ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

“มูดีส์” ปรับความน่าเชื่อถือพันธบัตรสหรัฐฯ กลับสู่ภาวะ “เสถียร” ยืนยันเรตติ้ง AAA blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กรกฎาคม 2556 10:45 น.

 

 

blank.gif blank.gif 556000009315301.JPEG blank.gif

เอเอฟพี - สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ (Moody's) ปรับเพิ่มความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จาก “ลบ” กลับมาสู่ระดับ “เสถียร” แล้วเมื่อวานนี้(18) โดยอ้างถึงพัฒนาการเชิงบวกของสหรัฐฯในการแก้ไขปัญหาขาดดุลงบประมาณ เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนทางการคลัง

 

ถ้อยแถลงจากมูดีส์ ระบุว่า ทางสถาบัน “ได้ปรับแนวโน้มความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มาสู่ระดับ “มีเสถียรภาพ” หลังจากที่อยู่ในขั้น “ลบ” มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2011” พร้อมกับยืนยันเครดิตเรตติ้งของสหรัฐฯในระดับสูงสุด AAA

 

มูดีส์ ชี้ว่า การปรับเพิ่มความน่าเชื่อถือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มโครงสร้างหนี้ ของสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง และจัดอยู่ในภาวะเสถียรได้ ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้เมื่อปี 2011

 

“ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯลดลง และคาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องไปตลอด 2-3 ปีข้างหน้า... นอกจากนี้ แม้เศรษฐกิจจะเติบโตในอัตราที่ไม่หวือหวานัก แต่ถือว่าดีกว่าประเทศอื่นๆในกลุ่มเรตติ้ง AAA และยังสามารถต้านทานแรงกดดันจากมาตรการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นได้” มูดีส์ แถลง

 

จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ มูดีส์ เชื่อว่า สัดส่วนหนี้สินต่อจีดีพีของสหรัฐฯ จะลดลงอย่างชัดเจนในปี 2018 เร็วกว่าที่ มูดีส์ ประเมินไว้ขณะปรับลดภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน

 

อย่างไรก็ดี รัฐบาลสหรัฐฯควรให้ความจริงจังกับมาตรการลดรายจ่าย เพื่อป้องกันมิให้ระดับหนี้สินพอกพูนขึ้นในระยะยาว

 

การปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจครั้งนี้มีขึ้น หลังจากที่สำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรส (ซีบีโอ) ออกมาระบุว่า ระดับการขาดดุลงบประมาณในปี 2013 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนกันยายน จะลดลงเหลือ 4.0% ของจีดีพี เมื่อเทียบกับ 7.0% ในปีที่แล้ว

 

สหรัฐฯ เคยประสบภาวะขาดดุลงบประมาณสูงสุดถึง 10.1% ของจีดีพี ในปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลพยายามฉุดประเทศให้พ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (Great Recession)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้านโยบายนี้มาถึงรัฐสารขันเมื่อไหร่ จะรีบไปกินให้บวม(กว่าเดิม) แล้วลดน้ำหนักรอรับของ

 

:53

  • ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๑๖ ส.ค. ... ทุกๆ ๑ กิโลกรัมที่คุณลดน้ำหนักได้ รับทองคำจากรัฐบาลดูไบไปเลย ๑ กรัม (ประมาณ ๔๐ เหรียญสหรัฐ -- เริ่มต้นแจกทองเมื่อลดได้อย่างต่ำ ๒ กิโล)
  • คนที่ลดน้ำหนักได้สูงสุดสามคนแรก รับทองคำมูลค่า ๕๔๐๐ เหรียญสหรัฐ

http://www.zerohedge...our-weight-gold

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทความจากThanong Fanclub

 

อันว่าด้วยสงครามระหว่างสหรัฐ vs จีน

Thanong Fanclub

18 ชั่วโมงที่แล้ว

อันว่าด้วยสงครามระหว่างสหรัฐ vs จีน

 

ขณะนี้ โอกาสของการเกิดสงครามระหว่างสองขั้วมหาอำนาจคือสหรัฐฯและจีนเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

มันเป็นวัฏฏะของโลกอยู่แล้ว พอเกิดสงครามการเงิน (ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ผ่านการทำQE) จะเกิดสงครามเศรษฐกิจตามมา (การกีดกันทางการค้า การบอยคอตต์รูปแบบต่างๆ การขึ้นภาษีล้างแค้นกัน) ท้ายที่สุดนำมาสู่สงครามจริงๆ เพื่อที่จะตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะ

 

ทั้งจีนและสหรัฐฯกำลังเตรียมการทำสงครามกันอย่างเต็มอัตราศึก เวทีสงครามโลกกำลังถูกย้ายจากตะวันออกกลางมาเอเซีย

 

โดยที่ผู้ชนะจะเห็นคนเขียนกฎกติกาของโลก จะเอาอะไรก็ได้ แล้วให้ทุกประเทศทำตาม เหมือนกับการที่กลุ่มแองโกลอเมริกันได้ทำไว้กับโลก

 

แต่ระบบโลกที่สร้างขึ้นมาโดยพวกแองโกลอเมริกันตั้งแต่ศตวรรษที่19 ต่อเนื่องมาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยชูโรงให้สหรัฐฯเป็นมหาอำนาจของโลกแต่ผู้เดียวกำลังอ่อนเปลี้ยลง

 

จุดสุดยอดของระบบนี้ คือ

 

1.ในทางการเงิน อยู่ที่สามารถให้ลุงเบน ประธานเฟดชี้เป็นชี้ตายเรื่องดอกเบี้ย สภาพคล่อง money supply วัฎจักรของธุระกิจได้ โดยมีWorld Bank, IMF, Bank for International Settlements คุมระบบการเงินระหว่างประเทศอีกที ให้ระบบโลกหมุนตามเซ็นเตอร์ นิวยอร์คและลอนดอน

 

2. ในทางตลาดแบงค์ยักษ์และโบรกเก้อของกลุ่มนี้คุม การค้าเงินเทรดกันวันละสี่ล้านล้านเหรียญ ค้าหุ้น พันธบัตร น้ำมัน อนุพันธ์ ทอง สินค้าบริโภคภัณฑ์ต่างๆ

 

3. บริษัท อุตสาหกรรมหลักๆของโลก เช่น น้ำมัน ยา อาวุธ พวกนี้ก็เป็นเข้าของหมด

 

4. ในทางเศรษฐกิจ กลุ่มG3 คือสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นคุมหมด

 

5. ในทางการเมือง สามารถให้ UNชี้เป็นชี้ตาย จะบุก จะยึด จะลงโทษประเทศอะไรก็ได้ที่ขัดประโยชน์กลุ่มแองโกล อเมริกัน

 

6. ทางการทหาร กองทัพสหรัฐฯเกรียงไกรสุด โดยมีนาโต้เป็นพันธมิตร จะเข้าไปยึดประเทศอะไรก็ได้ ตะวันออกกลางและแอฟริกากำลังรับกรรมหนัก เอเชียบ้านเรา รายต่อไป

 

7.ทางสื่อ ซีเอ็นเอ็น บีบีซี สำนักข่าวต่างประเทศ ฮอลลี่วู๊ด

 

จะเห็นชัดว่าระบบโลกปัจจุบันเป็นระบบเผด็จการ แต่โฆษณาชวนเชื่อให้เรารู้สึกว่าโลกเรากำลังดำเนินไปอย่าง

 

1. เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน

2. ประชาธิปไตย

3.ระบบตลาดเสรี โปร่งใส

4. โลกาภิวัฒน์

5. ความร่ำรวย โดยหารู้ไม่ว่าเป็นแค่ความรวยชั่วราวเพราะว่าระบบนี้จะทำลายเมื่อใดก็ได้

 

แต่เราถูกครอบงำจนมีสมองเหมือนกิ้งกือ lizard brainเหมือนอย่างที่ Terry Burnhamบอก ใ้ห้สนใจแต่การเอาตัวรอดอย่างเดียว เห็นเฉพาะในสิ่งที่เขาอยากให้เราเห็น

 

คิดต่อก็ไม่ได้เพราะระบบการศึกษาเป็นการล้างสมองที่แยบยล คือให้เห็นว่าเราล้าหลัง เขาเจริญ ถ้าอยากเจริญอยากรวยเร็ว ต้องทำตามแบบเขาและทำลายขนบธรรมเนียมเดิม หรือจารีตประเพณีของสังคมตนเอง พอเป็นอย่างนี้ไปนานๆ เวลาประเ?สพัง เราก็จะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นไหม่อย่างไร เพราะทำลายระบบเดิม หรือรากเหง้าหมด

 

อย่างไรก็ดี ระบบที่ครอบงำเรามานานแสนนานนี้ กำลังจะพัง ดูได้ที่ลุงเบนอย่างเดียว ว่าจะเอาดอกเบี้ยอยู่หรือไม่อยู่ เอาไม่อยู่ดอลล่าร์จะไป

 

เป็นระบบที่ผูกทุกอย่างไว้กับเงิน คือดอลล่าร์ ที่กลายเป็นพระเจ้าองค์ใหม่ของมวลมนุษยชาติที่เริ่มมีสมองเป็นกิ๊งกือ

 

แต่ถ้าเงินพัง ทุกอย่างจะเดินต่อไม่ได้ เพราะเงินไม่มา งานไม่เดิน

 

จีนรู้ดีว่าเกมตัดสินชะตากรรมกำลังจะมา

(2) จีนไม่เสน่หาสหรัฐฯ แต่ทำไมกลับมาตะลุยซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ?

 

ดังได้กล่าวมาแล้วว่าทั้งสหรัฐฯและจีนกำลังเตรียมทำสงครามกันอย่างเต็มพิกัด เป็นสงครามที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นคนเขียนระเบียบโลกใหม่ ส่วนผู้แพ้จะถูกกินเมือง

 

แต่ในเดือนพฤษาคมที่ผ่านมา จีนกลับตะลุยซื้อพันธบัตรสหรัฐฯเพิ่ม2% รวมถือทั้งหมดตอนนี้$1.32ล้านล้าน ที่ถือพอๆกันคือญี่ปุ่น ประมาณ$1ล้านล้านกว่า จากพันธบัตรสหรัฐฯที่ออกมาทั้งหมด$11.9ล้านล้าน

 

แต่จีนและญี่ปุ่นถือพันธบัตรสหรัฐฯด้วยเหตุผลที่ต่างกัน

 

ญี่ปุ่นไม่มีทางเลือก รายได้ที่เกินดุลมาต้องไปถือพันธบัตรสหรัฐฯทั้งที่ให้ผลตอบแทนต่ำเตี้ยติด ดิน ที่บอกว่าเงินดอลล่าร์ยังมั่นคงที่สุดและยังคงเป็นสกุลหลักของโลกอีกนาน ก็เป็นเพียงการสร้างภาพ หรือเป็นเรื่องในอดีต

 

แต่ปัจจุบันคือญี่ปุ่นไม่มีทางเลือก ต้องช่วยพยุงดอลล่าร์อีกแรง เพื่อแลกเปลี่ยนความคุ้มครองทางความมั่นคงและทางทหาร ญี่ปุ่นอ่อนแอมากจากกาโจมตีของเกาหลีเหนือ หรือแม้กระทั่งจีน โตเกียวปกป้องตัวเองไม่ได้

 

ญี่ปุ่นเป็นอาณานิคมของสหรัฐฯตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่2 ตอนนี้ยังสลัดไม่ออก โดนคุมทางทหารจนเป็นง่อย ว่าจะรู้ตัว เพื่อนบ้านที่เคยเป็นศัตรูกัน โดยเฉพาะจีน เกาหลีต่างเข้มแข็งขึ้นมาก

 

แต่ถ้าการคลังญี่ปุ่นล้ม เห็นที่ญี่ปุ่นจำต้องขายพันธบัตรสหรัฐฯเพื่อมาอุดบ้านตัวเอง

 

ส่วนจีนเหมือนกับประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยถือพันธบัตรสหรัฐฯ เพราะเป็นสกุลหลัก ไว้ค้าขายแลกเปลี่ยน แต่มาวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว มันเป็นภาวะสงคราม จีนอาจจะผ่องพันธบัตรดอลล่าร์ออกไปแล้ว โดยสว๊อปเป็นทรัพย์สินอื่นเช่น ทองหรือน้ำมัน เราไม่ทราบได้

 

ในขณะเดียวกัน ถ้าจะทำลายสหรัฐฯ จีนก็ต้องตีที่ตลาดบอนด์นี้ ดอกกำลังขยับขึ้น ตลาดบอนด์หรือพันธบัตรสหรัฐฯทุกคนรู้ดีว่าเป็นลูกโป่ง เพราะถูกดอกเบี้ย0%ของเฟดกดเอาอยู่ ถ้าเฟดไม่กดดอกเบี้ยพันธบัตร10ปีน่าจะอยู่ที่ 4% หรือ6% ถ้าเอาค่าเฉี่ย200ปีตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณะรัฐ

 

ถ้าดอกขึ้นพรวดพราด ตลาดพันธบัตรจะพัง นักลงทุนจะขาดทุนมากมาย Bank for International Settlements ออกมาบอกแล้วว่าผู้ลงทุนบอนด์อาจขาดทุน$1ล้านล้าน เมื่อราคาตกรุนแรง

 

ในเมื่อจีนเป็นผู้ถือบอนด์สหรัฐฯมากที่สุด เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุด ในแง่ยุทธวิธี ต้องถือบอนด์สหรัฐฯให้มากที่สุด ดูเผินๆเป็นการช่วยสหรัฐฯ คนไม่เข้าใจก็จะบอกว่าจีนไม่มีทางเลือกในการเก็บเงินที่ได้เกินดุลจากการขาย ของ แต่เมื่อจะต้องรบกัน การถือบอนด์สหรัฐฯเยอะแล้ว ดัมล์ทีเดียว จะสร้างความเสียหายให้การเงินสหรัฐฯได้มาก

 

กลับมาที่วลีเด็ดของเฟสบุ๊คนี้ ถือเพื่อรอวันทำลาย

America's recovery and continuing woes in Europe cited as reason

 

China, the biggest creditor to the United States, increased its holdings of US Treasury bonds by 2 percent in May to $1.32 trillion, even as foreign demand for the bonds fell for a second consecutive month, according to the US Treasury.

 

China had increased its holdings of US bonds by 1.6 percent in April, which was revised higher after an initially 0.4 percent drop. Japan, the second-largest buyer, trimmed its holdings 0.2 percent to $1.11 trillion in May.

http://usa.chinadaily.com.cn/epaper/2013-07/17/content_16787441.htm

(3) สหรัฐฯรู้ตัวดีว่าพลาดไปแล้ว กำลังเพลี้ยงพล้ำอยู่

 

 

 

สหรัฐฯรู้ตัวดีว่ากำลังเพลี้ยงพล้ำจีนอยู่ ตอนนี้สหรัฐฯล้มไปแล้ว คือล้มเมื่อปี2008 ยังลุกไม่ขึ้น และไม่มีวันลุกขึ้น ถ้าไม่มีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ระบบการเงินอย่างยกเครื่อง แต่การทำเช่นนั้น จีนและกลุ่มบริกส์อื่นๆจะเข้าไปซื้อ ควบรวมกิจการทุกอย่างในสหรัฐฯ เพราะเป็นเศรษฐีใหม่ มีเงินมาก

 

เช่นจีนมีเงินสำรองระหว่างประเทศกว่า$3ล้านล้าน เล่นลวดลายทางการเงินกู้10ต่อหนึ่งก็มีพลังซื้อแล้วอย่างน้อย$30ล้านล้าน จะซื้ออะไรก็ได้ในสหรัฐฯที่มีจีดีพี$16ล้านล้าน

 

หลัง2008 Freddie Macและ Fannie Mae ธนาคารบ้านเอื้อาทรของสหรัฐฯล้ม บอนด์ที่ออกเจ้ง ไม่มีเงินจ่าย ถือเป็นบอนด์เกรดดีagency debt จีนถือบอนด์ของสองธนาคารบ้านเอื้อาทรนี้มาก กำลังจะโดนเบี้ยวหนี้ จีนไม่ยอม ขู่ว่าจะบังคับคดี แปลงบอนด์เป็นบ้าน หรืออสังหาฯของสหรัฐฯ จีนจะเป็นเจ้าของบ้านรายใหญ่สุดของสหรัฐฯทันที

 

Timothy Geitherรมว คลังเลยต้องอุ้ม ท้ายที่สุดทางการใช้เงิน$317,000ล้านอุ้มธนาคารบ้านเอื้ออาทรนี้

 

ผู้กุมอำนาจเบื้องหลังของสหรัฐฯ ยอมไม่ได้ให้จีนหรือพวกบริกส์เข้าไปยึดอเมริกา ถึงได้สั่งให้เฟดUS Federal Reserveพิมพ์เงินผ่านQEเข้าไปอุ้มระบบการเงิน ตลาดหุ้นตลาดบอนด์ ดอกเบี้ยไม่ให้ล้ม ทุกอย่างเป็นการปั่นmanipulationของเฟดทั้งหมด

 

ลุงเบนจึงเหมือนเป็นผู้กุมชะตากรรมของสหรัฐฯตอนนี้ ช่วงวิกฤติพิมพ์ช่วยสภาพคล่องระบบแบงค์ในเครือทั่วโลก$16ล้านล้าน เท่ากับจีดีพีสหรัฐฯเลย ไม่รู้เอาอำนาจเทียบเท่าพระเจ้ามาจากใหน

 

ตอนนี้ในบัญชีเฟดพิมพ์ไปแล้วเกือบ$3ล้านล้าน เพื่อประวิงเวลา

 

จีนยืนคุมเชิงดูอยู่ ว่าลุงเบนจะอุ้มฟองสบู่และหนี้เน่าในสถาบันการเงินไปได้อีกกี่น้ำ

 

ก่อนที่ลุงเบนจะล้มจากฟองสบู่แตก จีนรู้ดีว่าตัวเอง หรือไม่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะโดนโซ้ย เพื่อเบี่ยงเบนสถานการณ์

http://www.cnsnews.com/news/article/true-cost-fannie-freddie-bailouts-317-billion-cbo-says

(4) วันที่จีนดัมล์บอนด์สหรัฐ หรือวันที่ลอยเงินหยวน เกิดเรื่องแน่

 

แล้วอะไรที่จะเป็นจุดปะทุให้เกิดสงคราม ระหว่างมหาอำนาจสองยักษ์ใหญ่ ถึงตอนนี้อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น จะเป็นเหตุบังเอิญ จะเป็นเหตุเล็กๆไม่เป็นเรื่อง หรือจะเป็นการสร้างเรื่อง flase flag ก็เกิดได้ทั้งนั้น แล้วจะปานปลายกลายเป็นสงครามที่ประเทศเล็กประเทศน้อยต้องโดนหางเลขซวยไปด้วย

 

อย่าลืมนะว่าจีนมีตำราพิชัยยุทธ The Art of War ทั้งซุนวู ทั้งสามก๊กท่องกันจนขึ้นหัวสมองกันทุกคนในระดับผู้บริหารประเทศ

 

หัวใจของทั้งสามก๊กและซุนวูคือ รบอย่างไรก็ได้ ขอให้ชนะก็พอ และการรบเพื่อชัยชนะที่ดีที่สุดคือการไม่ต้องออกแรงรบเลย

 

แต่นั้นหมายความว่าเล่กลอุบายต้องเพียบ ชั้นเชิงต้องแพรวพราว และที่สำคัญกำลังทหาร อาวุธและเทคโนโลยี่ต้องพร้อมและเข้มแข็ง ความอดทนสูง ถึงจะรบชนะ

 

จีนได้เปรียบตอนนี้ เพราะเวลาเป็นของจีน ถ้าปล่อยให้เวลาเดินไปโดยวิถีของมัน ถึงจุดๆหนึ่งตลาดการเงินและตลาดทุนสหรัฐฯที่เป็นฟองสบู่ลูกใหญ่แตก สหรัฐฯจะเจอปัญหารการเมือง สังคมภายในเอง โดยที่จีนหรือประเทศที่เป็นปรปักษ์เช้น รัสเซีย ไม่ต้องลงมือลงแรงทำอะไรเลย

 

นั่งคอยขอบสนาม พอปั่นป่วน ราคาของถูกสุดๆ เข้าไปช๊อปปิ๊งสบาย

 

จีนจะชนะโดยที่ไม่ต้องรบ

 

แต่ของจริงไม่ง่ายอย่างนั้น อย่างที่บอกในโดสท์ที่แล้ว ถ้าลุงเบนเอาดอกเบี้ยไม่อยู่ ตลาดการเงินพัง มีโอกาสเกิดสงครามสูง

 

จีนก็คงจะไม่เกาะดอลล่าร์ หรือพันธบัตรสหรัฐฯจนตัวเองพังเหมือนกันไปด้วย ได้จังหวะจีนก็ต้องทิ้งบอนด์สหรัฐฯ ยอมเจ็บตัว ตัดหนี้สูญ แล้วลอยค่าหยวนเพื่อแข่งรัศมีดอลล่าร์

 

จีนจะเป็นมหาอำนาจไม่ได้ ถ้าไม่ลอยหยวน พิมพ์เงินออกมาแข่ง ใครดีใครอยู่

 

และถ้าจีนทำเช่นนั้น แน่นอนต้องโดนซัดแน่ๆ

(5) จีนตั้งระเบียบโลกใหม่แข่งแองโกล-อเมริกัน

 

จีนใช้เวลาแค่30กว่าปีสร้างตัวเองเป็นมหาอำนาจของโลก นับตั้งแต่เติ้ง เสี่ยวผิงตัดสินใจเปิดประเทศเอาระบบทุนนิยมการผลิตมาใช้ตั้งแต่ปี1979 จีนพัฒนาอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด แต่ระบบการเมืองจีนยังคงเป็นแบบคอมมิวนิสต์ พรรคเดียว ไม่งั้นคุม1,300ล้านคนไม่ได้ ถ้าจีนเป็นประชาธิปไตย จะมาไม่ถึงวันนี้

 

จีนสร้างตัวเองจากประเทศเกษตรยากจน จนเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกได้ เศรษฐกิจจีนใหญ๋เป็นอันดับสองของโลก แซงหน้าญี่ปุ่นไปแล้วขณะนี้กำลังไล่กวดสหรัฐฯอยู่ จีนกลายเป็น โรงงานผลิตของโลก ของเกือบทุกชนิด แทบจะ Made in Chinaหมด จีนเป็นหัวใจสำคัญของระบบsupply chainของโลก

 

ภายในปี2019จีนบอกว่าเศรษฐกิจจีนจะใหญ่กว่าอเมริกา และภายใน30ปีจีนจะมีอิทธิพลเนือระบบโลก

 

คำถามง่ายๆ แล้วอเมริกาจะยอมให้จีนแซงหน้าไหม คำตอบมันแน่นอนอยู่แล้วว่ายอมไม่ได้ ใครก็ตามเมือมีอำนาจแล้ว มักไม่ยอมสูญเสียอำนาจนั้นไปง่ายๆ

 

จีนรู้ว่าถ้าขึ้นมาเป็นใหญ่ จะโดนถล่ม แต่ชะตากรรมนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ จีนเตรียมความร่วมมือระดับนานาประเทศหลักๆ สองเวทีคือ

 

1. กลุ่มบริกส์Brazil, Russia, India, China, South Africa

2. กลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ็ Shanghai Economic Cooperation

 

แต่อย่างไรเสีย จีนก็ต้องพึ่งตัวเองในการต่อกรกับระบบปัจจุบัน คุมโดยพวกแองโกล อเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องระบบการเงิน เรื่องเงินหยวน ถ้าเรื่องนี้ไปไม่ได้ ทุกอย่างก็พัง

 

จีนแอบตุนทองอยู่ เพื่อรองรับการลอยตัวของหยวน พวกที่ฮ่องกงบอกว่าจีนอาจจะมีทองคำสำรองแล้ว4,000-8,000ตัน มากกว่าประมาณ1,000ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการมาก บางกระแสบอกว่าจีนมีถึง10,000ตันแล้ว เพราะเริ่มสะสมหลังปี2008 เพราะจีนรู้ดีว่าดอลล่าร์ไปไม่รอด

 

เมื่อได้จังหวะจีนจะลอยหยวน แน่นอนตอนนั้นหยวนจะแข็ง มีค่าเป็นเงินสกุลหลักที่ใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศได้ หลายคนบอกว่าเงินแข็งจีนจะส่งออกไม่ได้ แต่ถึงตอนนั้น จีนอาจจะไม่สนใจส่งออกเหมือนอเมริกาตอนนี้ เพราะค่าเงินแข็ง พิมพ์เองได้ สามารถลุยซื้อทรัพย์สิน ควบรวมกิจการได้

 

ใช้หยวนแข็งพิมพ์เองกับมือเพื่อซื้อของ กับใช้หยวนอ่อนๆ แล้วต้องผลตแทบตาย เหงื่อตก น้ำตาแทบกระเด็น จะเอายังไง

 

สหรัฐฯใช้วิธีหลังมาตลอดคือพิมพ์เงิน เพื่อบริโภค คราวนี้อาจเจอย้อนศร

 

China says economy will overtake US by 2019

 

China will overtake the United States economically within six years, an official research institute predicts, and go on to become the world's most important country in three decades more, state media said Wednesday.

http://www.facebook.com/l.php?u=http%3A%2F%2Fwww.telegraph.co.uk%2Ffinance%2Fchina-business%2F9789699%2FChina-says-economy-will-overtake-US-by-2019.html&h=rAQFsF4Nw&s=1

Thanong Fanclub ได้แชร์ลิงก์

5 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Bangkok

จีนเตรียมทิ้งดอลล่าร์ พิมพ์หยวนอิงทองคำ

 

รายงานข่าวจากสื่อรัสเซียแจ้งว่า ธนาคารกลางจีนเตรียมเลิกใช้ดอลล่าร์ในการอ้างอิงเงินหยวน แต่จะใช้ทองคำแทน

 

พูดง่ายๆ จีนเตรียมทิ้งดอลล่าร์ และใช้ระบบมาตรฐานทองคำ ถ้าเป็นจริงระบบการเงินโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ

 

ขณะนี้เงินหยวนผูกกับดอลล่าร์เหมือนล๊อคกุญแจมือด้วยกัน อัตราแลกเปลี่ยนที่6หยวนกว่าๆต่อดอลล่าร์

 

การที่จีนจะทิ้งดอลล่าร์ โดยจะกลับไปใช้ทองคำอ้างอิงแทน แสดงว่าจีนต้องการโชว์ศักยภาพว่าสามารถยืนอยู่บนขาของตัวเองได้

 

จีนตอบโต้QEของสหรัฐฯที่พิมพ์เงินออกมาเปล่าๆใช้หนี้ ทำให้ค่าเงินเสื่อม คนที่ถือดอลล่าร์ในที่สุดจะเจ็บตัว

 

และเนื่องจากทั้งคู่เตรียมทำสงครามกันอยู่แล้ว จีนก็คงจะไม่อุดหนุนพันธบัตรสหรัฐฯ เพื่อว่าสหรัฐฯจะเอาเงินนั้นกลับมาถล่มจีนผ่านแสนยานุภาพทางทหาร

 

 

 

China reportedly planning to back the yuan with gold

http://rbth.asia/business/2013/07/17/china_reportedly_planning_to_back_the_yuan_with_gold_47997.html

 

https://www.facebook.com/groups/135029796643588/295584763921423/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ"

 

 

แล้วหญ้าแพรกอย่างเราจะเอาไงดีเนี่ย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub ได้แชร์ลิงก์

8 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Bangkok

วิกฤติการเงินโลกรอบ2กำลังจะเกิดขึ้น ช่วงครึ่งหลังของปีนี้

 

จากรายงานของGlobalEurope Anticipation Bulletin เมื่อเดือนที่แล้วระบุว่า ระบบการเงินสหรัฐฯและโลกตะวันตกล่มสลายลงเมื่อปี2008 แต่หลังจากนั้นมา5ปีแล้ว ไม่ได้มีการปฏิรูปโครงสร้างอะไร เพราะว่ามีการอุ้มแบงค์ใหญ่ ซุกหนี้ใต้พรม ทำให้สามารถซ่อนปัญหาที่หนักหน่วงได้ชั่วคราวคือ การลดอันดับความน่าเชื่อถือ มาตรฐานการครองชีพที่ต้องต่ำลงไป ความจำเป็นของการล้างระบบศรษฐกิจ การว่างงาน และจุดเริ่มต้นของการจราจลทางสังคม

 

วิกฤติการเงินโลกรอบ2 กำลังจะตามมาและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ศูนย์กลางของวิกฤติจะอยู่ที่สหรัฐฯ เพราะปัญหาเริ่มที่สหรัฐฯที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาอย่างถูกต้อง

 

กลับเป็นว่าผู้ที่กุมอำนาจในการแก้ปัญหาทั้งหมดคือพวกนายธนาคารกลาง หรือUS Federal Reserve แต่การแก้ปัญหาด้วยการพิมพ์เงินทำให้เหมือน การราดน้ำมันเข้ากองไฟ ที่เหลือก็ตัวใครตัวมัน สหรัฐฯซึ่งเป็นเสาหลักของโลกไม่ยอมเผชิญหน้ากับความเป็นจริง โดยมีญี่ปุ่นและอังกฤษคอยสนับสนุนอยู่ (แก๊งพิมพ์เงิน) โดยทั้งหมดจุดปะทุปัญหาอยู่ในขณะนี้

 

แล้วจะให้ชาวโลกคาดหวังการแก้ปัญหาวิกฤติจากประเทศต้นตอของปัญหาที่ล้มละลายแล้วเหล่านี้ โดยที่ที่ตัวเองเข่าทรุดไปแล้วตั้งแต่2008 และขณะนี้ยังลุกไม่ขึ้นหรือ

 

มองไปข้างหน้ามี6ประเด็นหลักที่ควรคำนึงกัน

 

1. สถานการณ์การเงินและเศรษฐกิจโลกเอาไม่อยู่แล้ว จะเล่นนิทานว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯและโลกมีการฟื้นตัวไม่ได้อีก เพราะจีนและออสเตรเลียกำลังชะลอตัว อัตราแลกเปลี่ยนของตลาดเกิดใหม่กำลังผันผวนจากความเป็นจริง ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลกำลังพุ่ง เงินเดือนของคนอังกฤษกำลังถูกลดลง การจราจลที่ตุรกี สวีเดน อิยิปต์ เขตยูโรโซนยังคงอยู่ภาวะซบเซา ข่าวคราวที่ออกมาจากสหรัฐฯไม่แจ่มใสเลย

 

การที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นตกหนักๆช่วง พฤษภาคมที่ผ่านมา หายไป20% มีอยู่สามวันทำการที่หุ้นตก 5% แสดงว่าอาการไข้จากตลาดหุ้น อัตราแลกเปลี่ยนและ ดอกเบี้ยที่อยู่ภายใต้การควบคุมของนายธนาคารกลางกำลังเอาไม่อยู่

 

ปัญหาของญี่ปุ่นคือการพิมพ์เงินรอบใหม่ ทำให้เกิดความผันผวนของระบบการเงินทั่วโลก แต่ผลกระทบยังไม่รุนแรงเท่ากับการพิมพ์เงินผ่านQEของทางสหรัฐอเมริกา ที่ก่อให้เกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์และทางการเงินในสหรัฐฯ และก่อให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพของตลาดเกิดใหม่

 

2.วิกฤติรอบ2กำลังจะมา เนื่องจากความล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาของสหรัฐฯ ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและอังกฤษใช้นโยบายพิมพ์เงินในการแก้ปัญหา ส่วนยุโรปใช้นโยบายการรัดเข็มขัด พอเศรษฐกิจยุโรปแย่ลง ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศตาลีตาเหลือก รีบบอกให้พวกยุโรปเพิ่มหนี้ เพิ่มการใช้จ่าย และทำให้งบขาดดุลพุ่งระเบิดต่อไปอีก

 

แต่ผลที่เป็นพิษจริงๆ มาจากนโยบายพิมพ์เงินของอเมริกา ญี่ปุ่นและอังกฤษ

 

3. โลกพลาดโอกาสที่แก้วิกฤติการเงิน เพราะไม่มีใครจัดการกับสหรัฐฯที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาตัวเองได้ จริงๆแล้ว ประเทศที่มีแบงค์ใหญ่เกินไปที่จะล้มควรถูกควบคุม อยู่ภายใต้การดูแลเพื่อแก้ปัญหา แต่สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น

 

4. ระบบการเงินระหว่างประเทศและสถาบันการเงินโลกเป็นง่อยไม่ทำงาน

 

5. ตั้งแต่ปี2009 โลกพลาดในการแก้ไขปัญหาพื้นฐานคือ การขาดดุลมหาศาลของสหรัฐและความผันผวนของค่าเงินดอลล่าร์ที่กระทบโครงสร้างโลก

 

6. ระบบการเงินโลกคงจะต้องถูกปล่อยให้พังราบคาบ ก่อนที่พวกผู้นำโลกจะสามารถมานั่งคุยกัน เพื่อร่างระเบียบโครงสร้างใหม่ขึ้นมาได้

 

*************************************************

 

Alert for the second half of 2013 – Global systemic crisis II: second devastating explosion/social outburst on a worldwide scale

 

http://www.leap2020.eu/GEAB-N-76-is-available-Alert-for-the-second-half-of-2013-Global-systemic-crisis-II-second-devastating-explosion-social_a14266.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 18 กรกฎาคม 2555 06:08

ใครเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

file:///C:\Users\VR\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.jpg

  • file:///C:\Users\VR\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image002.gifภาพประกอบข่าว
  • เผยโฉมเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐ เบื้องหลังถ้อยแถลงของ "เบน เบอร์นันเก้" ที่โลกกำลังเฝ้าดูอาการเศรษฐกิจ และจับสัญญาณ "คิวอี 3"
  • นักลงทุนทั่วโลก ต่างจับตาถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) "เบน เบอร์นันเก้" ต่อคณะกรรมาธิการบริการด้านการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการภาคธนาคารแห่งวุฒิสภา ระหว่างวันที่ 17-18 กรกฎาคมนี้ เพราะจะสะท้อนอาการเศรษฐกิจของพญาอินทรี และอาจส่งสัญญาณถึงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ หรือคิวอี 3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่

รายงานการประชุม ของคณะกรรมการกำหนดนโยบาย (FOMC) ประจำวันที่ 19-20 มิถุนายน ระบุถึงภาวะชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวด้านการจ้างงานในช่วงที่ผ่านมา แต่จำเป็นต้องมีความชัดเจนมากพอจะหนุนแนวทางการซื้อพันธบัตรรอบใหม่

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดหลายราย ต่างออกมาแสดงความเห็นในเชิงบวกต่อแนวคิด คิวอี 3 ทั้งประธานเฟดสาขาบอสตัน "นายเอริค โรเซนเกรน" และประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก "นายจอห์น วิลเลียมส์" ที่มองว่า เป็นไปได้ที่เฟดจะดำเนินมาตรการคิวอี 3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มปริมาณเม็ดเงิน เพราะเศรษฐกิจ
จำเป็นต้องขยายตัวมากขึ้นมากๆ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิถุนายนออกมาน่าผิดหวัง และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 8.2%

หลายฝ่ายจับสัญญาณจากนายเบอร์นันเก้ เกี่ยวกับรูปแบบของคิวอี 3 ซึ่งอาจเป็นการซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองบ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน แทนที่จะเป็นการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในการผ่อนคลายทางการเงินรอบใหม่ รวมถึงจับตามาตรการอื่นๆ ที่อาจออกมาเพิ่มเติม ท่ามกลางวิกฤติหนี้ยุโรปที่ยังไม่คลี่คลาย และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน

ไม่ว่าเฟดจะเลือกทำคิวอีรอบ 3 หรือเก็บกระสุนนัดสุดท้ายไว้ใช้ยามจำเป็น แต่
ไม่อาจเลี่ยงความจริงเกี่ยวกับหนี้มหาศาล ซึ่ง "ซีเอ็นบีซี" เผยโฉมเจ้าหนี้รายใหญ่ของ
15 ราย

เจ้าหนี้รายใหญ่สุด ได้แก่ กองทุนประกันสังคม (Social Security Trust Funds) เป็นเจ้าหนี้
มากถึง 2.67 ล้านล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า "จีน" เจ้าหนี้ต่างประเทศรายใหญ่สุดของ
2 เท่า

อันดับ 2 คือ ธนาคารกลาง
เป็นเจ้าหนี้อยู่ราวๆ 1.65 ล้านล้านดอลลาร์ นับถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2555 โดยบัญชีงบดุลของเฟดเพิ่มขึ้นอย่างมากนับจากเกิดวิกฤติการเงิน เนื่องจากเฟดพยายามกระตุ้นการบริโภคและเศรษฐกิจ ด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยในระดบใกล้ศูนย์ และช่วยเติมสภาพคล่องในตลาดผ่านการซื้อหลักทรัพย์

เจ้าหนี้ขาใหญ่อันดับ 3 "จีน" เป็นเจ้าหนี้
อยู่ประมาณ 1.16 ล้านล้านดอลลาร์ นับเป็นต่างชาติรายใหญ่สุดที่ถือครองพันธบัตร
ลดลงจากระดับสูงสุด 1.31 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2554

อันดับ 4 กลุ่มนักลงทุน ทั้งรายบุคคล วิสาหกิจที่รัฐสนับสนุน โบรกเกอร์ ดีลเลอร์ กองมรดก พันธบัตรออมทรัพย์ บริษัท และธุรกิจรูปแบบอื่นๆ เป็นเจ้าหนี้
มากถึง 1.10 ล้านล้านดอลลาร์

อันดับ 5 "ญี่ปุ่น" เป็นเจ้าหนี้ต่างชาติอีกราย ที่ถือครองพันธบัตร
1.08 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนอันดับ 6 "กองทุนบำเหน็จบำนาญ" เป็นเจ้าหนี้มะกันอยู่ 9.03 แสนล้านดอลลาร์ อันดับ 7 "กองทุนรวม" เป็นเจ้าหนี้อยู่ 7.97 แสนล้านดอลลาร์ ตามด้วยอันดับ 8 "รัฐบาลระดับรัฐและท้องถิ่น" เป็นเจ้าหนี้ 4.44 แสนล้านดอลลาร์ อันดับ 9 "กองทุนสุขภาพ" (Medicare Trust Funds) เป็นเจ้าหนี้ราวๆ 3.24 แสนล้านดอลลาร์ อันดับ 10 "สถาบันเงินฝาก" เป็นเจ้าหนี้ประมาณ 2.86 แสนล้านดอลลาร์

ส่วนอันดับ 11-15 ได้แก่ "กลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน" ซึ่งลงทุนในพันธบัตร
อาทิ เอกวาดอร์ เวเนซูเอลา อินโดนีเซีย บาห์เรน อิหร่าน อิรัก คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย
อาหรับ เอมิเรตส์ แอลจีเรีย กาบอง ลิเบีย และไนจีเรีย เป็นเจ้าหนี้ 2.54 แสนล้านดอลลาร์ ตามด้วย "กลุ่มบริษัทประกัน" เป็นเจ้าหนี้ 2.53 แสนล้านดอลลาร์ "บราซิล" ต่างชาติอีกรายที่เป็นเจ้าหนี้ 2.37 แสนล้านดอลลาร์

Tags :
ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

-Thanong Fanclub

6 ชั่วโมงที่แล้ว

ชัดเจนยิ่งขึ้นทำไมจีนทำในสิ่งที่ขัดแย้งกัน -- เก็บทองคำมากที่สุดในโลก และเก็บพันธบัตรสหรัฐฯมากที่สุดในโลกด้วยเช่นเดียวกัน

 

จีนตะลุยเก็บทองจนมีทองมากที่สุดในโลกจนมีประมาณ7,000ตันแล้ว สาเหตุเพราะจีนกลัวว่าดอลล่าร์จะกลายเป็นเศษกระดาษ เพราะสหรัฐฯล้มละลายแล้วตั้งแต่ปี2008 ขณะนี้สหรัฐฯมีหนี้ ( หนี้ในงบ$16.6ล้านล้าน; หนี้นอกงบ$85ล้านล้าน )มากเกินกว่าที่จะจ่ายคืนได้ ยกเว้นการพิมพ์เงินอย่างเดียว และขณะนี้เฟดเดอรัล รีเชร์ฟก็กำลังพิมพ์เงินอย่างบ้าคลั่ง จะพิมพ์จนดอลล่าร์หมดความน่าเชื่อถือ หรือเกิดเงินเฟ้อรุนแรง ล่มจมกันหมด

 

การมีทองมากจะช่วยหนุนหยวนในกรณีที่จีนทิ้งดอลล่าร์ ไม่อิงหยวนกับดอลล่าร์อีกต่อไป แต่จะใช้ทองหนุนการพิมพ์หยวนเพื่อความน่าเชื่อถือ การทำเช่นนี้นอกจากจีนจะลอยหยวนให้เป็นเงินสกุลหลักของโลกแล้ว ยังจะผลักดันให้ประวัติศาสตร์การเงินของโลกย้อนกลับไปสู่มาตรฐานทองคำ Gold Standard

 

สหรัฐฯล้มระบบมาตรฐานทองคำปี1971 โดยพิมพ์เงินดอลล่าร์ออกมาดื้อๆโดยไม่มีอะไรหนุน ทำให้เกิดระบบเงินกระดาษFiat Currency Systemขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ ผลของการทำเช่นนี้ทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเฟดมีอิทธิพลเหนือระบบโลก เพราะพิมพ์เงินเองได้กับมือ เท่าไหร่ก็ได้ ไม่มีขีดจำกัด

 

แต่ในขณะเดียวกันจีนก็ตะลุยซื้อพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันที่อยู่ในสกุลดอลล่าร์เพิ่ม2%ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเป็น$1.32 ส่วนญี่ปุ่นลดการซื้อลง0.2% เป็น$1.11ล้านล้าน รัฐบาลสหรัฐฯออกพันธบัตรทั้งหมด$11.9ล้านล้าน

 

คำถามคือในเมื่อจีนไม่อยากได้ดอลล่าร์กระดาษอีกแล้ว และกำลังตะลุยเก็บทองอย่างเร่งรีบ ทำไมถึงได้ซื้อพันธบัตรดอลล่าร์ของรัฐบาลสหรัฐฯเป็นจำนวนมาก? ได้ให้คำตอบแล้วจากโพสท์ก่อนหน้านี้ ในซีรีส์เรื่องว่าด้วยสงครามระหว่างสหรัฐฯและจีน ว่าจีนเก็บพันธบัตรสหรัฐฯเพื่อการทำลาย ได้จังหวะจะได้ดัมพ์ให้ราคารูดแรงๆ ยอมขาดทุนบักโกรกแต่ก็คุ้ม เหมือนพวกฝรั่งที่ถล่มค่าเงินบาทปี1997 จะถล่มบาทได้ต้องแน่ใจว่ามีบาทในมือในการเทขาย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

ประมาณ 1 ชั่วโมงที่แล้ว

เหตุผล3ประการว่า ทำไมดอลล่าร์จึงไม่มีค่าแล้ว

 

ดอลล่าร์เป็นเงินกระดาษที่ตั้งแต่ปี1971พิมพ์ออกมาโดยไม่มีทรัพย์สินอะไรรองรับ หรือหนุนอยู่ เพราะว่าสหรัฐฯใช้จ่ายเกินตัว เลยเลิกมาตรฐานทองคำหรือเอาทองหนุนดอลล่าร์เอาดื้อๆ ตั้งแต่นั้นมาสหรัฐฯพิมพ์เงินกระดาษเปล่าๆใช้ และชาวโลกก็ถือว่าดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลกด้วย

 

ดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก ทั้งๆที่ดอลล่าร์โดยสารัตถะที่แท้จริงแล้วไม่มีค่าอะไรเลย เป็นแค่เศษกระดาษ เราพอจะอธิบายได้ต่ออีก 3เหตุผล

 

1. สามารถอธิบายปัจจัยพื้นฐานของเงินดอลล่าร์ได้ด้วยคณิตศาสตร์ธรรมดา ขณะนี้มีการพิมพ์ดอลล่าร์ออกมาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย คือ0% หรือดูได้จากนโยบายดอกเบี้ย0% ของเฟดเดอรัล รีเชร์ฟ อีกประการหนึ่งเฟดกำลังพิมพ์เงินโดยไม่จำกัดผ่านคิวอีQuantitative Easing

 

อะไรก็ตามที่ผลิตออกมามีค่าเท่ากับศูนย์และมีปริมาณไม่สิ้นสุด สิ่งนั้นต้องไม่มีค่า

 

2. อีกปัจจัยพื้นฐานหนึ่งของเงินดอลล่าร์ (มันยังคงเป็นเงินอยู่หรอกนะ)คือภาวะล้มละลายทางด้านการคลงัของประเทศสหรัฐฯ กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ประเมินแล้วว่า โดยนัยะสหรัฐฯล้มละลายแล้วทางการคลัง เพราะว่ารัฐบาลกลางต้องเพิ่มรายได้14%ต่อจีดีพี เพื่อที่จะมีรายได้พอจ่ายภาระผูกพันงบประมาณ

 

แสดงว่ารายได้ที่เสียภาษีของคนอเมริกัน ภาษีบริษัทและรายได้จากภาษีของรัฐต้องเพิ่มเป็นเท่าตัวตอนนี้ และเป็นการเพิ่มอย่างถาวร ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

 

Lauence Kotlikoff อาจารย์จากมหาวิทยาลัยบอสตัน คำนวนไว้ว่าช่องว่างระว่างรายรับทางภาษีและรายจ่ายของรัฐบาลอยู่ที่ $202ล้านล้าน

 

สหรัฐฯมีหนี้ และพันธะหนี้มากกว่ารายรับแบบท่วมหัว สถานภาพคือล้มละลายไปแล้วทางบัญชี นี่คือเหตุผลหนึ่งว่าดอลล่าร์ไม่มีค่าแล้ว

 

3. ปัจจัยพื้นฐานสุดท้ายคือในเมื่อการคลังสหรัฐฯล้มละลาย เฟดต้องพิมพ์เงินอย่างไม่มีเพดานเพื่อรองรับหนี้ที่ท่วมท้น ซัปพลายของดอลล่าร์ในที่สุด จะไม่มีใครอยากได้อีก เพราะมันออกมาอย่างล้นเหลือเหมือนเศษกระดาษที่ไม่มีที่สิ้นสุด อีกประการหนึ่งจีนกำลังสร้างเขตการเงินหยวน เพื่อลอยค่าหยวนแข่งกับดอลล่าร์

 

ดอลล่าร์เป็นเศษกระดาษด้วยประการฉะนี้

 

3 Reasons Why The U.S. Dollar Is Already Worthless

 

http://etfdailynews.com/2013/07/15/3-reasons-why-the-u-s-dollar-is-already-worthless/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

ถูกใจแล้ว · 37 นาทีที่แล้ว

 

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าสหรัฐฯเลิกQE

 

มีคำถามมา

 

Pik Navigator ขอบคุณครับอ. ความรู้ดีๆ

สงสัยตรงที่ว่าทำไมสหรัฐทำ QE ตามหลักดอลล่าร์น่าจะอ่อนลง ทองน่าจะแข็งค่า นี่กลับตรงกันข้าม

แล้วถ้าสหรัฐยกเลิก QE จริงๆ ทองจะแข็งค่าแทนไหม(ตรงข้าม)

 

******

 

 

เฟดทำคิวอี แต่ทำไมดอลล่าร์ยังไม่ร่วง พอจะตอบได้เพราะว่า

 

1. เฟดเพิ่มงบดุลจาก$800,000ก่อนวิกฤติ2008เป็น $3.5ล้านล้านตอนนี้ ปริมาณเงินเพิ่มมหาศาล แต่เงินที่พิมพ์เข้าไปซื้อmortgage backed securitiesจากแบงค์ราคาบัญชีเพื่ออุ้มแบงค์ไม่ให้ล้ม ขาดทุนไม่สน แต่เงิน ไม่เข้าสู่ระบบให้เกิดเงินเฟ้อรุนแรง เพราะแบงค์รู้กันโอนMSBให้เฟดแล้วเอา$1.8ล้านล้านที่เฟดโอนให้มากลับมาฝากที่เฟด ได้ดอกเบี้ย0.25%

 

ลวดลายมาก

 

เฟดบอกว่าเงินเฟ้อไม่น่าห่วงแค่1.5% ต่ำกว่าเป้า2% แต่บางคนบอกว่าสหรัฐตอนนี้กำลังเจอเฟ้อ 9% ทุกอย่างถูกmanipulatedหมด

 

2. สหรัฐสั่งญี่ปุ่นทำคิวอี ทำให้ความเชื่อมั่นในเยนสั่นคลอน ส่วนยุโรปโดนโซ้ยหนักยูโรโลเล ไม่รู้จะยึดเงินฝากประชาชนอีกมากแค่ใหน ทำให้เงินดอลล่าร์ได้อานิสงค์ประคองตัวได้ชั่วคราว คือดอลล่าร์เลวน้อยกว่าบรรดาเงินสกุลหลักที่เลวมากกว่ามาก

 

เยนที่เลวที่สุด รองมาจากยูโร แต่จริงๆแล้ว ยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่นเป็นเขตเศรษฐกิจหลักของโลกที่ล้มละลายแล้ว เลวหมดเท่ากัน เมื่อมันล้มละลายแล้ว มันก็เลวเท่ากัน

 

3. ดอลล่าร์เป็นสกุลหลักของโลกมานาน จะผ่องออกทีต้องใช้เวลา คนถือก็เคยชิน เพราะโดนล้างสมองมานาน

 

4.ระบบการเงินและการธนาคารของโลก และกลไกตลาดทุกอย่างถูกคุมโดยพวกแองโก อเมริกันเกือบเบ็ดเสร็จ จึงสามารถประคองดอลล่าร์ได้แบบนี้ ถ้าเป็นประเทศปกติ ก็เจอhyperinflationเฟ้อรุนแรงอย่างซิมบาบเว้ไปแล้ว

 

แต่การประคองดอลล่าร์เป็นแค่การประวิงเวลา เพราะว่าค่าเงินดอลล่าร์ไม่มีปัจจัยพื้นฐานอะไรมารองรับเลย เป็นแค่เศษกระดาษ

 

ที่อยู่มาได้ เพราะระบบล็อค บวกความเคยชิน

 

5.ถ้าหสรัฐฯเลิกคิวอี ดอกเบี้ยจะพุ่งจนหนี้รัฐบาลทะลุโลก ตลาดบ้านเจ้งประชาชนไม่มีเงินพอจ่ายหนี้ ตลาดบอนด์จะพังทันที

 

ราคาทองต่อดอลล่าร์มีสิทธิ์พุ่งสูงอย่างไม่มีเพดาน

969760_146312158898500_440745268_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ช็อก! แบงก์ชาติรัสเซียเลิกกว้านซื้อ “ทองคำ” กะทันหัน ทำทั่วโลกฉงน รบ.หมีขาวอุบเงียบไม่ชี้แจงสาเหตุ blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2556 03:42 น.

 

 

blank.gif 556000009388901.JPEG blank.gif เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ธนาคารกลางรัสเซียยืนยันไม่ได้กว้านซื้อ “ทองคำ” มาถือครองเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนที่แบงก์ชาติแดนหมีขาวไม่ยอมเพิ่มปริมาณทองคำสำรองในความครอบครองของตน ถือเป็นท่าทีที่สร้างความประหลาดใจไปทั่วโลก

 

รายงานข่าวระบุว่า ธนาคารกลางรัสเซียไม่ได้กว้านซื้อทองคำมาถือครองเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายน แม้ราคาทองคำในตลาดโลกล่าสุดจะร่วงลงไปมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นระดับราคาต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอย่างยิ่ง หลังจากที่รัสเซียทำการกว้านซื้อทองคำเพิ่มอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

 

ข้อมูลจากเว็บไซต์ของธนาคารกลางแดนหมีขาว (http://www.cbr.ru) ในวันศุกร์ (19) ระบุว่า ทองคำสำรองที่รัสเซียถือครองไว้ล่าสุดในเดือนมิถุนายนยังคงอยู่ที่ระดับ 32 ล้านทรอยออนซ์ (1 ออนซ์ =31.1034 กรัม) ซึ่งเท่ากับในเดือนพฤษภาคม

 

อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้นางเอลวิรา ซาคิปซาดอฟนา นาบิอุลลินา ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซีย ยัง ไม่ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลว่า เพราะเหตุใด การกว้านซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 9 เดือนของรัสเซีย จึงสิ้นสุดลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทั้งที่ รัสเซียกลายเป็นผู้กว้านซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมา

 

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างข้อมูลของตนว่า ครั้งสุดท้ายที่แบงก์ชาติของรัสเซียไม่ยอมซื้อทองคำมาถือครองเพิ่มเติมนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายนปี 2012 เลยทีเดียว

 

ขณะเดียวกันข้อมูลล่าสุดในเดือนกรกฎาคมจากสภาทองคำโลก (ดับเบิลยูจีซี) ซึ่งมีฐานอยู่ในสหราชอาณาจักรระบุว่ารัสเซียถือเป็นประเทศที่มีทองคำสำรอง อยู่ในความครอบครองมากเป็นอันดับที่ 8 ของโลก ด้วยปริมาณทองคำทั้งสิ้น 996.1 ตัน

 

ทั้งนี้ ข้อมูลของดับเบิลยูจีซีระบุว่า สหรัฐฯ (8,133.5 ตัน), เยอรมนี (3,391.3 ตัน), กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (2,814 ตัน), อิตาลี (2,451.8 ตัน) , ฝรั่งเศส (2,435.4 ตัน), จีน (1,054.1 ตัน) และสวิตเซอร์แลนด์ (1,040.1 ตัน) คือ ผู้ที่ถือครองทองคำเอาไว้มากที่สุด 7 อันดับแรกของโลกในเวลานี้

556000009388902.JPEG blank.gif

556000009388903.JPEG นางเอลวิรา ซาคิปซาดอฟนา นาบิอุลลินา ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซีย blank.gif

556000009388904.JPEG blank.gif

556000009388905.JPEG blank.gif

556000009388906.JPEG ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียพร้อมด้วยนางเอลวิรา ซาคิปซาดอฟนา นาบิอุลลินา ผู้ว่าการธนาคารกลางแดนหมีขาว blank.gif

 

blank.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub ได้แชร์ลิงก์

12 นาทีที่แล้ว บริเวณ Bangkok

สหรัฐอเมริกาจะกู้ปริ่มๆ$4ล้านล้านปีนี้ มากกว่างบประมาณรายจ่าย$3.8ล้านล้านที่ตั้งไว้

 

ปีงบประมาณ2013นี้ รัฐบาลกลางสหรัฐฯมีฐานะการคลังดีขึ้นเล็กน้อย คืองบขาดดุลจะอยู่ที่$845,000ล้าน แต่รัฐบาลต้องกู้$3ล้านล้านเพื่อจ่ายหนี้เก่าที่ครบอายุ รวมกันแล้วปีงบประมาณนี้ รัฐบาลสหรัฐฯต้องกู้เกือบ $4ล้านล้าน

 

งบรายจ่ายตั้งไว้ที่$3.8ล้านล้าน งบรายได้ที่$2.9ล้านล้าน

 

กู้เงินโป่ะงบประมาณขาดดุล และจ่ายหนี้เก่า roll overหรือกลิ่งหนี้เก่าไปเรื่อยๆ จนจำนวนกู้เกินวงเงินงบประมาณไปแล้ว

 

แล้วดอลล่าร์ยังยืนอยู่ได้อย่างไร? ถ้าดอกเบี้ยพุ่ง ภาระงบประมาณก็จะรเบิดเถิดเทิงไปอีก

 

ในขณะเดียวกันลุงเบนบอกว่า สบายมาก พวกนักการเมืองมีปัญหาขัดสนเรื่องเงินทองอะไร เดี๋ยวไอพิมพ์เงินให้ ขออย่างเดียวเวลาซักไอที่สภาฯ ไว้หน้ากันหน่อย เรามันพวกเดียวกันนะ

 

ย่อหน้าสุดท้ายนี้ ใส่สีตีไข่เองครับ

 

For fiscal year 2013, the U.S. budget deficit will be about $845 billion, but on top of that the government will also have to borrow about 3 trillion dollars to pay off old debt that is maturing. Overall, the U.S. government will borrow close to 4 trillion dollars this year, and that number will likely be even higher next year. That is not going to cause a crisis as long as interest rates stay super low, but if interest rates begin to rise substantially, the game will change dramatically.

 

http://theeconomiccollapseblog.com/archives/the-u-s-government-will-borrow-close-to-4-trillion-dollars-this-year

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากครับ คุณส้มโอมือที่นำข่าวสารมาแบ่งปัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...