ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

 

นักเตะทีมชาติไทย ลงสระว่ายน้ำภายในโรงแรมที่พัก เพื่อทำการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ขุนพลช้างศึกสามารถเอาชนะทีมชาติฮอนดูรัสไป 3 ประตูต่อ 1 โดยวันนี้มีการฝึกช้อมเฉพาะในช่วงเช้าเท่านั้น / ภาพ ‪#‎กิตตินันท์รอดสุพรรณ‬‪#‎LifeSter‬ ‪#‎NationPhoto‬ ‪#‎NationTV‬

 

 

 

 

1374906_10153108335127450_2053358690455200947_n.jpg?oh=b5a02eaf585c4123f42ecb2f66ac7391&oe=555C305D&__gda__=1433285260_2d4ba600305689b1d02d30788feb4a75

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

 

1476222_518375901636756_7895022669138030242_n.jpg?oh=5b0e2f72e74365a579d49269052671d8&oe=555E1022&__gda__=1431756473_75aeb31442104b8991161f5ae2548b6d

 

 

 

10255901_518375881636758_1874846164062625805_n.jpg?oh=7beda6349cb25b02427a3f27e9b348df&oe=556E69A3&__gda__=1432398354_2b9adf5bcd60e034a065de9f656dba16

 

 

ชมรมคนรักประวัติศาสตร์ไทย added 2 new photos.

11 hrs ·

 

 

ซึ่งวันนักประดิษฐ์ มีที่มา

วันนักประดิษฐ์ของไทย ตรงกับวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ของทุกปี

กำหนดขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗

ทั้งนี้เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงประดิษฐ์ "เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย"

หรือกังหันชัยพัฒนา และทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรการประดิษฐ์ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๖

 

และเพื่อเป็นที่ระลึกในวาระการจดทะเบียนและออกสิทธิบัตรให้แก่พระมหากษัตริย์ พระองค์แรกของโลก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.nationtv.tv/main/content/social/378442773/

ป๋าเปรม แนะตั้งศาลฉ้อราษฏร์บังหลวง จัดการคนโกง

ประธานองคมนตรี ปลุกคนไทยตื่นตัวไม่เมินเฉยกับคนทุจริตคอร์รัปชั่น

พร้อมแนะตั้งศาลฉ้อราษฏร์บังหลวง จัดการคนโกงแบบรวดเร็ว รุนแรง และเด็ดขาด

NATIONTV.TV

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิด 32.58/59 แข็งค่ากว่าภูมิภาค ลุ้นหลุด 32.50

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 17:45:20 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.58/59 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.67/68 บาท/ดอลลาร์

 

วันนี้เงินบาทแข็งค่าค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค น่าจะเป็นเพราะวันนี้มีแรงขายดอลลาร์จากฝั่ง offshore ตอนนี้คงต้องดูว่าบาทมีโอกาสจะแข็งค่าหลุดระดับ 32.50 บาท/ดอลลาร์ ไปได้หรือไม่ เพราะถ้าหลุดจากนี้ก็ยังมีแนวโน้มแข็งค่าได้ต่อ

 

 

 

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.50 - 32.65 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ม.ค.

 

* ปัจจัยสำคัญ

- ปิดตลาดช่วงเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 117.67 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 117.55 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1350 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1317 ดอลลาร์/ยูโร

 

- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,582.70 เพิ่มขึ้น 1.45 จุด (+0.09%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 42,910 ล้านบาท

 

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 405.80 ลบ.(SET+MAI)

- กระทรวงพาณิชย์ เผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ(CPI)เดือนม.ค.58 ดัชนีอยู่ที่ 106.02 ลดลง 0.41% จากเดือนช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 0.59% จากธ.ค. 57 เนื่องจากราคาพลังงานและอาหารสดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

- นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จากที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือน ม.ค.58 ที่ติดลบ 0.41% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และติดลบ 0.59% เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. 57 นั้น เป็นไปตามที่ ธปท.ได้ประเมินไว้แล้ว โดยอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบดังกล่าวมีสาเหตุสำคัญมาจากราคาน้ำมันที่ได้ปรับตัวลดลงตามราคาของตลาดโลก

 

- นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) คาดว่าแนวโน้มค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(Ft) งวดใหม่เดือน

 

พ.ค.-ส.ค. มีโอกาสที่จะปรับลดลงได้ จากระดับ 58.96 สตางค์/หน่วยในปัจจุบัน หากราคาน้ำมันดิบทรงตัวอยู่ในระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่กกพ.อยู่ระหว่างการจัดทำโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ ซึ่งพยายามจะทำให้แล้วเสร็จในงวดเดียวกันด้วย

 

- นายฮารุฮิโกะ คูโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการอ่อนค่าลงของสกุลเงินเยนญี่ปุ่นเมื่อเร็วๆนี้ว่า อัตราแลกเปลี่ยนควรเคลื่อนไหวโดยสะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ดังนั้นหากเงินเยนเคลื่อนไหวในรูปแบบนี้ ก็ไม่น่าจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างรุนแรงในภาพรวม

 

- เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2558 เพราะได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของการอุปโภคบริโภคและภาคบริการ โดยคาดว่าปีนี้ GDP จะโตได้ 7.4% ซึ่งแม้จะเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 24 ปี แต่เจพีมอร์แกน ยังคงมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีนในปี 2558 การปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น และรัฐบาลจีนควรจะเดินหน้าการปฏิรูปเศรษฐกิจต่อไป เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการแข่งขัน

 

- กระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจรัสเซีย ได้ทบทวนการคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศประจำปี 2558 และคาดการณ์ว่า GDP ในปีนี้จะหดตัวลง 3% หลังจากที่ราคาน้ำมันลดลงมาแตะที่ระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล พร้อมคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 12%

 

- ดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนขั้นสุดท้ายในเดือนม.ค.58 ขยายตัว 51.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ภายหลังจากที่สภาพธุรกิจในเยอรมนี, สเปน, เนเธอร์แลนด์ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค. 2557 ของยูโรโซนอยู่ที่ 50.6 ทั้งนี้ ดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า แต่ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นถึงภาวะหดตัว

 

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงเพิ่มขึ้น 180 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 11,840 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,280.76 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 19.47 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง

 

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2084481

 

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 17:05:30 น.

จูเลีย บิสฮอบ รมว.ต่างประเทศออสเตรเลียเปิดเผยในวันนี้ว่า อียิปต์ได้ปล่อยตัวนายปีเตอร์ เกรสเต ชาวออสเตรเลียซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวอัล-จาซีรา หลังจากที่นายเกรสเตถูกจำคุกเป็นเวลานานกว่า 1 ปี

 

--เอชเอสบีซี โฮลดิงส์เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนม.ค.ขยับขึ้นเล็กน้อยแตะ 49.7 จาก 49.6 ในเดือนธ.ค. แต่ลดลงเมื่อเทียบกับการประเมินเบื้องต้นที่ 49.8

 

 

 

--ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีใต้มียอดแกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2557 เนื่องจากการนำเข้าลดลงในอัตราที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ระดับต่ำ

 

--นายมิเชล ซาแปง รมว.คลังฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ฝรั่งเศสจะไม่เสนอตัดบัญชีหนี้สูญให้กับกรีซ พร้อมกับกล่าวว่า รัฐบาลฝรั่งเศสต้องการหารือเกี่ยวกับแนวทางการปรับลดภาระหนี้สินและการชำระคืนหนี้ดังกล่าว

 

--สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 6.96% ในเดือนม.ค.

 

อย่างไรก็ตาม ดัชนี CPI เดือนม.ค.ขยายตัวในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับระดับ 8.36% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ดัชนี CPI เดือนม.ค.ยังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับขึ้นราว 7.5%

 

--นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันทำงานเพื่อรับประกันความปลอดภัยของชาวญี่ปุ่นทั้งในและต่างประเทศ หลังจากที่กองกำลังของรัฐอิสลาม (IS) เผยแพร่วิดีโอการสังหารตัวประกันชาวญี่ปุ่นผ่านทางออนไลน์

 

--สมาคมผู้ค้ายานยนต์ของญี่ปุ่น (JADA) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในเดือนม.ค.ร่วงลง 19.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สู่ระดับ 401,366 คัน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 2 เดือนและปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 3 ปี เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีการบริโภคในเดือนเม.ย.ปีที่แล้วได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์

 

--ผลสำรวจระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของอิตาลีในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 49.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 48.4 ในเดือนธ.ค.

 

ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของฝรั่งเศสในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นที่ 49.2 ซึ่งเป็นสถิติที่สูงสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 47.5 ในเดือนธ.ค.

 

ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนีในเดือนม.ค. 2558 ลดลงแตะระดับ 50.9 จากระดับ 51.2 ในเดือนธ.ค.

 

ดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนขั้นสุดท้ายในเดือนม.ค.ขยายตัว 51.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน

 

ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอังกฤษขยับขึ้นแตะ 53.0 ในเดือนม.ค. 2558 เนื่องจากยอดสั่งซื้อและผลผลิตขยายตัวสูงขึ้น ภายหลังจากที่ชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557

 

ส่วนดัชนี PMI ภรคการผลิตของกรีซเดือนม.ค. 2558 ร่วงแตะระดับต่ำสุดรอบ 15 เดือนที่ 48.3 จากระดับเดือนธ.ค.ที่ 49.4 เหตุยอดสั่งซื้อสินค้าและผลผลิตของประเทศอ่อนตัวลง

 

--กระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจรัสเซียได้ทบทวนการคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศประจำปี 2558 และคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะหดตัวลง 3% ในปีนี้ หลังจากที่ราคาน้ำมันลดลงมาแตะที่ระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

--สำนักงานสถิติอินโดนีเซียเปิดเผยว่า อินโดนีเซียมียอดเกินดุลการค้าแตะ 186.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนธ.ค. หลังจากที่ขาดดุลทั้งสิ้น 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก่อนหน้า

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2084452

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีแคปตั้งเป้ายอดขายทองคำแท่งปีนี้โตกว่า 20-25% เพิ่มมาร์เก็ตแชร์อีก 10%

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 17:55:50 น.

นางสาวณัฐฏ์จงกล ปิ่นทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท จีแคป จำกัด ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำรายใหญ่ เปิดเผยว่า ในปี 58 บริษัทตั้งเป้ายอดขายทองคำแท่งเติบโตไม่น้อยกว่า 20-25% โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนลูกค้ารายย่อยและกลุ่มลูกค้า Online ที่ปัจจุบันมีอยู่ 3,000 ราย เป็น 5,000 ราย หรือเพิ่มขึ้น 70% และเพิ่มสัดส่วนลูกค้ารายใหญ่ประเภทค้าส่งที่ปัจจุบันมีอยู่ 1,200 ราย เป็น 1,800 รายหรือเพิ่มขึ้น 50% เพื่อดันส่วนแบ่งตลาด(มาร์เกตแชร์)ในปีนี้ให้เพิ่มขึ้น 30% จากเดิมอยู่ที่ 20%

 

 

 

ทั้งนี้ มองภาพรวมของราคาทองคำปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปยังออกมาไม่ดีนัก ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่า เป็นแรงผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น มองกรอบราคาปีนี้ที่ 1,325-1,350 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือประมาณ 27,000 บาท/บาททองคำ

 

อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ราคาทองคำคงยังมีความผันผวนอยู่มากหลังจากมีบางฝ่ายคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือน มี.ค.58 ซึ่งอาจจะส่งผลให้ราคาทองปรับตัวลง คาดว่าราคาทองน่าจะเคลื่อนไหวที่ราว 1,180 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ 18,200 บาท/บาททองคำ โดยแนะนำให้ทยอยเข้าซื้อเก็บ และขายทำกำไรในช่วงขาขึ้น แต่ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้มีโอกาสที่ราคาทองจะปรับเพิ่มขึ้นไปที่ 20,000 บาท/บาททองคำ และปริมาณการซื้อขายทองจะเพิ่มขึ้น 0.2-0.3%

 

ปัจจุบัน ตลาดทองคำของประเทศไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่กว่า 1.77 ล้านล้านบาท โดยจะสามารถเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ซึ่งผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 57 มียอดขายทองคำแท่งอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 15% จากปี 56 แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออก 5.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งประเทศออสเตรเลียคือประเทศหลักที่มีสัดส่วนตลาดมากขึ้น

 

อินโฟเควสท์ โดย สุวิมล ภูมิคำ/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2084484

 

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2558 โดย YLG

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 18:04:40 น.

กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--พีอาร์ดีดี

สภาวะตลาดวันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,274.10-1,283.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,700 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท ก่อนหน้าที่ระดับ 19,600 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG15 อยู่ที่ 19,810 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,810 บาท

 

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 17.14 น.ของวันที่ 02/02/15)

แนวโน้มวันที่ 03 กุมภาพันธ์ 2558

ความกังวลเรื่องภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรปเพิ่มสูงขึ้น เมื่อรัฐมนตรีคลังคนใหม่ของกรีซ ประกาศว่า กรีซ จะไม่ขอรับเงินช่วยเหลือเพิ่มจากกลุ่มเจ้าหนี้ "ทรอยกา" โดยกรีซต้องการบรรลุข้อตกลงใหม่เกี่ยวกับภาระหนี้สินของกรีซกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ต่างประเทศ ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ นักลงทุนในตลาดทองคำกำลังจับตาความเคลื่อนไหวประเด็นดังกล่าว หลังจากพรรคซีริซาที่มีจุดยืนต้านนโยบายรัดเข็มขัดชนะการเลือกตั้งเมื่อปลายเดือนที่แล้ว พร้อมประกาศว่า จะหาทางลดหนี้ของประเทศลงครึ่งหนึ่ง ขณะที่เยอรมนี ซึ่งให้เงินช่วยเหลือกรีซก้อนโต ออกมาปฏิเสธทันทีว่าจะไม่มีการลดหนี้ให้ ประเด็นดังกล่าวกระตุ้นความน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยต่อไปท่ามกลางความวิตก ทั้งนี้ คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) รายงานใน วันศุกร์ว่า ผู้จัดการกองทุนและกองทุนเฮดจ์ฟันด์ได้ปรับเพิ่มสถานะซื้อในทองคำสู่ จุดสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 มกราคม โดยนักเก็งกำไรปรับเพิ่มสถานะซื้อสุทธิในทองคำ 21,960 สัญญา สู่ 167,693 สัญญาซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2012 อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังคงถูกกดดันจาก สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันใน เดือนมกราคม ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1971 แม้ว่าในระยะสั้นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวไร้ทิศทางในหลังจากสหรัฐเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 4 ต่ำกว่าคาด ซึ่งขยายตัวเพียง 2.6% ในไตรมาส 4 ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 3% และต่ำกว่าการขยายตัวที่ 5% ในไตรมาส 3 เบื้องต้นวายแอลจียังคงให้จับตาราคาทองคำบริเวณ 1,286-1,296 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายังไม่สามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือโซนนี้ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะค่อยๆอ่อนตัวลงมา โดยประเมินแนวรับไว้ในบริเวณ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำ สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือ แนะนำให้ลงทุนระยะสั้นโดยเสี่ยงซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น ในระยะสั้นราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวในกรอบหากราคาสามารถการทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้เกิดแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามา แต่หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือรับได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทางเทคนิคและนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,286 หรือ 1,296 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนหากราคาไม่หลุดบริเวณแนวรับ

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,260 (19,410บาท) 1,252 (19,290บาท) 1,240 (19,100บาท)

แนวต้าน 1,286 (19,820บาท) 1,296 (19,970บาท) 1,305 (20,110บาท)

GOLD FUTURES (GFG15)

แนวรับ 1,260 (19,580บาท) 1,252 (19,460บาท) 1,240 (19,270บาท)

แนวต้าน 1,286 (19,980บาท) 1,296 (20,140บาท) 1,305 (20,280บาท)

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2084488

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงขายทำกำไร ฉุดทองคำปิดร่วง 2.3 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 07:39:34 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นกว่า 8% ในเดือนม.ค.

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 2.3 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ระดับ 1,276.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.3 เซนต์ ปิดที่ 17.251 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 9.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,228.60 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนเทขายทำกำไรสัญญาทองคำในวันทำการวันแรกของเดือนก.พ. หลังจากที่สัญญาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 8% ในเดือนม.ค. อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอในภาคการผลิตของสหรัฐ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนบางกลุ่มเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

ทั้งนี้ ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 53.5 ในเดือนม.ค. ลดลงจากระดับ 55.1 ในเดือนธ.ค. ขณะที่ผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐประจำเดือนม.ค.อยู่ที่ 53.9 ทรงตัวจากเดือนธ.ค.

 

นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาทองในปีนี้ราว 5% สู่ระดับ 1,262 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่คาดว่าราคาจะอ่อนตัวลงในไตรมาส 3 ของปีนี้ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาทองในปีหน้าลง 9% สู่ระดับ 1,089 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2084545

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

วันทหารผ่านศึก

 

วันทหารผ่านศึก

ตรงกับ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี

180740_187708281252495_6354126_n.jpg?oh=f6ab689a08fa124c7c4e31ced8b66f74&oe=55504544&__gda__=1431195131_18a860f6c5d52dcb2eff7c47bee99482

167880_187708181252505_6642398_n.jpg?oh=ae8615ff1ab81cd958dc15d261fd908a&oe=55589D74&__gda__=1431969065_f006daeccb5fa7869a884e1552593326

วันทหารผ่านศึก เป็นวันที่ทหารไทยกลับมาจากการรบสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นการช่วยเหลือครอบครัวทหาร ที่เสียชีวิตจากการรบ มีการสงเคราะห์โดยผ่านการเห็นจากรัฐบาล มีประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา

 

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2510 องค์การทหารผ่านศึก ได้เปลี่ยนมาเป็นองค์การกุศลของรัฐมาเป็นนิติบุคคล ตามกฎหมาย และกระทรวงกลาโหมจะจัดกองทุนรับเงินอุดหนุนขึ้น

ทหารผ่านศึกมีหน้าที่สงเคราะห์ด้านสวัสดิการ เช่น ที่อยู่อาศัย การศึกษาและการจัดหาอวัยวะเทียม และยังมีการสงเคราะห์ด้านอาชีพ โดยฝึกอบรมอาชีพ จัดหางานในต่างประเทศ และการสงเคราะห์ด้านเกษตรกรรม จัดหาที่ดินทำกินให้ความช่วยเหลือด้านเครื่องมือ และกองทุนต่างๆ จัดหาเงินให้สมาชิก ได้กู้ยืมไปประกอบอาชีพอีก และยังมีการรักษาพยาบาลฟรี โดยการส่งเสริมของทหารผ่านศึกโดยการขอสิทธิพิเศษด้านต่างๆ เช่น ขอลดค่าโดยสาร เป็นต้น

166884_187707634585893_7473740_n.jpg?oh=f040c41e33c09dd539c8e98d0ea7ddbd&oe=555C8B6D&__gda__=1432956219_98919aa75862f566b4ab632f76990ea1

ความเป็นมา

ด้วยตระหนักถึงคุณความดีของทหารหาญ ที่เป็นกองกำลังในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ พวกเขาพร้อมเผชิญหน้ากับอริราช ศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรงต่อภยันตรายใดๆ ทหารทุกคนต่างสละได้ทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่ร่างกายและลมหายใจ ด้วยตระหนักถึงคุณความดีของ ทหารหาญเหล่านั้น รัฐบาลจึงหาหนทางที่จะให้ความช่วยเหลือมาตลอด โดยในสมัย พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงกลาโหม เป็นผู้พิจารณาดำเนินการช่วยเหลือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงได้แต่งตั้งกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2488 โดยเรียกชื่อว่า "คณะกรรมการพิจารณา หาทางช่วยเหลือทหารกองทุน"

ครั้นต่อมา จำนวนของทหารผ่านศึกและครอบครัวทหารผ่านศึกมีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก การดำเนินงานโดยคณะกรรมการจึงไม่รัดกุมและเหมาะสมกับเหตุการณ์ รัฐบาลจึงได้จัดตั้งองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เรียกชื่อย่อว่า "อผศ" เพื่อเป็นหน่วยงานถาวรที่จะทำหน้าที่ในการดูแลให้การสงเคราะห์แก่ ทหารผ่านศึกและครอบครัวทหารผ่านศึกโดยตรง ด้วยการยกร่างพระราชบัญญัติ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกและประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวนทหารผ่านศึก ต่อมาสภาทหารผ่านศึก สภากลาโหม และรัฐบาลได้ปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติ เพื่อขยายการสงเคราะห์ให้ครอบคลุมไปถึงทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน และ พลเรือนที่ปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันหรือปราบปรามการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือความปลอดภัยแห่งราชอาณาจักร ทั้งภายในและภายนอกประเทศตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด กับทั้งให้รวมมูลนิธิช่วยทหารและครอบครัวทหารที่ไปช่วยสหประชาชาติทำการรบ

167030_187841814572475_7068733_n.jpg?oh=bb67589beb415a05bf3ed92de6d9846a&oe=556B11AE

 

องค์การได้ให้การสงเคราะห์ประเภทต่างๆ แก่ทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึกและนอกประจำการ กล่าวคือ ให้การสงเคราะห์ด้านสวัสดิการทั่วไป การสงเคราะห์ด้านอาชีพ การสงเคราะห์ด้านนิคมเกษตรกรรม การสงเคราะห์ด้านการรักษาพยาบาล การสงเคราะห์ด้านส่งเสริมสิทธิและเกียรติ

กิจกรรมวันทหารผ่านศึก

 

สำหรับในวันทหารผ่านศึกประจำทุกปี องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกได้กำหนดให้มีพิธีและกิจกรรมต่างๆ เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีและความเสียหายของเหล่าทหารผ่านศึกทั้งหลาย จะมีพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และพิธีสวน สนามสดุดีทหารผ่านศึก

ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลและประชาชน ชาวไทยยังคงระลึกถึงและไม่ลืมเลือนวีรกรรมที่เหล่าวีรชนทหารผ่านศึกได้เคย ประกอบเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน และ เพื่อคนไทยทั้งปวง

การบริจาคจากประชาชน อาจเป็นการนำเอาผลผลิตของทหารมาจำหน่ายกับประชาชนก็ได้ เช่น การทำดอก ป๊อปปี้ ออกไปขายสู่ประชาชนและอาจมีการตั้งกองทุนขึ้นทุกๆปี

 

"ดอกป๊อปปี้" ในทางสากลแล้วถือว่า เป็นดอกไม้ที่สื่อความหมายถึง ทหารผ่านศึกผู้พลีเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องมาตุภูมิอันเป็นที่รัก และในประเทศไทยยังกำหนดให้เป็น สัญลักษณ์ ของวันทหารผ่านศึก ๓ กุมภาพันธ์ ของทุกปีอีกด้วย ซึ่งในวันนี้ดอกป๊อปปี้สีแดงจะบานสะพรั่งไปทั่วแผ่นดิน

179280_187707801252543_4991916_n.jpg?oh=b99d79781f34757aa29ce11cee053e3d&oe=55590BC0&__gda__=1431737352_b721aeb217a7112c4c2e91dc1585bcf4

ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารผู้เสียสละแม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยและอธิปไตยของชาติ ดอกป๊อปปี้ สีแดง นั้น เป็นสัญลักษณ์แทน ทหารผ่านศึก ผู้พิทักษ์รักษาประเทศชาติให้มีเอกราชอธิปไตย สีแดงของดอกป๊อปปี้ คือ เลือดของทหารหาญที่ได้หลั่งชโลมแผ่นดินไว้ด้วยความกล้าหาญ เสียสละอันสูงสุด ดังนั้นวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันที่เราทั้งหลายจะได้เห็นดอกป๊อปปี้บานสะพรั่งไปทั่วราชอาณาจักร

180388_187707681252555_1428397_n.jpg?oh=ea0c2e68b5b814cdf40ee1225eea504d&oe=5551DF11&__gda__=1431283510_a83dcc5e593fbede41b9dbed513b9993

สำหรับประเทศไทยแล้ว การจัดทำดอกป๊อปปี้เพื่อจำหน่ายในวันทหารผ่านศึกเกิดจากดำริของ ท่านผู้หญิง จงกล กิตติขจร ประธานสโมสรสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก หรือมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกในปัจจุบัน ที่ต้องการจะดำเนินการหาทุนมาช่วยเหลือทหาร และครอบครัวทหารผ่านศึก ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศจึงได้เลือกเอาดอกป๊อปปี้สีแดง ซึ่งมีประวัติเกี่ยวโยงถึงสมรภูมิฟลานเดอร์ส สมรภูมิเบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ระหว่างสัมพันธมิตร และเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยสงครามในครั้งนั้นทหารพันธมิตรได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากสมรภูมินี้มากที่สุด จอมพลเอิร์ล ออฟ เฮก ผู้บัญชาการรบที่นั่นได้เห็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่น่าพิศวงและน่าพิศมัยเกิดขึ้น ณ สมรภูมิดังกล่าว ในบริเวณหลุมฝังศพทหาร โดยมีดอกป๊อปปี้ป่าขึ้นอยู่เดียรดาษทั่วไป ทำให้เกิดเป็นลานสีแดงฉานสวยงาม ตั้งแต่นั้นมาดอกป๊อปปี้จึงกลายเป็นดอกไม้อนุสรณ์แห่งวีรกรรมของทหารผ่านศึก เตือนใจให้ระลึกถึงเลือดสีแดงของทหารที่ได้เสียสละเพื่อประเทศชาติ

166694_187841851239138_1998045_n.jpg?oh=e3ea19ea64f164505e77aa350aab02d0&oe=556B25EA&__gda__=1432099911_24a6fa30087273b0ca94d605095e7f83

ประเทศไทยได้ส่งทหารเข้าร่วมรบในสงครามต่างๆ มาแล้ว โดยมีอนุสาวรีย์เชิดชูเกียรติ ปรากฎเป็นอนุสรณ์อยู่ วีรกรรมของนักรบไทยในการรบได้ขจรขจายไปทั่ว ปรากฎ ต่อสายตาชาวโลก ฉะนั้น เพื่อระลึกถึงเกียรติภูมิของนักรบกล้าหาญ จึงได้กำหนดให้ดอกป๊อปปี้เป็นดอกไม้ที่ระลึกสำหรับทหารผ่านศึกไทยเช่นเดียวกับในต่างประเทศ และมีการจำหน่ายในวันที่ระลึกทหารผ่านศึก ตั้งแต่ปี 2511 เป็นต้นมา นับเป็นโอกาสอันดีที่เราท่านทั้งหลายจะได้แสดงความระลึกถึง และช่วยเหลือทหารผ่านศึกและครอบครัว ด้วยการซื้อดอกป๊อปปี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารผ่านศึก ผู้กล้าหาญ และเสียสละ ตลอดจนเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีและวีรกรรมของเหล่าทหารหาญที่ทำให้เราอยู่กันอย่างสงบสุขบนผืนแผ่นดินไทย และมีอธิปไตยมีชาติ บ้านเมือง ให้ได้อยู่อาศัย ตราบชั่วลูกชั่วหลานจวบจนปัจจุบัน

กิจกรรมวันทหารผ่านศึก

 

การบริจาคจากประชาชน อาจเป็นการนำเอาผลผลิตของทหารมาจำหน่ายกับประชาชนก็ได้ เช่น การทำดอก ป๊อปปี้ ออกไปขายสู่ประชาชนและอาจมีการตั้งกองทุนขึ้นทุกๆปี

ขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.thaigoodview.com/node/16935

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 07:47:22 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 ก.พ. 2558

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยสกัดปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,361.04 จุด พุ่งขึ้น 196.09 จุด หรือ +1.14% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,676.69 จุด เพิ่มขึ้น 41.45 จุด หรือ +0.89% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,020.85 จุด เพิ่มขึ้น 25.86 จุด หรือ +1.30%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของยูโรโซน

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.1% ปิดที่ 367.28 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,828.01 จุด เพิ่มขึ้น 133.69 จุด หรือ +1.25% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,627.67 จุด เพิ่มขึ้น 23.42 จุด หรือ +0.51% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,782.55 จุด เพิ่มขึ้น 33.15 จุด หรือ +0.49%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวแข็งแกร่ง

 

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 33.15 จุด หรือ 0.49% ปิดที่ 6,782.55 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐจะปรับตัวลดลง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากข่าวการสไตร์คของสหภาพแรงงานน้ำมันสหรัฐ

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.33 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.75 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นกว่า 8% ในเดือนม.ค.

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 2.3 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ระดับ 1,276.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.3 เซนต์ ปิดที่ 17.251 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 9.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,228.60 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาในเชิงลบ แต่ดอลลาร์ปรับตัวแข็งแกร่งเมื่อเทียบฟรังก์สวิส หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ได้ดำเนินความพยายามเพื่อทำให้สกุลเงินในประเทศอ่อนค่าลง

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1346 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1293 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5037 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5061 ดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.23 เยน เทียบกับระดับ 117.53 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9283 ฟรังก์ จาก 0.9174 ฟรังก์

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,361.04 จุด เพิ่มขึ้น 196.09 จุด, +1.14%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,676.69 จุด เพิ่มขึ้น 41.45 จุด, +0.89%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,020.85 จุด เพิ่มขึ้น 25.86 จุด, +1.30%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,627.67 จุด เพิ่มขึ้น 23.42 จุด, +0.51%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,828.01 จุด เพิ่มขึ้น 133.69 จุด, +1.25%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,782.55 จุด เพิ่มขึ้น 33.15 จุด, +0.49%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 29,122.27 จุด ลดลง 60.68 จุด, -0.21%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,423.35 จุด เพิ่มขึ้น 32.15 จุด, +0.95%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,276.24 จุด ลดลง 13.16 จุด, -0.25%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,484.74 จุด ลดลง 22.31 จุด, -0.09%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,630.71 จุด ลดลง 59.20 จุด, -0.77%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,128.30 จุด ลดลง 82.06 จุด, -2.56%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,952.68 จุด เพิ่มขึ้น 3.42 จุด, +0.18%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 17,558.04 จุด ลดลง 116.35 จุด, -0.66%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,386.99 จุด เพิ่มขึ้น 25.08 จุด, +0.27%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,625.30 จุด เพิ่มขึ้น 37.00 จุด, +0.66%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,586.50 จุด เพิ่มขึ้น 34.90 จุด, +0.63%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2084548

 

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนค่าลง หลังข้อมูลศก.สหรัฐน่าผิดหวัง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 07:29:05 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาในเชิงลบ แต่ดอลลาร์ปรับตัวแข็งแกร่งเมื่อเทียบฟรังก์สวิส หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ได้ดำเนินความพยายามเพื่อทำให้สกุลเงินในประเทศอ่อนค่าลง

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1346 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1293 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5037 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5061 ดอลลาร์

 

 

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.23 เยน เทียบกับระดับ 117.53 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9283 ฟรังก์ จาก 0.9174 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7805 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7781 ดอลลาร์

 

สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันสกุลเงินดอลลาร์ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง 0.3% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย. หลังจากราคาน้ำมันที่ถูกลงและยอดขายรถยนต์ที่ตกต่ำ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การใช้จ่ายปรับตัวลง

 

ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 53.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในรอบปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 54.3

 

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 53.9 ซึ่งต่ำกว่าการประเมินของตลาด แม้ระดับที่สูงกว่า 50 จะบ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัว

 

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ได้ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ขณะที่มีสัญญาณว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) กำลังเข้าแทรกแซงค่าเงินในประเทศ หลังจากมีรายงานข่าวว่าธนาคารกลางได้กำหนดเป้าหมายอย่างไม่เป็นทางการสำหรับฟรังก์สวิสในช่วง 1.05-1.10 เมื่อเทียบยูโร

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2084544

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 00:01

 

ด่วน!รัฐบาลแจงปชช.อย่าหลงเชื่อแถลงการณ์ฯปลอม

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

 

 

 

news_img_632583_1.jpg

 

 

"พล.ต.สรรเสริญ" แจงนายกฯห่วงเหตุ"แถลงการณ์ฯสำนักพระราชวังฉบับ13" ที่ถูกปลอมขึ้น เตือนปชช.อย่าหลงเชื่อ

 

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในโลกโซเชียลมีเดียถึงแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังฉบับที่ 13 รัฐบาลยืนยันว่าข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่ไม่เป็นความจริง ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และรัฐบาลขอประนาฌกับผู้ที่นำเรื่องดังกล่าวมาเผยแพร่ในโลกโซเชียล ขณะรัฐบาลกำลังตรวจสอบและหาตัวมาดำเนินคดี

Tags : พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิดแถลงการณ์ปลอมสำนักพระราชวัง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โปรดทราบ...คลื่นยักษ์ การเมืองที่กรีซ อาจส่งผลช็อกโลกได้

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

 

 

 

news_img_632474_1.jpg

นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกรีซจากพรรคซ้ายจัด นายอเล็กซิส ซีพราส... "ผมจะปลดแอกคนกรีซไม่ให้เป็นเมืองขึ้นของเจ้าหนี้"

 

ผลการเลือกตั้งกรีซทำให้เกิด “คลื่นยักษ์” ทางการเมืองสำหรับยุโรปและทั้งโลก เพราะพรรคฝ่ายซ้าย “ซีริซา”

 

(Syriza) ชนะเลือกตั้ง พร้อมประกาศจะเจรจาเงื่อนไขเงินกู้ก้อนใหญ่กว่า 268,000 ล้านดอลลาร์ (8.5 ล้านล้านบาท) ที่รัฐบาลทำกับองค์การระหว่างประเทศใหม่ และจะยกเลิกมาตรการ “รัดเข็มขัด” ทั้งหลายทั้งปวง

นายกรัฐมนตรีคนใหม่ อเล็กซิส ซีพราส (Alexis Tsipras) อายุเพียง 40 แต่มีความกร้าวตามแบบของซ้ายสุดโต่งทางการเมืองประกาศว่าชัยชนะของพรรคของเขาจะยุติ “ห้าปีแห่งการที่คนกรีกถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและเจ็บปวด”

ชัยชนะของพรรคฝ่ายซ้ายในกรีซ ทำให้เกิดความหวั่นเกรง 3 ประการในประเทศยุโรป

1.กรีซอาจเบี้ยวหนี้ก้อนใหญ่

2.กรีซอาจออกจากยูโรโซน

3.กรีซอาจจับมือกับรัสเซียเพื่อสู้กับยุโรปตะวันตกอื่น ๆ

4.ชัยชนะของพรรคฝ่ายซ้ายในกรีซ (ครั้งแรกในหลายสิบปีในยุโรป) อาจทำให้พรรคฝ่ายซ้ายในประเทศยุโรปอื่นเกิดใหม่ได้

พรรค Syriza ได้ 149 ที่นั่ง ขาด 2 ที่นั่งก็จะได้เสียงส่วนใหญ่ จึงต้องจับมือกับพรรคเล็กอีกหนึ่งพรรคเพื่อตั้งรัฐบาล

ทันทีที่ผลการเลือกตั้งออกมา เงินสกุลกรีกก็หล่นฮวบไปที่ 1.11 ต่อหนึ่งเหรียญสหรัฐ เท่ากับต่ำที่สุดใน 11 ปี

ที่ว่ารัฐบาลใหม่ของกรีซจะก่อให้เกิดคลื่นความหวั่นไหวหนักหน่วง ก็เพราะกรีซมีปัญหาเศรษฐกิจใกล้เจ๊งมาแล้ว และอยู่รอดมาได้ก็เพราะเงินกู้ก้อนใหญ่ แลกกับมาตรการตัดงบประมาณอย่างรุนแรง เพื่อจะได้สามารถฟื้นจากวิกฤตได้

เงินกู้ก้อนนี้ตกลงกับ 3 ฝ่ายคือ สหภาพยุโรป, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF และธนาคารกลางยุโรป หรือ European Central Bank (ECB)

ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจของกรีซเข้าขั้นโคม่าหลังวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2008 ทำให้คนตกงานจำนวนมากและหากไม่มีเงินกู้ก้อนใหญ่มาอุ้มเอาไว้ ก็อาจจะเจ๊งไปแล้ว

แต่คนกรีกจำนวนไม่น้อยมีความโกรธแค้นที่ต้องถูกใช้ชีวิตอยู่ภายใต้มาตรการรัดเข็มขัด มีความไม่พอใจเยอรมันและสหภาพยุโรปที่ตั้งเงื่อนไขโหด ๆ เพื่อแลกกับการที่เข้ามาประคองไม่ให้กรีซต้องมีอันเป็นไป

ความเป็นห่วงหลักก็คือว่า นายกฯคนใหม่จะไม่สามารถทำตามคำมั่นสัญญาต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และหากรัฐบาลใหม่ตัดสินใจ“ชักดาบ” หนี้ก้อนยักษ์นี้ หรือขอเปลี่ยนเงื่อนไขหนักหน่วงจนเจ้าหนี้ไม่ยอม ก็อาจจะเกิดวิกฤตรอบใหม่ซึ่งจะมีผลกระทบไปทั่วโลก

นโยบายของพรรคฝ่ายซ้ายที่จะขึ้นมาเป็นรัฐบาลคือ การประกาศตนไม่เป็น “เมืองขึ้น” ของเจ้าหนี้ แต่ก็ไม่ปรากฏชัดเจนว่าทิศทางของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ จะทำอย่างไรจึงจะดูแลปากท้องของประชาชนได้โดยไม่ทำให้เกิดวิกฤตรอบใหม่ได้

อะไร ๆ ที่เคยคิดว่าจะไม่เกิดก็เกิดแล้ว

เช่นเคยเชื่อว่ายุโรปจะไม่ปั๊มเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า QE เหมือนสหรัฐ

และเคยเชื่อว่าอย่างไรเสียคนกรีซ ก็จะไม่เสี่ยงกับความหวือหวาทางการเมืองด้วยการเลือกพรรคฝ่ายซ้ายจัดเข้ามาบริหารประเทศ

แต่ทั้งสองเรื่องที่ครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่า “เป็นไปไม่ได้” ก็เกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นใกล้ ๆ กันเสียด้วย

และพอเข้าบริหารประเทศได้ไม่กี่วัน ผู้นำคนใหม่ของกรีซก็ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า จะจับมือกับรัสเซียในหลาย ๆ เรื่อง

ทำเอายุโรปตะวันตกใจหายใจคว่ำอีกรอบหนึ่ง เพราะรัสเซียกำลังทะเลาะกับยุโรปเรื่องยูเครน จนมีการประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

ถ้ากรีซประสานเสียงกับรัสเซีย ในเรื่องที่ยืนอยู่คนละข้างกับยุโรปตะวันตกและสหรัฐ ความตึงเครียดทางการเมืองกับเศรษฐกิจก็จะระเบิดขึ้นพร้อม ๆ กัน

อย่างนี้รับรองว่าดูไม่จืด

ต่อไปนี้ผมต้องจ้องดูความเคลื่อนไหวในกรีซอย่างไม่วางตาอีกประเทศหนึ่ง

 

Tags : ผลการเลือกตั้งกรีซอเล็กซิส ซีพราสนายกรัฐมนตรีคนใหม่กรีซพรรคฝ่ายซ้ายยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัด

 

เกาะติดหุ้นโลก 3-2-58 vdo.gif Morning News : เกาะติดหุ้นรอบโลก "NOW26" 3-2-58 คาดราคาทองคำโลกปีนี้แตะ1,350ดอลลาร์ "จีแคป โกลด์" ประเมินราคาทองโลกปีนี้มีลุ้นแตะ 1,350 ดอลลาร์ เชื่อทั่วโลกยังใช้ทองคำลดความเสี่ยง สรุปภาพรวมตลาดหุ้น 2-2-58 vdo.gif สรุปภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้น ช่วงตรงประเด็นข่าวค่ำ "NOW26" 2-2-58 แนวโน้มราคาทอง vdo.gif พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ต่างชาติขาย350ลบ. หุ้นไทยปิดบวก1.45จุด เงินบาทปิดที่32.58/60แข็งค่า

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

 

 

ข่าวยอดนิยม

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $1.33 จากคาดการณ์การผลิตน้ำมันลดลง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 07:22:09 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐจะปรับตัวลดลง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากข่าวการสไตร์คของสหภาพแรงงานน้ำมันสหรัฐ

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.33 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.75 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) และสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) ที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ลดลงสู่ระดับ 49.8 ในเดือนม.ค. จากระดับ 50.1 ในเดือนธ.ค.

 

แต่หลังจากนั้นไม่นาน สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น ขานรับผลการสำรวจของเบเกอร์ ฮิวจ์ที่ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐ ปรับตัวลง 7% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์มองจำนวนแท่นขุดเจาะที่ลดลงเป็นสัญญาณว่า การร่วงลงของราคาน้ำมันจะส่งผลต่อการผลิตน้ำมันในอนาคต

 

บริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ประกาศตัดงบรายจ่ายด้านการลงทุน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีข้างหน้า หลังเผยกำไรลดลงจากการทรุดตัวของราคาน้ำมัน

 

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังพุ่งขึ้นจากข่าวที่ว่า คนงานของสหภาพแรงงานในโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานเคมีภัณฑ์ 9 แห่ง ทำการผละงานประท้วงเป็นวันที่ 2 เมื่อวานนี้ ขณะที่ต้องการทำสัญญาฉบับใหม่ทั่วประเทศกับบรรดาบริษัทน้ำมันซึ่งจะครอบคลุมถึงพนักงานในโรงงานน้ำมันถึง 63 แห่ง

 

การเจรจาระหว่างสหภาพแรงงานและฝ่ายบริหารของบริษัทน้ำมันไม่มีความคืบหน้า ท่ามกลางการดิ่งลงของราคาน้ำมันถึงเกือบ 60% นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้บริษัทน้ำมันปรับลดค่าใช้จ่ายในการผลิตน้ำมัน

 

ทั้งนี้ การประท้วงดังกล่าวถือเป็นการแสดงออกครั้งแรกเพื่อสนับสนุนการทำสัญญาทั่วประเทศนับตั้งแต่ปี 1980 โดยพุ่งเป้าไปยังโรงงานน้ำมันที่มีกำลังการกลั่นน้ำมันรวมกัน 10%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2084543

 

 

ข่าวร้ายถล่ม-ส่งออกแย่-หนี้สูง-กำลังซื้อหด เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวยาก

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- อังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 06:00:00 น.

“สมหมาย” ยอมรับข่าวระเบิดกระทบเศรษฐกิจ ทีดีอาร์ไอชี้ฟื้นตัวยาก เหตุส่งออก การบริโภคในประเทศยังไม่ดีขึ้น

 

เพราะหนี้ครัวเรือนสูง ทำให้ไม่กล้าจับจ่าย ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เกษตรกรไม่มีกำลังซื้อ มีปัญหาในการจ่ายหนี้ ธนาคารโลกเตือนตลาดเงินผันผวน การค้าโลกยังอ่อนแอ

 

นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยถึงผลกระทบความเชื่อมั่นจากเหตุการณ์ระเบิดบริเวณพื้นที่ของบีทีเอสเชื่อมห้างสรรพสินค้าพารากอน เมื่อคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่าย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะมากหรือน้อยยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากหลังเกิดระเบิดได้มีการปล่อยข่าวลือ เช่น ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลก็กล่าวหาว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ เพื่อคงกฎอัยการศึก ก็ต้องให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง ว่าการระเบิดเกิดจากอะไร เพื่อให้เกิดความมั่นใจจะได้ไม่ต้องไปตีความต่างๆ กัน

 

 

 

กลุ่มธนาคารโลกและสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ จัดรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก 2015 โดย นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนายั่งยืน ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2558 ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน เพราะปัจจัยในประเทศยังกดดัน แม้ว่าราคาน้ำมันลดลงมามาก แต่มีผลต่อการบริโภคในประเทศน้อยเพราะไทยยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะผลกระทบจากโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีข้างหน้า ประกอบกับหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลสูง และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้ภาคหลักคือเกษตรกรยังไม่มีกำลังซื้อและมีปัญหาในการชำระหนี้

 

ขณะที่รัฐบาลยังไม่กล้าออกมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากนัก เพราะกังวลต่อปัญหาหนี้สาธารณะที่อาจจะสูงขึ้น ทำได้เพียงกระตุ้นการลงทุนในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งหวังว่าโครงการเหล่านี้จะเป็นไปตามแผน แต่จะมีผลต่อเศรษฐกิจในอีก 2-3 ปีข้างหน้ามากกว่า ดังนั้นเศรษฐกิจในปีนี้ยังคาดหวังได้ยาก ประกอบกับการส่งออกของไทยที่เคยเป็นตัวขับเคลื่อนหลักลดลง มีปัญหาด้านขีดความสามารถในการแข่งขัน หากจะแก้ไขปัญหาจะต้องมีการลงทุนในเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นการลงทุนดังกล่าว

 

นายยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน ทีดีอาร์ไอ กล่าวคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจ หรือจีดีพี ของประเทศไทย ในปี 2558 น่าจะเติบโต 3.5-4% ซึ่งดีขึ้นกว่าปี 2557 เนื่องจากการเมืองมีความมั่นคง และรัฐบาลมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและลงทุน ทำให้การจ้างงานเพิ่มขึ้น เมื่อรวมผู้ว่างงานเดิมกับผู้เรียนจบใหม่ คาดว่าอัตราการว่างอยู่ที่ 0.8-1% หรือประมาณ 400,000 คน กลุ่มที่น่าเป็นห่วง คือผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มีกว่า 100,000 คน โดยรัฐบาลและกระทรวงแรงงาน ต้องหาทางส่งเสริมให้คนกลุ่มนี้มีงานทำ รวมทั้งขยายอายุเกษียณจาก 55 ปี เป็น 60-65 ปี เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีงานทำ

 

นายอาญาน โคส ผู้อำนวยการกลุ่มแนวโน้มพัฒนาการเศรษฐกิจโลก กลุ่มธนาคารโลก กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2558 น่าจะเติบโต 3.5% สูงกว่าปีก่อนที่ขยายตัวเพียง 0.5% ขณะที่เศรษฐกิจโลกคาดว่าขยายตัว ได้ 3% สูงกว่าปีที่ผ่านมา ขยายตัว 2.3% ถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น แต่มีความเสี่ยงจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่แตกต่าง ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินแตกต่างกันมาก

 

โดยสหรัฐอเมริกาที่มีเศรษฐกิจขยายตัวดี จะปรับขึ้นดอกเบี้ย แตกต่างจาก ยุโรป และญี่ปุ่น ที่ยังใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินหรือ QE ดอกเบี้ยต่ำ ส่วนจีน เศรษฐกิจชะลอตัวลง ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินมีความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งความแตกต่างด้านเศรษฐกิจนี้ จะส่งผลให้ตลาดเงินยังมีความผันผวนจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในหลายประเทศปรับเพิ่มสูงขึ้น และเศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัวและอาจเกิดภาวะเงินฝืด

 

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบเศรษฐกิจโลกก็คือการค้าโลกที่ยังอ่อนแอ โดยเฉพาะจากประเทศผู้ค้าน้ำมัน และสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ธนาคารโลกคาดว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันยังลดลงต่อเนื่อง ซึ่งคาดการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ย อยู่ที่ 53 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงถึง 40% ส่งผลดีต่อประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ดังนั้นประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ควรใช้โอกาสนี้ ปฏิรูปและลดการอุดหนุนราคาพลังงาน ส่งเสริมสวัสดิการสังคมต่างๆ แทน ขณะที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ที่ถูกผลกระทบจากราคาน้ำมันลดลงทำให้เศรษฐกิจประเทศเหล่านี้แย่ลง ควรจะกระจายแหล่งรายได้ทางเศรษฐกิจทั้งในระยะกลางและระยะยาว จากเดิมที่เคยพึ่งพารายได้จากน้ำมันมากเกินไป

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/nnd/2084687

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...