ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

คุณเด็กขายของครับ เมื่อวานมีการแทรกแซงค่าเงินบาทมั๊ยครับ

แล้วมีข่าวค่าเงินบาทวันนี้มั๊ยครับ B)

สวัสดีครับ คุณ news

วันนี้ ราคาสมาคมฯ ตั้งราคา 21,250/21,350 บาท เค้ามองว่า ธปท. จะเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทมั่ง เลยมีการประเมินไว้ล่วงหน้า

จนเคาะราคาออกมาเวอร์ซะขนาดนั้น ( + 100 บาท > ) คาดว่า วันนี้ ปล่อยราคาให้เป็นไปตามกลไกตลาดฯ มากกว่าครับ

เพราะ บางครั้ง ต้องให้โอกาสต่อสินค้านำเข้าบางอย่างบ้าง เพื่อลดภาระด้านรายจ่ายของประชาชนทางอ้อม เดี๋ยวคอยดูสิ

พอ เขานิ่งๆ ไม่ทำอะไร เพื่อประโยชน์บางประการ จะมีฝ่ายตรงข้ามที่อยากพูดเอามันไว้ก่อน ออกมาพูดเจื้อยแจ้ว แน่ๆ ซึ่ง

เขาก็บอกไว้แล้วว่า ในภาวะผันผวนแบบนี้ ควรจะทำธุรกรรม Fixed Currency เอาไว้ เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน แต่ดันหาว่า

เป็นการสร้างภาระให้ผู้ประกอบการรายย่อย ติดตามต่อไปดีกว่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เกรงว่า spdr อาจจะเท lotใหญ่ อย่างที่พี่เด็กขายของกล่าว

คืนนี้หรือคืนพรุ่งนี้น่าเป็นห่วง เพราะวันศุกร์เป็นวันหยุด

แต่คงไม่ปล่อยหมูแล้ว รอเก็บเพิ่มอย่างเดียวค่ะ

เหมือนกันเลย แต่คงไม่ปล่อยหมูแล้ว เพราะไม่มีให้ปล่อย รอเก็บเพิ่มอย่างเดียวครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กล่าวบอกไว้ก่อนว่า เป้าหมายการขึ้นดอกเบี้ย R/P ณ.สิ้นปี 2554 คือ 3.25% ใครมีเงินฝากธนาคารช่วงนี้ อยากแนะนำ

ให้ฝากเพียงระยะสั้น ไม่เกิน 9 เดือน ซึ่งคาดว่า ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ คงต้องเอาประเด็นนี้มาเล่น เพื่อดึงดูด หรือ พูดง่ายๆ ว่า

ล่อ ให้นักฝากเงิน นำเงินเข้ามาฝากที่ธนาคารฯ โดยให้ดอกเบี้ยที่ดีกว่า ฝากแบบออมทรัพย์ หรือ ออมทรัพย์พิเศษ

 

ในวันที่ 20 เมษายน 2554 ก็ได้มีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.25% ปรับเปลี่ยนเป็น 2.75% อย่างที่ทราบๆ กันไปแล้ว

 

อนึ่ง ในวันที่ 1 มิถุนายน 2554 ก็จะมีการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงินอีกครั้ง ( ครั้งสุดท้าย ก็เดือน กรกฎาคม )

ก็จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย R/P อีกช่วงหนึ่ง 0.25% เหมือนเดิม ก็จะปรับเปลี่ยนเป็น 3.00% จึงแจ้งมาล่วงหน้าครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ที่จริงราคาทองทางเทคนิคต้องย่อช่วง 1486 ตรงนั้นก่อน

แต่ว่ากองทุนยำๆเข้าซื้อเก็บโดยตลอดทำให้ไ่ม่ปรับฐานตรงแถวนั้น

ช่วงนี้เล่นยากครับ เลยไม่อยากนำเสนอมุมมองเพราะเดี๋ยวจะเกิดผิดพลาดในการลงทุนครับ

เห็นเฮียกัมพลว่า 1508 เป็นแนวต้านน่ะครับ

ตอนนี้ขอลอกข้อสอบเฮีมพัมก่อนละกันครับ !thk

 

ขอบคุณครับนายห้าง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เหมือนกันเลย แต่คงไม่ปล่อยหมูแล้ว เพราะไม่มีให้ปล่อย รอเก็บเพิ่มอย่างเดียวครับ

รอตามเก็บด้วยคนนะ นะ ไม่มีหมูแล้วเหมือนกัล อิอิ ติดตามต่อปาย.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะทุกๆคน

 

สงสัยรอบนี้ต้องมีหมูเป็นฝูงใหญ่ ไม่งั้นไม่พอแน่ มีแต่คนรอต้อนหมูเข้าเล้าทั้งนั้น อิอิ

คืนนี้เฝ้ากันให้ดีนะคะ อาจมีลอตใหญ่ออกมา (เดาเข้าข้างตัวเอง เพราะรอมาเป็นอาทิตย์แล้ว)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณ Ginger

แท้จริงแล้ว เขาพยายามทปรับเปลี่ยนมาตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่ให้ข่าวหรอกครับ เดี๋ยวตลาดการเงินในประเทศไทยมีปัญหาวุ่นวาย

ดังนั้น นักลงทุนเลยเสพแต่ข่าวที่เป็นอัปมงคล ต่อ นโยบายการเงินของ ธปท. มาตลอด เพราะมันกว่า สนุกกว่า เสพข่าวในแง่ดี

และฝ่ายตรงข้ามก็ชอบนำเรื่องเก่าๆ นโยบายเก่าๆ มาเล่าขานต่อ ไม่งั้นก็ไม่มีเรื่อง ต่อว่า คนอื่นเขาครับ ซึ่งจริงๆ แล้ว การปรับ

เปลี่ยนตามสถานการณ์โลก มีอยู่ตลอดเวลา อยู่ในโลกาวิวัฒน์ ก็ต้องพัฒนาไปไม่มีหยุด

 

แต่วันนี้ ไม่เข้าใจว่า ทำไม เหรียญที่ระลึกในวาระโอกาสต่างๆ ของประเทศ จึงมีคนสอบถามเยอะมาก เพราะแต่ไหนแต่ไร

มา มีแต่พวกนักเล่นเหรียญฯ กับ คนเฉพาะในกระทรวงการคลังเท่านั้น ที่นิยมสะสมเหรียญฯ กัน สงสัยอนาคต เด็กขายของต้อง

ไปต่อแถวซื้อแน่ๆ เพราะเวลาซื้อมาสะสม ก็สบายๆ ไม่ค่อยมีคนสนใจ จนเหลือเต็มกรมธนารักษ์

 

ธปทน่าจะแจ้งข่าวนะ จริงแล้วธปทมีทั้คนดี+คนเก่งอยู่ บางทีเห็นข่าวว่ายังถือดอลอยู่มากเกือบทั้งหมดของเงินสำรอง เปลี่ยนก็ดีแล้ว

เราไม่ได้ซื้อเหรียญทองไว้เลยเสียดายเหมือนกัน

ขอบคุณพี่ B) เวลาหายไปเราก็ :huh:

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอนนี้ ขอบ่น เกี่ยวกับ เงินทุนไหลเข้าประเทศไทยดีกว่า เชียร์ทองลงเท่าไหร่ ก็ไม่หล่นสักที

 

ตลาดหุ้นไทย ช่วง 16 วันแรกของเดือนเมษายน 54 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิไปแล้ว 29,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมาก ทำให้ถ้าดูจากต้นปีมา

ยอดสะสมของต่างชาติ ซื้อสุทธิเบ็ดเสร็จประมาณ 17,000 ล้านบาท โดยมีการมองไปที่เดือน พฤษภาคม - มิถุนายน 54 ว่า ตลาดหุ้นไทย ก็ยัง

ได้รับความสนใจทั้งของนักลงทุนต่างประเทศ และ นักลงทุนในประเทศ ต่อไป

 

เหตุผลของความน่าสนใจ ของ ตลาดหุ้นไทย

นักลงทุนต่างชาติมองตลาดหุ้นไทยเป็น ตลาดเกิดใหม่ ( Emerging Market ) Set Index ยังไม่สูง และ บริษัทจดทะเบียนยังสามารถเติบโตได้อีก

และเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในสภาพที่แข็งแรง ทุนสำรองเงินตราที่แข็งแกร่ง และ ตัวเลขหนี้สาธารณะที่ไม่มากจนเกินไป ประกอบกับ เงินกู้ต่อ

GDP ก็ยังต่ำกว่ามาตรฐานทั่วไป

 

1. นลท.ฝั่งสหรัฐ เริ่มนำเงินทุนเข้าไทย พวกเขาส่วนใหญ่เชื่อกันแล้วว่า FED จะไม่ดำเนินนโยบาย QE ต่อหลังเดือนมิถุนายนที่กำลังจะมาถึง

เพราะ FED เห็นแล้วว่า การมี QE ไม่ได้ทำให้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรลดลง แถม ธนาคารฯที่ได้รับเม็ดเงินจาก QE 2 ก็ไม่ได้เอาไปปล่อยกู้ แต่

ดันเอาไปปั่นสินทรัพย์เสี่ยง หรือลงทุนในตลาดหุ้นฯ เนื่องจากถ้าไปมองที่ สินทรัพย์ของธนาคารฯ ที่ได้รับเงิน QE 2 ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย จากปี 2009

ตลาดหุ้นสหรัฐจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะที่ผ่านมา เงินของ QE 2 เข้าไปอยู่ตลาดหุ้นฯ เป็นจำนวนมาก ก่อนจะถึงวันนั้น นลท. ก็คงต้อง

หาทางสร้างผลตอบแทนให้มากที่สุด ในโอกาสสุดท้ายนี้

 

2. นลท. ฝั่งยุโรป จากเหตุที่ ECB ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งสวนกระแสกับอีกในหลายๆ ประเทศของยุโรป ที่มีฐานะ

การเงินมีหนี้สาธารณะที่สูง ต้องมาแบกรับภาระเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ย ทั้ง กรีซ, โปรตุเกส, ไอร์แลนด์ และ ECB พยายามกล่าวอ้างว่า

ภาวะเงินเฟ้อ กับ หนี้สาธารณะ คนละเรื่องกัน ก็ยิ่งทำให้ นลท.ฝั่งยุโรป ไม่แน่ใจในความมั่นคงของ ตลาดหุ้นในยุโรป และ ประเทศที่มีฐานะ

การเงินที่แข็งแกร่งในยุโรป เริ่มอยากตีจาก ออกจากการใช้ สกุลเงิน EURO เพราะประชาชนผู้เสียภาษีที่สูง ก็อยากได้อะไรกลับมาสู่ตัวเอง

เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ใช่ เอาเงินของเขาไปช่วยประเทศที่ฐานะไปดี จากการใช้เงินไม่เป็นระบบ เช่น ประเทศฟินแลนด์ ที่ประชาชนของ

ประเทศเลือกพรรคการเมืองที่ ANTI-EURO มาด้วยคะแนนเสียงท้วมถ้น

 

3. นลท. ไทย จากเหตุที่ใกล้การเลือกตั้งในประเทศไทย ที่จะมีขึ้นประมาณเดือน กลางเดือน กรกฎาคม 54 จากสถิติ ตลาดหุ้นจะเด้งขาน

รับประมาณ 8-9% ในระยะ 2 เดือนก่อนเลือกตั้ง อาจจะเป็นเพราะธุรกิจจดทะเบียนบางรายการได้รับอานิสงค์จากการเลือกตั้ง หรือ

นักเลือกตั้งเข้ามาเงินทุนเพื่อไปเลือกตั้ง ก็ไม่อาจทราบได้

 

ดังนั้น จึงอาจจะประมาณคร่าวๆ ได้ว่า นับจากนี้ไปจนถึง 2 เดือนข้างหน้า เงินทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามายังอย่างต่อเนื่อง ในตลาดหุ้นไทย

Emerging Market ประกอบกับ ยอดตัวเลขการส่งออก ( รวมส่งออกทองคำ ) ที่พุ่งปรู้ด และ ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ในช่วงฤดูกาล

ท่องเที่ยวนี้ ก็อาจทำให้ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น

 

นักลงทุนทองคำ ก็ต้องทำใจว่า ราคาทองคำในประเทศ ไม่สูงตามสมใจนึก นะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บางทีเห็นข่าวว่ายังถือดอลอยู่มากเกือบทั้งหมดของเงินสำรอง เปลี่ยนก็ดีแล้ว

เราไม่ได้ซื้อเหรียญทองไว้เลยเสียดายเหมือนกัน

ขอบคุณพี่ B) เวลาหายไปเราก็ :huh:

ไม่เคยเห็นเป็นข่าวจาก ธปท. นะครับ มีแต่ข่าวลือ ข่าวเล่าอ้าง ที่เขาเอามาพูดเอามันเท่านั้น เนื่องจาก เวลาเขาแจ้ง

ยอดเงินทุนสำรอง ก็จะแจ้งโดยตีมูลค่าในสกุลเงินดอลล์สหรัฐ เพราะเป็นสกุลเงินกลางๆ ที่เข้าใจง่าย แต่คนที่ไม่เห็น

ด้วยจะคิดไปเอง ( คิดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ) จะมาให้เขาแจกแจงว่า มีอย่างนั้นเท่าไหร่ มีอย่างนี้เท่าไหร่ ก็คงแปลกๆ

และอาจจะสร้างปัญหาตามมา ในการตีราคา ตีความหมายไปอีกมากมาย ครับ

 

ในกรณีเหรียญที่ระลึกราชพิธีต่างๆ ที่ตอนนี้ คนสอบถามกันมามาก เป็นเหรียญที่ทำจาก แร่เงิน ทั้งแบบขัดเงา และไม่ขัดเงา ครับ

ไม่ใช่เหรียญทองคำ เพราะ เหรียญทองคำ ปั้มออกมาจำนวนจำกัด ตามยอดสั่งจอง หมดไปตั้งแต่วันแรกทีออกขายแล้วครับ

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะทุกๆคน

 

สงสัยรอบนี้ต้องมีหมูเป็นฝูงใหญ่ ไม่งั้นไม่พอแน่ มีแต่คนรอต้อนหมูเข้าเล้าทั้งนั้น อิอิ

คืนนี้เฝ้ากันให้ดีนะคะ อาจมีลอตใหญ่ออกมา (เดาเข้าข้างตัวเอง เพราะรอมาเป็นอาทิตย์แล้ว)

เกิดราคาหล่นมาเยอะๆ ก็น่าเบื่อ ต้องไปรับเบอร์ เข้าคิว ซื้อทอง แล้วก็ต้องรอลุ้นอีกว่า เรียกคิวตัวเองแล้ว ราคาทองสมาคมฯ

จะขยับขึ้น-ลง หรือไม่ ตอนรอคิว แล้ว เกิดขึ้น ก็เสียใจ แต่ถ้า เกิดลง ก็ดีใจ

 

ทั้งหมดที่กล่าวมา คิดแทนคนอื่นนะครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เพราะเด็กขายของ ถนัดโทรฯ ล็อคราคาแล้วไปรับทีหลัง

ที่ เซ็นฯ พระราม 3

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เกิดราคาหล่นมาเยอะๆ ก็น่าเบื่อ ต้องไปรับเบอร์ เข้าคิว ซื้อทอง แล้วก็ต้องรอลุ้นอีกว่า เรียกคิวตัวเองแล้ว ราคาทองสมาคมฯ

จะขยับขึ้น-ลง หรือไม่ ตอนรอคิว แล้ว เกิดขึ้น ก็เสียใจ แต่ถ้า เกิดลง ก็ดีใจ

 

ทั้งหมดที่กล่าวมา คิดแทนคนอื่นนะครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เพราะเด็กขายของ ถนัดโทรฯ ล็อคราคาแล้วไปรับทีหลัง

 

ใช้บริการ แม่...ที่เซ็น...พระราม3 ซิคะคุณพี่ โทรปุ๊บได้ปั๊บ ไม่ต้องรอคิว (แต่หนูยังไม่เคยใช้บริการเลยค่ะตั้งแต่พี่แนะนำมา เพราะไปสมัครออนไลน์ซะก่อน)

ถูกแก้ไข โดย nuchaba

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่เคยเห็นเป็นข่าวจาก ธปท. นะครับ มีแต่ข่าวลือ ข่าวเล่าอ้าง ที่เขาเอามาพูดเอามันเท่านั้น เนื่องจาก เวลาเขาแจ้ง

ยอดเงินทุนสำรอง ก็จะแจ้งโดยตีมูลค่าในสกุลเงินดอลล์สหรัฐ เพราะเป็นสกุลเงินกลางๆ ที่เข้าใจง่าย แต่คนที่ไม่เห็น

ด้วยจะคิดไปเอง ( คิดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ) จะมาให้เขาแจกแจงว่า มีอย่างนั้นเท่าไหร่ มีอย่างนี้เท่าไหร่ ก็คงแปลกๆ

และอาจจะสร้างปัญหาตามมา ในการตีราคา ตีความหมายไปอีกมากมาย ครับ

 

ในกรณีเหรียญที่ระลึกราชพิธีต่างๆ ที่ตอนนี้ คนสอบถามกันมามาก เป็นเหรียญที่ทำจาก แร่เงิน ทั้งแบบขัดเงา และไม่ขัดเงา ครับ

ไม่ใช่เหรียญทองคำ เพราะ เหรียญทองคำ ปั้มออกมาจำนวนจำกัด ตามยอดสั่งจอง หมดไปตั้งแต่วันแรกทีออกขายแล้วครับ

ใช่ต้องสั่งจองแล้วเขาจะทำตามจำนวน ถ้าเป็นทอง

ธปท ไม่ต้องแจงละเอียดเพราะเป็นเรื่องภายในแต่ควรให้คนในประเทศรู้บ้าง เรื่องกระจายการถือครองก็มาจากคนของธปทเองฮะ :D

ขอบคุณ คุณพี่ที่ทำให้เราคอยตามข่าว

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขออนุญาตแชร์นะครับ เห็นว่ามีประโยชน์ดี(หากรกกระทู้ลบได้เรยนะครับผมไม่ติดใจแม้แต่น้อยครับ :) )

 

ทำไมเงินถึงไหลกลับเข้า Emerging Markets

ข้อหนึ่ง นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มเชื่อว่า Fed คงจะไม่ดำเนินนโยบาย QE อีกต่อไปหลังเดือนมิถุนายนที่กำลังจะถึงนี้ ซึ่งก็หมายความว่าไม่น่าจะมี QE3 มารับไม้ต่อจาก QE2 และถ้า Fed เลิกทำ QE จริง ตลาดหุ้นที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็น่าจะเป็นตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงิน QE2 ที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเป็นจำนวนมาก แล้วที่หลายฝ่ายเชื่อว่าไม่น่าจะมีการทำ QE3 ก็เพราะการใช้นโยบาย QE ที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลบวกโดยตรงต่อเศรษฐกิจเท่าที่คาด โดยดูได้จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรสหรัฐ ไม่ได้ลดลงเท่าที่ควร และธนาคารพาณิชย์สหรัฐ ก็ไม่ได้มีการนำเม็ดเงินที่ Fed อัดฉีดเข้ามาไปปล่อยกู้ต่อ

ถ้าเรารวมเอาเม็ดเงินที่อัดฉีดผ่าน QE1 และ QE2 จะเท่ากับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินจำนวนนี้ปกติจะสามารถนำไปปล่อยกู้ต่อได้ถึง 10 เท่า หรือประมาณ 20 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถ้าเราดูตัวเลขยอดสินทรัพย์รวมของธนาคารพาณิชย์สหรัฐ จะเห็นว่ายังคงอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเมื่อตอนต้นปี 2009 ซึ่งหมายความว่าธนาคารแทบไม่ได้นำเม็ดเงินจาก QE ไปปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจที่แท้จริงเลย

 

ข้อสอง การที่ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank) ขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เงินไหลกลับเข้า Emerging Markets อย่างที่เราทราบกันดีว่า ECB ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25 basis points ในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งนับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤติ ก่อนหน้านี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ปักใจเชื่อมากนักว่า ECB จะกล้าขึ้นดอกเบี้ยท่ามกลางปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศในเขต Peripherals ที่ยังคงทวีความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นโปรตุเกส ซึ่งเพิ่งเข้ารับการช่วยเหลือจาก IMF หรือ กรีซ ซึ่งอาจจะต้องมีการทำ Debt Restructuring เพราะไม่น่าจะสามารถชำระหนี้ทั้งหมดตามสัญญาเดิมได้ แต่ ECB เลือกทำในสิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึง และยังพูดชัดเจนว่าจะยังคงขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีก จนกว่าจะสามารถดูแลปัญหาเงินเฟ้อได้ และยังพยายามส่งสัญญาณว่าปัญหาหนี้สาธารณะกับนโยบายการเงินไม่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่า ECB น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 75 basis points จนถึงสิ้นปี ปัจจัยนี้เลยทำให้ตลาดหุ้นในยุโรปดูน่าสนใจน้อยลง

 

ข้อสาม นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่า ประเทศใน Emerging Markets น่าจะสามารถรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงที่ผ่านมาได้ดีกว่าเศรษฐกิจใน Developed Markets ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาความไม่สงบในลิเบียและตะวันออกกลาง ปัญหาวิกฤตินิวเคลียร์ในญี่ปุ่น ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป และปัญหาที่อาจจะตามมาถ้า Fed ไม่ต่ออายุนโยบาย QE เนื่องจากเศรษฐกิจ Developed Markets ยังอ่อนแอมาก โดยเฉพาะระดับของการว่างงานและการขาดดุลการคลังยังอยู่ในระดับสูง ถ้ามีอะไรมากระทบแรงๆ ก็อาจจะไม่สามารถทนทานได้ ขณะที่เศรษฐกิจ Emerging Markets อยู่ในสภาวะที่ดีกว่ามาก และในบางประเทศ การ Normalize นโยบายดอกเบี้ยก็เริ่มจะเสร็จสิ้นแล้ว เช่นในจีนเป็นต้น

 

ส่วนตลาดหุ้นไทยเองนั้น ช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิถึง 29,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 2,600 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งถือเป็นยอดซื้อสุทธิที่สูงมาก

นอกจากนั้น ตลาดหุ้นไทยยังได้รับอานิสงส์จากการเลือกตั้ง ที่น่าจะมีขึ้นในราวเดือนมิ.ย.-ก.ค.โดยสถิติที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นเฉลี่ย 8% ในระยะ 3 เดือนก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง

 

ผมมองว่าเม็ดเงินต่างชาติ จะยังคงไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น Emerging Markets รวมทั้งไทยในช่วงนี้ แนวโน้มเดือนพ.ค. และมิ.ย.ดูแล้วไม่น่าเป็นห่วงเพราะยังอยู่ในช่วง Pre-Election และ SET Index น่าจะมีโอกาสทำ New High ของปีได้อีก แต่ที่ต้องระวังก็คือ แรงเทขายหลังการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่น่าจะรุนแรงมากนัก เพราะเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในสภาพที่แข็งแรง สิ่งที่ต้องพึงระวังก็คือ การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed เพราะครั้งที่แล้วที่ Fed ขึ้นดอกเบี้ย (เมื่อปี 2004) ในช่วง 6 เดือนก่อน Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ย ตลาดหุ้นไทยปรับลงถึง 17% และในช่วงอีก 18 เดือนที่ Fed ดำเนินการขึ้นดอกเบี้ย SET Index ก็ปรับขึ้นเพียง 5%

 

 

ฉบับเต็มๆครับ http://hoonyai.com/index.php?topic=3458.msg7468;topicseen#msg7468

ถูกแก้ไข โดย AunTonio

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้กำกับดูแลตลาดเงิน กล่าวว่า การแข็งค่าของเงินบาท

ในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีผลให้ค่าเงินดอลล์สหรัฐอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินยูโร

และเงินบาท ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น และมีเงินทุนไหลเข้ามาด้วย

 

โดยเฉพาะในช่วงที่มีแรงขายทองคำของนักลงทุนไทย ซึ่งเมื่อขายทองคำออกไปเงินที่ได้ก็ต้องแปลงกับมาเป็นเงินบาท ดังนั้น หากปล่อย

ให้มีการขายออกมามากเกินไป ก็อาจทำให้เงินบาทผันผวนได้เช่นกัน

มีคนถามว่า ทำไมช่วงก่อนหยุดเทศกาลสงกรานต์ เงินบาทไทยถึงอ่อนค่า ประเด็นนี้ นายประสาร ผู้ว่าฯ ชี้แจงว่า การอ่อนค่าในช่วงเวลานั้น

ไม่ได้เกี่ยวกับการเข้าแทรกแซงค่าเงินโดย ธปท. แต่อย่างใด สาเหตุการอ่อนค่าน่าจะเป็นเพราะใกล้ช่วงเทศกาลหยุดยาว ซึ่งปกติ นักลงทุน

ต่างชาติมักชะลอการลงทุนในช่วงเวลาแบบนี้ จึงมีผลทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปบ้าง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เพื่อนๆ เคยทราบเกี่ยวกับ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือเปล่าครับ

 

กฎหมายนี้ มีไว้เพื่อจะคุ้มครองผู้มีเงินที่ฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ที่เป็น " เงินฝาก " เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ

บัตรเงินฝาก ซึ่งเพื่อนๆ ต้องสังเกตุจากคำว่า " ฝาก " ถึงจะอยู่ภายใต้กฎหมาย พ.ร.บ. นี้ ดังนั้น เงินลงทุนในกองทุนพันธบัตรต่างๆ, กองทุน RMF,

LTF หุ้นกู้ธนาคาร, หุ้นกู้บริษัทเอกชน ตั๋ว บี/อี สลากออมทรัพย์ ไม่ถือว่าเป็นเงินฝาก จึงไม่ได้รับการคุ้มครอง

 

ปัจจุบันนี้ มีธนาคารพาณิชย์หลายๆ แห่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินหลากหลาย มากมายหลายประเภท เพื่อนๆ ควรพิจารณาให้ แน่ใจในการ

ฝากเงิน นะครับ

 

ทาง นายสิงหะ นิกรพันธุ์ ผอ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ได้กล่าวว่า สิ่งที่อยากฝากผู้ฝากเงินทุกท่านสำหรับผู้ที่กำลังหาทางเลือกในการลงทุน

ต่างๆ คือ ความเสี่ยงกับผลตอบแทนนั้นมีความสัมพันธ์ไปในทางเดียวกัน คือ การลงทุนใดที่ให้ผลตอบแทนมักจะมีระดับความเสี่ยงที่สูง

( High Risk - High Return ) การลงทุนใดที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่ามักจะมีระดับความเสี่ยงที่ต่ำกว่า ( Low Risk - Low Return ) แต่สิ่งที่ต้อง

ตระหนักอีกอย่างก็คือ ถึงแม้ว่าการลงทุนใดที่ให้ผลตอบแทนสูงมักจะมีระดับความเสี่ยงที่สูง แต่ไม่จำเป็นว่าการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง

จะให้ผลตอบแทนที่สูงเสมอไป ดังนั้น ก่อนจะลงทุนใดๆ ต้องพิจารณาให้ดีๆ และมีความรอบคอบในการเลือกทรัพย์ที่จะลงทุน

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดที่แท้จริงตามเป้าหมายที่วางเอาไว้

 

สำหรับผู้สนใจรายละเอียดต่างๆของสถาบันคุ้มครองเงินฝากสามารถติดตามได้ทาง www.dpa.or.th หรือ 02-272-0300

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...