ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

นึกตั้งนาน ทฤษฎีนี้มายังไง อ๋อออ จากงานสัมมนาหรือเปล่าครับคุณ Leo_attack ?

 

9n600.jpg

 

ขำขำนะครับ ไม่ใช่ทฤษฎีอะไร

แต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป มีสิทธิ์ได้เห็นข้าวของแพงขึ้นอีกกว่า 200 รายการเลย

ฟังข่าวมานะครับ ใครมีรายละเอียดอ่ะ ... ช่วยกันแปะ :lol:

ขำๆนี่ละครับดี ผมชอบวิธีการเทียบอันนี้มากเลย

เห็นภาพชัดเจน อธิบายให้ใครฟังต่อก็ง่าย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

..........

 

เล่มนี้ทุกคนต้องอ่าน เบสิคเลยนะคะ ไปโหลดค่ะ ไม่มีขาย ของอาจารย์ สุรชัย ไชยรังสินันท์

 

http://inv4.asiaplus...ionzone-analyze

 

..........

 

+1 ขอบคุณครับ!

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวย้อนหลัง : ดูไบเลื่อนชำระหนี้ ฟองสบู่แตกกระจุย

เครดิต Thairath

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) แจ้งว่าบริษัทชั้นนำ 2 แห่งของดูไบ

มีแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นมาตรการแรกในการปรับโครงสร้างดูไบเวิลด์

กลุ่มบริษัทที่เป็นผู้นำในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจรัฐดูไบขยายตัวขึ้นอย่าง มากในช่วงที่ผ่านมา

 

โดยการประกาศเลื่อนการชำระหนี้อย่างกะทันหัน ของรัฐบาลดูไบครั้งนี้ ทำให้มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P)

ซึ่งเป็น 2 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ของโลก ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลดูไบ

โดยมูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของบางบริษัทลงสู่สถานะ "junk" หรือ "ขยะ" ขณะที่เอสแอนด์พีระบุว่า

การที่รัฐบาลดูไบประกาศปรับโครงสร้างดูไบเวิลด์ อาจถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ตามเกณฑ์ของเอสแอนด์พี

 

ทั้งนี้ บริษัทนาคีล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือดูไบเวิลด์ แจ้งว่าดูไบเวิลด์มีหนี้สิน 59,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นสัดส่วนใหญ่

จากหนี้สินทั้งหมดจำนวน 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯของรัฐบาลดูไบ นอกจากนี้ บริษัทนาคีล ซึ่งเป็นผู้พัฒนาย่านคฤหาสน์หรูหราบนหมู่เกาะเป็นรูปต้นปาล์ม

ที่มีชื่อเสียง ของดูไบ มีหุ้นกู้อิสลามในวงเงิน 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 14 ธ.ค.นี้

และมีหนี้ตราสารหนี้ในวงเงิน 980 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 13 พ.ค.ปีหน้า ข

ณะที่บริษัทลิ-มิทเลส ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของดูไบเวิลด์อีกรายหนึ่ง มีหุ้นกู้ในวงเงิน 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 31 มี.ค.ปีหน้า

 

นักวิเคราะห์คาดว่าการสนับสนุนทางการเงินจากอาบู ดาบี ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐของยูเออีเช่นเดียวกับรัฐดูไบนั้น

จะทำให้เศรษฐกิจของดูไบสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่ดูไบมีแนวโน้มที่จะต้องล้มเลิกรูปแบบทางเศรษฐกิจที่หรูหราที่มุ่งความ

สนใจไปที่การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างชาติ ทั้งนี้

เศรษฐกิจดูไบได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ฟองสบู่ของเศรษฐกิจดูไบที่กำลังฟูเฟื่องมากว่า 6 ปี แตกลง

จนทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เคยรุ่งเรืองของดูไบตกต่ำลง.

 

 

 

15world-tower.jpg

 

 

 

 

วิกฤตหนี้ที่ดูไบ (Dubai world)

 

คุณ Raty (ติดตามต่อปาย) ขอมา ให้พูดถึงวิกฤตที่ดูไบหน่อย วันนี้เราจะมาดูกันครับ

 

ปี 2009 เป็นปีที่ไม่ธรรมดาเลยครับสำหรับตลาดทองคำบ้านเรา

ปีนั้นตอนต้นปีราคาอยู่ที่ประมาณ 14,000 แต่พอปลายปีราคากลับทะยานฟ้าไปทำจุดสูงสุดได้ถึง 19,000

 

ใครกอดทองแน่นๆในปีนั้น ได้เห็นการปรับขึ้นราคาถึงบาทละ 5,000 !!

 

เหมือนเดิมครับตอนทองนิ่งๆหรืออยู่ในระดับราคาที่ไม่สูงมาก (14,000-15,000)

เป็นเวลาที่ทองคำดูไม่ค่อยน่าสนใจ ระดับเฉียดๆ 16,000 ถือว่าเป็นระดับราคาที่สูงและแพง

 

แต่พอ ธนาคารกลางอินเดียซื้อทองคำจาก IMF 200 ตัน เข้าเป็นทุนสำรอง จุดเปลี่ยนของเกมส์ก็เริ่มขึ้น

ระดับราคา 16,000 หยุดทองไว้ไม่อยู่

 

ปลายปีนั้น

17,000 ได้เห็น

18,000 ก็ยังไม่พอ

19,000 ตามมาในเวลาอันรวดเร็ว

 

เตะตานักลงทุนเข้าอย่างจังให้กล้าที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดพร้อมๆกับข่าวลือ

ว่าทองคำจะพุ่งไปแตะบาทละ 20,000

 

แต่ ธรรมชาติของตลาดกระทิง (Bull Market) ไม่เชื่องอย่างที่คิดครับ

เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ตลาดจะทำการกวาดผู้เล่นที่มาทีหลังและจิตใจไม่มั่นคงให้ออกจากตลาดไปก่อน (ย้อนอ่านบทความธรรมชาติตลาดกระทิง)

 

Tips

 

การกระโดดเข้าขี่หลังควรค่อยๆ เข้าตอนที่กระทิงหงอยๆ ซึมๆ (14,000-15,000) แล้วนั่งรอไปเรื่อยๆอย่างใจเย็นให้มันวิ่ง

การรีบกระโดดเข้าตอนมันวิ่งแล้วเพราะคิดว่าจะไปต่อ (18,000-19,000) อาจจะกำไรไวก็จริง

แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกขวิดและโดนสะบัดให้ตกหลัง กระทิงที่วิ่งเร็วและแรงเกินไป หากเป็นกระทิงที่ฉลาดมันจะพักแข้งพักขาบ้าง ก่อนจะไปต่อ

 

ตลาดทองคำช่วงปลายปี 2009

เป็นช่วงที่ราคาทองคำขึ้นแรงแต่นักลงทุนกลับไม่ค่อยได้กำไรเพราะ

 

:excl: 1.ขายทิ้งไปตั้งแต่บาทละ 16,000

 

:excl: 2.พอ 17,000-18,000 ไม่กล้าเข้าเพราะคิดว่าแพง ไปเข้าตอน 18,000 (ปลายๆ) -19,000 เพราะคาดว่าทองจะถึงบาทละ 20,000 แล้วก็ติดดอย

 

ราคาทองในตอนนั้นเป็นระดับราคาที่ไม่เคยเล่นกันมาก่อน นักลงทุนเช็คข่าวกันให้วุ่นว่าเกิดอะไรขึ้น และแล้วก็ถึงเวลาของการ -Take Profit-

การเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ เป็นการเล่นข่าว ไม่ได้มีผลให้ปัจจัยพื้นฐานของทองคำเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ราคาที่ขึ้นมาสูงทำให้เกิดความกังวลขึ้นในตลาด พอมีข่าวนี้ขึ้นมาตลาดตีความถึงขนาดว่า ดูไบ

อาจจะต้องขายทองเพื่อชำระหนี้ / การขาดแคลนเงิน (ดอลล่าร์) เพื่อเอาไปชำระหนี้ เลยต้องขอผ่อนผัน

ทำให้ ดอลล่าร์แข็งค่าและดูดี ประจวบกับราคาทองคำที่ขึ้นมาเยอะเกินไป

 

ผลลัพธ์ จึงออกมายิ่งกว่าการ Take Profit เพราะมันเกิด Panic Sell ตลาดเกิดแรงเทขายอย่างหนักหน่วง

 

:excl: สมาคมประกาศปรับราคาทองคำแท่งภายในวันเดียวถึง 12 ครั้ง !! (ถือเป็นสถิติ)

 

:excl: ตลาด Gold Future ที่เปิดขายในบ้านเราไม่นานเจอกับภาวะ ระบบล่ม !!! (คล้ายๆกับที่เวบ Thaigold ล่ม) :lol:

การซื้อขายถูกหยุด จำนวนสัญญาในพอร์ทหายเกลี้ยง (ภายหลังกู้คืนมาได้)

 

ทำไมผมถึงรู้ดี? เพราะตอนนั้น ผมอยู่ “หน้าจอ” ครับ

 

สิ่งที่ผมทำคือตัดสินใจสวนกระแส เข้าซื้อ แม้ว่าราคาจะไหลเป็นน้ำ

หลังจากนั้น ราคาปรับตัวฟื้นขึ้นได้อย่างรวดเร็วจนแตะระดับ 19,000 ผมมีกำไรไม่ใช่น้อย

แต่ยังคงคอนเซปต์เดิมคือ กอดทองไว้แน่นๆไม่ขาย

 

ต่อมาตลาดเจอกับภาวะ Panic Sell อีกครั้งคราวนี้หนักกว่าเดิม

เริ่มจาก

 

:mad: เบน เบอร์นันเก้ออกมาส่งสัญญาณว่า อาจจะ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

:angry: ข่าวจากจีนออกมาพูดว่าไม่สนใจในทองคำ เพราะ ราคาแพงเกินและมีน้อยเกินไป

 

โกหกทั้งคู่ !!!

 

แต่อารมณ์ตลาดหวั่นไหวตามเพราะราคาปรับตัวมาสูงมาก

Panic Sell จึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

 

ทำไมผมถึงรู้ดี? เพราะตอนนั้น ผมก็อยู่ “หน้าจอ” (อีกแล้ว)

 

แต่คราวนี้ต่างออกไป คราวนี้ไม่เหมือนคราวที่แล้ว เพราะคราวนี้ผม ไม่กล้าที่จะซื้อ !!!

 

 

หลายเดือนต่อมา เหตุการณ์ Panic Sell สองครั้งผ่านไป

ตลาดปรับฐานเสร็จเข้าสู่ภาวะการซื้อขายที่ปกติ และนิ่งขึ้น เหตุการณ์ดูไบ ทำให้ผมได้บทเรียนในการลงทุน

 

Panic Sell ครั้งแรกเกิดขึ้น ผมกล้าในเวลาที่คนอื่นกลัว ภายหลังทำให้กำไรไม่ใช่น้อย

Panic Sell ครั้งที่สอง ผมไม่กล้า โอกาสจึงผ่านมาแล้วผ่านเลยไป

 

วันที่ทองคำลงไปแตะระดับ 19400 เมื่อต้นปี

ผมโพสบอกเพื่อนๆสมาชิกในกระทู้ว่า ราคาทองคำในช่วงนี้คือ โอกาส (Opportunity) ไม่ใช่ หายนะ (Diaster)

ที่ผมรู้เพราะผมมีบทเรียน ใครฉวยโอกาสนั้นไว้ ถึงตอนนี้ราคาก็ปรับสูงขึ้นมามากแล้ว

 

ไม่มีใครบอกว่าได้ว่า Panic Sell แบบดูไบจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ (Anything is possible)

ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไรต่างหาก เวลามันเกิดขึ้น ดูผันผวนและรุนแรง

แต่หากมองภาพใหญ่จะว่าไปแล้วมันก็แค่การปรับฐานลดลงของทองประมาณ 10% หลังจากที่ปรับขึ้นมาถึง 35% ตอนต้นปีแค่นั้นเอง

 

คำถามคือ

 

-หากเกิดขึ้นอีกเรามีแผนสำรองรึเปล่า ?

 

-หากเกิดขึ้น เราควร กลัว-เครียด-ตกใจ ? หรือ ฉวยโอกาสนั้นไว้ดี ?

 

 

สิทธิ์นั้นเป็นของคุณครับ

 

+1 โอกาสนั้นฉวยมาเรียบร้อยแล้วนะคะ คิดถึงมากๆๆๆค่ะ !thk !thk !57 !57

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สุดยอดค่ะ คุณเน็กซ์ วันนี้ได้หนังสือคุณเน็กซ์ของแท้พร้อมลายเซ็นต์มาเรียบร้อย ดีใจมาก ๆ ค่ะ เหมือนได้สมบัติชิ้นถูกใจมาครองจริง ๆ :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

และแล้วโอกาศก็ผ่านไปอีก 1 วันอย่างที่คุณเน็กซ์ว่าไว้จริงๆ !_09 ย่อวันเดียวตอบสนองไม่ทันจริงๆ ครับ :0eeeff42:

ดู่ ดู้ ดู กลับมาอยู่ที่เดิมอีกแล้ว....รวมถึงเงินด้วย

ขอบคุณสำหรับบทความครับคุณเน็ก

ถูกแก้ไข โดย leo_attack

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สุดยอดครับ

หนังสือของพี่มีขายที่ se-ed book ไหมครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอาข่าวมาฝากค่ะ http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9540000031989

 

สึนามิทำนักเล่นทองขยาด แห่ขายสินทรัพย์นอนกอดเงินสด

 

นักลงทุนตื่นสึนามิแห่ขายทอง ส่งผลให้ราคาร่วงหนัก สร้างความปั่นป่วนเนื่องจากมองว่าทองคำเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่เสี่ยง ดังนั้น จึงเลือกมาถือเงินสดแทนมากกว่า

วันนี้ (12 มี.ค.) นายบุญเลิศ สิริภัทรวาณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด กล่าวถึงการเกิดสึนามิในประเทศญี่ปุ่นว่า จะกดดันราคาทองคำในตลาดโลกให้ปรับตัวลดลง เพราะขณะนี้พบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลต่อตลาดหุ้นและราคาน้ำมัน ไปแล้ว เพราะนักลงทุนเกิดความกังวลและหวาดระแวงว่าจะเกิดเหตุแผ่นดินไหว ต่อเนื่องไปยังภูมิภาคอื่นต่อเนื่องหรือไม่ หรือจะเกิดความรุนแรงในญี่ปุ่นซ้ำรอยอีกหรือไม่ทำให้ผู้คนหรือนักลงทุน ที่ถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงขายสินทรัพย์ในมือออกมา เพื่อถือเงินสด โดยอาจถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯขณะที่ทองคำนั้น พบว่าราคาทองคำในตลาดสปอตหรือตลาดซื้อขายปัจจุบันลดลงไปแล้ว 7-8 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนช์ หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

 

"ทองคำอยู่ในประเภทของ สินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและปลอดภัยสูง นักลงทุนจะโยกมาถือครองทองคำกรณี เกิดสงครามและวิกฤติเศรษฐกิจ แต่กรณีเกิดภัยธรรมชาติ นักลงทุนอาจขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพื่อไปถือเงินสดมากกว่าแต่ก็ ต้องติดตามมุมมองนักลงทุนว่าจะใช้ทองคำเป็นสินทรัพย์เพื่อ ป้องกันความเสี่ยงจากราคาหุ้นที่มีแนวโน้มจะปรับตัวลงจากเหตุนี้หรือไม่ แต่เชื่อว่า ทั้งหุ้นและราคาทองจะปรับตัวลงพร้อมกันเนื่องจากเป็นปัญหา ภัยธรรมชาติ นักลงทุนส่วนใหญ่จะเน้นการถือครองเงินสดมากกว่าถือครองสินทรัพย์อื่นๆ อย่างไร ก็ตาม ต้องติดตามผลกระทบต่อไปอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบต่อตลาดในสหรัฐฯ" นายบุญเลิศ กล่าว

 

นายบุญเลิศ กล่าวด้วยว่า นักลงทุนที่มีทองคำอยู่ในพอร์ตขณะนี้ควรทยอยลดพอร์ตลงประมาณ 30-40% หรือ นักลงทุนที่รับรู้กำกำไร ควรปิดสถานะเพื่อรอดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอีกครั้ง โดยประเมินว่าราคา ทองคำในตลาดโลกในรอบนี้จะปรับตัวลดลงสู่แนวรับที่ 1,405 -1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าเป็นจริงตามนี้ก็เป็นโอกาศดีของคนที่จะเข้าซื้อทองในช่วงนี้ค่ะ :)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่เข้าใจนักลงทุนค่ะ ทำไมมีภัยธรรมชาติต้องถือดอลล่าร์ แต่เวลาอื่นกลับคิดว่าทองไม่เสี่ยง ถ้ามีสึนามิจริงแบงค์โดนนํ้าน่าจะยุ่ยกว่าทองเยอะนะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณ Next เอาข่าวเรื่อง ค่าเงินใน ลิเบียที่แลกได้ต่ำมากๆ มาเขียนอีกครั้งดีก่าคับ

 

อ่านแล้วขำดี นึกถึงตอนที่พูดถึงเขมรขนเครื่องเงินแทนเงินกระดาษสกุลเรียลของมัน ในช่วงเขมรแตก

 

เพราะช่วงนั้น มันก็คือกระดาษเช็ดตรูดดีๆนี่เอง อิอิอิ !uu

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บางเวลาบางเหตุการณ์ก็เอาแปลกๆนะครับ เรื่องของจิตวิทยาของนักลงทุน มะคืนเงินพุ่งกระฉูดไม่รู้จะมีเทลงมาอีกรึเปล่า พี่ทองไม่ขึ้นตาม ทั้งๆที่ถือโลหะมีค่าปลอดภัยกว่าเยอะ ลงมาเราเก็บ คนอื่นขายเราซื้อตามที่คุณ Next บอกดีกว่าเนอะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่เข้าใจนักลงทุนค่ะ ทำไมมีภัยธรรมชาติต้องถือดอลล่าร์ แต่เวลาอื่นกลับคิดว่าทองไม่เสี่ยง ถ้ามีสึนามิจริงแบงค์โดนนํ้าน่าจะยุ่ยกว่าทองเยอะนะ

 

ผมว่านั่นเป็นความเข้าใจของคนไทยที่มาเล่าเพราะเห็นทองลงก็หาสาเหตุมาเล่ากันอ่ะครับwacko.gif

ดูตลาดเมกาสิครับ เมื่อคืนแข่งกันทิ้งดอลล์ จนดอลล่าร์อินเด็กซ์ลดลงตั้ง 0.51 (อิอิ เกี่ยวกันใหมเนี่ย ผมก็จับแพะชนแกะไปเรื่อย)laugh.gif

ที่มันแข็งขึ้นวันก่อนแล้วทองร่วงหนักๆ ฝรั่งเขามองว่าเป็น dead cat bounce ของดอลล์ครับwink.gif

 

http://goldscents.blogspot.com/2011/03/unintended-consequences.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...