ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

บทความจากThanong Fanclub

 

Thanong Fanclub ได้แชร์ลิงก์

7 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Bangkok

ระบบการเงินโลกเป็นระบบที่อำพรางตนเองในกลไกเสรี แต่ที่จริงเป็นระบบที่บิดเบือนถูกปั่นตลอด

 

1. ดูตลาดทองก็แล้วกัน โพสท์ที่แล้ว Eric Sprottพูดชัดเจนว่าพวกCentral Plannersหรือ พวกนายธนาคารกลางที่มีอิทธิพลเหนือระบบการเงินโลกเป็นคนที่บิดเบือนราคาทองมาตลอด

http://kingworldnews...g_Extremes.html

 

Paul Craig Robertsก็พูดลักษณะเดียวกันว่าธนาคารกลางหรือเฟดของสหรัฐฯเป็นคนอยู่เบื้องหลังทุบราคาทองเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อป้องกันค่าดอลล่าร์ให้คนหนีออกจากทอง

http://www.globalresearch.ca/the-feds-assault-on-gold-short-selling-and-the-rigging-of-the-gold-market/5331359

โดยนัยะเพื่อสนับเงินกระดาษหรือfiat currency system พวกนี้บิดเบือนด้วยการคุมทองphysical ขายออกมาเป็นระยะๆเพื่อให้ทองราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมาเป็นเวลาเนิ่นนานให้คนลืมไปเลยว่าทองคือเงินที่แท้จริงคนเราเวลาโดนล้างสมองนานๆผ่านการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยทางการเงินเศรษฐศาสตร์ ทางสื่อ ทางตลาดก็ลืมเรื่องทองไปเลย

 

แต่หลัง2008-2009พวกcentral plannersเร่ิมเอาfiat currency systemไม่อยู่เพราะระบบการเงิน ตลาดการเงินพัง จึงใช้การพิมพ์เงินผ่านคิวอีมาอุดทั้งอังกฤษ สหรัฐฯและญี่ปุ่นตอนนี้ทางไอเอ็มเอฟแนะให้ธนาคารกลางแห่งยุโรปทำคิอีมั่งเป็นก๊วนเดียวกันหมด ที่บิดเบือนตลาด

 

การพิมพ์เงินมากๆจะทำให้เงินกระดาษหมดความน่าเชื่อถือตัวที่บอกว่าเงินกระดาษไม่น่าเชื่อถือได้เร็วที่สุดคือราคาทองที่วิ่งสวนทางกัน พวกcentral planners จึงทุบราคาทองกันหนักอีกเหตุผลก็เพื่อปล้นทอง[hysicalคืนมาเพื่อเอาไปคืนผู้ฝากอย่างเยอรมันเพราะตอนนี้ไม่มีทองเหลืออยู่อย่างที่ประกาศที่ผ่านมาขายทองออกมาเยอะเพื่อปกป้องเเงินกระดาษนั่นเอง

http://www.globalresearch.ca/the-feds-assault-on-gold-short-selling-and-the-rigging-of-the-gold-market/5331359

 

2. ตลาดบอนด์ถูกบิดเบือน

 

พอระบบการเงินล้ม 2008 เฟดพิมพ์เงินอุ้มดอลล่าร์ อุ้มแบงค์ อุ้มหุ้นอุ้มทอง อุ้มบอนด์ อุ้มดอกเบี้ย0% อุ้มดะว่างั้นเถอะ กลไกตลาดถูกบิดเบือนแต่เขามีคำศัพท์ให้เราฟังเพลินหู ใช้คำว่าunconventional methodวิธีการที่ไม่เคยทำมาก่อน พิมพ์เงินก็เรียกquantitative easing อะไรทำนองนี้

 

เฟดตอนนี้แทรกแซงตลาดบอนด์ด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเพื่อกดดอกยิด์ให้ต่ำ อีกประการหาคนซื้อบอนด์ไม่ได้บอนด์ออกมาเพื่ออุตงบประมาณขาดดุลและพื่อroll over หนี้เก่าปีนี้จะออกบอนดฺ์$4ล้านล้าน มากกว่างบประมาณรัฐบาลกลางเสียอีก หนี้ต่อหนี้

 

ตลาดบอนด์รัฐบาลสหรัฐมีขนาด$11.9ล้านล้านโดยเฟดเริ่มมีบทบาทนตลาดนี้มากขึ้นตอนนี้เฟดได้ขยายงบดุลจาก$800,000ล้านปี2008เป็น $3.5ล้านล้านขณะนี้ด้วยการซื้อmortgage backed securities และซื้อบอนด์รัฐบาล

 

ซื้อMBSไปแล้ว$1.8ล้านล้านเพื่ออุ้มสินทรัพย์เน่าของแบงค์ เพื่ออุ้มแบงค์

ซื้อพันธบัรรัฐบาล เพื่ออุ้มทำเนียบขาวและคอนเกรซ เพื่อให้รัฐฯมีเงินจ่ายดอกเบี้ย เพิ่มหนี้ใหม่ เพื่อการใช้จ่ายเกินตัวต่อไป

 

ดอกเบี้ยบอนด์ถูกกดต่ำผิดธรรมชาติโดยเฟดแต่ช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมาได้บอนด์10ปีกระโดดจาก1.5% เป็น2.7%ในช่วงที่ผ่านมาหลังลุงเบนปากพล่อย ตอนนี้อยู่ทีประมาณ2.5%

 

ตารางบอกระยะ200กว่าปีที่ตั้งสาธารณะรัฐอเมริกา ดอกบอนด์อยู่เฉลี่ย6%

 

Thanong Fanclub

 

Goldman Sachsเตือนแล้วว่าปีหน้าได้เห็น4% ระยะเวลา20ปีจนถึง2007 ดอกเบี้ยพันธบัตร10ปี อยู่ที่เฉี่ย6% ถ้าดอกกลับไปสู่สภาพปกติตลาดบอนด์ที่เป็นลูกโป่งจากการอุ้มชองเฟดจะแตก

file:///C:\Users\VR\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image002.jpg

(3) อุ้มตลาดหุ้น

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯก็เป็นตลาดปั่น อุ้มมาตลอดโดยนโยบายการเงินจากเฟดเพราะว่าwealth effect อยู่ในนี้เกือบหมด ถ้าหุ้นพังระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯก็จะพังตาม ความเป็นผู้นำโลกก็จะหมดไปเพราะฉะนั้นนโยบายทุกอย่าง จึงมารวมศูนย์อยู่ที่เลี้ยงตลาดหุ้นให้โต ต้องทำไปเรื่อยๆหยุดไม่ได้

 

ปู่อลัน กรีนแสปนอดีตประธานเฟดเป็นคนเป่าฟองสบู่ทำให้เกิดปัญหาซับไพรม์บุชผู้ลูกก็เล่นด้วย เพราะต้องการให้คนอเมริกันมีบ้านกันทุกคนไม่ว่าจะรวยจะจน นโยบายบุชจึงเป็นนโยบายบ้านเอื้ออาทรของเขามาก่อนบ้านเอื้ออาทรของทักษิณ

 

ปู่กรีนแสปนเลยดำเนินนโยบายดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำต้งแต่2001 จนถึง2006 ที่ส่งเสริ้มให้เกิดการบูมของภาคอสังหาฯ ทำให้เกิดตราสารหนี้แปลกๆหุ้นบูม

ช่วงนั้นทุกคนคิดว่าราคาบ้านยังไงก็ไม่ตก ปล่อยกู้กันแหลกถ้าผ่อนไม่ไหวก็ขายทอดตลาดได้กำไรคนก็เอาบ้านเข้าแบงค์เพิ่อเอาเงินมาใช้ล่วงหน้า

 

ปู่กรีนแสปนสร้างฟองสบู่เองกับมือแต่ให้สัมภาษณ์ว่าเศรษฐกิจอเมิรกาไม่เป็นฟองสบู่ เพราะว่าเป็นNew Economy หรือเศรษฐกิจใหม่ ที่โตขึ้นจากความสามารถการแข่งขันของธุรกิจและการปฏิวัติไอทีที่สร้างประสิทธิภาพให้ธุรกิจ

 

แต่ฟองสบู่การเงินไม่ได้พูดถึง เป็นกฎธรรชาติ เมื่อมีฟองสบู่สักวันมันก็แตกฟองสบู่ซับไพรม์ทำให้ดาวโจนส์ไประดับ 14,000กว่าๆปี2007 ก่อนจะแตกตามมาด้วยการล่มสลายของเลห์แมน บราเธอรส์และวอลล์สตรีทในปี2008 เป็นการล่มสะลายของระบบการเงินโลกด้วยตั้งแต่นั้นมายังไม่ฟื้นเลยจากความเสียหาย

 

ปู่กรีนแสปนที่ก่อนหน้านี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนายใหญ่แห่งจักรวาลหมดรูปเสียฟอร์มเพราะเป็นคนสร้างฟองสบู่ที่ใหญ๋ที่สุดในโลก ซื่อเสียงป่นปี้

 

แต่ตอนหลังยังออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ธนาคารกลางไม่รู้หรอกว่าเศรษฐกิจเป็นฟองสบู่ จะรู้ก็ต่อเมื่อมันแตกแล้ว

 

โอ...นายใหญ่ของจักรวาลผู้เป็นพหูสูตร เป็นอย่างนี้เอง

 

พอลุงเบน เบอร์นันกี้มารับตำแหน่งประธานเฟดต่อจากปู่กรีนแสปนก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องเซฟอเมริกาจริงๆแล้วต้องการเซฟแบงค์ใหญ่ของวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นมากกว่าคนอเมริกันเป็นอย่างไรก็ช่าง ลุงเบนเลยทำQEหูตาเหลือกเพราะหุ้นดาวโจนศ์ร่วงเหลือ7,000เดือนมีนาคม 2009ต้อนรับโอบามาซึ่งกำลังนั่งในทำเนียบขาวสดๆร้อนๆ

 

ลุงเบนกดดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซ็นต์ พิมพ์เงินช่วยระบบการเงินและแบงค์ส่วนแบงค์เล็กปล่อยล้ม ให้สภาพคล่องหุ้นอุตหลุตอุ้มบอนด์รัฐและตราสารของแบงค์อย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน

 

จนทุกวันนีลุงเบนเอาชนะปู่กรีนแสปนได้ เพราะเป่าลูกโป่งตลาดหุ้นได้ใหญ่กว่า หุ้นไป15,000กว่าไปแล้ว ทุบสถิติในอดีต

 

หุ้นที่ขึ้นเกิดจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจนเป็นลูกโป่ง ส่วนปัจจัยพื้นฐานไม่มีอะไรดีขึ้น

 

สหรัฐฯพลาดโอกาสปฏิรูปเศรษฐกิจให้แข็งแรงข่วง2008ถึงปัจจุบันเพราะเกรงกลัวว่าจีนหรือกลุ่มบริกส์ที่แข็งแรงกว่าตอนนั้นจะเข้าฮุบกิจการหมด

 

พอฟองสบู่หุ้นมาถึงจุดนี้ จุดที่พื้นฐานเศรษฐกิจไปต่อลำบาก มันสวนทางกัน แล้วจะให้ลุงเบนทำอย่างไร

 

คำตอบคือ The Show Must Go On ลุงเบนต้องทำQE1,2,3,4,5ไปเรื่อยๆอุ้มตลาดหุ้นไปเรื่อยๆ เพราะถ้าหุ้นพังคราวนี้จะฟื้นต่อในระบบเดิมแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว

file:///C:\Users\VR\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image003.jpg

(4) อุ้มเศรษฐกิจ จนเป็นเศรษฐกิจเทียม

 

เคยเขียนก่อนหน้านี้แล้วว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นเศรษฐกิจเทียม artificial economy เศรษฐกิจสหรัฐฯเหมือนเศรษฐกิจกรีซคืออยู่ได้เพราะการอุ้มทางการเงินของภาครัฐที่กู้เงินอนาคตมาอุ้มทั้งระบบเศรษฐกิจ ผ่านนโยบายขาดดุลทางงบประมาณ

 

เศรษฐกิจสหรัฐฯตอนนี้ ถ้ารัฐบาลไม่อุ้ม ก็ล้มทันที

 

หลังจากการพังของระบบการเงินและเศรษฐกิจปี2008 ปรากฎว่าเงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯจากฟองสบู่แตกปีละ$1.2ล้านล้านเหมือนหัวใจสี่ห้องทำงานได้แค่หนึ่งห้องโอบามาจึงต้องอัดงาบประมาณขาดดุลย์เข้าไป$1.2ล้านล้านต่อปีเพื่อชดเชยเม็ดเงินที่หายไปจากความเสียหายจากฟองสบู่ที่แตก

 

ทำให้หนี้สาะารณะสหรัฐฯเพิ่มอย่างรวยดเร็วจาก$10ล้านล้านช่วงโอบามาเพิ่งรับตำแหน่งปี2009จนตอนนี้จะทะลุ $17ล้านล้านแล้ว ทำให้เพดานเงินกู้ต้องเพิ่มทุกๆปีไม่อย่างนั้นรัฐบาลกลางจะตีเงินเช็คเด้ง

 

เศรษฐกิจสหรัฐฯมีขนาดประมาณ$16ล้านล้าน ตอนนี้โตแค่1.5% หรือ$200,000กว่าล้านเอง ถ้าไม่มีเงินรัฐบาลกลางผ่านงบขาดดุลจะติดลบหนักมาก เพราะงบขาดดุลเทียบเท่า 8-9%ต่อจีดีพี

 

งบประมาณที่ขาดดุล ต้องออกบอนด์ หาคนซื้อไม่ได้ และไม่ต้องการให้ดอกแพงเพราะเดี๋ยวไม่มีปัญญาจ่ายดอกเบี้ย ลุงเบนอาสาเข้ามาอุ้มบอนด์รัฐบาลทำคิวอีซื้อไปเลย แถมกดดอกเบี้ยตำๆให้อีก เพื่อให้พออยู่ได้

 

สรุปขณะที่โอบามาพยายามอุ้มเศรษฐกิจ ลุงเบนอุ้มทั้งเศรษฐกิจ ทั้งรัฐบาล

 

แล้วมันจะไหวหรือ

 

Thanong Fanclub

(5) พิมพ์เงิน กดดอกเบี้ย0% ก็เป็นการบิดเบือนตลาด สร้างฟองสบู่

 

การกดดอกเบี้ยเหลือ0%กว่าๆ ก็เป็นการบิดเบือนตลาด ต้องร่วมกันทำระหว่างพวกที่ภาษาสุภาพเรียกว่าcentral planners หรือผู้วางแผนจากส่วนกลาง ที่ดูแลระบบการเงินโลก แต่ภาษาไม่สุภาพเรียกว่าพวก แก๊งพิมพ์เงิน

 

ที่พิมพ์เงินหนักๆตอนนี้คือเฟดของสหรัฐฯและธนาคารกลางของญี่ปุ่น ธนาคารกลางของอังกฤษ ธนาคารกลางของยุโรก็ทำ แต่ไม่มากเพราะเยอรมันคุมอยู่ แต่ต่อไปไม่แน่ เพราะไอเอ็มเอฟแนะแล้ว ถ้าเศรษฐกิจแย่ลง เกิดจากสภาพคล่องหด จากดอกที่ขยับขึ้น ให้อีซีพีพิมพ์เงินไปเลย ร่วมแก๊งพิมพ์เงินได้อย่างไม่ต้องเขิน

 

เฟดทำคิวอีไปแล้ว เกือบ$3ล้านล้าน อังกฤษทำไปแล้ว$700,000ล้าน ญี่ปุ่นจะทำ$1.4ล้านล้านใน 2ปีข้างหน้า หรือเทียบเท่า 25%ต่อจีดีพี ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 1990หลังฟองสบู่แตกญี่ปุ่นทำมาแล้ว 8 ครั้งเทียบเท่า20%ต่อจีดีพี

 

ดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐอยู่ที่0.25% อังกฤษ0.50% อีซีบี0.50% ญี่ปุ่น0.10%

 

่ส่วนไทยอยู่ที่2.50%

 

พิมพ์เงิน เอาดอกต่ำแบบนี้เป็นการทำสงคราม เพราะสามารถกู้ดอลล่าร์ เยนถูกๆ แล้วเอาไปถล่มชาวบ้านที่ค่าเงินแข็งกว่า ดอกสูงกว่าได้ ถ้าสถานการณ์ปกติดอกเบี้ยพันธบัตร10ปีน่าจะอยู่ระหว่าง4-6% แต่ตอนนี้กดต่ำผิดธรรมชาติที่2.5%

 

ในขณะเดียวกันdffvd9je me8b;vuเป็นการสร้างฟองสบู่การเงินไปทั่วโลกตั้งแต่ปี 2008เป็นต้นมา ฟองสบู่นี้เริ่มมีอาการไม่ดีเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาที่ลุงเบนบอกว่าอาจ จะแตะเบรคคิวอี ถ้าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้น

 

แค่นั้นก็ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกปวนจนย่ำแย่ไปตามๆกัน เพราะศูนย์กลางการเงินคุมเกม ให้สภาพคล่องพิมพ์เงิน ประเทศบริวารก็บูม ชักเงินกลับบริวารก็เจ้ง

สรุป

 

แล้วกลไกเสรีมันอยุ่ตรงใหน แหกตาทั้งนั้น ทุกอย่างในระบบการเงินเป็นการปั่นไปในทิศทางที่central plannersต้องการหมด โดยที่ทำอย่างเนียนๆ บางทีก็ทำอย่างสาวหาวไม่เนียนแต่คนก็ไม่รู้สึก เพราะคุ้นเคยกับระบบที่ครอบหัวมานานนับศตวรรษ

 

ในเมื่อระบบไม่เสรี จริง กลไกตลาดไม่ได้ทำงานจริง ไทยหรือประเทศบริวารจะเสียท่าหมดตัว ถ้าเราผูกระบบเศรษฐกิจและการเงินเข้ากับศูนย์กลางการเงิน โดยไม่มีการควบคุม หรือสร้างภูมิต้านทาน

 

เขาจะปั่นอย่างไก็ได้ โดยที่เราไม่รู้เรือง แต่พอจะรู้เรื่องทุกอย่างก็จะสายเกินไป เพราะทรัพย์สินเรา ทรัพยากรธรรมชาติ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ จะถูกเปลี่ยนมือไปให้เขาหมด

 

 

https://www.facebook.com/groups/135029796643588/300304170116149/

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวใหญ่ เจพีหม้อแกง จะยุติกิจการด้านโภคภัณท์

 

http://www.zerohedge...modity-business

 

หลังจากที่ทุบราคาทองจน เฮดฟันรับภาระ short ไปเต็ม ๆ ตัวเองก็ออกมานอกเกมส์ ซะงั้น

ถ้าข่าวนี้เป็นจริง แล้วใครจะขายทอง หรือต่ออายุสัญญาให้เฮดฟัน ในตลาด Comex ละ ทองจะขึ้นเป็นจรวดหรือเปล่า รอดูเดือนหน้า

 

ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ เห็นเจพี มอรอนเริ่มมีการประกาศขาย/ขายตู้นิรภัยที่สร้างขึ้นตามประเทศต่างๆ รวมถึงสิงคโปร์ ออกไปแล้ว

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อลิสแตร์ แมคคลาว คุยกับ แมกซ์ ไคเซอร์ -- เขานำตัวเลขของธนาคารกลางอังกฤษ และแอลบีเอ็มเอมาวิแคะ และพอจะสรุปตามนี้

  • ธนาคารกลางอังกฤษ คิดค่าฝากทองคำกับธนาคารกลางอื่นๆแพงมาก เลยเป็นการบังคับกลายๆให้ธนาคารกลางอื่นๆ ต้องปล่อยกู้ทองคำผ่านธนาคารกลางอังกฤษ เพื่อลดค่าใช้จ่าย และ/หรือ หากำไร
  • ธนาคารกลางอังกฤษ มีส่วนในการบริหารจัดการ และกำหนดอัตราดอกทอง ผ่านแอลบีเอ็มเอ
  • ทองคำที่ฝากไว้กับธนาคารกลางอังกฤษ มีปริมาณลดลงไปถึง สี่สิบล้านทรอยออนซ์ (ทอง ๔๐๐ ทร.ออนซ์ ๑๐๐,๐๐๐ แท่ง หรือ ประมาณ ๑๓๐๐ ตัน) ในระยะเวลาประมาณ ๔ เดือน (ก.พ.-มิ.ย.)
  • จากประสบการณ์ของเขา เขามองว่าปริมาณทองคำที่ถูกเทขายมาจากกองทุนทองคำกระดาษนั้น ไม่เพียงพอในการทุบทองคำให้อยู่ในราคานี้ได้ และเขามองว่า ประมาณทอง ๑,๓๐๐ ตันที่หายไปนี่แหละ เป็นตัวการที่ทำให้ราคาทองลงได้หนักขนาดนี้ และน่าจะทำให้เหยียบราคานี้ไว้ได้ประมาณ ๓-๔ เดือน
  • ทองคำพวกนี้เป็นทองคำของคนอื่นๆที่มาฝากไว้กับธนาคารกลางอังกฤษ และน่าจะได้ถูกปล่อยกู้ออกไปในปริมาณ ๑๓๐๐ ตัน
  • ปัญหาคราวนี้ก็คือ ถึงเวลาต้องเอาทองคำมาคืนคนที่ฝากทองคำ จะไปเอาทองคำจากสาวอินเดีย และสาวจีนมาคืนอย่างไร

นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำไมถึงต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๗-๘ ปี ในการนำทองคำคืนเยอรมัน เพราะทางเทคนิค แม้เยอรมันจะเป็นเจ้าของอยู่ บางส่วนน่าจะมีการโดนปล่อยกู้ออกไปแล้ว และจะต้องรอจนถึงครบกำหนด เพื่อที่จะได้รับทองคำคืนมา

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

5 ชั่วโมงที่แล้ว

รัสเซียไม่ได้หยุดการซื้อทอง แต่กลับซื้อทองเพิ่มเดือนมิถุนายน

 

 

ข่าวรอยเตอร์แจ้งว่า รัสเซียเพิ่มการซื้อทอง0.3ตันในเดือนมิถุนายน มีผลให้ทองสำรองเพิ่มเป็น996.4ตัน นับเป็นการตะลุยซื้อทองเป็นเวลา9เดือนติดต่อกันของรัสเซีย

 

รัสเซียมีทองอันดับ7ของโลก ถ้าไม่นับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

 

*********************************************************

 

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่ารัสเซียหยุดการซื้อทองเดือนมินถุนายน

 

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ (21กรกฎาคม 2013)-ธนาคารกลางรัสเซียยืนยันไม่ได้กว้านซื้อ “ทองคำ” มาถือครองเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนที่แบงก์ชาติแดนหมีขาวไม่ยอมเพิ่มปริมาณทองคำสำรองในความครอบครองของตน ถือเป็นท่าทีที่สร้างความประหลาดใจไปทั่วโลก

 

รายงานข่าวระบุว่า ธนาคารกลางรัสเซียไม่ได้กว้านซื้อทองคำมาถือครองเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายน แม้ราคาทองคำในตลาดโลกล่าสุดจะร่วงลงไปมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นระดับราคาต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอย่างยิ่ง หลังจากที่รัสเซียทำการกว้านซื้อทองคำเพิ่มอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

 

แสดงว่าข่าวมีความคาดเคลื่อน ด้วยเหตุผลใดมิอาจทราบได้

 

***********************************************************

 

คุณปัญญา ตั้งกิจการเจริญถาม

 

อจ.ครับทำไม RUS จึงประกาศให้โลกรู้ว่าตัวเอง ไม่ซื้อทองแล้ว อ่านจาก ment อจ.ข้างล่าง แต่หาไม่เจอแล้ว เลยไปเอาของผู้จัดการมา พวกเราดูใหม่ จะมาเกมไหนอีกครับ หรือจะจะกลายเป็นพวก เงินกระดาษแล้ว เพราะ BRICS เริ่มมีปัญหาทีละประเทศ

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000089364

Thanong Fanclub ไม่มีขอมูลพอที่จะตอบ แต่ก่อนหน้านี้รัสเซียตะลุยซื้อทองมาก ค้าขายกับอิหร่านโดยเอาทองแลก

July 21 at 11:37pm · Like · 2

 

Thanong Fanclub ตอนซื้อทองไม่บอก ตอนไม่ซื้อกลับประกาศ อาจจะเกทับพวกที่จะดัมพ์ทองก็ได้ ยังไงๆ รัสเซียต้องซื้อทองเพราะมีรายได้จากการขายน้ำมันเยอะ จะถือยูโร หรือดอลล่าร์หรือ เงินของคู่ปรับทั้งนั้น

 

******************************************

อีกท่าน อาจจะเป็นเทรดเดอร์ถามมาทางแมสเสจ

 

อยากสอบถามว่ารัสเซียหยุดตุนทองคำหลังเกบมาตลอดเก้าเดือนนี้แปลความต่อว่ายังไงคะ

 

Thanong Fanclub ไม่มีข้อมูลพอที่จะตอบครับ แต่ถ้าให้ประเมิน รัสเซียตุนทองครับ รัสเซียเป็นศัตรูกับสหรัฐฯกำลังยุให้จีนซัดกับหสรัฐฯอยู่ และรัสเซียก็ไม่อยากจะได้ดอลล่าร์คิวอี รัสเซียขายน้ำมันเอาทอง เอายูโร ลดดอลล่าร์ เนื่องจากกำลังจะสร้างระบบการเงินมาตรฐานทองคำกับจีน อินเดีย จึงน่าจะตะลุยเก็บทองต่อ ที่บอกไม่ซื้อ เพราะอาจจะออกข่าวลดดีมานด์ก็ได้

 

คล้ายๆกับอินเดีย ขอร้องประชาชนอย่าซื้อทองหรือนำเข้าทองเพิ่มเพราะขาดดุลย์ แต่ที่แท้ก็ตะลุยเก็บทอง

 

ชั่วโมงนี้ไม่มีใครเอาดอลล่าร์ครับ หมายถึงทางซีกนี้ในเชิงนโยบายหลัก

 

*******************************

 

Thanong Fanclub

http://www.reuters.com/article/2013/07/26/cbank-gold-imf-idUSL1N0FW0TC20130726

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

5 ชั่วโมงที่แล้ว

จับตาทองอินเดียให้ดี ลับลวงพรางที่สุด

 

 

ในบรรดามหาอำนาจทั้งหลายอินเดียเป็นเสือซุ่มมากที่สุด นาทีนี้แขกไม่แพ้จีนเรื่องลับลวงพรางทอง

 

อินเดียปกติจะนำทองเข้ามากที่สุดในโลกอยู่แล้ว เพราะว่าคนอินเดียนิยมเก็บทองตามบ้าน อุตสาหกรรมเครื่องระดับทองบูม เพราะเป็นธรรมเนียมตั้งแต่โบราณกาลที่คนอินเดียต้องเก็บทองเหมือนเมืองไทยเรา ตลาดทองผู้บริโภคอินเดียจึงใหญ่ที่สุดในโลก

 

จากกราฟแท่ง ปี2008 อินเดียนำเข้าทองเกือบ800 ตัน ปี2009นำทองเข้าตกหน่อยเหลือระมาณ 600ตัน แต่ช่วง 2010-2013 อินเดียนำเข้าทองเกือบ1,000ตันทุกปี

 

ช่วงเดียวกันนี้จีนก็ตะลุยนำเข้าทองเหมือนกัน เหมือนรู้กันอยู่ว่าดอลล่าร์ปีกหักแล้ว รัสเซียก็ซื้อทองเพิ่ม แสดงว่าสามเกลอของกลุ่มบริกส์คิดที่จะท้าทายระบบดอลล่าร์ตั้งแต่หลังวอลล์สต รีทล่มเมื่อปี 2008

 

การนำเข้าทองของอินเดียในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีผลทำให้ดุลการค้าขาดดุลหนัก ค่าเงินรูปีตก10%

 

ข่าวที่เป็นทางการบอกว่ารัฐบาลอินเดียห่วงดุลการค้ามากจนต้องพยายามเตือนผู้ ค้าทองให้ลดการนำเข้า พอเตือนมากไม่ทันก็ขึ้นภาษีทองจาก1% เดือนธันวาคม2011เป็น 8%

 

นอกจากนี้ทางการยังห้ามกู้เงินเพื่อซื้อทองนำเข้า ต้องจ่ายเงินสดล่วงหน้าอย่างเดียว

 

แต่ก็หยุดกระแสคลั่งทองของอินเดียไม่ได้ ห้ามนักก็มีการลักลอบนำเข้า ตำรวจเริ่มจับคนลักลอบทองได้มากขึ้น แต่ทางการก็ยอมรับว่าตรวจสอบได้แค่5-10%ของทองที่ลักลอบนำเข้าอินเดีย

 

Eric Sprott ประธานของ Sprott Asset Management บอกว่าเรื่องทองอินเดียมีพวก central plannersหรือพวกที่คุมระบบการเงินโลกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พวกนี้บีบทางการอินเดียให้ขึ้นภาษีทองนำเข้า และให้แบงค์งดเครดิตการนำเข้าทองคำ

 

นอกจากนี้ Sprottยังกล่าวต่อไปว่า พวกcentral plannersกดดันพวกสมาคมอัญมณีเครื่องประดับอินเดียไม่ให้ขายทองคำแท่งหรือ ทองคำเหรียญให้ประชาชนนักลงทุน นอกจากนี้พ่อค้านำเข้าทองยังต้องแสดงว่าได้ส่งออกทองเครื่องประดับในปริมาณ เท่าใดด้วย

 

ที่พวกcentral plannersต้องออกแรงเหนื่อยช่วงนี้ในความลดกระแสคลั่งทอง เพราะว่าทองร่อยหรอแล้วในซับไพลล์ของพวกเขา

 

ลึกซึ้งจริงๆ เรื่องทอง

Eric Sprott: "And the central planners (also) went to India and said, ‘Look, you’ve got to do something about all of this gold buying in India.’ So we’ve had ten different steps by the Indian government to try to curb demand -- a 2% tax, a 4% tax, a 6% tax, an 8% tax, and a ruling that banks couldn’t lend money for people to buy gold.

 

"They also convinced the Jewelers Association that as of July 1st they couldn’t sell gold bars and coins. Just last week there was a new rule implemented that if you are importing gold you have to prove that a certain amount is being re-exported. We’ve probably had ten or twelve things (restrictions) happen in six months, all of which is a huge attempt to get the second biggest buyer of gold in the world, after China, to decrease consumption because the gold isn’t around."

 

http://kingworldnews.com/kingworldnews/KWN_DailyWeb/Entries/2013/7/26_Eric_Sprott_-_Physical_Gold_Shortage_Now_Reaching_Extremes.html

 

http://www.zerohedge.com/news/2013-07-26/gold-smuggling-soars-india

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวเก่าที่ผมเคยลงมาแล้ว(ตั๋วจำนำในไทยมีอายุ5เดือน ทุบตอนเดือนเมษายน ตอนนี้ผ่านมา3เดือนกว่าแล้ว )

 

 

 

---ร้านทองจำนวนไม่น้อยที่ยังอยู่ได้เพราะรายได้จากการจำนำทอง แสดงว่าต้องเยอะ

---ร้านทองบางแห่งเปิดในทำเลที่ไม่น่าจะขายทองได้ดี เพื่อนคนนึงบอกว่าอยู่ใกล้บ่อน

---ตอนที่ผมเข้าเวปนี้ใหม่ๆหลายปีแล้ว ตอนนั้นโฆษณายังน้อย พอคุณกัมพลจะต้องปรับปรุงเวป มีหลายท่านเสนอว่าจะร่วมด้วยช่วยสมทบเงิน คุณกัมพลจะปฎิเสธ คุ้นว่าตอนนั้นคุณกัมพลบอกว่ามีรายได้จากการขายโปรแกรมจำนำทองมาช่วย

 

มีข้อมูลเพิ่มเติมครับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่ามูลค่าการรับจำนำของธุรกิจโรงรับจำนำทั้งระบบในปี 2550 เท่ากับ 106,700 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2549 แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 เนื่องจากปัจจัยหนุนหลาก

http://www.positioni...s.aspx?id=59278

เนื่องจากปัจจุบันทองคำมีสัดส่วนประมาณ 80%ของสินทรัพย์ที่นำมาจำนำ

http://www.thaigold....post__p__433426

 

ทุบทองเที่ยวนี้ปริมาณทองคำจากโรงจำนำทั่วโลกคงจะไหลคืนตลาดทองคำไม่น้อย ยึดทองคำคืนจากกลุ่มคนจนก่อนเลยนะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ได้ยึดทองจากคนจนหรอกครับ....เขาเอาเงินที่จะไถ่คืนมาซื้อใหม่ในราคาที่ถูกกว่า ต้น + ดอกครับ.....

 

ไอ้ที่แย่ขาดทุนนะ.....ร้านทองล้วน ล้วนครับ......

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
จากตัวเลขของธนาคารโลก ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจจีนถึง 2 เท่า โดยตัวเลขจีดีพีของสหรัฐ พุ่งสูงถึง 15 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่จีดีพีของจีน มีเพียง 7.3 ล้านล้านดอลลาร์ สหรัฐไม่เพียงแต่มีตลาดขนาดใหญ่ภายในประเทศเพื่อรองรับสินค้าเท่านั้น แต่ยังยึดครองภาคบริการด้วย ตัวเลขการค้าทั้งหมดของสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว อยู่ที่ 4.93 ล้านล้านดอลลาร์ สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจ หรือบีอีเอ บอกว่า สหรัฐได้เปรียบดุลภาคบริการ 195,300 ล้านดอลลาร์ แต่สหรัฐก็ไม่ต่างจากชาติตะวันตกส่วนใหญ่มียอดขาดดุลภาคสินค้าจำนวนมากและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก

 

สำหรับยอดขาดดุลภาคสินค้าของสหรัฐมีมากกว่า 700,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับการได้เปรียบดุลการค้าของจีนในปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ทั้งสิ้น 231,100 ล้านดอลลาร์

http://www.dailynews.co.th/article/84/187871

 

ระเทศคู่ค้าที่สำคัญของจีนในปี 2555 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ยุโรปยังเป็นคู่ค้าและแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ของจีน ขณะที่สหรัฐฯ ได้แซงหน้ายุโรปกลายเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของจีน ในปี 2555 การค้าจีน-ยุโรปมีมูลค่า 546,040 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.7 จากปีก่อน โดยมูลค่าสินค้าที่จีนส่งออกไปยุโรปทั้งสิ้น 333,990 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 6.2 ขณะที่จีนนำเข้าจากยุโรปมีมูลค่า 212,050 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และจีนเป็นฝ่ายเกินดุลการค้ามูลค่า 121,940 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 15.8

 

http://www.siamturakij.com/home/news/display_news.php?news_id=413370807

 

จากโพสของคุณบอนไซในกระทู้หุ้นฯ ผมเลยมานั่งคิดแบบชาวบ้านๆ

ถ้าเมกาเป็นลูกค้ารายใหญ่ของจีน จีนจะทำลายเมกาแล้วขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แทนได้อย่างไร มันจะขาดสมดุล

เปรียบง่ายๆ เหมือน โดยธรรมชาติ ผู้ล่าจะมีจำนวนน้อยกว่าผู้ถูกล่าเื่พื่อความสมดุล

หากผู้ล่ามากกว่าผู้ถูกล่า อาหารจะขาดแคลน ผู้ล่าก็จะเดือดร้อน ต้องลดจำนวนลงเองเพื่อสร้างสมดุล

 

เว้นแต่ จีนจะหันมาขยายตลาดในประเทศ แต่นั่นก็จะต้องระวังเรื่องฟองสบู่ซึ่งจีนกำลังควบคุมอยู่

 

ในความเห็นผม จีนจะขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ได้ต่อเมื่อตลาดผู้บริโภคในประเทศขยายตัวรองรับแทนเมกาได้ โดยควบคุมไม่ให้เกิดฟองสบู่

 

ปล.ผมเอามาโพสในกระทู้นี้เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลมากกว่า

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

ถูกใจแล้ว · 6 ชั่วโมงที่แล้ว

 

กันยายนอาจได้เห็นเฟดแตะเบรคQE

 

DBS Global Research ออกรายงานวันนี้ 29 กรกฎาคม 2013 ว่า

ประชุมเฟดวันที่31กรกฎาคมอาจจะไม่มีข่าวใหญ่ แต่ตลาดมีการคาดการว่าเฟดจะแตะเบรคการพิมพ์เงินผ่านนโยบายQEในเดือนกันยายน

 

ลุงเบน เบอร์นันเก้อาจจะไม่ออกมาพูดอะไรวหลังประชุมFederal Open Market Committeeของเฟด อาจจะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ รวมทั้งตัวเลยการว่างงาน คาดกันว่าอัตราว่างงานอาจจะดีขึ้นจาก7.6% เป็น7.5%

 

ไฮไลท์น่าจะเป็นการประชุมเฟดวันที่ 17-18กันยายน เพราะหลังจากนั้นลุเบนจะออกมาแถลงข่าว

 

DBS Global Researchบอกว่ามีการคาดการว่าเฟดจะแตะเบรคคิวอี

 

The FOMC meeting on July 31 is likely to be a non-event. Expectations remain for the Fed to taper asset purchases at its next FOMC meeting on September 17-18. Fed Chairman Ben Bernanke will not be holding a press conference

after this week’s FOMC meeting, but one after the September meeting.

 

********************************************************

 

ความเห็น:

 

เฟดเลิกคิวอียุ่งแน่ ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ที่ไม่ได้อยู่ในกระแสหลักบอกว่า เฟดไม่มีทางเลิกคิวอีได้ ต้องทำคิวอีตลอดกาล ถ้าเลิกคิวอี งานเลี้ยงก็จบ เพราะว่า

 

1. ดอกเบี้ยจะขึ้น ดอกขึ้นภาระหนี้ที่หนักอยู่แล้วของทั้งภาครัฐและเอกชนจะยิ่งแยีไปอีก

 

2. ตลาดอนุพันธ์ที่มีขนาด$600-$1,000ล้านล้านจะพัง เพราะดอกขึ้นจะทำให้เกิดการผิดชำระกันระหว่างแบงค์

 

3. อสังหาฯเศรษฐกิจโดยรวมที่อ่อนแออยู่แล้ว ก็จะยิ่งไม่ฟื้น

 

4. ตลาดการเงิน ระบบการเงินโลกจะป่วน เงินจะไหลออกจากตลาดเกิดใหม่รวมทั้งบ้านเราด้วย ผลก็คือดอกจะขึ้น ค่าเงินจะอ่อน หุ้นจะตก ส่งออกแย่ จีดีพีจะลดลง

 

รู้ทั้งรู้ว่าถอนคิวอีสหรัฐฯจะพัง แต่ประเด็นคือคู่แข็งเช่นพวกบริกส์ หรือตลาดเกิดใหม่ ไร้เดียงสาแบบไทยเรา อาจจะพังก่อน

 

นี่คือสงครามการเงินแบบคลาสสิค ลุงเบนอาจจะบอกเป็นนัยว่า ไงๆผมก็จะล้มอยู่แล้ว แต่ขอลากคุณให้ล้มก่อน แล้วดูซิว่าใครจะลุกขึ้นมาได้ก่อนกัน

999079_148115298718186_582796168_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

10 ชั่วโมงที่แล้ว

ราคาทองจะพุ่งเพราะของขาดตลาด และเล่นพิมพ์เงินไม่เลิก

 

Egon von Greyerz, ผู้ก่อตั้งMatterhorn Asset Management จาก Switzerland บอกว่าราคาทองยังไงจะต้องพุ่งขึ้นสูง โดยจะเร่ิมทะยานใหม่น่าจะเป็นเดือนกันยายนนี้ เพราะ

 

1.พวกบรรดานายธนาคารกลางมีการพิมพ์เงินมากเกินไป หรือไม่จำกัดจนเงินท่วมโลก

 

2. ทองขาดตลาดอย่างรุนแรง

 

คนนี้กับEric Sprott แห่ง Sprott Asset Management มีความเห็นเรื่องทองคล้ายๆกัน ถ้าอยากรู้เรื่องทองดี ให้ตามสองคนนี้ เพราะว่าทั้งคู่ตั้งป้อมรบกับพวกแก๊งพิมพ์เงินเต็มที่

 

Greyerzบอกว่าในระยะสั้น ราคาทองที่สูงขึ้นจะมีปัจจัยมาจากการขาดแคลนทองมากกว่า เพราะว่าพวกธนาคารกลางทั้งหลายมีการขายทองออกมาให้กับพวกธนาคารค้าทอง bullion banks ทำให้ทองคำที่มีอยู่ในตลังของธนาคารกลางในโลกตะวันตกที่บอกว่ามีอยู่กัน รวม23,000ตัน ตอนนี้อาจจะเหลืออยู่น้อยมาก

 

Greyerz อธิบายว่า ตอนนี้พวกbullion banksมีปัญหาหนัก ชอร์ตทองมาตลอด พวกนี้กำลังพยายามตุนทองphysicalกลับมา หลังจากที่ได้เทขายทุบราคาทองผ่านตลาดทองกระดาษเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา พวกนี้ทำสำเร็จในการทุบราคาทองลงมา แต่ทองคำphysicalที่คายออกมาโดยพวก ETF หรือhedge fundsปรากฎว่าไหลเข้าไปอยู่ในมือของเอเซีย

 

(ขอใส่ไข่หน่อย: โดนซ้อนกลว่างั้นเถอะ ลื้อเล่นทุบราคาทองกระดาษ พวกกองทุนเจ้ง ต้องคายทองออกมาชำระบัญชี อั๊วไม่สน อั๊วรวบทองphysicalเข้ากระเป๋าอั๊วเลย ไอ้ดอลล่าร์กระดาษของลื้อ อั๊วยังไม่อยากจะเอาเลย แล้วไอ้ทองคำกระดาษของลื้อ คิดหรือว่าอั๊วจะโง่เอา)

 

พวก bullion banksยังคงชอร์ตทองมาก (นายใหญ่แห่งจักรวาลสั่งอย่าให้ทองมีค่ากว่าดอลล่าร์นะ) เพราะฉะนั้นต้องกว้านทองกลับมามาอุด ปัจจัยนี้ รวมทั้งการพิมพ์เงินจะเป็นแรงผลักดันให้ราคาทองสูงขึ้นเดือนที่จะมาถึง เริ่มต้นเดือนกันยายนนี้

 

Greyerz สรุปเหมือนSprott ว่าทองคำphysicalกำลังขาดตลาดนะจ๊ะ

 

Thanong Fanclub

http://kingworldnews.com/kingworldnews/KWN_DailyWeb/Entries/2013/7/26_Gold_Shortage_Creating_Massive_Problems_For_Bullion_Banks.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมเห็นต่างนิดนึงครับ ถ้าทองไม่ขาดตลาดจนจะหมดจริง เดือนกันยาอาจไม่ได้เห็นทองพุ่งขึ้นก็ได้ เพราะตามคาดการณ์ส่วนใหญ่คาดว่า FED น่าจะเริ่มหรือลด QE หลังจากเดือนกันยาหรือธันวา

 

ส่วนมากวิเคราะห์ว่าอาจทำด้วยวิธีนี้

 

1.ลดทีละ 10 ล้านล้านต่อเดือนไปจนหมด (85 75 65 55 45 35 25 15 5 0)

 

2.ปริมาณที่ลดแล้วแต่ผลการประชุม เช่นนี้ รอบนนี้ลด 10 ล้านล้าน รอบถัดไปลด 20 ล้านล้าน รอบต่อไปลด 30 ล้านล้าน ฯลฯ (75 75 55 55 25 25 25 ..... 0)

 

 

แต่ทั้งหมด FED น่าจะปิดท้ายด้วยคำว่า "หากมีความจำเป็นก็สามารถลดหรือเพิ่มปริมาณดังกล่าวได้" ...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

ถูกใจแล้ว · 5 ชั่วโมงที่แล้ว

 

เรื่องทองอินเดียลับลวงพรางไม่แพ้จีน

 

ตามประกาศ อินเดียมีทองคำสำรองอยู่557.7 ตัน หรือ9.6%ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมด แต่จริงๆแล้วอินเดียมีทองเท่าไหรไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่ามีมาก เพราะอินเดียเป็นตลาดผู้บริโภคทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นประเพณีแต่โบราณแล้วทีคนอินเดียมีทองเป็นเครื่องประดับและจะเก็บทองตามบ้าน

 

หลังวิกฤติ2008อินเดียเริ่มมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาก ระยะหลังเกือบ1,000ตันต่อปี เพราะฉะนั้นที่จะเอาทองไปทำเครื่องประดับเพื่อส่งออกคงจะไม่มาก ที่เหลือน่าจะเป็นการตุนมากกว่า เพื่อความปลอดภุัยทางการเงินกรณีระบบการเงินโลกมีปัญหา

 

เรื่องนี้ไม่น่าจะต่างจากจีนเลย จีนระกาศว่ามีทอง1,054.1ตัน เทียบเท่าประมาณ 1.6%ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมด แต่เอาเข้าจริงมีข่าออกมาว่าอาจมีถึง7,000ตัน หรือ10,000ตัน มากที่สุดในโลกแล้วก็ว่าได้

ถ้าใครเชื่อตัวเลขทางการจีนก็บ้าเต็มทน เพราะสัดส่วน1.6%ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมันเป็นไปไม่ได้ เพราะจีนบ้าทองพอๆกับอินเดีย

 

อินเดียเป็นส่วนหนึ่งของบริกส์ แต่บทบาทมหาอำนาจจะอยู่ที่จีนและรัสเซียมากกว่า เพราะอินเดียไม่ต้องการเป็นพระเอก และมีความอดทนสูง ยอมอดเปรี้ยวเพื่อกินหวาน

 

รู้กันอยู่พระเอกอินเดียกว่าจะจีบสาวได้ ต้องวิ่งไล่กันข้ามภูเขาสามลูก

 

กลุ่มบริกส์มีเจตจำนงจะล้มระบบการเงินที่มีดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก โดยจะแยกวงมาตั้งวิกของตัวเอง แล้วอะไรจะเป็นฐาน ถ้าไม่ใช่ทองเพื่อเป็นรากฐานของระบบมาตรฐานทองคำ ที่พิมพ์เงินกระดาษโดยมีทองคำหนุนอยู่

 

ในเมื่ออินเดียก็เป็นแกนของบริกซ์ในการต่อต้านกลุ่มแองโกล อเมริกัน อินเดียก็ต้องตุนทอง เฉกเช่นรัสเซีย และจีน

 

ระยะหลังมีการนำเข้าทองสูง ทำให้เกิดปัญหาขาดดุลหนัก ค่าเงินรูปีก็อ่อนลง10%จากการสูญเสียเงินสำรองเพื่อใช้ในการซื้อทอง ข่าวที่ออกมาคือ1. ทางการพยายามกีดกันการนำเข้าทอง เพื่อแก้ปัญหาดุลการค้าของประเทศ 2. ขึ้นภาษีทอง 3. ให้แบงค์งดเครดิตผู้นำเข้าทอง 4. ให้ส่งออกทองในรูปเครื่องประดับ20%ของทองที่นำเข้า

 

แต่ที่น่าจะเป็นจริงคือการการอินเดียน่าจะอยากตุนทองเต็มที่ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้การนำเข้าทองถูกหรือลักลอบนำเข้าทอง ตัวเลขการค้าแย่ก็ชั่วคราว เพราะการนำเข้าทองเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของการสร้างระบบการเงินใหม่ที่อิงทอง เป็นการประสานนโยบายร่วมกับรัสเซียและจีน

 

ที่อินเดียออกมาโวยเรื่องทองนำเข้าทำให้ขาดดุล รูปีตกก็แค่มารยาแขกเท่านั้น เพื่อตบตาหลอกพวกพวกฝรั่ง เพราะอินเดียรู้ดีดอลล่าร์กระดาษไม่เสถียรแล้ว

 

คนอินเดียตอนนี้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อีนี่ฉานเอาทองนา ทองดีมั่กมั่ก ดอลล่าร์ โนกู๊ดแล้ว

 

 

 

http://www.businessinsider.com/countries-with-largest-gold-reserves-2013-4?op=1

1000304_148224028707313_559315683_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub ได้แชร์ลิงก์

6 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Bangkok

เครดิตเอเซียเริ่มตึงแล้ว

 

ต้องอ่านหรือดูCNBC ถึงจะรู้ว่าฝรั่งคิดอย่างไรกับเรา หรือเอเซีย ตอนนี้ข่าวจากเอเซียจะค่อยๆร้ายไปหมด พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ หลังจากเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาที่ลุงเบนส่งสัญญานอาจจะเตะเบรคคิวอี

 

เรากำลังโดนถล่มด้วยข่าวร้าย เหมือนกับจะเป็นหนังตัวอย่างใ้ห้กองทุนถอนเงินออกจากภูมิภาค หรือว่าให้พวกเฮดจ์ฟันโ์ถล่มค่าเงินหรือเปล่า? ตั้งเป็นคำถามก่อนก็แล้วกัน

 

แต่ข่าวชิ้นนี้ออกมาว่ามีการทำแบบสำรวจความเห็น133แบงค์ในลาตินอเมริกา ยุโรป แอฟริกาตะวันออกกลาง และเอเซีย ปรากฎว่า สภาวะตึงตัวทางเดรดิตที่เอเซียมีมากที่สุด รองลงมาคือลาตินอเมริกา และแอฟริกา ตะวันออกกลาง

 

สภาวะเครดิตของโลกจะตึงตัว credit tightening ถ้าหากว่าเฟดส่งสัญญานว่าจะลดการทำคิวอี แต่นี้เฟดยังไม่ทำอะไรเครดิตเอเซียตึงตัวไปก่อนแล้ว

 

บ้านเราเครดิตก็น่าจะเร่ิมเข้มงวดขึ้น คุณภาพทรัพย์สินจะเริ่มเป็นปัญหาตามมาถ้าเงินไม่คล่องเหมือนแต่ก่อน ถ้าดอกเบี้ยไทยต้องขึ้น ตามดอกเบี้ยโลก ก็บอกได้เลยว่าวิกฤติกำลังจะมาเยือนแล้ว

 

Thanong Fanclub

29/7/13

 

Credit squeeze in Asia now worst since financial crisis

http://www.cnbc.com/id/100919813

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...