ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ปกติเวลาจะสั่งทองเข้ามาเมื่องไทยก็มีค่าพรีเมี่ยมครับ ส่วนมากจะอยู่ที่ 1-3 เหรียญ จากราคา spot ส่วนเรีื่องการตั้งราคาเค้าคำนวณบวกลบเข้าไปในราคาซื้อ-ขายแล้วครับ

 

แล้วก็ส่วนมากเมืองไทยจะสั่งของจากฮ่องกง หรือ scotia ออสเตรเลีย แคนาดา บางที่พวกนี้ก็ใช้วาง margin เอา และถ้าลูกค้าไม่เอาของก็มักจะไม่ต้องส่งมอบจริงเหมือนกันครับ

 

เรื่องของไม่ขาดตลาดคงเพราะเมืองไทยที่วอลลุ่มซื้อขายนำเข้าเยอะเป็น 99.99% ที่เล่นเก็งกำไรมากกว่า ถ้าของจะขาดน่าจะเป็นพวกแท่งเล็ก 96.5 สร้อย ซึ่งพวกนี้อาจจะได้ของช้าแต่ไม่ถึงกับขาดครับ

 

เท่าที่เห็นคนที่ซื้อเก็งกำไร จะซื้อขายใบฝากทองกับทางร้าน บางส่วนก็ซื้อขาย ผ่านระบบทองแท่งออนไลน์(ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น)

ระบบพวกนี้ผมคิดว่าเป็นทองกระดาษทั้งหมด ทางร้านอาจมีของในสต็อก รอคนที่มาถอนออก(ผมก็หนึ่งในนั้น)

สต็อกอาจมี 20-50%?? ถ้ายังมีคนมาถอนของจริงออกไม่มาก ยังไงร้านทองในไทยก็ไม่มีปัญหาของขาด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

The Central Bank of the Russian Federation updated their website with their April data. It showed that they added another 200,000 troy ounces of gold to their reserves...bringing their total up to 31.8 million troy ounces.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายละเอียดเกี่ยวกับ การปิดตลาดทองของ HKMEx

http://www.scmp.com/...loses-its-doors

 

- ตลาดนี้มีโวลุมน้อย จนทำเงินไม่ได้จึงต้องปิด

- มีสัญญาคงค้างแค่ประมาณ 200 สัญญา ไม่ต้องห่วงเรื่องไม่ได้เงินคืน

- บริษัทต่างชาตินิยมไปเปิดตัวแทน ในแผ่นดินใหญ่ (เอาของไปขายตลาดเชียงไห่ ??)

 

 

แบบนี้เมืองไทย ยังไปเอาของจากฮองกงได้อีกหรือ ? ถ้าจะไปเอาของจากเชียงไห่ คงสู้กำลังคนในจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ได้

ผมมองว่า ตลาดที่ขายของจริง จะหาได้ลำบากขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายต้องไปบีบคอ Comex กับ LBMA เอาของให้ได้

 

ปล. ตลาดนี้ 1 สัญญาเท่ากับทอง 1 กิโล นั้นคือมีความต้องการ 200 กิโลที่ยังไม่ได้ของ

ถูกแก้ไข โดย oasis

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปกติเวลาจะสั่งทองเข้ามาเมื่องไทยก็มีค่าพรีเมี่ยมครับ ส่วนมากจะอยู่ที่ 1-3 เหรียญ จากราคา spot ส่วนเรีื่องการตั้งราคาเค้าคำนวณบวกลบเข้าไปในราคาซื้อ-ขายแล้วครับ

เรื่องพรีเมี่ยม อันนี้น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องนะครับ เห็นด้วย ภาษาบ้านเราเรียกว่า กั๊ก งัยครับ กั๊กขึ้น กั๊กลง :17

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฮือฮา! นักธรณีวิทยาจีนขุดพบ “แหล่งทองคำยักษ์” ใต้ดิน มูลค่า 9.5 แสนล้าน ใน “ซินเจียง” blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 พฤษภาคม 2556 11:58 น.

 

 

blank.gif 556000006386801.JPEG blank.gif เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ทีมนักธรณีวิทยาในสาธารณรัฐประชาชนจีนเผยในวันอังคาร (21) ว่า พวกเขาค้นพบแหล่งทองคำสำรองใต้พื้นดินขนาดใหญ่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุย กูร์ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เบื้องต้นคาดว่า ทองคำปริมาณมหาศาลที่ถูกขุดพบจะมีมูลค่ามหาศาลไม่ต่ำกว่า 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 953,100 ล้านบาท)

 

รายงานซึ่งมีการเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงสำนักข่าวซินหัว ระบุว่า ทีมนักธรณีวิทยาจีน ค้นพบแหล่งแร่ทองคำใต้ดินดังกล่าว ขณะทำการสำรวจพื้นที่ในเขตซินหยวนแถบหุบเขาอี้หลี่ ที่เคยมีการขุดพบแหล่งแร่ทองคำมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 1988 โดยพื้นที่ที่มีการขุดพบแหล่งทองคำสำรองใต้พื้นดินครั้งนี้มีระยะทางยาวกว่า 3.2 กิโลเมตรและอยู่ที่ระดับความลึกตั้งแต่ 200 -1,000 ฟุตใต้พื้นดิน

 

เจิ่ง เสี่ยวกัง ผู้อำนวยการสำนักงานธรณีวิทยาและทรัพยากรแร่ประจำเขตปกครองตนเองซินเจียงอุย กูร์ออกมาประเมินว่า ปริมาณทองคำสำรองใต้พื้นดินที่เพิ่งค้นพบนี้อาจมีน้ำหนักรวมกันไม่ต่ำกว่า 53 ตัน

 

นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของจีนยังประเมินว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวยังมีการพบแหล่งแร่ทองแดงปะปนอยู่ด้วย ซึ่งทองแดงทั้งหมดจากแหล่งนี้น่าจะมีน้ำหนักรวมกันราว 31,000 ตัน

 

ทั้งนี้ ทีมนักธรณีวิทยาของจีนและผู้เชี่ยวชาญด้านเหมืองแร่กลุ่มนี้ได้ใช้เวลา นานกว่า 5 ปี และงบประมาณ24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว 715 ล้านบาท)ในการขุดค้นหาแหล่งแร่ทองคำในเขตปกครองซินเจียงอุยกูร์ โดยคาดว่า การขุดค้นอย่างจริงจังเพื่อนำทองคำจำนวนมหาศาลจากแหล่งนี้มาใช้ประโยชน์น่า จะเริ่มต้นได้ภายในสิ้นปี ค.ศ. 2015

556000006386802.JPEG blank.gif

556000006386803.JPEG blank.gif

556000006386804.JPEG blank.gif

556000006386805.JPEG blank.gif

556000006386806.JPEG

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปกติเวลาจะสั่งทองเข้ามาเมื่องไทยก็มีค่าพรีเมี่ยมครับ ส่วนมากจะอยู่ที่ 1-3 เหรียญ จากราคา spot ส่วนเรีื่องการตั้งราคาเค้าคำนวณบวกลบเข้าไปในราคาซื้อ-ขายแล้วครับ

 

......

[/size]

เรื่องพรีเมี่ยม อันนี้น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องนะครับ เห็นด้วย ภาษาบ้านเราเรียกว่า กั๊ก งัยครับ กั๊กขึ้น กั๊กลง :17

 

ขอบคุณครับ

 

ขอขยายความที่ผมพิมพ์ไว้นิดนึงครับ

 

คือว่า ที่ฟังๆข่าวนอกกระแสเมืองนอกเขาคุยกัน เขาบอกว่า ซื้อแบบขายส่ง(ของจริง)ทีเป็นตันๆนี่ ค่าพรีเมี่ยมสูงมาก

เช่น อยู่ในหลัก ร้อยละ ๑๐ ขึ้นไป ฯลฯ

 

แต่พอมาดูราคาประกาศเมืองไทย มันก็เกาะๆกับราคาสปอต อยู่ในช่วงประมาณไม่เกินร้อยละ ๕

 

ก็เลยทำให้สงสัยว่าข่าวมั่ว หรือว่ามันมีตลาดทองคำหลายตลาดนะครับ :)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดั้ดลี่ย์พูดเมื่อคืน สรุปความสั้นๆให้เข้าใจง่ายๆดังนี้

the Fed will never do anything that could send stocks lower - like end QE - ever again,

but for those confused here is a simpler translation

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฟดส่อลุย คิวอี3 ต่อ เสี่ยงกระทบบอนด์เชื่อมั่นพัง

  • 22 พฤษภาคม 2556 เวลา 09:53 น. |

C49432935AC44B96808B356D5E473B69.jpg

 

 

โดย...นงลักษณ์ อัจนปัญญา

ตกอยู่ในอาการระส่ำระสายหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กัน เมื่อ ชาร์ลส อีแวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ออกมาส่งสัญญาณเป็นนัยว่า เฟด อาจจะยุติการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) รอบล่าสุดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยมีแววว่าอาจจะหยุดใช้คิวอีทันทีภายในฤดูใบไม้ร่วง หรือช่วงประมาณเดือน ต.ค.นี้

เห็นได้จากปฏิกิริยาตอบสนองในตลาดพันธบัตรสหรัฐเพียงไม่กี่ชั่วโมงภาย หลังจากที่อีแวนซ์แสดงความเห็นออกมา โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับเกือบสูงที่สุดในรอบ 2 เดือน หรืออยู่ที่ 1.972%

และกลายเป็นคำถามสำคัญที่นักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจทั่วโลกต่างหันมาจับตามองสถานการณ์และทีท่าของ เฟดอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถคาดเดาคาดการณ์แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดที่พอ จะเป็นไปได้และใกล้เคียงมากที่สุด

ระหว่างการที่เฟดจะคงการใช้นโยบายคิวอีต่อไปกับการเลือกยุติการใช้นโยบายดังกล่าวตามที่ผู้ว่าการเฟดสาขาชิคาโกส่งสัญญาณมา

ต้องยอมรับว่า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปัจจุบันที่ฟื้นตัวได้ดีเกิน คาด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการว่างงานที่ลดลงเหลือระดับ 7.5% หรือต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี หรือการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่าอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 2.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่เพียง 0.4% และการลงทุนในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 12.6% และปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น 3.2%

เรียกได้ว่า สถานการณ์ค่อนข้างเป็นใจให้เฟดสามารถยุติมาตรการคิวอี 3 ที่รวมถึงการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลและตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุน หลัง (เอ็มบีเอส) รวมเดือนละ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตามที่ได้เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะใช้มาตรการดังกล่าวจนกว่าตัวเลขการว่างงานจะลด ลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5%

สำหรับสาเหตุที่ต้องลดหรือเลิกคิวอีเป็นเพราะคณะกรรมการเฟดหลายราย รวมถึงริชาร์ด ฟิชเชอร์ ผู้ว่าการเฟดประจำดัลลัสเห็นว่า ขณะที่มาตรการคิวอี3 ช่วยให้ตลาดหุ้นคึกคัก และเสริมให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผู้บริโภค และบริษัทเกิดสภาพคล่อง แต่ผลลัพธ์ที่มีต่อการจ้างงานและการฟื้นของเศรษฐกิจในวงกว้างยังไม่ชัดเจน เท่ากับผลเสียของการใช้มาตรการคิวอีที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐแบกรับภาระหนี้มาก ขึ้น และเสี่ยงกับภาวะเงินเฟ้อซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของ เศรษฐกิจแดนลุงแซมในอนาคต

อย่างไรก็ตาม แม้กระแสความเห็นที่ออกมาจากบรรดาคณะกรรมการเฟดจะชี้ให้เห็นว่าสนับสนุนการ เลิกใช้สารพัดนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณต่างๆ เพื่อไม่ให้เฟดต้องรับภาระหนักหนาสาหัสเกินไป แต่นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งยังคงเห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐยังไม่น่าจะเลือกแนวทางดังกล่าวในขณะนี้ หรือภายในปีนี้อย่างแน่นอน และตัวเลขการจ้างงานก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะเป็นตัวตัดสินให้เฟดยก เลิกคิวอี 3 ในเมื่อสหรัฐยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องคำนึงอย่างเรื่องการขาดดุลงบประมาณ และผลตอบแทนในตลาดพันธบัตร

ทั้งนี้ แม้รายงานจากสำนักงบประมาณสภาคองเกรส (ซีบีโอ) แสดงให้เห็นว่าการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐลดลงมาอยู่ที่ 6.42 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือเป็นเพียงแค่ 4% ของจีดีพี แต่การลดลงดังกล่าวเป็นผลจากมาตรการซีเควสเตรชั่นมูลค่า 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.46 ล้านล้านบาท) ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่รวมถึงการตัดลดรายจ่ายของภาครัฐและการขึ้นภาษี มากกว่าจะเป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

บรรดานักวิเคราะห์จากดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ รวมถึง เดวิด คาร์บอน ในสิงคโปร์ อธิบายว่า มาตรการดังกล่าวมีแนวโน้มจะกลายเป็นสาเหตุที่ฉุดรั้งการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจของสหรัฐในอนาคต เนื่องจากภาครัฐลดการใช้จ่าย โดยงบประมาณของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา ในไตรมาสแรกตัดลดลงไปแล้ว 8.4% ซึ่งกระทรวงกลาโหมสหรัฐโดนตัดงบประมาณมากที่สุด โดยรัฐบาลสหรัฐหั่นไปแล้ว 11.5%

ด้าน มูดี้ อินเวสเตอร์ แจกแจงว่าสหรัฐไม่อาจอาศัยมาตรการรัดเข็มขัดแต่เพียงอย่างเดียวเพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจได้ และการที่สหรัฐจะเติบโตได้ สหรัฐจะต้องหันมาปรับขยายเพดานหนี้เพื่อกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายที่จะทำให้ เศรษฐกิจขยับขับเคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง

ไม่เช่นนั้น สหรัฐอเมริกาอาจต้องเผชิญกับการโดนหั่นลดอันดับสถานะความน่าเชื่อถือทาง เศรษฐกิจของตนเอง เมื่อไม่อาจแสดงให้เห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างยั่งยืนได้

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าเมื่อตลาดพันธบัตรเกี่ยวข้องกับความ สามารถในการระดมทุนของธุรกิจองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ดังนั้น ปัจจัยใดก็ตามที่จะกระเทือนความเชื่อมั่นจนทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูง ขึ้นกลายเป็นภาระในการกู้ยืม ย่อมกระทบต่อการบริหารจัดการขององค์กร จนส่งผลต่อการจ้างงานในที่สุด

ร็อบเบิร์ต แวน บาเต็นเบิร์ก ผู้อำนวยการกลยุทธ์การตลาดจากบริษัท นิวเอ็ดจ์ แอลแอลซีในนิวยอร์ก กล่าวว่า เพียงแค่มีกระแสข่าวระบุว่าเฟดจะเลิกซื้อพันธบัตรก็เกิดปฏิกิริยาทางลบตอบ สนองจากตลาดแทบจะในทันที เห็นได้จากผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือนแทบจะทันที

ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นต่อตลาดพันธบัตรสหรัฐที่ลดลงยังทำให้นักลงทุนเลือกที่จะกระจาย ความเสี่ยงในการลงทุนของตนเอง ซึ่งหมายถึงการลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลง โดยข้อมูลจากไฟแนนเชียลไทมส์ระบุว่า นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดพันธบัตรสหรัฐเริ่มลดการถือครองพันธบัตรแล้ว ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ จีน

จีน ซึ่งอยู่ในสถานะเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐได้ลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐ แล้วจากเดิมที่เคยอยู่ในระดับสูงสุดถึง 1.31 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2554 แต่เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จีนลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐลงมาอยู่ที่ 1.25 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมเริ่มหาแหล่งลงทุนใหม่ๆ เพื่อกระจายความหลากหลายของสินทรัพย์ของตนเองมากขึ้น

ความเคลื่อนไหวข้างต้นยังสอดคล้องกับรายงานดัชนีพันธบัตรของแบงก์ออ ฟอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ที่ระบุว่านักลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในเดือนนี้ ต้องเผชิญหน้ากับการขาดทุนไปแล้ว 1.1%

ดังนั้น นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งจึงเริ่มคาดการณ์ว่า การยุติคิวอี 3 ของเฟดย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนวุ่นวายในสหรัฐ รวมถึงในตลาดทั่วโลกได้แน่นอน

ทั้งนี้ ตราบใดที่สถานการณ์เศรษฐกิจภายในสหรัฐยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ยั่งยืน ตราบนั้นเฟดย่อมไม่อาจเลือกเสี่ยงกับแนวทางใดๆ ก็ตามที่จะสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักธุรกิจจนกระเทือนต่อการ ฟื้นฟูโดยรวมได้ ซึ่งหนึ่งในทางเลือกที่ว่า ย่อมรวมถึงการคงการใช้มาตรการคิวอี 3 ต่อไปด้วยเช่นกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณส้มโอมือ คุณwcg คุณหมอเล็ก คุณไมโล คุณโอเอซิส และทุกท่านมากๆค่ะ :01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"No Tapering" - Bernanke's 'State Of The Economy'

ขอบคุณครับลุงเหน่ง

http://www.zerohedge.com/news/2013-05-22/will-he-or-wont-he-bernankes-state-economy-testimony-live-webcast

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Federal Reserve Chairman Ben S. Bernanke said the U.S. economy remains hampered by high unemployment and government spending cuts, and tightening policy too soon would endanger the recovery.

ชัดเจนครับพิมพ์ต่อ

“A premature tightening of monetary policy could lead interest rates to rise temporarily but would also carry a substantial risk of slowing or ending the economic recovery and causing inflation to fall further,” Bernanke said today in testimony prepared for a hearing at the Joint Economic Committee of Congress in Washington. Monetary policy is providing “significant benefits,” he said.

ผมมองว่าเบนก็ห่วงเรื่องเงินฝืดด้วย โดยพยายามไม่เป้าเงินเฟ้อตกลงไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฮ้อ มันไม่ยอมให้ขึ้นเลย

 

อย่าบอกว่าคืนนี้ปิดลบนะเฟ้ย

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปเบอนันเก้ แบบง่าย

 

เอกสารแจก : ไม่มีนัยยะอะไรแสดงให้เห็นว่าจะลดปริมาณหรือยกเลิก QE แถมแสดงความเห็นว่าการเลิก QE ก่อนกำหนดหรือเมื่อศก.ยังไม่ฟื้นตัวดี จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี และจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปเท่าที่จำเป็น

 

ถามตอบ : เฟดพร้อมที่จะลดปริมาณ QE ลงในการประชุมครั้งต่อๆไป หากข้อมูลและตัวเลขศก.สหรัฐสนับสนุนให้ลดปริมาณได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ

 

ขอขยายความที่ผมพิมพ์ไว้นิดนึงครับ

 

คือว่า ที่ฟังๆข่าวนอกกระแสเมืองนอกเขาคุยกัน เขาบอกว่า ซื้อแบบขายส่ง(ของจริง)ทีเป็นตันๆนี่ ค่าพรีเมี่ยมสูงมาก

เช่น อยู่ในหลัก ร้อยละ ๑๐ ขึ้นไป ฯลฯ

 

แต่พอมาดูราคาประกาศเมืองไทย มันก็เกาะๆกับราคาสปอต อยู่ในช่วงประมาณไม่เกินร้อยละ ๕

 

ก็เลยทำให้สงสัยว่าข่าวมั่ว หรือว่ามันมีตลาดทองคำหลายตลาดนะครับ :)

 

 

น่าจะเป็นหลายตลาดครับ อาจขึ้นอยู่กับพื้นที่และข้อจำกัดของตลาดที่สั่งซื้อด้วย อย่างล่าสุดนี่ตลาดฮ่องกงและสิงคโปร์ถ้าสั่ง/ซื้อขายทองจากสองประเทศนี้ พรีเมียมจะอยู่ที่ประมาณ 5 เหรียญ ในจีนแผ่นดินใหญ่พรีเมียมอยู่ที่ 22 เหรียญ ส่วนอินเดียหนักสุดพรีเมียมอยู่ที่ 40 เหรียญ.

 

แต่จริงๆจะเป็นยังไงผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน

 

.......ส่วนเรื่องราคาซื้อขายเวลาตั้งราคา(ในประเทศไทย)ที่ใกล้กับราคา spot แบบไม่มีพรีเมียม อาจเกิดจากหลายสาเหตุครับ เช่น "มุมมอง"ของผู้ตั้งราคาบางทีมองว่าราคาอาจลงก็ไม่ได้ใส่่พรีเมียมบวกเข้าไป หรือต้นทุนการนำเข้าถ้านำเข้าเยอะและเอามาผลิตเป็น 96.5 บางทีอาจคุ้มพรีเมียมที่เสียไปแล้วก็ได้ครับ

ถูกแก้ไข โดย หมีน้ำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...