ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

post-442-072609200 1297410950.jpgคุณเน็กซ์วันนี้ได้รับหนังสือแล้วครับ รูปแบบสวยแน่นไปด้วยความรู้และเนื้อหา ยอดเยี่ยมครับpost-442-082670400 1297411273.gif

:rolleyes: ผมยังรออยู่คับ :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ได้รับหนังสือแล้ววันนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะเดี๋ยวอ่านจบก็จะกลายเป็นหนังสือลูกโซ่ให้อีกหลายๆๆ คนได้อ่านค่ะ :wub: :wub: :wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ของผมยัง ยังต้องนั่งถ่างตารอต่อไปครับ

 

รอเธอ มานานแสนนาน รอวันที่จะได้เจอ

 

 

รอหนังสือ โอกาสทองจิงๆ

 

 

:rolleyes: :rolleyes: :rolleyes:

ถูกแก้ไข โดย 888

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทความคุณเน๊กสวดยอดมากๆ คุณค่าคู่ควรการรอคอยจิงๆครับ(แต่ใจจิงก็ไม่อยากรอคอยนานทะไร :P )

 

ขอบคุณข่าวสารของทุกๆท่านด้วยคนครับ อ่านแล้วมีประโยชน์จิงๆครับ

ถูกแก้ไข โดย AunTonio

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ คุณหมอเล็กครับ...

 

ผมตามครับ ... ตามหมอ น่าจะดีครับ อิอิอิ

 

เสียดาย ที่ำงาน มันบล๊อก Net ไว้ เลยต้องกลับไปซื้อที่บ้าน กรรม

 

ผมเล่นกองทุนนะครับ มือใหม่

 

GF ไม่เป็น หรือให้ไปเดินซื้อตามร้าน ก็ไม่ไหวครับ

 

กองทุนทองทหารไทย นะครับ เวลาขายนี้ต้องดูเผื่อธรรมเนียมด้วยเวลาจะขาย

 

ก็พอหอบปากหอมคอ ครับ ยังไม่เก่งอย่าริบินสูง...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ม่ายยอม ม่ายยอมคนอื่นได้หนังสือกันแล้ว แต่เรายังรออยู่ เมื่อไหร่จะเป็นวันของเราบ้าง

:( :( :angry:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ คุณหมอเล็กครับ...

 

ผมตามครับ ... ตามหมอ น่าจะดีครับ อิอิอิ

 

เสียดาย ที่ำงาน มันบล๊อก Net ไว้ เลยต้องกลับไปซื้อที่บ้าน กรรม

 

ผมเล่นกองทุนนะครับ มือใหม่

 

GF ไม่เป็น หรือให้ไปเดินซื้อตามร้าน ก็ไม่ไหวครับ

 

กองทุนทองทหารไทย นะครับ เวลาขายนี้ต้องดูเผื่อธรรมเนียมด้วยเวลาจะขาย

 

ก็พอหอบปากหอมคอ ครับ ยังไม่เก่งอย่าริบินสูง...

 

อิอิ อย่าตามผมเลยครับ เพราะผมก็ซื้อตามธนาคารกลางของแต่ละประเทศเท่านั้นเอง smile.gif

ผมไม่มีความรู้ทางเศรษฐกิจก็เลยไปดูว่า พวกนั้นเขาทำอะไรกัน tongue.gif

ถ้าขนาดเขาตั้งหน้าตั้งตาขายมาตั้ง 20ปี แต่ปีที่แล้วเขาซื้อกลับคืนกันซะเยอะเลย และก็ยังจะเดินหน้าซื้อต่อไปอีกohmy.gif

ถ้าผมไม่ซื้อตามเขา ผมคงจะเป็นคนบ้าแน่ๆ อิอิ laugh.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่รู้มีใครได้ทราบเรื่องที่ทาง jp morgan ตงลงรับทองแท่งเป็นหลักประกันแล้วหรือไม่ครับ

ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่าครับ และมีผลกับการลงทุนทองมากมั้ยครับ คือพึ่งสนใจจะลงทุนทอง พอเจอข่าวนี้เห็นว่าสำคัญ แน่ไม่มีใครพูดกันเลยกลัวจะคิดไปเอง

http://www.google.com/m/url?client=ms-android-samsung&ei=Tc1UTcimFYjTkgW69vSMAQ&q=http://www.jpmorgan.com/tss/General/J_P_Morgan_Collateral_Management_Offers_Automated_Use_of_Gold/1297012349288&source=android-home&ved=0CBUQFjAB&usg=AFQjCNHDMIuPZy1tJr94hwcskbnjEnDfjQ

ลองอ่านข่าวเก่าที่ผมเคยนำมาลงในกระทู้คุณเสมนะครับ

วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4263 ประชาชาติธุรกิจ

 

 

Market"s Global Currency บทบาทใหม่ทองคำในยุคดอลลาร์เสื่อม-ศก.ซึม

 

 

 

 

 

ราคาทองคำกำลังพุ่งทะยานไปอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 1,424.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระหว่างซื้อขายในวันที่ 9 พฤศจิกายน ส่งผลให้ทองคำปรับราคาขึ้นมาแล้ว 28% นับจากต้นปี แม้ว่าในสัปดาห์เดียวกัน ราคาทองจะไหลกลับมาที่ระดับ 1,300 ดอลลาร์อีกครั้ง ปิดตลาดวันที่ศุกร์ที่ระดับ 1,368.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขยับลงอีก 1.30 ดอลลาร์ ในช่วงเปิดตลาดในยุโรป ลงมาอยู่ที่ 1,367.50 ดอลลาร์

 

ความผันผวนล่าสุดของราคาทองมาจากปัจจัยข่าวลบที่ทยอยออกมา โดยเฉพาะตัวเงินเฟ้อของจีน ได้จุดกระแสวิตกขึ้นทั่วไปว่า ธนาคารกลางจีนอาจขยับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น และกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ชะลอลง รวมถึงกระแสวิตกตราสารหนี้ประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจอ่อนแอของยุโรป โดยกลัวว่ารัฐบาลของไอร์แลนด์ กรีซ สเปน และโปรตุเกส อาจอยู่ในภาวะเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้

 

อย่างไรก็ตามเสน่ห์จูงใจของโลหะสีเหลืองอร่ามยังคงมีอยู่อย่างเหลือเฟือ

 

หากพิจารณาจากบทบาทของทองคำที่กลับมามีความสำคัญอีกครั้ง โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ seekingalpha.com ระบุว่า วันที่ 22 พฤศจิกายนปีนี้จะเป็นวันแรกของประวัติศาสตร์การเงินยุคใหม่ที่ "ทองคำ" จะถูกใช้ค้ำประกันในการซื้อขายธุรกรรมสัญญาสวอปความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ (credit default swaps : CDSs) และการซื้อขายสัญญาพลังงานล่วงหน้า (energy futures) โดยตลาดล่วงหน้า ICE Europe ประกาศว่า จะเริ่มรับทองคำแท่งเป็นเงินประกันขั้นต้น (initial margin) สำหรับการซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายนเป็นต้นไป

 

ทั้งนี้ก่อนหน้าคำประกาศดังกล่าว การค้ำประกันในตลาด ICE จะใช้เพียงเงินสดและพันธบัตรรัฐบาลเท่านั้น ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงทำให้ทองคำมีคุณสมบัติทัดเทียมกับเงินสดและพันธบัตรรัฐบาล นอกจากนี้ แอลซีเอช เคลียร์เน็ต ได้พิจารณาที่จะใช้ทองคำเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเช่นกัน แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเริ่มต้นเมื่อใด เว็บไซต์นี้ระบุว่า ภาวะฟองสบู่มีองค์ประกอบสำคัญ 2 ประการ คือ เครดิต และการกู้เพื่อดำเนินธุรกิจ (leverage) ซึ่งหลายคนคงจดจำช่วงที่สามารถใช้พอร์ตหุ้นเป็นหลักทรัพย์เพื่อขอสินเชื่อซื้อบ้านได้ และผลก็คือฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ และการประกาศของ ICE เป็นจุดเริ่มของการทำให้ทองคำสามารถถูกใช้แทนเงินได้ เพราะต่อไปจะสามารถใช้ทองเป็นเงินประกันขั้นต้นเพื่อซื้อน้ำมัน ซึ่งเป็นการทำให้ทองคำเป็นสกุลเงินที่ใช้ได้และมีคุณค่าของเครดิต

นอกเหนือจากสถานะที่เข้าใกล้ "เงินตรา" ในตลาดต่าง ๆ แล้ว ข้อเสนอในการปัดฝุ่นระบบมาตรฐานทองคำ (gold standard) ซึ่งเป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดให้สกุลเงินต่าง ๆ อ้างอิงกับทองคำ และมีการกำหนดค่าที่แน่นอน เช่น สหรัฐที่นำระบบมาตรฐานทองคำมาใช้ในปี 1900 โดยกำหนดค่าเงินดอลลาร์อยู่ที่ 20.67 ดอลลาร์ต่อทองคำหนัก 1 ออนซ์ แต่หลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกในช่วงทศวรรษ 1930 หรือที่เรียกว่า Great Depression ประธานาธิบดีสหรัฐ แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ ได้ปรับราคาแลกเปลี่ยนทองคำเป็น 25.56 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในปี 1933 เพื่อเป็นมาตรการหนึ่งในการกู้วิกฤต และปรับเพิ่มเป็น 34.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในปี 1934 จนถึงสูงสุดที่ 35 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

รายงานข่าวระบุว่า ข้อเสนอมาตรฐานทองคำมาจาก "โรเบิร์ต โซลลิก" ประธานธนาคารโลก ซึ่งผ่านประสบการณ์การทำงานกับรัฐบาลสหรัฐมาอย่างโชกโชนหลายตำแหน่ง ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการคลัง จนถึงหัวหน้าคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ

 

ประธานธนาคารโลกเรียกร้องผ่านบทความใน ไฟแนนเชียล ไทมส์ ว่า เขตเศรษฐกิจชั้นนำควรพิจารณาใช้มาตรฐานทองคำแบบประยุกต์ใหม่ ซึ่งคล้ายคลึงกับความคิดของ อลัน กรีนสแปน ที่เขียนไว้ในหนังสือ "The Age of Turbulence" เมื่อปี 2550 ส่งผลให้กระแส "มาตรฐานทองคำ" ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง

 

ทั้งนี้ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา หลัง ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ประกาศยุติการแปลงค่าดอลลาร์เป็นทองคำในปี 1971 โลกได้เห็นการผันผวนของค่าเงินอย่างรุนแรงหลายครั้ง ตลอดจนภาวะเงินเฟ้อสูงยาวนาน และวิกฤตการเงินครั้งใหญ่หลายหน

 

แต่กระนั้นข้อเสนอของประธานธนาคารโลก ก็มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดังกรณีของ "โรเจอร์ บูทเทิล" กรรมการผู้จัดการของแคพิทัล อีโคโนมิกส์และที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของดีลอยท์ วิเคราะห์ผ่านเว็บไซต์เทเลกราฟว่า โลกต้องการระบบเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศใหม่เพื่อทดแทนระบบเก่าที่เป็นภัยคุกคาม แต่ "ทองคำ" ไม่ใช่คำตอบ

 

รายงานระบุว่า เหตุผลหลัก ๆ ของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวมี 4 ประการ โดย ประการแรก แม้มาตรฐานทองคำช่วยรักษาเสถียรภาพราคาในระยะยาว แต่กลับไม่ช่วยสร้างเสถียรภาพด้านราคาในระยะสั้น ดูได้จากกรณีของอังกฤษที่มีอัตราเงินเฟ้อ 14% ในปี 1822 และต่อไปในปี 1825 อัตราเงินเฟ้อพุ่งเป็น 17%

 

ประการที่ 2 แนวคิดที่ว่าทองคำช่วยประกันค่าเงินให้มีเสถียรภาพในระยะยาว ดังนั้นจึงส่งเสริมความเชื่อมั่นและการตัดสินใจระยะยาวล้วนเป็นเรื่องลวงตา เพราะในอดีตประเทศต่าง ๆ ล้วนใช้มาตรฐานทองคำที่เคยคาดกันว่าจะคงอยู่ตลอดกาล แต่ต่อมา กลับถูกทดแทนอย่างง่ายดายจากระบบเงินกระดาษ

 

ส่วนเหตุผลที่ 3 คือ เป็นความเข้าใจผิดที่คิดว่าการกลับมาของมาตรฐานทองคำจะช่วยยุติการขาดเสถียรภาพทางการเงิน เพราะฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ยุค 1920 และวิกฤตปี 1929 ล้วนเกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐยังใช้มาตรฐานทองคำ และในช่วงศตวรรษที่ 19 อังกฤษก็เผชิญกับวิกฤตการเงินหลายครั้งหลายหนเช่นกัน

 

และประการสุดท้าย คือซัพพลายทองคำของโลกมีแนวโน้มจะเติบโตในอัตราที่ช้ากว่าแนวโน้มการเติบโตของกิจกรรมทางการเงินแท้จริงมาก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความต้องการทองคำเช่นกัน จึงหมายความว่าระบบนี้จะโน้มเอียงไปทางเงินฝืด

 

โซลลิกได้พยายามเสนอความคิดของเขาอีกครั้ง ระหว่างการไปปาฐกถาที่สิงคโปร์ โดยระบุว่า เขาต้องการชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะทำให้ทองคำกลับมามีบทบาทอีกครั้ง ในระบบการเงินระหว่างประเทศระบบใหม่ ซึ่งจะต้องมีการสร้างสมดุลของมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐ ยูโร เยน ปอนด์ และในที่สุดแล้วจะรวมถึงเงินหยวนด้วย

 

"ในขณะนี้มีการมองและการใช้ทองคำเป็นสินทรัพย์ทางการเงินทางเลือก ซึ่งต่างไปจากระบบมาตรฐานทองคำ" โซลลิกกล่าวพร้อมทั้งยืนยันว่า เขาไม่เชื่อว่าจะสามารถกลับไปหาระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ และใช้ระบบมาตรฐานทองคำ

 

บทบาทที่เพิ่มขึ้นของทองคำยังมีผลมาจากการเสื่อมถอยของดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าต่อเนื่องมาหลายปี

 

"ทองคำเป็นสกุลเงินระหว่างประเทศ และทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก ทองคำสามารถซื้อหรือขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในตลาดมากกว่าหนึ่งแห่งทั่วโลก อีกทั้ง ราคาของทองคำก็โปร่งใสอย่างมาก สามารถดูได้ทุกเวลา ในทุกที่ ที่คุณอยู่" เดวิด เลเวนสไตน์ เทรดเดอร์ที่เชี่ยวชาญการลงทุนในสินค้าโลหะมีค่า ตั้งข้อสังเกตไว้ในบทความเรื่อง "New era for gold as trust in fiat currencies diminishes" เผยแพร่ใน www.mineweb.com เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

เลเวนสไตน์อธิบายต่อว่า โลกกำลังเข้าสู่ยุคทองที่ผู้คนเริ่มเสื่อมศรัทธากับค่าเงินสกุลท้องถิ่นของตัวเอง เมื่อสถานการณ์นี้เกิดขึ้น พวกเขาจะหันไปหาทองคำ รวมถึงโลหะเงิน เพราะโลหะมีค่าเหล่านี้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่มีมูลค่าในตัวเอง ความไม่ไว้วางใจในเงินตราเป็นสัญญาณแรกที่เตือนว่า ระบบค่าเงินทั่วโลกกำลังซวนเซ และหากระบบเงินตราปัจจุบันล่มสลาย ไม่ว่าใครจะมีเงิน "กระดาษ" ฝากอยู่ในธนาคารมากน้อยแค่ไหน เงินเหล่านั้นก็สามารถไร้ค่าได้ทั้งหมด แต่ทองคำมีมูลค่าในตัวเอง และในช่วง 5,000 ปีที่ผ่านมา ทองคำไม่เคยหมดค่าลง

 

อย่างไรก็ดีไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า บทบาทที่สำคัญมากขึ้นของทองคำในช่วงนี้จะคงอยู่ตลอดไป จนขึ้นมาเป็นเงินตราระดับโลก ที่ใช้กันในตลาดการเงินโลก (Market"s Global Currency) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ หรือเป็นแค่สินทรัพย์ทางเลือกในยามที่เงินสกุลหลักของโลกกำลังเสื่อมถอย กระทั่งเมื่อโลกกลับเข้าสู่ดุลยภาพใหม่อีกครั้ง ทองคำก็กลับไปเล่นเป็น "บทรอง" ตามเดิม

 

 

--------------------------------------------------------------------------------

ข่าวดีขนาดนี้ สำหรับผมทอง1600เหรียญเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น หนทางข้างหน้าอีกยาวไกล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ได้รับหนังสือแล้วครับ เห็นถึงความตั้งใจที่จะให้หนังสือออกมาสวยงามสมกับคุณค่าของเนื้อหาภายใน

ซื้อ6เล่ม วันนี้นำไปให้เพื่อนและผู้ใหญ่ที่นับถือ3เล่ม เล่มที่4ไปให้น้าวันอาทิตย์นี้ เล่มที่5โทรบอกพี่ที่นับถือให้แวะมารับหนังสือด้วย เล่มที่6เล่มสุดท้ายให้น้องในแผนกยืมไปอ่านแล้ว เล่มที่6เมื่อได้คืนมาคงต้องนำไปกระจายให้คนใกล้ชิดอ่านให้มากที่สุด

ที่เหลืออยู่คือความภูมิใจที่ได้กระจายหนังสือทรงคุณค่าเล่มนี้ออกไป กระจายหนังสือออกไปโดยไม่กอดหนังสือไว้กับตัวเอง ที่เหลืออยู่คือความทรงจำดีๆที่เข้ามาอ่านบทความดีๆจากคุณNEXT ที่เหลืออยู่คือบทความทรงคุณค่าในWEB Thaigoldที่ได้กลับมาอ่านยามคิดถึง และที่เหลืออยู่แน่ๆคือทองคำแท่งที่จะกอดจนกว่าทองคำทะยานฟ้าแล้ววววววววววว

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่อ แสดงว่าเริ่มมีคน เพิ่มทองเข้ามาเป็นตัวแลกเปลี่ยนสินค้ามากขึ้นมาสักพักล่ะ อย่างนี้มีลุ้นยาว

ช่วงก่อนลองแหย่ขาซื้อทองกระดาษไปบ้างแล้ว โดนกัดเจ็บมาก หาเงินอุดแทบไม่ทันเลยครับ แต่ก็ยังถือจนถึงวันนี้ สุดท้ายพอมีกำไรบ้างล่ะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผ่านไปอีกวัน หนังสือยังไม่มาเลย สงสัยต้องรอใหม่วันพรุ่งนี้แล้วหละ1b38f9e2.gif

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ช่วงนี้ข่าวเงินเฟ้อแรงมากๆและเริ่มแผลงฤทธิ์แล้วด้วย โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันวิ่งแข่งกันขึ้นราคาอย่างน่าตกใจ ปรับดอกเบี้ยครั้งนี้น้อยมากเมื่อเทียบกับความน่ากลัวของเงินเฟ้อ(แม้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังนับว่าอยู่ในระดับต่ำ และดอกเบี้ยนโยบายที่เพิ่มขึ้นหักด้วยอัตราเงินเฟ้อเงินที่เพิ่มก็ยังคงติดลบ) ภาวะเงินเฟ้อณปัจจุบันนี้เหมือนไฟไหม้อย่างแรงแล้ว ปรับดอกเบี้ยน้อยๆก็เหมือนไฟไหม้หนักมีรถดับเพลิงคันเล็กๆที่บรรจุน้ำได้น้อยวิ่งมา ใครเห็นก็ยิ่งหนักใจครับ(เงินเฟ้อเผยตัวอย่างแรงแล้วขึ้นดอกเบี้นนิดเดียวทำอะไรเงินเฟ้อไม่ได้ครับ) ช่วงที่พอล โวกเกอร์(ชื่อประมาณนี้)เอาชนะเงินเฟ้อในอเมริกาเขาขึ้นดอกเบี้ยมหาโหดครับ ขึ้นแบบนั้นถึงเอาชนะเงินเฟ้อได้

ขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่แล้ว ภาวะเงินเฟ้อยังไม่เผยตัวว่ารุนแรงมากๆคนยังไม่ค่อยกลัวเงินเฟ้อ เหมือนไฟเริ่มไหม้แต่น้อยแค่มีรถดับเพลิงคันเล็กๆวิ่งผ่านมาก็ดีใจแล้ว ตอนนี้ไฟไหม้หนักมากเห็นแค่รถดับเพลิงคันเล็กๆคันเดียว แบบนี้บ้านหลังใกล้ที่ไฟยังไหม้ไม่ถึงยิ่งกังวลใจหนักขึ้น เริ่มมีคนพูดว่าจีนคงให้ธนาคารเพิ่มอัตราเงินเก็บสำรองต่อเงินฝากเพิ่มขึ้นอีก

พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาทันทีเลย555

จีนสั่งการธนาคารท้องถิ่นปรับขึ้นอัตราสำรองเงินฝาก

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กุมภาพันธ์ 2554 15:35 น.

 

 

 

 

 

 

ธนาคารกลางจีนสั่งการ(11ก.พ.)ให้ธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็ก ปรับขึ้นอัตราสำรองเงินฝาก อันเป็นมาตรการล่าสุดในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งสูง(ภาพเอเอฟพี)

 

 

เอเอฟพี - สื่อทางการจีนเผยวันศุกร์(11 ก.พ.) ว่า ธนาคารกลางจีนสั่งการให้ธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็ก ปรับขึ้นอัตราสำรองเงินฝาก อันเป็นมาตรการล่าสุดในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งสูง

 

ไชน่า ซีเคียวริตี้ เจอนัล รายงานโดยอ้างจากแหล่งข่าวไม่เผยนาม ว่า ธนาคารกลางจีนได้สั่งการให้ธนาคารท้องถิ่นปรับขึ้นอัตราสำรองเงินฝาก เพื่อควบคุมปริมาณเงินสำหรับการปล่อยกู้ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่สัปดาห์นี้

 

เมื่อวันอังคาร(8 ก.พ.) ธนาคารประชาชนจีน หรือธนาคารกลาง ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากอีก 0.25% เพื่อลดสภาพคล่องและควบคุมเงินเฟ้อ และในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ได้ปรับขึ้นอัตราสำรองเงินฝากอีกครึ่งเปอร์เซ็นต์

 

รายงานข่าวระบุ แรงกดดันอันร้อนแรงของภาวะเงินเฟ้อ ทำให้ในไตรมาสแรกของปีนี้ จีนมีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางจีนอาจใช้การจำแนกอัตราสำรองเงินฝาก เพื่อควบคุมการปล่อยกู้ของธนาคารแต่ละแห่ง

 

ทั้งนี้ ในเดือนธ.ค.2553 ซีพีไอ (CPI)หรือดัชนีราคาผู้บริโภค ของจีน ปรอทวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวสูงขึ้น 4.6% และขยายตัวเฉลี่ยตลอดทั้งปี 2553 ที่ 3.3% สูงกว่าที่เพดานเงินเฟ้อที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 3%

 

หนังสือพิมพ์รายงาน ตัวเลขยอดปล่อยกู้ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ของธนาคารจีน มีมากกว่า 1.2 ล้านล้านหยวน ลดลงจากยอดปล่อยกู้ในเดือนม.ค.ปี2553 ที่อยู่ที่ 1.4 ล้านล้านหยวน

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...