ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

news_img_ceo_6.jpg ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556 04:00

สภาพคล่องที่ล้นโลก

 

ในครั้งที่แล้วผมเขียนถึงนาย Mark Carney ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดาที่กำลังจะมารับตำแหน่งใหม่เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ

 

ตั้งแต่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป โดยสรุปว่ารัฐบาลอังกฤษมองว่านาย Carney มีความสามารถที่โดดเด่นอย่างยิ่งและจะเป็นผู้ที่จะมีบทบาทสำคัญในการเข้ามา ช่วยกอบกู้เศรษฐกิจของอังกฤษ

 

จากการติดตามการดำเนินการของธนาคารกลางอังกฤษที่ใช้นโยบายการเงินที่อิง เป้าเงินเฟ้อ (inflation targeting หรือไอที) โดยผู้ว่าการธนาคารกลางคนปัจจุบันคือ Sir Mervyn King นั้นก็ต้องยอมรับว่าได้ดำเนินนโยบายในกรอบของไอทีอย่างยืดหยุ่นมากอยู่แล้ว กล่าวคืออังกฤษเป็นประเทศแรกๆ ที่ทำการพิมพ์เงินออกมาซื้อพันธบัตรรัฐบาล (หรือที่เรียกกันว่าคิวอี) พร้อมไปกับการลดดอกเบี้ยต่ำลงใกล้ศูนย์ แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจอังกฤษก็ยังไม่ฟื้นตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายรัดเข็มขัดทางการคลังอย่างไม่ลดละ ผมคิดว่ารัฐบาลอังกฤษคงต้องการให้นาย Carney เข้ามาหาแนวทางที่จะทำให้นโยบายการเงินของอังกฤษผ่อนปรนมากกว่านี้ ซึ่งเข้าใจว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินของอังกฤษมองไม่เห็นว่าจะทำอะไรได้ มากกว่าการลดดอกเบี้ยลงใกล้ศูนย์และการพิมพ์เงินออกมาซื้อพันธบัตรคิดเป็น มูลค่าสูงถึง 375,000 ล้านปอนด์และสัญญาว่าจะคงปริมาณดังกล่าวเอาไว้ (พันธบัตรที่หมดอายุจะถูกนำไปต่ออายุเพื่อคงปริมาณซื้อเอาไว้) ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงถึง 25% ของจีดีพีของอังกฤษสูงกว่าคิวอีของสหรัฐที่ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 2 ล้านล้านดอลลาร์หรือคิดเป็น 13% ของจีดีพีสหรัฐ

นาย Carney กล่าวกับรัฐสภาอังกฤษว่านโยบายไอทีที่ยืดหยุ่น (flexible inflation targeting) เป็นนโยบายที่พิสูจน์แล้วว่ามีศักยภาพที่สูง ดังนั้น การยกเลิกนโยบายดังกล่าวจึงไม่น่าจะทำได้โดยง่าย (ทั้งนี้เป็นการ “ถอย” จากการที่เขาเคยกล่าวที่ World Economic Forum เมื่อปลายปีที่แล้วเกี่ยวกับข้อดีของการเปลี่ยนเป้านโยบายการเงินจากเงิน เฟ้อมาเป็นจีดีพีที่รวมเงินเฟ้อ) คำถามคือความยืดหยุ่นที่นาย Carney กล่าวถึงนั้นหมายถึงอะไร กล่าวคืออะไรจะยืดหยุ่นยิ่งกว่าการพิมพ์เงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อพันธบัตร รัฐบาล

ตรงนี้นาย Carney น่าจะหมายถึงการผูกคิวอีเอาไว้กับตัวแปรทางเศรษฐกิจบางตัว เช่นที่นาย เบอร์นันเก้ผู้ว่าการธนาคารสหรัฐผูกคิวอีเอาไว้กับสภาวะการจ้างงาน กล่าวคือตราบใดที่การจ้างงานไม่ดีขึ้นจนเป็นที่พอใจของธนาคารกลาง ก็จะไม่มีการลดคิวอีหรือปรับขึ้นดอกเบี้ย การผูกนโยบายการเงินไปในอนาคตหลายปีโดยไม่มีกรอบเวลา (เพราะไม่ทราบว่าการจ้างงานจะดีขึ้นเมื่อใด) เป็นสิ่งที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของอังกฤษยังไม่ยอมทำ กล่าวคือ กนง. อังกฤษยอมพิมพ์เงินแต่ไม่ยอมให้คำมั่นกับตลาดและนักลงทุนว่าจะคงสภาวการณ์ เช่นนี้ไปในอนาคตอีกหลายปี ซึ่งผมเข้าใจว่านาย Carney คงจะถูกว่าจ้างมาเพื่อโน้มน้าวให้ กนง. อังกฤษยอมคล้อยตามไปในทิศทางเดียวกับที่ธนาคารกลางสหรัฐกำลังทำอยู่ เรื่องนี้น่าสนใจมากว่า นาย Carney จะทำได้สำเร็จหรือไม่ เพราะ กนง.ของอังกฤษนั้นมีอยู่ 9 คน โดยเป็นผู้บริหารธนาคารกลางอังกฤษ 5 คน (รวมผู้ว่าการฯ) และ “คนนอก” 4 คนโดยหนึ่งในนั้นคือเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงการคลังอังกฤษ

ประเด็นสำคัญคือในการมอง “ภาพใหญ่” ของเศรษฐกิจการเงินของโลก คือ มีความชัดเจนมากว่าแนวคิดของประเทศพัฒนาแล้วที่เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจโลก คือสหรัฐ ยุโรป แคนาดา อังกฤษและญี่ปุ่นคือ

1. เงินเฟ้อไม่ใช่ปัญหา เป็นห่วงเงินฝืดมากกว่า เช่น กรณีของญี่ปุ่นที่มีปัญหาเงินฝืดยืดเยื้อ จนกระทั่งธนาคารกลางถูกกดดันทางการเมืองให้ปรับเป้าเงินเฟ้อจาก 1% เป็น 2% และต่อมาผู้ว่าการธนาคารกลางก็ต้องชิงลาก่อนหมดสมัย ในขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐก็ประกาศว่าหากเงินเฟ้อเกินเป้า (2%) ไปบ้างก็จะยังคงมาตรการคิวอีและดอกเบี้ยต่ำใกล้ศูนย์ต่อไป ส่วนอังกฤษนั้นเงินเฟ้อเกินกว่าเป้า 2% มานานติดต่อกัน 37 เดือนแล้ว แต่ก็จะมีผู้ว่าการธนาคารกลางคนใหม่ที่มีหน้าที่หาทางเพิ่มการกระตุ้นทางการ เงิน จะมีเพียงกลุ่มประเทศเดียวคือยุโรปที่ธนาคารกลางยังให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อ (โดยกล่าวถึงเสมอ) และยังคงดอกเบี้ยที่ 0.75% แต่เศรษฐกิจยุโรปก็ยังอ่อนแออยู่มากจึงอาจต้องลดดอกเบี้ยหรือเพิ่มมาตรการ คิวอีหากเศรษฐกิจทรุดตัวลงอีก

2. คงจะมีการพิมพ์เงินออกมาท่วมระบบอีกเป็นปี ในกรณีของสหรัฐนั้นให้คำมั่นสัญญาแล้วว่าจะพิมพ์เงินออกมาใหม่เดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ หากทำไปอีก 2 ปีก็จะมีเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นอีก 2.04 ล้านล้านดอลลาร์จากเดิมมีอยู่ 9 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2008 และเพิ่มในปี 2009 ถึง 2012 (รวม 4 ปี) รวมทั้งสิ้น 2 ล้านล้านดอลลาร์เป็น 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ในปลายปี 2012 ส่วนญี่ปุ่นนั้นตัวเก็งที่จะเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นคนใหม่ คือนาย Kuroda ให้สัมภาษณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจเพิ่มการพิมพ์เงินใหม่มาซื้อพันธบัตร เร็วกว่าปี 2014 ที่ได้เคยตกลงเอาไว้กับนายก อาเบะ ก็ได้ ซึ่งน่าจะหมายความว่าหากเขาได้เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางคนใหม่เขาอาจจะสั่ง พิมพ์เงินเพิ่มในปีนี้เลย

3. เรื่องค่าเงินไม่พูดถึง แต่อ่อนก็ไม่ว่า ชัดเจนที่สุดคือกรณีของประเทศญี่ปุ่นที่เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างน่าใจหายคือ อ่อนค่าลงไป 17% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในระยะเวลา 2-3 เดือน (และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินบาทไปเกือบ 20%) แต่นักลงทุนตอบสนองเป็นอย่างดีผลักให้หุ้นญี่ปุ่นราคาปรับตัวขึ้น 20% และส่งผลให้ความนิยมในนายก อาเบะ ดีวันดีคืนเพิ่มขึ้นเป็น 71% และในส่วนของสหรัฐฯ นั้นรัฐมนตรีคลังเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์แต่ว่าที่รัฐมนตรี คลังคนใหม่คือ นาย Jack Lew นั้นเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณและมีปัญหารีบเร่งที่จะต้อง แก้ไข คือการขาดดุลการคลัง ดังนั้น คงจะไม่คิดอยากให้ดอลลาร์แข็งค่า ในตรงกันข้ามผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ แสดงความพึงพอใจที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงช่วยให้สหรัฐฯ ขาดดุลทางการค้าน้อยลง และเมื่อไม่นานมานี้เมื่อถูกถามว่าการเพิ่มเงินออกมามากๆ น่าจะทำให้เงินอ่อนค่าและเป็นการทุ่มสภาพคล่องออกมาทำให้เศรษฐกิจการเงินโลก ผันผวน นายเบอร์นันเก้ตอบว่าเขาพิมพ์เงินอเมริกันออกมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลอเมริกัน (ไม่ได้ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลอื่น) ที่ผ่านมาต่างชาติมารุมซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ดังนั้น ผลกระทบข้างเคียงนั้นเป็นภาระที่เกิดขึ้นกับต่างชาติที่ซื้อพันธบัตรรัฐบาล สหรัฐฯ ฟังดูแล้วก็รู้สึกขำที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ (รวมทั้งไทย) ที่รุมกันซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายเกินตัวของรัฐบาล สหรัฐฯ กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สร้างปัญหา ดังนั้นจึงอย่ามากล่าวโทษธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งไม่เห็นจะได้ทำอะไรผิดเลย

กล่าวโดยสรุป คือ นโยบายการเงินของประเทศพัฒนาแล้ว คือจะพิมพ์เงินจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้น แนวทางสมัยก่อนที่พยายามรวมตัวกันประสานนโยบายการเงินเพื่อสร้างเสถียรภาพ ให้กับเศรษฐกิจโลกถูกนำไปเก็บไว้ในลิ้นชัก ปัจจุบันมองได้ว่าเป็นนโยบาย “ตัวใครตัวมัน” ซึ่ง เมอร์ริลลินช์ประเมินว่าสภาพคล่องของโลก (ประเมินจากงบดุลของธนาคารกลางของประเทศเงินสกุลหลักบวกกับทุนสำรองของ ธนาคารกลางอื่นๆ) ได้เพิ่มขึ้นจาก 12 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2008 มาเป็น 21 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะนี้ จึงจะไม่น่าแปลกใจอะไรหากจะมี “เงินร้อน” หรือเงินทุนระยะสั้นไหลเวียนเป็นจำนวนมากทำให้เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความ ผันผวนอย่างมากในอนาคต

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ น้องส้มโอมือ โพส พี่ปุณณ์ก็เข้าไปดูในเวบ ก็เห็นว่าสัญญาเ้ดือนเมษาก็ยังแพงกว่าเดือนกุมภาอยู่นะคะ

เลยยังรอเช็คข่าวอยู่น่ะค่ะ

-

ที่ปุณณ์ครับ ผมดูราคาfutureที่เวปนี้ ถ้าดูช่องLow จะเห็นว่าราคาต่ำสุดของเดือนเมษายน < ต่ำสุดเดือนมีนาคม < ต่ำสุดเดือนกุมภาพันธ์

แต่ราคาช่องLast กลับเป็นเหมือนภาวะปกติครับ

http://www.cmegroup.com/trading/metals/precious/gold.html

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

-

ที่ปุณณ์ครับ ผมดูราคาfutureที่เวปนี้ ถ้าดูช่องLow จะเห็นว่าราคาต่ำสุดของเดือนเมษายน < ต่ำสุดเดือนมีนาคม < ต่ำสุดเดือนกุมภาพันธ์

แต่ราคาช่องLast กลับเป็นเหมือนภาวะปกติครับ

http://www.cmegroup....cious/gold.html

ขอเรียนถามคุณส้มโอมือค่ะ กิ๊บเก๋ เล่น GF อยู่ค่ะ แต่ก็ไม่เคยได้ศึกษาอะไรมากนะค่ะ อาศัยแนวรับ ต้าน ค่ะ แต่ที่อยากทราบเคยสังเกตดูมาหลายครั้งแล้วค่ะ เวลาที่จะหมดสัญญาแต่ละซีรี่แต่ละครั้ง จะมีการเทแทบทุกครั้งหรือไม่ค่ะ ตอนนี้ก็มีติดขา L ไว้ด้วยแล้วจะหมดสัญญาอีกไม่กี่วันนี้แล้วค่ะ แต่ก็ถัวเล่น S ได้มาพอสมควร แต่ก็ไม่ได้เท่ากับเสียค่ะ พึ่งเข้ามาเล่นได้ไม่ถึงปีค่ะ จะขอความรู้ คำแนะนำจากผู้รู้หน่อยเพื่อประดับความรู้ไว้ เผื่อว่่าวันหน้าจะได้หนีทันคุ่ะ ขอบคุณมากค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

555 FUTURE ผมไม่ชำนาญและรู้น้อยครับ เคยเล่นGFของไทยช่วงสั้นๆเพื่อการศึกษา(จะได้เข้าใจมากขึ้น) พอมองภาพออกบ้างผมก็เลิกแล้วครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

-

ที่ปุณณ์ครับ ผมดูราคาfutureที่เวปนี้ ถ้าดูช่องLow จะเห็นว่าราคาต่ำสุดของเดือนเมษายน < ต่ำสุดเดือนมีนาคม < ต่ำสุดเดือนกุมภาพันธ์

แต่ราคาช่องLast กลับเป็นเหมือนภาวะปกติครับ

http://www.cmegroup....cious/gold.html

 

เราดูกันคนละช่องน่ะสิคะ พี่ดูช่อง Last เพราะคิดว่าเขาทุบเอาลงต่ำกว่าไม่สำเร็จน่ะค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Jim Rickards (ผู้แต่งหนังสือ Currency Wars: the making of the next global crisis) ผู้ซึ่งได้ทำนาย Endgame ของ Currency Wars ไว้เป็น 4 แนวทางได้แก่

 

1.การมีเงินสกุลสำรองของโลกเพิ่มขึ้นอีกหลายสกุลนอกเหนือจากเงิน US Dollar (Multiple Reserve Currencies)

2.เงินสำรองของโลกเปลี่ยนไปเป็น Special Drawing Rights ของ IMF แทน US Dollar

3.การกลับไปใช้รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งของ Gold Standard

4.เกิดภาวะสับสนอลหม่าน หรือ Chaos

 

http://www.bangkokbiznews.com/home/details/business/ceo-blogs/peerapol/20130214/490294/%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%9A-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-Ongoing-Currency-Wars.html#.USD5zyf0l8Y.facebook

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทำไมทองถึงถูกทุบ ...ลุงจิมบอกว่าแบบนี้ครับว่า

"มันก็เหมือนตัวอื่นๆนั่นแหละที่ราคาถูกปั่นตามใจเจ้ามือ เพื่อที่จะทำให้เราลดการถือครองลง แล้วเขาก็เพิ่มของของเขา จากนั้นก็ลากขึ้นแบบที่เคยทำทำกันมา"

 

 

The gold price can be pushed around like any market can be, but the purpose is to take away yours, increase theirs and then do exactly what is being done now on the upside.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สูตรของ Backward ทองจะไม่เหมือนสูตรของ SET ครับ(ตามสูตรของ TFEX) เพราะจะมีตัว convenience yield เข้ามาบวกด้วย

 

ความเห็นส่วนตัว

 

กรณีเกิดขึ้นเกิดจากสองสาเหตุ คือ นักลงทุนมองว่าในอนาคตราคาจะปรับลงอีก เนื่องจากความต้องการไม่มาก

 

อีกอย่างหนึ่งคือ กรณีมองว่า supply ในอนาคตจะลดลง หรือความต้องการสินค้าอ้างอิงในปัจจุบันมีเป็นปริมาณมากทำให้นักลงทุนเข้าซื้อและขอรับส่งมอบ (^ ^)

 

ถ้าเป็นกรณีแรกมีแนวโน้มจะลงได้อีก ถ้าเป็นกรณีหลังราคามีโอกาสปรับขึ้นได้(อย่างไว)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองลงมากๆ....สงสัยคุณเน็กซ์...... มัวเก็บทองเพลิน...ไม่แวะมาซินเจียยู่อี่ กันบ้างเลย....

แถวนี้คนเก็บทอง มีหนาวๆกันอยู่หลายคน.... :_cd ไม่รู้ว่า...จะหยุดตรงไหน ? สาเหตุลงเพราะอะไร ...? ถ้าเซลกระหน่ำ...จะไปยืมตังค์หนมเด็กๆมาซื้อก่อน...นึกว่าหรั่งแต๊ะเอียเพิ่ม..... :uu

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Jimmy Siri

 

 

 

หากใครเป็นขาช๊อปแล้วยังอยู่ในอเมริกา คงต้องเตรียมพร้อมรับมือแล้วเมื่อเกิด "Retail Apocalypse"

 

จำนวนสาขาของห้างค้าปลีกชื่อดังทั่วอเมริกาที่จะต้องปิดตัวลงในปี 2013 !!

 

Best Buy

Forecast store closings: 200 to 250

 

Sears Holding Corp.

Forecast store closings: Kmart 175 to 225, Sears 100 to 125

 

J.C. Penney

Forecast store closings: 300 to 350

 

Office Depot

Forecast store closings: 125 to 150

 

Barnes & Noble

Forecast store closings: 190 to 240, per company comments

 

Gamestop

Forecast store closings: 500 to 600

 

OfficeMax

Forecast store closings: 150 to 175

 

RadioShack

Forecast store closings: 450 to 550

http://finance.yahoo.com/news/eight-retailers-that-will-close-the-most-stores-173320796.html?page=1

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เเท่งเทียนรายวัน ไม่ใช่ที่ราย4 หรือ1 h. นะครับ

 

ส่วนตัวมองว่าต้องมีทำlower low อีกทีครับ โดยที่rsiต้องทำไดเวอเจน จึงน่าตะเป็นturning pointจริงๆ เเละน่าจะเกิดขึ้นภายในอาทิตย์นี้ ครับ

 

เเต่ราคาวันนี้ก็โอเคเเล้วครับไม่น่าจะเเพงกว่ามากมายหากเกิดlower low อย่างที่ผมว่าจริงๆ:)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้องทองเป็นอะไรไปช่วงนี้ :17

 

ลงติดต่อกันมา 5 เดือนแล้ว :_cd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้ายังจำกันได้ โซรอสเคยทำนายว่า ปี 2555 ระบบการเงินโลกจะล่มสลาย

http://www.thairath.co.th/content/eco/234068

 

แต่เมื่อไม่เป็นไปตามนั้น เลยขายทองออกมา

 

ผมนึกถึงที่คุณหมอเล็กเคยบอกว่า มันเริ่มมาตั้งแต่ปี 2008 แล้วมันแค่ซื้อเวลามา

 

ผมมาดูกราฟดาวโจนอย่างเดียว ไม่พิจารณาอย่างอื่นประกอบ แล้วดูเหมือนมันเริ่มมาตั้งแต่ ปี 1999

 

และหวยต่อไปเทียบแบบง่ายๆ ก็ ปี 2017 เดาแบบมวยวัด แต่ใกล้เคียงกับ MA เหมือนกัน :P

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โซรอส เคยทำงานให้พวก Rothschild ผมคิดว่าเขาพยายาม ปิดสถานะ short มากกว่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...