ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

6 ชั่วโมงที่แล้ว

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง

 

16 พฤษภาคม 2556

 

General News

----------------

 

• GDP ยูโรโซนในไตรมาสแรกติดลบ 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยติดลบมาติดต่อกัน 6 ไตรมาสแล้ว หลังจากมี 9 ประเทศเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยฝรั่งเศสหดตัวลง 0.2% ซึ่งกดดันให้ประธานาธิบดีต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่เยอรมนีขยายตัว 0.1% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์เนื่องจากฤดูหนาวยาวนานกว่าปกติ จนส่งผลต่อการก่อสร้างและความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ

 

• ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของฝรั่งเศสเดือน เม.ย. ลดลง 0.1% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากราคาพลังงาน ต้นทุนสินค้าและบริการ ลดลง

 

• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของอังกฤษเดือนเม.ย.ลดลง 7,300 ราย ทำให้มีผู้ว่างงาน 4.5% สะท้อนว่าตลาดแรงงานยังไม่แข็งแรงพอ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการธนาคารกลางประกาศว่าเศรษฐกิจเริ่มมีเค้าลางฟื้นตัว จึงเพิ่มแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสนี้ว่าจะขยายตัว 0.5% จาก 0.3% ในไตรมาสแรก

 

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อมของสหรัฐเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้นสู่ 92.1 จุด สูงสุดในรอบ 6 เดือน จาก 89.5 จุดในเดือน มี.ค. เนื่องจากผู้ประกอบการเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและยอดขายในอนาคต บ่งชี้ว่าการจ้างงานน่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นในปีนี้

 

• ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐเดือน เม.ย.ลดลง 0.7% เมื่อเทียบเดือนก่อน หดตัวมากที่สุดในรอบ 3 ปี จากราคาพลังงานลดลงเพราะความต้องการน้ำมันทั่วโลกลด และบ่งชี้ว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจะส่งผลให้มีน้ำมันทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีกในไม่กี่ปีข้างหน้า

 

• นายกรัฐมนตรีจีน เปิดเผยว่า รัฐบาลยังคงลังเลที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนของภาครัฐนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน และจะก่อให้เกิดปัญหากับความเสี่ยงอื่นๆ ตามมา รัฐบาลจึงมุ่งหวังให้การขยายตัวเป็นไปตามกลไกของตลาด และมีนโยบายลดบทบาทในการแทรกแซงเศรษฐกิจ

 

• ธนาคารกลางญี่ปุ่นเตรียมอัดฉีดเงินจำนวน 2.8 ล้านล้านเยนเข้าสู่ตลาดการเงิน เพื่อสกัดการเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล โดยจะจัดสรรเงินเข้าสู่ระบบ 2 ล้านล้านเยนภายในระยะเวลา 1 ปี และส่วนที่เหลือ 0.8 ล้านล้านเยนในระยะเวลา 1 เดือน

 

• เกาหลีใต้เกินดุลการค้าในเดือน เม.ย.2.45 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเกินดุล 15 เดือน ติดต่อกัน เนื่องจากส่งออกเพิ่มขึ้นและนำเข้าลดลง โดยการส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมากที่สุด เช่น สมาร์ทโฟน ชิพ และเครื่องใช้ภายในบ้าน

 

• มูดีส์ เปิดเผยว่า การอ่อนค่าของเงินเยนจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อความน่าเชื่อถือของผู้ส่งออกเกาหลีใต้ โดยบริษัทเหล็กกล้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นกลุ่มบริษัทที่อ่อนไหวมากที่สุดต่อการแข็งค่าของเงินวอนเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากต้องแข่งขันกับบริษัทญี่ปุ่นที่มีการส่งออกจำนวนมาก ซึ่งไตรมาสแรกของปีนี้เงินวอนเมื่อเทียบกับเงินเยนได้แข็งค่าขึ้นถึง 14.4% ไปแล้ว

 

• สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยปรับลดคาดการณ์ตัวเลขส่งออกปีนี้ให้เหลือเพียง 6.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี เนื่องจากราคาข้าวไทยยังแพงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท กับประเทศผู้บริโภคข้าวหันมาให้ความสำคัญกับนโยบายพึ่งพาผลผลิตในประเทศ

 

Equity Market

----------------

 

• SET Index ปิดที่ 1,630.09 จุด เพิ่มขึ้น 6.61 จุด หรือ +0.41% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 54,420.16 ล้านบาท โดยดัชนีแกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวันตามทิศทางของตลาดในภูมิภาค และมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับมาลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตในประเทศ

 

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)

-----------------------------------------------------

 

นักลงทุนสถาบัน +1,278.62

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -39.87

นักลงทุนต่างชาติ +4.645.10

นักลงทุนทั่วไป -5,883.86

 

• โกลด์แมนแซคส์ คาดการณ์ว่า ปีนี้ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์จะต่ำกว่าตลาดหุ้น โดยในปีนี้ดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงแล้ว 3.9% เนื่องจากราคาทองแดง ข้าวโพดและทองคำลดลง และมีมุมมองว่าสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มเกษตร รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มโลหะมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลงโดยเป็นภาวะตลาดหมี (Bear Market)

 

Fixed Income Market

------------------------

 

• อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเคลื่อนไหวในช่วง 0.00% ถึง +0.02% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุ 3 ปี วงเงิน 40,000 ล้านบาท

 

Guru Corner

--------------

 

• Mohamed El-Erian (CEO ของ Pacific Investment Management Co. หรือ Pimco)

 

“ราคาของสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้น ได้ปรับสูงขึ้นจากมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในหลายประเทศ แต่ยังขาดปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงมาสนับสนุน (การขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างเพียงพอ) ซึ่งทำให้นักลงทุนกำลังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาไม่น่าจะขยายตัวโดยเฉลี่ยเกินกว่าร้อยละ 2 ญี่ปุ่นมีความท้าทายในการขับ เคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้วยนโยบายทางการเงินในแนวใหม่ ในขณะที่กลุ่มยุโรปทั้งธนาคารและ บริษัทเอกชนยังคงดำเนินกิจการอยู่ได้แต่ไม่เพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจมากนัก ส่วนจีนจะขยายตัวร้อยละ 6.0-7.5 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อของโลกก็มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นแต่มีความเสถียรภาพที่ลดลง”

 

ทั้งนี้ PIMCO ได้ให้นิยามสภาพเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันว่า “New Normal” ซึ่งก็คือ ภาวะที่ไร้วี่แววในการเจริญเติบโต และกำลังจะมาถึงจุดที่เป็นทางสองแพร่ง ซึ่งหากมองในแง่ดีคืออาจจบลงด้วยการโตเร็วและขยายตัวได้อย่างยั่งยืน หรือไม่ก็จะโตไปอย่างเชื่องช้าไปเรื่อยๆ โดยประเทศต่างๆ จะแข่งขันกันแย่งชิงเพื่อให้ได้รับส่วนแบ่งที่มีขนาดลดลง

 

“ด้านกลยุทธ์การลงทุนในอีก 3-5 ปี ข้างหน้านั้น แนะนำให้ทยอยขายสินทรัพย์เสี่ยง และไปลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐประเภท Inflation-linked bond กับพันธบัตร เนื่องจากธนาคารกลางยังคงนโยบายอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ให้ลดความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ของสเปนและอิตาลี และหลีกเลี่ยงการถือครองสกุลเงินที่ธนาคารกลางในประเทศนั้นดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลาย โดยให้มีเงินทุนสำรองในสกุลสหรัฐอเมริกาให้น้อย กับป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินเอาไว้ด้วย”

 

อนึ่ง Pimco กำลังมองหาโอกาสในการลงทุนในบริเวณที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพคล่องส่วนเกินที่เกิดจากนโยบายผ่อนคลายของธนาคารกลาง รวมถึงการลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานจากชั้นหินดินดาน (Shale energy) และการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์และเทคโนโลยีไปเป็นแบบดิจิตอล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

MA เป็นห่วงในแง่ไหนครับ

กลัวหาซื้อของจริงไม่ได้ หรือ กลัวว่าราคาจะถูกรัฐควบคุม(กด)ไว้ได้

 

จากที่ตามอ่านงานของมาร์ตินมา สิ่งที่เขาเป็นห่วงคืออิสรภาพทางการเงินของประชาชนโดยทั่วไปครับ

 

จากสิ่งที่เขามอง ทำให้เขาเชื่อว่า ในที่สุด ต่อให้รัฐพิมพ์เงินกันมือเติบแค่ไหน เงินเฟ้อรุนแรงก็จะไม่มีทางเกิด

เพราะตอนนี้รัฐต่างๆทั่วโลก พยายามเค้นเอาเงินจากทาสประชาชน เพื่อมาถลุงใช้จ่าย และใช้หนี้

จะเห็นได้ว่า ตอนนี้มีการออกกฏหมายทำนองในการควบคุมการไหลของเงินของรัฐต่างๆทั่วโลก โดยใช้

เรื่องต่างๆมาสร้างความชอบธรรม .... และเมื่อใดก็ตามที่รัฐกำมือแน่นเกินไป เงินก็จะหายไปจากระบบ เหมือนว่ามันไม่เคยมีอยู่

(ขืนบอกให้เขารู้ว่ามีอยู่ เดี๋ยวเขาก็หาเรื่องมาเอาไปจนใด้) นี่คือเหตุผลที่มาร์ตินบอกว่า ทองคำจะเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนในระบบใต้ดิน

มากกว่าเป็นสื่อในการแลกเปลี่ยน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จากที่ตามอ่านงานของมาร์ตินมา สิ่งที่เขาเป็นห่วงคืออิสรภาพทางการเงินของประชาชนโดยทั่วไปครับ

 

จากสิ่งที่เขามอง ทำให้เขาเชื่อว่า ในที่สุด ต่อให้รัฐพิมพ์เงินกันมือเติบแค่ไหน เงินเฟ้อรุนแรงก็จะไม่มีทางเกิด

เพราะตอนนี้รัฐต่างๆทั่วโลก พยายามเค้นเอาเงินจากทาสประชาชน เพื่อมาถลุงใช้จ่าย และใช้หนี้

จะเห็นได้ว่า ตอนนี้มีการออกกฏหมายทำนองในการควบคุมการไหลของเงินของรัฐต่างๆทั่วโลก โดยใช้

เรื่องต่างๆมาสร้างความชอบธรรม .... และเมื่อใดก็ตามที่รัฐกำมือแน่นเกินไป เงินก็จะหายไปจากระบบ เหมือนว่ามันไม่เคยมีอยู่

(ขืนบอกให้เขารู้ว่ามีอยู่ เดี๋ยวเขาก็หาเรื่องมาเอาไปจนใด้) นี่คือเหตุผลที่มาร์ตินบอกว่า ทองคำจะเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนในระบบใต้ดิน

มากกว่าเป็นสื่อในการแลกเปลี่ยน

 

ณ.เวลานี้...กูรูหลายคนเริ่มมองเห็น...และทราบถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต...

 

อเมริกา...ยุโรป และญี่ปุ่น พิมพ์เงินออกมากันอย่างมากมายเพื่อเข้าไปอัดฉีดในตลาดพันธบัตร......

 

ถ้าไม่ทำ....อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรขึ้นอ๊วกแน่....

 

ซึ่งประเทศเหล่านี้ไม่สามารถทนรับกับจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายอย่างมหาศาลได้อย่างแน่นอน....

 

QE....จึงจะต้องดำรงคงอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน....

 

เพราะถ้าหยุด ณ.วันนี้......ก็คงจะเหลือลมหายใจอยู่ไม่เท่าไร...

 

จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าดอกเบี้ยเขา....

 

สู้ไปลุ้นเรื่องเงินเฟ้อเอาวันข้่างหน้าเอาดีกว่า....

 

ทำให้เกิดเงินเฟ้อไปทั่วโลก.....อาจจะรอดตายได้

 

ในขณะที่กระดาษกำลังจะเกร่อล้นโลก.....

 

ทรัพยากรที่มีค่าที่แท้จริง ในหมู่มนุษยชาติ...

 

น้ำมัน เหล็ก ทองแดง ก๊าซธรรมชาติ ทองคำ แร่เงิน...

 

สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ปัจจัยการผลิต และต่อยอดทางเศรษฐกิจ....

 

เป็นสิ่งที่บรรดาเหล่ารัฐ...ต้องการ

 

ส่วนเรื่องทองคำและแร่เงินนั้น..

 

เชื่อว่า...ณ. เวลานี้บรรดานักวิเคราะห์ทั้งหลายก็ยอมรับว่า...

 

วันข้างหน้า...มันจะต้องมีคุณค่า..และมีบทบาทต่อการแลกเปลี่ยนแน่...

 

แต่จะเป็นอย่างไร...และรูปแบบไหน..

 

ยังคงไม่มีใครชี้ชัดได้อย่าง ชัดเจน และ..แน่นอน....

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ

 

ตอนนี้มีการออกกฏหมายทำนองในการควบคุมการไหลของเงินของรัฐต่างๆทั่วโลก โดยใช้

เรื่องต่างๆมาสร้างความชอบธรรม ....

 

ตัวอย่างเช่นเรื่องอะไรบ้างครับ เท่าที่นึกได้คือ ภาษี

 

ทองลงไปใต้ดิน แล้วเราจะซื้อขายยังไงล่ะเนี่ย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
QE....จึงจะต้องดำรงคงอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน....

 

นึกถึงทฤษฎีหงส์ดำ แล้วทุกอย่างเป็นไปได้หมดล่ะครับ ต้องเผื่อใจ เผื่อความเสี่ยงไว้ด้วยนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดูเล่นยามทองลง :57 น้องดาว/ทอง จะทะลุเส้นบนก็ให้มันรู้ไป

post-23-0-90307500-1368676519.jpg

post-23-0-37212300-1368676533_thumb.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

• ธนาคารกลางญี่ปุ่นเตรียมอัดฉีดเงินจำนวน 2.8 ล้านล้านเยนเข้าสู่ตลาดการเงิน เพื่อสกัดการเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล โดยจะจัดสรรเงินเข้าสู่ระบบ 2 ล้านล้านเยนภายในระยะเวลา 1 ปี และส่วนที่เหลือ 0.8 ล้านล้านเยนในระยะเวลา 1 เดือน

 

ญี่ปุ่นต้องพิมพ์เงินสู้ ไม่ให้ดอกเบี้ยสูง แบบนี้จะยิ่งทำให้จบเร็วขึ้น

เมื่อถึงตอนที่ไม่มีใครซื้อพันธบัตร มีแต่ธนาคารกลางซื้อ ก็จะเกิด Hyperinflation แน่นอน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ญี่ปุ่นต้องพิมพ์เงินสู้ ไม่ให้ดอกเบี้ยสูง แบบนี้จะยิ่งทำให้จบเร็วขึ้น

เมื่อถึงตอนที่ไม่มีใครซื้อพันธบัตร มีแต่ธนาคารกลางซื้อ ก็จะเกิด Hyperinflation แน่นอน

แล้วคาดว่าจะมีผลอย่างไรกับทองครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แล้วคาดว่าจะมีผลอย่างไรกับทองครับ

 

ตลาดการเงินโลกจะปั่นป่วน แต่ผมคิดว่ายังไม่เกิดในปีนี้ ญี่ปุ่นอาจสู้ได้จนถึงปีหน้า อันนี้เดาเอา แน่นอนจะมีผลดีกับทองครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ตลาดการเงินโลกจะปั่นป่วน แต่ผมคิดว่ายังไม่เกิดในปีนี้ ญี่ปุ่นอาจสู้ได้จนถึงปีหน้า อันนี้เดาเอา แน่นอนจะมีผลดีกับทองครับ

ขอบคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอนนี้ Comex มีทองที่พร้อมส่งมอบ 1.676 ล้านออนซ์ ( register stock)

ส่วน Eligible stock เป็นส่วนที่ลูกค้าฝากไว้ ยังไม่ตัดสินใจว่าจะขาย มี 6.28 ล้าน

 

ในเดือนหน้าเป็นเดือนที่มีการส่งมอบสูงเป็นอันดับสองของปี คาดว่าจะส่งมอบ 1.3 - 1.4 ล้าน

ก็เลยมีคนมองว่า แม้ Comex จะมีจำนวนทอง พอส่งมอบได้ แต่ยังไงพวกนายแบงค์

ต้องกลับมาซื้อบ้าง เพื่อไม่ให้เสียเครดิต ถ้าเขาต้องการควบคุมตลาดต่อไป

พวกเขาคิดว่า ถ้าราคาขึ้นไปสักหน่อย ความต้องการของจริงจะลดลง แล้วพวกเขาก็ยังคุมสถานการณ์ต่อไปได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เพนตากอนพักงานลูกจ้าง 8 แสนคน แจงผลจากมาตรการ “ลดงบอัตโนมัติ” blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2556 23:26 น.

 

 

blank.gif 556000006084401.JPEG อาคารเพนตากอน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ blank.gif

เอเจนซีส์ - นายใหญ่เพนตากอนประกาศให้ลูกจ้างพลเรือนเกือบ 800,000 คนหยุดงานโดยไม่รับค่าตอบแทนสัปดาห์ละ 1 วัน เริ่มตั้งแต่เดือนหน้าจนถึงสิ้นเดือนกันยายน เพื่อรับมือการที่กระทรวงต้องลดงบประมาณรายจ่ายแบบเหมารวมโดยอัตโนมัติ ซึ่งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันยังไม่สามารถประนีประนอมกันเพื่อหลีก เลี่ยงสภาวการณ์นี้ได้

 

ชัค เฮเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวระหว่างการพบปะกับพวกลูกจ้างพลเรือนจำนวนหนึ่งของกระทรวงที่มลรัฐ เวอร์จิเนียเมื่อวันอังคาร (14) ว่า รู้สึกเสียใจที่ต้องตัดสินใจแบบนี้ แต่ได้พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อจำกัดระยะเวลาการพักงานควบคู่ไปกับการรักษา ความพรักพร้อมในการสู้รบของกองทัพ โดยที่ก่อนหน้านี้ก็ได้ตัดลดงบประมาณรายจ่ายในส่วนอื่นๆ ไปแล้ว ทว่า ยังไม่เพียงพอ

 

เฮเกลแจกแจงว่า เพนตากอนพยายามลดการใช้จ่ายด้านต่างๆ เป็นต้นว่า ลดเที่ยวบินของกองทัพอากาศ ลดการฝึกและการประจำการของกองทัพนาวิกโยธินและกองทัพเรือ ดังเช่น การลดการประจำการของเรือบรรทุกเครื่องบินในอ่าวเปอร์เซียจากที่เคยมี 2 ลำ ก็ให้เหลือเพียงลำเดียว

 

ทางด้านแอช คาร์เตอร์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมสำทับว่า เพนตากอนเริ่มปลดพวกลูกจ้างชั่วคราวและลูกจ้างแบบสัญญาจ้างแล้ว โดยที่มีแผนลดจำนวนลูกจ้างพลเรือนลง 5-6% ในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า

 

สำหรับลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้จะเท่ากับถูกลดเงินเดือนราว 20% ตลอดช่วงระยะเวลาการพักงาน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 30 กันยายน อันเป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณ โดยแม้พวกเขาจะมีการถูกลดเงินเดือนแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะหยุดงานโดยไม่ได้เงินเดือนนาน 11 วัน สั้นกว่าที่เพนตากอนเคยประเมินไว้ที่ 14 วันตามที่ได้แถลงออกมาในเดือนมีนาคม และ 22 วันตามที่แถลงในเดือนกุมภาพันธ์

 

อย่างไรก็ดี จากเอกสารของสำนักงานรัฐมนตรีกลาโหมระบุว่า มีลูกจ้างพลเรือนเกือบ 69,000 คนจะได้รับการยกเว้นจากการพักงาน ในจำนวนนี้รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรอง ลูกจ้างบนเรือรบ ผู้ที่ทำงานในพื้นที่สู้รบ หรือฝ่ายขายอาวุธในต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่แพทย์

 

กระทรวงกลาโหมคาดว่า การตัดสินใจนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ 1,800 ล้านดอลลาร์

 

การลดงบประมาณรายจ่ายแบบเหมารวมอย่างอัตโนมัติ (ซีเควสเตอร์) ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งบรรจุอยู่ในกฎหมายปี 2011 นั้น จุดมุ่งหมายจริงๆ อยู่ที่จะจูงใจให้รัฐสภายอมประนีประนอมกันเพื่อจะได้ลดยอดขาดดุลงบประมาณ ด้วยวิธีอันนุ่มนวลกว่านี้ ทว่าในเมื่อพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันไม่สามารถตกลงกันได้ มาตรการอันเข้มงวดขาดความยืดหยุ่นเช่นนี้จึงเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะตัดลดงบประมาณลงมาให้ได้ทั้งสิ้น 109,000 ล้านดอลลาร์ภายในปีงบประมาณนี้ (ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน) ในจำนวนนี้รวมถึงการลดรายจ่ายด้านกลาโหม 46,000 ล้านดอลลาร์

 

ระหว่างการพบปะคราวนี้ เฮเกลได้ตอบคำถามของลูกจ้างคนหนึ่ง โดยที่เขาบอกว่าไม่สามารถสัญญาได้ว่า จะไม่มีการพักงานอีกในปีงบประมาณหน้า โดยที่ภายใต้มาตรการลดงบประมาณเหมารวมอัตโนมัตินั้น ในปีหน้าจะมีการลดการใช้จ่ายด้านกลาโหมเพิ่มอีก 52,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้นายใหญ่เพนตากอนอธิบายว่าเนื่องจากเรื่องงบประมาณนี้เป็นอำนาจการ ตัดสินใจของรัฐสภา

 

ก่อนหน้านี้ ผู้บัญชาการทหารหลายคนออกมาเตือนว่าการลดงบประมาณด้านกลาโหม อาจบ่อนทำลายความพรักพร้อมของกองทัพ จากการถูกบีบค้นให้ต้องลดการฝึกและการซ่อมบำรุง ขณะที่สถานการณ์โลกกำลังตึงเครียดจากการข่มขู่ของเกาหลีเหนือ ความก้าวหน้าของโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และวิกฤตซีเรีย

 

สำหรับงบประมาณปีหน้าที่เพนตากอนเสนอไปแล้วนั้น จะคงการใช้จ่ายทางทหารที่ 526,600 ล้านดอลลาร์ โดยยังไม่ได้พิจารณาค่าใช้จ่ายในสงครามในอัฟกานิสถานหรือการตัดลดงบประมาณ เหมารวมอัตโนมัติประกอบด้วย

 

ทว่า ร่างงบประมาณดังกล่าวอาจไม่ได้รับอนุมัติ เนื่องจากการที่พรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับวิธี การลดยอดขาดดุลงบประมาณ

 

สำหรับขั้นตอนต่อไปนั้นยังไม่เป็นที่ชัดเจน เฮเกลเคยกล่าวระหว่างปราศรัยสำคัญในเดือนที่ผ่านมาว่า ได้สั่งให้ทบทวนแผนการซึ่งอาจนำไปสู่มาตรการรัดเข็มขัดเพิ่มเติม เช่น การลดจำนวนนายพล ลดจำนวนลูกจ้างพลเรือน ควบคุมค่าใช้จ่ายสำหรับอาวุธใหม่ รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐสภาเดินหน้าการปิดฐานทัพภายในประเทศเพิ่มเติม ซึ่งเป็นมาตรการที่พวกสมาชิกรัฐสภาไม่เห็นด้วยอย่างมาก เนื่องจากอาจกระทบเศรษฐกิจในท้องถิ่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อันตรายเงินเยนอ่อนสกัดพัฒนา-นำเข้าแย่-ขวางค้าเสรีโลก

  • 16 พฤษภาคม 2556 เวลา 09:17 น. |

8CF2DEA7FB884C22A41C441DDFFEADBC.jpg

 

 

โดย...นงลักษณ์ อัจนปัญญา

เป็นความหวังที่เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตามแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ทำให้เศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยมีแววกระเตื้องหลังจากต้องซบเซามานานหลายสิบปี

เห็นได้ชัดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ดัชนีนิกเกอิ 225 ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งทะลุ 14,500 จุด จนทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง หรือกรณีที่สกุลเงินเยนอ่อนค่ามากกว่า 100 เยนต่อเหรียญสหรัฐ ครั้งแรกในรอบ 4 ปี จนช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่นสามารถแสดงรายได้กำไรมากขึ้น หลังขาดทุนต่อเนื่องมานาน เช่น บริษัท โซนี่ ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำของญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นสัญญาณบวกที่ให้กำลังใจนักธุรกิจและนักลงทุนทั่วโลกไม่น้อย แต่นักวิเคราะห์ต่างเตือนว่า ข่าวดีนี้ยังไม่อาจทำให้ญี่ปุ่นพ้นภาวะเศรษฐกิจซบเซาเรื้อรังได้

เนื่องจากสถานการณ์ดีๆ ที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่นขณะนี้ ล้วนเป็นผลจากแรงผลักดันของภาครัฐเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้นโยบายการเงินเพื่อทำให้ค่าเงินเยนอ่อนยวบ เพื่อมุ่งช่วยภาคส่งออกของประเทศให้ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง จนหลายฝ่ายอาจลืมไปว่า การที่เศรษฐกิจจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว ต้องการปัจจัยที่มากกว่าเงินเยนอ่อนค่า

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายราย รวมถึง วิลเลียม เปเสก นักคอลัมนิสต์ประจำบลูมเบิร์ก ต่างพร้อมใจกล่าวเตือนว่า เงินเยนที่ทรุดฮวบอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ไม่ต่างอะไรกับกับดักอันตรายที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นดำดิ่งลงเหวเอาได้ ง่ายๆ

เพราะ 1) ทำให้บรรดาบริษัทญี่ปุ่นมัวแต่หลงระเริงกับกำไรที่เพิ่มขึ้นในรอบหลายปีจน มองข้ามปัจจัยจำเป็นที่สุดต่อการพลิกฟื้นธุรกิจ อย่างการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด 2) ภาคนำเข้าของประเทศจะแบกภาระหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ญี่ปุ่นต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานจากภายนอก จนมีแนวโน้มให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระหนี้มากขึ้น และ 3) เงินเยนที่จงใจทำให้อ่อนค่าจะส่งผลให้ฝ่ายที่เสียเปรียบลุกขึ้นหามาตรการปก ป้องตนเอง จนกลายเป็นชนวนขัดแย้งระหว่างประเทศและขัดขวางตลาดการค้าเสรีโลกได้โดยง่าย

แน่นอนว่า ลำพังพิจารณาจากความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้น อาจทำให้นักลงทุนและนักธุรกิจหลายรายเชื่อว่า เศรษฐกิจแดนปลาดิบไปได้สวย โดยตลาดหุ้นของญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นแล้วถึง 36%

กระนั้น หากพินิจดูข้อมูลของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นทีละรายแล้ว ปริมาณการส่งออกกลับขยับเขยื้อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น กรณี โซนี่ ที่ผลกำไรประจำปีงบประมาณล่าสุดซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือน มี.ค. 2556 ระบุชัดว่า ผลกำไร 435 ล้านเหรียญสหรัฐ มาจากการปรับโครงสร้างขายสินทรัพย์มากกว่าการผลิตสินค้าเพื่อส่งออก

เคลวิน โฮ ผู้อำนวยการฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า หากตัดการขายสินทรัพย์ออกไป โซนี่จะอยู่ในสถานะที่ขาดทุนมหาศาลทันที

ทั้งนี้ สตีฟ ดูโรส ผู้อำนวยการอาวุโสและหัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของฟิทช์ เรทติ้งส์ เห็นว่า สาเหตุที่ทำให้ระดับของบริษัทญี่ปุ่น ทั้งโซนี่ ชาร์ป หรือพานาโซนิค ลดลงเรื่อยๆ เป็นเพราะการสูญเสียสถานะผู้นำตลาด ขาดการสร้างสรรค์สินค้าใหม่ที่จะตอบโจทย์ความต้องการตลาด เหมือนแอปเปิ้ลหรือซัมซุง

ดังนั้น สิ่งสำคัญที่บริษัทญี่ปุ่นควรทำมากที่สุดขณะนี้คือ การใช้โอกาสที่เงินเยนอ่อนขยับขยายลงทุนเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการวางกลยุทธ์ผลักดันให้สินค้าเป็นที่ต้องการมากกว่าการพยายามรักษาผล กำไรของบริษัทที่เห็นได้ชัดในปัจจุบัน และหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการด้านราคาขึ้นมาสู้กับคู่แข่ง โดยจนถึงขณะนี้อันดับการน่าลงทุนของชาร์ป โซนี่ และพานาโซนิค ยังอยู่ในสถานะเสี่ยงและมีแนวโน้มติดลบ เพราะไม่สามารถเพิ่มยอดขายทั้งในและต่างประเทศได้เลย

ขณะเดียวกันเงินเยนที่อ่อนยังเป็นอันตรายต่อสถานะการคลังของประเทศ เพราะขณะนี้ ญี่ปุ่นต้องนำเข้าพลังงานเพิ่มขึ้นในรอบหลายสิบปี หลังจากเหตุธรณีพิบัติภัยในเดือน มี.ค. 2554 ที่แหล่งพลังงานหลักของประเทศอย่างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 52 แห่ง จากทั้งหมด 54 แห่ง ต้องหยุดเตาปฏิกรณ์

ดังนั้น ญี่ปุ่นจึงต้องซื้อน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ จากต่างประเทศเพิ่มอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ โดยขณะนี้รัฐบาลนายกรัฐมนตรีอาเบะเริ่มวิ่งรอกทำความตกลงด้านพลังงานกับ ประเทศต่างๆ เห็นได้จากการนำคณะเดินทางเยือนรัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

กระนั้น ไม่ว่าจะพยายามเจรจาให้สามารถซื้อพลังงานในราคาถูกเพียงใด แต่ค่าเงินเยนที่อ่อนก็ทำให้ญี่ปุ่่่นต้องใช้เงินจำนวนมากกว่าเดิม เพื่อซื้อพลังงานเท่าเดิมหรืออาจน้อยกว่าอยู่ดี

นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่า ภาระราคาพลังงานที่แพงขึ้นจะส่งต่อถึงผู้บริโภคในท้ายที่สุด จนกัดกร่อนแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ โดยรัฐบาลอาจจำเป็นต้องออกมาตรการอุดหนุนพลังงาน จนมีแววว่าจะเผชิญหน้ากับการขาดดุลบัญชีครั้งใหญ่ ขณะเดียวกันค่าเงินเยนที่อ่อนกับความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นอาจนำไป สู่เงินเฟ้อแบบผิด คือ ราคาสินค้าและบริการมีราคาสูง เพราะต้นทุนพลังงานสูง แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจกลับมีไม่มากพอ

ภาระข้างต้นยังทำให้บริษัทที่ต้องนำเข้าชิ้นส่วนเพื่อผลิตสินค้าขายใน ประเทศต้องปวดหัวเช่นกัน โดยเมื่อไม่นานมานี้ ฟูจิตสึ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของญี่ปุ่น แง้มว่าเตรียมจะขึ้นราคาคอมพิวเตอร์ในประเทศ เพราะต้นทุนชิ้นส่วนที่แพงขึ้น ขณะที่ โตชิบา คอร์ป ก็ส่งสัญญาณเช่นกันว่าอาจจะทำตามฟูจิตสึ

ยังไม่นับรวมกรณีของผู้บริโภคภายในประเทศที่อำนาจในการจับจ่ายใช้สอยลดลง

นอกจากนี้ แม้มติจากที่ประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ 7 ประเทศ (จี7) จะเห็นว่า รับได้และไม่แค้นเคืองแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นด้วยการกดเยนให้อ่อน กระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่า แนวทางดังกล่าวสร้างความตึงเครียดและขัดแย้งให้กับบางประเทศและบาง อุตสาหกรรมไม่น้อย

หลักฐานยืนยันคือ การที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ตั้งแต่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และจีน ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอการแข็งค่าของสกุลเงินของตน และเพื่อปกป้องภาคการส่งออกของประเทศ

เฟรด เบิร์กสเตน นักวิเคราะห์อาวุโสจากสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศแห่งปีเตอร์สัน กล่าวว่า แม้ความตึงเครียดอาจไม่ถึงขั้นก่อสงครามค่าเงิน แต่ก็ทำให้หลายชาติอดจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไปไม่ได้ เพื่อหามาตรการรับมือป้องกันต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าไม่เป็นผลดีต่อบรรยากาศทางการค้าในภูมิภาคที่ต่างต้องการให้ สินค้าและบริการเป็นไปอย่างเสรีมากที่สุด

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งเห็นว่า เงินเยนที่อ่อนค่ายังกระทบอย่างมากต่อภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยขณะที่ค่ายรถญี่ปุ่นอย่าง โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน ประกาศเพิ่มยอดขายอย่างคึกคัก ค่ายรถใหญ่ของสหรัฐอย่าง เจนเนอรัล มอเตอร์ส ฟอร์ด และไครสเลอร์ รวมถึงค่ายรถเกาหลีใต้อย่างฮุนได ต่างเริ่มหวั่นเกรงต่อผลกระทบจากเยนอ่อนทั่วหน้า และเริ่มเตรียมมาตรการเพื่อพร้อมรับมือ เช่น การย้ายฐานการผลิตมายังประเทศที่ถูกกว่า และมีแนวโน้มตลาดเติบโตสูงอย่างไทยของค่ายรถฟอร์ด

ขณะเดียวกันรายงานจากวอลสตรีท เจอร์นัล ยังระบุว่า สภานโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวแทน 3 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของประเทศ ยังได้แสดงความเห็นว่า ค่าเงินเยนที่อ่อนลงจนกระทบต่อการส่งออกและการสร้างงานของสหรัฐ น่าจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ญี่ปุ่นไม่สมควรมีส่วนร่วมในการทำความตกลง หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (ทีพีพี)

ทั้งนี้ทั้งนั้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยอมรับว่า รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงจำเป็นต้องพึ่งพามาตรการกดค่าเงินเยนอ่อนต่อไปอีกสักระยะ เวลาหนึ่ง แต่ญี่ปุ่นเองต้องไม่ลืมเช่นกันว่า มาตรการดังกล่าวคือยาแรงเพื่อบรรเทาอาการเรื้อรังเท่านั้น

และมีเพียงการปฏิรูปพลิกโฉมการผลิตสินค้า การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างจริงจังที่จะตอบโจทย์ตลาด และทวงคืนประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกให้คืนมาอีกครั้ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จอห์น วิลเลี่ยมส์ ณ เฟด ซานฟรานซิสโก

  • เดี๋ยวฤดูร้อนนี้เฟดก็จะค่อยๆลดการพิมพ์เงิน และหยุดพิมพ์ภายในสิ้นปีนี้แล้วหล่ะ
    (ต่ายห่ะ... งี้ทองก็ไม่เหลือสิเนี่ย... หรือว่าลุงจิมจะพลาด ว่าเฟดหยุดพิมพ์เงินไม่ได้?!@?@$@&$@#*)
  • อัตราการว่างงานจะไม่ลดลงต่ำกว่าร้อยละ ๖.๕ จนกว่าจะถึงปี ๒๑๐๕
    (๒๑๐๕?! พิมพ์ผิดหรือเปล่า)
  • การลดการพิมพ์เงิน ไม่ได้หมายความว่าเราจะรัดเข็มขัดทางการเงินนะจ๊ะ
    (แสดงว่าออกมาสับขาหลอก ทุบราคาทองคำอีกแล้วใช่ไม๊เนี่ย..... เฮ้ออ)

:21

 

.. เอวัง ..

 

http://www.zerohedge.com/news/2013-05-16/fed-unleashes-another-taper-hint-or-not

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

6 ชั่วโมงที่แล้ว

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง

 

17 พฤษภาคม 2556

 

General News

----------------

 

• ฝรั่งเศสเตรียมแผนลงทุนขนาดใหญ่ 1.2 หมื่นล้านยูโร ภายในปี 2560 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัทในประเทศ โดยจะลงทุนผ่านธนาคารเพื่อการลงทุนสาธารณะ(PIB) ที่เป็นหน่วยงานของรัฐบาลซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือบริษัทที่มีปัญหาทางการเงิน

 

• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ วันที่ 11 พ.ค.อยู่ที่ 360,000 ราย เพิ่มขึ้น 32,000 ราย เป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ

 

• อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐเดือน เม.ย.ลดลง 0.4% จาก -0.2% ในเดือนก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินลดลง 8.1% ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2551 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน(ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน) เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ทั้งนี้ ประธาน FED สาขาเซนต์หลุยส์เคยกล่าวว่าการชะลอตัวของเงินเฟ้ออาจทำให้ FED ต้องอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบมากกว่าที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน

 

• การก่อสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐเดือน เม.ย.หดตัวลง 16.5% สู่ 853,000 หลังต่อปี เป็นการหดตัวต่ำสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่การอนุมัติก่อสร้างบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 14.3% สู่1.02 ล้านหลังต่อปี บ่งชี้ว่า กิจกรรมการก่อสร้างบ้านของสหรัฐยังมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในอนาคต

 

• พอล โวล์คเกอร์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คาดว่า อัตราว่างงานจะระดับสูงกว่า 6% ต่อไปอีกอย่างน้อย 2 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวช้าจึงไม่ทำให้การจ้างงานะเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าพอใจ อนึ่ง อัตราว่างงานสหรัฐในเดือน เม.ย.อยู่ที่ 7.5% ลดลงจาก 8.1% ในปีก่อน

 

• เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสแรกขยายตัว 3.5% สูงกว่า 2.7% ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกฟื้นตัว ซึ่งเป็นการตอบรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและธนาคารกลางญี่ปุ่นที่อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

 

• การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนเดือน เม.ย.อยู่ที่ 8.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.4% แต่ชะลอตัวจาก 5.7% ในเดือนก่อน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเนื่องจากแรงดึงดูดเงินลงทุนของจีนเริ่มลดลงหลังจากข้อได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงานหมดไปจากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและสวัสดิการแรงงานมากขึ้น

 

• ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปีนี้เหลือ 7.7% จากเดิม 8.3% จากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแออย่างต่อเนื่องตลอด 4 เดือนแรกของปี และลดคาดการญ์ขยายตัวในปีหน้าลงเหลือ 7.5% จากเดิม 8.2%

 

• เศรษฐกิจมาเลเซียขยายตัว 4.1% ในไตรมาสแรก จากความต้องการภายในประเทศที่ขยายตัวถึง 8.2% ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ ทั้งนี้ ธนาคารกลางมาเลเซียยังคงคาดการณ์อัตราการเติบโตในปีนี้ที่ 5-6%

 

• หนี้สาธารณะของไทยในเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 4.73 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 5.12 ล้านล้านบาท คิดเป็น 44.16% ของ GDP จากการเพิ่มขึ้นของหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน 5.66 หมื่นล้านบาท และจากการกู้ยืมของรัฐบาล 826 ล้านบาท

 

• กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า แม้จะไม่สามารถนำ พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในสมัยประชุมวิสามัญนี้ได้ทัน ก็จะไม่กระทบต่อการลงทุนของประเทศ และจะได้มีเวลาให้คณะกรรมาธิการศึกษาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้อย่างละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น โดยจะเร่งรัดติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐบาลกว่า 4 แสนล้านบาทให้เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไปได้

 

• ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ระบุว่า มาตรการ 4 ข้อของ ธปท.เป็นการแก้ปัญหาเงินบาทได้ตรงจุดมากกว่าการลดอัตราดอกเบี้ย และเห็นว่าการแข็งค่าของเงินบาทมีสาเหตุมาจากมาตรการ QE ของสหรัฐและญี่ปุ่นที่ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดที่ให้ผลตอบแทนสูง และระบุว่า การแก้ปัญหาค่าเงินบาทสามารถทำได้ 3 วิธี คือ

 

1) ธปท.เข้าแทรกแซง ซึ่งเป็นวิธีการปกติที่ทำอยู่ แต่มีข้อเสียที่ทำให้ ธปท.ขาดทุน

2) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่ขึ้นในประเทศ

3) ใช้มาตรการ 4 ข้อของ ธปท.ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด

 

• ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังหารือกับผู้ว่าธปท.ว่า ค่าเงินบาทในระดับปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยสมาชิกหอการค้าส่วนใหญ่มองว่า อัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมคือระดับ 29 – 30 บาทต่อดอลลาร์ และต้องการให้ทางการดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากเกินไปและให้สอดคล้องกับค่าเงินสกุลอื่นๆโดยเฉพาะประเทศคู่แข่ง

 

Equity Market

----------------

 

• SET Index ปิดที่ 1,617.89 จุด ลดลง 12.20 จุด หรือ -0.75% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 56,762.74 ล้านบาท โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่มาผลักดันตลาด และการประกาศผลประกอบการในไตรมาสแรก ได้จบลงแล้ว ทั้งนี้ หุ้นที่จะถูกนำเข้าคำนวณใน MSCI Global Standard มีราคาปิดเพิ่มขึ้น นำโดย MINT +5.26% HMPRO +3.95% TRUE +2.67% และ INTUCH +2.56%

 

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)

-----------------------------------------------------

 

นักลงทุนสถาบัน -432.54

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -1,105.10

นักลงทุนต่างชาติ +367.78

นักลงทุนทั่วไป +1,169.87

 

• MSCI ประกาศรายชื่อหุ้นไทยที่ถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard ในครั้งนี้คือ HMPRO, MINT, INTUCH, TRUE

 

ส่วนหุ้นไทยที่ถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Small Cap คือ ANAN, BMCL, EASTW, EA, GRAMMY, GUNKUL, JMART, KTC, MALEE, N-PARK, OFM, OISHI, SAMTEL, SPCG, TFD, THRE, UMI, UV, VGI และ WHA

 

ทั้งนี้ จากข้อมูลทางสถิติในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา หุ้นที่ถูกประกาศให้เข้าในดัชนี MSCI Global Standard จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10.2% ในช่วง 2 สัปดาห์หลังการประกาศ และหุ้นที่เข้าในดัชนี MSCI Global Small Cap จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.5% อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าหุ้นหลายตัวที่จะเข้าดัชนี MSCI ได้ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้าค่อนข้างมากแล้ว จึงควรระมัดระวังในการลงทุนให้มาก

 

• ผลการสำรวจนักลงทุนทั่วโลกของ Bloomberg ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐและญี่ปุ่นจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดในปีนี้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปและจีนจะให้ผลตอบแทนต่ำที่สุด

 

Fixed Income Markets

-------------------------

 

• อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเคลื่อนไหวในช่วง -0.03% ถึง 0.00% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุ 14 วัน วงเงิน 30,000 ล้านบาท

 

Gold Corner

---------------

 

• สภาทองคำโลก (World Gold Council) รายงานว่า ความต้องการทองคำในไตรมาสแรกของปีอยู่ที่ 963 ตัน ลดลง 13% เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี จากความต้องการด้านการลงทุนที่ลดลง โดยนักลงทุนเทขายหน่วยลงทุนทองคำประเภท ETF จำนวน 176.9 ตัน คิดเป็น 7% ของทองคำทั้งหมดในกองทุน ETFs ขณะที่ความต้องการทองคำสำหรับเครื่องประดับยังคงเติบโตมาอยู่ที่ 551 ตัน เพิ่มขึ้น 12% โดยความต้องการของจีนและอินเดียยังคงเพิ่มขึ้น 19% และ 15% ตามลำดับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...