ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ช่วงนี้ใครจะซื้อทองคำสะสม น่าจะรอไปก่อน ทองคำน่าจะลงจาก2ข่าวนี้

 

----ข่าวแรก ธนาคารกลางรัสเซียไม่ได้ซื้อทองคำเพิ่มในเดือนมิถุนายน

----ข่าวของอินเดีย ตามเนื้อข่าวนี้ครับ

Siam Silver · 581 คนถูกใจสิ่งนี้

37 นาทีที่แล้ว บริเวณ Bang Khen ·

 

นิวเดลี: ผู้ค้าปลีกเครื่องประดับระดับแนวหน้าและผู้ค้าทองแท่งทั่วประเทศได้ตัดสินใจที่จะระงับการขายเหรียญทองและบาร์เป็นเวลาหกเดือน เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะช่วยให้การนำเข้าจากรัฐบาลลดลงและให้การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ภายใต้การควบคุม

 

ผู้ค้าปลีกที่โดดเด่นหลายแห่งรวมถึง TBZ, Gitanjali และTanishq ร่วมกันสมัครใจหยุดขาย เหรียญทองคำและบาร์ทองคำ ยอดการขายรวมกันของเหรียญและบาร์เท่ากับหนึ่งในสามของยอดขายทองคำในประเทศอินเดียทั้งหมด อินเดียเป็นผู้ซื้อทองคำใหญ่ที่สุดในโลกที่ 860 ตันต่อปี ประมาณการตลาดชี้ให้เห็นว่ามีความต้องการเหรียญและบาร์ที่เพิ่มขึ้น จากประเทศอินเดียถึง 150% ในสี่ปีที่ผ่านมา

 

ผู้ค้าปลีกเครื่องประดับแนวหน้าและผู้ค้าทองคำแท่งได้ตัดสินใจที่จะระงับการขายเหรียญทองและบาร์เป็นเวลาหกเดือนเนื่องจากที่รัฐบาลและธนาคารกลางของอินเดียได้ขอให้ธนาคารออกขายเหรียญทองและบาร์ให้ช้าลง.

แม้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินการหลายขั้นตอนเพื่อให้ยอดขายลดลงแต่มันก็ไม่ได้ผล และมันก็เป็นเพียงในเดือนมิถุนายนที่มีสัญญาณของความต้องการที่น้อยลง "เรามีการประชุมกับรัฐบาลในเดือนที่ผ่านมาหลังจากที่มีข้อ จำกัด ในการนำเข้าทองได้ถูกนำมาใช้. ในฐานะที่เป็นหัวใจของอุตสาหกรรมเราตระหนักว่าเราต้องควบคุมตัวเอง. ถ้าเราหยุดการขายและการสั่งของเหรียญทองคำและบาร์ได้ การนำเข้าก็ต้องลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" กล่าวว่า Ashok Minawala, สมาชิกของคณะกรรมการที่สภาการค้าอินเดียทั้งอัญมณีและเครื่องประดับที่ขอให้ผู้ค้าทั่วประเทศให้หยุดการสั่งซื้อทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่งหรือเหรียญ "ความต้องการสำหรับเครื่องประดับทองในช่วง 10 ปียังคงมีอยู่มากหรือคงที่. แต่ความต้องการการลงทุนได้เพิ่มขึ้นหลายเท่า. เราจะไม่ส่งเสริมการขายของเหรียญทองคำและบาร์จนกว่าปัญหาเรื่อง CAD จะได้รับการแก้ไข" Sanjeev Agarwal, ซีอีโอของ Gitanjali ได้กล่าวไว้ แบรนด์เครื่องประดับรายนี้ได้หยุดการสั่งซื้อของเหรียญทองคำและบาร์แล้ว.

 

ในขณะที่ผู้บริโภคจะพบว่ามันยากที่จะซื้อเหรียญทองผู้ค้าปลีกจะไม่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากอัตรากำไรต่ำของการขายเหรียญทองคำและบาร์ เมื่อเที่ยบกับอัตรากำไร 8-12% ของเครื่องประดับเพชรและทอง.ร้านเครื่องประดับเก็บเหรียญทองคำและบาร์ไว้ก็เพื่อความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเก็บไว้เพื่อการลงทุนเท่านั้น.แต่หลังจากนั้นมันก็จะถูกเปลี่ยนไปทำเครื่องประดับ.

 

http://timesofindia.indiatimes.com/business/india-business/Gold-coin-bar-sales-on-hold-for-6-months/articleshow/21012214.cms

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
4.ระบบการเงินและการธนาคารของโลก และกลไกตลาดทุกอย่างถูกคุมโดยพวกแองโก อเมริกันเกือบเบ็ดเสร็จ จึงสามารถประคองดอลล่าร์ได้แบบนี้ ถ้าเป็นประเทศปกติ ก็เจอhyperinflationเฟ้อรุนแรงอย่างซิมบาบเว้ไปแล้ว

 

แต่การประคองดอลล่าร์เป็นแค่การประวิงเวลา เพราะว่าค่าเงินดอลล่าร์ไม่มีปัจจัยพื้นฐานอะไรมารองรับเลย เป็นแค่เศษกระดาษ

 

 

ที่อยู่มาได้ เพราะระบบล็อค บวกความเคยชิน

 

ที่ว่าระบบล็อคนี้น่าสนใจมาก ผมมีตัวอย่างที่เคยอ่านมา 2-3 เรื่อง

เรื่องแรกคือ คีย์บอร์ด แบบ qwerty นั้น ภายหลังมีการทดสอบว่าการวางตัวอักษรใหม่ทำให้พิมพ์ได้เร็วกว่า

แต่คนก็ไม่เปลี่ยน เพราะ ไม่อยากเสียเวลาฝึกใหม่

 

2. เดิมวิดีโอเทประบบเบต้ามีคุณภาพเหนือกว่า vhs แต่ vhs ครองตลาดได้เร็วกว่า มีหนังให้เลือกมากว่า ผู้ผลิตเลยผลิตเครื่องเล่นแบบ vhs มากกว่า ซึ่งก็ยิ่งทำให่้มีหนังที่เป็น vhs มากขึ้น ระบบจึงล็อคไว้

 

หากจะออกจากระบบล็อคต้องมีอะไรที่เหนือกว่ามากๆ จนคนจำนวนมากยอมที่จะเปลี่ยน

 

ไม่แน่ใจว่าดอลล่าร์ล็อคระบบไว้แข็งแรงแค่ไหน

จะเป็นไปได้ไหมว่านายแบงค์ถือหางทั้ง 2 ฝ่าย แบบตอนถือหางทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ

ไม่ว่าผลออกมาเป็นแบบใดก็ยังคุมเกมได้

การที่จีนยังถือพันธบัตรเมกาเพิ่มขึ้นพร้อมทอง เพราะคิดเช่นเดียวกันนี้หรือไม่

การทุ่มข้างใดข้างหนึ่งหมดหน้าตักจะเป็นหายนะหรือไม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การที่จีนยังถือพันธบัตรเมกาเพิ่มขึ้นพร้อมทอง เพราะคิดเช่นเดียวกันนี้หรือไม่

 

การทุ่มข้างใดข้างหนึ่งหมดหน้าตักจะเป็นหายนะหรือไม่

 

ณ.เวลานี้ จีนถือพันธบัตรอเมริกา ไม่ใช่หวังเพื่อกระจายการลงทุน

 

แต่....มันถืออาวุธชนิดหนึ่งที่จะใช้ทำสงครามเศรษฐกิจเพื่อโค่นสหรัฐอเมริกา....

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

...

2. เดิมวิดีโอเทประบบเบต้ามีคุณภาพเหนือกว่า vhs แต่ vhs ครองตลาดได้เร็วกว่า มีหนังให้เลือกมากว่า ผู้ผลิตเลยผลิตเครื่องเล่นแบบ vhs มากกว่า ซึ่งก็ยิ่งทำให่้มีหนังที่เป็น vhs มากขึ้น ระบบจึงล็อคไว้

 

หากจะออกจากระบบล็อคต้องมีอะไรที่เหนือกว่ามากๆ จนคนจำนวนมากยอมที่จะเปลี่ยน

....

 

เรื่องการ "ล็อค อิน" ของระบบนี่น่าสนใจดีครับ

 

เทประบบ เบต้าแมกซ์ มีโซนี่เป็นเจ้าของ ซึ่งตอนนั้นแกมีศีลธรรม เลยไม่อนุญาตให้นำหนังโป๊มาลงในเทปเบต้าขาย ในขณะที่ระบบ วีเอชเอส ที่มีราคาเครื่อง/เทปถูกกว่า แถมซื้อหนังโป๊มาดูได้ด้วย ... เลยทำให้ระบบวีเอชเอสชนะระบบเบต้าไปโดยปริยาย

 

ถ้ามามองในปัจจุบัน ก็มีการแข่งขันกันระหว่างระบบ "เอชดี ดีวีดี" กับ "บลูเรย์" (ที่มีโซนีเป็นโต้โผ) ถ้าเทียบทางเทคนิค และราคา แล้ว ถือว่าสูสีกันเลย ... ช่วงที่มีทั้งสองระบบนี่แข่งกันสุดๆ แรกๆโซนีก็ไม่ยอมให้มีหนังโป๊บนบลูเรย์ แต่ตอนหลังก็ยอม เพราะไม่ต้องการ ให้ประวัติศาสตร์เบต้าแมกซ์ ซ้ำร้อย :D ... ส่วนที่บลูเรย์ชนะในรอบนี้ จะเป็นเพราะการตลาด/พันธมิตรที่ดีกว่า หรือเป็นเพราะมีหนังโป๊ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน

 

อินเตอร์เน็ต ... ก็ว่ากันว่า เจริญเติบโตได้ไวในช่วงปี ๑๙๙๐ ก็เพราะภาพ/หนัง โป๊นี่ละครับ (สมัยก่อนโหลดยากมากๆ แต่เราก็มีความพยายามสูง) ...

:32

 

****

 

ถ้าเอาเรื่องอบายมุขที่เป็นตัวขับ มาเทียบกับเรื่องเงินตรา (ไม่ค่อยเกี่ยวกันสักเท่าไหร่ แต่ขอเสนอเป็นแนวคิดให้พิจารณา)

 

นอกจากเงินลุงแซมยังเป็นที่ยอมรับในทุกประเทศทั่วโลกแล้ว ยังเป็นเงินสกุลหลักในการซื้อขาย(ส่ง)ยาเสพติดอีกด้วย

ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ ธนาคารระดับโลกที่น่ารักทั้งหลาย ยังสมยอม เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ช่วยฟอกเงินให้มาเฟียที่ค้ายาอีก

ประเด็นนี้ อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง ของการ "ล็อค อิน" เงินลุงแซมเช่นกัน

 

ในสมัยฮ่องกง กับอังกฤษ ... อังกฤษก็ใช้ฝิ่นเป็นตัวกลางในการดูดความมั่งคั่งที่ถูกโอนถ่ายไปฮ่องกงเป็นจำนวนมากกลับสู่อังกฤษ

โดยมิได้สนใจว่าคนที่ติดยาจะเป็นอย่างไร ... จนทำให้เกิดสงครามขึ้น

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ส่วนตัวมองว่าที่ทองคำขึ้นเป็นเรื่อง ไฟไหม้ตู้นิรภัยเก็บทองคำใต้ดินของ JP Morgan คงหาโอกาสเบี้ยวการส่งมอบทองคำที่เขาShortในตลาดCOMEX ไม่กี่เดือนก่อนก็อ้างเรื่องคลังโดนน้ำท่วมไปที่แล้ว

 

หลายคนอาจสงสัยว่าไฟไหม้ไฟไหม้ตู้นิรภัยเก็บทองคำใต้ดินของ JP Morganแล้วทำไมถึงเรื่องใหญ่ ก็ที่เก็บทองคำของเฟดและของ JP Morganอยู่ในพื้นที่เดียวกันครับ แต่อยู่คนละฝั้งครับ(ไม่รู้จะมีเรื่องทองคำหายหรือโดนจารกรรมปนมามั้ย

 

ดูที่รูปครับ ลูกศรชี้ที่เก็บทองคำของเฟด ลูกศรตรงข้ามชี้ไปที่.......

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ส่วนตัวมองว่าที่ทองคำขึ้นเป็นเรื่อง ไฟไหม้ตู้นิรภัยเก็บทองคำใต้ดินของ JP Morgan คงหาโอกาสเบี้ยวการส่งมอบทองคำที่เขาShortในตลาดCOMEX ไม่กี่เดือนก่อนก็อ้างเรื่องคลังโดนน้ำท่วมไปที่แล้ว

 

หลายคนอาจสงสัยว่าไฟไหม้ไฟไหม้ตู้นิรภัยเก็บทองคำใต้ดินของ JP Morganแล้วทำไมถึงเรื่องใหญ่ ก็ที่เก็บทองคำของเฟดและของ JP Morganอยู่ในพื้นที่เดียวกันครับ แต่อยู่คนละฝั้งครับ(ไม่รู้จะมีเรื่องทองคำหายหรือโดนจารกรรมปนมามั้ย

 

ดูที่รูปครับ ลูกศรชี้ที่เก็บทองคำของเฟด ลูกศรตรงข้ามชี้ไปที่.......

 

https://www.facebook...&type=1

 

http://www.youtube.com/watch?v=Q0ZKH9wgl-U&feature=youtu.be

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ส่วนตัวมองว่าที่ทองคำขึ้นเป็นเรื่อง ไฟไหม้ตู้นิรภัยเก็บทองคำใต้ดินของ JP Morgan คงหาโอกาสเบี้ยวการส่งมอบทองคำที่เขาShortในตลาดCOMEX ไม่กี่เดือนก่อนก็อ้างเรื่องคลังโดนน้ำท่วมไปที่แล้ว

 

หลายคนอาจสงสัยว่าไฟไหม้ไฟไหม้ตู้นิรภัยเก็บทองคำใต้ดินของ JP Morganแล้วทำไมถึงเรื่องใหญ่ ก็ที่เก็บทองคำของเฟดและของ JP Morganอยู่ในพื้นที่เดียวกันครับ แต่อยู่คนละฝั้งครับ(ไม่รู้จะมีเรื่องทองคำหายหรือโดนจารกรรมปนมามั้ย

 

ดูที่รูปครับ ลูกศรชี้ที่เก็บทองคำของเฟด ลูกศรตรงข้ามชี้ไปที่.......

 

https://www.facebook...&type=1

 

เพิ่มเติมครับ ซีโร่เฮดจ์ บอกว่า ๑๕ บรอด สรีท (ที่เป็นข่าวว่าเกิดไฟไหม้) ไม่ใช่คลังของเจพี มอรอนครับ

 

http://www.zerohedge...gans-gold-vault

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Fed พิมพ์เงิน...จีนก็พิมพ์เงิน..

ล๊อกกันที่ 6 หยวน ต่อ 1 ดอลล่าร์..

ดอลล่าร์เข้าจีน...BOC ( bank of China ) ก็เอากระดาษที่พิมพ์..แลกกระดาษจากอเมริกา..

หลังจากนั้นก็เอากลับไปซื้อพันธบัตรของเมกา...

ทางหนึ่งกินดอกเบี้ย...ทางหนึ่งเอาไว้กดดันเมกา...

 

มองภาพอย่างกระดานหมากล้อม...

วันนี้จีนไม่ได้มีปัญหาเหมือนอย่างเมกา...

หนี้สินก็ไม่ใช่ปัญหาเหมือนเมกา...

ดังนั้นเรื่องดอกเบี้ยจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับจีน..

 

กระดาษที่แลกจากเมกาบางส่วน...

ก็เอาไปซื้อบ้าน ที่ดิน กิจการที่เจ๊งไปทั่วโลก...

จีนเสียอะไร....

 

ถ้า fed จะทำลายตลาดเกิดใหม่..

หยุด QE ดึงเงินออกจากตลาดเกิดใหม่...

สิ่งแรกที่จะเจอก็คือ...ดอลล่าร์กลับบ้าน..

ดอกเบี้ยพันธบัตรขึ้น...

แล้วถ้าจีนกระทืบซ้ำ...ขายพันธบัตรเมกาทิ้ง..

มันจะเกิดอะไรขึ้น...

 

จีนจะขาดทุนมหาศาลหรือ...

ในเมื่อทุกวันนี้ดอลล่าร์เข้าจีนเมื่อไร...

หยวนก็ถูกพิมพ์ออกมาทันที...

กระดาษแลกกระดาษ...แต่ผลของความเสียหาย..แตกต่างกัน

 

ถ้าเมกาเทขายหยวนที่ตัวเองถืออยู่...จีนเดือดร้อนไหม

ที่แน่ๆ..ดอลล่าร์กลับบ้าน..ดอกเบี้ยพุ่ง

ถ้าจีนกลัวเงินเฟ้อพุ่ง..

ก็เอาหยวนที่กลับบ้าน..เผาส่งให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปใช้ก็ได้

 

ส่วนตัวผมเชื่อว่า...

ถ้าจีนไม่กระทืบดอลล่าร์จนอ่วม..น่วมจนหนำใจ

จีนจะยังคงไม่ลอยค่าเงินหยวนอย่างแน่นอน...

สู้ประกบ..บีบให้ดอลล่าร์เดินถึงทางตันอย่างหาทางออกไม่เจอดีกว่า...

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

6 ชั่วโมงที่แล้ว

ธนาคารกลางรัสเซียหยุดซื้อทองเดือนมิถุนายน

 

มีเขียนเข้ามาจากหลายคนให้วิเคราะห์ว่าทำไมธนาคารกลางรัสเซียถึงหยุดซื่อทองในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

 

หยุดซื้อเอาดื้อๆ ทั้งๆที่รัสเซียเป็นประเทศที่ตะลุยซื้อทองมากที่สุดในโลกในช่วงระยะ10ปีที่ผ่านมา โดยซื้อไปรวม570ตัน เพื่อเพิ่มเข้าไปในทุนสำรองของประเทศ

 

อาจจะเป็นเพราะขาดทุนก็ได้ ข่าวรอยเตอร์บอกว่า รัสเซียมีทองขณะนี้ 32ล้านทรอยออนซ์ มีมูลค่า $38,600 ล้าน ณวันที่1 กรกฎาคม เปรียบเทียบกับ$45,000ล้านเมื่อเดือนก่อน

 

ราคาทองตกทำให้มูลค่าทองทางบัญชีขาดทุนไปมาก นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้รัสเซียชะลอการซื้อทอง

 

แต่ก็เชื่อไม่ได้สนิทใจว่ารัสเซียจะเลิกซื้อทอง เพราะขาดทุนเพียงแค่นี้ เนื่องจากรัสเซียรู้ดีว่าระบบการเงินกระดาษโลกกำลังเสื่อม ทั้งยูโรและเงินเหร๊ยญสหรัฐฯมีปัญหา ทั้งรัสเซียและจีนเป็นสองประเทศ ไม่นับอินเดียที่

ตะลุยเก็บทอง เพื่อรอวันกลับไปสู่ระบบมาตรฐานทองคำ คือพิมพ์เงินโดยมีทองคำหนุน ไม่ใช่พิมพ์เปล่าๆโดยไม่มีอะไรหนุนเหมือนที่สหรัฐฯกำลังทำอยู่

 

ธนาคารกลางอาจจะหยุดซื้อทองในบัญชีที่เปิดเผย แต่อีกหน่วยงานหนึ่งอาจจะซื้อทองต่อก็ได้

 

เพราะดูตัวอย่างจากจีน ตัวเลขทางการมีทองประมาณ1,000ตัน แต่หลายคนอย่างZerohedge.comเชื่อว่าจีนมีทองมากกว่านั้น3-4เท่า ล่าสุดมีตัวเลขออกมาว่าจีนมี7,000ตัน(ดูโพสท์ก่อนหน้านี้)

 

สหรัฐบอกว่ามีทอง8133.5 ตัน จริงๆมีอยู่หรือเปล่าก็ไม่มีใครทราบได้ เพราะไม่เคยมีการตรวจสอบaudit ถ้ามีอยู่จริง ทำไม ไม่คืนทองให้เยอรมันเมื่อถูกทวงถามเมื่อต้นปี แต่บอกปัดขอเวลาคืนทองอีก7ปี เจ้าหน้าที่เยอรมันขอเข้าไปดูทองที่เยอรมันฝากในตู้นิรภัย ก็ไม่ให้เข้าไปดู

 

ทองที่มีอยู่จริง กับที่ประกาศไม่เหมือนกัน คนที่บอกว่ามี อาจจะไม่มี คนที่บอกไม่มีอาจจะมี เรื่องทองมันยอกย้อนมากแต่ใหนแต่ไรตั้งแต่โบราณกาล

 

แต่ต้องเข้าใจว่าทั้งรัสเซีย จีน อินเดียต้องการล้มระบบfiat currency systemของพวกแองโกล อเมริกัน ไม่งั้นจะโดนถล่มค่าเงิน ตลาดการเงินอยู่ตลอดเวลา เพราะกลกไระบบการเงินโลกฝ่ายนั้นคุมหมด

 

นอกจากนี้ ยังเตรียมทำสงครามการเงิน และสงครามจริงๆ เพราะมีการซ้อมรบกันบ่อยขึ้นโดยเฉพาะระหว่างรัสเซียและจีน

 

ทั้งสองประเทศจึงมีการตุนทองทั้งทางลับและเปิดเผยมาตลอด มีความร่วมมือกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านShanghai Economic Cooperationเพื่อสร้างระเบียบการเงิน เศรษฐกิจโลกใหม่ ที่ไม่อยู่ใต้อิทธิพลของพวกแองโกล อเมริกัน

 

หัวใจของระเบียบโลกใหม่ของซีกโลกเอเซียนี้ คือระบบการเงินที่อิงทองคำ หรือมาตรฐานทองคำ ซึ่งจะสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้มีวินัยการเงิน การคลังมากขึ้น ไม่พิมพ์เงินอิลุ่ยฉุบแฉกเหมือนพวกแองโกล อเมริกันกำลังทำอยู่ทุกวันนี้

 

สรุปมีความเป็นไปได้สองสามกรณี 1.รัสเซียอาจหยุดซื้อทองจริง รอดูราคา เพราะขาดทุนทางบัญชี

 

2. ไม่ได้หยุดซื้อทอง เพราะเป็นเรื่องลับลวงพราง

 

3. ขาดทุนเป็นเรื่องขี้ผง เป้าหมายใหญ่ภายใต้มาตรฐานทองคำของระเบียบโลกใหม่สำคัญกว่า

 

http://www.reuters.c...N0FP1N220130719

Thanong Fanclub ได้แชร์ลิงก์

5 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Bangkok

หลังดูหนี้ยุโรปเพิ่มไม่หยุด แล้วจะให้นายปูตินหยุดซื้อทองหรือ

 

 

ยุโรปยิ่งแก้ปัญหา ยิ่งเพิ่มหนี้ ดูตัวเลขก็แล้วกัน หนี้เพิ่มในขณะที่จีดีพีหด การว่างงานเพิ่ม

 

ถ้าเราเป็นนายปูติน ผู้นำรัสเซีย เราจะหยุดซื้อทองหรือ

 

หนี้ต่อจีดีพี

Euroarea: 92.2%, เพิ่มจาก88.2% ปีที่แล้ว

Greece: 160.5%, ขึ้นจาก 136.5% ปีที่แล้ว

Italy: 130.3%;ขึ้นจาก 123.8% ปีที่แล้ว

Portugal: 127.2%, ขึ้นจาก112.3% ปีที่แล้ว

Ireland: 125.1%, ขึ้นจาก 106.8% ปีที่แล้ว

Spain: 88.2%, ขึ้นจาก73.0% ปีที่แล้ว

Netherlands: 72.0%, ขึ้นจาก66.7% ปีที่แล้ว

 

รัสเซียตอนนี้ขายน้ำมันเอายูโร เอาทอง ไม่อยากจะเอาดอลล่าร์คิวอีตลอดกาลแถมยังเป็นคู่อริกันกับสหรัฐฯอีก

 

แต่ดูแล้วยุโรปก็ไปไม่ไหว แล้วยูโรที่ได้มาจากการขายน้ำมัน มันจะมีค่าอะไรต่อไป

 

ฉะนั้น ถ้าให้อ่านใจปูติน ต้องสั่งซื้อทองต่อ เพราะว่า ยูโร ดอลล่าร์มันกระดาษทั้งนั้น

 

http://www.zerohedge...new-record-high

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
หากจะออกจากระบบล็อคต้องมีอะไรที่เหนือกว่ามากๆ จนคนจำนวนมากยอมที่จะเปลี่ยน

 

อะไรที่เหนือกว่ามากๆ คือ หนังโป๊ นี่เอง 555555555

คุณ wcg นี่รู้ลึกรู้จริง :gd

 

เออหนอ คนฉลาดใช้กิเลสของคนหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง แต่ก็พอกพูนกิเลสของตัวเองโดยไม่รู้ตัว วันนึงก็จะตกเป็นเหยื่อของผู้อื่นเช่นกัน เป็นเหยื่อของกิเลสตัวเองแท้ๆ

 

คนมีปัญญาเห็นกิเลสของตัว แล้วกำจัดเสีย จบ.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

sex เป็นบรมสุขทางกาย

ตาเห็นรูปสวยเพียงใด หูได้ยินเสียงไพเราะแค่ไหน จมูกได้กลิ่นหอมสุดๆ ลิ้นกินอะไรอร่อยอย่างไร ก็ไม่มีทางได้สุขสุดยอด เหมือนการมี sex

ฟรอยด์จึงบอกว่า พฤติกรรมของมนุษย์มุ่งที่ sex

 

นิพพานเป็นบรมสุขทางใจ

ใจจะสบายแค่ไหน ก็สู้นิพพานไม่ได้

พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าอบรมจิตใจมุ่งสู่นิพพาน

 

อยากมีสุขทางไหน ก็เลือกเอาตามต้องการครับ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พูดเป็นเล่นไปคุณไมโล ...

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ในยุโรป (จำไม่ได้ว่าประเทศอะไร) ผู้หญิงขายบริการถึงกับบังคับให้ลูกค้าที่เป็นนายแบงค์ ปล่อยกู้ให้พวกเธอได้ เพราะถ้าไม่ให้กู้ เธอจะไม่ยอมให้บริการ

 

ความคิด และจิตใจ เป็นสิ่งๆเดียวที่เราสามารถควบคุมได้

ถ้าเราปล่อยให้สิ่งนอกกาย (เงิน, ราคาทอง, ราคาหุ้น, อินเตอร์เน็ต, ฟุตบอล, สุรา, เรื่อยอย่างว่า) มาอยู่เหนือเราได้

ในที่สุด คนที่ควบคุมสิ่งนอกกายดังกล่าว ก็จะสามารถควบคุมเราได้โดยปริยาย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
เออหนอ คนฉลาดใช้กิเลสของคนหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง แต่ก็พอกพูนกิเลสของตัวเองโดยไม่รู้ตัว วันนึงก็จะตกเป็นเหยื่อของผู้อื่นเช่นกัน เป็นเหยื่อของกิเลสตัวเองแท้ๆ

 

นี่ก็ระบบล็อคที่แน่นหนาโดยอวิชชา ถึงออกจากสังสารวัฏไม่ได้สักที

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนในความเห็นผมดูจะเป็นประเทศไม่ฮาร์ดคอร์

จากภาษิตคนจีน กินขี้หมาดีกว่าค้าความ หรือ คำกล่าวผู้นำ แมวขาวแมวดำสำคัญที่จับหนูได้

ผู้นำใหม่ก็มีการศึกษาจากตะวันตก(ใช่ไหมครับ)

คุณ wcg น่าจะศึกษาประวัติศาสตร์ดีกว่าผมมาก ไม่ทราบว่ามีความเห็นเกี่ยวกับจีนจะล้มดอลอย่างไรบ้างครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดีทรอยต์ล้มสะเทือนสหรัฐสะท้อน ศก.ภายในยังอ่อนแอ

 

 

icon-sns-facebook.gif

3

icon-sns-tweeter.gif

0

 

CE523003492A499BB3099F41B434A605.jpg

 

 

โดย...พันธสิทธิ เจริญพาณิชย์พันธ์

ต้องยอมรับว่าประเด็นความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจสหรัฐในปัจจุบันนี้ นอกเหนือจากที่ทุกฝ่ายจะต้องจับตามองไปที่การส่งสัญญาณการฟื้นตัว ทางเศรษฐกิจและการจ้างงานโดยรวมทั้งประเทศ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลโดยตรงต่อทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แล้ว อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่ทุกฝ่ายไม่ควรจะมองข้ามเลยนั่นคือ ความเคลื่อนไหวของสถานการณ์เศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นของสหรัฐ

เนื่องจากเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เมืองดีทรอยต์ในรัฐมิชิแกน ได้ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอให้พิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลายเมื่อช่วงปลาย สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลท้องถิ่นยอมรับว่าไม่สามารถแบกรับหนี้สินกว่า 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐได้ และต้องการให้มีการปฏิรูปโครงสร้างหนี้ใหม่เพื่อความอยู่รอดของเมือง

ทางการเมืองดีทรอยต์มีรายจ่ายด้านกองทุนบำเหน็จบำนาญและหนี้สินในรูป พันธบัตรเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่รายรับของภาครัฐกลับมีเข้ามาเพียงน้อยนิด ขณะที่จำนวนประชากรที่ย้ายออกจากเมืองก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่อุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ได้เริ่มย้ายฐานการผลิตออกไปยังเมืองอื่นๆ จากที่เคยมีอยู่ถึง 1.85 ล้านคน ในช่วงปี 2493 ก็ลดลงมาอยู่ที่ 7 แสนคน ในช่วงปี 2553 ทำให้ยิ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เมืองแห่งนี้จัดเก็บภาษีได้น้อยลง

แม้ว่าปัญหาการล้มละลายของเมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมยาน ยนต์ชื่อดังของโลกจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแค่ระดับรัฐบาลท้องถิ่นเท่านั้น ในขณะที่สหรัฐโดยรวมยังคงมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้น หลังจากที่เฟดได้ดำเนินนโยบายอัดฉีดมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาดังกล่าวนี้ไม่อาจมองข้ามไปได้เลย

เนื่องจากเรื่องนี้เป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกให้รู้ว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมที่ดูเหมือนว่ากำลังฟื้นตัวของสหรัฐนั้น ในอีกมุมหนึ่งเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นของดินแดนเมืองลุงแซมในอีกหลายเมือง กำลังอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ และเมืองซานตาเฟ ในรัฐนิวเม็กซิโก

ในช่วงระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา การล้มละลายของเมืองในสหรัฐนับว่าอยู่ในภาวะน่าห่วง เฉพาะแค่ในปีนี้มีเมืองที่ล้มละลายไปแล้วถึง 4 แห่ง ขณะที่ปี 2555 อยู่ที่ 12 แห่ง และปีก่อนหน้านั้นอยู่ที่ 13 แห่ง

รัฐบาลท้องถิ่นในสหรัฐหลายเมืองแบกภาระหนี้สินและรายจ่ายด้านสวัสดิการ เอาไว้มากเกินกว่ากำลังรายรับที่จะหาเข้ามาได้ทัน เนื่องจากที่ผ่านมาในอดีตรัฐบาลท้องถิ่นได้มีการอัดฉีดสวัสดิการและการการ คุ้มครองต่างๆ แก่เจ้าหน้าที่และลูกจ้างของรัฐเอาไว้มากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นบำเหน็จบำนาญและค่ารักษาพยาบาลต่างๆ

ทว่าด้วยจำนวนประชากรคนทำงานที่เริ่มลดลง แต่คนในวัยเกษียณกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายๆ เมืองก็ทำให้รายจ่ายของรัฐบาลสูงขึ้น และที่ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่สหรัฐต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ใน ปี 2551 ก็ทำให้รายได้จากการเก็บภาษีในธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์และรายได้จากการเก็บ ภาษีอื่นๆ ก็ลดลงอย่างมาก

ดังนั้น จึงทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงินการคลังของรัฐบาลท้อง ถิ่นที่ไม่สมดุลกันมากขึ้น โดยคาดว่าเมืองต่อไปที่จะเผชิญกับการแบกรับรายจ่ายด้านสวัสดิการเพิ่มขึ้นใน อีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็คือ ชิคาโก ในรัฐอิลลินอยส์ หลังจากที่ดีทรอยต์เพิ่งยื่นขอล้มละลายไปเมื่อเร็วๆ นี้ ขณะที่เมืองสต็อกตันในรัฐแคลิฟอร์เนีย กับเมืองซานเบอร์นาร์ดิโอ ก็เพิ่งยื่นขอล้มละลายไปเมื่อปีที่แล้ว

ทั้งนี้ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับเครดิตชื่อดังได้ตัดลดเครดิตของเมืองชิคาโกลง ถึง 3 อันดับจาก Aa3 ลงมาอยู่ที่ A3 เนื่องจากเมืองแห่งนี้มีแนวโน้มค่าใช้จ่ายด้านการจ่ายผลตอบแทนบำนาญมากกว่า รายรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันช่องว่างระหว่างรายจ่ายด้านบำเหน็จบำนาญของเมืองชิคาโก สูงกว่ารายรับที่เข้ามามากถึง 5.4 เท่าตัว ขณะที่จำนวนประชากรที่อยู่ในเมืองดังกล่าวระหว่างปี 2543-2553 ก็ลดลงถึง 7%

นอกจากนี้ เมือง ซานตาเฟ ในรัฐนิวเม็กซิโก ก็อยู่ในภาวะเสี่ยงไม่แพ้กัน โดยข้อมูลของบริษัท มูดี้ส์ ก็เผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่าภาระหนี้ที่รัฐบาลท้องถิ่นสองเมืองนี้ที่จะต้องจ่ายให้กับผู้รับบำนาญ มีมากกว่ารายได้ที่เข้ามาในสองเมืองดังกล่าวถึง 6 เท่าตัว ขณะที่เมืองเวอร์จิเนียในรัฐมินนิโซตา อยู่ที่ 5.9 เท่า ลาสเวกัส ในรัฐนิวเม็กซิโก อยู่ที่ 5.5 เท่า

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้คาดว่าหากปัญหาดังกล่าวเกิดลุกลามบานปลายออกไป แน่นอนว่าจะต้องไปกระทบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอย่างหลีก เลี่ยงไม่ได้ เพราะเมื่อเมืองท้องถิ่นต้องเผชิญกับภาวะล้มละลายและรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ตัวเลือกอันดับแรกในการแก้ปัญหาก็คงไม่พ้นการใช้ “สูตรการรัดเข็มขัด” ไม่ว่าจะเป็นตัดลดสวัสดิการรายจ่ายและปลดคนงาน ไปจนถึงการบีบบังคับให้เจ้าหนี้ต้องยอมยกเลิกหนี้บางส่วนลง ขณะเดียวกันก็ต้องหันมาเพิ่มรายได้ด้วยการปรับขึ้นภาษีในเมือง

เห็นได้จากแผนของ เควิน ออร์ ผู้บริหารภาวะฉุกเฉินเมืองดีทรอยต์ ที่ได้นำเสนอแผนการแก้วิกฤตด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากปัญหาการล้มละลาย โดยผ่านการลดการจ่ายผลตอบแทนแก่กองทุนบำเหน็จบำนาญสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐลง การยุติการเพิ่มค่าครองชีพและปลดคนงานบางส่วนออก

อย่างไรก็ตาม แม้แนวทางการแก้ปัญหาด้วยการยื่นขอคุ้มครองการล้มละลายตามกฎหมายการล้มละลาย มาตรา 9 ของสหรัฐจะให้อำนาจรัฐบาลท้องถิ่นในเมืองดังกล่าวสามารถยืดระยะเวลาการจ่าย ชำระหนี้ออกไปและสามารถปรับลดหนี้ลงมาได้ แต่ต้องยอมรับว่าแนวทางดังกล่าวนั้นไม่ง่ายนัก เพราะจะต้องเผชิญกับการต่อต้านจากประชาชน และเจ้าหนี้ต่างๆ รวมถึงผู้เสียประโยชน์อย่างแน่นอน

เห็นได้จากที่ศาลในรัฐมิชิแกนออกคำสั่งให้ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกนถอนคำสั่งที่อนุมัติให้เมืองดีทรอยต์ยื่นขอคุ้มครองการ ล้มละลาย โดยให้เหตุผลว่าเป็นสิ่งที่ขัดกับรัฐธรรมนูญในรัฐดังกล่าว ก่อนที่ต่อมารัฐบาลมิชิแกนจะยื่นขออุทธรณ์คำสั่งศาลดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์

ถึงกระนั้นก็ตาม แม้ว่าผลการต่อสู้คดีดังกล่าวจะยังต้องรอผลการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ว่าจะ อนุมัติให้มีการยื่นขอคุ้มครองการล้มละลายเพื่อให้เป็นตามกฎหมายล้มละลาย มาตรา 9 ของสหรัฐหรือไม่ แต่หากว่าศาลอุทธรณ์ตัดสินให้รัฐบาลเมืองดีทรอยต์สามารถยื่นขอคุ้มครองการ ล้มละลายได้ แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบกระเทือนต่อความเชื่อมั่นในตลาดพันธบัตรรัฐบาลท้อง ถิ่นในสหรัฐที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 3.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐขึ้นทันที และนั่นก็จะยังทำให้ต้นทุนการกู้ยืมในหลายเมืองพุ่งสูงขึ้นอย่างหนักตามไป ด้วย

เพราะเมืองต่างๆ ที่มีหนี้สินอยู่มากก็จะหันมาเดินตามแบบอย่างของเมืองดีทรอยต์ มากขึ้น เนื่องจากเห็นว่าเป็นวิธีที่จะช่วยปลดลดหนี้ลงมาได้ง่ายที่สุด

“ในเมืองดีทรอยต์ไปจนถึงแคลิฟอร์เนียต่างมีความพยายามในการลดหนี้ และภาระการจ่ายผลตอบแทนการจ่ายเงินบำนาญลงมา ซึ่งถ้าการยื่นคุ้มครองการล้มละลายสำเร็จขึ้นมา เมืองอื่นๆย่อมจะต้องทำตามอย่างแน่นอน” ทิโมธีเบลก ผู้จัดการฝ่ายการจัดการของมูดี้ส์ กล่าวกับรอยเตอร์ส

ดังนั้น การแก้ปัญหานี้จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย เพราะความกังวลต่อปัญหานี้ทำให้ถึงขนาดที่ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐ ต้องยอมรับว่าจำเป็นต้องจับตาดูปัญหาหนี้สิน และการล้มละลายของรัฐบาลท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด

เพราะหากไม่สามารถแก้ไขให้ลุล่วงไปได้แล้ว แน่นอนว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่ดูเหมือนจะเริ่มแข็งแกร่งขึ้น ก็อาจจะสะดุดล้มหัวคะมำอย่างไม่เป็นท่าเอาได้ง่ายๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...