ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ผมขอมองต่างมุมนะครับ ผมเรียนมาสายวิทย์ สิ่งที่ผมมองอาจผิดทั้งหมดครับ

 

---ผมกับเพื่อนรวมกัน4มีเงินคนละ1ล้าน เล่นไพ่ด้วยกันเป็นเวลา1สัปดาห์โดยทุกคนเอาเงินสดไปแลกชิปทั้งหมดคนละ1ล้าน เมื่อครบกำหนด1สัปดาห์ใครเหลือชิปเท่าไหร่ก็ได้รับเงินไปตามนั้น ระหว่างเล่นผมจ้างคนไปปลอมชิปมาให้เหมือนชิปที่ใช้เล่น ชิปที่ทำมาเหมือนของเดิมทุกอย่าง เลิกเล่นปรากฎว่าชิปมี5ล้านแต่เงินสดมีแค่4ล้าน สุดท้ายททุกคนก็ต้องใช้ชิป5ส่วนแลกเงิน4ส่วนถึงจะลงตัว ตอนนี้หลายประเทศพิมพ์เงินเพิ่ม การพิมพ์เงินเพิ่มก็เหมือนมีชิปเพิ่มซึ่งสุดท้ายชิปก็ต้องแลกของกลับได้น้อยลง

 

---กรณีที่2 ผมกับเพื่อน4คนมีเงินคนละ1ล้านเหมือนเดิม เมื่อเลิกเล่นไพ่ผมเงินหมดกระเป๋าแถมเป็นหนี้เพื่อนคนละ5แสน เงินในระบบมีเท่าเดิมนะครับคือ4ล้าน

คราวนี้เรามาคุยเฉพาะเรื่องหนี้อย่างเดียวพอ ผมจนเพราะมีหนี้1.5ล้าน ส่วนเพื่อน3คนรวยเพราะเป็นเจ้าหนี้ผมคนละ5แสน ผมชักดาบเจ้าหนี้ทุกคน เจ้าหนี้จนลงทุกคนแล้วใครรวยขึ้นละ ก็ผมไงผมรวยเพิ่มขึ้น1.5ล้าน จากเป็นหนี้1.5ล้านรวยขึ้นทันที คือไม่เป็นหนี้แล้ว ผมชักดาบหรือไม่ชักดาบเงินในระบบยังอยู่เท่าเดิม ผมชักดาบแค่มีคนจนลงและก็ต้องมีคนรวยขึ้น

 

---การเบี้ยวหนี้ไม่มีผลทำให้เงินที่พิมพ์เพิ่มมาในระบบลดลง เงินกระดาษในระบบยังเท่าเดิม(ของเริ่มต้น+ที่พิมพ์เพิ่ม) ใครเบี้ยวใครก็ไม่มีผลต่อเงินกระดาษในระบบ

 

---ที่ทำตอนนี้คือมีการพิมพ์เงินมาใช้ในระบบมากขึ้น เงินก็จะไร้ค่ามากขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนเงินที่พิมพ์เข้ามาใช้ในระบบ เหมือนกรณีที่1ที่มีชิปปลอมมาอยู่ในระบบสุดท้ายนำชิปไปแลกของได้ไม่เท่าเดิม(ตอนเริ่มเล่นแลก1ต่อ1 สุดท้ายมีชิปมากกว่าตอนเริ่มเล่น ต้องใช้ชิปมากกว่า1เพื่อแลก1)

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมขอมองต่างมุมนะครับ ผมเรียนมาสายวิทย์ สิ่งที่ผมมองอาจผิดทั้งหมดครับ

 

---ผมกับเพื่อนรวมกัน4มีเงินคนละ1ล้าน เล่นไพ่ด้วยกันเป็นเวลา1สัปดาห์โดยทุกคนเอาเงินสดไปแลกชิปทั้งหมดคนละ1ล้าน เมื่อครบกำหนด1สัปดาห์ใครเหลือชิปเท่าไหร่ก็ได้รับเงินไปตามนั้น ระหว่างเล่นผมจ้างคนไปปลอมชิปมาให้เหมือนชิปที่ใช้เล่น ชิปที่ทำมาเหมือนของเดิมทุกอย่าง เลิกเล่นปรากฎว่าชิปมี5ล้านแต่เงินสดมีแค่4ล้าน สุดท้ายททุกคนก็ต้องใช้ชิป5ส่วนแลกเงิน4ส่วนถึงจะลงตัว ตอนนี้หลายประเทศพิมพ์เงินเพิ่ม การพิมพ์เงินเพิ่มก็เหมือนมีชิปเพิ่มซึ่งสุดท้ายชิปก็ต้องแลกของกลับได้น้อยลง

 

---กรณีที่2 ผมกับเพื่อน4คนมีเงินคนละ1ล้านเหมือนเดิม เมื่อเลิกเล่นไพ่ผมเงินหมดกระเป๋าแถมเป็นหนี้เพื่อนคนละ5แสน เงินในระบบมีเท่าเดิมนะครับคือ4ล้าน

คราวนี้เรามาคุยเฉพาะเรื่องหนี้อย่างเดียวพอ ผมจนเพราะมีหนี้1.5ล้าน ส่วนเพื่อน3คนรวยเพราะเป็นเจ้าหนี้ผมคนละ5แสน ผมชักดาบเจ้าหนี้ทุกคน เจ้าหนี้จนลงทุกคนแล้วใครรวยขึ้นละ ก็ผมไงผมรวยเพิ่มขึ้น1.5ล้าน จากเป็นหนี้1.5ล้านรวยขึ้นทันที คือไม่เป็นหนี้แล้ว ผมชักดาบหรือไม่ชักดาบเงินในระบบยังอยู่เท่าเดิม ผมชักดาบแค่มีคนจนลงและก็ต้องมีคนรวยขึ้น

 

---การเบี้ยวหนี้ไม่มีผลทำให้เงินที่พิมพ์เพิ่มมาในระบบลดลง เงินกระดาษในระบบยังเท่าเดิม(ของเริ่มต้น+ที่พิมพ์เพิ่ม) ใครเบี้ยวใครก็ไม่มีผลต่อเงินกระดาษในระบบ

 

---ที่ทำตอนนี้คือมีการพิมพ์เงินมาใช้ในระบบมากขึ้น เงินก็จะไร้ค่ามากขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนเงินที่พิมพ์เข้ามาใช้ในระบบ เหมือนกรณีที่1ที่มีชิปปลอมมาอยู่ในระบบสุดท้ายนำชิปไปแลกของได้ไม่เท่าเดิม(ตอนเริ่มเล่นแลก1ต่อ1 สุดท้ายมีชิปมากกว่าตอนเริ่มเล่น ต้องใช้ชิปมากกว่า1เพื่อแลก1)

 

นับถือ ๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Chris Martenson คุยกับ Marc Faber ณ เชียงใหม่ มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ครับ

  • ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าคุณจะเก็บทอง เก็บกระดาษ หรือเก็บหุ้น ยังไงคุณก็ต้องเจ็บตัวแน่ๆ แต่จงเลือกสิ่งที่จะทำให้คุณเจ็บตัว "ช้า" ที่สุด
  • การเก็บเงินกระดาษ. government bond (หรือ debt instrument ต่างๆ) จะมีความเสียงสูง และเจ๊งเร็วสุด เพราะกรีซเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า รัฐบาลก็เบี้ยวหนี้ได้
  • ถ้าเอาเงินไปลงทุนในตลาดทุน เลือกหุ้นโอเคๆหน่อย ยังจะปลอดภัยกว่าการเก็บกระดาษ ถึงแม้ว่าหุ้นอาจจะตก แต่โอกาสที่มูลค่าจะเป็น 0 เหมือนกระดาษ เป็นไปได้ยาก/น้อยกว่า
  • ทุกคนควรมีทองคำอยู่ใน port บ้าง เพื่อเป็น "หลักประกัน" เวลาเกิดวิกตเศรษฐกิจ ถ้าวิกฤตไม่เกิดขึ้น ก็แล้วไป แต่ถ้าเกิดวิกฤตขึ้น คุณก็จะอุ่นใจว่ามีอะไรช่วยให้คุณพออยู่รอดในช่วงนั้นได้ (เหมือนกับการซื้อประกันสุขภาพ/รถยนต์ คุณไม่ได้ซื้อเพราะว่าคุณจะเป็นโรค หรือประสบอุบัติเหตุจริงๆ)
  • -- ไม่ควรเก็บหลักประกันของคุณในสหรัฐอเมริกา -- ถ้าเก็บนอกอเมริกา Marc Faber ก็มองว่า พยายามอย่าเก็บไว้กับสถาบันการเงิน แถมมีการบอกเป็นนัยด้วยว่า ใน duty free zone ของสนามบินบางประเทศ มีบริการตู้นิรภัยแบบของธนาคารด้วย นั่นหมายความว่า คุณมีทางเลือกในการเก็บของของคุณนอกประเทศมากขึ้น
  • จากที่คุณส้มโอมือ เคยเอาเรื่องของคุณพ่อ/ปู่(?) ของ Marc Faber มาเล่าให้ฟัง เขามีพื้นฐานของชีวิตในช่วงสงครามโลก --- เขาบอกว่า เขาเชื่อว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่จะปลอดภัย จากเงื้อมมือของรัฐบาล หรือใครก็ตามที่จะมาปล้นความมั่งคั่งของคุณในช่วงวิกฤต
  • เขามองว่า ในตอนนี้ ยังไงก็ไม่มีใครหยุดพิมพ์เงิน
  • เขามองว่า แม้ราคาทองจะขึ้นมาเยอะแล้ว แต่ก็ยังนับว่าไม่แพง เมื่อเทียบกับ money supply ที่เพิ่มขึ้น
  • เขามองว่า พวกนายแบงค์(ธนาคารกลาง) เป็นพวกนักวิชาการที่ไม่เคยทำงานจริงๆ คนพวกนี้ไม่เคยต้องจ่ายตลาดเอง หรือทำงบดุลบัญชีบริษัทเอง เขามีแต่ความรู้ตามที่เขาเรียนมา ว่าถ้าทำแบบนี้ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร --- แต่พวกเขามองไม่เห็นหรอก ว่าผลข้างเคียง(unintended consequence) จากสิ่งที่พวกเขาทำลงไปจะมีอะไรบ้าง (Jim Rickards ก็พูดในทำนองนี้เหมือนกัน)
  • เนื่องจากเขามีบ้านที่เชียงใหม่ และเดินทางในเอเชีย เขาชี้ให้เห็นว่า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในเอเชีย สูงขึ้นเรื่อยๆๆๆๆ (ปกติแล้ว ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เป็นพื้นฐานของการเกิดกลียุค Marc Faber น่าจะมองเห็นอะไรบางอย่าง)

 

https://s3.amazonaws.com/cm-us-standard/audio/marc-faber-2012-3-16.mp3

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
  • เนื่องจากเขามีบ้านที่เชียงใหม่ และเดินทางในเอเชีย เขาชี้ให้เห็นว่า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในเอเชีย สูงขึ้นเรื่อยๆๆๆๆ (ปกติแล้ว ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เป็นพื้นฐานของการเกิดกลียุค Marc Faber น่าจะมองเห็นอะไรบางอย่าง)

https://s3.amazonaws.com/cm-us-standard/audio/marc-faber-2012-3-16.mp3

สิ่งนี้น่ากลัวมากและเหลื่อมล้ำอย่างเด่นชัดในจีน ส่วนตัวมองว่าจีนจะพังก็น่าจะพังจากปัญหานี้ละ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สมาพันธ์ผู้ค้าอัญมณีอินเดียปิดร้านประท้วงแผนขึ้นภาษีนำเข้าทองคำของรัฐบาล

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2555 13:36:23 น.

สมา พันธ์การค้าอัญมณีและเครื่องประดับของอินเดียได้หยุดดำเนินการทั่วประเทศ เป็นเวลา 2 วันตั้งแต่วานนี้ เพื่อประท้วงข้อเสนอในเรื่องบประมาณของรัฐบาลด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้า ทองคำแท่งมาตรฐาน เหรียญทองคำ และ พลาตินั่มอีก 2%

แถลงการณ์ ของสมาพันธ์ระบุว่า “ร้านอัญมณีและทุกสมาคมในอินเดียได้พร้อมใจกันปิดร้านตั้งแต่เมื่อวานนี้ ซึ่งอาจจะหยุดต่อไปในวันนี้และจนถึงวันพรุ่งนี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจร่วมกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อประท้วงแผนงบประมาณของรัฐบาล"emnb_1_370236.gif

นอก จากนี้ สมาพันธ์ยังระบุว่า “นี่เป็นการประท้วงการบังคับใช้ภาษีสรรพสามิตสำหรับทั้งอุตสาหกรรมในแผนงบ ประมาณประจำปี 2555 โดยภาคอุตสาหกรรมได้แสดงพลังไปถึงนายปรานาบ มุคเฮอร์จี รัฐมนตรีคลังอินเดีย ในเรื่องการค้าซึ่งการกำหนดสิ่งที่รัฐบาลเรียกว่ามาตรการควบคุม แต่ในความเป็นจริงได้สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมในระหว่างปี 2505-2535"

ทั้ง นี้ ผู้ผลิตอัญมณีของอินเดียได้วิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอของนายมุคเฮอร์จีในการปรับ ขึ้นภาษีพื้นฐานของทองคำแท่ง เหรียญทองคำ และ พลาตินั่ม โดยระบุว่า จะมีผลกระทบในเชิงลบต่ออุตสาหกรรมเครื่องประดับทองคำของอินเดียเนื่อง จากราคาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจะปรับตัวเพิ่มขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: ket@infoquest.co.th-

 

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ที่มา : อินโฟเควสท์

วันที่ : 17 มีนาคม 2555

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) โดยมีแรงกดดันจากข้อเสนอของอินดียในการเพิ่มภาษีนำเข้าทองคำ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลบ 3.70 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ที่ 1,655.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดลบ 12.2 เซนต์ หรือ 0.4% ที่ 32.604 ดอลลาร์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดอ่อนแรงลง 8.40 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ที่ 1,675.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดร่วง 8.20 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ที่ 701.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

การที่รัฐบาลอินเดียเสนองบประมาณที่มีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มภาษีนำเข้า ทองคำนั้นเป็นปัจจัยลบในตลาด หากงบประมาณของอินเดียมีผลบังคับใช้ ภาษีนำเข้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จาก 2% เป็น 4% สำหรับทองคำมาตรฐาน และจาก 5% เป็น 10% สำหรับทองคำที่ไม่มาตรฐาน

 

รัฐมนตรีคลังอินเดียระบุว่า การนำเข้าทองและโลหะมีค่าอื่นๆเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้อินเดียขาดดุล บัญชีเดินสะพัด ดังนั้น จึงมีการเสนอปรับขึ้นภาษีดังกล่าว

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า บรรยากาศที่ซบเซาในช่วงที่ผ่านมาในตลาดทองคำ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมุมมองบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และข่าวเกี่ยวกับอินเดีย ดูเหมือนได้บดบังปัจจัยหนุนราคาทอง เช่น ดอลลาร์ที่อ่อนค่าและราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตัวเลขเพิ่งออกครับ แต่มันขี้โกง ออกของสัปดาห์ที่แล้วให้เราดู คือเราเห็นย้อนหลัง 1 อาทิตย์ ว่างั้น

นี่แหละ ความยุติธรรมที่อเมริกาจัดให้ เป็นผู้วางกฏ จัดระเบียบการเงินโลก ต้องโปร่งใสแบบนี้แหละ

 

มี อีกหลายเรื่องที่ยุติธรรมสุดๆ เช่นเรื่อง position limit ที่ยังผลักดันกันไม่สำเร็จสักที เปิดโอกาสให้มันทุบราคาด้วยปริมาณไม่จำกัด เป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์สยองขวัญให้เห็นอยู่เนืองๆ ถ้าไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ลองนึกถึง คุณเล่นไพ่ในบ่อนแล้วเจอกับขาใหญ่ที่เล่นไม่หมดตัวสักที แถมวางเงินมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะได้กำไรกลับไป

 

อีกอัน ที่ผมเดาเอาเอง และเชื่อว่ามันทำแน่นอน คือมันมีข้อมูลปริมาณสัญญาของผู้เล่นในตลาดทั้งหมด โดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่าง COMEX

มี ประโยชน์อะไร ใครนึกไม่ออก ก็ลองนึกถึง คุณเข้าบ่อนเล่นไพ่ แล้วเจ้ามือรู้หมดว่า มีไพ่ใบไหนอยู่ในมือคุณและทุกคนในบ่อน เปรียบไปก็เหมือน TFEX บ้านเรา ที่เป็นตลาดกลางนั่นแหละ ถ้าคนดูแลตลาดคิดไม่ซื่อ ก็เสร็จแล้ว โยงข้อมูลตลาดกลางทั้งหมด เข้าระบบข้อมูลของขาใหญ่ แล้วใช้คอมพิวเตอร์คำนวณ ไม่ต้องคิดเองให้เมื่อย ดูว่าจะ Short หรือ Long ถึงจะได้กำไร และเมื่อไหร่ ถึงจะถึงเวลาทุบ เพราะทุกคนเก็บของหมดแล้ว

 

บางท่าน อาจไม่รู้จักขาใหญ่ ว่าจะใหญ่จริงหรือ เอา JP Morgan กับ Goldman Sach 2 เจ้านี้ก็พอจะการันตีความใหญ่ได้แล้ว แทรกซึมเข้าไปเป็นส่วนควบคุมอำนาจในทำเนียบขาวมานานแล้ว

 

เอ... ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย :32

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ที่ทำตอนนี้คือมีการพิมพ์เงินมาใช้ในระบบมากขึ้น เงินก็จะไร้ค่ามากขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนเงินที่พิมพ์เข้ามาใช้ในระบบ เหมือนกรณีที่1ที่มีชิปปลอมมาอยู่ในระบบสุดท้ายนำชิปไปแลกของได้ไม่เท่าเดิม(ตอนเริ่มเล่นแลก1ต่อ1 สุดท้ายมีชิปมากกว่าตอนเริ่มเล่น ต้องใช้ชิปมากกว่า1เพื่อแลก1)

แล้วตกลงใครได้ประโยชน์ครับ......

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
---การเบี้ยวหนี้ไม่มีผลทำให้เงินที่พิมพ์เพิ่มมาในระบบลดลง เงินกระดาษในระบบยังเท่าเดิม(ของเริ่มต้น+ที่พิมพ์เพิ่ม) ใครเบี้ยวใครก็ไม่มีผลต่อเงินกระดาษในระบบ

 

ชัดเจนดีครับ หายงงล่ะ

 

มันคงเป็นกรณี 1+2 ทั้งโกงทั้งเบี้ยว

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมขอมองต่างมุมนะครับ ผมเรียนมาสายวิทย์ สิ่งที่ผมมองอาจผิดทั้งหมดครับ

 

---ผมกับเพื่อนรวมกัน4มีเงินคนละ1ล้าน เล่นไพ่ด้วยกันเป็นเวลา1สัปดาห์โดยทุกคนเอาเงินสดไปแลกชิปทั้งหมดคนละ1ล้าน เมื่อครบกำหนด1สัปดาห์ใครเหลือชิปเท่าไหร่ก็ได้รับเงินไปตามนั้น ระหว่างเล่นผมจ้างคนไปปลอมชิปมาให้เหมือนชิปที่ใช้เล่น ชิปที่ทำมาเหมือนของเดิมทุกอย่าง เลิกเล่นปรากฎว่าชิปมี5ล้านแต่เงินสดมีแค่4ล้าน สุดท้ายททุกคนก็ต้องใช้ชิป5ส่วนแลกเงิน4ส่วนถึงจะลงตัว ตอนนี้หลายประเทศพิมพ์เงินเพิ่ม การพิมพ์เงินเพิ่มก็เหมือนมีชิปเพิ่มซึ่งสุดท้ายชิปก็ต้องแลกของกลับได้น้อยลง

 

---กรณีที่2 ผมกับเพื่อน4คนมีเงินคนละ1ล้านเหมือนเดิม เมื่อเลิกเล่นไพ่ผมเงินหมดกระเป๋าแถมเป็นหนี้เพื่อนคนละ5แสน เงินในระบบมีเท่าเดิมนะครับคือ4ล้าน

คราวนี้เรามาคุยเฉพาะเรื่องหนี้อย่างเดียวพอ ผมจนเพราะมีหนี้1.5ล้าน ส่วนเพื่อน3คนรวยเพราะเป็นเจ้าหนี้ผมคนละ5แสน ผมชักดาบเจ้าหนี้ทุกคน เจ้าหนี้จนลงทุกคนแล้วใครรวยขึ้นละ ก็ผมไงผมรวยเพิ่มขึ้น1.5ล้าน จากเป็นหนี้1.5ล้านรวยขึ้นทันที คือไม่เป็นหนี้แล้ว ผมชักดาบหรือไม่ชักดาบเงินในระบบยังอยู่เท่าเดิม ผมชักดาบแค่มีคนจนลงและก็ต้องมีคนรวยขึ้น

 

---การเบี้ยวหนี้ไม่มีผลทำให้เงินที่พิมพ์เพิ่มมาในระบบลดลง เงินกระดาษในระบบยังเท่าเดิม(ของเริ่มต้น+ที่พิมพ์เพิ่ม) ใครเบี้ยวใครก็ไม่มีผลต่อเงินกระดาษในระบบ

 

---ที่ทำตอนนี้คือมีการพิมพ์เงินมาใช้ในระบบมากขึ้น เงินก็จะไร้ค่ามากขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนเงินที่พิมพ์เข้ามาใช้ในระบบ เหมือนกรณีที่1ที่มีชิปปลอมมาอยู่ในระบบสุดท้ายนำชิปไปแลกของได้ไม่เท่าเดิม(ตอนเริ่มเล่นแลก1ต่อ1 สุดท้ายมีชิปมากกว่าตอนเริ่มเล่น ต้องใช้ชิปมากกว่า1เพื่อแลก1)

ไม่รู้จะคิดมากไปรึปล่าวนะครับ ผมว่าเงินในระบบ(ไม่เทียบเป็นหน่วยนะครับ ) ถ้าคุณส้มโอมือทำ(ชิปปลอม)แล้วเพื่อนอีก 3 คนทำเหมือนกัน สิ่งที่คิดว่าน่าเกิดขึ้น คือ 1.ค่าจ้างทำชิป 2. ค่าวัตถุดิบในการทำ ชิป ดังนั้นคิดว่าเงินคงไม่เหลือ ถึง 4 ล้าน จะลดลงมากน้อยแค่ไหนคงขึ้นอยู่กับแต่ละคน ทำชิปปลอมออกมาแค่ไหน เิงินที่มันละลายออกไป มันคงไม่สามารถทำให้มีอยู่เหมือนเดิมได้ (ผมคิดงั้นนะครับไม่รู้ผิดถูกอย่างไรเหมือนกาน :P )

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จริง ๆ แล้ว การเบี้ยวหนี้มันมีผลกะ money supply ที่เกิดจาก multiply ของเงินครับ

สมมติ มีคนสิบ แบ่งเป็นคนฝากเงิน 5 คนคือ นาย a b c d e กะ คนอยากกู้ 5 คน ก ข ค ง จ และมี 1 แบงค์ bank

เริ่มต้นเงิน 100 บาท อยู่ที่นาย a ทั้งหมด ดังนั้นนายเลยไปฝาก bank ทั้งหมด money supply = 100

 

bank ให้ นาย ก กู้ 90 บาท นาย ก ก็เอาไปซื้อของ นาย b พอนาย b ได้เงินมาจากการขายของให้นาย ก ก็เอาเงินฝาก bank now money supply เพิ่มเป็น 100+ 90 = 190 เห็นมั้ยครับเงินเพิ่มจากเหตุการณ์นี้ ทั้งๆ ที่มีเริ่มมีเงินแค่ 100 เหตุการณ์จากเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่มีหยุดครับ money supply ก็จะเพิ่มไปเรื่อย ๆ ครับ เงินเลยเล็กลงเรื่อย ๆ โดยที่ยังไม่มีการพิมพ์จากรัฐบาลด้วยครัย

 

แต่นะครับ ในวงจรแบบนี้มันยังไม่ใครเบี้ยวใครนะครับ ( เพราะมันจำลองเหตุการณ์ตามอุดมคติ) ถ้าเบี้ยวกันเมื่อไร วงจรจะเกิดขาดทำให้ money supply ไม่ multiply ตามอุดมคติแบบนี้ครับ เงินหายแน่ครับ

 

อาจอธิบายไม่ดีครับ แต่ค่อนข้างมั่นใจว่า การเบี้ยวทำเงินหายแน่ครับ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วงจรที่ดีทางเศรษฐกิจคือ นาย bank ต้องเป็นคนดูว่าควรปล่อยกู้ให้ใคร แล้วไม่ถูกเบี้ยว อันนี้เข้าใจกันหมดนะครับ

 

ดังนั้นเวลาเกิดช่วง เศรษฐกิจตกต่ำ bank ก็ไม่ปล่อยกู้ครับ เพราะกลัวคนเบี้ยวครับ ทุกสิ่งก็จะแย่ลง วิธีการแก้แบบพวก เคนเซียส เลยเสนอว่าให้รัฐบาลเป็นผู้กู้สิ เครดิตดี และทำหน้าที่แทนผู้กู้เอกชนชั่วคราว multiply money ก็ทำงานปกติครับ แต่ นะครับ

 

วันนี้เกิดขึ้นแล้วคือรัฐบาลก็เบียวหนี้ซะแล้วครับ พอรัฐบาลเบี้ยวมันก็เกิดความเสียหายเหมือน เอกชนเบี้ยวแหละครับ เพราะรัฐบาลมาทำหน้าที่แทนเอกชน ครับ ยังไงก็เกิดผลเสียกะmoney supple แน่นอนครับ วิธีการแก้ของ ยุโรปคือไงครับ พิมพ์เงินสิครับ แต่ยิงตรงไปที่ธนาคารในรูป คล้ายๆ soft loan คือใครเสียหายจากการเบี้ยวของรัฐบาลกรีซ ก็มากู้เงินถูก ๆ ที่พึ่งพิมพ์มานี่ซะ ดังนั้น คล้ายๆ ecb ทำหน้าที่คล้าย ผู้ให้กู้รายสุดท้ายครับ

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เขียนเอง อ่านเอง ยังงงครับ ผมอธิบายได้ห่วยมากเลยครับ

 

สรุปในความเห็นผมนะครับ คล้าย MA คือ ความเสียหายจากการเบี้ยวหนี้มีจริง มีผลต่อปริมาณเงินในระบบครับ วิธีการแก้ของเค้าคือพิมพ์เงินครับ โดย ma ให้ความเห็นว่าพิมพ์ไงก็ไม่พอ ต่อการลดลงของเงินที่เกิดจากความเสียหายของการเบี้ยวหนี้ครับ ดังนั้นเค้าเลยบอกว่าจะเกิด deflation ครับ

 

แต่สำหรับผม ผมว่าจะพิมพ์ทันหรือไม่ ผมไม่สนล่ะครับ ผมก็ถือทองแหละครับ คือไม่เอาด้วยกะพวกพี่แก่นะครับ ง่ายนี่ครับ รายได้ไม่พอจ่ายก็เบี้ยวหนี้ แล้วก็ต่อด้วยพิมพ์เงินใหม่

 

คือ ผมปฏิเสธการบริหารการเงินแบบนี้ครับ โดยกลับไปหาเงินที่พิมพ์ไม่ได้ดีกว่าครับ

ถูกแก้ไข โดย magnataur

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จริง ๆ แล้ว การเบี้ยวหนี้มันมีผลกะ money supply ที่เกิดจาก multiply ของเงินครับ

สมมติ มีคนสิบ แบ่งเป็นคนฝากเงิน 5 คนคือ นาย a b c d e กะ คนอยากกู้ 5 คน ก ข ค ง จ และมี 1 แบงค์ bank

เริ่มต้นเงิน 100 บาท อยู่ที่นาย a ทั้งหมด ดังนั้นนายเลยไปฝาก bank ทั้งหมด money supply = 100

 

bank ให้ นาย ก กู้ 90 บาท นาย ก ก็เอาไปซื้อของ นาย b พอนาย b ได้เงินมาจากการขายของให้นาย ก ก็เอาเงินฝาก bank now money supply เพิ่มเป็น 100+ 90 = 190 เห็นมั้ยครับเงินเพิ่มจากเหตุการณ์นี้ ทั้งๆ ที่มีเริ่มมีเงินแค่ 100 เหตุการณ์จากเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่มีหยุดครับ money supply ก็จะเพิ่มไปเรื่อย ๆ ครับ เงินเลยเล็กลงเรื่อย ๆ โดยที่ยังไม่มีการพิมพ์จากรัฐบาลด้วยครัย

 

แต่นะครับ ในวงจรแบบนี้มันยังไม่ใครเบี้ยวใครนะครับ ( เพราะมันจำลองเหตุการณ์ตามอุดมคติ) ถ้าเบี้ยวกันเมื่อไร วงจรจะเกิดขาดทำให้ money supply ไม่ multiply ตามอุดมคติแบบนี้ครับ เงินหายแน่ครับ

 

อาจอธิบายไม่ดีครับ แต่ค่อนข้างมั่นใจว่า การเบี้ยวทำเงินหายแน่ครับ

 

money supply = 100 ให้กู้ไป 90 ก้อเหลือ 10 ก่อน ใช่ปะ

 

เอามาฝาก ก้อค่อยบวกอีกที

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

money supply = 100 ให้กู้ไป 90 ก้อเหลือ 10 ก่อน ใช่ปะ

 

เอามาฝาก ก้อค่อยบวกอีกที

 

ไม่ใช่ครับ อันนั้นมันคือฐานะการเงินของธนาคารครับ คือได้ เงินฝากมา 100 ปล่อยกู้ไป 90 เฟลือเงิน 10

 

money supply คือ เงินที่มีในระบบครับ ในที่นี้หมายถึง เงินสดบวกเงินในธนาคารที่เป็นบัญชีเงินฝาก ครับ ลองคิดว่าไปธนาคารรับเงินฝากและไปปล่อยกู้ให้คนที่ 10 แล้วสิครับ คนที่ฝากเงินก็จะมี บัญชีเงืนฝากอยู่นะครับ

 

ตัวอย่างนะครับ

รอบแรก ฝาก 100 ปล่อย 90

รอบสอง ฝาก 90 ปล่อย 81

รอบสาม ฝาก 81 ปล่แย 73

รอบสี่ ฝาก 73 ปล่อย 67

รอบฟ้า ฝาก 67 ปล่อย 61

 

จะเห็นว่า ยิ่งทำหลายรอบ บัญชีเงินฝากก็ยิ่งเยอะขึ้นครับ 100 + 90 + 81 + 73 + 67 + ....

 

ทั้งๆ ที่เริ่มต้นมี มีนาย a มีเงินสดแค่ 100 เดียวครับ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...