ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

มีบทความ เรื่องจำนวนทองคำที่อเมริกามี

http://www.caseyrese...ers-dont-add-up

 

ข้อมูลธุรกิจทองคำของรัฐบาล จากปี 1991-2012 (22ปี) หน่วยเป็นตัน

- อเมริกาผลิต 7,532 ใช้ 6,517 เหลือ 1,014

- ส่งออก 11,223 นำเข้า 5719 รวมแล้วส่งออก 5,504

- นำทองที่ผลิตเกินความต้องการ ลบออกจาก ตัวเลขส่งออก 5,504 - 1014 = 4,490 ตัน

- สรุป มีการส่งออกมากถึง 4,490 ตันที่ไม่รู้ที่มา

 

ความเป็นไปได้ ของ 4,490 ตัน

- ตัวเลขนำเข้า ส่งออกนี้ คิดเฉพาะ ส่วนที่เป็นทองแท่งเหรียญ (ที่หลอมเรียบร้อยแล้ว) ไม่นับพวก ทองผง, เม็ด, แร่ทอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ของพวกนี้ไม่น่ามีปริมาณมาก ถึงขนาดนำเข้าแล้วมาหลอมทำเป็นแท่ง,เหรียญ แล้วส่งออกถึง 4,490 ตัน

- ไม่เอกชนรายไหน หรือมหาเศรษฐีคนไหน มีทองเยอะขนาดนี้ แม้จะแค่บางส่วนก็ตาม

- ไม่มีคำอธิบายอื่น นอกจาก เฟด หรือ กระทรวงการคลัง (สหรัฐ) ไม่งั้นก็มีการนำเข้าทองเป็นพัน ๆ ตัน โดยที่หน่วยงานรัฐไม่รู้

- ทอง 4,500 ตัน ถูกให้ยื้ม(Lease)ไปหมดแล้ว

 

ที่มาของทอง

- ทอง 4,500 ตัน ตามมูลค่าปัจจุบัน ประมาณ 2 แสนล้านเหรียญ

- แต่ในบัญชีของเฟด กลับตีมูลค่าแค่ 42.22$ ต่อออนซ์ เป็นมูลค่าแค่ 11,041 ล้านเหรียญ น้ำหนักรวม ประมาณ 8000 ตัน

 

130508image2.jpg

 

 

- แต่ที่แปลกคือ กระทรวงการคลังสหรัฐ ก็มีทองในบัญชีเหมือนกัน ที่มูลค่าเท่ากัน

 

130508image3.jpg

 

- อย่าลืมนะครับ ว่าเฟด กับกระทรวงการคลัง เป็นคนละหน่วยงาน นี้จึงทำให้เห็นภาพว่า ระบบการยื้มทอง ทำให้หลายคนเคลมว่า เป็นเจ้าของทองแท่งเดียวกัน

- เป็นไปได้ว่า เฟดอาจให้ยื้มทองของประชาชนอเมริกา หรือของประเทศอื่นที่ฝากไว้

- การทุบราคาทองเมื่อเร็วๆ นี้คือการเขย่าเอาของจากคนขวัญอ่อน เพื่อที่ธนาคารต่าง ๆ ได้เก็บทองมาคืนเฟด

- GLD (SPDR) เป็นเป้าหมายหลัก เพราะมีนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก มักจะเทขายเมื่อราคาต่ำ แล้วจะขายเพิ่มอีก เมื่อราคาตก

- แม้ GLD จะเสียทองทั้งหมด(1,050ตัน) ก็ไม่ถึง 1/3 ของทองที่หายไป

- เมื่อถึงเวลาที่เราไม่สามารถซื้อ ของจริงได้ นั้นคือ Comex, LBMA ไม่สามารถส่งของได้ ทองทั้งหมดใน สต๊อกจะหายไป ราคาของมันจะขึ้นเป็นจรวด

ถูกแก้ไข โดย oasis

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

The Gold Carry Trade

 

 

http://whiskeyandgun...ld-carry-trade/

 

 

 

 

How Does the Gold Carry Trade Work?

 

 

Gold leasing takes three different forms: direct leasing, central bank swaps, and forward hedging.

 

 

 

 

Direct Leasing

 

 

I am going to run through this in a simple step-by-step process. Central banks don’t directly take their bullion to the market and lease it out.

They use a vehicle called a bullion bank (BB).

Although bullion banks are numerous, some of the more well known are Barclays, Goldman Sachs, JP Morgan, Bank of America, UBS, and Citibank.

 

0screenshot_0.png

 

อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมทองมาปล่อย ติดลบ

 

การที่ปริมาณทองคำ ในบัญชี ยังเป็น 8000 ตัน

เพราะ ธนาคารกลาง ให้ Bullion bank "ยืมทอง" ไปปล่อย

กรรมสิทธิ์ในทองคำ ยังคงเป็นของธนาคารกลาง .. ที่ Bullion bank ต้องหา/ช้อนทองมาคืน

ถูกแก้ไข โดย Sear

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

.

 

มันเป็นช่องว่างที่เกิดขึ้นของราคาที่ปิดเเท่งเก่าเเละเปิดเเท่งใหม่ของกราฟแท่งเทียนครับ โดยทั่วไปกราฟเเท่งเทียนถัดๆไปมันจะกลับมาปิดช่องว่างตรงนั้นครับ

ทีแรกผมนึกว่าแก๊ปแบบนี้จะร่วงรูดซะอีก สุดท้ายมีแท่งยาวมาปิดจริงด้วยครับ ที่ว่าเบาใจเพราะรู้ว่าราคาจะขึ้นกลับมาได้ใช่มั๊ยครับ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

  • อังกฤษต้องการให้ธนาคารกลางของตัวเอง มีอำนาจในการปล้นเงินฝากส่วนที่เกินจากการประกันเงินฝาก (๑๐๐,๐๐๐ ยููโร) และผู้ถือพันธบัตรธนาคาร เพื่อทำให้ระบบการเงินมีเสถียรภาพ
     
    (แปลว่า ปล้นเงินผู้ฝาก มาอุ้มแบงค์เน่า .... ถ้าไม่ให้ปล้น แบงค์เน่า ผู้ฝากเงินก็เงินสูญ, ถ้าปล่อยให้ปล้น อุ้มแบงค์เน่า ผู้ฝากก็เงินสูญ ..... นึกถึงที่ฝรั่งพูด เวลาโยนเหรียญ.... ออกหัว ฉันชนะ ออกก้อย คุณแพ้)

http://www.jsmineset.com/2013/05/14/in-the-news-today-1538/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แทนที่มี QE ทองจะขึ้นเงินจะหมดความเชื่อถือแต่ยิ่งมี QE ทองยิ่งโดนกด เงินกลับเป็นใหญ่ มันกลับตาลปัดกันไปหมด กลายเป็นว่าต้องรอให้เฟดเลิก QE ทองถึงจะขึ้นเหรอครับเนี่ย :38

 

การปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของราคาทองในรอบนี้ทำให้นึกไปถึงเหตุการณ์ในทฤษฎีหงส์ดำ หรือ Black Swan Events ของ Dr. Nassim Taleb (เจ้าของงานเขียน Fooled By Randomness -ที่คุณคิมเคยแนะนำ ละ The Black Swan) ซึ่งเป็นทฤษฎีที่มีที่มาจากความเชื่อดั้งเดิมที่ประเทศอังกฤษซึ่งหงส์มีแต่สีขาว แต่หลังจากการค้นพบหงส์สีดำที่ประเทศออสเตรเลียในปี ค.ศ.1697 ทำให้คำว่า “หงส์ดำ” หรือ Black Swan ถูกนำมาใช้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากแต่สามารถเกิดขึ้นได้

Teleb ได้ให้คำจำกัดความของ Black Swan Events ว่าเป็น 1.เกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย 2.เมื่อเกิดขึ้นแล้วส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และ 3.มีความพยายามหาคำอธิบาย ถึงสาเหตุของการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ดังกล่าว ราวกับว่าเหตุการณ์นี้สามารถพยากรณ์ได้

Black swan Theory ของ Teleb นี้ มิได้มีวัตถุประสงค์จะพยากรณ์การเกิดขึ้นของ Black Swan Events แต่มุ่งเน้นกับวิธีการรับมือกับ Black Swan โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อห่วงใยของการใช้ Model การบริหารความเสี่ยงภายใต้สมมุติฐาน Normal Distribution อีกทั้ง Teleb ยังนำเสนอหลักการ Ten principles for a Black Swan-proof world ที่เป็นหลักการในการสร้างสังคมที่สามารถต้านทานกับ Black Swan Events ได้

การตกต่ำอย่างรุนแรงของราคาทองในรอบนี้จึงน่าจะเข้าข่ายและเป็นตัวอย่างของ Black Swan Events ตัวล่าสุด ที่นักลงทุน สถาบันการเงิน รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ควรตระหนักว่า เหตุการณ์บางอย่างถึงแม้จะเกิดขึ้นได้ยากแต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ ตลอดจนตระหนักถึงความจำเป็นของการใช้เครื่องมือการบริหารความเสี่ยงต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ดูเหมือนว่าจะสามารถพบกับ “หงส์สีดำ” ได้ง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา

http://www.bangkokbiznews.com/home/details/business/ceo-blogs/peerapol/20130509/504449/%E0%B8%97%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B3-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87.html

เคยแนะนำหนังสือของนักคณิตศาสตร์อเมริกันเชื้อสายเลบานอนที่มีชื่อประหลาดอย่างนี้ไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน ชื่อ Fooled by Randomness ซึ่งเป็นการนำเสนอแนวคิดในลักษณะเสียดสีว่า เหตุใดมนุษย์จึงเลือกที่จะโกหกตัวเองด้วยการนำเอาตัวเลขเชิงสถิติมาใช้อย่างลำเอียงเข้าข้างตนเอง ในกระบวนการตัดสินโอกาสหรือทางเลือก แล้วบอกใครต่อใครว่ามันเป็นวิทยาศาสตร์ ผลลัพธ์คือ ทำให้ตกเป็นเบี้ยล่างของนักคณิตศาสตร์และนักการพนันใช้เอาเปรียบในเวลาที่มีการตัดสินใจโดยข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์มาแล้ว

 

ตอนนั้นนักคณิตศาสตร์ประยุกต์อย่าง Taleb ยังไม่ดังระเบิดเถิดเทิงเหมือนยามนี้

 

มาถึงวันนี้ หนังสือว่าด้วยทฤษฎีหงส์ดำเล่มนี้ไปไกลกว่าแค่เรื่องคณิตศาสตร์ แต่เข้าสู่ปรัชญากันเลย มิใช่แค่แนวคิดทางด้านปรัชญาเสรีนิยมเท่านั้น หากยังกลายเป็นหนังสือกลยุทธ์การลงทุนที่ผู้คนในวอลล์สตรีท ต้องถือเอาไว้บนหิ้งโชว์เสียแล้ว นั่นย่อมแสดงว่าไม่ใช่ธรรมดาอีกต่อไป

 

แนวคิดของของ Taleb เริ่มต้นด้วยประเด็นว่า "หากมีคนบอกคุณว่าหงส์สีดำ อย่าด่วนสรุปว่าเขาตาฝาดหรือเพี้ยน" ดูเหมือน จะพยายามสานต่ออิทธิพลความคิดของโทมัส คุห์น นักประวัติ ศาสตร์วิทยาศาสตร์เจ้าของทฤษฎีการเคลื่อนย้ายกระบวนทัศน์ หรือ paradigm shift อันลือลั่น โดยการค้นหาคำอธิบายเพื่อจะหาว่า สำหรับปรากฏการณ์พิเศษที่เหนือความคาดหมายรุนแรงและนานๆ ครั้ง ซึ่งมีลักษณะ "ปฏิวัติ" หรือที่มาร์กซ์เรียกว่า การก้าวกระโดดเชิงคุณภาพ ควรจะเป็นแบบใดที่จะเหมาะสม

 

โดยความพยายามเช่นนี้ Taleb มองว่า ปรากฏการณ์ที่ไม่ ปกติ เป็นมากกว่าแค่การผ่าเหล่าธรรมดา เสมือนกับการมีหงส์ดำ ไม่ใช่ผิดปกติ แต่เป็นส่วนหนึ่งของฝูงหงส์ขาวเท่านั้นเอง และมันไม่เกิดขึ้นมาเพราะอุบัติเหตุ หากอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม

 

ด้วยข้อสรุปอย่างนี้ Taleb กลับมีแนวคิดที่คล้ายคลึงกับ กาลามสูตรของพระพุทธองค์อย่างน่าประหลาดในเรื่องการแสวงหา องค์ความรู้เพื่ออนาคตว่าจะต้องไม่ยึดสูตรสำเร็จเดิมๆ ที่เคยได้ผล เพราะมันอาจไม่ได้ผลตามที่ต้องการ

 

Read more: http://www.positioningmag.com/magazine/printnews.aspx?id=62490#ixzz2TKZ9LWnt

Under Creative Commons License: Attribution Non-Commercial No Derivatives

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

โดยความพยายามเช่นนี้ Taleb มองว่า ปรากฏการณ์ที่ไม่ ปกติ เป็นมากกว่าแค่การผ่าเหล่าธรรมดา เสมือนกับการมีหงส์ดำ ไม่ใช่ผิดปกติ แต่เป็นส่วนหนึ่งของฝูงหงส์ขาวเท่านั้นเอง และมันไม่เกิดขึ้นมาเพราะอุบัติเหตุ หากอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม

 

ด้วยข้อสรุปอย่างนี้ Taleb กลับมีแนวคิดที่คล้ายคลึงกับ กาลามสูตรของพระพุทธองค์อย่างน่าประหลาดในเรื่องการแสวงหา องค์ความรู้เพื่ออนาคตว่าจะต้องไม่ยึดสูตรสำเร็จเดิมๆ ที่เคยได้ผล เพราะมันอาจไม่ได้ผลตามที่ต้องการ

 

Read more: http://www.positioni...0#ixzz2TKZ9LWnt

Under Creative Commons License: Attribution Non-Commercial No Derivatives

ชอบตอนนี้แหละ :)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ต้นทุนการผลิตทองคำ นอกจากคิดเรื่องตัวเงินแล้ว ต้องคิดเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพื้นที่แถบนั้นด้วยครับ

 

 

ม็อบพีมูฟ เคลื่อนขบวนชุมนุมหน้าสถานทูตออสเตรเลีย ค้านทำเหมืองแร่

 

 

วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 10:55:15 น.

 

 

 

 

 

วันที่ 15 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ จำนวนหนึ่ง ได้เคลื่อนไปยื่นหนังสือต่อเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ที่สถานทูตออสเตรเลีย เพื่อคัดค้านการทำเหมืองแร่ทองคำ และใช้พื้นที่สาธารณะประโยชน์เพื่อกิจการเหมืองแร่โดยไม่คำนึงถึงสิทธิมนุษย ชนและสภาพแวดล้อม ของบริษัททุนจากออสเตรเลีย ที่เข้าไปลงทุนทำเหมืองแร่ทองคำของ บริษัทอัคราไมนิ่ง จ.พิจิตร หลังผู้ประกอบการทำการระเบิดเหมืองแร่ ส่งผลให้บริเวณชุมชนเกิดน้ำเน่าเสีย โดยเฉพาะกากแร่ที่รั่วไหลออกจากบ่อ และกระจายสู่แหล่งชุมชน

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฟองสบู่พันธบัตรญี่ปุ่น ใกล้ระเบิดแล้ว

 

ขณะที่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ขี้นเอาๆ

 

20130514_JGB5.jpg

 

 

แต่ดอกเบี้ยพันธบัตร 5 ปี ขึ้น

 

20130514_JGB1_0.jpg

 

 

อย่าลืมนะครับว่า ญี่ปุ่นมีหนี้ต่อGDP 230% ดอกเบี้ยขึ้นแค่เล็กน้อย ก็ไม่มีปัญญาจ่ายแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อย่าลืมนะครับว่า ญี่ปุ่นมีหนี้ต่อGDP 230% ดอกเบี้ยขึ้นแค่เล็กน้อย ก็ไม่มีปัญญาจ่ายแล้ว

 

------ ที่คุณoasisพูดมาก็น่าจะถูกต้อง(ผมก็มองเหมือนคุณoasis)

 

----- ผมลองมองมุมอื่นว่าญี่ปุ่นจะลอดมั้ย ลองมองแบบคนจะชักดาบ ญี่ปุ่นเป็นหนี้ด้วยเงินเยนเกือบทั้งหมด คนที่จะพิมพ์เงินเยนได้ในโลกนี้คือธนาคารกลางของประเทศญี่ปุ่นประเทศเดียว ดอกเท่าไหร่ก็จ่ายไหว แต่สุดท้ายจะเป็นเหมือนซิมบับเวย์มั้ย

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

มาร์ติน ตอบคำถาม เรื่องทองคำในคลังของไครม์เม็กซ์ ..

  • ปุจฉา :: เรื่องทองคำในคลังของไครม์เม็กซ์ที่ลดลงนี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรือ?
  • วิสัฉนา :: มันไม่ใช่เรื่องเลยหล่ะ ...
    -- ทองคำในคลังมันก็ผันผวนอย่างนี้อยู่แล้ว โดยไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องราคาแม้แต่น้อย อุปทานจะสลับไปมาระหว่างลอนดอน และนิวยอร์ค
    -- สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากกว่า คือความพยายามของรัฐบาล ที่จะตัดช่องทางของคนทั่วไป ที่จะใช้ทองคำเป็นการป้องกันตัวเอง เช่น ตอนนี้แคนาดา ก็พยายามหาทางจัดการบิทคอยน์, ส่วนลุงแซม ก็กำหนดข้อบังคับที่โรงหลอมจะต้องรายงานปริมาณของเข้าออกทั้งหมด, ฝรั่งเศส ก็ห้ามซื้อทองคำด้วยเงินสด และลดปริมาณเงินสดที่สามารถถอนได้ในแต่ละวัน
    -- นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ธนาคารทองคำหลายๆที่ เริ่มปฏิเสธที่จะส่งมอบทองคำ และให้เป็นเงินกระดาษแทน
    -- ช่วงเวลาที่คุณสามารถซื้อเหรียญทองคำด้วยเงินสดได้ กำลังจะหมดไปแล้ว

http://armstrongecon...ld-inventories/

 

MA เป็นห่วงในแง่ไหนครับ

กลัวหาซื้อของจริงไม่ได้ หรือ กลัวว่าราคาจะถูกรัฐควบคุม(กด)ไว้ได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวนี้ทำให้อเมริกาดูดีขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มยูโร เดาว่าข่าวนี้จะทุบทองลงต่ำกว่า1400ในสัปดาห์นี้

 

 

ยูโรโซนไม่สิ้นกลิ่น"หนี้"สโลเวเนีย-เบลเยียม ส่อแววเหยื่อรายใหม่

  • 15 พฤษภาคม 2556 เวลา 08:49 น. |

1A1960C5D7FE4F33B5049599EB56F132.jpg

 

 

โดย...พันสิทธิ เจริญพาณิชย์พันธ์

แม้ว่าความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยูโรโซนในปัจจุบันดูเหมือนว่าจะ ผ่อนคลายลง หลังจากที่ทางคณะรัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้ให้การอนุมัติเงินช่วยเหลือแก่ ไซปรัสก้อนแรกไปแล้วจำนวน 2,000 ล้านยูโร จากทั้งหมด 1 หมื่นล้านยูโร เพื่อนำไปแก้ไขวิกฤตภาคธนาคารของประเทศ ขณะที่กรีซนั้นก็คาดว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 7,500 ล้านยูโร ในเร็วๆ นี้เช่นกัน ส่วนการเมืองในอิตาลีก็มีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้สำเร็จ หลังจากที่ชะงักงันมาแรมเดือน ทว่าภาวะดังกล่าวนั้นไม่อาจเป็นตัวชี้วัดถึงภาวะวิกฤตและความยากลำบากที่รอ คอยอยู่เบื้องหน้าได้เลย

เพราะในอีกไม่ช้านี้ เหล่านักวิเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์กันแล้วว่าน่าจะมีประเทศที่ต้องต่อคิวรอรับความ ช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เป็นรายที่ 6 และ 7 ต่อจาก กรีซ โปรตุเกส ไอร์แลนด์ สเปน ไซปรัส อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในรายของ สโลเวเนีย และ เบลเยียม

สำหรับความเสี่ยงที่ สโลเวเนีย ที่อาจต้องกลายเป็นเหยื่อที่ต้องแบมือขอเงินช่วยจากภายนอกนั้นมีสูงมาก เนื่องจากปัจจุบันอดีตประเทศที่เคยปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ กำลังเผชิญกับปัญหา 2 อย่างพร้อมๆ กัน นั่นคือ ภาระหนี้เน่าในภาคธนาคารในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นอย่างหนัก ซึ่งจากการประเมินคาดว่ามีหนี้เสียสูงถึง 7,500 ล้านยูโร ขณะเดียวกันภาวะการถดถอยทางเศรษฐกิจที่ดำเนินมาติดต่อกัน2 ปี ก็ยิ่งกลายเป็นตัวเร่งทำให้สินทรัพย์ของธนาคารยิ่งตกอยู่ในสภาวะเลวร้ายหนัก ลงไปอีก

ไม่เพียงเท่านั้น ภาวะความอ่อนแอทางเศรษฐกิจที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2009 และคาดว่าจะดำเนินต่อไปในอนาคต ก็คาดว่าจะส่งผลไปถึงสถานะทางการคลังของรัฐบาลสโลเวเนียยิ่งอ่อนแอหนักมาก ขึ้นอีกด้วย โดยในปีนี้คาดว่าการขาดดุลงบประมาณจะพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 7.8% สูงกว่าระดับเพดานที่อียูกำหนดไว้ที่ 3% ขณะที่ในปีนี้ทางอียูคาดการณ์ว่าจีดีพีของสโลเวเนียจะหดตัวลง 2% และ 0.1% ในปี 2014

ดังนั้นจึงเกิดการคาดการณ์กันว่า หากในที่สุดรัฐบาลยอมตัดสินใจนำเงินเข้าไปช่วยเหลือภาคธนาคารของประเทศ ก็เลี่ยงไม่พ้นที่จะทำให้สภาวะการคลังของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเพียงแค่ 3.5 หมื่นล้านยูโร จะต้องตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่อย่างแน่นอน เนื่องจากเงินดังกล่าวถือเป็นจำนวน 20% ของจีดีพีประเทศเลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน หากจะไม่ช่วย หรือเพิกเฉย ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะหลายธนาคารที่ประสบปัญหาหนี้เน่าหลายแบงก์ล้วนเป็นธนาคารรัฐวิสาหกิจ ที่รัฐถือหุ้นใหญ่อยู่ เช่น โนวาลูบจินสกาบันกา โนวาเครดินาบันกา และอบันกาวิพา ขณะเดียวกันธนาคารเหล่านี้ก็เป็นแหล่งระดมเงินรายใหญ่ที่เข้าซื้อตลาด พันธบัตรของรัฐบาล เนื่องจากนักลงทุนหลายประเทศไม่กล้าเข้ามาลงทุนในพันธบัตรสโลเวเนีย

ดังนั้น จากที่กล่าวมาทั้งหมดจึงน่าจะเป็นปัจจัยที่บีบคั้นรัฐบาลสโลเวเนียต้องก้ม หน้ารับชะตากรรมขอเงินช่วยเหลือจากอียูและไอเอ็มเอฟในที่สุด

ภาวะความย่ำแย่ในข้างต้นได้รับการตอกย้ำจากบริษัทจัดอันดับระดับโลกอย่าง มูดี้ส์อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ที่ออกมาตัดลดเครดิตของสโลเวเนียมาอยู่ที่ระดับ “ขยะ” หรือ“จังก์” (ไม่น่าลงทุน) เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา และทำให้กลายเป็นประเทศรายที่ 5 ในยูโรโซนที่ถูกลดอันดับอยู่ในระดับจังก์ พร้อมกันนี้มูดี้ส์ให้เหตุผลการตัดสินใจว่าเป็นปัญหามาจากภาคธนาคารของ ประเทศดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาล สโลเวเนีย จะเร่งผลักดันแผนและมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจต่างๆ ออกมา เช่น การขึ้นภาษี การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ขณะที่ผลตอบแทนในการระดมเงินจากตลาดพันธบัตรระยะยาวก็ยังอยู่ในระดับที่มี เสถียรภาพอยู่ที่ 5.67% แต่ โอลี เรนห์ ข้าหลวงใหญ่ด้านเศรษฐกิจ และกิจการการเงินของสหภาพยุโรป (อีซี) ก็ออกมาเตือนว่า มาตรการต่างๆ ดังกล่าวที่ผลักดันออกมาอาจไม่เพียงพอต่อการฉุดรั้งไม่ให้อดีตประเทศ คอมมิวนิสต์กลายเป็นเหยื่อรายที่ 6 ที่ต้องขอรับเงินช่วยเหลือจากต่างชาติได้

นอกเหนือจาก สโลเวเนีย ที่ต้องจับตามองว่าอาจจะต้องกลายเป็นประเทศที่ต้องยอมเอ่ยปากขอรับเงินช่วย เหลือแล้ว เบลเยียม ก็ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เสี่ยงจะต้องรับเงินช่วยเหลือจากอียูและไอเอ็มเอ ฟเฉกเช่นเดียวกัน เพราะปัจจุบันระดับหนี้สาธารณะของประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของอียู สูงมากจนเกือบแตะ 100% ของจีดีพีแล้ว

อีกทั้งที่ผ่านมาจากปัญหาความชะงักงันทางการเมืองที่ทำให้เบลเยียมไม่มี รัฐบาลเกือบ 2 ปีในช่วงระหว่างปี 2010-2011 นั้น ก็ยิ่งทำให้การผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขวิกฤตหนี้ไม่สามารถเดินหน้าไปไหนได้ ขณะที่ในปีนี้ เรนห์ ได้เตือนออกมาก่อนแล้วว่า ระดับการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลเบลเยียมนั้นจะขยายตัวมากกว่าที่รัฐบาล เบลเยียมตั้งเป้าไว้ที่ไม่เกิน 2.15% ขณะที่เพดานของกลุ่มยูโรโซนคือไม่เกิน 3%

ดังนั้น เบลเยียม จึงกลายเป็นประเทศที่มีระบบการคลังที่ย่ำแย่ที่สุดในกลุ่มยูโรโซนตอนเหนือในขณะนี้

ภาวะความย่ำแย่ดังกล่าวในข้างต้น ส่งผลทำให้รัฐบาลเบลเยียมไม่มีทางเลือกนอกจากที่จะต้องตกลงผลักดันนโยบายการ ออมให้ได้ 1,400 ล้านยูโร พร้อมกับเตรียมประกาศขายทอดตลาดสินทรัพย์ของรัฐอีกให้ได้ 1,000 ล้านยูโร เพื่อรักษาระดับหนี้สาธารณะของประเทศไม่ให้พุ่งเกิน 100% ของจีดีพี หลังจากที่ระดับหนี้ของเบลเยียมสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความเสี่ยงขึ้นว่า เบลเยียมอาจจะกลายเป็นประเทศต่อไปในกลุ่มยูโรโซนที่จะเจอกับวิกฤตหนี้ และต้องรับความช่วยเหลือจากยุโรป

อย่างไรก็ตาม เหล่านักวิเคราะห์ทั่วโลกเชื่อว่า ถึงแม้รัฐบาลเบลเยียมจะผลักดันนโยบายการออมดังกล่าวออกมาจริง แต่ก็ยังจะทำให้การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลขยายตัวไปอยู่ที่ 2.46% ของจีดีพีอยู่ดี

ฉะนั้น เบลเยียม จึงถือว่าอยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยงที่น่าจะต้องขอรับเงินช่วยเหลือจากอียูและไอเอ็มเอฟเหมือนกัน

ภาวะความเลวร้ายที่รอยูโรโซนอยู่เบื้องหน้าไม่ใช่มีเพียงแค่ความเสี่ยง ว่าจะมีประเทศใหม่ๆ ที่เสี่ยงจะต้องรอรับเงินช่วยเหลือ แต่ยังรวมไปถึงความเชื่อมั่นของประชาชนในภูมิภาคที่มีต่อความเป็นสหภาพยุโรป (อียู) ร่วมกันอีกด้วย

เพราะล่าสุดผลสำรวจของสถาบันวิจัยพิวเซ็นเตอร์ในสหรัฐ ออกมาเผยว่ามุมมองและภาพลักษณ์ที่ดีของอียูในสายตาของประชาชนในภูมิภาคยุโรป กว่า 7,646 คน มีระดับคะแนนต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดทำผลสำรวจมา โดยเฉพาะในฝรั่งเศสมีคะแนนตกลงมามากสุดถึง 19 จุด จาก 60 จุดในปีที่แล้ว ลงมาอยู่ที่ 41 จุดในปีนี้ ขณะที่ สเปน ลดลงมา 14 จุด จาก 60 จุดในปีที่แล้ว ลงมาอยู่ที่ 46 จุดในปีนี้

ทั้งนี้ สถาบันพิวเซ็นเตอร์ เผยว่า สาเหตุที่ทำให้มุมมองความเชื่อมั่นต่ออียูลดลงก็เกิดจากผลกระทบจากปัญหา วิกฤตเศรษฐกิจโดยตรง ขณะเดียวกัน มาตรการรัดเข็มขัดของหลายรัฐบาลในยูโรโซนก็ยิ่งเป็นตัวทำให้มุมมองที่มีต่อ อียูว่าจะเป็นตัวช่วยเหลือประชาชนในภูมิภาคจึงลดต่ำลงอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันคนว่างงานในยูโรโซนยังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ 12.1% หรือ 19 ล้านคน ที่ยังเดินเตะฝุ่นอยู่ ขณะที่การขยายตัวของภาคการผลิตและบริการก็็ยังจมอยู่ในสภาวะย่ำแย่อยู่ต่อไป

จึงถือได้ว่าหนทางเดินของยูโรโซนเป็นสิ่งที่ยากลำบากยิ่งนัก และนับเป็นความท้าทายที่ยูโรโซนจะต้องแก้ลุล่วงผ่านไปให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไข

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ต้องรอต่อไปแล้วครับ

ทุบมาหลุด 1400 แล้วตอนนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ด่านต่อไป1384 จะรับไหวมั้ย

ช่วงทองคำดีด ผมสวิทซ์ออกจากกองRMFทองคำไปกองหุ้นRMF(ตอนนี้ได้กำไรกองหุ้นมาสองหมื่นแล้ว) สวิทซ์ที่1420-1430ประมาณ5% สวิทซ์ที่ประมาณ1470อีก95% มีผลต่างเยอะพอควร

 

ช่วง138xและต่ำกว่า จะทยอยเก็บกลับนิดหน่อยและหาจังหวะขายออกตอนเด้ง

 

---ส่วนตัวเดาว่าลงครั้งนี้ยังไม่ต่ำกว่าlow เดิม แต่ถ้าต่ำกว่าlowเดิม ผมก็จะยังมีเงินเหลือ เพราะเข้าซื้อบางส่วนเท่านั้น

 

---ดูค่าเงินบาทประกอบการตัดสินใจอีกที ช่วงนี้บาทอ่อน ราคาทองจะสูงไปหน่อย

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...