ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ระเบิดอีกลูกของเมกาคือหนี้เน่าของนักเรียนนักศึกษา ซึ่งมันเหมือนกับของนักเรียนไทยยังไงอย่างนั้นเลย คือเงินหมดไปกับของเหล่านี้ หุหุ

debt, incidentally, which has been used to pay for drugs, motorcycles, games, tattoos, not to mention countless iProducts.

 

ซึ่งต้องพิมพ์เงินมาช่วยจ่ายให้คนที่ซื้อของไร้สาระที่ไม่มีปัญญาซื้อแต่ดันซื้อ

The latest debt bailout, not surprisingly is not titled "Yet another taxpayer funded bailout for those who bought things they can't afford on credit"

 

ส่วนรูปข้างล่างแสดงให้เห็นถึง%การใช้หนี้ที่ช้ากว่ากำหนดเกิน 90วันมันพุ่งขึ้น

 

Student%20Loan%20Delinquencies.jpg

 

http://www.zerohedge...nt-loan-bailout

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

แล้วก็อย่าไปมองว่ามันจะทำกำไรไ้ด้มาก ถ้ามันขึ้นเยอะมากๆหมายความว่า ข้าวของต่างๆที่เราต้องซื้อใช้มันก็คงแพงขึ้นมากด้วยเหมือนกัน

 

เห็นด้วยส่วนหนึ่งครับ แต่ของทุกอย่างในโลกนี้มีส่วนของการเก็งกำไรด้วยครับ ช่วงจังหวะที่เกินพื้นฐานก้าวเข้าสู่การเก็งกำไร จังหวะนี้คงล้ำหน้าราคาสินค้าครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณ wcg อธิบายได้สุดยอดครับ

 

แต่ ใจดี สปอร์ต ยูเอสเอ ต้อง สงสัยไม่ช็อต ด้วยเพราะพิมพ์เงินได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

.......

ใครยากจน เป็นหนี้ เตรียมตัวยากจนเพิ่มขึ้นอีก ดอกเบี้ยกำลังจะเบ่งบาน บานตลอดปี 365 วันไม่มีวันหยุดราชการ เตรียมตัวเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีก ระบบทาสกำลังจะเริ่มต้น ทาสน้ำเงิน ทาสที่ควบคุมด้วยเงิน เงินรัฐสวัสดิการที่มาจาดเงินของพวกทาสนั้นเอง

 

พวกเราชาว CDC ก็อดทน รวยกันอย่าง “พอเพียง” ตามระบบต่อไป

 

........

 

ชอบอ่านบทความฟรีๆในเวบลุงโฉลก น่าติดตามมาก ถ้าได้เป็นสมาชิกคงมีอะไรเด็ดๆกว่าที่ให้อ่านฟรีอีก

 

& & & & &

 

ถ้าตามที่คุณตาลินด์ซีย์ว่าไว้ ตอนนี้ ขาใหญ่กำลังพยายามสร้างกรอบให้คนเป็นหนี้เยอะๆ

และเมื่อคนเป็นหนี้กันจนหนำใจแล้ว เขาจะเตะระบบให้ล้ม เพื่อที่จะได้กุมคนที่เป็นหนี้ได้

คุณตาบอกไว้ว่า ขาใหญ่มีเงินมหาศาล จนไม่สนใจแล้วว่าจะมีเงินเท่าไหร่ แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ

อำนาจในการควบคมคน/สังคมในโลกนี้ .... ซึ่ง "หนี้" ก็เป็นเครื่องมือหนึ่งในการใช้ควบคุมคนได้ดีทีเดียว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอ กระทู้คึกคักผิดสังเกต รถสตาร์ทเครื่องแล้วรึครับ :D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอ กระทู้คึกคักผิดสังเกต รถสตาร์ทเครื่องแล้วรึครับ :D

 

เปล่าหรอกครับ ทองมันตกเยอะเมื่อวันศุกร์ เลยต้องมาช่วยปลอบใจกัน เดี๋ยวจะถอดใจไปกันหมดเสียก่อน

:uu

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ ท่านส้มโอมือ ท่าน MOR LEK ท่าน Wcg :01 :01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันนี้กระทู้เงียบๆเลยเอารูปเกี่ยวกับเงินที่เฟ้อของเมกามาให้ดูเล่นๆครับ

 

capture-20130107-183841-crop.jpg

 

ส่วนข้างล่างนี้เป็นตัวเลขเปรียบเทียบระหว่างของที่ทางการประกาศ(แหกตาทั้งนั้น)กับตัวเลขของจอห์น วิลเลี่ยม

 

 

Indeed, John Williams’ (shadowstats.com) Real Numbers (as opposed to the Bogus Official Statistics) confirm the foregoing (net) ongoing Inflation.

 

Bogus Official Numbers vs. Real Numbers (per Shadowstats.com)

Annual U.S. Consumer Price Inflation reported December 14, 2012

1.76%(ตัวเลขทางการ)

 

9.41%(ตัวเลขที่ควรจะเป็น)

 

U.S. Unemployment reported December 7, 2012

7.7%

22.9%

 

 

U.S. GDP Annual Growth/Decline reported December 20, 2012

 

 

 

2.60%

-2.10%

 

The Reality is we are entering into a period of rapidly increasing prices in many Sectors, but in a contracting Economy with a NEGATIVE GDP of 2.10%. That is, we are in Stagflation, and if Williams is correct, and in our view he is, soon to move into a Hyperstagflation.

http://www.silverdoctors.com/the-inflation-deflation-reality-in-2013/#more-19684

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตัวเลขก็แต่งกันได้ สงสัยเอาตัวอย่างจากประเทศไทย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอกอะไรเอ่ย บาน 365 วันต่อปี

 

Dreamscat|Saturday, January 5, 2013

 

 

 

1_4.png

ดอกอะไรเอ่ย บาน 365 วันต่อปี

1_8.png

ข้อ ตกลง Fiscal Cliff ของอเมริกา ไม่มีอะไรที่เป็นการแก้ปัญหาเกี่ยวกับหนี้สินภาครัฐและการขาดดุลย์การค้าของ ประเทศอเมริกาเลย เป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้นที่อนุญาตให้รัฐบาลสร้างหนี้เพิ่มได้อีก ไม่มีการเพิ่มภาษี ไม่มีการตัดงบประมาณรัฐสวัสดิการและงบประมาณของกองทัพ ตลาดรับรู้ข่าวดีเพียงเรื่องที่ว่ารัฐสภาสามารถตกลงกันได้และไม่มีการเพิ่ม ภาษี แต่มีปัญหาที่จะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกมากมาย นั่นคือปัญหาหนี้สินภาครัฐและการขาดดุลย์การค้าของประเทศ แน่นอนที่สุด ปี 2013 นี้ โลกจะได้เห็นอเมริกาพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นอีกอย่างไม่มีขีดจำกัด สิ่งที่จะตามมาแน่นอนที่สุดคือการเสื่อมค่าของ Bond การเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ย และ Hyper Inflation

 

2_7.png

กว่า 30 ปี จากปี 1981 ที่อัตราดอกเบี้ยของอเมริกา (และอัตราดอกเบี้ยของทั้งโลก) ลดลง ด้วยการพิมพ์ธนบัตรมาซื้อพันธบัตรของตัวเอง เมื่อขายพันธบัตรได้ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ ก็คุมอัตราดอกเบี้ยของการธนาคารทั้งหมดได้ รัฐบาลกู้เงินประชาชน แล้วจ่ายด้วยเงินของประชาชนเอง จะกู้เท่าไหร่ก็ได้ พิมพ์เงินออกมาอีกเท่าไหร่ก็ได้ ผลคืออัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอย่างต่อเนื่องมากว่า 30 ปี ทั้งนี้เพื่อป้องกัน Inflation ซึ่งมีผลเสียทางการเมืองนั่นเอง แต่ประเทศชาติจะพังพินาศน์อย่างไรพวกนักการเมืองไม่เคยสนใจ ประชาชนส่วนใหญ่ก็เห็นแก่ตัว ขอให้ตัวเองได้ประโยชน์ก็พอแล้ว ยอมรับนโยบายประชานิยมอย่างไม่ลืมหูลืมตา

 

3_5.png

วันนี้มีสัญญาณ Reversal ของตลาดอัตราดอกเบี้ย Treasury Yield 30 Years ชัดเจนแล้ว จากจุดต่ำสุดที่ 2.45% วันนี้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงขึ้นไปเป็น 3.11% เป้าหมาย 61.8% อยู่ที่ 10.0% plus และ 161.8% อยู่ที่ 23.0% ปี 2013 นี้ เราจะได้เห็นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน

 

4_6.png

ตั้งแต่ ปี 2008 ธนาคารและกิจการต่างๆของประเทศได้ถูกต่างชาติยึดไปหมดแล้ว ในโลกของ Inflation และ double digits interest rate หุ้นธนาคารน่าสนใจมาก Bank Sector Index ขึ้นจาก 23% จาก 125 ไปเป็น 550 และจะขึ้นต่อไปอีกมากกกก ... อีกยาวววว ...

 

ใครยากจน เป็นหนี้ เตรียมตัวยากจนเพิ่มขึ้นอีก ดอกเบี้ยกำลังจะเบ่งบาน บานตลอดปี 365 วันไม่มีวันหยุดราชการ เตรียมตัวเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีก ระบบทาสกำลังจะเริ่มต้น ทาสน้ำเงิน ทาสที่ควบคุมด้วยเงิน เงินรัฐสวัสดิการที่มาจาดเงินของพวกทาสนั้นเอง

 

พวกเราชาว CDC ก็อดทน รวยกันอย่าง “พอเพียง” ตามระบบต่อไป

http://chaloke.com/a...%B8%9B%E0%B8%B5

 

 

2013 ดอกบี้ยขาขึ้น-ยุติวิคิวอี กูรูจับตาระเบิดฟองสบู่ตลาดบอนด์มะกัน

 

AF578A1A6300449B91773A05FD958271.jpg

 

 

นอกจากประเด็นเศรษฐกิจหลักๆ ไล่เรียงตั้งแต่เรื่องหน้าผาการคลังและเพดานหนี้ของสหรัฐ เรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรป

โดย...นงลักษณ์ อัจนปัญญา

เรื่องปัญหาเงินฝืดของญี่ปุ่น ไปจนถึงเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวของจีน ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดในปีนี้แล้ว อีกหนึ่งประเด็นที่ไม่อาจคลาดสายตาได้เช่นกัน ก็คือ ภาวะฟองสบู่ในตลาดพันธบัตร (Bond Bubble Bursting) ที่อาจจะใกล้เวลาระเบิดในปี 2556 นี้

หรืออาจพูดได้ว่า สถานการณ์ขนาดใหญ่ทางเศรษฐกิจที่สามารถคาดหวังได้ต่อจากนี้ไปก็คือ สถานการณ์ที่ฟองสบู่ในตลาดพันธบัตรสหรัฐกำลังจะแตกนั่นเอง

ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกต่างตระหนักดีว่า ตลาดพันธบัตรสหรัฐตกอยู่ในภาวะฟองสบู่มานานแล้ว โดยเป็นผลพวงจากการที่มหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก หันมาเสริมสภาพคล่องอัดฉีดเงินเข้าระบบขนานใหญ่หลายระลอก ด้วยการทุ่มซื้อพันธบัตรหรือตราสารหนี้ของรัฐอย่างหนักหน่วง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

การใช้นโยบายข้างต้นหรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) รอบแล้วรอบเล่าของสหรัฐ ควบคู่ไปกับการกดอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนให้อยู่ในระดับต่ำ แม้จะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องได้ดีขึ้นช่วงสั้นๆ แต่ก็เอื้อให้เกิดการเก็งกำไรค่อนข้างรุนแรงในหมู่นักลงทุนที่กำลังหาทางหนี จากตลาดเงินตลาดทุน เพื่อหาแหล่งทำเงินใหม่ๆ

หลักฐานยืนยันก็คือ ผลสำรวจจากบริษัท อีพีเอฟอาร์ ซึ่งคอยติดตามทิศทางการไหลของกระแสทุน พบว่าตั้งแต่ปี 2551 นักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยทุ่มเงินลงไปในตลาดพันธบัตรแล้วเกือบ 2.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกันก็ดึงเงินออกจากตลาดหุ้นเกือบ 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และเฉพาะปี 2555 นักลงทุนเพิ่มการลงทุนในตลาดพันธบัตรแล้วมากกว่า 9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ดึงเงินออกจากตลาดทุนมากกว่า 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

ปริมาณมากมายข้างต้นส่งผลให้เกิดฟองสบู่ในตลาดพันธบัตรในที่สุด

ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนหนึ่งเริ่มเห็นสัญญาณเตือนแล้วว่า ฟองสบู่ในตลาดพันธบัตรใกล้จะได้เวลาแตกแล้วในอนาคตอันใกล้ โดยสัญญาณบ่งชี้หลักที่น่าหวาดหวั่นไม่น้อยก็คือ แนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย

ข้อมูลจากผลการสำรวจบรรดาผู้จัดการการเงินและนักกลยุทธ์การลงทุนจาก สถาบันชั้นนำจำนวน 32 คน โดยซีเอ็นเอ็น มันนี่ เมื่อไม่นานมานี้ พบว่าเกือบ 40% ของผู้ตอบแบบสอบถามล้วนเห็นตรงกันว่า อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นภายในปีนี้ ขณะที่อีก 30% เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นในปี 2554 ซึ่งเร็วกว่าระยะเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า

เฟดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยหลักที่มีผลต่ออัตราดอกเบี้ยอื่นๆ ทั้งหมด ไม่น่าจะปรับขึ้นจนกว่าจะถึงปี 2558 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เฟดเห็นพ้องว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศน่าจะกระเตื้อง ขึ้นดีพอที่จะยุติมาตรการคิวอี หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตัวอื่นๆ เสียที

เจฟฟ์ เวนิเจอร์ นักวิเคราะห์การลงทุนอาวุโสจากธนาคารพาณิชย์บีเอ็มโอ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งอยู่ในระดับต่ำที่สุดที่ 00.25% จนทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรต่ำไปด้วยนี้ น่าจะได้เวลาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แล้ว แต่ไม่ว่าจะปรับขึ้นภายในปีนี้ ปีหน้า หรือปี 2558 ก็ไม่น่าวิตกเท่ากับความจริงที่ว่า จะมีการขาดทุนแบบมหาศาลของนักลงทุนจำนวนมากที่เข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ การลงทุนในตลาดพันธบัตรนี้ นักลงทุนจะไม่ลงทุนแน่นอน หากว่าอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนปรับสูงขึ้น เพราะบรรดานักลงทุนเหล่านั้นจะตกอยู่ในภาวะขาดทุนอย่างรุนแรง หากว่าจะขายในช่วงที่ดอกเบี้ยสูงขึ้น เนื่องจากมูลค่าของพันธบัตรจะลดลงถ้าดอกเบี้ยผลตอบแทนสูง

ต้องเข้าใจว่า มูลค่าของพันธบัตรจะแพงหรือว่าถูกนั้น ส่วนหนึ่งพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ยิ่งอัตราผลตอบแทนต่ำเท่าไรมูลค่าของพันธบัตรก็ยิ่งมีมาก หรือแพงมากเท่านั้น ขณะที่ผลตอบแทนสูงมูลค่าพันธบัตรกลับถูกลง เพราะนักลงทุนต้องแบกรับความเสี่ยงจากการขาดทุนที่สูงมากตามไปด้วย

ขณะนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะเวลา 10 ปี ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.91% หลังจากที่เคยทำสถิติต่ำสุด 1.4% ในเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว โดยนักวิเคราะห์คาดว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้น แตะระดับ 22.1% ในปีนี้ และอาจเพิ่มขึ้นไปสูงถึง 34% หากว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวได้ดีทันใจ ขณะที่อัตราว่างงานต่ำกว่า 6%

เหตุเพราะสถานการณ์ข้างต้นถือเป็นเงื่อนไขหลักให้เฟดยุติมาตรการทุ่มซื้อ พันธบัตรของตนเองทันที จนส่งผลให้ผลตอบแทนพุ่งขึ้นแต่มูลค่าพันธบัตรกลับลดลง เพราะปริมาณความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดฮวบทันที

ถือเป็นสัญญาณเสี่ยงอีกตัวที่ไม่อาจมองข้ามได้ ยิ่งเมื่อเฟดเริ่มมีการพูดคุยว่าอาจจะยุตินโยบายคิวอีภายในปี 2556 ก็ยิ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ภายในปีนี้

ไรอัน เดอทริก นักวิเคราะห์อาวุโสจากบริษัทวิจัยด้านการลงทุน แชเฟอร์ อธิบายว่า สิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือ การที่มีผู้ถือบอนด์รัฐบาลสหรัฐอยู่จำนวนมากในปัจจุบัน เพราะนักลงทุนเหล่านั้นซื้อไว้ในช่วงที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำแต่ราคาแพง

“ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ซึ่งมีผลตอบแทนอยู่ที่ 1.59% มูลค่ารวม 1 แสนเหรียญสหรัฐ ถ้าคุณนำออกมาขายเดือนนี้ ตอนนี้คุณจะขาดทุนแล้ว 2,900 เหรียญสหรัฐ” เดอทริก กล่าว

เรียกได้ว่า หากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับเพิ่มจนส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนพันธบัตร รัฐบาลสหรัฐ บรรดานักลงทุนที่ซื้อไว้ก่อนหน้าในช่วงที่พันธบัตรราคาแพงเพื่อเก็งกำไร ย่อมต้องรีบเทขายออกมาเป็นการด่วนจนฟองสบู่ในตลาดพันธบัตรที่มีอยู่ในขณะนี้ แตก และกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจอีกระลอกในที่สุด

ทั้งนี้ แม้จะยังไม่มีนักวิเคราะห์จากสำนักใดออกมายืนกรานหนักแน่นได้ว่า ฟองสบู่ตลาดพันธบัตรจะแตกภายในปี 2556 นี้ แต่การที่อัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนมีแนวโน้มขยับปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ ย่อมทำให้ความเสี่ยงที่ฟองสบู่จะแตกเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังและตามติด อย่างใกล้ชิดตลอดทั้งปีแน่นอน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ต้องเข้าใจว่า มูลค่าของพันธบัตรจะแพงหรือว่าถูกนั้น ส่วนหนึ่งพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ยิ่งอัตราผลตอบแทนต่ำเท่าไรมูลค่าของพันธบัตรก็ยิ่งมีมาก หรือแพงมากเท่านั้น ขณะที่ผลตอบแทนสูงมูลค่าพันธบัตรกลับถูกลง เพราะนักลงทุนต้องแบกรับความเสี่ยงจากการขาดทุนที่สูงมากตามไปด้วย

 

 

ผมไม่เข้าใจเรื่องการเงิน ไม่รู้พอที่จะมีใครอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ใหมครับว่าการที่

ผลตอบแทนต่ำแต่ราคาสูง.... จะซื้อไปทำไม

ผมตอบแทนสูงราคาต่ำ...ทำไมถึงไม่ซื้อ

งงตายห่ะ :38 :45

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมไม่เข้าใจเรื่องการเงิน ไม่รู้พอที่จะมีใครอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ใหมครับว่าการที่

ผลตอบแทนต่ำแต่ราคาสูง.... จะซื้อไปทำไม

ผมตอบแทนสูงราคาต่ำ...ทำไมถึงไม่ซื้อ

งงตายห่ะ :38 :45

 

ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้นะ แค่เอามุมมองผมมาแลกเปลี่ยนนะ เพื่อนๆอย่าเพิ่งเชื่อสิ่งที่ผมพูดนะ รอท่านอื่นมาเฉลยก่อนนะครับ

 

ขณะนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะเวลา 10 ปี ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.91% หลังจากที่เคยทำสถิติต่ำสุด 1.4% ในเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว

 

-----ถ้าผมซื้อพันธบัตรไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว(ผลตอบแทน1.4%) หรือเพิ่งซื้อปีนี้ที่ผลตอบแทน1.91% ซึ่งหมายความว่าเมื่อถือครบอายุ10ปีผมถึงจะได้ผลตอบแทนในอัตรา1.4%ต่อปีหรือ1.9%ต่อปี

 

----- อยู่ๆมีข่าวมาว่าอนาคตข้างหน้าผลตอบแทนชุดใหม่จะแพงกว่านี้มากโดยนักวิเคราะห์คาดว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้น แตะระดับ 22.1% ในปีนี้(ที่ขึ้นสูงเพราะไม่มีคนซื้อ)

 

-----ถ้าเชื่อว่าพันธบัตรชุดใหม่อนาคตจะไปที่22.1% ผมจะรีบขายชุดเก่าในราคาขาดทุน ขายขาดทุน10%ก็ยอมเพราะเชื่อว่าชุดใหม่ที่ออกภายในปีนี้จะไม่มีคนซื้อ(ทำให้ขึ้นไปถึง22.1%)

 

------ชุดเก่าผลตอบแทน1.9%ต่อปีเมื่อครบ10ปีได้ประมาณ 19% ถ้าชุดใหม่ถ้าผลตอบแทนพุ่งไป22.1%(เพราะคนเริ่มหนีจากพันธบัตร) ผลตอบแค่ปีเดียวก็22.1%

 

 

------ยอมขายชุดเก่าแบบขาดทุนเพื่อเก็บเงินสดไว้ซื้อชุดใหม่ดีกว่า

 

-----สุดท้ายตลาดพันธบัตรจะแตกตามข่าวที่เขาสร้างมั้ย ถ้าแตกจริงคนจะรีบขายพันธบัตรออก พันธบัตรชุดใหม่จะไม่มีคนซื้อ ทำใหผลตอบแทนพันธบัตรชุดใหม่ขึ้นไปสูงมาก(22.1%ตามข่าวที่เขาสร้างจะมามั้ย) อนาคตจะเป็นตัวบอกครับ

 

 

-----พันธบัตรชุดเก่าที่จำหน่ายออกไปแล้ว ผลตอบแทนที่รัฐบาลจ่ายเท่ากับที่กำหนดวันจำหน่ายครับ(ไม่เพิ่มหรือลด) แต่ใครจะไปซื้อขายเปลี่ยนมือในราคาเพิ่มขึ้นหรือลดลงทำได้ครับ

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แนวโน้มทองปีนี้ก็น่้าจะมีการลดราคาอย่างน่าใจหายแน่ๆๆใช่หรือไม่ค่ะถ้ามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้น เพราะนักลงทุนก็จะหันไปหาดอลฯลงทุนในดอลเพิ่มขึ้นทองก็จะถูกลงใช่หรือไม่ค่ะ ขอคำชี้แนะด้วยนะค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...