โอกาส"ทอง" (จริงๆ) : Safe Heaven

[madamjun 40]

ขอบคุณทุกท่านค่ะ

[Jeng 63]

สวัสดีครับทุกๆคนในที่นี้

 

วันนี้ผมขอเอาสรุป COT Report ของ นาย Harvey Organ ที่วิเคราะห์ตาราง COT ประจำสัปดาห์ของวันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2554 จาก http://harveyorgan.blogspot.com/ ผมแทรกตารางของ Gold และ Silver เข้าไปแล้วมันออกมาเบี้ยวๆ ก็ขอให้เปิดเข้าไปในลิงค์ด้านบนอ่านข้อมูลจากตารางเอาเองแล้วกันนะครับ

 

เริ่มจากตาราง COT ของ ทองก่อนนะครับ Harvey สรุปไว้ว่าดังนี้

 

Let us now head over to the Commitment of Traders report and let us see what we can glean from it:

 

Those large speculators that have been long in gold continued on the yellow brick road by buying additional long contracts to the tune of 6,721.

 

นักเก็งกำไรรายใหญ่ที่ถือ Position Long ได้ทำการถือสัญญา Long เพิ่มอีก 6,721 สัญญา

 

Those large speculators that have been short in gold added another 1803 contracts to the short side.

 

และนักเก็งกำไรรายใหญ่ที่ถือ Position Short ก็ได้ Short เพิ่มอีก 1,803 สัญญา

 

Our Commercials:

 

Those commercials that have been long in gold and are close to the physical scene

pitched a huge 9,486 contracts from their long side.

 

สำหรับพวก Bankers (Commercials) ที่ถือ Position Long ที่ได้เห็นของจริงๆ ทำการปิดสัญญา Long ไป 9,486 สัญญา

 

Those commercials who have been perennially short in gold covered a smallish 1,531 contracts of their shorts.

 

ส่วนพวก Bankers (Commercials) ที่ถือสัญญา Short มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็ได้ทำการ Cover Short (ปิดสัญญา Short) ไป 1,531 สัญญา

 

Small specs:

 

The small specs that have been long in gold, followed in the footsteps of the larger spec cousins by adding a rather large 1,740 contracts to their long side.

 

สำหรับนักเก็งกำไรรายย่อยที่ทำการถือ Position Long ก็ได้ทำตามแบบ นักเก็งกำไรรายใหญ่ โดยทำการถือสัญญา Long เพิ่มอีก 1,740 สัญญา

 

The small specs that have been short in gold, did not like the lay of the land and covered a rather large 1297 contracts from their short side:

 

สำหรับนักเก็งกำไรราย่อยที่ชอบถือสัญญา Short รู้สึกถึงสัญญาณที่ไม่ค่อยดี ก็ทำการ Cover short ค่อนข้างมากถึง 1,297 สัญญา

 

Conclusion: more bullish as the commercials rein in their shortfalls.

 

สรุป มี Bullish เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก Bankers (Commercials) รายใหญ่ทำการปิดสัญญา Short เพิ่มขึ้น

 

 

ต่อไปเป็นสรุปตาราง COT ของ Silver ครับ

 

Those large specs in silver that have been long for quite some time pitched a tiny 605 contracts from their long side.

 

นักเก็งกำไรรายใหญ่ที่ทำการ Long Silver มาเป็นเวลาพอสมควร ได้ทำการปิด Position ทางด้าน Long ไปเพียงเล็กน้อยแค่ 605 สัญญา

 

Those large specs that have been short in silver covered a rather large 1,141 contracts.

 

ส่วนนักเก็งกำไรรายใหญ่ที่ทำการ Short Silver ก็ได้ทำการ Cover Short ค่อนข้างมากคือ 1,141 สัญญา

 

 

Our commercials:

 

Those commercials that are long in silver and close to the physical scene pitched 3391 contracts from their long side/

 

ทางด้าน Bankers ขาใหญ่ (Commercials) ที่ทำการ Long Silver และได้ใกล้กับสถาณที่จริง ได้ทำการ ปิด สัญญา Long ไปถึง 3,391 สัญญา

 

 

Those commercials that are short in gold and subject to that ancient silver probe 3 and 1/2 years ago: covered 1,560 contracts from their short side.

 

ส่วน Bankers ขาใหญ่ (Commercials) ที่ทำการ Short ทั้งเงินและทองมาเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง ทำการ Cover Short ไป 1,560 สัญญา

 

 

Our small specs:

 

Those small specs that have been long in silver added 760 contracts to their long side.

Those small specs that have been short in silver covered 535 contracts from their short side.

 

ส่วนนักเก็งกำไรรายย่อยที่ทำการ Long Silver ได้ถือสัญญาเพิ่ม 760 สัญญา และ นักเก็งกำไรราย่อยที่ทำการ Short Silver ได้ Cover Short (ปิดสัญญา) ไป 535 สัญญา

 

 

Conclusion: slightly more bullish than last week.

 

สรุป อาทิตย์นี้เงิน มีความ Bullish มากกว่าอาทิตย์ที่แล้วเล็กน้อยครับ

 

 

มีประเด็นสำคัญประเด็นนึงที่ Harvey ได้เขียนไว้ก็คือเรื่อง Hypothecation ซึ่งก็คือการนำสิ่งของไปค้ำประกันเพื่อที่จะได้เงินมาโดยที่ไม่ได้ทำการโอนเปลี่ยนชื่อให้เรียบร้อย ที่มีปัญหาตอนนี้ก็คือ MFGlobal ได้เอาทองของลูกค้าที่ฝากไว้ ปรากฏว่ามีการร้องสิทธิในทองคำส่วนนั้นมากกว่า 1 ราย ว่าเป็นของ นาย Jason Fane (ที่เป็นลูกค้าของ HSBC) หรือของ MFGlobal กันแน่

 

I think on Monday we will have a "bank run" on GLD as everybody vacates this fraudulent vehicle for safer funds like Sprott and Central Fund of Canada.

I know that many of you are questioning how on earth the gold and silver are settling at the comex without any metal arriving at the dealer's doorsteps. I have been writing the CFTC and the SEC for quite some time explaining that the only way that I see settling occurring was through the GLD and SLV paper and that multiple owners have claims on the same asset. The holders of gold and silver at registered comex vaults may have only unsecured paper claims on that same bar of gold that HSBC claims is theirs as well as the trustee of bankruptcy James Giddens and Mr Fane and.....

 

now you see the problem.

 

Harvey คิดว่าในวันจันทร์นี้ (12 ธันวาคม) เราจะได้เห็น Bank Run หรือการถอนเงินออกจากแบงค์จนแบงค์ล้มคือไม่มีเงิน จากกองทุนทองคำ GLD เพราะเมื่อทุกคนได้ทราบข่าวการโกงกันแบบนี้ กองทุนที่ปลอดภัยกว่าอย่างเช่นกองทุน Sprott และ Central Fund of Canada ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า

 

ฉันรู้ว่าพวกคุณหลายๆคนอาจจะมีคำถามว่า เป็นไปได้ยังไงที่ ทองคำและเงิน ที่ทำการ Settle ที่ Comex จะไม่มีของจริงๆมาส่งที่ที่นายหน้าได้จัดเตรียมไว้ เรื่องนี้ฉันได้ทำการร้องเรียนไปที่ CFTC และที่ SEC มาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว และพยายามอธิบายให้พวกนั้นเข้าใจว่าตลาดปัจจุบันที่เป็นอยู่ที่จะสามารถ Settle ได้ก็คือการที่กองทุน GLD และ SLV ที่ Settle ในรูปสัญญากระดาษ ไม่มีการส่งมอบของจริง (Physical) ซึ่งทำให้มีโอกาสที่ เจ้าของสินทรัพย์หลายคนสามารถเรียกร้องสิทธิในสินทรัพย์ที่มีอยู่จริงเพียงชิ้นเดียว ผู้ที่ถือกระดาษที่บอกว่าเป็นเจ้าของทองหรือเงินในห้องนิรภัยผ่านกองทุน GLD และ SLV ที่ Comex อาจจะมีเรื่องในศาลเหมือนนาย Fane และ MFGloba ที่เป็นเรื่องอยู่ในขณะนี้ก็ได้ คราวนี้คุณได้ทราบแล้วว่าปัญหามันเป็นยังไง

ถูกแก้ไข ธันวาคม 11, 2011 โดย Jeng

[jlovew 1]

ขอบคุณสำหรับข้อมูลให้น้องใหม่หัดเล่นทองได้พิจารณา ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ

[กบจ๊า 70]

ขอบคุณค่ะ. ค่อยมีความหวังว่าจะไปรับดอยลงมาเร็วๆนี้

[ส้มโอมือ 4,910]

สมาชิกหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเยอะมาก เอาข่าวเก่าที่ผมเคยลงมาฝากสมาชิกใหม่ๆครับ

 

แบงก์ชาติกว้านซื้อ ปัจจัยซ้ำเติมราคาทองคำ

06 พฤษภาคม 2554 เวลา 07:30 น. | เปิดอ่าน 708 | ความคิดเห็น 1

นับแต่วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐและวิกฤตเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ดูเหมือนว่าทองคำจะกลายเป็นดาวเด่นในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โลก

 

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

 

นับแต่วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐและวิกฤตเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ดูเหมือนว่าทองคำจะกลายเป็นดาวเด่นในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โลกมากที่สุดที่ราคามี แต่ทิศทางขาขึ้นราวกับหาทางลงไม่เจอ

 

แน่นอน ความผันผวนของตลาดราคาทองคำโลกถือว่ายากที่จะหลีกเลี่ยงจากหลายปัจจัยที่รุมกระหน่ำเข้ามาพร้อมๆ กันราวกับเป็น “เพอร์เฟกต์ สตรอม” ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการขาดดุลงบประมาณในสหรัฐ ตลาดเงินเหรียญสหรัฐที่ยังอ่อนยวบยาบ อัตราดอกเบี้ยต่ำติดดินในสหรัฐ

 

อีกทั้งในช่วงปีที่ผ่านมานี้ ธนาคารกลางของหลายชาติต่างพลิกบทบาทมาเป็น “ตัวปั่นราคา” ในตลาดทองคำเสียเอง เมื่อต่างเดินเครื่องกว้านซื้อทองคำกักตุนในคลังสำรองแทนที่การเก็บเงินสกุลต่างประเทศที่นับวันจะกลายเป็นแค่เศษกระดาษมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะเงินเหรียญสหรัฐ

 

เม็กซิโก รัสเซีย และไทย เป็น 3 ประเทศล่าสุดที่ตกเป็นข่าวว่ากำลังกว้านซื้อทองคำ โดยในระหว่างเดือน ก.พ. และ มี.ค. 3 ประเทศนี้กว้านซื้อทองคำกันแบบน่าหวาดเสียวในเชิงปริมาณ

 

ธนาคารกลางเม็กซิโกเป็นผู้ที่กว้านซื้อทองคำมากที่สุด จากข้อมูลของสภาทองคำโลก เดิมเม็กซิโกมีทองคำในคลังสำรองอยู่ที่ 6.9 ตัน ได้เพิ่มขึ้นอีก 86.4 ตัน เป็น 93.3 ตัน

 

ธนาคารรัสเซียกว้านซื้อตุนทองคำเพิ่มขึ้น 18.8 ตัน มาอยู่ที่ 811.1 ตัน และธนาคารกลางแห่งประเทศไทย เพิ่มขึ้น9.4 ตัน มาอยู่ที่ 108.9 ตัน

 

 

ดังที่ว่าไว้ข้างต้น การกว้านซื้อกักตุนทองคำของธนาคารกลางเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เมื่อมูลค่าของค่าเงินสกุลเหรียญหรัฐที่ได้รับความนิยมในฐานะเงินสกุลกลางของโลกมาโดยตลอดนั้น ทำสถิติอ่อนค่ามานับสิบๆ ครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากปัจจัยภาวะการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐ ไปตลอดการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะยังดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง

 

เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการเฟด ได้ประกาศชัดเจนว่า สหรัฐมีความจำเป็นที่จะต้องเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ไม่ว่าจะเป็นนโยบายผ่อนปรนเชิงปริมาณ (QE2) ที่เฟดจะเดินหน้ากว้านซื้อคืนพันธบัตรสหรัฐรวมทั้งสิ้น 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อไป ทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐในวันรุ่งขึ้นทำสถิติอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 16 เดือนทันที

 

แม้ว่าจะมีความวิตกกังวลต่อปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐมากขึ้น ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระดับกว่า 2% แต่ทว่าผู้ว่าการเฟดก็ยืนยันว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นถือว่ามีความจำเป็นต่อไป จึงเลี่ยงไม่ได้ต่อไป ซึ่งจำเป็นที่จะต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมซึ่งต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐที่0-0.25%

 

นอกจากนั้น ปัญหาการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐ ยังกลายเป็นที่น่าหวั่นวิตกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ซึ่งกำลังส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของค่าเงินเหรียญสหรัฐโดยตรง

 

นักวิเคราะห์ต่างชาติแสดงคาดการณ์ว่า ภายในเดือน พ.ค.นี้ปริมาณการขาดดุลงบประมาณของวอชิงตันจะทะลุไปถึง 14.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และรัฐบาลสหรัฐเองก็กำลังหมดหนทางเลือกมากขึ้น เพราะในอีกด้านหนึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยังมีความจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป

 

ปัจจัยจากการอ่อนค่าของเงินเหรียญสหรัฐอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่างการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำของสหรัฐได้ส่งผลต่อตลาดทองคำอย่างรุนแรง ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นทำสถิติใหม่มาติดต่อกันถึง 15 ครั้งแล้วเฉพาะเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

 

ยิ่งไปกว่านั้น การกว้านซื้อทองคำของธนาคารกลางต่างชาติเพื่อแทนที่การสำรองเงินสกุลต่างประเทศในคงคลังของประเทศต่างๆ ก็ยังเป็นปัจจัยซ้ำเติมให้ราคาทองคำจะยิ่งทำสถิติเลยเถิดไปมากขึ้น

 

อย่างน้อยที่สุดนักวิเคราะห์ มองว่า ภายในปีนี้ราคาทองคำจะแตะ 2,000 เหรียญสหรัฐ ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และอาจจะแตะ 5,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ภายใน 4 ปีนี้

 

เมื่อปีที่แล้วธนาคารกลางต่างชาติได้เริ่มพลิกบทบาทกลายเป็นผู้ซื้อทองคำอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรก โดยตลอดทั้งปีทองคำกว่า 87 ตัน ถูกซื้อไปโดยธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางโบลิเวีย ธนาคารกลางศรีลังกา และธนาคารกลางมอริเชียส

 

ทั้งนี้ เฟดยังถือเป็นชาติที่มีทองคำในคงคลังสำรองมากที่สุดที่ 8,133.5 ตัน ตามมาด้วยเยอรมนีที่ 3,401 ตัน อย่างไรก็ตามประเทศที่ต้องจับตามองกันเป็นพิเศษก็คือ จีนและรัสเซีย ที่เริ่มส่งสัญญาณกว้านซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง

 

จีนถือเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ด้วยการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุดในโลก แต่ทว่านับตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ปริมาณการถือครองพันธบัตรสหรัฐขอจีนลดลงติดต่อกัน 3 เดือนติดแล้ว โดยลดลงไปกว่า 5,400 ล้านเหรียญสหรัฐ นั่นหมายถึงว่าจีนกำลังส่งสัญญาณถึงความไม่มั่นใจในสถานะของลูกหนี้มากขึ้นหรือไม่?

 

น่าคิดว่า การที่จีนถือหนี้สหรัฐอยู่เป็นปริมาณมากนั้น ย่อมทำให้ความคล่องตัวของจีนลดตามไปด้วย เพราะความเสถียรภาพทางการคลังของจีนกลับถูกนำไปผูกมัดไว้กับเสถียรภาพของสหรัฐ พันธบัตรสกุลเหรียญสหรัฐที่อนาคตไม่สู้ดีนักที่มีตัวเลขการขาดดุลงบประมาณของวอชิงตันที่มากถึง 14 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คอยทำให้หวาดเสียวอยู่เป็นระยะๆ

 

ยิ่งไปกว่านั้น จีนยังต้องการที่จะแสดงให้เห็นถึง “ความเป็นตัวของตัวเอง” ของเศรษฐกิจจีน ด้วยการเพิ่มปริมาณทองคำในคลังสำรองเพื่อจะส่งสัญญาณไปยังโลก โดยเฉพาะสหรัฐว่า “เศรษฐกิจจีนกำลังเติบโตอย่างที่มีปัจจัยสนับสนุนเพียงพอ” โดยเฉพาะปัจจัยหนุนจากปริมาณทองคำในคลังสำรอง

 

แนวโน้มการกักตุนทองคำจากจีนจึงมีสูงมากขึ้นและเริ่มชัดเจนขึ้น โดยจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีคลังสำรองต่างประเทศมากที่สุดในโลกถึง 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐนั้น มีแผนการที่จะจัดตั้งกองทุนของรัฐบาลเพื่อลงทุนในทองคำโดยเฉพาะขึ้นอีกด้วย

 

ในปัจจุบันจีนมีทองคำในคลังสำรองอยู่ทั้งสิ้น 1,054.1 ตัน มากเป็นอันดับ 6 ของโลก แต่จีนกำลังมองไปถึงอันดับ 1 !

 

กระนั้นก็ตาม การลงทุนในทองคำย่อมมีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกับการลงทุนในประเภทอื่นๆ โดยปัจจัยที่ถือว่าเป็นศัตรูต่อราคาทองคำมากที่สุดก็คือ “อัตราดอกเบี้ย”

 

ในขณะนี้แม้ว่าจะยังบอกไม่ได้ว่า สหรัฐจะคงอัตราดอกเบี้ย 0% ไว้นานอีกเท่าไหร่ แต่ทว่าทิศทางของการกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐก็จะได้ภาพชัดขึ้นในเดือน มิ.ย.นี้ เมื่อนโยบายการกระตุ้นทางการเงิน QE2 จะหมดอายุลง

 

ประกอบกับหากปัญหาเงินเฟ้อก่อตัวรุนแรงมากขึ้นในสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเพราะราคาน้ำมันโลกที่เพิ่มสูงขึ้น หรือเป็นผลข้างเคียงจากการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องยาวนาน อาจจะทำให้เฟดไม่มีทางออกอื่นนอกจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเมื่อนั้นหายนะจะมาเยือนตลาดทองคำในทันทีดังที่เคยเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 ที่ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นถึง 13.5% ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 870 เหรียญสหรัฐ พอล วอล์กเกอร์ ผู้ว่าการเฟดในสมัยนั้นประกาศขึ้นดอกเบี้ย 20% เพื่อแก้ปัญหา ซึ่งได้ทุบราคาทองคำดิ่งฮวบลงมาที่ราว 400 เหรียญสหรัฐ ในทันที..!

 

 

เป็นเหตุการณ์ที่ยังตอกย้ำได้ดีว่า “การลงทุน (ทองคำ) ย่อมมีความเสี่ยง” แต่ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าธนาคารกลางทั่วโลกกำลังพาประเทศชาติไปอยู่บนความเสี่ยงนั้นเพิ่มขึ้นเสียด้วย...

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------

อ่านข่าวนี้มีหลายส่วนที่ผมไม่เห็นด้วยนะครับ โดยเฉพาะตรงที่ผมทำอักษรสีแดง จากที่ผมหาข้อมูลต่างๆตั้งแต่ต้นเดือนมา ผมเชื่อว่าถึงเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยบ้างก็หยุดกระทิงตัวนี้ไม่ได้ครับ การจะหยุดกระทิงตัวนี้ได้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต้องเป็นบวกครับถึงจะหยุดอยู่ พอล วอล์กเกอร์ ทำไมต้องปรับถึ20% เพราะอัตราเงินเฟ้อที่วัดทั่วไป13.5% อย่าลืมนะครับอัตราเงินเฟ้อที่เขาประกาศเขาไม่รวมราคาอาหารและน้ำมัน เขาอ้างว่าราคาอาหารและน้ำมันแกว่งตัวรุนแรงไม่แน่นอนไม่ควรเอามาคิด อาหารคือปัจจัยสี่และจำเป็นที่สุดขาดไม่ได้ ถ้าเงินเฟ้อไม่เอาราคาอาหารมาคิด เงินเฟ้อตัวนั้นเป็นค่าที่เอามาหลอกลวงประชาชนครับ

สุดท้ายต้องขึ้นถึง20%ถึงเอาชนะเงินเฟ้อได้ เพราะอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงมากกว่า13.5%ครับ การจะหยุดกระทิงตัวนี้ได้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต้องเป็นบวกครับบถึงจะหยุดอยู่

ตอนนี้อเมริกาพิมพ์เงินมากมาย แต่เงินที่พิมพ์มากมายนั้นไหลไปอยูทางเอเซียเป็นส่วนมาก เงินเฟ้อที่อเมริกาประมาณ1.20%แต่ที่จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ทะลุ5%ไปแล้ว เงินเฟ้อคือมีเงินมากมายดังนั้นเงินมากมายไหลมาเอเซีย เงินมากองที่เอเซียเยอะเงินที่เอเซียจึงเฟ้อก่อนอเมริกา (ส่วนตัวผมมองว่าอเมริกาจงใจใช้เงินเฟ้อเล่นงานจีนด้วย) แต่ถึงวันที่ทุกประเทศไม่ต้องการดอลลาร์และดอลลาร์ไหลกลับ อภิมหาเงินเฟ้อจะเกิดที่อเมริการครับ

จากที่ผมบอกว่า การจะหยุดกระทิงตัวนี้ได้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต้องเป็นบวกครับบถึงจะหยุดอยู่ ดังนั้นอเมริกาต้องขึ้นดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า2%ณตอนนี้ ส่วนตัวผมมองว่าอัตราเงินเฟ้อแท้จริงไม่น้อยกว่า2%แล้ว หนี้สาธารณของอเมริกา14.4ล้านล้านเหรียญแล้ว ถ้าจ่ายดอกเบี้ย2%ก็ต้องจ่ายปีละ288000ล้านเหรียญ(แต่เงินเฟ้อมากกว่า2%) แค่จ่ายดอกเบี้ยก็แย่แล้ว มูลหนี้มหาศาลจนน่าจะไม่มีทางแก้แล้ว สงสัยอเมริกาคงคิดว่าถ้าจะล้มขอล้มพร้อมกันทั้งโลก ถ้าล้มพร้อมกันหมดอเมริกาอาจยังคงเป็นเบอร์1ได้

 

กระทิงทองตัวนี้เริ่มเดินเตาะแตะในปี2000-20001(ราคาทองขึ้นมา10-11ปีแล้วครับ) ช่วงนั้นเกิดฟองสบู่DOT.COMแตกและตามด้วยเหตุการณ์911(เครื่งบินชนตึกเวิดเทรด) อลันกรีนสแปน ลดดอกเบี้ยจาก6.5จนเหลือ1%(เมื่ออัตราดอกเบี้ยแท้จริงติดลบหรือเริ่มใกล้ศูนย์ เป็นการชุบชีวิตกระทิงทองคำ) สมัยโอบามากลัวกระทิงจะหมดแรงเลยลดดอกเบี้ยต่อเหลือ0-0.25% ตอนนี้อัตราดอกเบี้ยจริงติดลบเยอะ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนิดหน่อยเอาชนะเงินเฟ้อไม่ได้และก็หยุดกระทิงทองคำไม่ได้ครับ

ถูกแก้ไข ธันวาคม 11, 2011 โดย ส้มโอมือ

[goldleng 98]

ขอบคุณครับคุณส้มโอมือ วันหยุดยังขยันเอาข้อมูลมาแบ่งปันให้เรื่อยๆ เลย

[kh.sathit 13]

ขอบคุณส้มโอมือครับ

[tiny 83]

สำหรับทุกบทความนะคะ

 

 

เฮียกัมคะ ... อีโม้ขอบคุณตัวผู้หญิงหายไปไหนก็ไม่รุ (เหลือแต่ตัวผู้อ่ะ) บ่นนินุง ขำขำ นะคะ

[ลูกน้ำเค็ม 14]

ขอบคุณครับ คุณส้มโอมือ

[mdaddy 2,443]

ล่าสุดลุงจิมยังตอกย้ำคำพูดเดิมของแกว่า

 

"คุณควรเป็นธนาคารกลางของตัวเอง"

 

การจะเป็นธนาคารกลางของตัวเอง นั่นก็คือการมีทองคำเก็บไว้

เพราะทองคำ ไม่มีความเสี่ยงจากการเบี้ยวหนี้ ของผู้ออกตราสาร และเงินกระดาษ

 

ลุงแกยังมั่นใจเหมือนเดิมครับ ว่าจบ chop นี้แล้ว วิ่งต่อแน่นอน

 

http://www.jsmineset.com/2011/12/09/audio-in-a-broken-system-you-must-be-your-own-central-bank-sinclair-tells-king-world-news/

[leo_attack 579]

คำว่า "จบ chop" ในที่นี้หมายถึงยังไงหรอครับคุณ wcg

ถูกแก้ไข ธันวาคม 12, 2011 โดย leo_attack

[mdaddy 2,443]

เข้าใจว่าเป็นศัพท์ที่ลุงแกเลือกใช้เอง ไม่ใช้ศัพท์ปกติในการลงทุนทั่วไป

เท่าที่ฟังๆ แกพูดมาหลายที น่าจะคล้ายๆกับคำว่า "ทุบ" ที่เราใช้กันครับ

 

คำว่า "จบ chop" ในที่นี้หมายถึงยังไงหรอครับคุณ wcg

[kumponys 14,098]

เท่าที่เคยอ่านเจอ มักใช้คำว่า choppy market หรือ choppy trading ประมาณนี้นะครับ

หมายถึง ช่วงที่ตลาดมีคลื่นลม เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง ไม่มีทิศทาง

แกคงย่อๆน่ะ

[luck 512]

ขอบคุณมากค่ะ

[jojosung 29]

ขอบคุณครับ