ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
kumponys

มังกรจีน และ มังกรไทย

โพสต์แนะนำ

 

สวัสดีเพื่อนสมาชิกทุกท่านครับ

 

ปีใหม่จีนก็กำลังจะผ่านไป ปีนี้ จะเห็นได้ว่า ปีใหม่สากล ก็มาเร็ว เพิ่งเคาท์ดาวน์ เสร็จ ปีใหม่จีน หรือ ตรุษจีน ก็กำลังผ่านพ้น

 

สงกรานต์ ก็กำลังตามมา ผ่านพ้นสงกรานต์ ก็จะย่างเข้ากลางควอเตอร์ที่ 2 ของปี เวลามันเร็ว เหลือเกินครับ ทำให้คิดถึงความหลัง

 

เมื่อตอนปี พ.ศ.2518 ผมได้ซื้อหนังสือ 108 ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งสมัยก่อน ผมอ่านหนังสือเล่มใดจบ ผมมักจะยกหนังสือให้

 

คนอื่นอ่านต่อไม่ค่อยได้เก็บไว้ เมื่อมาถึงปัจจุบันทำให้นึกถึงอดีต ที่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ ผมสรุปให้ฟังสั้น ๆ นะครับ สมัยนั้นในหนังสือ

 

บรรยายไว้ว่า ธุรกิจประเทศไทย อยู่ในมือคนไทยเชื้อสายจีนไม่กี่ตระกูล ส่วนที่ผมเพิ่มเติมคือ ธุรกิจเหล่านั้น ในขณะนั้น ๆ ยังเป็น

 

บริษัท จำกัด ยังอยู่ในมือคนไทย ด้วยกัน แม้จะเชื้อสายจีน แต่ก็ไม่แปลกอะไร เพราะ เมืองไทย เรา จีน ไทย แยกกันไม่ออกแล้ว

 

อยู่กันมายาวนานครั้ง บรรพบุรุษ ต่อมาสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน โลกกลม ๆ ใบนี้ต้องเปิดกว้างเชื่อมต่อระหว่างกัน เป็น โลกาภิวัฒน์ หรือ อะไร

 

ก็ตาม โกลบอลไลเซชั่น อะไร ทำนองนั้น สมัยนายกชาติชาย คำศัพท์ ต่าง ๆ บัญญัตติ ขึ้นมามากมาย รวมทั้ง นายกคึกฤทธิ์ ด้วย

 

เมื่อบริษัทจำกัด ต่าง ๆ เหล่านั้น ผันตัวเป็นบริษัทมหาชน จำกัด หุ้นได้เริ่มเปลี่ยนมือ จากเจ้าสัวต่าง ๆ มาเป็นของ มหาชน นั่นคือประชาชน

 

ทั่ว ๆ ไป มีสิทธิ์ เข้าครอบครองหุ้น จากตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้ง ทุนจากต่างประเทศ ผมให้ข้อสังเกตุ เจาะจงลงไปที่ ธนาคาร ต่าง ๆ

 

สมัยที่ยังอยู่ในมือ บริษัทจำกัด การบริหารมักเข้มงวด ไม่ค่อยมีวิกฤติการณ์ ต่าง ๆ มากนัก (คงเจาะลึกไม่ได้นะครับ ) แต่เมื่อผันตัวมา

 

เป็นบริษัทมหาชน จำกัด ทุนส่วนหนึ่ง ได้ถูกดึงกลับ ไปยังเจ้าของกิจการ รวมทั้ง ส่วนต่างมูลค่าหุ้น (นี่ก็คงเจาะลึกไม่ได้นะครับ) ดังนั้น

 

อาจกล่าวได้ว่า การบริหารเงิน ของเจ้าของกิจการเดิม ได้เปลี่ยนมาบริหารเงินที่มาจาก มหาชน ลูกโป่ง ก็ได้พองขึ้น การปล่อยกู้ต่าง ๆ

 

รวมทั้งการบริหารบริษัทมหาชนต่าง ๆ ก็ได้เกิด ความไม่ปกติ (ซึ่งก็มาบรรยายรายละเอียดในที่นี้ไม่ได้เช่นกัน) ลูกโป่งใบนี้ แตก

 

ก่อนหน้าลูกโป่งแตก เรามักได้ยินคำว่า รีออกาไนซ์ รีเอ็นจิเนียริ่ง การควบรวมกิจการต่าง ๆ รวมทั้งหลายบริษัท จ่ายผลตอบแทนให้

 

พนักงานแบบที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ในชีวิตการทำงาน ที่ผมเคยผ่านมา เฟื่องฟู มาก ๆ บางบริษัท ส่งพนักงานไปศึกษาต่อ บางคนไปเรียน

 

ปริญญาโท ภาคค่ำ เต็มใบ บางคนถูกส่งไปเรียน มินิ เอ็ม บี เอ ยุคนั้นเป็นยุคทองแห่งการลงทุนจริง ๆ จากนั้น ศัพท์ คำว่า บีไอบีเอฟ หรือ

 

ที่เรียกว่า การกู้เงินทุนต่างประเทศ ก็ได้เข้ามายังประเทศไทย ผมก็ให้สงสัยยิ่งนัก ว่า กู้เงินต่างประเทศในอัตราดอกเบี้ย แค่ 4 เปอร์เซนต์

 

โดยประมาณนะครับ หากแต่ ดอกเบี้ยภายในประเทศ สูงเกินกว่า 12 เปอร์เซนต์ จำไม่ผิดประมาณ 12-14 เปอร์เซนต์ (น่าจะมีผู้รวบรวม

 

ประวัติศาสตร์ ทางการเงิน และพิมพ์รวมเป็นเล่ม เรียบเรียงเป็นหนังสือเรียนเล่มใหม่ได้เลยครับ) จากช่วงมังกรจีน ได้เปลี่ยนเป็น มังกรไทย

 

หรือ มังกรพันธุ์ผสม ระหว่าง ไทย-จีน ก็แยกออกได้ยากเหลือเกิน ดังนั้น การบริหารการเงินที่ไม่ใช่ ทั้งหมด เป็นเงินทุนของตัวเอง หากแต่

 

เป็นเงินทุนของชาวบ้านก็เกิดขึ้น ท้ายที่สุด หลายธนาคาร หลาย บริษัท ที่ผันตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือ เป็น บริษัทมหาชนจำกัด ก็เกิดการ

 

ล้มละลาย ซึ่งตัวการใหญ่ ก็คือบริษัทเงินทุนต่าง ๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

พิมพ์ไปพิมพ์มาหายไป 1 หน้าเต็ม ๆ เน็ต มีปัญหาครับ พิมพ์ซ้ำ รอบที่ 4 ยังไม่ได้ เลย ต้องขึ้นหน้าใหม่ครับ

 

 

สมัยนั้นแม้ 108 ปัญหาเศรษฐกิจ จะสะท้อนภาพ บริษัท ใหญ่ ๆ ในไทย อยู่ในมือคนไม่กี่ตระกูล แต่ขณะนี้ เมื่อมาดูเหตุการณ์

 

ปรากฎว่า หลายธนาคารไทย ได้ตกไปอยู่ในมือต่างชาติไม่ว่า สิงคโปร์ มาเลเซีย ที่อยู่ในเอเซียด้วยกันนะครับ เพื่อย้อนกลับไป

 

คำพูดนายกชาติชาย เรื่อง เราจะเป็นเสือตัวที่ 5 เมื่อ ผ่านจากบริษัทจำกัด มาเป็น บริษัทมหาชนจำกัด การบริหารเงิน ของมหาชน

 

ย่อมมีความต่างจาก การบริหารเงินครอบครัวอย่างระมัดระวังดังอดึต แต่อย่างไรก็ตาม คนไม่กี่ตระกูล ก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย

 

ส่วนต่างของทุน เมื่อ ได้จดทะเบียนเป็นมาหชนจำกัด คนที่เล่นหุ้นคงทราบดี เช่น ราคาพาร์ 10 บาท เมื่อเข้าตลาดแล้ว อาจกลายเป็น

 

50 บาท 100 บาท 200 บาท อันนี้คงเอามาบรรยายมากไม่ได้ เพราะคนไม่กี่ตระกูลเหล่านั้นผันตัวเอง มาบริหารเงินมหาชน

 

 

แต่ที่แน่ ๆ เวลานี้ แรงงานต่างชาติ ที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมาย ใส่สูทผูกไทด์ เดินกันอย่างสง่างาม แถวย่าน สีลม สาธร วิทยุ และ ถนน

 

สายสำคัญต่าง ๆ กันเกลื่อน ที่กำลังแย่งงาน แย่งอาชีพจากลูกหลานไทย ผมไม่ห่วงลูกหลานของคนตระกูลดัง ๆ หรอกครับ ซึ่งเขาคง

 

พอเอาตัวรอดได้เนื่องจาก เงินทุนพ่อแม่เข่าเหล่านั้น ยังเหลืออยู่มากมาย หากแต่ ลูกหลานคนธรรมดา จะได้ผงาดขึ้นมาอีกหรือไม่

 

ท่ามกลางแรงงานต่างชาติ ซึ่งเจ้าของธุรกิจ ขณะนี้ ก็คือต่างชาติ ลูกหลานไทย แม้มีความสามารถ แต่จะอยู่ในสายตาต่างชาติหรือไม่

 

ทุกท่านคงมีคำตอบอยู่ในใจ เรากลับมาเข้มงวดแรงงานต่างชาติระดับต่ำ ที่ก็ทราบกันดีว่า คนไทยเมิน ไม่ทำ

 

 

ผมอยากเห็น มังกรจีน มังกรไทย ผงาดขึ้นมาอีกครั้ง อยากเห็นมาก ๆ แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ธนาคาร ซึ่งเป็นศูนย์กลางข้อมูล

 

ทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่ง (ใช้คำว่าเป็นศูนย์กลางข้อมูลทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งนะครับ) ซึ่งครอบครองโดยต่างชาติ ป่านนี้ ข้อมูลของคนไทย

 

ยังอยู่ดีหรือไม่ เอสเอ็มอี ไทย จะได้การปล่อยสินเชื่อหรือไม่ ในขณะที่ บริษัทข้ามชาติต่าง ๆ กำลังเติบโต บีโอไอ กำลังส่งเสริมการลงทุน

 

ให้ต่างชาติเหล่านั้น ดั่งราชศีห์ ติดปีก ก็ไม่ปาน แต่ เอสเอ็มอีไทย กำลัง เหมือน ม้าแกรบ เล็กลง ๆ ไปทุกวัน กลัว ครับ กลัว จริง ๆ ว่า ที่ยืน

 

ของลูกหลานไทย กำลังจะถูกต่างชาติเบียด จนไม่มีที่ยืน ไม่ห่วงหรอกครับ ลูกหลานของคนไม่กี่ตระกูล ที่ผมอ่าน มาตั้งแต่ปี 2518 ลูกหลาน

 

คนไม่กี่ตระกูล ที่ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ลูกหลานไทย อีกหลายตระกูล กำลังไม่มีที่ยืน แรงงานใส่สูทผูกไทด์ กำลัง ยาตราเข้ามา อย่างสง่าผ่าเผย

 

และเชิญชวน ถึงเวลาหรือยังครับ ที่เราควรยืนหยัดอยู่บนขาของเราเอง แต่ขณะนี้ เมื่อมองลงไปที่ขาของเรา นี่ขาของใครครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ป๋ายรรยง....ขาาาาาาาา

ข้อมูลนี้.... !54 !54 !54

จาเอาไปเผยแพร่ไปป่าวค่ะ.... !uu !uu !uu !uu

อ่านแล้ว.... รู้สึกอยากให้คนอื่นได้อ่านด้วยนะค่ะ !031 !031 !031

ป๋าเขียนบทความได้เยี่ยมมาก ... !01 !01 !01

!057 !057..ด้วยความเคารพและนับถือเป็นอย่างยิ่ง... !057 !057

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาเรื่องเบา ๆ บ้าง ภรรยา ผม เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว ย่างเข้าปี ที่ 3 แล้ว เร็วเหลือเกิน มีเรื่องตลก ๆ หลายเรื่อง ที่จะเล่าให้ฟังนะครับ เรามีลูกค้าหลายประเภท ดังต่อไปนี้ครับ

 

1.กินฟรี ครับ คือประเภท เข้ามาขอดี ๆ บีบน้ำตา ครับ ไอ้เราก็ใจอ่อนครับ ให้เรื่อย ๆ จากนั้นมาบ่อยมากครับ บางวันผมทนไม่ได้ถามว่า

 

กินฟรีทุกวันไหวหรือ ของมันต้องลงทุนนะ เขากลับเถียงเราว่า วันนี้มีเงินนะ ผมเลยเขิล เดินเข้าหลังร้านแทบไม่ทัน อายครับ ไปดูถูกเขา

 

ต่อหน้าลูกค้ารายอื่น รู้สึกว่าตัวเองผิด เวลาผ่านไป จนลูกค้าออกจากร้านแล้ว เอ เจ้าคนนี้ มันทำไม หันรีหันขวาง พอผมหันหลังให้ มันวิ่ง

 

จู๊ด ออกจากร้านไปทันที 555

 

2.เจ๊ขอ ประเภทนี้ ขอลูกเดียว เอาน้ำเยอะ ๆ นะ เอาถั่วงอกลวกเพิ่มนะ ขอถั่วงอกดิบอีกหน่อย วันนี้ขอเส้นเยอะ ๆ นะ วันนี้ขอน้ำแกงมากหน่อย

 

แต่ ราคา 25 บาท ไม่เคยเปลี่ยน 555

 

3.เจ๊ ท้องเสีย ขอเข้าห้องน้ำหน่อยสิ เฮีย ผมก็ได้ครับ เอาเลย แหม สาว ๆ ท้องเสีย ลำบากนะ หลังเข้าห้องน้ำเสร็จ เฮีย น้ำส้มขวด เอาครับ ผลบุญ

 

เขาอุตส่าห์สั่งน้ำส้มขวดนึง สักครู่ เธอคลี่ถุงปาท่องโก๋ และ น้ำถั่วเหลืองมารับทาน อย่างหร่อย เลย สักครู่ เฮีย ลูกชิ้นปิ้ง 3 ไม้ ผมปิ้งเสร็จหันกลับไป

 

เธอหายไป อ้อเข้าห้องน้ำเสียแล้ว อีกสักครู่ เธอเข้าห้องน้ำออกมา ทานเสร็จ เฮีย เอาอีก 2 ไม้ ผมหันหลังไปปิ้งลูกชิ้น เสร็จหันกลับมา เธอ หายไป

 

อีกแล้ว เฮ ท้องเสีย เธอเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง จนผมสงสัยว่า ที่บ้านห้องน้ำเต็มหรือเปล่า 555

 

4.เจ๊ สี่ เจ๊ คนนี้จะมาราว 5 โมงเย็น สั่งลูกชิ้นปิ้ง 4 ไม้เสมอ แต่ เธอจะเลือก ไม้ที่อยู่ล่าง ๆ เนื่องจากเธอเห็นว่า ผมจะเอาลูกชิ้นใหม่ออกจากตู้เย็น

 

แล้วซ้อนไว้ล่างสุด ไม้เก่า ๆ เอาไว้บน ประเภท เฟิสอิน เฟิสเอาท์ หลัง ๆ มานี้ เจ๊สี่ จะทำอย่างนี้ประจำ จนบางครั้งผมต้องช่วยเลือกให้เธอ เธอ ไม่เคย

 

ซื้อลูกชิ้นผม เกิน 4 ไม้ หรือ ต่ำกว่า 4 ไม้เลย ไม่เคยมีวันหยุด ก็เลยไม่ทราบว่า เจ๊ กินลูกชิ้นไม่เบื่อ หรือ หลงคารม ผม กันแน่ 555

 

5.เฮีย 6 เฮียคนนี้มาตรงเวลา ตอน ทุ่มครึ่งเสมอ เราเรียกแก่ว่า เฮีย 6 เพราะ เดินเข้าร้านมาทีไร ชู 6 นิ้ว จนจำได้ น้ำจิ้มไม่ต้องเยอะนะ

 

ใหม่ ๆ เฮียเกรงใจ ใส่ถุงทุกวัน แล้วไปยืนกินหน้าร้าน ไอ้เราก็บอกว่า ทานในร้านได้นะครับ ใส่จานให้ เขาก็ไม่ยอมเข้ามา จนวันหนึ่ง คงสำลัก

 

ลูกชิ้นปิ้ง รีบเข้ามาสั่งน้ำ 1 ขวด จนปัจจุบันนี้ เขาก็ยังมากินเป็นประจำ หากแต่ สิ่งที่สงสัยคือ กิ้นลูกชิ้น 6 ไม้ แต่ไม่เคยสั่งน้ำสักขวด เลย ไม่

 

ติดคอหรือไร หรือ เป็นเหมือนผม คือ มีน้ำ 1 ขวดอยู่ในรถ ประหยัดครับ 555

 

6.เฮียฮึด เฮียคนนี้เข้าร้านทีไร ลูกค้าทุกคนจะต้องหันหน้าหันหลังมาดู ด้วยความรังเกียจ สั่งก๋วยเตี๋ยวเสร็จ ฮึดขึ้มูก เสร็จ ไอต่อ ไม่ก็จาม สลับกันไป

 

จนกว่าจะทานเสร็จ บางวันเฮียเดินมา วันนี้ใส่ถุงนะ เฮ้อ โล่งอก ลูกค้าในร้านหันมาเห็น ยิ้มยิงฟันเลย รอดไปวันนี้ตรู 555

 

7.เฮียทิ้ง มาทีไร ทำแบบโบราณเลย เอาหลอดจิ้มน้ำขวด แล้ว พ่นทิ้ง ลงบนพื้น แฉะหมด ทานไปสักครู่ เฮียมีกระดาษทิชชูไหม เช็ดปากเสร็จ ทิ้งพื้น

 

ทันที บางวันแถมกระดูกหมูให้ เฮียแทะเสร็จทิ้งพื้น ให้มันได้อย่างนี้สิน่า ทานเสร็จ เอาไม้จิ้มฟันแทะฟันทุกซี่ อย่างมันส์ เสร็จแล้ว ทิ้งพื้น บางวัน ตัก

 

เศษอาหารน้ำชามทิ้งพื้น พอทานเสร็จจ่ายเงิน ผมเหนือยทุกที เช็ด กวาด เก็บ ความสกปรก ที่เขาทำตกตามพื้น 555

 

8.เจ๊ด่วน เฮ๊ย ลูกชิ้นปิ้งร้านนี้มันไม่ปิ้งล่วงหน้าเลยหรือ ไอ้เราก็บอกว่า ไม่นานหรอก พอปิ้งทิ้งไว้ ยังไม่ทันเกรียม เจ๊ หยิบ จาก เตาเฉยเลย แล้ว จิ้มน้ำจิ้ม

 

หกเลอะเทอะ เดินกินเลย เอาเงิน 10 บาท โยนมาให้ รับแทบไม่ทัน รายนี้ วันหลังเลย ต้องปิ้งทิ้งไว้ เผื่อให้แก หลายไม้หน่อย บางวันเดินมาถึง เรารีบ

 

ดักเลย ปิ้งเผื่อไว้ให้เจ๊แล้ว หยิบจิ้มทานได้เลยครับ เธอหันมา ติจนได้ ไม่จิ้มไว้ด้วยหรือ จะได้ไม่เสียเวลา 555

 

ที่ยกมาเล่าให้ฟังนี้ ยังมีอีกมากมาย หากแต่ คำว่า SERVICE MIND ค้ำคออยู่ ครับ 555

 

 

ว่าง ๆ จะหาเรื่อง มันส์ มันส์ มาเล่าสู่กันฟังอีกครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บางคนเค้าเป็นโดยกำเนิด เจ็ก บางทีเราขายของก็โยน เงินให้เรา ซะงั้น บางทีผมอยู่โรงบาลนะ เรียกเรา เฮ้ย ๆ พอเราเดินเข้าไปหา นึกไม่ออกว่าจะพูดว่าอะไร โบกมือไล่เราแบบว่าไล่ยังกับ...

 

ขอบคุณครับเฮียยรรยงอ่านแล้วโดนนะ

ผมก้อคนค้าขายครับ เฮียเก่งนะครับเรื่องแย่ๆก็มาเปลี่ยนมุมมองใหม่ให้ขำขัน เรื่องแบบนี้เวลาที่เราเจอเราขำไม่ออก แต่มานึกย้อนก็ดี ได้เห็นสิ่งที่เรียกว่า "คน" ขอย้ำว่าคนไม่ใช่มนุษย์ครับ แต่ผมเป็นคนที่ตรงๆครับ พวกที่นิสัยไม่ดี(มากๆ) ผมจะไม่นับว่าเป็น "ลูกค้า" ในพจนานุกรมของผม เอ..ชักไม่แน่ใจแล้วอ่านของเฮียดีๆ ไหงมาเป็นเรื่องของผมได้เนี้ยะ เอาเป็นว่าชอบผลงานเฮียครับ จะตามผลงานเรื่อยๆนะครับ ฮาดีไม่เสียตังค์ สงสัยผมเป็นพวก "กินฟรี" รึเปล่า?

ปล.เฮียขายที่ไหนครับ เผื่อจะไปอุดหนุน แต่ไม่รู้ว่าบรรดาลูกค้าของเฮียจะมาอ่านรึเปล่า อิอิอิ

 

 

ถึงเข้ามาอ่านก็ไม่เป็นไรครับ ข้อความหนุก ๆ เบา ๆ ครับ ยังมีเรื่องอีกมากมายครับ ที่ต้องอดทน ก่อนแฟนผมเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว

 

ผมเคยตกงาน เลยฮึดสู้ เปิดร้านขายเสื้อผ้า มันทุกอย่าง ที่ขำคือ ขายเสื้อชั้นในวาโก้ ด้วยครับ

 

เรื่องมีอยู่ว่า ลูกค้าสาวหน้าตาดีเชียวครับ มาหาซื้อชุดชั้นใน สมัยนั้น เราเรียงชุดชั้นในกะมือ คือ เอาไซค์เล็กไว้ในสุด แล้วซ้อน

 

ขึ้นมา เป็น แต่ละไซค์ แบ่งเป็นกอง ๆ แบ่งสี แบ่งสไตล์ เชื่อไหมว่า วันนั้น สาวคนนั้น ลื้อเสื้อชั้นในที่ร้านทุกองเลยครับ

 

ผมก็ไม่มี ที่แขนโชว์เสียด้วย แบบในห้าง ก็ให้เขาลื้อจนพอใจ ซื้อแค่ตัวเดียว กำไร ราว 30 บาท มั้งครับ ต้องมานั่งเก็บเสื้อชั้นใน

 

จนมีลูกค้าอีกหลายคนเข้าร้าน มองมาทีผม แล้วยิ้ม ตอนนั้นผมยังหนุ่มครับ ราว 29 กระมัง ยังเขิล เลยครับ แต่อาชีพครับ ผมถูก

 

อบรมมาให้อดทน เขาเอาเงินมาให้ อย่างไรก็ได้ จนบางครั้ง ยังเถียงกับแฟนเลย เวลาขายก๋วยเตี๋ยวแล้วมีคนจุกจิก ไม่ใส่นั่น ไม่ใส่นี่

 

ชามมีรอยบิ่นไม่กิน ต้องเปลี่ยนชาม ผมเคยเห็น พ่อค้าขายข้าวมันไก่ หน้าร้านผม โดนเซ้าซี้มาก ๆ เขาเทข้าวกลับลงหม้อ แล้วหันมา

 

หน้ายักษ์ ใส่ลูกค้า และ ตวาด ไม่ขายเว้ย เห็นแล้วก็ขำครับ เพราะ ลูกค้ารายอื่น ๆ ที่ดี นั่งอยู่ตรึม ยังไงก็ต้องอดทนครับ มาสู่อาชีพ

 

นี้แล้ว ก็ต้องปรับตัว ผมเคยใส่สูทผูกไทด์ มีลูกน้องห้อมล้อม แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีสักคน ก็ไม่ยึดติดครับ ทำใจได้ครับ

 

 

บางทีลูกค้าช่างซัก ถามมาได้ หน้าตาคุณไม่ใช่พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวนี่หว่า ผมก็ตอบไปว่า ใช่ครับ มาช่วยภรรยา ผมทำได้ ไม่อาย

 

เลย ที่จะยอมรับ สภาพ ต่าง ๆ ในชีวิต คนเราเกิดเป็นคนต้องอดทน เมื่อไรหมดลม เมื่อนั้นคือเลิกอดทน ตราบใดชีวิตยังไม่สิ้น

 

ก็ต้องอดทนกันต่อไปครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

!10 ฟังคุณยรรยงเล่าประสบการณ์ชีวิตแล้วอยากให้คนไทยอีกมากมายที่กำลังเลือกงานได้มาอ่านจังเลยค่ะ

 

เป็นบางคนถ้ามาเจอเหตุการณ์แบบนี้คงยิ้มไม่ได้ ขำไม่ออกเหมือนคุณยรรยงนะคะ นับถือจริงๆ !01

 

มีเรื่องที่น่าชื่นชมอยากจะร่วมแชร์ประสบการณ์เหมือนกันค่ะ มีรุ่นน้องของแฟนคนนึงเป็นรองผู้กำกับ

 

อยู่ในกองปราบ ตกเย็นที่ไม่ต้องเข้าเวรหรือมีภารกิจอะไรก็จะไปช่วยภรรยาขายผลไม้อยู่หน้าโรงงาน

 

บางทีรีบไปถึงก็ถอดเครื่องแบบแล้วเฉาะผลไม้ขายช่วงสาวโรงงานเลิกงานตอนเย็น บางคนอยากได้เร็ว

 

ทั้งบ่นทั้งว่าแกก็ไม่เคยปริปากบ่นซักคำ แกบอกว่าลูกค้าคือพระเจ้า เค้าเป็นผู้ที่เอาเงินมายื่นให้เราถ้าไม่มีเค้า

 

เราก็ไม่มีงานตรงนี้ ใครๆถามแกว่าอายมั๊ย แกตอบว่าทำงานสุจริตต้องอายทำไม แถมคุยด้วยว่าฝีมือปอก

 

ผลไม้แกเนี้ยบกว่าใครในย่านนี้ ผ่าแตงโมยังไงไม่ให้มองเห็นเมล็ด แกบอกนอกจากจะเชี่ยวชาญงานสอบสวน

 

แกยังเชี่ยวชาญเรื่องผลไม้ทุกชนิดเลยด้วย ซึ่งความขยันและความพยายามของแกกับแฟนก็ไม่สูญเปล่า

 

แกมีรายได้พิเศษจากการขายผลไม้เดือนละหลายหมื่น มากกว่าเงินเดือนข้าราชการประจำซะอีก ดิฉันรู้สึก

 

ชื่นชมแกมากเลยค่ะ เลยอยากเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังบ้าง คนเราถ้าไม่เลือกมากจนเกินไปไม่มีใครอดตายหรอกค่ะ

 

บนผืนแผ่นดินไทย เพื่อนๆเห็นด้วยมั๊ยคะ

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ข้อคิดสำหรับคนตกงานครับ

 

หากยามเรามีงานทำ เรารู้จักออมเงิน ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ไม่ผ่อนโน่นผ่อนนี่ รู้จักวางแผนชีวิตแต่เนิ่น ๆ ว่า ถ้าเราตกงานเราจะทำอะไรดี

เราถนัดอะไร เราชอบทำอะไร สิ่งที่เราถนัด เราชอบ สามารถะเปลี่ยนเป็นตัวเงินได้ไหม เมื่อยามตกงาน เราต้องรู้จักปรับตัว ให้สมฐานะ

เช่น อาจทานอาหารกลางวัน 20 บาท พอ ที่ผมยกตัวอย่าง ก็เพราะ ยามใด ผมไม่มีงาน หรือ งานไม่เข้า ผมก็จะลดค่าใช้จ่ายตัวเองลง

ที่ว่า มื้อละ 20 บาท คือ ไปคาร์ฟู หรือ โลตัส ข้าวต้มชาม กับข้าว 1 อย่าง พอแล้วครับ น้ำฟรี หรือ พกไว้ในรถ

 

ต่อจากนั้น ญาติพี่น้องทำอะไรกันบ้าง เพื่อน ๆ ทำอะไร มีอะไรที่พอช่วยเหลือกันได้บ้าง หางาน เดินดู การทำงาน หรือ หาเงินของคนอื่น ๆ

ไม่เก็บตัว อดทน หากเครียด มาก ๆ ก็ ออกกำลังกาย บางครั้ง ยามมีงานทำ เรามีหัวโขน ยามออกจากงาน เราเอาหัวโขนนั้นออก ต้องทำใจ

คิดเสียว่า หัวเราเบาลงแล้ว

 

มองไปข้างหน้า อย่าให้สิ่งต่าง ๆ แต่หนหลัง ถ่วงให้เราไม่สามารถเดินไปข้างหน้า เมื่อวันก่อน ผมไปงานศพ แม่เพื่อน เจอเพื่อนเก่าคนหนึ่ง

เขาเล่าให้ผมฟังว่า หมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง คุ้ยขยะอยู่ริมทาง มันทั้งขี้เรื้อนหน้าเกียจ เนื้อหนัง มีแต่น้ำหนอง แถมยังขุดคุ้ยถังขยะริมทาง แต่ก็ยัง

ถูกคน เอาของเขวี้ยง ไล่ เนื่องจากมันทำให้สกปรก แต่มันก็ยังหนี เอาตัวรอด และ ก็หาขยะคุ้ย เผื่อจะเจอเศษอาหารต่อไป ผมฟังแล้ว

เข้าใจทันที เพื่อนมันก็ยัง ขยายความต่อว่า หมาขี้เรื้อนมันยังรักชีวิต ยังรู้จักเอาตัวรอด สาอะไร กับคน มีมันสมอง มีความรู้ มีความคิด

มืมือ มีตีน ที่ดีกว่าหมาขี้เรื้อน นาน ๆ เจอเพื่อนคนนี้ที แต่มันก็ให้ข้อคิดดีมาก

 

หากมัวแต่บ่น มัวแต่โทษโชคชะตา ฟ้าลิขิต ผมว่า ไม่ถูกต้อง คนเรา ชั่ว 7 ที ดี 7 หน โบราณกล่าวไว้ถูกต้องนะครับ สมัยก่อนผมตกงาน

เคยเปิดร้านค้า เปิดไปเปิดมา ไปไม่รอด เข้าทำงานใหม่ เงินเดือนน้อยกว่าเก่า ก็ต้องทำ โดนดูถูกก็ต้องทน แล้วพยายาม มองหางานใหม่

ในที่สุด ก็ได้ก้าวขึ้นมาเดินเคียงคู่ผู้คน ได้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อปี 40 ที่ผ่านมา ผมก็พยายามพยุงตัวจนถึง ปี 43 สิ้นความอดทน ไม่ได้โดนไล่

ออกจากงานนะครับ เพียงแต่ ความอดทนน้อยไปหน่อย ก็เลยต้องทนอด ผมสอนน้อง ๆ เสมอ ว่า อดทน กะ ทนอด คำสองคำนี้ มีความหมาย

นัก แม้กระทั่ง ลูก ๆ ผม สองคน เขาก็ซึมซับกับคำว่า อดทน ทนอด ครับ

 

คนเราตราบใดไม่สิ้นลมหายใจ ผมเล่าอดึตเมื่อตกงาน ปี 43 ให้ฟัง ครับ ผมได้งานใหม่ที่ดีกว่าเก่า อีกถึง 2 ครั้ง หากแต่ครั้งนี้ ลูก ๆ ผมโต

ภาระผมลดลง และ ความอิสระมาเยียน ผมจึงต้องหาวิธีเลี้ยงชีพใหม่ให้หลุดพ้น จากวงจรลูกจ้าง ก็เลย เปิดบริษัทเอง และ รับทำงานในสิ่ง

ที่ถนัด แม้ไม่รุ่งเรืองนัก แต่ผมก็สร้างฝั้นไว้ตลอดเวลา โดยคิดว่า ครั้งก่อนหน้านั้น ผมเคยตกงาน และ ต้องหางานทำใหม่ เงินเดือนน้อยกว่า

เก่า หากแต่ พอผมมีโอกาสเปลี่ยนงานอีกครั้ง เงินเดือนผมเพิ่มขึ้นอีกราว เกือบ เท่าตัว เวลาที่ผมเสียไปในการตกงาน และ เปิดร้านขายของ

2 ปี ทำให้เสียรายได้ สามารถหากลับคืนมาได้ เพียงปีเดียว นี่แหละครับ โอกาส มีให้ทุกคน หากแต่ทุกคนต้องไม่ละโอกาสของตัวเอง

 

การถูกคนดูถูก ไม่เท่า ตัวเราเอง ดูถูกตัวเอง ครับ เราต้องมองหา สิ่งที่เราถนัด อะไร ที่พอทำได้ ทำไปก่อน อย่าอยู่นิ่ง รอโอกาส ครับ

ผมคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนมีคู่ของมัน มีมืด แล้ว สว่าง มีจน มีรวย หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใด ยังมีลมหายใจ

ตราบนั้นความหวังยังไม่สิ้นครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แวะมาคุยกันก่อนนอน ครับ

 

 

ทุกวันนี้ แม้ผมจะมีบริษัทเป็นของตัวเองแล้ว ผมก็ยังสร้างฝันไปไม่จบสิ้น เช่น ผมจะเริ่มเดินทางไปต่างประเทศ จากใกล้ ๆ ก่อน

และไปดูว่า สินค้า บางอย่างที่ผมถนัด เช่นปลาเงินปลาทอง รังนกนางแอ่น หัตถกรรม ต่าง ๆ มีทางทำตลาดได้ไหม เห็นคนต่าง

ประเทศ มาหาซื้อในไทย วันแล้ววันเล่า ที่ผมเดินเล่นอยู่เจเจ หรือ แถวเยาวราช ผมเลยคิดว่า ในเมื่อผมก็มีความถนัด ทางนี้

ทำไม ผมจะไม่ลองนำไปเสนอขายถึงประเทศเขาเลยหละ แต่ระหว่างนี้ คือศึกษาหาความรู้ให้ครบถ้วนทุกกระบวนความ จะได้

มีข้อมูลไปนำเสนอ ลูกค้า และ สามารถอธิบาย รายละเอียดของสินค้าได้

 

ผมชอบเพลงลูกทุ่งในอดีต ครับ เกิดเป็นคนมันดิ้นรนบ่อหยุด โลกมนุษย์มันบ่อแน่หรอกนาย โอ๊ยมันบ่อแน่หรอกนาย

 

วันแล้ววันเล่าที่ผมดำเนินชีวิต ผมไม่แค่มองอะไรผ่าน ๆ หากผมสนใจเรื่องไหน ผมจะพยายามสอบถามและศึกษาให้ถึงแก่น

เพื่ออย่างน้อยจะได้รู้ให้จริง ไม่ถูกหรอก และ สามารถถ่ายทอดต่อ ได้

 

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมถูกใจคือ ช่วงหลังๆ มานี้ ผมได้ยินทั้งวิทยุ ทั้งนักวิชาการ ออกมาพูดกันว่า ราคาทองคำ ค่อนข้างสูงมากแล้ว

ดังนั้นช่องว่างในการทำกำไร จึงแคบลง หากแต่ ความเสี่ยงก็สูงขึ้นด้วย สวนทางกับอัตรากำไร

 

บางครั้งผมก็ประหลาดใจมาก ๆ ในการเตือน ไม่ว่าจะเป็นการกั๊กราคาของสมาคมก็ดี เราลงทุนทองคำให้ใครกำไรก็ดี

วันนี้ก่อนนอน ขอให้ข้อคิดสักข้อ คิดในขณะตื่นอยู่ ดีกว่า นอนฝัน นะครับ

 

ว่าง ๆ จะมาเขียนเรื่องใหม่ ๆ ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับทุกท่าน

 

ที่ผมมาเขียนบทความวันนี้ ก็เนื่องจากเริ่มเบื่อ และ อยากยุติ การเขียนบทความไว้ชี่วคราว จนกว่าทุกอย่างในเว็บจะสงบกว่านี้

 

กูรูหลายคน เป็นอย่างไร คงไม่ต้องกล่าวถึง สมัยก่อน แช็ตบ็อค ของคุณกุ้งค่อนข้างอบอุ่น แต่หลัง ๆ เริ่มมีการไม่สุภาพต่อกัน

 

จนหลายท่านออกไป เปิดเว็บกันเอง นี่คือเหตุผลที่ผมต้องพูด หรือ จำเป็นต้องพูด แม้ว่า บางคำพูดของผมไม่ได้ตั้งใจเปิดเผยว่า

 

ยังมีเว็บอื่น ๆ อีก แต่คำพูดผม ก็ทำให้บางท่านไม่ค่อยจะสบายใจ เนื่องจาก น้อง ๆ บางคน อยากเข้าไปเป็นสมาชิกบ้าง และอีก

 

เรื่องที่อยากพูด คือเรื่องการชุมนุม ของพวกเรา สมาชิกเก่า ๆ ผมคิดว่า ผมเป็นคนเปิดเผยนะ ใครดีผมก็ชวนมาเข้าพวก หรือ อาจ

 

เป็นการล้อเล่น ชวนเล่น แต่ผลออกมา ไม่ค่อยดีนัก ผมเลยตัดสินใจ ยุติ ตัวเอง ชั่วคราว ในบางแช็ตบ็อค

 

แต่วันนี้ พูดกันตรง ๆ ผมใช้ชื่อจริงมาโดยตลอด เวลาเขียนบทความ สมัยก่อน คุณมาโนช มัก เข้ามาติติง หากเป็นการติติง อย่าง

 

สร้างสรรค์ ผมก็คงไม่มีปัญหา หากแต่ คุณมาโนช มักมีอคติ กับผมจนเกินงาม ซึ่งเราเองก็ไม่รู้จักกัน ขณะเดียวกัน ช่วงหลัง

 

ใครก็ตาม ที่สนิทสนมกับผม มักถูกคุณมาโนช ใช้อารมณ์ อันมีอยู่อย่างฟุ่มเฟือย ดุน้อง ๆ จนน้อง ๆ แหยงกันหมด หรือใคร

 

ออกความเห็นไม่ตรงใจ คุณมาโนช มักแสดงอารมณ์ จนเกินงาม ผมเข้าใจนะครับ ว่าคนเรา อยากให้คนรัก ให้คนนับถือ แต่

 

การกระทำ นี่สิ คนจะรัก หรือ นับถือ เราไปบังคับเขาไม่ได้ และ เด็ก ๆ ที่เป็นน้องผู้หญิง บางที เราอย่าไปว่าเขาจนถึงขั้นเสีย ๆ

 

หาย ๆ ซึ่งผมก็ไม่นำมาพูดในที่นี้ เพราะ น้อง ๆ ก็มาพูดกับผมเป็นการส่วนตัว ว่า ป๋า ใครคุยกะ ป๋า โดนหมดเลย ผมก็ยังแปลกใจ

 

ที่ว่า ผมยื่นความเป็นมิตร ให้กับคุณมาโนช มาโดยตลอด นอกจากคุณมาโนช ไม่ยอมรับมิตรภาพ จากผมแล้ว ยังแสดงอาการ

 

ที่ไม่น่าเคารพออกมา คุณมาโนช เคยบอกผมว่า คุณ อายุ 52 ผมว่าคงไม่ใช่แล้วละครับ คนอายุ 52 คงเข้าใจชีวิต และใจกว้าง

 

กว่านี้ ในเรื่องการวิจารณ์สมาคมของผม เป็นสิทธิ์ ส่วนตัว ซึ่งทุกคนก็ทราบดี เรื่องการตั้งราคา ส่วนตัวคุณมาโนชเอง พอใจ นั่นก็เรื่อง

 

ของคุณมาโนช ซึ่งผมไม่เคยเข้าไปขัด ผมพูดเสมอว่า พอใจก็อ่าน ไม่พอใจก็ผ่านไป คิดว่าสิ่งที่อึดอัดและอยากพูด ก็ได้พูดกันแบบ

 

ตรง ๆ นะครับ ขอนะครับ อย่าได้กล่าวร้ายหรือให้ร้าย เด็ก ๆ ที่ไม่รู่เรื่อง ให้เสียหายอีกเลยครับ คงพอจะทราบนะครับ เขาหนีหายกัน

 

หมดแล้วครับ รวมทั้งตัวผมเองด้วย ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความดีในตัวท่านคงเตือนตัวท่านเองได้ นะครับ

 

 

 

มีอีก 2 เรื่อง ที่อยากขยายความครับ

 

เรื่อง ที่ 1 เว็บที่พวกเราออกมาอยู่กันเอง ผมบอกน้อง ๆ ตลอดว่า เป็นเว็บส่วนตัว ผมคิดว่าการพูดความจริง

เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ผมยังบอกน้อง ๆ ที่ถามผมเสมอ ๆ หลายคน ว่า บุคคลภายนอกต้องห้าม ซึ่งน้อง ๆ

หลายคนก็เข้าใจ ผมคิดว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับสักเท่าไร และ ผมเน้นเสมอว่า ความจริงเป็นสิ่ง

ไม่ตาย และ ข้างบนที่ผมเขียนเป็นเหตุผลที่ผมพูด คือ ทุกคนหนีหมด

 

เรื่อง ที่ 2 การนัดพบปะ ก็ไม่เป็นความลับ เนื่องจาก หลายครั้งที่พวกเราไปกันมาแล้ว มาเล่าสูกันฟัง น้อง ๆ

หลายคนก็อยากไปเจอพี่ ๆ ผมว่าเป็นเรื่องปกติ หากแต่ ความเป็นส่วนตัวบางครั้งทำให้พวกเรา

ไม่สามารถให้น้อง ๆ มาร่วมด้วย ซึ่งผมคนเดียวก็คงจนปัญญา ต่อเสียงส่วนใหญ่ อาจมีบางครั้ง

ซึ่งผมอาจมองว่า ใครควรไปกับเรา แต่อาจมีคนคิดว่าไม่ควร ดังนี้น หากมีโอกาสอีก ผมคงจะ

จัดอีกครั้ง ด้วยตัวผมเอง โดย รวมเพื่อนเก่า ๆ ในเว็บสมาคมฯ เดิม และ ในไทยโกลด์ นี้เองครับ

 

จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่งครับ แต่คงไม่สามารถเชิญได้หมดทุกท่านนะครับ ผมปิดฟ้าด้วย

ฝ่ามือไม่ได้ แล้วจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอีกครั้งครับ ถึงสถานที่ วันเวลา ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน

 

นาน ๆ แวะมาเขียนบทความเสียที ควอเตอร์แรก 1มกราคม - 31 มีนาคม (3เดือน) ก็ผ่านพ้นไปด้วยไม่ดีเท่าไร แถม

 

เหตุการณ์บ้านเมือง ซึ่งมีทีท่าจะซูเอี๋ย กัน ท้ายสุด ผู้ได้รับผลกระทบ ก็คือ ประชาชนตาดำ ๆ นี่แหละครับ ตกเป็นเครื่องมือ

 

ตลอด ผมไม่ขยายความให้มาก เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยก ผมไม่แนะนำให้เชื่อใคร แต่ให้คิดแบบมีเหตุมีผล นะครับ

 

รายได้ลดลง พวกที่มีงานทำ มีเงินเดือนกิน ก็ยังถือว่าโชคดี ส่วน พวกที่ทำธุรกิจ บอกตามตรง ว่า กระทบมาก ๆ ถึง มาก

 

ที่สุด โดยเฉพาะ ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจเกี่ยวกับโลจิสติกส์ สิ่งที่น่าเป็นห่วง ก็คือ เอส เอ็ม อี ไทย ซึ่งไม่ได้รับการเหลียวแล

 

เท่าที่ควร แม้จะมีธนาคารเอสเอ็มอี หากแต่ภาวะตลาดโลก ซบเซา ก็มีผล ต่อ เอสเอ็มอี ไทย พอสมควร หากเรายังไม่เลิก

 

พึ่งพาทุนนอก แล้วหันมาพึ่งพาตนเอง ช่วงนี้แหละครับ ผมว่า รัฐ ควรหันมาส่งเสริม คนไทย ด้วยกัน เนื่องจาก ทั่วโลก เขา

 

ก็ทำเช่นนั้น คือ ต้องให้ คนในชาติอยู่รอด ก่อน อย่าไปหวังว่า จีดีพี จะเพิ่ม หรือ จะลด เอาจังหวะนี้ มาส่งเสริม ธุรกิจ ไทย

 

ไทย กันดีกว่า ประเภท ส่งเสริมธุรกิจนอก ไม่ว่า บีโอไอ หรือ เครื่องมือ ที่ใช้ส่งเสริมทุนนอก อื่น ๆ ก็ตาม หลายประเทศ

 

ที่บอกว่า ค้าเสรี จริง ๆ แล้ว ไม่เสรี อย่างที่คิด เขามีเกราะคุ้มครองธุรกิจ ภายในประเทศ มากมาย ซึ่งผมคงไม่กล่าวใน

 

รายละเอียด แต่จะชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจ ไทย จะไปไม่รอด เนื่องจาก ทุนนอกนี่แหละครับ กำไร เขาก็ขนกลับประเทศ การ

 

สร้างงานที่เราหวัง คนไทย ก็ได้งานแบบ กรรมกร งานต่ำ เงินเดือนน้อย แต่ ทำงานมาก ๆ ส่วนตำแหน่งใหญ่ ๆ ใน

 

บริษัทข้ามชาติ เขาก็จะอิมพอร์ต มาจากต่างประเทศ เพราะฉนั้น จากนี้ไป ลูกหลานไทย อย่าได้หวัง ตำแหน่ง สูง ๆ

 

เงินเดือนสูง ๆ อีกต่อไป ภัยร้ายเหล่านี้ หากยังไม่มาเคาะประตูบ้านท่าน ท่านทั้งหลายจะไม่รู้สึก แต่บัดนี้ มันมาเคาะ

 

ประตู บ้านผมแล้ว ลูกชาย ทำงานบริษัทต่างประเทศ เพราะเงินเดือนดี 2ปี ผ่านไป แม้มีผลงานเด่น ได้รับรางวัลพนักงาน

 

ดีเด่น แต่ เขาก็ยังไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เสียที สุดท้าย บริษัท ก็จ้างหัวหน้า ซึ่งอิมพอร์ต มาจากต่างประเทศ

 

แล้วไง หละ ลูกชายผม กลับต้องมานั่งเทรนงานให้หัวหน้า แล้วหัวหน้า ทำงานไม่เป็น เงินเดือนก็มากกว่า แต่หาความ

 

รับผิดชอบไม่มี ไม่แค่นั้น งานไหนทำไม่ได้ ก็โยนให้ลูกชายผมรับผิดชอบ ผมก็พยายามคิดในแง่ ว่า ผู้บังคับบัญชา คง

 

เป็นเช่นนั้น คือ บังคับ และ บัญชา แต่ ความเป็นจริง คือ ทำงานไม่เป็น มีแต่หลอกใช้คนไทย อันนี้แหละ คุณสมบัติ

 

ของชาวต่างชาติ ที่เข้ามาทำงานในไทย โดยได้รับเวอร์คกิ้ง เพอร์มิท อย่างถูกต้อง ลูกหลานไทย โดนเอาเปรียบ

 

ลองมาดูครับ เงินเดือนต่างชาติ เขาได้ในอัตรา ของชาวต่างประเทศ นะครับ แม้มาทำงานในไทย ค่าครองชีพ ไทย

 

ต่ำกว่าประเทศเขามาก แล้วยังมี ค่าเช่าบ้าน ค่ารถประจำตำแหน่ง และ อื่น ๆ อีกจิปาถะ เราลองคิดดูว่า ในฐานะ เรา

 

เป็นคนไทย เป็นเจ้าของประเทศ เขาเป็นชาวต่างประเทศ แต่ กลับเข้ามาตักตวง เงินทองในไทย ซึ่งท้ายสุดก็ส่งกลับ

 

ประเทศเขา แล้วเรายังจะส่งเสริม บีโอไอ กันอย่าง หน้ามืด ตามัวหรือ เขาประกาศปาว ๆ ว่า ธุรกิจต้องแข่งขันกัน

 

ต้องเป็นแบบ เสรี แต่ทำไม ยังรับการส่งเสริมบีโอไอ เอาเปรียบด้านภาษี เรา ละครับ อะไร ได้เปรียบไม่พูด อะไร

 

เสียเปรียบ มักอ้าง ต้องเสรี รัฐบาลไทย ที่รัก ครับ ต้องหันกลับมามองดู ประชาชน คนไทย เจ้าของประเทศแล้ว

 

ละครับ ว่าจะเริ่มพึ่งพาตนเอง กันได้หรือ ยัง หรือ ยังงมงาย กับการพึ่งทุน ต่างชาติ และ ให้เขาเข้ามาทำนาบนหลัง

 

คนไทย คงจำกันได้นะครับ เขาอยากมาทำนา เมืองไทย ทั้งที่ ข้อเท็จจริง ชาวนาไทย จนที่สุด ในประเทศ แต่ทำไม

 

ชาวต่างชาติ อยากทำนาไทย เรามาดู ราคาข้าวเปลือกที่ชาวนาไทยขายได้ เปรียบเทียบกับ ข้าวถุง ที่ห้างสรรพสินค้า

 

หรือ ช่วงหลังสงกรานต์ ที่ผ่านมา ทำไม คนกลับบ้านนอก ถึง พากัน ขนข้าวสาร เข้ากรุงเทพ คงขำไม่ออกนะครับ

 

ประเด็นสุดท้าย น้ำมันไทย ราคาแพง ที่สุดในโลกแล้วครับ สงสัยจริง ๆ รัฐบาล มัวแต่จะสมานฉัน หาทางแก้รัฐธรรมนูญ

 

หากแต่ ปากท้องชาวบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น ท่านกลับไม่เหลียวแล ประชาชนตาดำ ๆ หาที่พึ่งพา ไม่ได้แล้ว ไม่ว่าแดง

 

ไม่ว่าเหลือง สุดท้ายแล้ว ลำบาก เช่นเดียวกันครับ หากแต่ หัวหน้าแดง หรือ หัวหน้าเหลือง ..................

 

ละไว้ ฐานที่เข้าใจครับ

 

อีกหนึ่งเสียงของประชาชน ที่รักชาติ แต่ไม่เคยเอ่ยพร่ำเพรื่อ ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน

 

ว่าง ๆ ก็มาเขียนบทความอีกครั้ง ความสุขบางครั้งหาได้จากการไม่รับรู้ นะครับ คือ ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน และ ไม่ได้พูด

 

ไม่เห็น อาจ ไม่ได้อ่าน ไม่ได้ดู ไม่อยากอ่าน ไม่อยากดู ไม่ได้ยิน ในขณะที่เขาด่า หรือว่า เรา เราไม้ได้ยิน ไม่ได้พูด

 

บางครั้งอยากพูด แต่อดกลั้น ไม่พูด ทั้งหมดที่กล่ามา คือ ตาไม่ดู หูไม่ฟัง ปากไม่พูด ความสุข ก็จะเกิดขึ้นเอง

 

หลายครั้งที่เพื่อน ๆ หรือ เด็ก ๆ แวะมาบอกเราว่า เฮีย เฮียโดนด่าอีกแล้วครับ ผมมักบอกว่า บังเอิญ ไม่ได้อ่าน

 

ก็เลยไม่รู้สึกอะไร หรือ บางครั้งอ่าน ก็อ่านผ่าน ๆ ไป ไม่ใส่ใจ ก็ถือว่าไม่เห็นก็แล้วกัน หรือ บางที เราไปไหน บังเอิญ

 

ไปได้ยินเขานินทาเรา หากเราเดินหนีทันที ไม่ฟัง เราก็จะไม่ได้ยิน ไม่รับรู้ว่า เขานินทาอะไรเรา หรือ อาจได้ยิน ก็ทำ

 

เป็นไม่ได้ยินเสีย ไม่งั้น มองหน้ากันไม่ติด ครับ ปากไม่พูด บางครั้งอยากพูดเสียเต็มประดา อึดอัดมาก ๆ แต่ฝึกไม่พูด

 

เมื่อเวลาผ่านไป ถึงได้คิดว่า เมื่อตะกี้นี้ หากพูด เสร็จแน่ ไม่พูดเสียยังดีกว่า

 

นี่แหละครับ ประโยชน์ของ ตาไม่ดู หูไม่ฟัง ปากไม่พูด ไม่รับรู้ใด ๆ เราจะสุขหรือทุกข์ ก็ด้วยเรื่องการรับรู้นั่นเอง

 

เราจะรับรู้เรื่องความสุข หรือ รับรู้เรื่องความทุกข์ นั่นอยู่ที่ตัวเรา บางครั้ง คนสอนคน แต่ตัวเอง ก็ยังปฎิบัติไม่ได้

 

แต่หากรู้ตัวก็ยังดี แต่ความวุ่นวาย ที่มีอยู่ทุกวันนี้ ก็ตัว ดี 3 ตัว นี้ นั่นเอง คือ ตาดูมากไป หูฟังมากไป ปากพูดมากไป

 

วันนี้ผมอาจพูดวกไปวนมา แต่การวกไปวนมาแล้วเกิดประโยชน์ คงไม่วกวนจนเกินไปนะครับ ฝึกให้ดี จะมีผลนะครับ

 

เราลอง ตาไม่ดู หูไม่ฟัง ปากไม่พูด ความวุ่นวายจะลดน้อยถอยลงมาก ๆ แต่หากอดไม่ได้ ตาดูไปแล้ว ก็คิดเสียว่าไม่

 

เห็นก็แล้วกัน หูได้ยินไปแล้ว ก็ทำหูทวนลม ทำเป็นไม่ได้ยินเสีย ก็สบายไป ปากพูดไปแล้ว หยุดทันก็หยุด หรือ พูด

 

ไม่ดีไปแล้ว ก็เริ่มพูดให้ดีขึ้น ก็เท่านั้นเอง นะครับ แล้วเราจะเผชิญโลกได้ทุกวัน อย่างมั่นใจ คือ มองหน้าคนติด ไม่

 

ตะขิดตะขวงใจ ความสดชื่นก็จะบังเกิด เป็นที่รักใคร่ แก่คนที่ได้คบหาสมาคม ได้พบเห็น

 

แล้วเราจะเลือกที่จะสุข หรือ เลือกที่จะทุกข์ ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีสมาชิกทุกท่านครับ

 

เมื่อวาน ผมเขียนเรื่องตาไม่ดู หูไม่ฟัง ปากไม่พูด วันนี้ จะย้ำว่า เมื่อตาไม่ดู หูไม่ฟัง ปากไม่พูด คือไม่รับรู้

 

สิ่งที่ตามมา คือ ไร้ความรู้สึกนึกคิด ในห้วงนั้น ๆ เมื่อเราไม่มีความรู้สึกนึกคิด ในห้วงนั้น ๆ นั่นคือ กำหนด

 

จิตให้สงบนิ่ง แม้เราเปิดเปลือกตา ขึ้นดู ในบางครั้ง แต่ให้มองออกไป ไกล ๆ และ เห็นความว่างเปล่า คือ

 

แม้เปิดตา แต่ก็ไม่เห็น ไม่มอง อะไร คือมองออกไปในภวังค์ ให้อยู่ในภวัง แล้วเราจะรู้สึกว่าเราว่างเปล่า

 

บางขณะ เราจะมีความสุข อยู่ชั่วขณะด้วยเช่นกัน หลังออกจากภวังค์แล้ว เราจะรู้สึกปลอดโปร่งจิตใจแจ่มใส

 

คิดแต่สิ่งดี ๆ เมื่อเราคิดสิ่งดี ๆ ได้แล้ว เราจะไม่รู้สึกโกรธ เกลียด อีกต่อไป และ บางที อาจรู้สึก ถึงความเสียสละ

 

เมื่อรู้จึกเสียสละ เราก็จะไม่ยึดติดว่า ตัวกู ของกู ฝึกบ่อย ๆ เข้าปัญหาชีวิต ก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดี

 

หากเราไม่รู้จักเสียสละ เรายึดติด ความโกรธ ก็จะเกิด ต่อด้วยความโลภ และ ความหลง เมื่อ เกิดโลภ โกรธ หลง

 

บ่อยเข้า ก็จะยึดติด และ กิเลส ต่าง ๆ จะพอกหนาให้ตัวเราหนัก ไปด้วยกิเลส ความไม่สงบ และ ความไม่สุข

 

จะเกิดขึ้น ซึ่งมิได้เกิดแก่ตัวเราเท่านั้น หากเราเสียสละไม่เป็น คนรอบข้างเรา จะทุกข์ ซึ่งเกิดจากตัวเรานั่นเอง

 

คำว่าเสียสละ มันละลายหายไปจากสังคมไทย มาก แล้ว ทุกวันนี้ คำว่าเสียสละ ไม่ค่อยได้เห็น บางครั้ง จากการที่

 

ตาคอยดู หูคอยฟัง ปากคอยพูด ความทุกข์นั้นจะตก กับคนอื่น ๆ อีกมากมาย ดังมีตัวอย่างในสังคมไทยปัจจุบันนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน เมื่อวานผมเขียนเรื่องการเสียสละ เพื่อให้ส่วนรวมอยู่เป็นสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ พึงกระทำ วันนี้ ขอเสนอว่า เมื่อรู้จักเสียสละก็จะรู้จักคำว่าพอ การเสียสละ เป็นการลดความโลภ วิธีหนึ่ง เมื่อความโลภน้อยลง ความพอ ก็จะเกิดขึ้น เมื่อรู้จักคำว่าพอก็จะไม่ดิ้นรนทุรนทุราย เสาะหาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น ท้ายสุด ความทุรนทุรายจะสร้างความทุกข์ให้กับตนเอง และ คนรอบข้าง แล้วชีวิตก็จะไม่มีความสุขอีกต่อไป ยิ่งทุรนทุราย ตัวยิ่งหนัก ยิ่งหนัก ก็ยิ่งตกต่ำ จะลอยขึ้นสูงอีกต่อไป ก็ไม่ได้ แล้วท้ายสุด ก็จะเกิดความเสียดาย ว่า ไม่น่าเลยเรา วันนั้น หากเรารู้จักหยุด รู้จักพอ ไม่ทุรนทุราย ตัวเองก็ไม่ลำบาก คนรอบ

 

ข้างก็จะมีความสุข การไม่รู้จักพอ การหาเพิ่ม คนหนึ่งได้เพิ่ม อีกคน ก็ต้องลด หรือ อีกหลายคน เป็นเรื่องปกติ มีคนได้

 

ก็ต้องมีคนเสีย มีคนกำไร ก็ต้องมีคนขาดทุน ในโลกนี้ไม่มีใครได้หมด เสียทุกเรื่อง ไม่มีใครเสียหมด ทุกเรื่อง มีได้มีเสีย

 

หากได้ตลอดเวลา ความเคยตัวก็จะเกิดขึ้น คนเรามักจะกระหยิ่ม ยิ้มย่อง และ ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองหามาได้ ยิ่งคนไม่รู้จักพอ

 

ก็จะแสวงหาไม่รู้จบ ความกระหยิ่ม ยิ้มย่อง ก็จะมีมากกว่าคนปกติ เมื่อ เกิดความกระหยิ่ม ยิ้มย่อง ก็จะลืมตัว ลืมความถูกต้อง

 

ลืมความเป็นคน อันนี้ สำคัญมาก ความเป็นคน สำคัญมาก ๆ ยิ่งเขียนยิ่งวกวนเสียแล้ว งั้นคงจบแบบสั้น ๆ แล้วกันนะครับ

 

ว่าความไม่รู้จักพอ ท้ายสุด จะทำลายตนเอง และ คนรอบข้าง ในที่สุด จะไม่เหลืออะไรเลย โดยเฉพาะ ไม่เหลือความเป็นคน ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับทุกท่าน

 

ผมมีความรู้สึกอยากเขียนบทความมาหลายวัน แต่ สับสนตัวเอง ว่าจะเขียนอะไรดี เพราะมีความในใจอยากเปิดเผยออกมาเป็นเรื่องราว

 

ดังนั้น ผมจึงเริ่ม หมุนโทรศัพท์ คุยกับ สมาชิกเก่า ๆ ที่พอมีเบอร์ โทรศัพท์ อยู่ ถามเรื่องราวเกี่ยวกับการลงทุน ทองคำ ไม่ว่า จะเป็นวิธี

 

ใดก็ตาม หรือ พวกเล่นทองด้วย เล่นหุ้นด้วย จากหลายคนที่เล่าเรื่องการหยุดเล่นทองคำ ที่ได้ฟังมา ดังต่อไปนี้

 

1.บางคนแรก ๆ เล่นได้ เกิดความฮีกเหิม คือ เพิ่มปริมาณเงิน ในการเล่น โปะ เพิ่ม เล่นไม่หยุด ไล่ราคา สุดท้าย ไปติดดอย คือ ต้นทุน

 

ที่เล่น บวกกำไร ที่เล่น ไปอยู่ ที่ ทอง จำนวนสุดท้ายที่เล่น และ ติดราคาสูงสุด

 

2.บางคนแรก ๆ เล่นแล้วเสีย ก็หันมาวางแผนการเล่นใหม่ ตามกูรู หลาย ๆ ท่านแนะนำ ไม่ว่าช็อต แล้ว รอโอกาส ลงทุนครั้งใหม่

 

สุดท้าย ได้กำไร แล้ว เลิก ชั่วคราว

 

3.บางคน ทุนหนา โปะ ลงไป จำนวนมาก ๆ เมื่อราคาทองคำย่อตัวลง ทำให้ ทองคำในมือ ที่ติดอยู่ ต้นทุนลดลง เมื่อ ทองคำ ขึ้น

 

ก็ขายออกหมด รอดตัวไป แล้วหยุด เช่นกัน

 

4.บางคน ทุนไม่หนา แต่เงินเย็น ก็อดทนรอ รอบนี้ ก็ประมาณ ครึ่งปี วันสองวันนี้ ก็ออกตัวไปเรียบร้อยแล้ว และ ตั้งใจหยุด เพื่อรอ

 

โอกาสต่อไป

 

5.บางคน ถอนทุนมาหมดแล้ว แต่ ช่วงที่ผ่านมา เป็นเพราะความโลภ ไล่ราคาตามไป ตอน 16400 กว่า ๆ แล้วก็ติดดอยตั้งแต่นั้นมา

 

แม้ทองคำวันนี้ ราคา 979 ดอล คิดเป็นเงินไทย 15750 และ 15850 หากแต่ ไม่หลุดดอย เนื่องจาก เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาถึง 34.35

 

ในขณะ ที่ ในอดีต หากราคาทองคำ แตะ 980 ทุกคนหลุดดอย หมดแล้ว เพราะอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ราว 35.50 +-

 

6.บางคน มีต้นทุนหลายราคา ต้นทุนตัวไหน พอมีกำไร ตามที่ตนเองต้องการ ก็ขายออก อันไหนติดสูง ก็ยังไม่ขาย โดยถือคติ ไม่ขาย

 

ยังไม่ขาดทุน ผมไม่เถียงด้วยครับ เพราะคนพวกนี้ ความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก เกินกว่า บุคคลทั่วไป แต่ หากเป็นเงินเย็น ผมว่า เขาก็ย่อม

 

ทำได้ ครับ พูดกลาง ๆ นะครับ แต่โดยส่วนตัวผมมองว่า เป็นการสูญเสียโอกาส (OPPORTUNITY LOST) คิดแบบนักลงทุนมืออาชีพ

 

หรือ ชั้นเซียน นะครับ แต่จากข้อนี้ ทางกลับกัน ผมมองว่า แม้เขามีกำไรก็จริง แต่ ที่ติดอยู่สู่ง เขามักปลอบใจตัวเองว่า สักวัน ราคาทองคำ

 

ต้องไปถึง และ เล่นรอบไปเรื่อย ๆ ดังนั้น แม้บางครั้ง ไปถึงราคาที่ติด แต่ด้วยความโลภ ไม่มีที่สิ้นสุด เขาก็จะติดกับดัก ตัวเอง คือ ติดดอย

 

ต่อไป ไม่จบไม่สิ้น อาการเช่นนี้น่าเป็นห่วงนะครับ

 

7.พวกสุดท้าย เฮไหน เฮกัน ไม่มีจุดหมาย พวกนี้อันตราย เข้าซื้อทองคำ แบบไม่ศึกษา ประวัติ ราคาทองคำ

 

ยังมีอีกหลายพวก ที่ผมยกตัวอย่างมาจากความเป็นจริง ที่เห็น ๆ เราลองมามองตัวเราเอง ว่า อยู่ ใน 7 จำพวกนี้ หรือ อาจนอกเหนือ

 

ซึ่งผมกล่าวได้ไม่หมด ครับ

 

 

หลายคนที่ผมคุยด้วย เขาหยุดเล่นทองไปกันหมด แล้ว เนื่องจาก เกิดอาการเบื่อ อย่างที่ผมเคยบอก เสียเงิน เสียเวลา เสียสมอง

 

เสียสุขภาพจิต

 

 

บางคน หันไปเล่นออนไลน์ กับต่างประเทศ เช่นสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย (วิธีการไม่สามารถกล่าวโดยละเอียดได้)

 

บางคน หันไปหาทางเลือกใหม่ คือเล่นทองคำ แบบ ฟิวเจอร์ ดังที่ผมเคยบอกว่า เล่นทองออนไลน์ ยังไม่เป็น เราก็

 

ข้ามขั้นไปเล่นฟิวเจอร์ ข้อควรระวังคือ จำนวนสัญญา ซื้อขายของเรา ผมว่า น้อยไป ในการจับคู่ซื้อขาย หรือ อาจมี

 

การกั๊กราคา และ ปั่นราคา หรือ ควบคุมราคาได้ โดยคนกลุ่มหนึ่ง (ก็ไม่สามารถกล่าวโดยละเอียดได้)

 

 

สรุปแล้ว คำถามเดิม ๆ ของผม คือ เราลงทุนให้ใครกำไร คราวนี้พูดกว้าง ๆ นะครับ ไม่ได้หมายถึง ทองคำเท่านั้น ผมรวมถึง

 

การเล่นหุ้น ซึ่ง ผมบอกมานานว่า ไม่เคยสนับสนุนเช่นกัน จะเป็นทองคำก็ดี หุ้นก็ดี เล่นแล้ว ต้องมีวัน หยุด หากไม่หยุด สักวัน

 

ทุนหายกำไรหด ครับ หากไม่รู้จักรอ หากปล่อยให้ความโลภบันดาล เราต้องมาดูว่า เราลงทุนไปแล้ว ผลตอบแทนแห่งการลงทุน

 

เป็นเช่นไร จริงอยู่ ดอกเบี้ยเงินฝาก ตามที่หลายท่านบอกว่าน้อยนิดไม่คุ้ม เลยหันมาลงทุนทองคำ หุ้น ผมถามว่า มีความเสี่ยงไหม

 

อะไรก็ตาม ที่เราหวังกำไรสูง ก็ย่อมมีความเสี่ยงสูง ตามมา เรามีข้อมูลในการลงทุน มากน้อยแค่ไหน หมายถึงเราเก่งแค่ไหน ไม่ใช่

 

ว่าเพียงแต่ เก่ง ต้อง เฮง ด้วย ใครไม่ยอมรับ ผมก็ไม่โต้แย็ง หากแต่ หลายคนปลอบใจตัวเองว่า เมื่อเรามีประสบการณ์ เราก็จะมีโอกาส

 

แก้ตัว ผมเห็นคนคิดเช่นนี้มามาก ประสบการณ์ ที่สั่งสม ไม่ได้หมายความว่า มันดิ้นไม่ได้ ทุกอย่างมีการพัฒนาในตัวมันเอง เสมอ

 

ประสบการณ์ ก็แตกต่าง ไปเรื่อย ๆ ไม่คงที่ หากเราคิดว่าทุกอย่างคงที่ เราคิดผิดมาก ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกแปรเปลี่ยนไปตามกาล

 

ของมันเสมอ บทเรียนเก่า ๆ อาจนำมาใช้ใหม่ไม่ได้ ตราบใด เรายังลงทุนต่อเนื่อง ไม่รู้จักหยุด ตราบนั้นเรายังประเมินไม่ได้หรอกครับ

 

ว่าท้ายสุดเรากำไร หรือ ไม่ ไม่ว่าการเล่นการพนัน การเล่นหุ้น การเล่นทองคำ มันแปลกเสมอ สำหรับมือใหม่ คือ มักมีกำไร ในระยะแรก

 

แต่ท้ายสุดไม่พ้นความโลภเข้าครอบงำ เห็นผิดเป็นถูก บางทีเราอยากให้คนอื่น เชื่อเรา ยึด แบบอย่างของเรา แต่เราลืมไปว่า มาตรฐาน

 

ความคิดอ่าน เงินทุน ประสบการณ์ ของคนเราไม่เท่ากัน สมัยผมเรียนหนังสือ ผมถามตัวเองเสมอว่า เราอ่านหนังสือ ที่คน ๆ หนึ่งแต่งขึ้นมา

 

แต่ทำไม คนอีกหลายคนต้องเชื่อ แต่บัดนี้ คำตอบผมก็คือ การเรียนเป็นการจดจำ หรือ รับรู้ ในเรื่อง ที่คน คน หนึ่ง เคยประสบความสำเร็จ

 

แล้ว เรียบเรียงขึ้นมา เพื่อเป็นตัวอย่าง หากแต่ คนที่จะประสบความสำเร็จ ย่อมต้องคิดต่าง มีความคิดเป็นของตัวเอง วิธีการ ก็ย่อมต่างกัน

 

ออกไป การไปสู่เส้นชัยใน ชีวิต ของแต่ละผู้คน ย่อมแตกต่างกันออกไป ที่ผมเขียนมาเสียยืดยาว ก็เพื่อ ให้ทุกท่านทราบว่า กิจกรรมการ

 

ลงทุนของท่าน ต้องมีบทสรุป เสมอ คือ คุ้มค่าหรือไม่ ท่านเสียอะไรไปหรือเปล่า ท่านโลภมากไปหรือเปล่า เราถนัดในการลงทุนนั้น ๆ หรือไม่

 

ถ้า หยุด หรือ ถอย ยังทัน การลงทุนใด ๆ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ แต่ขึ้นอยู่กับความถนัด และ ความสามารถ ของคนนั้น สำคัญที่สุดคือ

 

แหล่งเงินทุน ในการลงทุนของท่าน หากท่านมีภาระอื่น ๆ แต่เอาเงินทุน สำหรับภาระนั้น ๆ มาเก็งกำไร ไม่ว่า อะไรก็ตาม คิดกันให้ดี นะครับ

 

ว่ามันคุ้มแล้วหรือ อย่าให้ความโลภ เข้าครอบงำ จนดำมืด ครับ

 

 

ด้วยความหวังดี ล้วน ๆ ครับ ไม่มีเจตนาอื่นใด ทั้งสิ้น หากการเขียนบทความนี้ กระทบใครเข้าโดยบังเอิญ ขอออกตัวว่าไม่ได้ตั้งใจ

 

และ ขออภัย ล่วงหน้า มา ณ โอกาส นี้ ครับ

modify_inline.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีคะเฮียกัมพลและคุณยง !thk

ดีจังคะเฮียยกทู้นี้มาแปะไว้ด้วย อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆไว้เตือนใจตนเพราะบางครั้งก็หลงลืมตนไปกับสังคม ชอบคะ !gd

ขอบคุณเฮียกัมพลและคุณยงคะ !_087

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...