ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

หัวใจทองคำกับรอยหยักของสมอง

โพสต์แนะนำ

webblog_naruemol.gif

 

 

Monday, 7 January 2013

 

แนวโน้ม EBANK ยังร้อนแรงไม่เลิก !

« Exchange Traded Funds : A Wealth of Funds in 2011 | Main

แนวโน้ม EBANK ยังร้อนแรงไม่เลิก !

สวัสดีปีใหม่ 2556 และเชื่อว่าทุกท่านมีความสุขกับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา เนื้อหาแรกของปี 2556 ขอสรุปภาพรวมของ ETF โดยจะขอเริ่มที่ EBANK เนื่องจากเป็น ETF กองล่าสุด ที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่ผ่านมา สรุปภาพรวม EBANK ปี 2555

  • กองแรกของไทยอ้างอิงหุ้นกลุ่ม BANK

EBANK เป็นกองทุน Equity ETF กองแรกของไทย ที่อ้างอิงดัชนีหมวดธุรกิจธนาคาร SET Banking Sector Index : SETBANK) ประกอบด้วยหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน 11 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่ SCB, BAY, BBL, KBANK, KTB, TMB, CIMBT, KK, LHBANK, TCAP และ TISCOโดย SETBANK มี Market Cap ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากดัชนีหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (SET Energy Sector Index : SETENERGY) (ข้อมูล วันที่ ณ 28 ธ.ค. 55)

  • กระแสตอบรับจากนักลงทุนล้นหลาม

EBANK เริ่มเปิดจอง IPO ให้กับนักลงทุนทั่วไป เมื่อวันที่ 1-9 พ.ย. 2555 และประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ทั้งในแง่ของยอดจองซื้อ IPO เกินกว่า 616 ล้านบาท จากที่คาดไว้ 300-400 ล้านบาท และจำนวนผู้จองซื้อทั้งหมดประมาณ 2,500 ราย ซึ่งประกอบด้วยผู้ลงทุนทั้งประเภทบุคคลธรรมดาและสถาบันจำนวนมาก

  • การผนึกกำลังของ 6 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ และ ธนาคารยักษ์ใหญ่

EBANK ได้เปิดจอง IPO ผ่านทางผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุน 2 ราย คือ บล. เอเซีย พลัส ASP) และ บล. เคที ซิมิโก้ KT-Zmico) และผู้ขายหน่วยลงทุน 5 ราย ได้แก่ บล. ฟินันเซีย ไซรัส FSS) บล. คันทรี่ กรุ๊ป CGS) บล. ซีไอเอ็มบี อินเตอร์เนชั่นแนล (CIMBI) บล. ยูโอบี เคย์เฮียน UOB KayHian) และ ธนาคารกรุงไทย KTB) ด้วยช่องทางการจองที่มีหลายช่องทางและครอบคลุมทั่วประเทศผ่านบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทยถึง 6 แห่ง และ ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงไทย จึงช่วยอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการจอง IPO ให้แก่นักลงทุน

  • วิ่งแรงแซงดัชนี SET

แนวโน้มราคาของ EBANK ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด เมื่อเปรียบเทียบกับราคา IPO ที่ 4.97 บาท เพียงประมาณ 1 เดือนครึ่ง ราคาปิดของ EBANK ในวันที่ 28 ธ.ค. 2555 เพิ่มขึ้นเป็น 5.40 บาท คิดเป็น 8.65% ซึ่งสูงกว่าหากเปรียบเทียบกับดัชนี SET ที่เพิ่มขึ้นเพียง 7.52% ในช่วงเวลาเดียวกัน pic1.JPG

 

แนวโน้มหุ้นกลุ่ม Bank ปี 56 บทวิเคราะห์จากหลายๆบล. ก็แสดงถึงแนวโน้มที่สดใสของหุ้นกลุ่ม BANKตัวอย่างเช่น ข้อมูลจากฝ่ายวิจัย บล. เอเซีย พลัส เชื่อว่าราคาหุ้นกลุ่ม BANK จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากแนวโน้มสินเชื่อในปี 2556 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ประกอบกับปัจจัยสนับสนุน เช่น โครงการลงทุนของรัฐบาลขนาดใหญ่ และ แนวโน้มการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC) ที่จะหนุนให้เกิดการลงทุนและความต้องการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เช่น รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง โลจิสติกส์ และ ค้าปลีก ทั้งนี้ แม้ว่าราคาของหุ้นกลุ่ม BANK จะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา แต่หากพิจารณาเปรียบเทียบ PBV (Price per Book value) ของหุ้นกลุ่ม BANK ของประเทศไทย กับ ประเทศในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ แล้ว ยังถือว่าต่ำกว่ามาก

pic2.JPG

อีกทั้ง Upside ของราคาของหุ้นกลุ่ม BANK หลายตัวก็ยังสูงกว่า 20% และ Dividend Yield ที่มากกว่า 3% ต่อปี นักลงทุนจึงสามารถซื้อเพื่อรอผลตอบแทนทั้งในรูปของ Capital Gain และ Dividend ที่จะได้รับ

 

pic3.JPG

หากปีใหม่นี้ ใครคิดที่จะเริ่มลงทุนโดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม BANK แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะลงหุ้นตัวไหนหรือคิดว่าการเลือกหุ้นเองเป็นเรื่องที่ยากเกินไป EBANK อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสมในการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการเลือกลงทุนหุ้นรายตัว ใช้เงินลงทุนน้อยกว่า และ มีแนวโน้มที่ดี โชคดีกับการลงทุนในปี 2556 นี้ค่ะ

Posted by naruemol at 12:10 PM in Uncategorized

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Sinthorn

สรุป Fund Flow ของตลาดทุนโลกในสัปดาห์ที่แล้ว

 

เม็ดเงินลงทุนโลกไหลเข้า Emerging Markets (EM) ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน ที่วงเงินซื้อสุทธิ 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่เงินไหลเข้าตลาดหุ้น Developed Markets (DM) ลดลง หลังได้รับข่าวดีเรื่องการผ่านร่างมาตรการลดหย่อนภาษีไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว

 

ในแง่ของ Asset Allocation พบเงินทุนไหลเข้าตลาดตราสารหนี้เพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในปริมาณที่ต่ำเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่เคยที่การสับเปลี่ยน Asset Allocation จากหุ้นเป็นตราสารหนี้ แต่ก็ต้องติดตามใกล้ชิด เพราะ Inflow ในหุ้นโลกโดยรวมเริ่มชะลอตัว

 

และหากดูผู้ซื้อสุทธิในตลาดเอเชียเป็นหลัก พบว่า เป็นนักลงทุนต่างชาติ และกองทุนที่เป็น Mutual Fund สัปดาห์ที่ 6 และสัปดาห์ที่ 17 ติดต่อกัน แต่ในระดับที่ชะลอตัวลง

 

สรุปจาก Fund Flow :: ขาขึ้นยังคงมีให้เห็นจาก Momentum ที่เห็นตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว แต่การที่ Fund Flow เริ่มชะลอตัว ก็แปลว่า อาจขึ้นได้ไม่นาน จะเทรดอะไร สอยอะไรเข้าพอร์ต คิดดีๆ ศึกษาดีๆ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก CNS ครับ

 

66425_10151378248570926_1958446125_n.png

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

430870_483685415004108_1050923221_n.jpg

ไทยมุง

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

tock2morrow

รวมข่าวหุ้นเช้าวันอังคาร...

 

GSTEEL กำไรเทิร์นอะราวนด์โค้งสองปั๊มกำลังผลิต 100%

 

MDX เจ๋งฟันกำไรเฉียด 300% จ่อขายที่ 2 พันล้าน-เป้า 14 บาท

 

CPF เปิดงบลงทุน 1.6 หมื่นล. รุกซื้อกิจการเพิ่มต่างประเทศ

 

http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39806

 

See Translation

 

13599_508004145910366_770890775_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

icon1.gif ข่าว Hot วันอังคาร

 

http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39805

 

SET มีแรงขายท้ายตลาด

 

72280_507970729247041_250946878_n.png

 

โบรกคาดแนวโน้มหุ้นไทยนี้ ดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวพักฐาน เชื่อลดลงไม่เกิน 5- 7จุด รอบนี้หุ้นขนาดกลางและหุ้นเล็กวิ่งนำตลาด

 

ดัชนีหุ้นไทยวานนี้(7ม.ค.) ปิดตลาดในระดับต่ำสุดของวันที่ 1,415.32 จุด ลดลง 1.34 จุด หรือ 0.09%และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 40,531 ล้านบาท และในระหว่างวันขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,425.26 จุด

 

- นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ -1,336.60 ล้านบาท

- บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ - 1,21.83 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ +2,435.67 ล้านบาท

- นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ -977.24 ล้านบาท

 

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยสายงานวิจัยลูกค้าบุคคลบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวงจำกัด กล่าวในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า ในวันนี้(8ม.ค.)ดัชนียังมีโอกาสอ่อนตัวลงประมาณ 5-7 จุดหลังจากปรับตัวต่อเนื่องในเดือนธันวาคม และสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม

 

อย่างไรก็ตามยังไม่เห็นสัญญานการถอนตัวของเงินทุนไหลเข้า จึงมองว่าการปรับตัวเป็นแค่การพักฐานที่ไม่น่ากังวล ซึ่งเมื่อเทียบกับกับตลาดหุ้นในภูมิภาคราคาหุ้นของไทยยังถือว่าราคาไม่แพง

 

ส่วนหุ้นที่ได้รับความสนใจจะเป็นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งจะเห็นว่าเริ่มมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาในวานนี้

 

สำหรับประเด็นการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธนี้ (9ม.ค.)จะคงดอกเบี้ยไว้ ซึ่งดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดอยู่ที่ 2.75% มองว่าหากกนง.คงดอกเบี้ยตามคาดจะส่งผลหใมีแรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกมา

 

กรอบการลงทุนวันที่ 8 มกราคม 2556

 

บริษัทหลักทรัพย์ซีไอเอ็มบีไทย จำกัด ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,414-1,425 จุด โดยแนะนำหุ้น PTL

 

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่1,410-1,430 จุด โดยแนะนำหุ้นAMATA

 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,410-1,425 จุด โดย แนะนำหุ้น TMC

 

บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด แนะนำลงทุนหุ้น TMB - KTB

 

ที่มา http://www.moneychannel.co.th/index....-10-02-13.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

Posted by
on
วันศุกร์, 04 มกราคม 2013
in

 

 

ผลตอบแทนของกองทุนบัวหลวงต่างๆ ที่ลงทุนในหุ้น ไม่ได้ขึ้นกับระดับดัชนีหุ้น ตัวอย่างเช่น ในเดือน กพ 2555 ช่วงที่ดัชนีเป็น 1130 จุด ราคาตลาดของ บ้านปูขึ้นไปอยู่ที่ 670 บาท แต่ล่าสุดดัชนีเป็น 1,400 จุด บ้านปูกลับลดลงมาอยู่ที่ 420 บาท ทำไมไม่ขึ้นตามดัชนีเป็นบัญญัติไตรยางค์ล่ะ

 

นั่นก็เพราะดัชนีหุ้นไม่เกี่ยวกับราคาหุ้นรายตัว เราก็เลยไม่ได้เอาดัชนีหุ้นมาเป็นสรณะ เราใช้เป็นเพียงปรอทวัดอารมณ์ผู้ลงทุนหรือผู้เล่นในตลาดเท่านั้น

 

วิธีลงทุนของเราเป็น Thinking Process โดยเราเชื่อว่าผลกระทบต่อราคาหุ้นในระยะยาวอยู่ที่ผลประกอบการของบริษัทที่เราลงทุน อยู่ที่ปัจจัยพื้นฐานกับเงื่อนไขของตลาดซึ่งจะเอื้อต่อหุ้นตัวนั้นๆ

 

ตัวอย่างเช่น ขณะนี้ภาพรวมการลงทุนใหม่ๆ จะเป็นเรื่องของ Urbanization คือการที่มีอีกหลายพื้นที่ในต่างจังหวัดที่จะเข้าสู่สังคมเมือง เราก็เลือกลงทุนในหุ้นที่จะได้รับผลดีจากเรื่องนี้ เป็นต้น

 

ซึ่งในระยะสั้นนั้น หากมีเหตุการณ์ใดใดกระทบอารมณ์ผู้เล่นในตลาด เช่นผู้ลงทุนต่างประเทศถอนการลงทุนในหุ้นไทย เอาเงินกลับประเทศ ดัชนีตลาดหุ้นก็จะตกลง ราคาหุ้นต่างๆ ก็ลดลง และ NAV ต่อหน่วยของกองทุนที่ลงทุนในหุ้นก็จะลดลงในช่วงนั้นๆ ได้ แต่ศักยภาพและความสามารถในการขยายตัวของธุรกิจกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัทที่เราลงทุนไปนั้น มันไม่ได้ลดลงเลย

 

เราจึงมองว่าเมื่อฝุ่นหายตลบและหุ้นที่เราลงทุนซึ่งจะมีผลประกอบการดี ในระยะยาวนั้นราคาตลาดก็จะขึ้นไปสะท้อนพื้นฐานของหุ้นที่เราลงทุนได้ ขณะที่ในระยะสั้นซึ่งอาจเจอมรสุมบ้างแต่หุ้นพวกนี้ก็ยังมีปันผลให้"

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

My favorite article

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

 

สัญญาณกราฟแท่งเทียน เพื่อหาจุดกลับตัวของราคา

 

 

 

วันนี้มาดู การหาจุดกลับตัวของแนวโน้มโดยใช้กราฟแท่งเทียน

 

 

ถาม : ทำไมต้องศึกษารูปแบบพวกนี้

 

ตอบ : เพราะราคา มักจะมีรูปแบบเฉพาะตัว ที่มักจะมี รูปแบบของแท่งเทียน บอกให้เรารู้ว่า ราคาต่อไปจะเป็นอย่างไร สรุปคือ รูปแบบพวกนี้ มีการเก็บสถิติ ว่า มีการเกิดขึ้นบ่อยๆ และมีการเก็บสถิติต่อว่า เมื่อเกิดรูปแบบที่ว่าแล้ว ราคามันจะเป็นอย่างไรต่อไป

 

 

 

กร๊าฟแทงเทียนโดยทั่วไปจะมี อยู่ 2 สี ที่ต่างกัน คือ เขียว กับ แดง (แต่ปรกติตัวโปรแกรมสามารถตั้งเป็นสีอะไรก็ได้) อย่างที่บอก กร๊าฟแทงเทียน 1 แทง คือการต่อสู้กันของพลังซื้อ กับพลังขาย หากกร๊าฟ นั้นเป็นสีแดง นั้นคือ ในแท่งนั้น พลังขายชนะ หาก เป็นสีเขียว นั้นคือ พลังซื้อชนะ

 

ส่วนที่เป็นบริเวณไส้เทียน นั้นคือ จุดสูงสุด หรือสุดต่ำสุด ที่พลังทั้ง 2 สู้กัน

 

1266824295.jpg

 

 

แต่ถ้าหากว่ากร๊าฟแท่งเทียน ไม่มีตัว นั้นหมายถึง ราคาปิด กับราคาเปิด เป็นจุดเดียวกัน หรือพูดง่ายๆก็คือ พลังซื้อ กับ พลังขาย มันมีพลังพอๆกัน ในช่วงแท่งเทียนนนั้น

 

1266824565.jpg

 

 

สำหรับเจ้าโดจิป้ายศพ ตามรูปข่างล่าง หากเกิดขึ้นที่ยอดของราคาหุ้น มันก็ตามความหมายเลย ต้องรีบขายซะ

 

1266828837.jpg

 

 

 

...........................

 

ทีนี้มาดูกร๊าฟแท่งเทียนรูปแบบค้อนกันบ้าง ตามรูปข้างล่าง จะแดงหรือ เขียวก็ได้ โดยจะต้อมมีตัวอยู่ข้างบน ไส้เทียนด้านบน อาจจะมี แต่ต้องสั้นมาก และใส้เทียนข้างล่างจะต้อง ยาวกว่า ตัว 2-3 เท่า

 

1266829133.jpg

 

 

.................................

 

 

เรียกว่ารูปแบบค้อน หรือ แฮมเมอร์ รูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่า มีโอกาสถึงจุดกลับตัวค่อนข้างสูง นั้นคิอ ราคามันจะขึ้น

 

 

 

1266829272.jpg

 

 

 

.....................................

 

อีกรูปแบบเรียกว่า คนแขวนคอ ความหมายก็น่ากลัวตามชื่อนั้นแหละ นั้นคือ หากแท่งเทียนแท่งต่อไป ราคาต่ำกว่า แท่งเทียนคนแขวนคอ มีโอกาสที่จุดนี้จะเป็นจุดกลับตัว

 

1266829497.jpg

 

 

........................................

 

ตัวอย่าง จะเห็นในรูปที่ ที่จุดที่ 1 นั้น มีการกลับตัว แต่สัญญานยังไม่ชัดเท่าอันที่ 2 เพราะ จะเห็นว่า จุดที่ 2 นั้น หางมีความยาวกว่าตัวมาก สัญญาณ จึงชัดกว่า

 

 

1266962551.jpg

 

 

...................

 

ต่อไปเป็นรูปแบบ ที่เรียกว่า รูปแบบ กลื่นกิน หรือ Engulfing Pattern

 

มีข้อแม้ว่า

 

1. ตลาดต้องมีแนวโน้มที่ชัดเจนอยู่แล้วก่อนหน้านั้น เช่น ขึ้นก็ขึ้นเอาๆ หรือลงก็ลงเอาๆ

 

2. ตัวแท่งเทียน ที่ 2 ต้องคอบคุม ตัวแท่งเทียนแรกทั้งหมด ยิ่งคุมมากสัญญาณก็ยิ่งชัด (แต่ไม่จำเป็นต้องคอบคุมใส้เทียนทั้งมด)

 

3. แท่งเทียนที่ 2 จะต้องมีสีต้องกันข้ามกับแท่งเทียนอันแรก

 

รูปแบบ ตามรูปข้างล่าง หากเจอรูปแบบนี้ มีโอกาส เปลี่ยนเทรนสูง

 

เช่นข้างล่าง ราคาลงอยู่ดีๆ อยู่ๆก็เจอแท่งเทียนสีแดง ที่มีพลังขายชนะพลังซื้อ เมื่อถึงเวลานี้ ตลาดก็เริ่มงงว่าจะเอายังไงกันแน่ จะขึ้นหรือจะลง พอเจอแท่งเทียนที่ 2 แท่งเทียนแท่งที่ 2 นี้ พลังซื้อ กับพลังขาย ต่อสู้กันอย่างรุนแรง จนสุดท้าย พลังซื้อชนะ ราคาของกร๊าฟ ก็เลยได้เทรนใหม่ กลายเป็นเทรนขึ้นไปเลย เพราะพฤติกรรมของราคา ประมาณว่า แห่กันไป ใครตกเทรนก็ซวยไป ประมาณนั้น

 

1266963902.jpg

 

 

ส่วนรูปข้างล่างก็แนวๆเดียวกัน ก็ประมาณว่า ราคาขึ้นอยู่ดีๆ อยู่ๆเจอแท่งเทียนที่พลังซื้อชนะพลังขาย จากนั้น ตลาดก็เริ่มงงว่า จะเอายังไงแน่ พอเจอแท่งที่ 2 เข้าไป ก็เลยได้ข้อสรุปว่า งั้นก็ลงกันสิฟ๊ะ ก็เลยแห่กันตามไป และเหมือนเดิม ใครตกเทรน ก็ซวยไป

 

 

 

1266964170.jpg

 

 

.............................

 

มาดูตัวอย่างในราคาหุ้นของ vannachai group ในกรอบสี่เหลี่ยม จากราคาขึ้นอยู่ดีๆ เจอรูปแบบ กลื่นกินเข้าไป เปลี่ยนเทรนเลย

 

1266965757.jpg

 

 

..........................

 

มาในรูปแบบต่อไป เรียกว่า เมฆดำปกคลุม (Dark Cloud Cover)

 

รูปแบบนี้ดูเหมือนจะคล้ายๆ รูปแบบ "กลื่นกิน" อยู่เหมือนกัน ประมาณว่า กร๊าฟขึ้นอยู่ดีๆ แล้วก็มาเจอแท่งเทียนที่ 2 (เป็นแท่งสีแดง) และจุดเปิดของแท่งสีแดง ดันสูงกว่าจุดปิดของแท่งสีเขียว (หากว่าสูงกว่าใส้เทียนสูงสุดของแท่งสีแดง จะเป็นการยืนยันสัญญาณที่ชัดเจน)

 

ที่ที่สำคัญ จุดปิดของแท่งสีแดง ต้องต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นส์ ของแท่งสีเขียว

 

 

 

1266970103.jpg

 

 

ส่วนรูปแบบกลับกันเรียกว่า รูปแบบ "ทิ่มแทง" Piercing คือประมาณว่า ราคาลงอยู่ดีๆ อยู่ๆ ก็เจอแท่งสีแดงแท่งแรก แล้วมีแทงสีเขียวตามมา แบบนี้มีข้อแม้ว่า

 

1.ราคาปิดแท่งแดง ต้องสูงกว่า ราคา เปิดแท่งเขียว

 

2.ราคาปิดแท่งเขียว ต้องเกิน 50 เปอร์เซนส์ของตัวของแท่งเทียนสีแดง ยิ่งเกินเยอะสัญญาณยิ่งชัด

 

1266999626.jpg

 

 

มาดูตัวอย่างของกร๊าฟ SET มีทั้ง 2แบบ

 

1267001320.jpg

 

 

รูปแบบต่อไป เป็นรูปแบบที่ต่อเนื่องกับ เมฆดำปกคลุม และ ทิ่มแทง แต่ต่างกันที่ แท่งสีเขียว ไม่สามารถผ่าทะลุ 50 เปอร์เซ็นของตัวแท่งสีแดงไปได้ นั้น หมายความว่า แนวโน้ม ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง (ยังไม่ใช่รูปแบบ การกลับตัว)

 

มีรูปแบบเช่น

 

1. On neck

 

2. In neck

 

3. Thrusing Pattern

 

1267044570.jpg

 

 

รูปข้างล่างนี้แสดงให้เห็นว่า แท่งสีเขียว ไม่สามารถทะลุ 50 เปอร์เซ็นส์ของแท่งสีแดงไปได้ จึงไม่ใช่จุดกลับตัว

 

1267071456.jpg

 

 

 

 

 

............................

 

รูปแบบต่อไปเรียกว่า "รูปแบบดาวตก" shooting star

 

รูปแบบนี้พบบ่อย แท่งเทียนจะเป็นสีอะไรก็ได้ แต่ที่สำคัญจะต้องมี Gap นั้นคือ การเปิดตัวกระโดดขึ้นไป หาง (ไส้เทียนจะต้องยาว ยิ่งยาวยิ่งดี) และ หากแท่งเทียนแท่งต่อไป ลง นั้นคือสัญญาณที่ชัดเจน

 

1267080884.jpg

 

 

 

 

 

รูปแบบต่อไป เป็นรูปแบบ ที่ตรงกันข้ามกับ ดาวตก นั่นคือ "รูปแบบฆ้อนกลับหัว" หรือ Invert Hammer

 

รูปแบบนี้ตัวแท่งเทียน จะสีอะไรก็ได้ แต่ที่สำคัญต้องมี Gap อีกเช่นกัน และ แท่งเทียนต่อไป หากมีการปิดที่ ราคาสูงขึ้น นั่นเป็นการยืนยันสัญญาณ

 

1267081184.jpg

 

 

ดูตัวอย่างร๊าฟราคาของ CPF ดูที่ราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า กับราคา เปิดของแท่งเทียนสีเขียว มันไม่ใช่ต่ำแหน่งเดียวกัน และมีแท่งสีแดงหลังจากนั้น ราคาต่ำลง(เพราะเป็นแท่งสีแดงนิ พลังขายชนะพลังซื้อ) เป็นการยืนยันสัญญาณว่า ราคามันจะลง

 

1267081390.jpg

 

...........................

 

รูปแบบต่อไปเรียกว่า รูปแบบ "คนมีท้อง" หรือ Harami Pattern

 

แท่งเทียนจะสีอะไรก็ได้ แต่ว่า แท่งที่ 2 จะต้องเล็กกว่าแท่งแรก รูปแบบนี้จะตรงกันข้ามกับ รูปแบบกลื่นกิน

 

ส่วน แท่งที่ 3 ถ้าขึ้น หรือลง นั่นเป็นตัวยืนยันสัญญาณ ทำไมถึงเรียกว่า คนมีท้อง ก็ดูดีๆ ว่า แท่งแรก เขาว่ามันเหมือนคน ส่วนแทงที่ 2 เขาว่า มันเหมือนท้อง เลยเป็นคนอุ้มท้องไปซะเลย ช่างคิดจริงๆ ฮ่าๆ

 

 

 

1267088122.jpg

 

 

นี้เป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นที่ SET ลงดูในกรอบสี่เหลี่ยม จะพบว่า เกิดรูปแบบ คนมีท้อง จากนั้น แท่งที่ 3 เป็นการยืนยันว่า การขึ้นมันจบแล้วนะ

 

1267088302.jpg

 

 

................................

 

 

รูปแบบต่อไปเรียกว่า ฮารามิกากบาท หรือ Harami Cross คือเหมือนกับคนมีท้องนั่นแหละ แต่จะให้สัญญาณที่แรงกว่า เพราะตัวกากบาท หรือที่เราเรียกว่า ตัว โดจิ เป็นการสู้กันของ ราคาซื้อ และราคาขาย แบบว่าเสมอกัน กินกันไม่ลง แต่ตัวแปล นั้น กลับอยู่ที่ แท่งเทียนที่ 3 ว่าจะขึ้นหรือลง ดัง้นั้นแท่งที่ 3 เป็นตัวยืนยันสัญญาณ ดั้งนั้น แท่งที่ 3จึงสำคัญมาก

 

ปล. แท่งเทียนยิ่งสแกลใหญ่ ยิ่งมีความแมนย่ำสูง เช่น แท่งเทียน 1 วัน แมนย่ำ กว่าแท่งเทียน 1นาที

 

 

1267217887.jpg

 

 

มาดูตัวอย่างใน SET ในรูปสีแหลี่ยม จะเห็น Harami Cross จากนั้นมันก็จะปรับตัวขึ้นเลย แท่งที่ 3 สำคัญมาก

 

1267218115.jpg

 

 

 

 

.........................

 

ต่อไปเป็นรูปแบบ Tweezer Top กับ Tweezer Bottorn หรือ บางคนก็อาจจะเรียกว่า Double Top กับ Double Bottorn รูปแบบ นี้เป็นการผสมผสานกับ ลักษณะสัญญาณข้างบน เช่น Harami Cross , Harami Pattern , shooting star ฯลฯ

 

แต่มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งก็คือ ในส่วนของ Double Top ราคาสูงสุดจะเท่ากัน และ Double Bottorn ราคาต่ำสุดจะเท่ากัน รูปแบบนี้ จะเป็นการเพิ่มสัญญาณความแรง เป็นการยืนยันสัญญาณที่แรงกว่าว่างั้นแหละ

 

1267220918.jpg

 

 

 

...........................

รูปแบบต่อไปเรียกว่า เข็มขัดกระทิง หรือ Bullish Belt Hold และรูปแบบตรงกันข้ามคือ เข็มขัดหมี หรือ Bearish Belt Hold รูปแบบนี้ดูเหมือนจะคล้ายๆ แฮมเมอร์ กับคนแขวนคอ

 

1267254164.jpg

^

^

รูปแบบ แฮมเมอร์ กับคนแขวนคอ

 

 

 

แต่มันจะต่างกันที่ แฮมเมอร์ กับคนแขวนคอ มันสีอะไรก็ได้ แต่รูปแบบ เข็มขัด ตามสีในรูปข้างล่าง และที่สำคัญ รูปแบบเข็มขัด ตัวจะยาวกว่าหาง

 

 

1267254309.jpg

 

 

ตัวอย่างรูปแบบกระทิงในรูปข้างล่าง

 

1267254631.jpg

 

 

.......................

 

รูปแบบต่อไปเรียกว่า อีกา 2 ตัวบนช่องว่าง (Upside Gap Two Crows)

 

อีกาเป็นความโชคร้ายของญี่ปุ่น

 

คือในรูปข้างล่าง เราจะต้องมี Gap คือ ราคาเปิดกระโดดสูงขึ้นไป แต่สุดท้าย กลับปิดในแรงบวกไม่ได้ (อีกาตัวแรง) จากนั้น ตลาดก็เริ่มงง ว่าจะเอายังไงดี ก้มาเจอ อีกาตัวที่ 2 พอเจออีกาตัวที่ 2 คราวนี้ชัดเลย แท่งที่ 3 (ยืนยันสัญญาณ) ก็เริ่มลง

 

จะเห็นว่า มันคล้ายๆ Harami (คนมีท้อง)เหมือนกัน แต่ต่างกันที่ อันนี้มันมี Gap และคนมีท้อง ท้องจะอยู่ด้านขวา

 

1267261466.jpg

 

 

 

อีกตัวจะเรียกว่า อีกา 3 ตัว (Three Black Crows) อีกามากัน 3 ตัวเลย แบบนี้ ไม่ต้องมี Gap ก็ใช้ได้ แต่ อีกา 3 ตัวนั้น ต้องราคาต่ำลงเรื่อยๆ

 

1267261753.jpg

 

 

ตัวอย่าง

 

1267389610.jpg

 

 

 

 

.........................

 

 

รูปแบบต่อไป ผู้เขียนเรียกง่ายๆว่า "กระทิงโต้กลับ" แต่ชื่อจริงๆคือ เส้นทางการตีโต้กลับกระทิง (ชื่อยาวจริงๆ) หรือ Bullish Counterattack Line

 

 

ข้อแม้คือ

 

1.แท่งเทียนแท่งแรกต้องเป็นสีแดง

 

2.แท่งเทียนที่ 2 ต้องเป็นสีเขียว

 

3.แท่งเทียนสีเขียว พอเปิดแล้ว ราคาต่ำลงมา พอถึงจุดหนึ่ง กลับตีโต้ราคาขึ้นไป จนไปปิด ที่ราคาเท่ากับราคาปิดของแท่งสีแดง ประมาณว่า สีเขียวตีโต้สีแดง

 

1267394425.jpg

 

 

ต่อไปเป็นรูปแบบที่ตรงกันข้าม ผู้เขียนขอเรียกง่ายๆว่า "หมีโต้กลับ" แต่ชื่อเต็มๆคือ เส้นทางการโต้กลับหมี หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Bearish Counterattack Line

 

มีข้อแม้คือ

 

1. แท่งเทียนอันแรกต้องเป็นสีเขียว

 

2. แท่งเทียนแท่งที่ 2 เป็น สีแดง

 

3. ประมาณว่า แท่งเทียนแรก สีเขียว ราคากำลังขึ้นอยู่ดีๆ พอแท่งที่ 2 ก็ยังขึ้นอยู่ พอถึงจุดสูงสุดของราคา กลับโดนโต้ด้วย หมี (สัญญาณขาย)จนกลับมาปิดที่ จุดเริ่ม พอแท่งที่ 3 ราคาก็ลงต่อ เป็นการยืนยันสัญญาณลงเข้าไปอีก

 

1267398436.jpg

 

 

 

ตัวอย่าง

 

1267399491.jpg

 

 

 

................................

 

รูปแบบต่อไป เรียกว่า ยอดหอคอย หรือ Tower Top

 

รูปแบบนี้ถือว่าเป็นรูปแบบ "ผสม" ดังนั้น จึงค่อนข้างอธิบายในเชิงวิชาการยากนิดหน่อย แต่สามารถ อธิบายภาษาชาวบ้าน ประมาณว่า

 

ราคา ขึ้นมาสักพัก ขึ้นมาเรื่อยๆ จนเริ่มหมดแรง และลงนิดหน่อย (ในแท่งที่ 3) จะนั้นตลาด เริ่มงง ว่าจะเอายังไงต่อ ก็ได้คำตอบว่า ขึ้นอีกสักนิดน่า จนสุดท้าย ความเชื่อที่ว่า ราคาจะขึ้นต่อ ได้หมดลงไป จนเจอ แท่งสีแดง ขนาดใหญ่ เป็นการยืนยันการกลับตัว ได้เยืยมเลย ยิ่งแท่งที่ 7 เป็นการยืนยันอย่างดี

 

1267403628.jpg

 

 

รูปแบบข้างล่าง เป็นรูปแบบ ตรงกันข้ามกับรูปแบบ ยอดหอคอย เรียกว่า ฐานหอคอย หรือ Tower Bottorn

 

1267403983.jpg

 

รูปตัวอย่างจาก SET ประมาณว่า เจอแท่งที่มีการปรับตัวแคบๆ ก่อนที่จะมีแท่งที่ สีตรงกันข้าม

 

1267425927.jpg

 

 

 

 

..........................

 

แท่งเทียนในรูปแบบต่อไป เรียกว่า Evening Star หรือ ดาววีนัส

 

ข้อแม้คือ

 

1.จะต้องมี Gap

 

2. แท่งที่เป็นดาว สีอะไรก็ได้ แต่ตัวของมันต้องสั้นๆในรูปแบบดาว และไส้ของมันต้องสั้นๆด้วย (แท่งที่ 2)

 

3. แท่งเทียน 2 ข้าง ต้องเป็นสีที่อยู่ในรูป (บังคับ)

 

4. ต้องมี 3แท่งจึงจะครบองค์ประกอบ

 

1267430544.jpg

 

 

รูปแบบตรงกั้นข้ามคือ Moming Star หรือ ดาวเมอคิวรี่

 

 

หลักการก็คล้ายๆกับ ดาววีนัส แต่ตรงกันข้ามเท่านั้นเอง

 

1267430891.jpg

 

 

ตัวอย่าง

 

1267432464.jpg

 

 

 

 

 

รูปแบบที่ใกล้เคียงคือ Evening Doji Star หรือ ดาววีนัสโดจิ เป็นรูปแบบที่เหมือนดาววีนัสทุกอย่าง แต่จะให้สัญญาณที่แรงกว่า

 

1267434406.jpg

 

 

 

 

รูปแบบที่ใกล้เคียงอีกอันเรียกว่า Moming Doji Star ลักษณะก็เหมือนกับ ดาวเมอคิวรี่ แต่จะให้สัญญาณที่แรงกว่า

 

 

1267434572.jpg

 

 

 

จบตอนแล้ว ความรู้คืออำนาจ หากศึกษา ก็จะสามารถพึ่งพาตัวเองได้

 

 

Copied date :Aug 13, 2010

 

 

From http://www.bloggang....group=1&gblog=5

 

เขียนโดย mameemaree ที่ 4:59

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดมีการกระทำเป็นลักษณะของการทำซ้ำ

"Market action is repetitive"

 

 

 

 

 

printButton.png emailButton.png

ความสำคัญของกราฟแท่งเทียน 1

 

ราคาหุ้นตามราคาตลาดที่เกิดจากการซื้อขายในขณะนั้น เป็นการแสดงให้เห็นถึงราคาที่เหมาะสมที่ผู้ซื้อกับผู้ขายได้ตกลงซื้อขายกันซึ่งราคาหุ้นตามราคาตลาดอาจจะมีราคาแพงหรือถูกกว่า มูลค่าของบริษัทตามทฤษฏีหรือตามมูลค่าของกิจการ (เฉลี่ยต่อหุ้น) ทั้งนี้ราคาหุ้นตามราคาตลาด จะเกิดจาก Demand/Supply หรือก็คือแรงซื้อ/แรงขายจากเทรดเดอร์ที่ส่งคำสั่งซื้อขายเข้ามานั่นเอง

 

กรณีที่แรงขายมากกว่าแรงซื้อ ก็จะเป็นการส่งสัญญาณให้กับเทรดเดอร์ท่านอื่นได้ทราบว่าในขณะนี้ราคาหุ้นมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงมากกว่าที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

และในทำนองเดียวกัน กรณีที่แรงซื้อมากกว่าแรงขาย ก็จะเป็นการส่งสัญญาณให้กับเทรดเดอร์ท่านอื่นได้ทราบว่าในขณะนี้ราคาหุ้นมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่จะปรับตัวลดต่ำลง

 

สัญญาณซื้อขายที่เกิดขึ้นจะเกิดจากปริมาณคำสั่งซื้อ คำสั่งขายที่ส่งเข้ามาให้เทรดเดอร์มองเห็นได้จากฝั่งเสนอซื้อ เสนอขายหรือจากการจับคู่คำสั่ง ซื้อขายที่เกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณที่เร็วที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วสัญญาณดังกล่าวยังไม่สามารถบอกทิศทางได้อย่างแม่นยำ แต่เมื่อเรานำข้อมูลการซื้อขายที่เกิดขึ้น นำมาพล็อตเป็นรูปกราฟในช่วงเวลาที่สามารถบอกทิศทางภายในวันได้ ความแม่นยำก็จะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

 

รูปกราฟที่เกิดขึ้น เราสามารถกำหนดให้แสดงผลเป็นรูปกราฟแท่งเทียน ซึ่งอาจกำหนดให้แสดงผลในทุกๆ 5 นาที, 15 นาที, หรือ 20นาที ขึ้นอยู่กับความต้องการที่จะนำไปใช้งาน และเมื่อสิ้นสุดวัน เราก็ยังสามารถนำข้อมูลราคาเปิด, ราคาปิด, ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุดมาพล็อตเป็นกราฟวันได้ และเมื่อนำข้อมูลในแต่ละวันมาพล็อตเรียงต่อกันก็จะทำให้เกิดเป็นรูปกราฟที่สามารถบอกทิศทางหรือแนวโน้มได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจบอกแนวโน้มระยะสั้น, แนวโน้มระยะกลาง, แนวโน้มระยะยาว โดยขึ้นอยู่กับจำนวนวันหรือระยะเวลาที่นักลงทุนแต่ละท่านสนใจ

 

คีย์ที่สำคัญก็คือในขณะที่ราคาหุ้นกำลังดำเนินตามแนวโน้มต่อไปเรื่อย ๆ นั้น ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแนวโน้มเกิดขึ้น จะมีการส่งสัญญาณออกมาผ่านไปยังลักษณะของแท่งเทียนที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นจุดสังเกตของการเปลี่ยนแนวโน้ม โดยแท่งเทียน แต่ละแท่งที่แสดงให้เห็นจะมีความหมายแตกต่างกันขึ้นอยู่ กับลักษณะของแท่งเทียนนั้นๆ ความสำคัญมากน้อยก็จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าลักษณะของแท่งเทียนดังกล่าวเกิดขึ้นในบริเวณไหนของรูปกราฟ และจำนวนแท่งเทียนที่เกิดขึ้นที่สามารถอ่านค่าได้ เช่น One day patterns, Two day patterns, Three day patterns, Four day patterns, หรือ More day patterns ในบริเวณตำแหน่งของการวกกลับของแนวโน้ม (Bullish Pattern, Bearish Pattern, Other Patten)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความสำคัญของกราฟแท่งเทียน 2

 

จากกราฟแท่งเทียน เราจะสังเกตเห็นว่าแท่งเทียนจะถูกบันทึกเรียงต่อกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลักษณะของแท่งเทียนที่เกิดขึ้นก็จะสื่อความหมายออกไปตามแต่ลักษณะของแท่งเทียนนั้นๆ

 

ประเด็นที่สำคัญก็คือเราจะตีความหมายจากลักษณะของแท่งเทียนที่เกิดขึ้น เพื่อหาตำแหน่งของ จุดซื้อ จุดขาย ให้แม่นยำได้อย่างไร หรืออีกนัยหนึ่ง...เราจะสามารถนำรูปแบบของแท่งเทียนไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร

 

สำหรับการนำรูปแบบของแท่งเทียนไปใช้งานนั้น ผู้เทรดควรมองหารูปแบบของแท่งเทียน ณ ตำแหน่งที่คาดว่าจะเกิดมีการวกกลับของราคาหรือตำแหน่งของจุดวกกลับของแนวโน้ม

 

...อย่างง่ายที่สุดก็คือ การพิจารณาร่วมกันระหว่าง รูปแบบของแท่งเทียน ที่เกิดขึ้นบริเวณแนวรับ แนวต้าน โดยที่ปริมาณการซื้อขาย จะเป็นตัวช่วยยืนยันสัญญาณที่เกิดขึ้น ส่วนการยืนยันสัญญาณการวกกลับของราคาหรือของแนวโน้ม ผู้เทรดจะต้องรอดูลักษณะของแท่งเทียนในวันถัดไป (ประกอบเข้าด้วยกัน) ซึ่งจะสามารถทำให้ผู้เทรดคาดการณ์ทิศทางที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้อย่างแม่นยำ

 

* สำหรับการใช้งานรูปแบบของแท่งเทียน เพื่อหาจุดซื้อ จุดขาย โดยลักษณะของแท่งเทียนที่เกิดบริเวณกึ่งกลางของแนวโน้มใดๆ จะมีความสำคัญน้อยกว่าลักษณะของแท่งเทียนหรือรูปแบบของแท่งเทียนที่เกิด ณ บริเวณจุดวกกลับนั้นๆ

 

จากกราฟตัวอย่าง ผู้เทรดจะสังเกตเห็นว่า Parabolic SAR ได้ส่งสัญญาณซื้อเข้ามา (จุดสีเหลืองที่อยู่ด้านล่างของแท่งเทียน) ดังนั้นในตำแหน่งนี้ ผู้เทรดควรมองหาสัญญาณการยืนยันการวกกลับของราคาจากลักษณะของแท่งเทียนที่เกิดขึ้น ในที่นี้เราจะสามารถอ่านข้อมูลได้ดังนี้

 

1. ที่ตำแหน่งรองสุดท้ายจะเกิดการวกกลับของราคา จากลักษณะของแท่งเทียน ซึ่งในที่นี้ราคาหุ้นไม่ได้ทำ New low แต่ยังคงต้องรอการยืนยันการวกกลับของราคาในวันถัดไป

 

2. ในวันสุดท้ายได้เกิดแท่งเทียนโปร่ง (เขียว) พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นอย่างผิดปกติ (สังเกตจากวอลุ่มในกราฟด้านล่างสุด) ซึ่งเป็นการ ยืนยัน การกลับตัวของแนวโน้มเป็นอย่างดี (การวกกลับของราคา) และในที่นี้ได้มีสัญญาณซื้อมาจาก Parabolic SAR อีกด้วย (จุดสีเหลืองที่อยู่ด้านล่างราคา)

 

3. ช่วงประมาณเดือน 11 ถึง เดือน 12 ราคาหุ้นได้ทำ Divergence กับ MACD

 

โดยรวมสามารถสรุปได้ว่า ได้เกิดสัญญาณซื้อเข้ามา โดยมีวอลุ่มเข้ามาช่วยยืนยันการวกกลับของราคาหุ้นดังกล่าว ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี มีโอกาสที่แนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นได้จากสัญญาณที่เกิดขึ้น

 

* แต่ที่สำคัญ ผู้เทรดควรกำหนดจุด Stop loss ไว้ด้วยครับ (เพราะสัญญาณบอกว่ามันจะขึ้น แต่ก็เป็นไปได้ว่ามันจะไม่ขึ้น) อันนี้ก็อาจใช้ราคา lowเดิม เป็นตำแหน่งของการ Stop loss

 

อ้างอิง

 

3 ข่าวการปรับโครงสร้างการถือหุ้น

 

tisco%2011-12-51.gif

กราฟวันที่ 11 ธันวาคม 2551

 

tisco%2019-12-51.gif

กราฟวันที่ 19 ธันวาคม 2551

 

tisco%2028-3-52.gif

 

ข่าวแผนปรับโครงสร้างการถือหุ้น ซึ่งมีผลทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดต่ำลง ช่วงวันที่ 12-14 มกราคม 2552

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

 

 

 

 

สอนหุ้น วิเคราะห์หุ้นจากแท่งเทียน

 

 

 

สวัสดีครับ(-/\-, ) เพื่อนๆทุกคน...ห่างหายจากการเขียนบทความไปนานร่วมเดือน เนื่องจากภารกิจอันรัดตัว มาเที่ยวนี้ก็เลยว่าจะจัดเต็มแบบชดเชยให้หายเคืองกันไป......มีเพื่อนๆหลายคนถามมาเหมือนกันครับว่า "ทำไมไม่ค่อย up เว็บ?" งั้นผมขอแก้ตัว...เอ้ย...อ้าง...เอ้ยไม่ใช่...(=..=")ทำเป็นตลกคาเฟ่ไปได้555

สาเหตุที่ผมไม่ค่อย up เว็บเพราะผมตั้งใจจะโพสต์แต่บทความแบบเนื้อหาหุ้นล้วนๆน่ะครับ เพราะสมัยตอนหัดเล่นหุ้นใหม่ๆ เข้าเว็บไหนๆ พออ่านเนื้อหาไปได้ 2-3บทความก็จะเจอประวัติบ้าง ชีวิตประจำวันของเจ้าของเว็บบ้างแทรกอยู่ พอได้มาทำเอง ผมก็เลยอยากให้เว็บนี้เป็นแบบที่ว่า clickบทความไหนก็ได้อ่านเนื้อหาเต็มๆ ส่วนชีวิตประจำวันผมไปเขียนลง Facebook ดีกว่า.......ตามนั้นครับ(^ ^)

 

วันนี้ผมเอาเรื่องการวิเคราะห์แท่งเทียนมาฝากกันครับ ทำเองกับมือเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวใครร้องเรียนเรื่องลิขสิทธิ์ ei ei.....เนื้อหานี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในหนังสือที่ผมกำลังเขียนอยู่ แต่แอบเอามาเผยแพร่ก่อน เพราะมีหลายคนเริ่มที่จะเข้าใจสัญญาณซื้อ-ขายต่างๆขึ้นมากแล้ว ก็เลยอยากให้ลองฝึกสังเกตแท่งเทียนเผื่อว่าจะวิเคราะห์ได้ลงลึกมากยิ่งขึ้น.......ลองนำไปทดลองดูกันนะครับว่ามีความแม่นยำมากน้อยแค่ไหน ส่วนตัวผมให้ 60%ครับ

(ปล. จะนำไปใช้สังเกตกับ TimeFrame วัน,สัปดาห์,หรือเดือน ก็เหมือนๆกันนะครับ)

15+(1).jpg

15+(2).jpg

 

15+(4).jpg

15+(5).jpg

15+(6).jpg

15+(7).jpg

15+(8).jpg

15+(9).jpg

Stockmanday%2BLogo%2Bresize%2B200.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทที่ 1 7 การหาจุดกลับตัวของแนวโน้มโดยใช้กราฟแท่งเทียน part1

 

 

http://youtu.be/ppnehj9IExQ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทที่ 1 7 การหาจุดกลับตัวของแนวโน้มโดยใช้กราฟแท่งเทียน part2

 

 

http://www.youtube.com/watch?v=FYNIsCpsSVA&feature=share&list=UUfAq0fYbPOYeHNN7-coN-sw

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำรวจโลก

Sunday

 

 

โธมัส อาร์วีย์ พยาธิแพทย์ ประจำโรงพยาบาล พรินซ์ตัน ทำการผ่าตัดสมองของอัลเบิร์ต ไอนสไตน์

เมื่อวันที่ 18 เมษายน 1955 และทำการถ่ายภาพเก็บไว้

หลังจากนั้นแบ่งสมองออกเป็นส่วน ๆ 240 ส่วนเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บรักษา

ปี 2009 นักมานุษวิทยา มหาวิทยาลัยรัฐฟลอริด้า ตั้งข้อสังเกตุว่ารอยหยักในสมองของไอน์สไตน์

คล้ายของนักดนตรีประเภทเครื่องสาย ที่มีความสามารถในด้านดนตรี

ต่อมาฟอล์คและร่วมงานใช้ภาพสมองของไอน์สไตน์ 14 ภาพ เปรียบเทียบกับสมองคนทั่วไป 85 คน

และสรุปเอาไว้ว่า สมองของไอน์สไตน์แตกต่างไปจากสมองโดยเฉลี่ยของคนทั่ว ๆ ไป

ในหลายส่วนของสมองมีความซับซ้อนและขรุขระกว่าสมองคนทั่วไป

ที่เชื่อว่าเกี่ยวเนื่องกับเซลล์ประสาทของอัจฉริยะผู้นี้ด้วย

 

 

 

545163_10151306962507226_1028177577_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

สำรวจโลก

18 hours ago

 

ราชินีหมากรุก แห่ง(สลัม)กัตเว่ (katwe)

ฟิโอน่า มูเตซี่ (Phiona Mutesi) สาววัย 16 ปีชาวยูกันดาอาศัยอยู่ในสลัมกัตเว่ สลัมที่ยากจนที่สุดในประเทศ เป็นแชมป์หมากรุ่นรุ่นจูเนียร์ของยูกันดา 3 สมัย เป็นผู้เล่นหมากรุกหญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ โดยได้รับตำแหน่งครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ เป็นตัวแทนยูกันดาในการแข่งขันระดับชาติ ในปี พศ.2553 และในอนาคตเธอกำลังจะได้เป็นตัวละครเอกในภาพยนตร์ของ วอลท์ ดิสนีย์ เรื่อง ”The Queen of Katwe” ซึ่งทำมาจากหนังสือชีวประวัติของเธอนั่นเอง

 

 

530406_10151308792147226_323275080_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...