โอกาส"ทอง" (จริงๆ) : Safe Heaven

[milo 888]

กิจการขนาดกลางถึงเล็กเจอเต็มๆครับ จ้างแพงก็กำไรไม่เหลือ ไม่จ้างก็ทำเองไม่ค่อยไหว

แถวบ้านผม พอห้างขายเครื่องก่อสร้างเปิดขึ้นมาซักพักร้านเล็กๆก็ปิดไปหลายราย ที่ยังอยู่ก็ขายไม่ดีต้องลดคนงานหรือเลิกจ้างเลย

ต้องแบกของส่งเองเลือดตากระเด็น บ่นให้ผมฟังว่าพอซื้อเงินสดก็ไปซื้อห้าง ไม่มีเงินก็มาซื้อเชื่อที่ร้าน เฮ้อ เซ็งจริงๆ

 

ผมชอบดูสารคดีที่เกี่ยวกับการวิวัฒนาการ

ความจริงของสิ่งมีชีวิต ก็คือ การเอาตัวรอด ด้วยการวิวัฒนาการ

สิ่งใดไม่อาจปรับตัวได้จะสูญไปโดยธรรมชาติ

 

ต้องขออภัยที่จะพูดถึงความเป็นจริงที่ไม่น่าพิศมัยครับ แต่เป็นความจริงแท้ที่ต้องยอมรับครับ

จนกว่าจะพ้น ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเอาตัวรอดอีกต่อไป

[Dr.Polar Bear 346]

ถ้าผมเป็นขาใหญ่ก็จะพิมพ์เงินมาซื้อทอง เพชร แพลตินั่ม น้ำมัน น้ำตาล สินทรัพย์อื่นๆเก็บไว้เช่นกัน เห็นด้วยครับ สบายใจว่า อิอิ

[mdaddy 2,443]

อ่านแล้วสะใจจริงๆ ...ปธน.ของไอซ์แลนด์ให้สัมภาษณ์ว่าทำยังไงถึงได้ฟื้นจากการเจ๊งในปี 2008 อย่างรวดเร็ว

หลักใหญ่ๆของเขาก็คือ ปล่อยให้แบ๊งค์เจ๊งไปเลย

...........

http://www.silverdoc...ail/#more-20505

 

ใช่ครับ ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่ปฏิเสธความช่วยเหลือ และคำแนะนำจากไอเอ็มเอฟ

จนกระทั่งจนตอนนี้ที่ไอซ์แลนด์รอด และฟื้นเร็วกว่าชาวบ้านเขา ไอเอ็มเอฟถึงกับออกมายอมรับว่า

วิธีของไอซ์แลนด์ได้ผล

 

กูรูนอกหลายๆท่านเทียบการเตะกระป๋องของรัฐบาลนานาชาติไว้ว่า เป็นการผลัดวันประกันพรุ่ง

ถ้าปล่อยให้เจ็บตัวตอนนี้ ใจเด็ดแบบชาวไอซ์แลนด์ ทรมานแป๊ปเดียว เดี๋ยวก็หาย เหมือนไม่สบาย

แล้วยอมกินยา ฉีดยา นอนซมอยู่กับบ้านแต่เนิ่นๆ เดี๋ยวก็หายดี

 

แต่ถ้าปล่อยให้เรื้อรังไปเรื่อยๆ ไม่สบายแต่ก็ยังออกไปกินเหล้านอกบ้านต่อเรื่อยๆ ถึงเวลาไม่ไหวจริงๆ

คงโดนหามเข้าไอซียู และจะเจ็บหนักกว่าเดิม

 

กูรูหลายๆคนถึงเชื่อ และตั้งเป้าที่ดูเหมือนกับจะเกินความจริง ว่าราคาทองคำจะสูงขึ้นไปกว่าเป้าเดิมเรื่อยๆ

 

พี่ๆครับ เวลาอย่างลุงจิมแกบอกว่าทองขึ้น แกมีข้อมูลเชิงลึกหรอครับ แกถึงมั่นใจมากขนาดนี้

นั่นสิครับ หรือแกเป็นหน้าม้าล่อเม่าทองให้มาเล่น

1 ปีกว่ามานี้ทองค่อนข้างแย่ ใครถือไว้ตอน peak ประมาณ 27,000 ไม่รู้อีกกี่ปีกว่าจะได้ลงดอย

 

ที่เคยอ่านประวัติแกมา ตระกูลทางพ่อของแกนี่เป็นตระกูลนายแบงค์ที่ร่วมก่อตั้งธนาคารใหญ่ๆในเมืองลุงแซม

โตมาก็ทำงานกัีบเทรดเดอร์มืออาชีพคนนึง, ออกมาเทรดเอง แล้วก็เกษียณตัวเองในที่สุด

 

ตอนนี้ลูกรักของแก นอกจากหมาๆ หมูๆที่บ้านแล้ว คือเหมืองทองที่แกไปลงทุนไว้ที่แทนซาเนีย

ซึ่งตอนนี้กำลังจะขายบ้านของแก (เดาว่าจะไปใช้เวลาในแทนซาเนียมากขึ้น)

 

เหตุผลหนึ่งที่ส่วนตัวผมให้น้ำหนักแกมี ๓ ข้อ

• แกเคยชี้เป้าทอง ๙๐๐ เหรียญไว้ได้ใกล้เคีัยง ในช่วงปี ๘๐
  
• แกเคยชี้เป้าทอง ๑๖๕๐ เหรียญไว้ได้ถูก (แม้ว่าจะช้าไปหน่อยก็ตาม)
  
• แกโตมากับคนในวงการ น่าจะเข้าใจความคิดของคนพวกนี้ได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้คลุกคลี
  

ไม่มีใครหยั่งรู้อนาคตแน่นอน แม้กระทั่งคราวนี้ลุงจิมอาจจะพลาดก็ได้

เลยพยายามเอาสิ่งที่ลุงจิมมอง และมาร์ตินมอง มานำเสนอให้เป็นข้อมูลพิจารณา

เพราะสองคนนี้จะกระแทกกันผ่านทางบล็อกของตัวเองอยู่เรื่อยๆ

ซึ่งความเห็นของทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะมีเหตุผลที่ดีมารองรับทั้งคู่

 

ช่วงก่อนเวลามีคนบ่นกับลุงจิมเวลาทองคำโดนทุบ

แกจะชอบตอบด้วยคำพูดของ ปธน. ทรูแมนว่า

 

"ถ้าทนร้อนไม่ได้ ก็ออกไปจากครัวซะ"

 

ตอนที่ทองคำโดนทุบเมื่อปี ๒๐๐๘ ก็คงมีคนติดดอยกันพอสมควร แต่ถ้าไม่ใจอ่อนขายทิ้งไปเสียก่อน

ตอนนี้คนกลุ่มนั้นก็คงยิ้มออกแม้ทองจะโดนทุบในตอนนี้

 

ถ้าผมซื้อตอนต้นปี ๒๐๐๘ ที่ ประมาณ ๑,๐๐๐ เหรียญ แล้วมันหล่นมาเหลือ ๗๐๐ กว่าๆตอนปลายปี

ผมคงขาสั่นเอาการเหมือนกัน

 

ตอนนี้ใครที่ดอยของจริงอยู่ (บางส่วนผมก็ดอย) เอาใจช่วยครับ หวังว่าข้อมูลที่

คุณเน็กซ์และทุกๆท่านช่วยกันนำเสนอในห้องนี้ จะเป็นข้อมูลให้ท่านตัดสินใจได้อย่างถูกต้องครับ

[mdaddy 2,443]

ถ้าผมเป็นขาใหญ่ก็จะพิมพ์เงินมาซื้อทอง เพชร แพลตินั่ม น้ำมัน น้ำตาล สินทรัพย์อื่นๆเก็บไว้เช่นกัน เห็นด้วยครับ สบายใจว่า อิอิ

 

หึหึ ถ้าเป็นผมนะ จะพิมพ์เงินมาซื้อนา ซื้อสวน ซื้อป่าในเมืองไทยไว้ให้หมด

[mdaddy 2,443]

จดหมายจากลุงจิมถึงหลานคนหนึ่ง

สิ่งที่ลุงเขียน ไม่ได้เขียนให้คนที่เก็งกำไรด้วยทองกระดาษ คนพวกนี้เป็นเพียงแค่นักพนัน ไม่ใช่่คนที่เชื่อมั่นในทองคำ สิ่งที่ลุงเขียน เขียนเพื่อให้คนที่เลือก หรือกำลังพิจารณาที่จะลงทุนในทองคำที่ไม่มีหนี้ผูกกับมัน เพื่อเป็นหลักประกันต่อสิ่งที่เรากำลังกลัวกันในโลกการเงินในตอนนี้ คำสำคัญก็คือ "ไม่มีหนี้" ในการซื้อทองเก็บ

 

ทองจะต้องไปถึงและทะลุ ๓,๕๐๐ ลุงไม่สนแม้แต่น้อยว่าตอนนี้ทองคำเป็นอย่างไร เพราะลุงรู้ว่ามันจะไปถึงใหน

 

เวลาที่ของราคาตก คนที่นั่งมองก็กลายเป็นหมีกันหมด

เวลาที่ของราคาขึ้น คนที่นั่งมองก็กลายเป็นกระทิงกันหมด

ทองคำก็ไม่ต่างกัน หมีกลายเป็นกระทิงก็ตอนที่ไม่มีใครมีข่าวดีที่จะพูดถึงมัน

 

ลุงมีแต่สิ่งดีๆที่จะพูดเกี่ยวกับทองคำ เพราะลุงรู้ว่ามันจะทะลุ ๓,๕๐๐

ลุงไม่สนว่าใครจะคิดอะไร เพราะลุงรับผิดชอบในสิ่งที่ลุงเชื่อ ไม่ใช่ความเชื่อที่ยืมมาจากคนอื่น

 

ด้วยความเคารพ

ลุงจิม

 

http://www.jsmineset.com/2013/01/27/jims-mailbox-1160/

[MOR LEK 2,835]

พี่ๆครับ เวลาอย่างลุงจิมแกบอกว่าทองขึ้น แกมีข้อมูลเชิงลึกหรอครับ แกถึงมั่นใจมากขนาดนี้

นั่นสิครับ หรือแกเป็นหน้าม้าล่อเม่าทองให้มาเล่น

1 ปีกว่ามานี้ทองค่อนข้างแย่ ใครถือไว้ตอน peak ประมาณ 27,000 ไม่รู้อีกกี่ปีกว่าจะได้ลงดอย

 

ลองอ่านประวัติการขายทองของลุงจิมในอดีตดูครับ หลังจากที่ลุงแกขายหมดหน้าตักแล้ว(กำไรเล็กน้อย แค่ 15ล้านดอลล์เอง เทียบเงินเฟ้อถึงปี 2009ก็กำไรเท่ากับ 40 ล้านดอลล์)วันรุ่งขึ้นทองก็ลงไปเรื่อยๆจนเหลือ 200กว่าดอลล์ในเวลาไม่นานเท่าไร แกก็บอกว่าทองจะลงไปอีกราวอย่างน้อย 15 ปี แล้วลุงแกก็หายไปเป็นสิบปี จนราวๆปี 2000(ถ้าผมจำไม่ผิด) แกถึงโผล่มาบอกให้ซื้อทองอีก

ลุงแกจะมีเส้นสายภายในยังไงก็สุดจะคาดเดาได้ครับ (แกมีสูตรในการคำนวณอยู่ในลิ้งค์)

 

JSMineset,sold his entire gold position on January 21, 1980, at a then all-time high of over $800 an ounce, pocketing a profit of $15 million (CPI-adjusted approximately $40 million in 2009). People who read Sinclair's blog and listen to the interviews he gives know that he himself helped create this price top by selling his entire gold position after the price had reached $850 per ounce in the London PM Gold Fixing (and after it had reached an intraday high of $887.50) on that day. The next morning, after Sinclair had sold out, the London AM Fixing priced gold at $763 an ounce. A price of over $800 would not be seen again until November 11, 2007.

http://gold.approxim...s_sinclair.html

ถูกแก้ไข มกราคม 28, 2013 โดย MOR LEK

[Dr.Polar Bear 346]

ขอบคุณครับ

[Jocho 246]

ช่วงนี้ผมเองก็อึดอัดมากกับราคา เเต่ความอึดครับที่จะทำให้เราชนะ ยิ่งอึดกว่าลุงจิมได้หล่ะก็ ...

ดร.นิเวศน์บอกว่า อะไรสั้นๆไม่รู้ครับ เเต่ความโลภมันอยู่กับคนเรายาวถาวร พอเห็นคนอื่นกำไรเราก็อยากกำไร หารู้ไม่เวลาเค้าขาดทุนเค้าไม่ได้มาบอกเราครับ ตลาดมีวัฏจักร(สงสาร) บางช่วงเล่นยาวกำไร บางช่วงขาSกำไร บางช่วงเล่นเเนวต้าน-รับกำไร ไม่มีใครรู้จริงครับ

 

เเต่ทองกว่าจะถึงวันนั้น ผมว่ามันคงต้องโดนทุบตี เผาเเล้วเผาอีก ทุบอีกซ้ำๆ พอมันสะใจเเล้วมันก็จะกวาดต้อนของในตลาดไปหมด พร้อมกับราคาที่ทยานฟ้าไปกับพฐ

 

ผมเชื่อคำพูดอันนึงนะครับ history repeats itself รอต่อไปครับขึ้นเเล้วลง ลงเเล้วต้องขึ้น

 

พื้นฐานทองคำ ผมขอใช้คำพูดนี้ครับ รู้งี้ อมตะวาจา

 

นี่เเหล่ะครับตลาดทุน

[Jocho 246]

อาทิตย์ที่เเล้วผมไปซื้อของที่เยาวราช ของนะครับไม่ใช่ทอง เลยไปซื้อขนมจีบเจ้าประจำที่ซอยเเปลงนาม กินกันมาร่วมเกือบ30ปี ตั้งเเต่ลูกละ50ตังค์ ตั้งเด็ก

 

หลังจากสนทนากับเจ้าของร้านเสร็จตามประสาคนรู้จัก ก็มีอาม่านั่งอยุ่ก่อนข้าง บ่นประมาณนี้ครับเเปลไทยให้เลย

 

เฮ้อ ถ้าอั๊วย้อนเวลาได้ จะกลับไปซื้อทองให้หมดเลย

 

อาเจ็ก เจ้าของร้าน : ยิ้ม

[mdaddy 2,443]

ชอบขนมจีบร้านนี้เหมือนกันครับ มีโอกาสผ่านไปต้องไปอุดหนุนทุกครั้ง

[milo 888]

 

ผมว่ามันคงต้องโดนทุบตี เผาเเล้วเผาอีก ทุบอีกซ้ำๆ พอมันสะใจเเล้วมันก็จะกวาดต้อนของในตลาดไปหมด พร้อมกับราคาที่ทยานฟ้าไปกับพฐ

 

เอ่อ อันนี้ หมายถึงเซ็นทรัลรึป่าวครับ

[Jocho 246]

 

เอ่อ อันนี้ หมายถึงเซ็นทรัลรึป่าวครับ

 

เผาเเล้วเผาอีกคงไม่ไหวครับ ครั้งเดียวก็งงเเล้ว

ถูกแก้ไข มกราคม 28, 2013 โดย Jocho

[Jocho 246]

ถ้าจะขยี้ความหวังใครให้เเหลก ก็ต้องให้เค้ามีความหวังไปก่อน

จากเรื่องcars toon พอดีลูกดูอยู่มันเเทงใจจริงๆ

 

คิดถึงดอยทองเลยครับ let profit run until loss

[ส้มโอมือ 4,910]

อาทิตย์ที่เเล้วผมไปซื้อของที่เยาวราช ของนะครับไม่ใช่ทอง เลยไปซื้อขนมจีบเจ้าประจำที่ซอยเเปลงนาม กินกันมาร่วมเกือบ30ปี ตั้งเเต่ลูกละ50ตังค์ ตั้งเด็ก

 

หลังจากสนทนากับเจ้าของร้านเสร็จตามประสาคนรู้จัก ก็มีอาม่านั่งอยุ่ก่อนข้าง บ่นประมาณนี้ครับเเปลไทยให้เลย

 

เฮ้อ ถ้าอั๊วย้อนเวลาได้ จะกลับไปซื้อทองให้หมดเลย

 

อาเจ็ก เจ้าของร้าน : ยิ้ม

 

จะจำชื่อซอยครับ เป็นคนชอบขนมจีบครับ ผ่านจะแวะทาานครับ เดี๋ยวนี้ลูกเท่าไหร่แล้วครับ

[ส้มโอมือ 4,910]

บิ๊กบอส “ไอเอ็มเอฟ” เตือนสหรัฐฯ เสี่ยง “ตกกระป๋อง” ผู้นำ ศก.โลก หากยังแก้ปัญหา “การคลัง-หนี้สิน” ตัวเองไม่ลุล่วง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 มกราคม 2556 14:46 น.

 

 

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ชาวฝรั่งเศส เผยผ่านเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างเข้าร่วมการประชุม “เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม” ที่เมืองดาวอสในสวิตเซอร์แลนด์ โดยเตือนว่าสหรัฐฯ กำลังสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลก

 

ลาการ์ด วัย 57 ปี ซึ่งครองตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของไอเอ็มเอฟมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2011 เตือนว่า บรรดานักการเมืองในสภาคองเกรสส์ของสหรัฐฯ ควรเร่งยุติความขัดแย้ง และหันมาผลักดันอย่างจริงจังเพื่อให้เกิดแผนการหรือข้อตกลงระยะยาวในการรับ มือปัญหาด้านการคลังและการขาดดุลของประเทศ มิฉะนั้น สหรัฐฯ อาจต้องสูญเสียสถานะของการเป็นประเทศผู้นำเศรษฐกิจโลก

 

กรรมการผู้จัดการใหญ่ไอเอ็มเอฟระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้คนทั่วโลกที่มีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯกำลังถูกทำลายลงไปที ละน้อย หาก “เมฆหมอกแห่งความไม่แน่นอน” เกี่ยวกับปัญหาหนี้สินและงบประมาณของสหรัฐฯยังคงคาราคาซัง พร้อมย้ำว่าวิกฤตด้านความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้นถือเป็น เรื่องที่มีความ “เปราะบาง” อย่างยิ่งยวด และจนถึงขณะนี้บรรดาผู้เกี่ยวข้องในสภาคองเกรสส์ของสหรัฐฯยังคงไม่สามารถ สร้างหลักประกันใดๆ ที่จะป้องกันไม่ให้ความเชื่อมั่นของตลาดการเงินการลงทุนทั่วโลกต้องแตกสลาย ลง

 

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของลาการ์ดมีขึ้น หลังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติเมื่อวันพุธ (23) เห็นชอบขยายเพดานก่อหนี้ไปจนถึงเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจผจญวิกฤตผิดนัดชำระหนี้และซื้อเวลาสำหรับการเจรจาตัดลบงบประมาณรายจ่าย

 

โดยร่างพระราชบัญญัติขยายเพดานหนี้จะถูกส่งต่อไปยังวุฒิสภาซึ่งคาด หมายว่าจะได้รับความเห็นชอบเช่นกัน จากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนการลงนามของประธานาธิบดีบารัค โอบามา

 

ทั้งนี้ หนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเหนือเพดานการก่อหนี้ 16.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว จนกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ต้องงัดมาตรการพิเศษช่วยยืดเวลาให้รัฐบาลยังพอมีเงินใช้จ่ายไปจนถึงปลาย เดือนกุมภาพันธ์นี้

 

เบื้องต้นพรรครีพับลิกันซึ่งคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ต้องการผูกโยงการขยายเพดานหนี้กับการตัดลดงบประมาณ แต่ทางฝั่งประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยืนยันว่า พร้อมหารือขั้นตอนในการลดภาวะขาดดุลงบประมาณ แต่ต้องแยกจากประเด็นการขยายเพดานการก่อหนี้ และย้ำว่าการลดยอดขาดดุลงบประมาณควรครอบคลุมถึงมาตรการเพิ่มรายได้ด้วย มิใช่การมุ่งลดรายจ่ายเพียงด้านเดียว

 

การขยายระยะเวลาครั้งนี้เป็นกลยุทธ์หนึ่งของบรรดา ส.ส.ฝ่ายรีพับลิกันเพื่อเลี่ยงความขัดแย้งเรื่องกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้และ เปลี่ยนข้อเรียกร้องของตนเป็นเสนอเส้นตายการเงินแบบอื่นที่จะไม่ทำให้ประเทศ สุ่มเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ โดยเส้นตายดังกล่าวรวมไปถึง การตัดภาระค่าใช้จ่ายอัตโนมัติในวันที่ 1 มีนาคม และการสิ้นสุดของกองทุนเพื่อหน่วยงานและแผนนโยบายภาครัฐในวันที่ 27 มีนาคมนี้

 

มาตรการที่นำเสนอโดยฝั่งรีพับลิกันนี้ ผ่านความเห็นชอบด้วยแรงสนับสนุนของทั้งสองฝ่าย 285-144 เสียง โดยสมาชิกฝ่ายรีพับลิกันยังเพิ่มมาตราหนึ่งในรัฐบัญญัติ ซึ่งห้ามวุฒิสภารับเงินเดือนหากไม่อนุมัติทันเส้นตายภายในวันที่ 15 เมษายน

 

ทั้งนี้ หากรัฐบัญญัติดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและลงนามโดยประธานาธิบดีโอ บามาจะส่งผลให้เพดานหนี้ปัจจุบันของสหรัฐฯ จะได้รับการขยายออกโดยอัตโนมติไปจนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 18 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ