ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

เทิร์ด เฟอร์กูสัน โทรศัพท์ไปคุยกับ แอนดี้ แมไกวร์ ที่เป็นเทรดเดอร์อยู่ที่อังกฤษ

เพราะอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมทองคำ และโลหะเงินไม่โดนทุบหนักกว่านี้

 

แอนดี้ ตอบง่ายๆว่า พวกธนาคารทองคำในลอนดอน ตอนนี้ก็ออกมาซื้อฟักดิบเหมือนที่พวกเรา

(รวมทั้งสมาชิกไทยโกลด์หลายๆท่าน) ซื้อเข้าเก็บเรื่อยๆ โดยที่ฟักดิบครั้งล่าสุดที่ผ่านมา

แอนดี้บอกว่า มีคำสั่งซื้อทองคำแท่งเข้ามาถึง ๗,๕ ตันเลยทีเดียว

 

ที่มา http://www.tfmetalsreport.com/blog/4250/cartel-copycats

 

หล่นให้มากกว่านี้อีกหน่อยก็ดีครับ เฮียๆที่สมาคมไม่ค่อยปล่อยให้มันลงแบบเต็มๆเลย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฮือฮา! รบ.นิวซีแลนด์เอาจริง เตรียมประกาศใช้ “เหรียญฮอบบิต” เป็นเงินตราตามกฎหมาย 1 พ.ย. blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 ตุลาคม 2555 14:25 น.

 

 

blank.gif 555000013141401.JPEG blank.gif เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - นิวซีแลนด์ ประเทศซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ไตรภาคชื่อก้องโลก “The Lord of the Rings” รวมถึงมหากาพย์ไตรภาคเรื่องใหม่ “Hobbit” ที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ด้วยการเตรียมออกเหรียญกษาปณ์ฮอบบิตทองคำ 99.99 เปอร์เซ็นต์ โดยความพิเศษของเหรียญที่ว่าคือ มันเป็นเงินตราที่สามารถนำมาชำระหนี้ได้ตามกฎหมายนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป

 

รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลแดนกีวีเตรียมออกเหรียญกษาปณ์แบบใหม่ที่มีภาพของตัวละครเอกหลายตัวใน มหากาพยทั้ง 2 เรื่องสลักอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกานดาล์ฟ, บิลโบ, แบกกินส์ และกอลลัม พร้อมกับมีข้อความทั้งที่เป็นภาษาอังกฤษ และภาษา “ดวาร์วิช” สลักไว้ตรงขอบของเหรียญแทนคำว่า “มิดเดิลเอิร์ท” และคำว่า “นิวซีแลนด์” โดยราคาของเหรียญฮอบบิตจะมีตั้งแต่ 1-10 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (1 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ คิดเป็นเงินไทยราว 25.13 บาท)

 

ด้านเซอร์ ไมเคิล จอห์น คัลเลน อดีตรัฐมนตรีคลังนิวซีแลนด์ วัย 67 ปี ในฐานะประธานของการไปรษณีย์แดนกีวี (NZPost) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการออกเหรียญฮอบบิตมาใช้ตามกฎหมาย ออกมาเปิดเผยว่า เหรียญฮอบบิตเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นเงินตราอย่าง เป็นทางการพวกแรกของโลกที่มีที่มาจาก “ภาพยนตร์”

 

ทั้งนี้ ภาพยนตร์แฟนตาซีไตรภาคเรื่อง “The Lord of the Rings” ของผู้กำกับดังแดนกีวี ปีเตอร์ แจ็คสัน ซึ่งออกฉายทั่วโลกระหว่างปี 2001-2003 และสามารถทำรายได้ถล่มทลายกว่า 2,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 89,752 ล้านบาท) ถือเป็นภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงให้นิวซีแลนด์ที่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ อย่างมาก โดยเค้าโครงของภาพยนตร์ถูกดัดแปลงมาจากผลงานเขียนชื่อเดียวกันของ ศาสตราจารย์ เจ.อาร์.อาร์. โทลเคียน แห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด

555000013141402.JPEG blank.gif

555000013141403.JPEG blank.gif

555000013141404.JPEG blank.gif

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าออกเป็นเหรียญทองคำ99.99 ในราคาแค่1-10ดอลลาร์นิวซีแลนด์ เหรียญมันจะเล็กขนาดไหนล่ะนั่น

 

เพราะแค่เศษทอง96.5ของไทยเศษเสี้ยวเล็กๆ มันก็เกิน300บาทแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เหรียญเงิน1ดอลลาร์ แต่ราคาจำหน่ายแพงกว่านั้นเยอะครับ

 

 

http://www.usmint.go...ican_eagle_gold เหรียญทองคำ1ออนซ์ เอาเม้าท์ชี้ที่เหรียญ มีคำว่า50หรือ30ดอลลาร์ดูไม่ชัดครับ

 

ราคาจำหน่ายจริงแพงกว่าทองคำ1ออนซ์ครับ

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กร๊าก ราคาทองถึงเป้าเร็วกว่าที่คาดไว้ วันนี้ขึ้นตั้ง 904% (MarketWatch.com)

post-23-0-62682700-1349968358.jpg

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กร๊าก ราคาทองถึงเป้าเร็วกว่าที่คาดไว้ วันนี้ขึ้นตั้ง 904% (MarketWatch.com)

 

เกินเป้าไปตั้งเยอะ

ขายไม่ทันซะนี่.... เฮ้อออออ

:023

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนลุยกระตุ้นรอบใหม่ ถึงเวลาอัดเงินพยุงศก.ชาติ

 

 

 

 

 

 

โดย...นันทิยา วรเพชรายุทธ

หลังจากที่โดนหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจมาถึง 2 วันติดต่อกัน ทั้งจากธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ว่าเศรษฐกิจแดนมังกรจะชะลอตัวลงแรงกว่าที่คาดไว้ ในที่สุดจีนจึงอั้นไม่ไหวต้องปล่อยมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจรอบใหม่ออกมา กระตุ้นตลาดการเงินให้ได้คึกคักกันอีกครั้ง

ในรอบนี้ธนาคารกลางจีนดำเนินการอัดฉีดไป 2.65 แสนล้านหยวน (ราว 1.29 ล้านล้านบาท) ในโครงการซื้อคืนพันธบัตรเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ซึ่งนับเป็นการอัดฉีดครั้งที่ 2 ของธนาคารกลางในเวลาเพียงไม่ถึง 1 เดือน จากการเพิ่งอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบไป 2.9 แสนล้านหยวน เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่เพิ่งผ่านมา เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมในประเทศลง

นับเป็นสัญญาณชี้ชัดที่ดีว่า แม้จะไม่มีกระสุนเงินอัดฉีดแบบนัดเดียวจอด 4 ล้านล้านหยวน เหมือนเมื่อ 3 ปีก่อนตามที่จีนประกาศลั่นมาแล้วหลายครั้ง ทว่ารัฐบาลจีนก็จะไม่มีทางปล่อยให้เศรษฐกิจแดนมังกรต้องซบเซาลง “เร็ว” และ “แรง” เกินกว่าที่จะรับได้ จนสร้างแรงกระเพื่อมให้ประเทศในเวลานี้อย่างแน่นอน

ปัจจัยภายในนั้นเป็นเพราะจีนไม่ต้องการให้มีปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจและการ เมืองก่อนการประชุมใหญ่สภาประชาชนจีน เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์คนใหม่ในวันที่ 8 พ.ย.นี้ หลังจากที่เพิ่งเกิดแรงกระเพื่อมไปหมาดๆ ระหว่างฝ่ายปฏิรูปซึ่งกุมอำนาจในปัจจุบันกับฝ่ายซ้ายจัดจากกรณีของอดีต นักการเมืองชื่อดัง ป๋อซีไหล

B1845D1542C94AE5A35B2E0C0F797049.jpg

ส่วนปัจจัยภายนอกนั้น จีนหรือแม้แต่ประเทศส่วนใหญ่ในเวลานี้ย่อมรู้ดีว่าไม่อาจพึ่งพิงประเทศอื่นๆ เพื่อเกื้อหนุนเศรษฐกิจในประเทศได้เหมือนเดิมอีกต่อไป เนื่องจากกลุ่มประเทศร่ำรวยต่างก็ประสบกับปัญหา ดังนั้นการดำเนินมาตรการกระตุ้นจากภายในทั้งในด้านนโยบายการคลังและการเงิน จึงเป็นทางออกเฉพาะหน้าที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการพยุงเศรษฐกิจของจีนไม่ ให้ซบเซาลงแรงจนกลายเป็นฮาร์ดแลนดิง

เพราะไม่ใช่แค่เวิลด์แบงก์ที่ปรับลดคาดการณ์ของจีนในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 7.7% จากเดิม 8.1% หรือไอเอ็มเอฟ ที่ลดคาดการณ์จีดีพีของจีนลงมาอยู่ที่ระดับ 7.8% จาก 8.2% ทว่าบรรดาตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของจีนเอง ทั้งในภาคการผลิต การบริการ และการส่งออก ต่างก็เผชิญภาวะซบเซาลงมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ไตรมาส 2–3 ในปีนี้

จีนเองนั้นเริ่มปรับเปลี่ยนท่าที หันมาตั้งรับกับปัญหาเศรษฐกิจโลกอย่างจริงจังมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2011 เป็นต้นมา จากการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองความเสี่ยงของภาคธนาคารพาณิชย์ลงครั้งแรกใน รอบหลายปีเมื่อเดือน ธ.ค. 2011 และปรับลดตามมาอีก 2 ครั้ง ในเดือน ก.พ. และ พ.ค. ครั้งละ 0.5%

ทว่า รัฐบาลกรุงปักกิ่งได้เพิ่มระดับความเข้มข้น หันมาดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังทั้งทางด้านการเงินและการ คลังในช่วงครึ่งปีหลังมานี้ ท่ามกลางวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะยุโรปซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายลงง่ายๆ

ธนาคารกลางจีนได้เพิ่มความเข้มข้นของการผ่อนปรนทางการเงินขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ภาคการเงินสหรัฐเมื่อปี 2008–2009 เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. โดยลดลง 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 1 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 3.25% และอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมลดลงมาอยู่ที่ 6.31%

ธนาคารกลางจีนยังสร้างความประหลาดใจตามมาติดๆ ด้วยการประกาศหั่นอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่ 2 ตามมาในเวลาห่างกันไม่ถึง 1 เดือน โดยลดลงอีก 0.25% เมื่อวันที่ 6 ก.ค.

นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังได้เดินหน้ากระตุ้นทางการคลังไปพร้อมกันด้วย โดยประกาศมาตรการกระตุ้นการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศอีก 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการอัดฉีดทางการคลังครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการประกาศงบ กระตุ้นเศรษฐกิจ 4 ล้านล้านหยวน เมื่อปี 2009 โดยในครั้งนี้คณะกรรมาธิการเพื่อการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติ ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างถึง 60 แห่ง อาทิ ถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ และสนามบิน ซึ่งการกระตุ้นในครั้งนั้นส่งผลให้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ปรับตัวขึ้นทันทีถึง 3.7%

โจวเสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน เปิดเผยชัดเจนในบทความลงนิตยสารไชนา ไฟแนนซ์ ฉบับล่าสุดว่า เศรษฐกิจจีนยังคงต้องได้รับการสนับสนุนทางด้านนโยบายอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางจีนจะยังคงกำกับดูแลให้นโยบายการเงินมีความยืดหยุ่นต่อไป และพร้อมจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นทันทีเพื่อสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมทาง เศรษฐกิจ ท่ามกลางปัจจัยลบภายนอกที่ยังคงรุมเร้าอยู่

จึงไม่น่าแปลกใจที่ธนาคารจีนจะเดินเกมรุกหนักขึ้นมากกว่าแค่ลดอัตรา ดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ ด้วยการอัดฉีดทุนครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ 2.9 แสนล้านหยวน (ราว 1.4 ล้านล้านบาท) เข้าสู่ระบบการเงินในประเทศ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ผ่านทางโครงการซื้อคืนพันธบัตร

การอัดฉีดเพิ่มสภาพคล่องในระบบยังดำเนินต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ในเวลาห่างกันไม่ถึง 3 สัปดาห์ โดยอัดฉีดรอบล่าสุด 2.65 แสนล้านหยวน เมื่อวันที่ 9 ต.ค. เพื่อดึงต้นทุนการกู้ยืมในประเทศของบริษัทและกิจการต่างๆ ให้ถูกลงมา และเพื่อให้มั่นใจว่าสภาพคล่องในระบบการเงินของจีนจะไม่ติดขัดใดๆ ซึ่งการ สร้างหลักประกันการเข้าถึงแหล่งทุนให้กับธุรกิจในประเทศนั้น ถือเป็นการช่วยต่อลมหายใจชั้นดีให้ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีสายป่านเงินทุนสั้น ในยามที่ภาคการส่งออกเผชิญปัญหายอดคำสั่งซื้อหดตัวอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น แม้ว่าจะไม่มีหมัดฮุกอัดเงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว เพราะอาจก่อให้เกิดฟองสบู่สินทรัพย์และภาวะเงินเฟ้อรอบใหม่ขึ้นมา แต่ก็เชื่อได้ว่าจีนจะค่อยๆ ปล่อยหมัดแย็บกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อประคับประคองการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลง อย่างนิ่มนวลและค่อยเป็นค่อยไปที่สุดแบบซอฟต์แลนดิง ที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องยอมรับได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

4 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

ตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่ออกมาไม่กี่วันก่อนนี้ที่ลดลงมาต่ำกว่า 8% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ได้รวมข้อมูลของรัฐคาลิฟอร์เนียเข้าไป เพราะทำไม่ทัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

4 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

ตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่ออกมาไม่กี่วันก่อนนี้ที่ลดลงมาต่ำกว่า 8% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ได้รวมข้อมูลของรัฐคาลิฟอร์เนียเข้าไป เพราะทำไม่ทัน

 

So Much For Today's Surprising "Drop" In Weekly Jobless Claims; California Forgot to Report 30,000 Claims; What We Learned Today

Read more at http://globaleconomi...uIttG372b7vY.99

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงาน(วันสุข)

จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ วันสุข

ปีที่ 8 ฉบับที่ 380 ประจำวัน จันทร์ ที่ 8 ตุลาคม 2012

 

คอลัมน์/บทความ -

เรื่อง เมื่อดอลลาร์มีราคีและไม่เป็นที่ต้องการ

 

โดย บรรจง บินกาซัน

เมื่อดอลลาร์มีราคีและไม่เป็นที่ต้องการ

 

 

 

โลกยอมรับว่าทองคำ และเงินเป็นโลหะมีค่า จึงใช้โลหะทั้งสองเป็นสื่อกลางในการซื้อขายมานานนับพันปีแล้ว แต่เมื่อการค้าระหว่างประเทศพัฒนาขึ้น โลกจึงหันมาใช้ธนบัตรแทนโลหะมีค่าทั้งสองเพื่อความสะดวกในการพกพา แต่การจะพิมพ์ธนบัตรออกมาให้มีค่าแทนทองคำ รัฐบาลที่จะพิมพ์ธนบัตรของตนออกมาต้องมีทองคำหนุนหลัง การพิมพ์ธนบัตรจึงเป็นความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลว่าจะไม่พิมพ์ ธนบัตรออกมาเกินมูลค่าทองคำ

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาติต่างๆในยุโรปได้รับความบอบช้ำจากสงคราม สหรัฐเป็นประเทศที่มั่งคั่งจากการขายอาวุธให้แก่คู่สงครามเข้าทำนองว่า “มึงรบ กูรวย” ประเทศต่างๆจึงต้องการค้าขายกับสหรัฐเพราะอุตสาหกรรมครึ่งหนึ่งของโลกเวลา นั้นอยู่ในสหรัฐ เงินดอลลาร์จึงเป็นที่ต้องการของโลกแทนเงินปอนด์สเตอร์ลิงมากขึ้น

เมื่อดอลลาร์สหรัฐกลายเป็นสกุลเงินหลักของโลก ค.ศ. 1935 สหประชาชาติจึงได้จัดให้มีการประชุมขึ้นที่เมืองเบรตตันวูดในสหรัฐเพื่อ กำหนดนโยบายทางการเงิน การประชุมครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และที่ประชุมได้ตกลงกันว่ามูลค่าทองคำ 1 ออนซ์มีมูลค่าเท่ากับ 35 ดอลลาร์ หลังจากนั้นทองคำส่วนใหญ่ของโลกจึงไปอยู่ที่สหรัฐเพื่อหนุนหลังการพิมพ์ ธนบัตรดอลลาร์

ค.ศ. 1964-1971 ดอลลาร์สหรัฐยังมีทองคำหนุนหลัง ถ้าประเทศใดต้องการจะไถ่ถอนทองคำคืนก็สามารถเอาดอลลาร์ไปไถ่ได้

ค.ศ. 1971 รัฐบาลสหรัฐเริ่มใช้เงินมือเติบในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะสงครามเวียดนาม ธนบัตรดอลลาร์ถูกพิมพ์ออกมามากจนเฟ้อ สหรัฐจึงเกรงว่าจะสูญเสียทองคำให้ชาติยุโรปหากชาติเหล่านั้นรู้ทันและเอา ดอลลาร์มาแลกทองคำคืน

ดังนั้น วันที่ 15 กันยายน 1971 ริชาร์ด นิกสัน ได้ประกาศยกเลิกระบบทองคำหนุนหลังดอลลาร์และพิมพ์ดอลลาร์ออกมาตามความต้อง การของเศรษฐกิจ นับตั้งแต่นั้นมาเงินดอลลาร์เริ่มเสื่อมค่าลง ชาติยุโรปจึงคิดที่จะเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐและหันมาสร้างสกุลเงินของตนเอง

ค.ศ. 1974 ประเทศกลุ่มโอเปกประกาศว่าจะใช้ระบบตะกร้าเงินในการซื้อขายน้ำมันแทนดอลลาร์ กล่าวคือจะไม่ใช้เฉพาะเงินดอลลาร์เท่านั้นในการซื้อขายน้ำมัน แต่จะขายน้ำมันด้วยเงินสกุลอื่นด้วย ร้อนถึง รมต.คลังของสหรัฐต้องไปสร้างความเชื่อมั่นให้กษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบียใช้ เงินดอลลาร์ในการขายน้ำมันต่อไป

ค.ศ. 1974-1978 ขณะที่กำลังมีความพยายามใช้น้ำมันในการกำหนดปีโตรดอลลาร์ สหรัฐเกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง กลุ่มประเทศโอเปกยิ่งเริ่มไม่สบายใจในการเสื่อมค่าอย่างต่อเนื่องของเงิน ดอลลาร์ จึงอยากขายน้ำมันด้วยเงินสกุลอื่น เช่น เงินเยนของญี่ปุ่น แต่ประเทศกลุ่มโอเปกยังไม่เคลื่อนไหวอะไรที่เป็นการข่มขู่สถานะเงินดอลลาร์ สหรัฐจนกระทั่งประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ประกาศว่าจะขายน้ำมันของอิรักด้วยเงินยูโรใน ค.ศ. 2000

ค.ศ. 2007 นายพลเวสลี คลาร์ค อดีตผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังพันธมิตรนาโต้ของสหรัฐ ออกมาเปิดเผยว่าผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐได้วางแผนโจมตี 7 ประเทศภายใน 5 ปี ประเทศดังกล่าวได้แก่ อิรัก ซีเรีย เลบานอน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน และอิหร่าน

ต้น ค.ศ. 2008 อิหร่านเลิกรับเงินดอลลาร์ในการขายน้ำมันยกเว้นอินเดีย ญี่ปุ่น และจีน

กันยายน 2008 อาร์เจนตินากับบราซิลเลิกใช้เงินดอลลาร์ในการซื้อขายระหว่างกัน

ตุลาคม 2009 ตุรกีไม่รับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายกับจีนและอิหร่าน

กันยายน 2010 เม็กซิโกออกกฎหมายคุมเข้มเรื่องการใช้เงินดอลลาร์ในประเทศ

พฤศจิกายน 2010 จีนและรัสเซียยกเลิกการซื้อขายระหว่างกันด้วยเงินดอลลาร์

ต้นปี 2011 พันเอกมุอัมมาร์ กอซซาฟี แห่งลิเบีย ประกาศว่าจะขายน้ำมันด้วยทองคำและเลิกรับดอลลาร์ กอซซาฟีจึงประสบชะตากรรมเดียวกับซัดดัม

ธันวาคม 2011 ญี่ปุ่นและจีนตกลงที่จะเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายระหว่างกัน

7 มกราคม 2012 อิหร่านประกาศไม่รับดอลลาร์สหรัฐสำหรับน้ำมันที่ส่งไปอินเดีย ญี่ปุ่น และจีน นอกจากนี้ยังไม่รับดอลลาร์ในการซื้อขายกับรัสเซียด้วย

24 มกราคม 2012 อินเดียเริ่มจ่ายราคาน้ำมันให้อิหร่านเป็นทองคำและจีนจะทำตาม

26 มีนาคม 2012 แอฟริกาใต้เริ่มจะเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายและลงทุน

ไม่เพียงแต่ประเทศต่างๆทั่วโลกเท่านั้นที่คิดจะเลิกรับเงินดอลลาร์ แม้ในสหรัฐอเมริกาเองมีข่าวว่า 13 รัฐของสหรัฐกำลังพิจารณาว่าจะใช้ทองคำและเงินโลหะเป็นเงินตราในรัฐแทนธนบัตร ดอลลาร์ รัฐดังกล่าวได้แก่ ยูทาห์ มิสซูรี เซาธ์แคโรไลนา มอนตานา โคโลราโด ไอโอวา อินดีแอนา นิวแฮมป์เชียร์ จอร์เจีย วอชิงตัน มินนิโซตา เทนเนสซี และเวอร์จิเนีย

วิธีการที่รัฐเหล่านี้จะใช้ทองคำเป็นสื่อ กลางในการซื้อขายก็คือ แต่ละรัฐจะสร้างสถานรับฝากโลหะทองคำประจำรัฐขึ้นมา ประชาชนสามารถนำทองคำไปฝากไว้ที่สถานรับฝากทองคำและรับบัตรเดบิตไปใช้ในการ ซื้อขายเช่นเดียวกับการฝากเงินไว้ที่ธนาคาร แต่ราคาของทองแท่งจะเป็นไปตามราคาปิดของทองคำในลอนดอนตามราคาดอลลาร์สหรัฐ ทุกวัน ดังนั้น บัตรเดบิตของแต่ละคนจะเปลี่ยนไปตามมูลค่าของราคาทองคำที่ตัวเองฝากอยู่ใน สถานรับฝากประจำรัฐ

ถ้าเปรียบดอลลาร์สหรัฐเป็นหญิงสาวเนื้อหอมเมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนี้เธอมีราคีคาวและกำลังเป็นหญิงที่กำลังไม่มีใครต้องการ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เพื่อจะทุบลงรึป่าวครับ คุณหมอเล็ก

น่าจะเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ปธน. มากกว่าครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จนกว่าจะเลือกตั้งเสร็จคงมีมุกแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ

 

So Much For Today's Surprising "Drop" In Weekly Jobless Claims; California Forgot to Report 30,000 Claims; What We Learned Today

Read more at http://globaleconomi...uIttG372b7vY.99

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Robert Kiyosaki ผู้เขียนหนังสือสอนการลงทุนที่ลือชื่อและขายดีที่สุด ชื่อ "Rich Dad, Poor Dad" ประสบปัญหาการเงินจนถึงขั้นล้มละลาย

 

อ่านรายละเอียดกันเองได้เลยครับ

http://www.nypost.co...YCEthW1TEAYYwXN

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...