ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

จาก MTS Gold (8 May 2013)

  • ราคาทองคำปรับตัวลดลงในช่วงเปิดตลาดสหรัฐค่ำวานนี้ จากการตอบรับการเทขายของกองทุน ETF ที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

  • SPDR ขายทองต่อเนื่องเป็นวันที่ 21 อีก 4.51 ตัน หรือ 0.4% สู่ระดับ 1,057.79 ตัน ทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2009

  • ในเดือนเมษายน กองทุนพอลสันขาดทุน 27% จากกองทุน ETF และในปีนี้ขาดทุนไป 47%

ถูกแก้ไข โดย Mosquito

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จาก MTS Gold (8 May 2013)

  • ราคาทองคำปรับตัวลดลงในช่วงเปิดตลาดสหรัฐค่ำวานนี้ จากการตอบรับการเทขายของกองทุน ETF ที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

  • SPDR ขายทองต่อเนื่องเป็นวันที่ 21 อีก 4.51 ตัน หรือ 0.4% สู่ระดับ 1,057.79 ตัน ทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2009

  • ในเดือนเมษายน กองทุนพอลสันขาดทุน 27% จากกองทุน ETF และในปีนี้ขาดทุนไป 47%

 

 

เป็นไปได้หรือเปล่าว่า....

 

มันเป็นผลมาจาก...รัฐบาลในบางประเทศในกลุ่ม EU ไม่ค้ำประกันเงินฝาก...

หรือผู้ฝากเงินจำนวนมาก...กลัวมาตรการณ์แบบที่ผู้ฝากเงินในไซปรัสโดน

ดังนั้นจึงได้ถอนเงินจากสถาบันการเงิน....

สถาบันการเงินจึงต้องขายหน่วยลงทุนทุกอย่างที่ตัวเองไปลงทุนไว้....

 

ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน...

ถูกแก้ไข โดย Phormaew

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำโลกฟื้นชีพมหาอำนาจเดินหน้ากระตุ้น ศก.

  • 07 พฤษภาคม 2556 เวลา 08:16 น. |

44ACDCC9129244198A244EE88524901F.jpg

 

 

โดย...พันธสิทธิ เจริญพาณิชย์พันธ์

หลังจากที่ราคาทองคำโลกในช่วงกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทำสถิติร่วงลงติดต่อกัน 2 วัน แรงที่สุดในรอบ 30 ปี โดยลงมาอยู่ที่ 1,348 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (ราว 39,092 บาท) ขณะที่ราคาทองคำในช่วงก่อนหน้านั้น 5 เดือนยังคงอยู่ที่ 1,717 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (ราว 49,793 บาท) จนกลายเป็นที่กล่าวขานกันไปว่าตลาดทองคำได้เข้าสู่ “ภาวะตลาดหมี” หรือภาวะเซื่องซึมแล้ว ทว่าล่าสุดดูเหมือนว่าสถานการณ์ดังกล่าวในตลาดทองคำจะเข้าสู่จุดพลิกผันอีก ครั้ง

ล่าสุด ราคาทองคำเมื่อวันจันทร์ที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ในตลาดสิงคโปร์ราคาทองได้ดีดกลับขึ้นมาอยู่ที่ 1,472.10 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (ราว 42,690 บาท) ขณะที่ราคาทองคำซื้อขายล่วงหน้างวดส่งมอบเดือน มิ.ย.นี้ ในตลาดโคเมกซ์ เมื่อสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 0.7% ที่ 1,464.20 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (ราว 42,456 บาท) ซึ่งหากเทียบกับช่วงที่ราคาได้เริ่มดิ่งลงอย่างหนักในวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา จะถือเป็นการเพิ่มขึ้นมาของราคาทองคำถึง 11%

เหตุสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ในตลาดทองคำเริ่มฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ราคาได้ดิ่งลงอย่างหนักจนลงไปอยู่ในจุดที่ต่ำ สุดในรอบ 2 ปี เมื่อเทียบกับราคาทองในเดือน ก.ย. 2554 ที่ 1,921 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (ราว 55,709 บาท) นั้น ก็เกิดมาจากการที่เหล่า บรรดาธนาคารกลางประเทศมหาอำนาจ ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) หรือธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่างออกมาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะเดินหน้าใช้มาตรการ อัดฉีดและกระตุ้นต่อไป หลังจากที่ตัวเลข

เศรษฐกิจต่างๆ ที่ออกมาล้วนสะท้อนออกมาให้เห็นแล้วว่าภาวะเศรษฐกิจของชาติมหาอำนาจยังคง อยู่ในภาวะย่ำแย่อยู่ โดยเฉพาะในรายของอีซีบีนั้นถึงกับยอมตัดลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ในจุดที่ต่ำ ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 0.5% จากเดิม 0.75%

ขณะที่ก่อนหน้านั้น ทางธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ก็เพิ่งจะประกาศเพิ่มการใช้มาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์อีก 2 เท่า โดยขึ้นมาอยู่ที่ 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 40 ล้านล้านบาท) อีกทั้งยังวางเป้าหมายไว้อีกว่าจะต้องบรรลุการผลักดันเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ให้ได้ภายในระยะเวลา 2 ปี เพื่อแก้ปัญหาเงินฝืดที่เกาะกินประเทศมายาวนานกว่า 10 ปี

การระดมใช้มาตรการกระตุ้นของชาติมหาอำนาจที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันนี้ จึงทำให้ความกังวลจากภาวะเงินเฟ้อที่จะตามมาหลังจากการใช้มาตรการอัดฉีดของ ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ จึงกลับมาอยู่ในภาวะน่าเป็นกังวลอีกครั้ง ซึ่งนั่นก็ได้ทำให้นักลงทุนรวมไปถึงธนาคารกลางทั่วโลก ต้องหันกลับไปลงทุนในทองคำ

เพราะถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุด โดยยืนยันได้จากการที่เหล่านักลงทุนรายใหญ่ เช่น กองทุนพอลสัน แอนด์ โค ยังยืนหยัดที่จะลงทุนในทองคำต่อไป

“การไหลท่วมของเงินจำนวนมากจากการเร่งอัดฉีดของธนาคารกลางยักษ์ใหญ่กำลัง กระตุ้นให้นักลงทุนจำนวนมาก เช่น มหาเศรษฐีอย่างจอห์น พอลสัน ยังคงถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ เพราะถึงอย่างไรทองคำก็ถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุดท่ามกลางภาวะ เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนในปัจจุบัน” รายงานของ บริษัท เอลลิออต แมนเนจเมนต์ ระบุ

ความเห็นดังกล่าวสอดรับกับข้อมูลของคณะกรรมาธิการซื้อขายตลาดโภคภัณฑ์ ล่วงหน้าของสหรัฐที่ระบุว่า เหล่านักลงทุนต่างแห่แหนเข้ามาซื้อทองคำกันอีกครั้งเช่นกัน โดยสัญญาการซื้อขายทองคำในตลาดซื้อขายล่วงหน้าระยะยาวในวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้เพิ่มสูงขึ้น 19% มาอยู่ที่ 54,762 สัญญา ขณะที่สัญญาระยะสั้นได้เพิ่มขึ้น 9.2% ซึ่งถือว่าสูงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา

ด้านเหล่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ก็ยังคงเดินหน้าซื้อทองคำเพื่อนำมาใช้เป็นทุนสำรองประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสภาทองคำโลก (ดับเบิลยูจีซี) เปิดเผยว่า ในปีที่แล้วธนาคารกลางทั่วโลกได้เข้ามาซื้อทองคำเป็นทุนสำรองประเทศมากที่ สุดในรอบ 49 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2507 โดยมียอดซื้อทั้งหมดอยู่ที่ 534.6 ตัน ขณะที่ปีนี้ดับเบิลยูจีซีก็คาดการณ์ว่า การเข้าซื้อทองคำเพื่อนำมาเป็นทุนสำรองจะสูงกว่าปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ 450–550 ตัน

ดังนั้น จึงส่งผลให้การแห่เข้ากว้านซื้อทองคำของธนาคารกลางหลายชาติ กลายเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้ราคาทองคำดีดขึ้นมาอีกครั้ง

ขณะที่เหตุผลประการถัดมา ก็คือสถานการณ์และปัจจัยที่มีส่วนสำคัญทำให้ทองคำร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว โดยเฉพาะความ หวั่นเกรงกันว่าไซปรัสอาจเทขายทองคำออกมาเพื่อแก้วิกฤตหนี้ของตนเอง และอาจทำให้หลายประเทศที่มีปัญหาเหมือนๆ กัน เช่น สเปนและอิตาลี ทำตามได้หมดไปแล้ว หลังจากที่รัฐบาลไซปรัสออกมายืนยันว่า แผนการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการแก้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น และไม่ใช่ทางเลือกแรกในการแก้ปัญหา

ขณะที่ธนาคารกลางไซปรัสก็ออกมากล่าวก่อนหน้านี้แล้ว ว่าขณะนี้ยังไม่มีแผนการเทขายทองคำสำรองออกมาอย่างแน่นอน

ฉะนั้น นักลงทุนทั่วโลกจึงเบาใจจากภาวะที่ธนาคารกลางของบรรดาประเทศที่ประสบปัญหาวิกฤตหนี้ในยูโรโซนจะพากันแห่เทขายทองคำออกมา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเหตุผล 3 ประการที่กล่าวมาข้างต้นนี้เอง จะกลายเป็นตัวผลักดันให้ราคาทองได้เริ่มฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง แต่สิ่งที่น่าจับตามองต่อไปก็คือว่า ราคาทองที่จะเริ่มกลับมาฟื้นขึ้นคราวนี้จะมุ่งไปสู่ภาวะตลาดกระทิงอีกครั้ง เหมือนดังเช่นที่เคยเกิดมาแล้วในเดือน ก.ย. 2554 ซึ่งอยู่ที่มากกว่า 1,900 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (ราว 5.51 หมื่นบาท) ได้หรือไม่ โดยนักวิเคราะห์ต่างออกมาฟันธงกันไปก่อนแล้วว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็น ไปได้ยากมาก

ปัจจุบันยังมีนักลงทุนบางส่วนที่ไม่เชื่อมั่นในตลาดทองคำ โดยดูได้จากข้อมูลของ คาเมรอน แบรนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา บรรดาผู้จัดการกองทุนการเงินจำนวนมากต่างถอนเงินลงทุนออกจากกองทุนทองคำมาก ถึง 1,790 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 5.19 หมื่นล้านบาท)

ดังนั้น การที่ราคาทองคำจะกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเข้าสู่ภาวะกระทิงอีกครั้งคงจะเกิดขึ้นได้ยาก

ขณะที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังและเป็นมหาเศรษฐีที่รวยติดอันดับเป็นที่ 3 ของโลกจากการจัดอันดับของบลูมเบิร์ก ก็ได้ออกมาแนะให้นักลงทุนโดดหนีออกจากตลาดทองคำแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งแน่นอนว่าคำเตือนของกูรูด้านการลงทุนผู้นี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อภาวะราคาทองคำและการลงทุนในตลาดทองคำไม่น้อย

ส่วนธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ได้ออกมาคาดการณ์ว่า ราคาทองคำน่าจะร่วงลงในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยลงมาอยู่ที่ 1,390 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (ราว 40,310 บาท) ขณะที่ธนาคารดอยช์แบงก์เอจี คาดการณ์ว่า ราคาน่าจะดิ่งลงมาอยู่ที่ 1,050 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (ราว 30,450 บาท)

จึงเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่งว่า การดีดตัวกลับขึ้นมาของราคาทองคำที่เป็นผลมาจากภาวะการตัดสินใจเดินหน้า กระตุ้นของเหล่าแบงก์ชาติของประเทศมหาอำนาจ จะนำไปสู่ภาวะราคาทองกระทิงเหมือนในช่วงเดือน ก.ย. 2554 ที่ 1,921 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (ราว 55,709 บาท) อีกครั้งหรือไม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อย่างคำที่ว่า "พฤติกรรมของราคาที่แสดงออกมานั้นได้ดูดซับเหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเอาไว้แล้ว" ตามข่าวไม่ทันจริงๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แมงมุมจัดมาอีก 6 ตัน วันนี้ แต่ราคาก็ยังไม่ไปไหน :)

 

ว่าแต่ข่าวข้างบน ทำไมแปลงเป็นเงินไทยแพงจังคับ

ถูกแก้ไข โดย leo_attack

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แมงมุมจัดมาอีก 6 ตัน วันนี้ แต่ราคาก็ยังไม่ไปไหน :)

 

ว่าแต่ข่าวข้างบน ทำไมแปลงเป็นเงินไทยแพงจังคับ

 

ราคาเป็นออนซ์ครับ(ประมาณ 2 บาท)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าการขายของ SPDR กับ ETF มีอย่างต่อเนื่องและยังไม่สามารถทำราคาหล่นลงไปได้...

 

มันจะหมายความว่า.....

 

ต่อไปนี้...ราคาทองคำ มันจะยิ่งใหญ่จนเกินกว่ากองทุนใดกองทุนหนึ่งจะเข้ามาบงการได้...

 

ยกเว้นว่า...มันรวมหัวกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าการขายของ SPDR กับ ETF มีอย่างต่อเนื่องและยังไม่สามารถทำราคาหล่นลงไปได้...

 

มันจะหมายความว่า.....

 

ต่อไปนี้...ราคาทองคำ มันจะยิ่งใหญ่จนเกินกว่ากองทุนใดกองทุนหนึ่งจะเข้ามาบงการได้...

 

ยกเว้นว่า...มันรวมหัวกัน

 

พลังของคุณแม่ชาวจีน และอาซิ้มอามาที่ไปถล่มเยาวราชสินะครับ ทุบได้ทุบไป ยังมีพลังมดรอซื้ออีกเยอะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดูตัวเลขคุณแม่ชาวจีนซื้อเดือนมีนา 223.5 ตัน มันไม่ค่อยเห็นภาพ พอเป็นกราฟ ป้าด :gd

(โปรดรอจำนวนเดือน เมษา รับรองพุ่งยิ่งกว่านี้)

 

5min_BackingUp_050813.png

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ต้องช่วยๆกันซื้อของจริงครับ วันนี้ว่าจะไปถอยซักสลึงเหมือนกัน.

 

วันก่อนเห็นข่าวในนี้เรื่องจะเปลี่ยนโฉมธนบัตร100 usd

 

เปลี่ยนเมื่อไหร่ เงินนอกระบบ ฝังดิน ฝังโอ่ง คงขึ้นมาบนดินมากมายมหาศาล เพื่อฟอกเป็นสินทรัพย์อื่น ก่อนเเปลงกลับเป็นเเบงค์ใหม่ครับถือเป็นข่าวดีเล็กๆสำหรับทอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พอเป็นรูปแล้วมันเห็นชัดจริงๆ ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่

 

China%2Bvs%2BUS%2Bcurrency%2Bwar.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันนี้ลุ้นให้หลุด1488กันครับ ไปทดสอบคราวนี้ไม่ผ่าน ป้อกเก้าสามเด้ง. สยองเเน่ ถ้าผ่านลุ้น1500 ต่อเลย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:Announce ตัวเลขเคร่าๆของเดือนเมษาที่จีนและอินเดียนำเข้าทอง คือ 700 บวกลบ 100 ตัน

 

India and China combined through the end of April have imported somewhere around 700 tonnes of gold, plus or minus 100 tonnes.

 

 

ถ้าอ่านจากเรื่องนี้ ทองที่ไอ้แมงมุมต้องขาย(เพราะหุ้นถูกขาย)ไม่ได้หายไปใหนครับ ...ไปอยู่ที่จีนและอินเดียนั่นเอง(คงไปที่รัสเซีย ตุรกีหรืออื่นๆด้วย)

 

WEDNESDAY, MAY 8, 2013

 

 

The Truth About The Gold Being Drained From GLD

 

 

http://truthingold.blogspot.com/2013/05/the-truth-about-gold-being-drained-from.html

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีคนคิดตัวเลขปริมาณทองแล้วส่งไปให้คนของบลูมเบิร์กที่ไม่เคยเชื่อว่าทองถูกคุมราคา (บอกว่าราคามันลงเพราะนักลงทุนขายทองผ่านกองทุน 174 ตัน)

ผลผลิตทองทั้งโลกปีที่แล้ว = 2700 ตัน

จีนผลิต 400 รัสเซีย 200 แต่ไม่ส่งออกเลย ดังนั้นทองที่ผลิตได้จะเหลือในตลาด = 2700-400-200=2100 ตัน

จากการซื้อของอินเดียใร 12เดือนที่ผ่านมา ประมาณได้ว่าปีนี้ซื้อเกิน 1000 ตันแน่ ....คงเหลือ 2100-1000= 1100 ตัน

ถ้าปีนี้ธนาคารกลางซื้อ 500 ตัน(ดูจากตัวเลขปีก่อน) คงเหลือ 1100 - 500 = 600 ตัน

ปีที่แล้วจีนซื้อ 557 ตัน ปีนี้เดือนกุมภา(เกือบ100ตัน) มีนา(223.5ตัน) คาดว่าปีนี้ซื้อถึง 600ตันแน่ คงเหลือ 600-600= 0 ตัน

 

แปลมาถึงแค่นี้ขี้เกียจแปลแล้วครับ อ่านต่อกันเอาเอง ก็แล้วกัน นี่ยังไม่รวมประเทศอื่นๆที่ซื้ออีกหลายประเทศ(รวมทั้งไอ้กันด้วย) ของมันจะขาดขนาดใหน คิดกันเอาเองครับ ว่าราคามันควรจะขึ้นหรือลง

 

Investors took delivery of 1,000 tonnes of gold in Shanghai through April of 2013. For an aggressive estimate, we could multiply 1,000 x 3 for end of the year totals. For conservative estimates, we can multiply 1,000 tonnes x 2 = 2,000 tonnes. For confirmation of these numbers, google Andrew Maguire and his futures trading service. I believe Andrew Maguire is in London. You could be neighbors. Wouldn’t that be interesting? After subtracting 2,000 tonnes from 0, we are at – 2,000 tonnes of gold meaning 2,000 tonnes is coming from existing stockpiles.

At the LBMA, investors are taking delivery of 10 to 20 tonnes daily (google Andrew Maguire). Let’s be conservative and say that investors are taking delivery of 7 tonnes per day. That works out to about 1,800 tonnes for 2013. We are now down to – 3,800 tonnes.

Russia has one of the largest foreign currency reserves in the world at $528 Billion and Vladimir was seen holding a gold bar. I am putting Vladimir down for another 500 tonnes over and above the official Russian government purchases for 2013. We are down to – 4,300 tonnes.

I have not even included US demand, Vietnam, Turkey and the rest of the Middle East as well as the rest of the world. Let’s put the rest of the world down for a conservative 1,000 tonnes. We are down to – 5,300 tonnes.ของที่คาดว่าจะขาดในปีนี้

This is at least 5,300 tonnes that have to come from existing stockpiles to balance the current gold market. This 5,300 tonnes I believe is a somewhat conservative number. Contrast 5,300 tonnes to investors selling 174 tonnes and I think you get the picture. I have not included gold scrap in the calculation since existing gold scrap figures are too unreliable.

How about the ultimate contrarian indicator – the small speculator in gold futures? The small speculator is net short for the first time since the 1st quarter of 2001. That was at the bottom of the bear market when the small speculator was last net short gold futures.

Gold futures may be going lower due to futures trading on the Comex. However, the abnormally low price has triggered an avalanche of gold buying. To keep gold prices anywhere around current levels will cost the bankers at least 5,300 tonnes over and above 2013 mine supply.

Have you heard the expression, he who has the gold makes the rules? By the way, how is your Chinese?

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีแต่รายงานของขาด แต่สต๊อกใน COMEX , GLD(SPDR) ยังมีเยอะอยู่

แสดงว่าต้องมีคอขวด ที่ไหนสักแห่ง ทำให้การส่งมอบมาที่จีน อินเดียทำได้ช้ามาก

ผมลองเดา ๆ ดูตามนี้นะครับ

1) ทองแท่งในลอนดอน (GLD) มีขนาด 400ออนซ์ แต่ความบริสุทธิ์ 99.5% ดังนั้นถ้าจะส่งไปขายในเอเชีย ทำเครื่องประดับ ก็ต้องเอามาสกัดอีกครั้งให้ได้ 99.99% คิดว่าส่วนใหญ่สกัดในสวิส โรงงานคงมีกำลังผลิตจำกัด

 

2) ทองแท่งในตลาด COMEX มีความบริสุทธิ 99.99% อยู่แล้ว แต่จะส่งมอบเมื่อ คนซื้อรอจนสัญญาหมดเวลา คนขายถึงส่งมอบให้ สัญญาฟิวเจอร์มีอายุสองเดือน เราจึงเห็นเดือนที่ active กับ non-active สลับกัน ตรงนี้จึงต้องรอสัญญาหมดอายุ

 

3) ต่อให้ส่งมอบได้แล้ว ก็ต้องมีกระบวนการต่าง ๆ กว่าจะส่งมาที่เอเชียได้ ถ้าส่งทางเครื่องบิน ค่าพรีเมียมก็แพง ทางเรือก็ช้าเกิน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...