูก Calcium L-Threonate (แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต) มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกทั่วร่างกาย - มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกอ่อนในข้อกระดูก - แคลเซียมที่ผลิตมาจากวิตามินซีในแป้งข้าวโพด ละลายน้ำได้ดีมาก ดูดซึมเข้าร่างกายได้มากกว่า 95% มากกว่าแคลเซียมคาร์บอเนตถึง 6 เท่า - ไม่ก่อสารตกค้างในร่างกาย ไม่ทำให้เป็นนิ่ว และไม่ทำให้ท้องผูก ยูซี-ทู พลัส แมกนีเซียม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บำรุงข้อเข่า Collagen Type2 คอลลาเจนไทพ์ ทู (UC-II ) ยูซี-ทู พลัส แมกนีเซียม มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนในข้อเข่า - มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกอ่อนในข้อเข่า - มีส่วนช่วยลดการทำลายกระดูกอ่อนในข้อเข่า - มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อร่วมกับแคลเซียม นอกจากนี้ เลือกทานอาหารเสริมกระดูกและข้อ เราควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงจะสามารถได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพต่อร่างกาย เพราะกระดูกและข้อในร่างกายคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเมื่ออายุมากขึ้น ความเสื่อมของกระดูกก็จะสูงขึ้น หลายคนจึงมักจะพบกับปัญหากระดูกและข้อต่อในวัยสูงอายุ เพราะไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาหารเสริมกระดูกและข้อ สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/ผลิตภัณฑ์แคล-ที/อาหารเสริมกระดูกและข้อ/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  10. มีอาการร้อนวูบวาบตามตัว หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน อาการแบบนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกได้ถึง วัยทองกำลังมาเยือน ผู้หญิงวัยทอง ถือเป็นช่วงวัยที่สำคัญซึ่งต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะการผลิตฮอร์โมนเพศที่ลดลง โดยร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ซึ่งอาจเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพด้านร่างกายหรือสภาวะอารมณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง วัยทอง คืออะไร คำตอบคือ ภาวะที่ผู้หญิงขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบอวัยวะต่าง ๆ โดยมักจะเริ่มแสดงออกเมื่อผู้หญิงที่อยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 40 - 45 ปี ขึ้นไปเนื่องจากเป็นช่วงที่รังไข่เริ่มหยุดทำงาน ภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศได้น้อยลง ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง เสื่อมสภาพลง และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย ทุกคนจะหลีกหนีวัยทองไปไม่พ้น และอาการวัยทองของผู้หญิงจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต อาการของวัยทอง - อาการร้อนวูบวาบ เป็นอาการที่พบได้บ่อย - อาจมีอาการอารมณ์แปรปรวนเกิดขึ้น - เหงื่อออกในตอนกลางคืน - นอนไม่หลับ อาการซึมเศร้า - ช่องคลอดแห้ง - น้ำหนักเพิ่มขึ้น เผาผลาญน้อยลง - ผิวแห้ง ผมร่วง วิธีรับมือ อาการวัยทอง · รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียมกับวิตามินดีสูง เพื่อบำรุงกระดูกและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเสื่อมลง · ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงกระแทก โดยเฉพาะข้อเข่าหนักมากจนเกินไป เพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้ข้อเข่าเสื่อมได้ · นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ควรเข้านอนให้เป็นเวลา และนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง · เลือกรับประทานสารสกัดจากธรรมชาติที่มีสารไฟโตเอสโตรเจน เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตังกุย มิกซ์ สารไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ได้คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในร่างกายของผู้หญิง มีส่วนช่วยลดอาการวัยทอง จะช่วยบำรุงร่างกาย ทำให้เจริญอาหาร และนอนหลับได้สบายขึ้น ดูแลตัวเองให้ดีตั้งแต่วัยสาว เพื่อก้าวสู่วัยทองอย่างมีความสุข อย่ายิ่งนอนใจขอคำปรึกษาถึงแนวโน้มด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัยทองคืออะไร สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/วัยทองคืออะไร/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  11. ตะคริว เป็นปัญหาสำคัญที่รบกวนผู้สูงอายุหลาย ๆ ท่าน ทำให้ต้องตื่นขึ้นมาเพราะอาการปวดเกร็ง ไม่ว่าจะเป็นที่ขา น่อง เท้าหรือนิ้วเท้า เพื่อมาบีบ ๆ นวด ๆ จนอาการดีขึ้น แต่เมื่อบ่อยเข้าก็เกิดความรำคาญและรบกวนการนอนหลับ ส่งผลต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจยิ่งอายุมากขึ้นโอกาสในการเกิดตะคริวก็จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย ปัญหาตะคริวไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าไม่อยากให้ปัญหานี้มารบกวนการใช้ชีวิตของเรา ก็ควรดูและร่างกายของตัวเองให้ดี รวมไปถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะตะคริวมักเกิดในผู้ที่ขาดการออกกำลังกายและมีร่างกายที่อ่อนแอ สาเหตุคืออะไร ทำไมถึงเป็นตะคริวบ่อย ถึงแม้สาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดตะคริว ไม่สามารถระบุได้ แต่ก็ยังมีปัจจัยต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระตุ้นหรือทำให้เกิดอาการได้เหมือนกัน งั้นมาเช็คกันดีกว่าว่าจะมีปัจจัยอะไรกันบ้าง · การดื่มน้ำน้อยเกินไป ก็ทำให้เซลล์กล้ามเนื้อขาดน้ำได้ · ภาวะเกลือแร่ในร่างกายไม่สมดุล อาจทำให้เป็นตะคริวรุนแรง · ผู้ที่มีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ก็อาจเป็นตะคริวได้บ่อย · หญิงตั้งครรภ์อาจจะเป็นตะคริวได้บ่อยขึ้น เนื่องจากระดับของแคลเซียมในเลือดต่ำ · กล้ามเนื้ออ่อนล้า หรือกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง จากการใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน · การนอน นั่ง หรือยืน ในท่าที่ไม่สะดวกนานๆ ทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก และเกิดตะคริวได้ · ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง หรือหลอดเลือดตีบตัน เช่น ผู้สูงอายุอาจเป็นตะคริวขณะที่เดินนาน ๆ เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดไปที่ขาไม่ดี · การขาดแร่ธาตุแมกนีเซียม ทำอย่างไรเมื่อเป็นตะคริว · ยืดกล้ามเนื้อ หรือนวดบริเวณที่เป็นตะคริวประมาณ 1-2 นาที หากอาการยังไม่หายดีให้ค่อย ๆ นวดไปเรื่อย ๆ · หากเกิดขึ้นระหว่างนอนหลับให้เปลี่ยนท่านอน และยืดขาตรงกระดกปลายเท้าประมาณ 5 วินาที ทำวน 5-10 รอบ · ดื่มน้ำให้เพียงพอ และงดการดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน · ยืดเส้นยืดสายกล้ามเนื้อก่อนเริ่มออกกำลังกาย · รับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะอาหารที่มีแมกนีเซียม เราขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์ แมกนีเซียมซิงค์ พลัส วิตามินรวม มีส่วนช่วยเสริมแร่ธาตุแมกนีเซียม สังกะสี และวิตามินรวม ให้แก่ร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาททำงานได้ดีขึ้น มีส่วนช่วยลดอาการเหน็บชาและลดอาการตะคริวได้ สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เป็นตะคริวบ่อย สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/เป็นตะคริวบ่อย/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  12. ตะคริว หมายถึง การหดเกร็งของกล้ามเนื้อ จนเกิดเป็นก้อนแข็งและมีอาการปวด ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น ทิ้งเวลาไว้ซักพักอาการก็จะดีขึ้น การเป็นตะคริวนี้อาจเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อส่วนใดของร่างกายก็ได้ ในบางรายอาจมีอาการตะคริวที่ขาในขณะนอนหลับตอนกลางคืนจนต้องสะดุ้งตื่น การมีอาการตะคริวบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางดึก เป็นปัญหาสำคัญที่รบกวนในผู้สูงอายุหลาย ๆ ท่าน ทำให้ต้องตื่นขึ้นมาเพราะอาการปวดเกร็ง ไม่ว่าจะเป็นที่ขา น่อง เท้าหรือนิ้วเท้า เพื่อมาบีบ ๆ นวด ๆ จนอาการดีขึ้น แต่เมื่อเป็นบ่อยๆก็เกิดความรำคาญและรบกวนการนอนหลับ ส่งผลต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ หากเกิดขึ้นเป็นประจำจะมีอันตรายหรือเป็นสัญญาณเตือนเกี่ยวกับภาวะโรคอื่นๆตามมา โดยสาเหตุการเกิดอาการตะคริวนั้น เกิดได้หลายสาเหตุ การใช้กล้ามเนื้อที่หนัก เป็นเวลานานๆ ออกกำลังกายหนักเกินไป รวมถึงการขาดแร่ธาตุบางชนิด เรามาดูกันว่า เป็นตะคริวบ่อย ขาดแร่ธาตุอะไร สาเหตุการเกิดตะคริว ถึงแม้ในปัจจุบันนี้จะยังหาสาเหตุที่มาของตะคริวไม่ได้แบบระบุชัดเจน แต่เชื่อกันว่ามีปัจจัยที่ทำให้เกิดตะคริว ดังนี้ · กล้ามเนื้อมีการใช้งาน ที่มากเกินไป · ดื่มน้ำน้อยเกินไป ไม่เพียงพอ · เกลือแร่ในร่างกายไม่สมดุล · ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ · นอน, นั่ง หรือ ยืน ในท่าที่ไม่สะดวกนาน ๆ · ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งหรือหลอดเลือดตีบตัน · การขาดแร่ธาตุแมกนีเซียม ซึ่งเป็นหนึ่งสาเหตุที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากแร่ธาตุแมกนีเซียม มีส่วนช่วยทำให้กล้ามเนื้อของร่างกายมีการคลายตัวได้ดีขึ้น หากร่างกายขาดการได้รับแร่ธาตุแมกนีเซียมไม่เพียงพอ ก็อาจก่อให้เกิดอาการเป็นตะคริวบ่อยๆ โดยแมกนีเซียมมีประโยชน์และทำหน้าที่สำคัญยิ่งต่อการทำงานของเอ็นไซม์ในกระบวนการเผาผลาญทุกอย่าง และยังมีบทบาทในการรักษาระดับของสารอิเล็กโตรไลท์ภายในเซลล์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้ออีกด้วย เมื่อร่างกายขาดแมกนีเซียมจึงส่งผลเสียต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งบ่อย เพิ่มโอกาสการเกิดตะคริวให้มากขึ้น ดังนั้นการรับประทานแมกนีเซียมเป็นประจำจึงช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและหลอดเลือด ทำให้ช่วยลดโอกาสการเกิดตะคริวได้ เราขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แคล-ที แมกนีเซียมซิงค์ พลัส วิตามินรวม ที่มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อร่วมกับแคลเซียม และมีส่วนช่วยลดการเกิดตะคริวจากระดับของแมกนีเซียมต่ำได้ สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เป็นตะคริวบ่อย ขาดวิตามินอะไร สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/มือเท้าชา-ขาดวิตามินอะไร/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  13. การเลือกอาหารเสริมสำหรับวัยทองจำเป็นต้องศึกษารายละเอียด เพราะมีผลโดยตรงต่อสุขภาพร่างกาย วัยทอง เป็นภาวะที่ผู้หญิงเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน โดยรังไข่จะลดการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ส่งผลให้ไม่มีประจำเดือน วัยทองสามารถเกิดขึ้นได้เมื่ออายุตั้งเเต่ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายนี้ ยังอาจทำให้เกิดความผิดปกติต่าง ๆ ตามมาด้วย อาการของวัยทอง อาการวัยทองนั้นส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน เป็นเพราะว่าฮอร์โมนเพศลดลงอย่างรวดเร็ว โดยอาการที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเป็นอาการวัยทอง มีดังนี้ · มีอาการร้อนวูบวาบตามตัว · อารมณ์แปรปรวนง่ายกว่าปกติ เหงื่อออกง่าย · หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อย ๆ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ปวดเมื่อยตามตัว · ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดจากฮอร์โมนเพศลดลงจนทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น · ประจำเดือนมาไม่ปกติ เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน เลือกทานอาหารเสริมวัยทอง ที่ทดแทนฮอร์โมน ฮอร์โมนหลักสำหรับเพศหญิงคือเอสโตรเจน เพราะผู้หญิงที่เข้าสู่วัยทองแล้วฮอร์โมนนี้จะลดลงอย่างมาก ส่วนผสมที่ควรมีในอาหารเสริมวัยทองจึงควรมีคุณสมบัติเพื่อช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง ชดเชยเอสโตรเจนที่ลดลง · สารสกัดจากจมูกถั่วเหลือง ซึ่งมีสารในกลุ่มของไอโซฟลาโวน ที่ทำหน้าที่เป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนจากธรรมชาติในปริมาณสูง ช่วยทดแทนปริมาณฮอร์โมนที่ลดลง · สารสกัดแบล็คโคโฮส สารสกัดออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยบรรเทาอาการที่เกิดจากภาวะหมดประจำเดือน ช่วยปรับสมดุลอารมณ์และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น · สารสกัดจากเมล็ดแฟล็กซ์ เป็นสารในกลุ่มไฟโตเอสโตรเจน มีฤทธิ์ของเอสโตรเจนในระดับอ่อน ๆ ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศ บรรเทาอาการวัยทอง เลือกทานอาหารเสริมวัยทอง ที่มาจากสมุนไพร · ตังกุย ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบในหญิงวัยทอง รวมไปถึงอาการช่องคลอดแห้ง บรรเทาอาการนอนไม่หลับ และบำรุงร่างกายในหญิงวัยทองให้สมบูรณ์ ขอแนะนำ สมุนไพรรวมในตังกุย มิกซ์ มีสารไฟโตเอสโตรเจน ( Phytoestrogen ) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ได้คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ( estrogen ) ในร่างกายของผู้หญิง จะช่วยบำรุงร่างกาย ทำให้เจริญอาหาร และนอนหลับได้สบายขึ้น ส่งผลให้คุณผู้หญิงมีสุขภาพที่แข็งแรงยืนยาว สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาหารเสริมวัยทอง สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/ผลิตภัณฑ์แคล-ที/อาหารเสริมวัยทอง/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  14. “แคลเซียม” เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการมีสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง ประโยชน์ของแคลเซียมยังมีอื่นๆ อีก เช่น · มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของกระดูกหักและการหกล้มในผู้สูงอายุ · ดูแลสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง · มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนและกระดูกเสื่อม · ช่วยควบคุมการยืดและหดตัวของกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ · ควบคุมการหลั่งฮอร์โมน · ควบคุมให้สัญญาณประสาทส่งอย่างถูกต้อง แคลเซียมเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างส่วนใหญ่ของกระดูก การเสริมแคลเซียมที่เพียงพอมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างและบำรุงรักษากระดูกให้แข็งแรง ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ควบคุมการเต้นของหัวใจ การส่งความรู้สึกไปตามเส้นประสาท และเป็นตัวช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนบางชนิด โดยแคลเซียมทั้งหมดที่มีในร่างกาย 99 เปอร์เซ็นต์เป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและฟัน แคลเซียมอีก 1 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในเนื้อเยื่อต่างๆ และของเหลวในร่างกาย การเสริมแคลเซียม โดยเฉพาะการเสริมร่วมกับวิตามินดีอาจช่วยเสริมความหนาแน่นของมวลกระดูกและลดความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนได้ แคลเซียมนั้นนับว่าเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายโดยรวม สำหรับคนที่ไม่ได้ดื่มนมเป็นประจำและมองข้ามความสำคัญของแคลเซียม อาจเป็นการพาร่างกายไปสู่ภาวะแคลเซียมในร่างกายต่ำกว่าปกติ โดยร่างกายของเราควรได้รับแคลเซียม 800 - 1200 มก.ต่อวัน โดยเน้นอาหารที่มีแคลเซียมสูง การได้รับแคลเซียมจากอาหารอย่างเพียงพอจะช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก เพราะปกติร่างกายจะไม่สามารถสร้างแคลเซียมได้เองจำเป็นต้องได้รับผ่านการย่อยอาหารและการดูดซึมร่วมกับวิตามินดี ดังนั้นเราจึงต้องรับประทานแคลเซียมอย่างเพียงพอเพื่อทดแทนหรือเสริมสร้างการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ให้ได้รับประโยชน์ของแคลเซียมอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประโยชน์ของแคลเซียม สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/ประโยชน์ของแคลเซียม/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
  15. วัยผู้สูงอายุ เป็นช่วงวัยที่กระดูก ข้อต่อ ข้อเข่า เริ่มเสื่อมสภาพ กระดูกจะบางลง มวลกระดูกลดน้อยลงและทำให้ผู้สูงอายุหลายคนเกิดความเสี่ยงในการที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน และข้อเข่าเสื่อมได้ ซึ่งจะมีอาการได้หลายรูปแบบ เช่น ปวดข้อ ขยับไม่สะดวก ข้อบวม รู้สึกขัด ข้อเข่าโก่ง เพราะพฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันก็อาจทำให้ข้อเข่าเสื่อมได้อย่างเช่น การใช้งานขาและหัวเข่าผิดท่า หรืออยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน การก้มยกของ คุกเข่า นั่งพับเพียบ เดินขึ้นบันได นั่งขัดสมาธิ หรือเคยเกิดอุบัติเหตุกับหัวเข่า การเลือกเสริมแคลเซียมบำรุงข้อเข่า เพื่อทดแทนมวลกระดูกที่ลดน้อยลงไปทุกวัน จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้กระดูก และข้อเข่าแข็งแรง · ปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน หรือปลาทูธรรมดาก็ได้ จะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกาย ยังเป็นแหล่งสร้างคอลลาเจน ที่จะช่วยเสริมสร้างข้อต่อกระดูกอ่อนต่างๆ ในร่างกายที่ถูกทำลายลง · นม อาหารบำรุงกระดูกอันดับต้นๆ ที่คนนึกถึงก็คือน้ำนม เพราะแคลเซียมในนมนั้นเป็นแคลเซียมที่สามารถดูดซึมได้และยังเป็นอาหารที่หาดื่มได้ง่าย การดื่มนมเป็นประจำจึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ · อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี โดยเฉพาะผลไม้ต่างๆ เช่น ฝรั่ง ส้ม สับปะรด มะละกอสุก เพราะวิตามินซีจะช่วยต้านการเกิดอนุมูลอิสระอีกทางหนึ่ง · พืชตระกูลถั่ว เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี วิตามินอี และไฟเบอร์ · อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น อัลมอนอบ งาดำ นมและผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น น้ำเต้าหู้ เต้าหู้หลอด แม้แต่การกินปลาตัวเล็กตัวน้อยก็จะช่วยเพิ่มแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง และข้อแนะนำ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แคลเซียม แอลทรีโอเนต พลัส แมกนีเซียม มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกในข้อเข่ามีส่วนช่วยลดการทำลายกระดูกในข้อเข่า และมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ การป้องกันข้อเข่าเสื่อม ทางที่ดีคือการเลือกทานอาหารที่มีส่วนช่วยทำให้กระดูกและข้อแข็งแรงเพื่อป้องกันและชะลอการเสื่อมจะดีกว่า อย่างแน่นอน สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แคลเซียมบำรุงข้อเข่า สามารถปรึกษาและติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับคุณหมอพิเชษฐ์ ได้ที่ Website : https://www.cal-t.com/ผลิตภัณฑ์แคล-ที/แคลเซียมบำรุงข้อเข่า/ Line : https://line.me/R/ti/p/@cal-t Tiktok : https://www.tiktok.com/@dr.pichet
×
×
  • สร้างใหม่...