ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

หัวใจทองคำกับรอยหยักของสมอง

โพสต์แนะนำ

 

145974d26.jpg

 

"คำแนะนำเดียวที่ผมให้คุณได้ก็คือ จงทำในสิ่งที่ชอบ

ทำในสิ่งที่แม้คุณจะมีเงินล้นฟ้า คุณก็จะยังทำมันอยู่

คนเราควรมีเหตุผลในการลุกจากเตียงทุกๆ เช้า"

- วอร์เรน บัฟเฟตต์

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

 

 

 

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

 

 

 

 

 

 

เคล็ดไม่ลับ กับการหา Support-Resistance อย่างง่ายๆ บน Chart

รองจาก ENERG ในตลาด SET นั้น BANK sector ก็เป็นหมวดที่มีขนาดรองลงมา และมีผลต่อ Index มากพอสมควร. วันนี้วันดี มีเวลาว่าง เรามา Refresh concept หลักเรื่องนี้กัน แนวรับ-แนวต้าน (Support-Resistance) ของ Chart นั้นเป็นเครื่องมือที่ใช้ทั้ง Art & Science ในการลาก ดูเหมือนง่าย แต่ทำจริงไม่หมูอย่างที่คิดครับ. ก่อนเริ่มลากต้องเข้าใจว่า S&R levels พวกนี้ที่มันเป็น "ของจริง" เพราะมันมีผลโดยตรงกับมุมมองของ นลท. ในตลาด หรือเรียกว่ามี Direct psychological effects นั่นเอง. และขอย้ำๆ อย่าไปลากอะไรพิสดารครับ. ใช้เครื่องมือพื้นๆ กับวิธีการง่ายๆ เหมือนวลีฝรั่งว่า KISS = Keep It Simple Stupid ดีสุด เวลาใช้เครื่องมือหรือระบบที่ซับซ้อนมันเท่ห์ดี แต่จะทำให้เราเขวเวลาเทรดจริงครับ.

 

<a href="

http://2.bp.blogspot.com/-V4wN1hqMwJc/Tv6H8TyICeI/AAAAAAAADd8/sHu4i1VyLvs/s1600/BANK_20111231.png" imageanchor="1" style="text-decoration: initial; color: rgb(136, 136, 136);">BANK_20111231.png

ใน Time-frame ที่ใหญ่พอ เราจะเป็น Repeatable pattern เเสมอ. และเหมือนกับ BANK sector ใน Monthly chart มองออกไม่ยากเลย เส้นแนวนอน (Horizontal line) สีน้ำเงินเป็นแนวต้านหลัก (Key resistance level) ในขณะที่เส้นสีแดงเป็นแนวรับที่มีนัยยะสำคัญ (Key support level) เมื่อเห็นภาพใหญ่แล้ว เราจึงค่อยบีบ TF ลงมา.

 

BANK_20111231_2.png

ยิ่งชัดขึ้นไปอีก ว่าแนวรับที่ประมาณ 330 นี้มีนัยยะสำคัญ และก็ตรงกับทฤษฏีว่าเมื่อราคาทะลุผ่านแนวต้านไปแล้ว แนวต้านดังกล่าวนั้นก็จะกลายเป็นแนวรับ (Resistance become s support) ตอนนี้สำคัญคือต้องไม่หลุดแนว 330 นี่แหละครับ ถึงจะรักษาภาวะของ Uptrend รอบใหญ่ได้.

 

BANK_20111231_3.png

เสน่ห์ของ Chart trading อย่างหนึ่งคือ การเดินของราคาที่ดูเหมือนจะสะเปะสะปะ (Random walk) ดูมี Pattern ขึ้นมาทันทีเมื่อมีการตีกรอบให้เห็น ความต่างของผลตอบแทนของ นลท. แต่ละคนนั้นจึงขึ้นอยู่กับความสามารถในการตีความสิ่งที่เห็น และ "ความคม" ที่จะเห็นลักษณะนั้นๆ ในแบบที่มันเป็น ไม่ใช่ในแบบที่อย่างให้เป็น เราเห็น RSI bullish div เกิดขึ้นจริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทิศทางราคาจะกลับตัวเป็นขาขึ้นเสมอไป. เราต้องดูอาการ "ยืน" ของ Chart ด้วย. หากยังไม่ยืน มันก็คือยังไม่ยืน ในภาพใหญ่ยังไม่น่าไว้ใจครับ. ตลาดทุนไมใช่เรื่องเล่นๆ เข้ามาแบบเล่นๆ มักจะเจ็บตัวกลับไปจริงๆ การพินิจพิเคราะห์ Chart ในภาพใหญ่คือการวางบริบทของมุมมอง (Mental framework) ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราอยู่หน้าเดียวกับทิศทางราคาในภาพใหญ่ หรือกำลังเล่นสวน เทรด Intraday ได้ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่อย่าไป "จม" กับ TF เล็กๆ ไม่ว่าจะด้วยสัญญาณจากระบบก็ดี ไม่ว่าจะเป้น Discretionary trade ก็ดี การเทรดปั่นแปะใน 1m, 5m เป็น Day-trade เคลียร์ของในวัน หวังได้ค่าข้าว ค่าขนม มันได้เงิน แต่มันจะไม่สามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับเราได้. ในตลาดที่มีทุนหมุนเวียนระดับหมื่นล้านบาทในแต่ละวัน จะเทรดทั้งที ก็หวังให้มันพอซื้อภัตตาคาร, Chef มาปรุงอาหารให้เรากินเลย ได้เรื่องกว่า ในฐานะ นลท. รายย่อย (แต่ไม่ยับ) เราไม่มี Competitive advantage เหมือนกลุ่ม Prop trade ก็อย่าไปทำแบบเขาที่เขาต้อง Day-trade นั่นเพราะมันเป็นนโยบาย การที่เราไป Day-trade ก็เปรียบเหมือนการสร้างนโยบายปิดกั้นโอกาสในการกินกำไรยาวๆ จาก Trend นั่นเอง.

-Freedom trader-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Wizard Kid shared Charmvarine Puinongpo's photo.

20 hours ago

เมื่อเขารู้ว่าเหลือชีวิตเหลือเพียงแค่ประมาณ ๑๐๐ วัน,

เขาจึงรู้ว่า การ “อยู่กับปัจจุบัน” นั้นมีความหมายอันลึกซึ้งเพียงใด

 

...ซึ้ง..โดนใจมากๆ

 

 

 

 

เขาอายุเพียง ๕๓, เป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทตรวจบัญชียักษ์ “KPMG” ของสหรัฐฯ, ได้รับเงินเดือนอันดับต้น ๆ ของสุดยอดนักบริหารมะกัน, กำลังอยู่จุดสูงสุดของอาชีพ... กำลังเตรียมเดินทางรอบโลก, เตรียมไปร่วมงานวันแรกของลูกสาวขึ้นเรียนชั้นมัธยม, ทุกอย่างกำลังเป็นไปอย่างเฟื่องฟู และวันดีคืนดี, หมอก็ตรวจพบว่า

นาย “ยูจีน โอ’เคลลี่” (Eugene O’Kelly) มีมะเร็งในสมองและอยู่ในขั้นสุดท้ายเสียด้วย หมอบอกว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน ๓ ถึง ๖ เดือน ไม่ต่างอะไรกับสวรรค์อับปางลงต่อหน้าต่อตา, ความฝันทุกอย่างที่มีสำหรับตัวเองและครอบครัวพังสลายลงมาฉับพลัน ยูจีนตัดสินใจว่าเขาจะไม่ยอมนอนรอวันตาย,

เขาตัดสินใจปรับแผนชีวิตเพื่อให้ไม่กี่สิบวันของชีวิตที่เหลือมีความหมายที่สุด ผมรู้จักเขาจากหนังสือ “Chasing Daylight” (“ไล่ล่าแสงตะวัน”)

ที่ออกขายมาในอเมริการะยะหนึ่งแล้ว เป็นหนังสือที่เขาเล่าชีวิตวันต่อวันจนถึงวันสุดท้าย โดยมีบทส่งท้ายเขียนโดยภรรยาที่ชื่อ “คอรีนน์” ซึ่งเป็นทั้งเงาประจำตัวและเป็นพยาบาลตลอด ๒๔ ชั่วโมง ที่เล่าถึงนาทีสุดท้ายของชีวิตของสามี เรื่องราวน่าทึ่งของนักธุรกิจใหญ่ที่ต้องเผชิญกับ “กำหนดตารางวันตาย” นี้เป็นการบันทึก “การเดินทางวาระสุดท้าย” อย่างกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว ภายใต้ชื่อหนังสือนั้น, คนเขียนอธิบายว่ามันคือเรื่องราวส่วนตัวที่เล่าขานอย่างละเอียดละออว่า “ความตายที่กำลังจะมาถึง ปรับเปลี่ยนชีวิตของข้าพเจ้าอย่างไรบ้าง”

 

 

“ทันทีที่หมอบอกว่าผมจะมีชีวิตอยู่อีก ๓ ถึง ๖ เดือน,

ผมก็ถามตัวเองว่า “ทำไมช่วงสุดท้ายของชีวิตคนเราจะต้องเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุด?”

เขาบอกตัวเองว่าเขาจะทำให้วันเวลาช่วงสุดท้ายก่อนตายนั้น

เป็น “ประสบการณ์ทางสร้างสรรค์ที่ควรจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของชีวิต” ให้ได้

เมื่อมีเวลาไตร่ตรองและพูดคุยกับตัวเองเพียงพอ,

ยูจีนก็บอกว่าถือว่าเป็น “โชคดี” ที่เขารู้ล่วงหน้าว่าจะตาย

เพราะคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีเวลาคิดถึงความตายของตัวเองก่อนด้วยซ้ำ

เพราะมันมาอย่างรวดเร็ว, กระทันหัน, และเจ้าตัวตั้งตัวไม่ทันด้วยซ้ำไป

หมอบอกเขาว่ามะเร็งในสมองของเขาส่วนนั้น จะไม่ทำให้มีอาการเจ็บปวดมากนัก

ความเสื่อมของสมองมาค่อย ๆ มาในรูปของเงามืด สายตาจะพร่ามัว

และเมื่อถึงเวลาอาการก็จะทรุดเข้าสู่โคม่า ความมืดของกลางคืนจะมาถึง

และเขาก็จะตาย เขานับนิ้วแล้วว่าจะเหลือชีวิตเพียง ๑๐๐ วัน

เขาย้อนมองชีวิตการทำงานเขาแล้วก็ปลงว่า

เขาไม่เคยมีเวลาให้กับครอบครัว, ไม่ค่อยได้กลับบ้านกินข้าวเย็นกับภรรยาและลูก,

แม้ลูกจะอ้อนว้อนขอร้องให้เขาไปร่วมงานโรงเรียนของลูกเพราะพ่อแม่ของเพื่อน ๆ ต่างก็ไปร่วมทั้งนั้น,

เขากลับอ้างว่ามีนัดหมายเรื่องงานการที่ไม่อาจจะไปเป็นเพื่อนของลูกได้

ยูจีนนั่งเสียใจว่าเขาใช้ชีวิตอย่าง “นักธุรกิจที่เคยมีเวลาให้กับครอบครัว”

ทั้ง ๆ ที่เขาอ้างว่าที่เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำ,

ต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้ตำแหน่งสูงขึ้นและได้รายได้เพิ่มพูนขึ้นนั้น ก็เพราะเขารักครอบครัว

 

“ในฐานะซีอีโอของบริษัทใหญ่ที่มีพนักงานถึง ๒๐,๐๐๐ คน,

ผมมีสิทธิ์พิเศษมากมาย แต่งานในตำแหน่งนั้นก็กดดันให้ผมต้องทำงานอย่างบ้าเลือด

ปฏิทินงานการของผมกำหนดไว้ ๑๘ เดือนล่วงหน้า ผมเคลื่อนไหวด้วยความเร็ว ๑๐๐ ไมล์ต่อชั่วโมงตลอดเวลา,

ผมทำงานตลอดเวลา, แม้วันสุดสัปดาห์ก็ไม่ได้เว้น, กลางดึกกลางดื่นผมก็ยังทำงาน,

ผมไม่เคยได้ไปงานโรงเรียนของลูกสาวคนเล็กของผมเลย

สิบปีแรกหลังการแต่งงาน, ผมไม่เคยไปพักร้อนกับภรรยาเลย...”

แต่เขารู้วันที่เขามีชีวิตเหลือไม่กี่เดือนว่า นั่นเป็นข้ออ้างที่เขาไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีก

 

ยูจีนตัดสินใจว่าเขาจะทำให้การจากโลกของเขาเป็น “ความตายที่ดีที่สุด” เท่าที่จะทำได้

เขาเรียกมันว่า “the best possible death”

เขานั่งลงเขียน “สิ่งที่ต้องทำก่อนตาย” อย่างนี้

๑. จัดแจงเรื่องกฎหมายและการเงินของตัวเองให้ครอบครัวให้เรียบร้อย

๒. “ร่ำลา” ครอบครัว, เพื่อนสนิท, และเพื่อนร่วมงาน

๓. ทำให้ทุกอย่างที่เหลือของชีวิตเป็นเรื่อง “ง่าย ๆ และสบาย ๆ”

๔. อยู่กับปัจจุบันทุกนาที

๕. สร้างและเปิดอารมณ์ให้รับ “นาทีอันสมบูรณ์” (“perfect moments”) ตลอดเวลาจนถึงลมหายใจสุดท้าย

๖. เริ่มต้นกระบวนการ “ผ่องถ่าย” ไปสู่ภาวะถัดไป

๗. เตรียมงานศพของตัวเอง

 

น่าแปลกว่า สำหรับคนที่ต้องรับการรักษาที่ทำให้ร่างกายต้องผ่ายผอมและสมองทำงานช้าลงไปเรื่อย ๆ นั้น,

ยูจีนสามารถทำตามตารางที่วางไว้ให้กับตัวเองเกือบทั้งหมด

ทุกวัน, เขาจะนั่งลงเขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยปากกา

เพราะสมองไม่พร้อมจะให้ใช้นิ้วพิมพ์คอมพิวเตอร์ได้ และลายมือก็เริ่มจะเฉ ๆ ไฉ ๆ ไม่เป็นตัวหนังสือแล้ว

แต่เขาก็มีความอดทนและมุ่งมั่นเขียนจนถึงอีกไม่กี่วันก่อนที่จะจากไป โดยมีภรรยาของเขาเป็น “ผู้เขียนร่วม”

เพื่อปิดฉากชีวิต ด้วยหนังสือที่เขาเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่เคยคิดว่า

วันหนึ่งชีวิตอันยุ่งเหยิงและวุ่นวายกับการ “สร้างเนื้อสร้างตัว” หรือ “สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองและครอบครัว” นั้น

จะต้องปิดฉากลงอย่างฉับพลันอย่างนั้น

ยูจีนร่ำลาเพื่อนฝูงด้วยการเขียนจดหมายไปขอบคุณเขาที่ได้เป็นเพื่อนอันแสนดี หรือเพื่อนร่วมกันที่น่ารัก....

และบอกด้วยว่า เขากำลังจะจากโลกนี้ไปในเร็ววัน

ขอให้เพื่อนได้รับความขอบคุณจากเขาด้วย หนึ่งในหลายร้อยฉบับที่เขาเขียนอำลาเพื่อนนั้นมีสั้น ๆ อย่างนี้

“ดั๊กเพื่อนรัก... เพื่อนคงได้ยินข่าวแล้ว, สุขภาพฉันย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะเจ้ามะเร็งสมองระยะสุดท้าย

ที่ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้มาก็เพื่อจะบอกเพื่อนว่า มิตรภาพของเราตั้งแต่เราเรียนที่ Penn State ด้วยกันนั้น

มีความหมายต่อชีวิตฉันอย่างมากทีเดียว ขอให้เพื่อนโชคดีในชีวิต

ขอให้พระเจ้าคุ้มครองเพื่อนด้วย ยูจีน...”

เขานั่งลงกับลูกทีละคนเพื่อ “พูดจาสั่งลา” กันอย่างสนิทสนม อยากคุยเรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอดีต,

หรือสิ่งที่เคยทำด้วยกันหรือประสบการณ์อันน่าประทับใจที่เคยใช้ชีวิตร่วมกัน

ไม่จำเป็นต้องเป็นการแสดงความอาลัยอาวรณ์, ไม่จำเป็นต้องเป็นการพูดคุยกันอย่างเป็น “สาระ” เกินไป.

จะคุยอะไรก็ได้ระหว่างพ่อกับลูก, ลูก กับพ่อ, ผัวกับเมีย, เมียกับผัว.. .หัวเราะต่อกระซิก, กระเซ้าเย้าแหย่กันได้ก็ยิ่งดี

และสิ่งที่ยูจีนค้นพบที่สำคัญที่สุดก่อนหมดลมหายใจก็คือ ความสำคัญของการ “อยู่กับปัจจุบัน” หรือ here and now

เพราะตลอดชีวิตของการทำงานนั้น, เขาไม่เคยอยู่กับตัวเอง, ไม่เคยอยู่กับปัจจุบันเลย...มีแต่อดีตกับอนาคต

เมื่อเขารู้ว่าเหลือชีวิตเหลือเพียงแค่ประมาณ ๑๐๐ วัน,

เขาจึงรู้ว่า การ “อยู่กับปัจจุบัน” นั้นมีความหมายอันลึกซึ้งเพียงใด

 

ฉบับแปล ไล่ล่าแสงตะวัน

เขียน ยูจีน โอ’เคลลี่ แปลจากภาษาอังกฤษ โตมร ศุขปรีชา

ISBN 974-9965-65-5 สำนักพิมพ์ แมคกรอ-ฮิล พ.ศ. 2550 212 หน้า ราคา 180 บาท

 

 

268438_10151164132931167_533782991_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thailand Investment Forum

หน้าปก The Economist ฉบับล่าสุด เอาเรื่อง "บาป 7 ประการ" ตามความเชื่อทางคริสต์ (http://bit.ly/iHzVCf) มาเป็นไอเดีย ... ดูจากตัวการ์ตูนในภาพ ผู้นำใหญ่ๆ ของโลก โดนกันอย่างทั่วถึง

— at Q.House Lumpini.

73354_10151162170206557_724045579_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

ตลาดหุ้นสหรัฐกำลังจะเป็นตลาดกระทิงหรือไม่ ?

 

(สรุปความโดย วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง 6 มค 56)

 

Rich Bernstein หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ Merrill Lynch กำลังมีมุมมองที่เป็นบวกอย่างมากต่อตลาดหุ้นในสหรัฐ โดยเชื่อว่ากำลังอยู่ในจุดที่คล้ายกับเมื่อปี 1982 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดกระทิง (Bull Market) ในช่วง 1982-2000

 

อย่างไรก็ตาม Vitaliy Katsenelson จาก Contrarian Edge มองตรงกันข้าม โดยระบุว่าราคาหุ้นยังสูงกว่าที่ควรจะเป็นจริงไป 30%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Stock2morrow

กฏทอง 10 ข้อ ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์

1. ต้องทำงานหนัก สำหรับวอร์เรนแล้ว เขาฟันธงเลยว่า

ส่วนใหญ่แล้วการทำงานหนักจะนำผลกำไรมาให้

ในขณะที่การพูดมากแต่ไม่ทำ กลับจะนำความยากจนมาให้แทน

แบบนี้เข้าตำราว่า “อย่ามัวแต่ตั้งท่าชก ให้ชกเลย” จึงจะได้คะแนนชนะการต่อสู้

2. อย่าขี้เกียจ เขาได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจมาก ว่า “ขนาดกุ้งมังกรตัวโต ๆ ถ้ามัวแต่นอนหลับ ยังสามารถถูกกระแสน้ำพัดลอยไปได้”

หมายความว่าถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย มัวแต่รอคอยความหวัง

คุณจะต้องตกอยู่ในวังวนวิกฤตการณ์ทางการเงินนี้ต่อไปอย่างแน่นอน

3. รายรับจากหลายแหล่ง ข้อนี้เป็นเคล็ดลับของมหาเศรษฐีหลายคน

ไม่ใช่เฉพาะวอร์เรน เพราะการหวังพึ่งรายได้จากแหล่งเดียว

ทำให้ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงของภาวะที่ไม่แน่นอน

เขาแนะนำให้ทำการลงทุนที่ฉลาดเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม เช่น

ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน คุณควรมีรายได้ส่วนอื่นจากการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ

ที่สามารถสร้างรายรับเข้ามาในแต่ละเดือนได้ด้วย

4. ควบคุมรายจ่าย เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มจ่ายเงินซื้อสิ่งที่คุณไม่มีความต้องการจริง ๆ

คุณก็กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่อาจต้องขายสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุดแทน

ดังนั้นคิดและตั้งสติก่อนที่จะจ่ายเงินซื้ออะไรในชีวิตเสมอ

5.ตั้งใจออม วอร์เรนเน้นว่าเราอย่ารอเก็บออมเงินที่เหลือหลังจากที่ได้ใช้จ่ายจนพอใจ

แต่เราต้องกันเงินส่วนหนึ่งของรายได้มาเพื่อเก็บสะสมก่อน

แล้วจึงนำส่วนที่เหลือไปใช้จ่าย

หลายคนมักจะเข้าใจผิด ใช้จ่ายแล้วเหลือจึงนำเข้าแบงก์

ที่จริงต้องนำออกมาออม ก่อนจะไปทำอย่างอื่น

6. งดกู้ยืม คนที่กู้หนี้ยืมสินจากคนอื่น มักจะตกเป็นทาสของคนที่คุณไปกู้ยืม

ดังนั้นต้องยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง

พยายามมีชีวิตอยู่ตามอัตภาพเท่าที่เราหามาได้ อย่าไปสร้างหนี้สร้างสิน โดยไม่จำเป็น พยายามดำรงชีวิตอยู่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัว

7. จัดระบบบัญชี เขาใช้คำคมมาเปรียบเทียบว่า “ไม่มีประโยชน์ที่จะถือร่มกันฝนตราบใดที่รองเท้าที่คุณสวมใส่นั้นยังมีรูอยู่ เพราะมันทำให้เปียกเหมือนกัน”

นั่นคือต้องอย่าทำให้มีจุดรั่วไหลของบัญชี

 

8. หมั่นตรวจสอบ วอร์เร็นให้ความสำคัญกับการตรวจสอบมาก

เพราะว่าค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเปรียบเสมือนรูรั่วของเรือ รูรั่วเพียงเล็ก ๆ

แต่นานไปก็สามารถจมเรือใหญ่ทั้งลำได้ ดังนั้นอย่ามองข้ามค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ

เหล่านี้ ต้องให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายทุกชนิดเสมอ

9. จัดการความเสี่ยง ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่นักธุรกิจไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้

 

ตราบเท่าที่ยังโลดแล่นอยู่ในธุรกิจ เขากล่าวว่าเราไม่ควรจะทดสอบความลึกของแม่น้ำที่จะข้าม ด้วยขาสองข้างพร้อม ๆ กัน เพราะเราอาจจมน้ำตายได้

ในการจัดการความเสี่ยงเราต้องมีแผนสำรองเสมอ

ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราต้องบริหารความเสี่ย

ที่กำลังเผชิญอยู่อย่างชาญฉลาดที่สุด

10. บริหารการลงทุน อย่าเอาเงินทั้งหมดไปทุ่มลงทุนในสิ่งเดียวกัน

 

เปรียบเหมือนกับอย่าวางไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเดียวกัน

 

เพราะถ้าตะกร้าหล่นจะทำให้ไข่แตกหมดทุกใบ ดังนั้นเราต้องกระจายความเสี่ยง

 

เพราะธุรกิจหนึ่งอาจจะอยู่ในช่วงขาลง แต่อีกธุรกิจหนึ่งอาจจะอยู่ในขาขึ้น

ทำให้ผลประโยชน์โดยรวมยังอยู่ได้

 

580732_507182782659169_238848608_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Stock2morrow

ข่าว Hot วันจันทร์

 

SET สับขาหลอก ช่วงเช้าลบ ช่วงบ่ายบวก

 

http://www.stock2mor...ead.php?t=39748

 

 

 

1763_507493762628071_1738684755_n.png

 

 

โบรกมองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ดัชนีไซด์เวย์อัพ แกว่งขึ้นต่อได้สลับพักตัว เล่นเก็งกำไรได้ในกรอบ 1,420-1,410 จุด

 

ดัชนีหุ้นไทยวันนี้(4ม.ค.) ปิดตลาดที่ 1,416.66 จุด ซึ่งอยู่ในระดับห่างจากจุดสูงสุดของวันแค่เล็กน้อย เพิ่มขึ้น 8.25 จุด หรือ 0.59% โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวม 47,352 ล้านบาท และในระหว่างวันขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,416.67 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,399.97 จุด

 

- นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ -1,503.41 ล้านบาท

- บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ - 1,165.05 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ +2,817.04 ล้านบาท

- นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ -148.58 ล้านบาท

 

นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้อำนวยการอาวุโสบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระพัฒนสิน จำกัด กล่าวในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า ในสัปดาห์นี้ดัชนียังมีโอกาสปรับตัวต่อเนื่องได้ในลักษณะไซด์เวย์อัพ เพราะปัจจัยที่ต้องจับตายังไม่มีอะไรที่มีแนวโน้มจะเป็นข่าวร้าย จึงยังไม่มีปัจจัยกดดันตลาด

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากดัชนีมีการปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง จึงอาจเห็นการสลับพักตัวในระหว่างวัน แต่เชื่อว่าจะดีดกลับขึ้นมาได้ โดยมองกรอบลงทุนสัปดาห์หน้าที่1,420-1,410 จุด

 

ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่เชื่อว่าจะออกมาดี และเป็นแรงผลักดันตลาด ขณะที่การประกาศตัวเลขของสหรัฐก็เชื่อว่าไม่มีประเด็นที่เป็นข่าวร้าย และไทยกับยุโรปจะมีการประชุมเรื่องอัตราดอกเบี้ย

 

ทั้งนี้หากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของจีนออกมาดี จะส่งผลให้มีแรงซื้อหนาแน่นในหุ้นปิโตรเคมีและพลังงาน ซึ่งจะเป็นกลุ่มนำตลาดในสัปดาห์หน้า

 

นายถนอมศักดิ์ ยังแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนแบบตามการปรับของตลาดใช้จังหวะเล่นเก็งกำไรระยะสั้นว่า ให้เลือกลงทุนใน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อิงอัตราดอกเบี้ย กลุ่ม Consumer Finance ประเภทลิสซิ่ง และกลุ่มหุ้น Turnaround ที่จะเห็นได้ว่าในช่วงนี้หุ้นประเภทนี้หลายตัวมีการปรับตัวอย่างโดดเด่น

 

แต่สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวแนะนำให้เก็บหุ้นที่มีปันผลสูง

 

กรอบการลงทุนวันที่ 4 มกราคม 2556

 

บริษัทหลักทรัพย์ซีไอเอ็มบีไทย จำกัด ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,408-1,420 จุด โดยแนะนำหุ้น PLL และ ESTAR

 

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่1,390-1,425 จุด โดยแนะนำหุ้นTISCO

 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,405-1,422 จุด โดยแนะนำหุ้น UWC

 

บริษัทหลักทรัพย์คันทรี่กรุ๊ป จำกัด แนะนำหุ้น LH

 

ที่มา http://www.moneychannel.co.th/index....420-1-410.html

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การเงิน - การลงทุน

 

วันที่ 7 มกราคม 2556 01:00

สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 31 ธันวาคม 2555-4 มกราคม 2556

 

โดย : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

คอลัมน์อื่นๆ

เงินบาทกลับมาอ่อนค่าท้ายสัปดาห์... ขณะที่หุ้นไทยทะยานสู่ระดับสุงสุดในรอบ 17 ปี หลังครองเกรสผ่านร่างแก้ Fiscal Cliff

 

 

 

ตลาดเงินระยะสั้นและตลาดตราสารหนี้

 

อัตราดอกเบี้ยตลาดเงินระยะสั้น

 

๐ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นทรงตัวต่อเนื่อง โดยมีการทยอยไหลกลับเข้าสู่ระบบของสภาพคล่องหลังเทศกาลปีใหม่ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ประเภทกู้ยืมข้ามคืน (Overnight) มีระดับหนาแน่นที่ 2.65% ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน ส่วนอัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยที่ประมูลได้ของธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรแบบทวิภาคี (Bilateral Repo) ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน อยู่ที่ 2.75% เทียบกับระดับ 2.74180-2.75% จากสัปดาห์ก่อน

 

ในสัปดาห์ระหว่างวันที่ 7-11 ม.ค. 2556 ธนาคารพาณิชย์จะมีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ในวันอังคารและเข้าสู่ปักษ์ใหม่ในวันพุธ ในขณะเดียวกันก็จะมีการตัดจ่ายเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายผ่านระบบธนาคารในช่วงต้นสัปดาห์ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินน่าจะยังทรงตัวต่อเนื่องใกล้ระดับ 2.75%

 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยและสหรัฐฯ

 

๐ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย ประเภทอายุ 5 ปี ปิดที่ระดับ 3.21% ในวันศุกร์ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 3.15% ในสัปดาห์ก่อน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับเพิ่มขึ้นในวันพุธ โดยมีแรงขายทำกำไร หลังสหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ได้ ก่อนที่จะมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาในวันพฤหัสบดี จากนั้นอัตราผลตอบแทนปรับเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ ตามตลาดต่างประเทศ หลังเฟดส่งสัญญาณว่าการซื้อพันธบัตรของเฟด (QE) อาจมีโอกาสปรับลดขนาด หรือสิ้นสุดลงในปีนี้

 

๐ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ประเภทอายุ 10 ปี ปิดที่ระดับ 1.91% ในวันพฤหัสบดี เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 1.70% ในสัปดาห์ก่อน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่า ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกว่าภาคการเมืองสหรัฐฯ น่าจะบรรลุข้อตกลง เพื่อเลี่ยงภาวะ Fiscal Cliff ได้ ขณะที่ เมื่อเปิดตลาดในวันที่ 2 ม.ค. อัตราผลตอบแทนพุ่งขึ้น หลังรายงานการประชุมเดือนธ.ค.2555 ของเฟด บ่งชี้ถึงความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเพิ่มงบดุลบัญชีของเฟดเป็น 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งทำให้ตลาดกังวลว่าการซื้อพันธบัตรของเฟด อาจปรับลดขนาด หรือสิ้นสุดในปีนี้

 

ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

ค่าเงินบาท (Onshore)

 

๐ เงินบาทแข็งค่าหลังสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงแก้ปัญหา Fiscal Cliff ยกแรก ก่อนจะลดช่วงบวกลงในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยเงินบาททรงตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ในช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางธุรกรรมที่เบาบางเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ก่อนจะกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างมากในช่วงกลางสัปดาห์ สอดคล้องกับการทะยานขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยงในหลายตลาด หลังจากที่ร่างกฎหมายเลี่ยงความเสี่ยง Fiscal Cliff ผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสด้วยเสียงสนับสนุนที่ท่วมท้น นอกจากนี้ แนวโน้มที่สดใสของสกุลเงินเอเชียในช่วงต้นปี 2556 ก็เป็นปัจจัยบวกของเงินบาทด้วยเช่น อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกบางส่วนลงในช่วงท้ายสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายทำกำไรของนักลงทุนหลังจากที่นักลงทุนกลับมากังวลต่อการเจรจาตัดลดงบประมาณและการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ที่เป็นโจทย์การคลังของสหรัฐฯ ที่รออยู่ในช่วง 2 เดือนข้างหน้า

 

๐ ในวันศุกร์ (4 ม.ค. 2556) เงินบาทอยู่ที่ 30.51 เทียบกับระดับปิดตลาดในวันศุกร์ก่อนหน้า (28 ธ.ค. 2555) ที่ 30.59 บาทต่อดอลลาร์ฯ

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (7-11 ม.ค. 2556) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 30.25-30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยคงต้องติดตามประเด็นต่อเนื่องเกี่ยวกับการแก้ปัญหาการคลังของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการตัดลดงบประมาณ และการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีกำหนดรายงานในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ย. งบประมาณของรัฐบาลเดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ อนึ่ง ตลาดการเงินในประเทศน่าจะเพิ่มจุดสนใจในช่วงกลางสัปดาห์ไปที่ผลการประชุมกนง. วันที่ 9 ม.ค. 2556

 

เงินยูโร และเงินเยนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ

 

๐ เงินยูโรร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังจากปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงแรกรับข่าวที่สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงในการเลี่ยงภาวะ Fiscal Cliff ซึ่งช่วงลดทอนความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจลง อย่างไรก็ดี เงินยูโรกลับมาเผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่องในช่วงต่อมาท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ หลังจากที่บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 11-12 ธ.ค. 2555 ระบุว่า ผู้กำหนดนโยบายบางรายเชื่อว่า เป็นการเหมาะสมที่เฟดจะชะลอหรือหยุดโครงการซื้อสินทรัพย์ (QE) ก่อนสิ้นปี 2556 นอกจากนี้ ความกังวลต่อโจทย์การตัดลดงบประมาณและการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา

 

๐ เงินเยนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเพิ่มมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในปีนี้

 

๐ ในวันศุกร์ (4 ม.ค. 2556) เงินยูโรอยู่ที่ 1.3008 เทียบกับ 1.3214 ดอลลาร์ฯ ต่อยูโรในวันศุกร์ก่อนหน้า ขณะที่ เงินเยนอยู่ที่ 88.31 อ่อนค่าจาก 86.01 เยนต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า

 

ตลาดทุน

ตลาดหุ้นไทย

 

๐ ดัชนี SET ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสุงสุดในรอบ 17 ปี หลังสภาครองเกรสผ่านร่างแก้ปัญหา Fiscal Cliff ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,416.66 จุด เพิ่มขึ้น 1.78% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 68.77% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 45,746.14 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายย่อย และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 421.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.35% จากสัปดาห์ก่อน

 

๐ ตลาดหุ้นไทยปรับปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในวันพุธและวันศุกร์ หลังจากหยุดทำการช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยได้รับแรงหนุนจากการที่สภาครอง เกรสผ่านร่างแก้ปัญหา Fiscal Cliff ท่ามกลางภาวะที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง

 

๐ สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ระหว่างวันที่ 7-11 ม.ค. 2555 บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น โดยขึ้นอยู่กับพัฒนาการเศรษฐกิจของประเทศแกนหลัก สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์และดุลการค้า ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,400 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,430 จุด ตามลำดับ

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

 

๐ ดัชนี DJIA ปรับเพิ่มขึ้น หลังสภาครองเกรสบรรลุข้อตกลงในการแก้ปัญหา Fiscal Cliff โดยในวันพฤหัสบดี ดัชนี DJIA ปิดที่ 13,391.36 จุด เพิ่มขึ้น 3.50% จากสัปดาห์ก่อน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกว่าภาคการเมืองสหรัฐฯ น่าจะบรรลุข้อตกลง เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Fiscal Cliff ได้ จากนั้นตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นในวันพุธ หลังหยุดทำการเนื่องในวันปีใหม่ จากการที่สภาคองเกรสได้อนุมัติร่างกฏหมายเพื่อสกัดกั้นการปรับขึ้นภาษีและเลื่อนการปรับลดค่าใช้จ่าย ก่อนที่จะปรับตัวลดลงในวันพฤหัสบดี จากรายงานการประชุมเดือนธ.ค.ของเฟดบ่งชี้ถึงความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเพิ่มงบดุลบัญชีของเฟดเป็น 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ฯ

 

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

๐ ดัชนี Nikkei ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 22 เดือน หลังสหรัฐฯ รอดพ้นภาวะ Fiscal Cliff โดยเมื่อวันศุกร์ ดัชนี Nikkei ปิดที่ 10,688.11 จุด เพิ่มขึ้น 2.82% จากสัปดาห์ก่อน ปรับเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ สู่ระดับสูงสุดในรอบ 22 เดือน หลังจากหยุดทำการเนื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้งนี้ ดัชนีได้แรงหนุนจากการที่ภาคการเมืองสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อเลี่ยงภาวะ Fiscal Cliff ได้ รวมทั้งปัจจัยบวกจากเงินเยนที่อ่อนค่า

Tags : สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...