ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ตลาดบิทคอยจะแพร่หลายหรือลงถึงคนทุกชนชั้นอย่างทองหรือเงินกระดาษได้หรือครับ

ถ้าได้เพียงระดับหนึ่ง อาจไม่คุ้มที่จะคุมหรือเปล่าครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดบิทคอยจะแพร่หลายหรือลงถึงคนทุกชนชั้นอย่างทองหรือเงินกระดาษได้หรือครับ

ถ้าได้เพียงระดับหนึ่ง อาจไม่คุ้มที่จะคุมหรือเปล่าครับ

 

อย่างน้อยก็คงไม่แพร่เข้าไปถึงคุณลุงคุณป้า อาซิ้ม อาม้า แน่นอนครับ คงเป็นเรื่องยากที่คนช่วงอายุนั้นจะเข้าใจระบบแบบนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าได้เกิดจริง...สงสัยน้องทองจะลำบากอีกหรือเปล่าเนี่ย? น่าสงสารน้องทองจริงๆ..โดนทุบอย่างเดียวเลย เฮ้อ..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อย่างน้อยก็คงไม่แพร่เข้าไปถึงคุณลุงคุณป้า อาซิ้ม อาม้า แน่นอนครับ คงเป็นเรื่องยากที่คนช่วงอายุนั้นจะเข้าใจระบบแบบนี้

รวมผมด้วยครับ :P :P

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมว่าถ้าแบบง่ายๆ ทุกคนที่เล่นหรือติดตามทอง(ประจำ) น่าจะเข้าใจ Bit coin ได้ง่ายๆเลยครับ

 

เพราะ bit coin = ทองคำ บนโลกอินเตอร์เน็ต

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมว่าถ้าแบบง่ายๆ ทุกคนที่เล่นหรือติดตามทอง(ประจำ) น่าจะเข้าใจ Bit coin ได้ง่ายๆเลยครับ

 

เพราะ bit coin = ทองคำ บนโลกอินเตอร์เน็ต

หยั่งงี้มันไม่ยิ่งกว่าทองกระดาษอีกหรือครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อย่างน้อยก็คงไม่แพร่เข้าไปถึงคุณลุงคุณป้า อาซิ้ม อาม้า แน่นอนครับ คงเป็นเรื่องยากที่คนช่วงอายุนั้นจะเข้าใจระบบแบบนี้

 

ตอนนี้มี ATM บิทคอยแล้ว ผมคิดว่าต่อไปก็อาจมีบัตรเครดิทบิทคอย ใช้งานเหมือนบัตรเครดิททุกอย่าง พวกร้านเล็กๆ ก็สามารถทำตัวเป็นธนาคาร สมัครสมาชิกให้ ลุงป้าน้าอา แค่จำพาสเวิร์ดไว้ พวก private key, public key ก็เก็บไว้ในบัตร จะทำธุรกรรมอะไร ก็ง่าย

 

ผมคิดว่ามันจะเป็นจริงก็ต่อเมื่อ ราคาบิทคอยสเถียร์ ระดับหนึ่ง และสามารถรอดพ้นจากการปิดกั้น หรือทุบจากรัฐบาลได้

ถูกแก้ไข โดย oasis

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอนนี้มี ATM บิทคอยแล้ว ผมคิดว่าต่อไปก็อาจมีบัตรเครดิทบิทคอย ใช้งานเหมือนบัตรเครดิททุกอย่าง พวกร้านเล็กๆ ก็สามารถทำตัวเป็นธนาคาร สมัครสมาชิกให้ ลุงป้าน้าอา แค่จำพาสเวิร์ดไว้ พวก private key, public key ก็เก็บไว้ในบัตร จะทำธุรกรรมอะไร ก็ง่าย

 

ผมคิดว่ามันจะเป็นจริงก็ต่อเมื่อ ราคาบิทคอยสเถียร์ ระดับหนึ่ง และสามารถรอดพ้นจากการปิดกั้น หรือทุบจากรัฐบาลได้

:gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โอย... กำลังจะไปนอน เปิดมาเห็นราคาทองคำ .... :_10

ที่ประชุมเห็ด......

- เห็นว่ายังมีความเสี่ยงในเศรษฐกิจอยู่

- เห็นว่าความเสี่ยงที่เศรษฐกิจ และตลาดแรงงาน ลดลง

- เห็นว่าความรู้สึกของผู้บริโภคนั้นต่ำผิดปกติ

- เห็นว่าการอัตราการฟื้นตัวในตลาดนั้นช้าลงบ้าง

- ที่ประชุมเห็ด ให้ความเห็นว่า จากข้อมูลที่เริ่มจะดีขึ้น เห็ดจะเริ่มลดการพิมพ์เงินในอีกไม่กี่เดือนนี้ (พี่ครับ พี่สับขาหลอกนลท.มากี่รอบแล้วครับ)

 

นอกจากนี้ ซีโรเฮดจ์ยังรายงานอีกด้วยว่า วันนี้ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ของตลาดโกลด์ฟิวเจอร์นั้นทำงานถึงสองครั้งด้วยกัน

ที่ทำงานครั้งที่สองนี่ ใช้เวลาเพียง ๒๐ วินาที หลังจากที่มีการเปิดเผยรายงานการประชุมของเห็ด

 

 

http://www.zerohedge...y-coming-months

http://www.zerohedge...onkey-hammering

 

post-2564-0-13330800-1384978286.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

update ให้หน่อย เค้าบอกว่า $1234 เป็นจุดเลือกข้าง ส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นจุดซื้อที่ดีนะคะ :17 แต่ถ้าหลุด1230ขายทิ้งไปก่อนนะคะ :_cd

post-2539-0-59483900-1385000678_thumb.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอนนี้มี ATM บิทคอยแล้ว ผมคิดว่าต่อไปก็อาจมีบัตรเครดิทบิทคอย ใช้งานเหมือนบัตรเครดิททุกอย่าง พวกร้านเล็กๆ ก็สามารถทำตัวเป็นธนาคาร สมัครสมาชิกให้ ลุงป้าน้าอา แค่จำพาสเวิร์ดไว้ พวก private key, public key ก็เก็บไว้ในบัตร จะทำธุรกรรมอะไร ก็ง่าย

 

ผมคิดว่ามันจะเป็นจริงก็ต่อเมื่อ ราคาบิทคอยสเถียร์ ระดับหนึ่ง และสามารถรอดพ้นจากการปิดกั้น หรือทุบจากรัฐบาลได้

 

ผมมองว่ายากครับ

อะไรที่เป็น อิเลคทรอนิค นี่ มันจะจารกรรมง่าย ถ้ารัฐไม่สนับสนุนซะอย่าง ปล่อยให้การใช้ไม่ปลอดภัย ใครจะกล้าใช้

ผมมองว่ามันยังเป็นตลาดเล็กๆ ที่ไม่คุ้มที่จะมาคุม ถ้าเป็นตลาดใหญ่เมื่อไร ก็ไม่พ้นที่ขาใหญ่จะเข้ามาคุมอยู่ดี

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านจบแล้วก็คิดค้านอยู่เรื่องนึงว่า การที่เติ้งเสี่ยวผิงมีอำนาจปฏิรูปก็เพราะมาจากอำนาจเด็ดขาดไม่ใช่หรือ

มีทางเลือกอื่นนอกจากประชาธิปไตยไหม ?

 

โดย : อาร์ม ตั้งนิรันดร

 

คนอเมริกา บอกว่า ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากประชาธิปไตย

 

คนจีนที่แล้วมาไม่พูดอะไรมาก เพราะไม่รู้จะพูดอะไร จะบอกว่าระบบเผด็จการดีกว่าประชาธิปไตย พูดไปสองไพเบี้ย ใครจะเชื่อ คนทั้งโลกเขาจะหัวเราะให้

 

แต่ในรอบปีที่ผ่านมา ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจและวิกฤติการเมืองในสหรัฐฯ ที่เล่นเอาผู้คนหมดศรัทธากับนักการเมืองมีมหาเศรษฐีจีนคนหนึ่งเดินสายโปรโมทระบบการปกครองของจีนนายคนนี้ ชื่ออีริค ลี (Eric Li) อายุ 40 ต้นๆ การศึกษาดีตามมาตรฐานตะวันตก (จบจากเบิร์กลีย์และเอ็มบีเอจากสแตนฟอร์ด) เขาใช้เวลาว่างจากการทำธุรกิจกองทุนของตน เดินทางบรรยายสรรพคุณความวิเศษของพรรคคอมมิวนิสต์จีนตามมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วสหรัฐฯ

 

เล่นเอากระทรวงการต่างประเทศจีนตกใจ เพราะทางการจีนไม่เคยอธิบายได้เรื่องได้ราวอย่างนายลี แถลงข่าวทีไรก็มีแต่มุขเดิมๆ ไม่มีใครสนใจ ไม่เหมือนนายลีไปพูดที่ไหน ฝรั่งแห่มาฟังกันแน่นเต็มห้องประชุม ล่าสุดลีไปบรรยายสั้นๆ ที่ Ted Talk ใช้ชื่อเรื่องว่า “เรื่องราวของระบบการเมืองสองระบบ” (A Tale of Two Political Systems) ปรากฏในโลกออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.ted.com มียอดผู้ชม 800,000 คน ภายในระยะเวลาไม่ถึง 4 เดือน

 

ลีบอกว่า ในชีวิตเขาถูก “ล้างสมอง” 2 ครั้ง ครั้งแรกตอนเด็ก เขาโตขึ้นมาในยุคของเหมาเจ๋อตง เขาถูกปลูกฝังว่า คอมมิวนิสต์เป็นระบบการปกครองที่ดีที่สุด และจะนำความเจริญมั่งคั่งมาสู่ประชาชนทั่วประเทศ และในที่สุดจะแผ่ขยายลัทธิคอมมิวนิสต์ไปทั่วโลกจนเกิดสันติสุขนิรันดร์กาล

 

ภาพฝันนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง ภายในจีนในยุคของเหมามีแต่ความทุกข์ร้อนทุกหย่อมหญ้าอันเป็นผลมาจากการปฏิวัติวัฒนธรรม ความอดอยากจากนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาด

 

พอเข้าสู่วัยรุ่น เขาเดินทางมาเรียนหนังสือที่สหรัฐอเมริกา และถูกล้างสมองเป็นครั้งที่สอง ด้วยความเชื่อว่าในอีกไม่นาน ทุกประเทศทั่วโลกจะรับเอานวัตกรรมการปกครองที่ดีเลิศที่สุดจากสหรัฐฯ นั่นก็คือ “การเลือกตั้ง” ขอเพียงมีการเลือกตั้ง เราก็จะได้ตัวแทนประชาชนเข้าไปบริหารประเทศ นำความเจริญมั่งคั่งมาสู่ประชาชนทั่วประเทศ และในที่สุดก็จะแผ่ขยายลัทธิประชาธิปไตยไปทั่วโลกจนเกิดสันติสุขนิรันดร์กาล

 

ในปี ค.ศ. 1970 มีประเทศที่เรียกตนเองว่าเป็น “ประชาธิปไตย” 45 ประเทศ ในปี ค.ศ. 2010 มีประเทศที่เรียกตนเองว่าเป็น “ประชาธิปไตย” 115 ประเทศ แต่จนแล้วจนรอด ประเทศจีนก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในประเทศเหล่านั้น

 

สามสิบปีผ่านไป จีนเปลี่ยนจากประเทศเกษตรกรรมเป็นประเทศอุตสาหกรรม ด้วยอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุด จนปัจจุบันมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ในบรรดาจำนวนคนยากจนในโลกที่ถีบตัวขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางในรอบ 30 ปี ที่ผ่านมา กว่า 80% เป็นคนจีน ไม่ใช่คนในประเทศประชาธิปไตยที่ไหนเลย

 

ลีบอกว่า จีนพลิกโฉมได้เพราะเติ้งเสี่ยวผิง ในขณะที่เหมาเจ๋อตงเชื่อมั่นในการไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย และขณะที่กอร์บาชอฟแห่งสหภาพโซเวียตเชื่อว่าต้องล้มระบบคอมมิวนิสต์เพื่อถอนรากถอนโคนแล้วเปลี่ยนมาเป็นประชาธิปไตยเติ้งเสี่ยวผิงกลับเชื่อมั่นในการ “ปฏิรูป” ระบบที่มีอยู่เดิมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดีกว่าปลุกคนมาเดินขบวนปฏิวัติ เรียกร้องหาระบบใหม่ (ประชาธิปไตย) หรือเรียกร้องให้กลับไประบบเก่า (ตามล่าหาทายาทราชวงศ์ชิง) เติ้งเสี่ยวผิงบอกว่า เอาอย่างเดิมนี่แหละ อะไรที่ดีก็ส่งเสริมให้แข็งแกร่ง อะไรที่ชั่วก็ค่อยๆ ปรับปรุงแก้ไข

 

สามสิบปีผ่านไป พรรคคอมมิวนิสต์ไม่เหมือน “อย่างเดิม” อีกแล้ว ด้วยลักษณะเด่น 3 ประการ

 

ประการแรก การปรับตัว จากนโยบายเศรษฐกิจระบบวางแผน เป็นนโยบายเศรษฐกิจระบบตลาด ยอมรับให้นักธุรกิจเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ (คาร์ล มาร์กซ์ คงงง) ผู้นำห้ามครองอำนาจจนตาย กำหนดให้มีวาระชัดเจน ถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติไม่เหมือนเผด็จการประเทศอื่น ลีบอกว่า “การปฏิรูปการเมือง” ไม่เคยหยุดนิ่งในประเทศจีน เพียงแต่เป็นการ “ปฏิรูป” ระบบ ไม่ใช่การ “ล้ม” ระบบอย่างที่ฝรั่งคาดหวัง

 

ประการที่สอง การบริหารด้วยมืออาชีพ ฝรั่งจินตนาการว่าระบบเผด็จการจะมีผู้ผูกขาดอำนาจอยู่ไม่กี่คน แต่ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีการหมุนเวียนผู้นำในระดับต่างๆ มากที่สุด และมีระบบการโปรโมทข้าราชการที่มีประสิทธิภาพ รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ มีประวัติทั้งประสบการณ์การศึกษาและการทำงานดีกว่ารัฐมนตรีในประเทศประชาธิปไตยส่วนใหญ่ มีมาตรวัดผลงานเป็นเกณฑ์ในการเลื่อนขั้นที่ชัดเจน

 

ประการที่สาม การสร้างความชอบธรรมในการปกครองฝรั่งเชื่อว่าการเลือกตั้งเท่านั้นจะสร้างความชอบธรรมได้ แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนสร้างความชอบธรรมด้วยผลงาน (ไม่ใช่ด้วยการเลือกตั้ง ด้วยรถถังหรือด้วยการเป่านกหวีด) ทำให้ได้รับแรงสนับสนุนและความร่วมมือจากประชาชนทั่วไป

 

แน่นอนที่สุด ลียอมรับว่าประเทศจีนมีความท้าทายรอบด้าน ทั้งในเรื่องสิ่งแวดล้อม ประชากร ช่องว่างทางรายได้ระหว่างคนรวยและคนจน และโดยเฉพาะเรื่องที่คนวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงที่สุดก็คือ การทุจริตคอร์รัปชัน แต่ลียืนยันว่าสาเหตุของการคอร์รัปชันไม่ใช่เพราะจีนไม่มีการเลือกตั้ง คิดดูสิว่าลำดับความโปร่งใสของ Transparency International จัดให้จีนอยู่ในลำดับที่ 80 จาก 170 ประเทศและดีขึ้นทุกปี ขณะที่อินเดีย ประเทศประชาธิปไตย อยู่ในลำดับที่ 90 และตกต่ำลงทุกปี (พี่ไทยอยู่ลำดับที่ 88)

 

ลีสรุปย้ำ 2 ข้อว่า หนึ่ง เขาไม่ได้ต่อต้านประชาธิปไตย แต่เขาต่อต้านการล้างสมองว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากประชาธิปไตยสำหรับจีน สอง ระบบการเมืองของจีนไม่ใช่ทางเลือกสำหรับประเทศอื่นๆ เพราะมีคุณลักษณะและปัจจัยหลายอย่างทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้มีเฉพาะจีนเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้ สาม ประเทศประชาธิปไตย รวมทั้งสหรัฐฯ ต้องเรียนรู้ที่จะปฏิรูประบบ ไม่ใช่คิดว่ามีการเลือกตั้งแล้วจบ

 

เพราะฉะนั้น ก็ถึงเวลาที่ผมต้องเฉลยคำตอบสำหรับคำถามในวันนี้ ที่ว่า “มีทางเลือกอื่นนอกจากประชาธิปไตยไหม”

 

คำตอบสั้นๆ สำหรับประเทศไทย ก็คือ ไม่มี ครับ

 

พูดมาเสียยาว นี่ผมแค่จะบอกว่า จีนไม่ใช่ทางเลือก (เพราะเราทำอย่างจีนไม่ได้) และเราต้องจำทนกับประชาธิปไตยไร้น้ำยาของเราต่อไปเช่นนั้นหรือ?

 

ไม่ใช่ครับ บทเรียนที่ผมอยากจะบอกก็คือ เลิกล้างสมองและทึกทักว่าโลกนี้มีระบบที่สมบูรณ์แบบ ลอกมาปุ๊บใช้ได้เลย เลิกเรียกร้องกลับไปหาระบบเก่า และเลิกคิดจะไปหาระบบใหม่ที่ไหน เลิกหลงคิดว่าสหรัฐฯ ดีเลิศ เราจึงจะปกครองอย่างสหรัฐฯ และเลิกหลงคิดว่าจีนดีเลิศ เราจึงจะปกครองอย่างจีน

 

ไม่มีประเทศไหนในโลกดีเลิศหรอกครับ ระบบที่ดีคือระบบที่พร้อมปรับปรุงตัวเอง เข้าใจว่าปัญหาอยู่ตรงไหนแล้วแก้ไขไม่ใช่ระบบที่เรียกตนว่าเป็นประชาธิปไตยแล้วจบแต่ก็อย่าออกมาปลุกมวลชนเรียกร้องให้ “ล้ม” ระบบเลยครับเพราะนั่นไม่ใช่ทางเลือก และกลุ่มคนที่ทำเช่นนั้นก็ยากที่จะเป็นทางเลือกให้กับประเทศได้

Tags : อาร์ม ตั้งนิรันดร

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมมองว่ายากครับ

อะไรที่เป็น อิเลคทรอนิค นี่ มันจะจารกรรมง่าย ถ้ารัฐไม่สนับสนุนซะอย่าง ปล่อยให้การใช้ไม่ปลอดภัย ใครจะกล้าใช้

ผมมองว่ามันยังเป็นตลาดเล็กๆ ที่ไม่คุ้มที่จะมาคุม ถ้าเป็นตลาดใหญ่เมื่อไร ก็ไม่พ้นที่ขาใหญ่จะเข้ามาคุมอยู่ดี

 

เงินกระดาษ รัฐบานสามารถประกาศยกเลิกใช้ได้

เงินในบัญชี รัฐบานก็สามารถหาความชอบธรรมมาอายัดได้

โอนเงินข้ามประเทศ รัฐบานก็สามารถหาความชอมธรรมมากันไม่ให้โอนได้

(รักษาค่าเงิน, ห้ามโอนเงินไปลงทุนตปท., ป้องกันการก่อการร้าย ฯลฯ ตามแต่จะหามาอ้างกัน)

 

... ส่วนตัว มองว่า เงินกระดาษพวกนี้ "โดนจารกรรม" ง่ายกว่าบิทคอยน์เยอะเลยครับ ....

 

ถ้ามองทางเทคนิคแล้ว (ไม่มองเรื่องการรักษามูลค่า) ปลอดภัยกว่าทองคำ กว่าเงินกระดาษ กว่าเงินในธนาคารโขเลยครับ

กระดาษแผ่นเดียว และ/หรือ รหัสในสมองเรา สามารถเก็บบิทคอยน์ได้ในจำนวนไม่จำกัด สามารถขนเข้า/ออก ประเทศต่างๆ

ได้โดยไม่ต้องกลัวต.ม.เล่น หรือโดนยัดข้อหาฟอกเงิน ฯลฯ

 

ตอนนี้ปัญหาลักษณะนี้ยังไกลตัวคนทั่วไปพอสมควร คนจึงอาจจะไม่เห็นความสำคัญ

แต่เชื่อขนมได้ว่า ถ้าคนทั่วไปทั้งโลก สวมหมวกเป็นชาวไซปรัส บิทคอยน์จะได้รับความสนใจมากกว่านี้อีก

 

* * *

 

มองด้านหนึ่ง "ตลาด" แลกเปลี่ยนนั้น รัฐบานอาจจะเข้ามาควบคุมราคาได้ ด้วยการออกใบอนุญาต ฯลฯ และใช้ "บิทคอยน์กระดาษ" มาทุบ/ปั่น อย่างที่ผมเคยนำเสนอไว้

 

แต่การ "รับ/ส่ง" หรือใช้งาน บิทคอยน์นี่ ยิ่งคนใช้งานเยอะ รัฐบานก็ยิ่งเข้ามาแทรกแทรงได้ยาก (ระบบถูกออกแบบมาให้เป็นแบบนี้)

 

ถ้าจะให้รัฐบานเอาโคตรคอมพิวเตอร์ที่เอาไว้แกะรหัส ระบบของชาวบ้าน เอามาแข่งกันขุดบิทคอยน์ เพื่อเอามาเทขายในตลาดเพื่อทำลายราคา

ก็จะได้ในระยะสั้นเท่านั้น เพราะอัตราการขุด ถูกออกแบบไว้แล้ว ว่าจะแปรผกผันกับกำลังการขุดโดยรวมของระบบ

 

* * *

 

ป.ล. ๑ - ตอนนี้มีคนลงขันกัน ๑๒๔ บิทคอยน์ เพื่อเป็นรางวัลให้กับคนที่เก็บตาโป๊งเหน่งแล้วครับ (ที่มา)

 

ป.ล. ๒ - ที่เขียนๆมา ไม่ได้เชียร์ ไม่มีส่วนได้เสีย ไม่มีของขาย นะครับ เป็นเพียงมุมมองที่อิงกับทางเทคนิคของบิทคอยน์เป็นหลักเท่านั้น

 

ป.ล. ๓ - ใครจะไปซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ตอนนี้ ถ้าอยากซื้อมาลองเล่นๆ ซื้อได้ แต่อย่าหวังจะคืนทุน เพราะตอนนี้ราคาของเครื่องขุด แซงหน้ามูลค่าของมันไปโขแล้ว ต้องรอให้ปรับฐานหนักๆ แล้วราคาเครื่องขุดพวกนี้ตกลงมาเสียก่อน ถึงจะพอขุดแล้วมีโอกาสได้เงิน นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่คนที่สนใจบิทคอยน์ เลือกซื้อเลย แทนที่จะขุดเอง เพราะไม่คุ้ม เลยทำให้ราคาวิ่งไปแรงๆแบบนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมมองว่ายากครับ

อะไรที่เป็น อิเลคทรอนิค นี่ มันจะจารกรรมง่าย ถ้ารัฐไม่สนับสนุนซะอย่าง ปล่อยให้การใช้ไม่ปลอดภัย ใครจะกล้าใช้

ผมมองว่ามันยังเป็นตลาดเล็กๆ ที่ไม่คุ้มที่จะมาคุม ถ้าเป็นตลาดใหญ่เมื่อไร ก็ไม่พ้นที่ขาใหญ่จะเข้ามาคุมอยู่ดี

 

ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถแฮคหรือจารกรรมแก้ไขข้อมูล bit coin ได้ครับ .. แต่ถ้าทำได้มูลค่า BTC จาก 600$ จะเหลือ 20 หรือ 0 ก็ได้ครับ

 

มีคนบอกว่าการ mining หรือ ขุด BTC ยากเท่าไหร่ การแฮคจะยากกว่านั้น 8-10 เท่า

 

ตอนนี้ตลาด BTC ธุรกรรมร่วม 500,000,000 ล้านเหรียญแล้วครับ ร้านค้าเมืองนอกโดยเฉพาะ Internet มากกว่า 30% รับชำระสินค้าด้วย BTC

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

....

มองด้านหนึ่ง "ตลาด" แลกเปลี่ยนนั้น รัฐบานอาจจะเข้ามาควบคุมราคาได้ ด้วยการออกใบอนุญาต ฯลฯ และใช้ "บิทคอยน์กระดาษ" มาทุบ/ปั่น อย่างที่ผมเคยนำเสนอไว้

 

แต่การ "รับ/ส่ง" หรือใช้งาน บิทคอยน์นี่ ยิ่งคนใช้งานเยอะ รัฐบานก็ยิ่งเข้ามาแทรกแทรงได้ยาก (ระบบถูกออกแบบมาให้เป็นแบบนี้)

 

ถ้าจะให้รัฐบานเอาโคตรคอมพิวเตอร์ที่เอาไว้แกะรหัส ระบบของชาวบ้าน เอามาแข่งกันขุดบิทคอยน์ เพื่อเอามาเทขายในตลาดเพื่อทำลายราคา

ก็จะได้ในระยะสั้นเท่านั้น เพราะอัตราการขุด ถูกออกแบบไว้แล้ว ว่าจะแปรผกผันกับกำลังการขุดโดยรวมของระบบ

 

* * *

 

 

บิทคอยกระดาษ คืออะไรครับ ?

เพราะการที่รัฐบาล จะบิทคอยมาได้ถ้าไม่ใช้ การซื้อมา หรือขุด มันก็ไม่ได้อยู่ในระบบบิทคอย

 

กรณีบิทคอย ผมกลัวว่ารัฐบาลจะประกาศแบน ห้ามไม่ให้ร้านต่าง ๆ ซื้อขาย ไม่งั้นถือว่าสนับสนุนเงินก่อการร้าย แบนแบบประเทศเกาหลีเหนือเลย ร่วมมือกันแบน เกือบทุกประเทศเลย

 

แบบนี้ บิทคอยก็อยู่ได้แค่ใต้ดิน คนทั่วไปจะใช้งานไม่ได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...