ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะ

วันที่สัมมนา thaigold3 ได้ pocket book เกี่ยวกับสมุนไพรมาแต่หาไม่เจอ

ตอนนี้อยากถามเฮียกัมและผู้ที่เคยใช้สมุนไพรที่กล่าวมาในหนังสือ ไม่แน่ใจว่ามีหลายตัวหลายเปล่า โดยเฉพาะใบย่านาง

ใครเคยใช้ และใช้เพื่อหวังผลรักษาอะไรบ้างคะ และผลที่ได้ ชัดเจนมากน้อยเพียงใด

ตอนนี้พ่อดิฉันเหมือนจะมีภาวะเบาหวาน ทั้งที่ครอบครัวไม่เคยมีประวัติ แต่ก็ไม่ทราบเนื่องด้วยสาเหตุใด

พ่อนอนรพ มา 2 ปี ก็อยู่กะหมอตลอด แต่กลับปล่อยให้คนไข้มีภาวะความดันสูงมาร่วมสองเดือน ให้ยาบ้างไม่ให้บ้าง

บอกว่าความดันเท่านี้รับได้ แม้ว่าจะขึ้นไปถึง 150-170 ถ้าเราไม่บอกให้ nurse บอกหมอ ก้ไม่มีใครอยากจะบอก เพราะได้คำตอบเดิมว่ายังไม่ทำอะไร

พวก nurse ก็คงเข้าใจว่าความดันเหล่านี้จะัรับได้ตลอดไป แต่ดิฉันต้องบอกเขาให้บอกหมอเพื่อขอยา บอกทีก็ให้ที ไม่บอกก็ไม่ให้ ขอยาบางทีก็ไม่ให้

ความดันก็แกว่ง ทั้งที่คนไข้นอนเฉยๆ สุดท้ายพ่อ shock ตรวจน้ำตาลได้ถึง 1200 กว่า พอให้ insulin ก็ไม่ทัน เพราะปรับเป็นชั่วโมงๆไป สุดท้ายไม่ทัน

ฉี่ไม่ได้ ไตวาย shock ความดันก็ตกลงอย่างเร็ว เกือบไม่รอด บังเอิญว่าคนไข้ตอบสนองต่อยากระตุ้นความดันที่ให้ถึง 2 ตัวและ max dose ทั้งคู่ ทำให้ประคับประคองอาการให้ผ่านพ้นการล้างไตไปได้

ถ้าความดันตก ก็จะล้างไตไม่ได้ ก็ต้องรอความตาย แต่พ่อก็รอด

 

เราก็นึกว่าหมอจะสำนึก ว่าสิ่งที่เราสงสัยว่าอาการพ่อผิดปกติมากแล้ว มันเป็นเรื่องจริง แต่หมอบอกว่าไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ พอบอกว่าก็ความดันที่สูงมาร่วมสองเดือนไง แถมบอกหมอด้วย เขียนจดหมายให้หมออ่านด้วยว่าเราคิดยังไง

หมอก็หัวเราะ บอกว่าไม่มีอะไรหรอก อยากให้ความดันสูงไว้ ฉี่จะได้ออกดี ซึ่งเราคิดว่านั้นยิ่งผิดปกติ ฉี่จะออกดี ต้องทำให้ความดันสูงทำไม หลักการแพทย์ถือว่าตราบใดที่ฉี่ยังออก แปลว่าไตยังทำงาน แต่เราก็ว่ามันออกดีเกินไป ผิดไปจาก baseline ของพ่อเลยแหละ พอนึกย้อนกลับไป ไปค้นคว้า ความดันสูง ฉี่ออกมาก เป็นข้อบ่งชี้ว่าอาจมีภาวะเบาหวาน แต่หมอ diagnosis ไม่ออก

แต่เราก็บอกว่า แล้วถ้ามันฉี่ไม่ออก ก็แปลว่าสายเกินไป ทำไมไม่ทำตั้งแต่ตอนนี้ เหตุการณ์อย่างนี้เคยเกิด เรื่องฉี่ออกดีเถียงไม่เลิก พูดไม่ทันขาดคำฉี่ก็ออกน้อยลง จนฉี่ไม่ออก ก็นั่นแหละที่หมอพลาด

เม้งกับหมอไม่ทันไร ผ่านไปสองชม อาการพ่อไม่ดี ความดันสูงไม่ลง heart rate ไปถึง 90-110 ไม่ลง มาตรวจน้ำตาลเอาตอนนั้นถึงเจอว่าได้ 1200 กว่า เพราะที่ผ่านมาหมอไม่สงสัย ไม่ตรวจ

 

มาวันนี้ จะไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นอีก เพราะถ้าคุมน้ำตาล คุมความดันไม่ได้ พ่อจะมีโรคแทรกซ้อนซึ่งจะรักษาไม่หาย เช่น โรคไตที่ต้องฟอกเลือดประจำ เส้นเลือดตีบเพิ่มขึ้น

เราเลยอยากถามเรื่องใบย่านาง ว่าใครเคยใช้ได้ผลบ้าง ยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยค่ะ

หมอยังบอกอยู่ว่า ถ้าน้ำตาลไม่เกินกว่า 200 เขารับได้ แต่เราไม่รับ เราต้องการให้อยู่ใน range แม้หมอจะบอกว่าถ้าต่ำไป จะ shock แล้วเสียชีวิตได้ แต่เราไม่สนใจหมอแล้ว เพราะเราเองก็ระวังเหมือนกัน

การที่หมอคุมให้ไม่ได้ พ่อก็จะเป็นเบาหวานของจริง แม้หมอจะบอกว่าตอนนี้เขาก็เป็นอยู่แล้วก็ตาม การที่เราบอกว่าไม่เป็น ก็จะคิดอย่างนั้นก็ได้ เป็นการปลอบใจตัวเอง เราก็เออ หมอทำพลาดแล้วยังพยายามจะพิสูจน์อยู่ว่าความดันสูงเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหา คนที่คุมได้ดี มันต้องไม่แกว่งมาก การที่ความดันพ่อต่ำเป็นบางครั้งซึ่งก็แค่ชอทสองชอท ไม่ได้บอกว่าเขามีต่ำบ้างหมอเลยไม่ให้ยา แต่เพราะหัวใจมันล้าเลยมีต่ำไปบ้างแล้วมันก็ชูทขึ้นมาใหม่ มันเฆี่ยนหัวใจเกินไป เหมือนม้าแข่งที่มันล้า แต่พอโดนเฆี่ยนมันก็ต้องวิ่ง สุดท้ายก็หมดแรงตาย

 

ขอความกรุณาให้ข้อมูลด้วยนะคะ เภสัทหมอบางคนบอกว่าไม่มีหลักฐานยืนยันว่าลดความดันลดเบาหวานได้จริง ซึ่งเราคิดว่าไม่มีใครมานั่งวิจัยจนถึงขั้นนั้นก็ได้ แต่ถ้ามใครใช้ได้ผล และชัดเจน เราก็อยากที่จะลอง

 

ขอบคุณมากค่ะ

ไม่แน่ใจว่าคุณangelz มีหรือยังตอนนี้มีเครื่องตรวจน้ำตาลขายโดยใช้เลือดนิดเดียว สำหรับคนเป็นเบาหวานระดับน้ำตาลสูงไปหรือต่ำเป็นอันตรายหมด แม่ของดิฉันผ่าตัดสมองแล้วเป็นอัมพาต และจากที่ไม่ได้เป็นเบาหวานก็เป็นหลังผ่าตัดแค่เป็นไข้หวัดน้ำตาลก็เปลี่ยนเป็นสูงบ้างต่ำบ้างทันที ต้องหมั่นตรวจทุกวันจนระดับน้ำตาลคงที่แล้วค่อยตรวจห่างขึ้น และตรวจระดับโปรตีนในร่างกายด้วยเพราะคนเป็นเบาหวานยาไปลดระดับน้ำตาลแล้วมันยังไปยังดึงโปรตีนด้วย ซึ่งมีส่วนทำให้ร่างกายผอมลงไม่มีเรี่ยวแรงลงทุกวันถ้าได้โปรตีนไม่พอ อันนื้พูดจากที่แม่ของดิฉันเคยเป็น เลยอยากช่วยแนะนำก่อน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะ

วันที่สัมมนา thaigold3 ได้ pocket book เกี่ยวกับสมุนไพรมาแต่หาไม่เจอ

ตอนนี้อยากถามเฮียกัมและผู้ที่เคยใช้สมุนไพรที่กล่าวมาในหนังสือ ไม่แน่ใจว่ามีหลายตัวหลายเปล่า โดยเฉพาะใบย่านาง

ใครเคยใช้ และใช้เพื่อหวังผลรักษาอะไรบ้างคะ และผลที่ได้ ชัดเจนมากน้อยเพียงใด

 

คุณ angelz ขา....

 

เจ๊แว่นเคยบอกลูกน้องที่แม่เขาอยุู่จังหวัดราชบุรี แถวสวนผึ้ง ว่าใบย่านางรักษาอาการเบาหวานได้

เพราะได้ยินมาจากเฮียกัม แล้วไปหาซื้อหนังสือมาอ่าน รวมทั้งดูจากรายการคนค้นคนหมอเขียว

ลูกน้องของเจ๊แว่นโทรไปบอกแม่เขาทันที ว่าให้ขยี้น้ำย่านางกิน เพราะแม่เขาต้องไปหาหมอฉีดอินซูรินเข้าหน้าทองแล้ว

ตอนแรกคนที่เป็นพ่อไม่เชื่อ แต่คนเป็นแม่เชื่อก็ทำตาม พอไปหาหมออีกทีหมอบอกว่าไปทำอะไรมาน้ำตาลลดลง

ตั้งแต่นั้นมาคนเป็นพ่อต้องเข้าป่าไปหาย่านางให้แม่เขาเองเลย แถมฝากบอกลูกสาวมาขอบคุณเจ๊แว่น

ถามลูกสาวว่าเจ้านายเป็นหมอเหรอถึงรู้ อิอิ. เจ๊แว่นเลยฝากหนังสือของหมอเขียวเล่ม 1 ที่ไปซื้อมาให้เขาไป

เป็นวิทยาทาน ตอนนี้เจ๊แว่นถ้าไม่ขี้เกียจแล้วได้แวะไปตลาดก็จะซื้อมาคั้นใส่โถแช่เย็นไว้ดื่ม แต่ก็ดื่มบ้างเว้นบ้าง

เพราะได้ยินมาเหมือนกันว่ากินมากไปก็ไม่ดี เหมือนกัน

เหมือนกับเรากินคอลโลฟิวส์ของพืช มีผลทางดับอาการร้อนของร่างกาย เพราะทุกๆวันเรากินแต่ของร้อน

เช่นพริก และอาหารพืชผักบางชนิดที่ออกฤทธิ์ร้อน แถมเขาบอกว่ามันต้านอนุมูลอิสระด้วยคะ

ถ้าขี้เกียจก็จะกินน้ำสกัดย่านาง ไปซื้อมาจากเดอะมอลงามวงศ์วาน ชั้น 2 หรือ 3 ไม่แน่ใจ

อยู่หน้า ที่ขายโทรศัพท์ตามรูปนะคะ มีหนังสือของหมอเขียวทุกเล่ม

เจ๊แว่น...เป็นกำลังใจให้นะคะ

 

 

post-378-008723200 1306582390.jpg

 

post-378-068415300 1306582509.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ปล...ขออะไรอย่างได้ป่าวคะ อย่าเรียกยาย ไม่อยากแก่ ให้จารย์ซีซ่า กับ เจ๊แว่นเรียกไป 555555

 

กร๊ากกกกก คนเรียกยายซีเรียสเลยนะ

ความจริงเจ๊แว่น เรียกว่า "ใยปุยนะ" ไม่ได้เรียก ยายยยยปุย

เรียกแบบที่ สว.เขาเรียกเด็กๆ เหมือน เจ๊แว่น เรียก "ตาครูเห็ดคิก" "ตาโจ" "ตาวี"

ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นตาของเจ๊แว่นนะ แล้วสมัยก่อนเขาจะเรียกผู้ชายว่า "พ่อมาก" "พ่อกัม"

ความจริง เฮียกัมอายุก็น้อยกว่าเจ๊แว่นเป็นรอบ เจ๊แว่นก็เรียกอย่างที่คนจีนชอบเรียกทุกๆคนว่าอาเฮีย อาเจ้

ถ้าจะให้เรียก "อาตี๋กัม" คงไม่เหมาะ หรือเจ๊แว่นเปลี่ยนมาเรียก เฮียกัมว่า "พ่อกัม" ดีมะ

ฟังดูโบราณดี อิอิ. !53

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เป็นกำลังใจให้นะ :wub:

เปิดใน Youtube ด้วย

ขอโทษนะถ้าบอกในสิ่งที่รู้และทำอยู่แล้ว อยากบอกให้หาหนังสือธรรมะ CD หรือบทสวดมนต์ เพลงพื่ฟังแล้วสบายใจ

ให้คุณพ่อ คุณแม่รวมทั้งตัวเองฟังเวลาเจ็บป่วยใจจะหงุดหงิดและจะรับรู้เจ็บ ทุกข์

บางครั้งการฟังธรรมมะ หรือสวดมนต์ทำให้เห็นว่าความเจ็ย ป่วยเกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ต้องเกิดกับทุกคนไม่แบบใดก็แบบนึง

ก็นับว่าคลายความตึงเครียดในใจได้บ้าง

ดูแลตัวเองให้ดีด้วย คุณทำในสิ่งที่น่าภูมิใจ

 

ไม่เป็นไรค่ะ คุณ ginger ขอยคุณด้วยซ้ำที่แนะนำค่ะ

มีประโยชน์ทั้งนั้นค่ะ appreciate มากๆค่ะ

เป็นกำลังใจได้อย่างดีค่ะ ที่เพื่อนมนุษย์มีความเห็นใจ ใส่ใจในสิ่งที่ร้องขอค่ะ

ขอบคุณค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กร๊ากกกกก คนเรียกยายซีเรียสเลยนะ

ความจริงเจ๊แว่น เรียกว่า "ใยปุยนะ" ไม่ได้เรียก ยายยยยปุย

เรียกแบบที่ สว.เขาเรียกเด็กๆ เหมือน เจ๊แว่น เรียก "ตาครูเห็ดคิก" "ตาโจ" "ตาวี"

ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นตาของเจ๊แว่นนะ แล้วสมัยก่อนเขาจะเรียกผู้ชายว่า "พ่อมาก" "พ่อกัม"

ความจริง เฮียกัมอายุก็น้อยกว่าเจ๊แว่นเป็นรอบ เจ๊แว่นก็เรียกอย่างที่คนจีนชอบเรียกทุกๆคนว่าอาเฮีย อาเจ้

ถ้าจะให้เรียก "อาตี๋กัม" คงไม่เหมาะ หรือเจ๊แว่นเปลี่ยนมาเรียก เฮียกัมว่า "พ่อกัม" ดีมะ

ฟังดูโบราณดี อิอิ. 70bff581.gif

 

ปุยเมฆทราบค่ะ ว่าเจ๊แว่น จารย์ซีซ่า เรียกด้วยความเอ็นดู ไม่ต้องซีเรียสหรอก biggrin.gif

แต่เริ่มมีคนเรียกป้า เรียกยาย รู้สึก ร้อน ๆ หนาว ๆ อ่ะน่ะ8c460310.gif

เกรงว่า "พ่อกัม" จะฟังดูไม่โบราณ แต่จะดูทันสมัย กำลังอินเทรนด์ ติดปากเรยานะคะ 07baa27a.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรื่อง QE แค่ไม่ถอนออก ก็มากเกินพอนะผมว่า อีกหน่อย ถ้าเริ่มปรับดอกเบี้ย อันนั้น อาจส่งผลระยะสั้นบ้าง แต่สุดท้าย ตลาดก็จะบอกว่า ขึ้นเท่าไหร่ ก็ไม่พอเงินเฟ้อหรอก สมัยพอล วอคเกอร์ แกเล่นขึ้นดอกเบี้ยถึง 20% ถึงดึงทองลงมาได้ แต่นาทีนี้ ลองขึ้นดูเหอะ เศรษฐกิจพังพาบทั่วโลกแน่

 

มาตรการทุกอย่างที่ออกมา ผมว่าทำได้แค่ให้ดอลล่าร์ลงแบบ smooth landing เท่านั้นแหละ

 

 

 

 

 

 

 

ผมว่าคลื่นมันซ้อนแล้วซ้อนอีก ผมเอง ยังงงอยู่เหมือนกัน 555 เอาเป็นว่า ตอนนี้ เราอาจจะอยู่ที่

- คลื่นย่อย b ของ 4 เตรียมลง c ต่อ

- หรือเราจบ 4 แล้ว กำลังจะพุ่งเป็นคลื่น 3 ของ 5 อยู่ ยังไม่รู้ว่าจะจบตรงไหน 1600+ หรือเปล่า

 

ส่วนตัว ยังไง ก็ขอกลัวว่า มันจะเป็น b ไว้ก่อนครับ

 

 

 

เข้าเรื่อง.. ราคาดีดขึ้นตามคาด แต่ยังไม่ถึงเป้าของผมที่ 1541 เหรียญ แต่ก็ไม่น่ากังวลอะไร ดูแล้ว สัญญาณยังแรงครับ 1541-1552 เหรียญ มีโอกาสได้เจอกัน มาดู chart รายวันกันสักหน่อย เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ในสัปดาห์หน้า และให้ดูการคาดการคลื่นย่อย ที่เดาไว้ข้างบน

 

- ราคาปิดสัปดาห์เหนือด่าน 61.8% (1532.88) ได้เรียบร้อย มุมมองบวกครับ เป้าต่อไปคือ 78.6% (1552.06)

- MACD รายวัน ยังตัดขึ้นแข็งแกร่ง ถือว่าเป็นไปตามคาดครับ เมื่อคืน ราคาที่ขึ้นมา ยังทำให้ MACD ในราย 4 ชม. กลับลำเป็นขาขึ้นด้วย แบบนี้ เป้าหมาย 1541 เหรียญ เหมือนจะใกล้ไปหน่อย เล็งเป้าต่อไป 1552 เหรียญ น่าจะไม่ไกลเกินฝันหรอก

- ดู Stoch ในรายวัน ขึ้นสุดแล้ว หากยอดนี้ เป็นคลื่น b ตามที่ผมกังวล เลยจากนี้ไป อันตรายทุกขณะครับ

- แนวต้านแถวเหนือ 1541 เหรียญขึ้นไป ยังมีโบลิงเจอร์แบนบน ทำให้แถว 154x เหรียญออกจะเคี้ยวยากสักหน่อย

- แนวรับ สัปดาห์หน้า ราคาไม่ควรหลุด 1520 เหรียญแล้ว ถ้าจะไปต่อ เพราะเป็นแนว trend ขาขึ้นย่อยที่ขยับขึ้นมา ส่วน

แนวรับขาขึ้นใหญ่ สัปดาห์หน้าก็ขยับขึ้นมาเหนือ 1507 เหรียญ โดยรวม แนวรับก็แถวๆที่เดิมนั่นแหละ แต่ขยับลำดับความสำคัญขึ้นมาด่านบนมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ความเห็นส่วนตัว ภาพรวมสัปดาห์หน้า ราคาน่าขึ้นไม่เกิน 1552 เหรียญ ก่อนถอยมาตั้งหลักอีกครั้ง โดยคาดว่า ด่าน 1520 เหรียญ น่าจะแข็งพอต้านไว้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะรับอยู่ตลอดหรือเปล่า แต่ยังไง มุมมองผมยังอยู่เหนือ 1500 เหรียญขึ้นมา

 

สรุป แนวรับ 1526 1520* 1507 แนวต้าน 1541 1552* 1563

 

 

gold110528.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชอบอ่านวิเคราะห์ของคุณกัมพลสุดๆเลย ได้บริหารอารมณ์ทุกรูปแบบ กำลังฝันหวานไปกับ MACD เห็นแววรวยอยู่แค่เอื้อม พอเฮียเอ่ยถึง Stoch ก็เข่าทรุดรีบแพคกระเป๋าเตรียมเผ่นแบบตัวใครตัวเผือกอย่างที่เฮียแนะนำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณปุยเมฆ

เมื่อวานปล่อยหมูไป 1ตัว ผมปล่อยเร็วไปหรือเปล่าครับ แต่ยังมีหมูอีก5ตัวมันไม่ยอมอยู่ในคอก

คุณปุยเมฆ ช่วยแนะนําวิทีปล่อยหมู ออกจากคอกด้วยครับ ขอบคุณครับ

ขอตอบใหม่นะคะ วันก่อนงานยุ่ง ๆ ต่อไม่ติดแล้ว วันนี้ว่าง ๆ มีเวลา เอามาแบ่งปันละำกัน มีคุณครูไก่บ้านเคยสอนเอาไว้ แล้วจาว (กะทิ) ช่วยมาแปลและเรียบเรียงอีกทีี

แต่ส่วนตัวตอนนี้ไม่ได้จัดพอร์ต 5 พอร์ตแล้วนะคะ มันลงไม่ถึงจุด ขึ้นก็ไม่ถึงจุด ประยุกต์จากสมัยก่อน มันผันผวนมาก ขึ้นไว ลงไว้ ตอนนี้แบ่งไว้ประมาณ 2 พอร์ต เอาหนัก ๆ เห็นน้ำเห็นเนื้อ ถ้าถึงจุดเก็บลงตามจุด ก็ได้เต็มรถ แต่ถ้าไม่ลงตามจุดที่รอ หรืออยู่ช่วงแบ่งรับแบ่งสู้ ว่าจะขึ้นหรือลง ก็มีเผื่อขึ้นก็ขาย ลงก็ซื้อ ไม่เครียดดี แต่ถ้ามั่นใจ ขาขึ้นแน่ ๆ ค่ะ ตัวนึงเล่นสั้น ตัวนึงเล่นยาว แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอนค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ

 

การลงทุนแบบขั้นบันไดหรือการแบ่งเงินลงทุน : 7 พ.ค. 2551

การลงทุนแบบขั้นบันไดหรือการแบ่งเงินลงทุน(การป้องกันความเสี่ยง)

(โดย Levi`s แปลความหมายจาก คุณไก่บ้าน)

 

คงไม่มีใครที่จะได้ราคาต่ำสุดแล้วไปขายในราคาสูงได้ทุกครั้ง ดังนั้นลองมาทำความเข้าใจการลงทุนแบบขั้นบันไดกันดีกว่าครับ

การลงทุนแบบขั้นบันได ก็คือ การพยายามที่จะหาราคาที่ต่ำที่สุดหรือดีที่สุด โดยซื้อเพิ่มเมื่อราคาลดลงจากที่เรามีอยู่แล้วและพยายามที่จะขายออกในราคาที่สูงที่สุดหรือดีที่สุด

โดยขายออกเมื่อราคาสูงขึ้นจากที่เรามี ถึงแม้วิธีนี้อาจจะไม่ใช่วิธีที่ทำให้ได้กำไรสูงสุด แต่เป็นวิธีที่ปลอดภัยต่อการไม่ตกรถและติดดอย(ฮ่า.ฮ่า.ฮ่า.) แถมได้กำไรสม่ำเสมอ

 

สูตร ปล่อยตัวที่ได้กำไร ที่มีเลขสูงที่สุดออก (ถ้าราคาลงเอาเงินไปซื้อต่อที่ราคาต่ำกว่าที่ขาย เราจะได้ราคาถูกลงอีกแต่ราคาควรต่ำกว่าที่เรามีทั้งหมด)และเก็บตัวต่ำไว้เล่นรอบหลัง

(ถ้าราคาขึ้นต่อยังมีของปล่อยอีกแถมได้กำไรมากกว่าปล่อยทั้งหมด) และตัวที่ยังขาดทุนเก็บไว้ ขาดทุนไม่ขาย(ดอยไม่เกี่ยว)

แต่มีข้อแม้ว่า ต้องเว้นระยะห่างของราคาของเราให้ดีอย่าซื้อเข้าถี่มาก จะยากตอนขัดเข้าขัดออก กระสุนอย่ายิงมั่วจะเสียโอกาส (อาจจะห่างกันประมาณ 10$-20$ขึ้นไป หรือราคาสมาคมอาจจะ150฿-200฿ ขึ้นไป หรือตามแนวรับ-แนวต้าน ของรอบราคาใหญ่)

การแบ่งพอร์ทควรแบ่งไว้มากกว่า 3 พอร์ทขึ้นไป และต้องเหลือกระสุนนัดสุดท้ายเสมอ

ตัวอย่าง(ตัวเลขสมมุติน๊ะครับ)

สมมุติเราแบ่งพอร์ทไว้แล้ว 5 พอร์ท แล้วมีราคาที่เราเอาเข้ามาแล้วคือ 1)900$ 2)890$ 3)880$ เราไม่รู้เลยว่าราคาขึ้นหรือลง(แต่ควรรู้ทิศทางและเป้าหมายของราคา)

 

กรณีที่ 1 ราคาวิ่งขึ้นไปแล้ววนกลับลงมา(Rebound)

1.1 ราคาวิ่งขึ้นไป 910$ แล้ววนกลับมา 870$ => ขาย 1)900$ เก็บ 2)890$ 3)880$ ไว้ รอราคาจนมาถึง 870$ เอาเข้าใหม่

จัดพอร์ทใหม่เป็น 1)890$ 2)880$ 3)870$

1.2 ราคาวิ่งขึ้นไปเกิน 890$ แต่ไม่เกิน 900$ => ขาย 2)890$ เก็บ 1)900$ 3)880$ ไว้ รอราคาจนมาถึง 870$ เอาเข้าใหม่

จัดพอร์ทใหม่เป็น 1)900$ 2)880$ 3)870$

 

สรุป ทั้งสองแบบเมื่อจัดพอร์ทใหม่แล้ว อย่างนี้ก็จะเป็นการสลับขั้นบันไดของราคา ซึ่งจะเห็นว่าต้นทุนราคาของเราลดลง แต่ถ้าราคาขึ้นสูงไปอีกก็มาพิจารณา กรณีที่ 2

 

กรณีที่ 2 ราคาจบรอบของมัน(จบรอบใหญ่) ราคาวิ่งขึ้นไปถึงจุดหนึ่ง แล้วราคาอาจวิ่งขึ้นต่อไปได้อีก

2.1 ราคาวิ่งมาที่ 910$ => ขาย 1)900 เก็บ 2)890$ 3)880$ ไว้

จัดพอร์ทใหม่เป็น 1)890$ 2)880$

รอราคาใหม่ ถ้าราคาวนกลับมาไปพิจารณา กรณีที่ 1 แต่ถ้าราคาวิ่งขึ้นต่อ พิจารณา 2.2

2.2 ราคาวิ่งมาที่ 920$ => ขาย 1)890$ เก็บ 2)880$ ไว้

จัดพอร์ทใหม่เป็น 1)880$

รอราคาใหม่ ถ้าราคาวนกลับมาไปพิจารณา กรณีที่ 1 แต่ถ้าราคาวิ่งขึ้นต่อ พิจารณา 2.3

2.3 ราคาวิ่งมาที่ 930$ => ขาย 1)880$

 

สรุป เมื่อมาถึงพอร์ทสุดท้ายเป็นอันจบเกม เมื่อถึงรอบใหญ่ใหม่ครั้งต่อไปก็ใช่เงินจากที่เราขาย พอร์ท 1) 2) 3) มาลงทุนแบ่งพอร์ทต่อไป แต่ถ้าราคาไปไม่ถึงไหนแล้ววนกลับมาเราก็มาพิจารณา กรณีที่ 1 อีกที

 

หมายเหตุ แต่ถ้าราคามันวิ่งขึ้นไปสูงมากกว่า ที่เราจับไว้ในรอบนี้ คือราคามันจบรอบใหญ่เลย และครั้งต่อไป เราก็วางพอร์ทใหญ่ใหม่ โดยใช้ตัวที่สูงที่สุด เป็นตัวตั้ง

 

 

 

กรณีที่ 3 ราคาวิ่งลงไปเรื่อยๆ เช่น 870,850 ให้ซื้อเก็บเข้าพอร์ท

จัดพอร์ทใหม่เป็น 1)900$ 2)890$ 3)880$ 4)870$ 5)850$

เมื่อหมดพอร์ทแล้วก็รออย่าเดียว(รถจะต้องขับผ่านมาแน่นอน) แล้วค่อยไปพิจารณา กรณีที่ 1,2

 

สรุป ไม่ว่ามันจะขึ้นหรือลง มีทางให้เราเลือกเสมอ

 

ข้อคิด ทำอย่างที่เราตั้งใจไว้และอย่าหลงไปกับเขาอีก

คิดเล่นๆ

 

-ราคามาที่ 895$ ขายหมดเลย

ขายพอร์ท 2 => 895$-890$ = 5$

ขายพอร์ท 3 => 895$-880$ = 15$

รวม ได้กำไร 20$

 

-ราคามาที่ 895$ และรอ900$ ขายแบบขั้นบันได

ขายพอร์ท 2 => 895$-890$ = 5$

รอราคามาที่ 900$ แล้ว

ขายพอร์ท 3 => 900$-880$ = 20

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณปุยเมฆ

ขอบพระคุณ คุณปุยเมฆมากๆเลยครับ ที่สละเวลา หาคําตอบ แนะนํา วิธีการลงทุนแบบขั้นบันได และยังป้องกันความเสี่ยง ในการลงทุน

เห็นที่ผมต้อง หาเวลานั่งอ่าน และศึกษาทําความเข้าใจ ให้ไดมากที่สุด ขอบพระคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฮียค่ะ stochของหนูยังใช้ 8,3,3 สังเกตุเห็นว่าเส้นสองเส้นเริ่มตัดกันแล้ว

เห็นของเฮียใช้ 14,3,3 เส้นมันยังไม่ตัดกันเลย ควรใช้stoch ตัวไหนดีค่ะ

มีเยอะแยะเหลือเกินเลือกใช้ไม่ถูกค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฮียบอกว่า เฮียใช้ RSI เป็นตัววัดพลังของคลื่นแล้วการขึ้นของ RSIรอบนี้ยังดูดีรึป่าว สังเกตุยังไงล่ะค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฮียค่ะ stochของหนูยังใช้ 8,3,3 สังเกตุเห็นว่าเส้นสองเส้นเริ่มตัดกันแล้ว

เห็นของเฮียใช้ 14,3,3 เส้นมันยังไม่ตัดกันเลย ควรใช้stoch ตัวไหนดีค่ะ

มีเยอะแยะเหลือเกินเลือกใช้ไม่ถูกค่ะ

 

 

Stoch เป็น Indicator ที่ให้สัญญาณไวกว่าเพื่อน และมันอาจหลอกเราได้มากกว่าเพื่อนเช่นกัน เมื่อก่อนผมใช้ 5,3,3 ดูแล้ว ใช้ตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย พอเปลี่ยนมาใช้ 14,3,3 ค่อยรู้สึกว่า เชื่อมันได้ ใช้งานได้มากขึ้น ก็เลยใช้มันมาตั้งแต่นั้น ส่วนของคุณ 8,3,3 ถ้าคุณดูแล้วมันไม่หลอกคุณมาก ก็ใช้มันได้ครับ เอาให้เราดูแล้วมั่นใจ ก็ไม่มีปัญหา

 

 

เฮียบอกว่า เฮียใช้ RSI เป็นตัววัดพลังของคลื่นแล้วการขึ้นของ RSIรอบนี้ยังดูดีรึป่าว สังเกตุยังไงล่ะค่ะ

 

รายวันยังงั้นๆ ไม่เห็นอะไร แต่ราย 4 ชม. ขึ้นมารอบนี้ มันยัง divergence อยู่ครับ แต่ถ้าคลื่นมันยังไม่หักลง ก็อย่าเพิ่งไปด่วนสรุปครับ จ้องๆไว้ก่อน

จริงๆ มันก็เป็นไปตามที่ผมเล็งไว้นั่นแหละ ดีดได้อีกสักที ก็อาจจะต้องตัวใครตัวเผือก ph34r.gif

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เบาหวาน ความดัน ไขมัน โรคหัวใจ มะเร็ง และโรคเรื้อรังอีกหลายๆโรค เกิดจากการที่ร่างกายเสียสมดุลครับ ปัจจุบันโลกก็ร้อน อาหารที่ทานส่วนใหญ่ ก็แป้ง เนื้อสัตว์ ไขมัน ของหวาน ล้วนแต่ให้พลังงาน ถือว่าเป็นอาหารกลุ่มฤทธิ์ร้อนทั้งนั้น การเสียสมดุลของคนเราในปัจจุบันจึงเป็นการเสียสมดุลแบบร้อนเกิน เมื่อเสียสมดุล ร่างกายก็จะพยายามขับส่วนเกินออกโดยธรรมชาติครับ เมื่อทำตามธรรมชาติไม่ไหว เพราะเราไม่เข้าใจ ยังไปยัดเยียดสิ่งที่ก่อโรคเพิ่มเรื่อยๆ ร่างกายเราส่วนไหน ที่อ่อนแอที่สุด มันก็จะเกิดโรคตรงนั้นก่อน ถ้ายังรักษาไม่ถูกที่ เกาไม่ถูกที่คัน นอกจากไม่หาย ก็จะยังลามไปเรื่อยๆ ร่างกายก็จะแย่ลงทุกวัน จนหมดทางเยียวยา

 

แนวทางการรักษา พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ดับทุกข์ให้ดับที่เหตุแห่งทุกข์ ถ้าดับเหตุได้ ทุกข์ก็จะดับตามไปเอง

 

ลองสำรวจดูก่อนว่า ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการกินอาหารเป็นอย่างไร ติดอะไร หรือบริโภคอะไรมากไปหรือเปล่า หรือชอบทานยา จนตับไตเสื่อมหรือเปล่า ถ้ามี ให้หยุดพฤติกรรมนั้นเสีย อันนี้ ผมพูดง่าย แต่ทำยากสุดนะครับ การติดรสชาติอาหาร แก้ยากมาก เพราะถ้าง่าย คงไม่ป่วยหรอก แต่ถ้าผู้ป่วยยอม แล้วอาการไม่หนักเกินไป โอกาสหายมีมาก แต่หาย ไม่ได้หมายความว่า จะกลับไปกินแบบเดิมได้อีกนะครับ ต้องเข้าใจ ไปกินแบบเดิมอีก ก็เป็นอีก ดังนั้น ตรงนี้ เรียกว่า ต้องล้างจิตที่ติดอาหารให้ได้ ว่างั้น

 

ทีนี้มาเข้าใจเรื่องเบาหวานในแนวที่หมอเขียวสอนกันสักหน่อย แนวทางการรักษาแบบแผนปัจจุบัน เห็นมีน้ำตาลในเลือดสูง ก็ฉีดอินซูลินเพื่อให้ไปเผาผลาญน้ำตาล โดยไม่ได้หาสาเหตุว่า ทำไมร่างกายจึงไม่เผาผลาญน้ำตาล เมื่อมีการเผาผลาญน้ำตาลแบบถูกบังคับให้เผาผลาญโดยอินซูลินที่ถูกฉีดหรือกินเข้าไป ร่างกายก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆครับ ทั้งอวัยวะภายในภายนอก เพราะยิ่งเพิ่มความร้อนให้ร่างกาย อันเป็นจุดเริ่มต้นของโรคเข้าไปอีก

 

ใหม่ๆ ร่างกายเรา คงไม่ได้หมดประสิทธิภาพในการผลิตอินซูลินหรอก แต่เพราะมันไม่ต้องการเผาผลาญน้ำตาลแล้ว เพราะร่างกายเผามันจนร่างกายมันชักจะร้อนเกินพอแล้ว ถ้าเผาผลาญอีก ร่างกายจะร้อนเกิน และเสื่อมลงครับ ร่างกายจึงหยุดผลิตอินซูลินเอาดื้อๆ หมอแผนปัจจุบันไม่ได้สนใจหาสาเหตุ ไม่มี ก็จัดให้

 

แนวทางที่หมอเขียวใช้ นอกจากหยุดต้นเหตุที่กล่าวมาแล้ว ก็ใช้สมุนไพรช่วย คือย่านางนี่แหละครับ เพราะเป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็นนั่นเอง นำมาดับพิษร้อนในร่างกาย ทั้งกิน ทั้งหยอดตา หยอดหู (ใช้น้ำสกัดย่านางที่เป็นสีใสๆนะครับ) รวมถึงใช้ดีท็อกซ์ เพื่อให้ร่างกายเราเย็นลง จริงๆ สมุนไพรฤทธิ์เย็นอันไหนก็ใช้ได้นะครับ ขอให้ถูกกันกับผู้ป่วยจะหายเร็วมาก ย่านางถูกแนะนำ เพราะหาง่าย และถูกกับคนส่วนใหญ่

- กัวซา ขูดพิษร้อนที่สะสมในร่างกายออกทางผิวหนัง

- ให้ทานอาหารกลุ่มฤทธิ์เย็น แถมด้วยวิธีการทานอาหารตามลำดับที่ถูกต้อง เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืนเสมอ เพื่อลดภาระการทำงานของตับไตเรา ทำให้ร่างกายเราดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น ของเสียในร่างกายก็จะน้อยลง พิษก็จะค้างน้อยลง เคี้ยวนาน ดูดซึมดี ทำให้ทานน้อยลงไปเองด้วย

- ออกกำลัง เพื่อให้เลือดไหลเวียนสะดวก

 

หากเราปรับสมดุลร่างกายจนร่างกายเข้าสู่สมดุลแล้ว ร่างกายเรา ถ้าไม่เสื่อมสภาพไปเสียก่อน เพราะโดนเผาด้วยอินซูลินที่ฉีดหรือกินเข้าไป ร่างกายจะกลับมาผลิตอินซูลินเองครับ

อ่อ หมอเขียวไม่ได้พูดเรื่องการเสื่อมสภาพจนใช้งานไม่ได้ให้ผมฟังนะครับ ผมเข้าใจเองว่าอย่างนั้น แต่จะถูกหรือผิด ก็ไม่เป็นไร ถ้าทานอาหารให้ถูกหลัก คำนึงถึงการปรับสมดุลร่างกาย ยังไงก็ไม่น่าเป็นห่วงหรอกครับ

 

คนที่เป็นเบาหวานที่ไปเข้าค่ายสุขภาพหมอเขียว 7 วัน แทบจะทั้งหมดดีขึ้นเห็นๆครับ บางท่านหยุดยาเลยก็มี

 

ผมว่าเป็นน้อยๆ ทานย่านางนิดหน่อยคงดีขึ้นง่ายๆครับ ผมแนะนำไปหลายคน บางท่าน กำลังจะเริ่มฟอกไตก็ไม่ต้องฟอก แต่ก็มีบางท่าน ที่ผมเคยคุยด้วย ขนาดไปเข้าค่ายหมอเขียวมาด้วยตนเอง แรกๆก็ ok แต่หลังๆ กลับยังต้องเข้าฟอกไต เพราะเป็นข้าราชการครู พักก็ไม่ค่อยได้ เลือกทานอาหารก็ไม่ค่อยได้ ไม่รู้จะช่วยยังไง หลังๆผมแนะนำแบบห้วนๆไปเลยว่า รักชีวิต ก็ออกจากงานดีกว่า ไปหาอย่างอื่นทำ

 

อ่อ เกือบลืมสิ่งสำคัญที่คนสมัยนี้ มีความเข้าใจผิด คือการสรรหายามารักษาโรค หวังพึ่งแต่ยา ผมเจอมาเยอะ แนะนำวิธีการปฏิบัติตน พูดจนปากเปียกปากแฉะ สุดท้าย ก็ยอมทานแต่ย่านาง หรือหยอดตาด้วยน้ำสกัดย่านาง น้อยคน ที่จะยอมปฏิบัติตามคำแนะนำ ทั้งที่เป็นการดับต้นเหตุของโรค แถมไม่ต้องไปเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลยสักนิด

อยากจะบอกว่า ยาส่วนใหญ่ ไม่ได้เอาไว้รักษาโรคนะครับ มันเอาไว้บรรเทาอาการชั่วคราวเท่านั้น แถมยาบางตัว อย่างเช่น อินซูลิน ก็เป็นการย้ายพิษ โดยเอาน้ำตาลออกให้ แต่ไปทำลายอวัยวะส่วนอื่น หรืออย่างแค่พาราที่ชอบกินกันทั่วบ้านทั่วเมือง ก็มีผลทำลายตับเช่นกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...