ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งทุบราคาทองคำปิดลบ 8.1 ดอลลาร์

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 24 มกราคม 2558 08:52:12 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) อันเนื่องมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโร

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 8.1 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ 1,292.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 18.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 6 เซนต์

 

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,268.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 16.1 ดอลลาร์

ราคาทองคำได้รับแรงกดดันหลังค่าเงินยูโรร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ อันเนื่องมาจากการประกาศซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจยูโรโซนมีเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 1 ล้านล้านยูโร

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้ทรัพย์สินที่ซื้อขายเป็นดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงทองคำ มีราคาสูงขึ้น

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งของกรีซที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27-28 ม.ค.นี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง โทร.02-2535000 ต่อ 349 อีเมล์: ket@infoquest.co.th--

 

หุ้นแบงก์ทรุดฉุดตลาดกรีซร่วงถ่วงตลาดหุ้นยุโรปอ่อนตัว

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 22:59:36 น.

ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนตัวลงในวันนี้ โดยถูกถ่วงลงจากการทรุดตัวของตลาดหุ้นกรีซ

ตลาดหุ้นเอเธนส์ของกรีซร่วงลง 3.7% ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง 10.1% หลังมีข่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ตัดสินใจระงับสิทธิพิเศษที่เคยให้แก่สถาบันการเงินต่างๆของกรีซในการใช้พันธบัตรรัฐบาลกรีซมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอเงินกู้จากธนาคารกลาง

 

 

 

ดัชนี FTSEurofirst 300 ของยุโรปปรับตัวลง 0.3% สู่ระดับ 1,482.22 จุด

การดำเนินการล่าสุดของ ECB หมายความว่า ธนาคารกลางกรีซจะต้องจัดสรรเงินให้แก่ธนาคารพาณิชย์ของกรีซด้วยวงเงินปล่อยกู้ฉุกเฉินจำนวนหลายหมื่นล้านยูโรของ ECB ในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลกรีซ รวมทั้งพันธบัตรที่รับประกันโดยทางการกรีซ จะไม่มีคุณสมบัติในการเป็นหลักทรัพย์เพื่อค้ำประกันสำหรับการระดมทุนครั้งใหม่จาก ECB ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ของกรีซอีกต่อไป

 

ก่อนหน้านี้ ธนาคารพาณิชย์ของกรีซได้อาศัยสิทธิพิเศษดังกล่าวสำหรับการระดมทุนจาก ECB ด้วยต้นทุนต่ำ ผ่านทางวงเงินปล่อยกู้ปกติของธนาคารกลางกรีซ แต่นับจากนี้ไป ธนาคารกรีซจะต้องระดมทุนผ่านทางวงเงินปล่อยกู้ฉุกเฉินของ ECB ซึ่งภายใต้วงเงินปล่อยกู้ฉุกเฉินดังกล่าวนั้น อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับที่สูงขึ้น

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การตัดสินใจของ ECB จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับการเจรจาระหว่างกรีซและบรรดาเจ้าหนี้ โดยบ่งชี้ว่า ECB กำลังใช้ไม้แข็ง และไม่มีแนวโน้มที่จะมีการประนีประนอม

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2087073

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 07:37:50 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 ก.พ.2558

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของน้ำมันดิบ

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,884.88 จุด เพิ่มขึ้น 211.86 จุด หรือ +1.20% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,765.10 จุด เพิ่มขึ้น 48.40 จุด หรือ +1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,062.52 จุด เพิ่มขึ้น 21.01 จุด หรือ +1.03%

 

 

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาหนี้ของกรีซ หลังจากมีรายงานว่าการเจรจาระหว่างรมว.คลังของกรีซและเยอรมนีไม่มีความคืบหน้า

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 372.51 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,703.30 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด หรือ +0.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,905.41 จุด ลดลง 5.91 จุด หรือ -0.05% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,865.93 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด หรือ +0.09%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน

 

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 5.91 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 6,865.93 จุด

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐมียอดขาดดุลการค้าสูงเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าข้อมูลด้านแรงงานสหรัฐออกมาในเชิงบวก

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1472 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1418 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5332 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5222 ดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.57 เยน เทียบกับระดับ 117.36 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9229 ฟรังก์ จาก 0.9237 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7804 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7781 ดอลลาร์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงไปกว่า 4 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.48 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 2.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ และหันไปลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 1.8 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 1,262.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 19.9 เซนต์ ปิดที่ 17.196 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 10.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,249.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,884.88 จุด เพิ่มขึ้น 211.86 จุด +1.20%

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,765.10 จุด เพิ่มขึ้น 48.40 จุด +1.03%

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,062.52 จุด เพิ่มขึ้น 21.01 จุด +1.03%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,865.93 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด +0.09%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,905.41 จุด ลดลง 5.91 จุด -0.05%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,703.30 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด +0.15%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,765.50 จุด เพิ่มขึ้น 31.80 จุด +0.55%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,811.00 จุด เพิ่มขึ้น 33.70 จุด +0.58%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,512.05 จุด ลดลง 1.87 จุด -0.02%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,512.05 จุด ลดลง 1.87 จุด -0.02%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,952.84 จุด ลดลง 9.95 จุด -0.51%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,136.53 จุด ลดลง 37.60 จุด -1.18%

 

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,674.24 จุด ลดลง 41.82 จุด -0.54%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,765.49 จุด เพิ่มขึ้น 85.73 จุด +0.35%

 

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,279.90 จุด ลดลง 35.38 จุด -0.67%

 

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,803.21 จุด เพิ่มขึ้น 0.19 จุด +0.01%

 

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,406.58 จุด ลดลง 10.99 จุด -0.32%

 

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,406.58 จุด ลดลง 10.99 จุด -0.32%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2087087

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ปรับลง หลังสหรัฐขาดดุลการค้าสูงเป็นประวัติการณ์

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 07:20:04 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐมียอดขาดดุลการค้าสูงเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าข้อมูลด้านแรงงานสหรัฐออกมาในเชิงบวก

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1472 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1418 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5332 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5222 ดอลลาร์

 

 

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.57 เยน เทียบกับระดับ 117.36 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9229 ฟรังก์ จาก 0.9237 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7804 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7781 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทาง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐมียอดขาดดุลการค้าพุ่งขึ้นในเดือนธ.ค. จากการที่ชาวอเมริกันซื้อสินค้านำเข้ามากขึ้น ขณะที่การส่งออกลดต่ำลง

 

สหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 17.1% สู่ระดับ 4.656 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเดือนพ.ย. ซึ่งถือเป็นตัวเลขขาดดุลการค้าที่สูงเป็นประวัติการณ์เมื่อคิดเป็นสกุลดอลลาร์ ขณะที่ตัวเลขการขาดดุลในเดือนพ.ย.อยู่ที่ 3.975 หมื่นล้านดอลลาร์

 

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร ลดลง 1.8% ต่อปีในช่วงไตรมาส 4/2557 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าปัจจัยดังกล่าวอาจจำกัดการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว

 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลด้านแรงงานกลับออกมาในทิศทางที่ดี เมื่อกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. เพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 278,000 ราย โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 290,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัว

 

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างก็จับตาดูข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในเดือนม.ค.ที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ เพื่อประเมินภาพรวมเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานสหรัฐ

 

ส่วนสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินอื่นๆ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ได้เข้าซื้อยูโรเพื่อทำให้ฟรังก์สวิสอ่อนค่าลง

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2087084

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 211.86 จุด รับข้อมูลแรงงานสหรัฐ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 06:16:22 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของน้ำมันดิบ

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,884.88 จุด เพิ่มขึ้น 211.86 จุด หรือ +1.20% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,765.10 จุด เพิ่มขึ้น 48.40 จุด หรือ +1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,062.52 จุด เพิ่มขึ้น 21.01 จุด หรือ +1.03%

 

 

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. เพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 278,000 ราย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 290,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัว

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กที่ปรับตัวขึ้น หลังจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้

 

หุ้นไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.87% หลังจากมีรายงานว่าไฟเซอร์ทำข้อตกลงซื้อกิจการบริษัทฮอสพิรา ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาและเทคโนโลยีทางการแพทย์

 

หุ้นทวิตเตอร์ ปรับตัวขึ้น 1.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2557 อยู่ที่ 479 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 97% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2556 ที่ระดับ 243 ล้านดอลลาร์

 

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลดลง โดยหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ และหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ต่างก็ปรับตัวลง 1.1%

 

นักลงทุนจับตาดูความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหนี้ของกรีซอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดมีรายงานว่ารมว.คลังกรีซและรมว.คลังเยอรมันได้แสดงความขัดแย้งกันอย่างเปิดเผย หลังการเจรจาอย่างเคร่งเครียดเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของกรีซที่กรุงเบอร์ลิน ขณะเดียวกันมีรายงานว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ระงับสิทธิที่เคยให้แก่สถาบันการเงินต่างๆของกรีซในการใช้พันธบัตรรัฐบาลกรีซมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอเงินกู้เป็นการชั่วคราว หลังจากที่กรีซไม่ได้แสดงเจตจำนงตามสัญญาอย่างเคร่งครัด

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 234,000 ราย หลังจากเพิ่มขึ้น 252,000 รายในเดือนธ.ค.

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2087080

 

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับราคาน้ำมันดีดตัว

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 08:37:26 น.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากหุ้นกลุ่มวัสดุและพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 0.4% สู่ระดับ 142.14 จุด เมื่อเวลา 9.01 น.ตามเวลาโตเกียว

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,696.18 จุด เพิ่มขึ้น 191.56 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,843.20 จุด เพิ่มขึ้น 77.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,521.88 จุด เพิ่มขึ้น 9.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,955.13 จุด เพิ่มขึ้น 2.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,411.48 จุด เพิ่มขึ้น 4.90 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,806.31 จุด เพิ่มขึ้น 3.10 จุด

 

 

 

ทั้งนี้ นักลงทุนได้เข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงไปกว่า 4 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2087273

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก $2.03 จากแรงซื้อเก็งกำไร,เงินดอลล์อ่อน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 06:40:28 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงไปกว่า 4 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.48 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 2.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลง 4.60 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 6.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล

 

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และข้อมูลแรงงานที่สดใสของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย สหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. เพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 278,000 ราย แต่ตัวเลขดังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 290,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัว

 

ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า บริษัทพลังงานหลายแห่งวางแผนที่จะลดการลงทุนในปีนี้ รวมถึงเอ็กซอนโมบิล, เชฟรอน, รอยัล ดัทช์ เชลล์ และบีพี ขณะเดียวกันผลการสำรวจของเบเกอร์ ฮิวจ์ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลง 7% ในสัปดาห์ที่แล้ว

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2087082

 

 

ฉุกเฉินจำนวนหลายหมื่นล้านยูโรของอีซีบีในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เกาะติดหุ้นโลก 6-2-58 vdo.gif Morning News : เกาะติดหุ้นรอบโลก "NOW26" 6-2-58 'ประสาร'ติงกรณีสจล.เหมือนเต้นแทงโก้ "ประสาร" เตือนสถาบันการเงินดูแลพนักงานให้ทำตามกฎ โดยเฉพาะกรณีสจล.เหมือนเต้นแทงโก้ ทำคนเดียวไม่ได้ สรุปภาพรวมตลาดหุ้น 5-2-58 vdo.gif สรุปภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้น ช่วงตรงประเด็นข่าวค่ำ "NOW26" 5-2-58 แนวโน้มราคาทอง vdo.gif 'เจ.พี.มอร์แกน'คาดจีดีพีไทยโต4% แบงก์ชาติเตือนนักธุรกิจอย่าประมาท พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ต่างชาติขาย106ลบ.

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

 

 

ข่าวยอดนิยม

 

ตำรวจเร่งสำนวนคดียักยอกเงินสจล. มั่นใจสิ้นเดือนส่งสำนวนอัยการทัน

 

กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ณษ เศวตเลขรอง ผบก.ป.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีลักเงินคงคลังสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) 1,474 ล้านบาท กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนคดีนี้ ว่า ภายหลังจากการสอบปากคำ นายคงฤทธิ์ สิงห์นุโคตร อายุ 49 ปี หรือ “จุง สตรีเหล็ก” หนึ่งในสมาชิกทีมวอลเล่ย์บอลชื่อดัง “สตรีเหล็ก” อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวเข้าให้ข้อมูลในคดีนั้นเป็นไปตามขั้นตอน

พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า นายคงฤทธิ์ ยอมรับว่ารู้จักกับนายทรงกลด แต่ไม่ได้สนิทสนมกัน ซึ่งนายทรงกลด ก็ได้โอนเงินมาเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังจากนั้นก็มีการแจ้งจาก น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อดีต ผอ.ส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีดังกล่าว โดยอ้างว่าต้องการถอนเงินนำไปใช้จ่าย ก็ทำเรื่องถอนเงินไป สำหรับยอดเงินที่ระบุว่ามีจำนวน 300 ล้านบาท ถูกนำมาฝากเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาที่นายคงฤทธิ์ เป็นผู้จัดการ เพื่อหวังดอกเบี้ยที่สูงขึ้นก็คือเงินส่วนนี้ แต่นายคงฤทธิ์ ก็ยืนยันว่า ดอกเบี้ยที่จะได้รับก็เหมือนกับการฝากกับธนาคารสาขาอื่นทั่วไปปกติ

รอง ผบก.ป.กล่าวอีกว่า น.ส.อำพร จึงได้ถอนเงินออกไปจากบัญชีดังกล่าว นายคงฤทธิ์ ก็ทำเรื่องให้ถอนเงินไป แต่ภายหลังปรากฎว่าเอกสารในการดำเนินการไม่สมบูรณ์ ส่วนในรายละเอียดต่างๆ ในชั้นนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบคำให้การ ซึ่งก็ต้องเปรียบเทียบดูกับเอกสาร หากมีอะไรเพิ่มเติมก็จะต้องพิจารณาอีกที แต่เท่าที่มีอยู่ในมือพนักงานสอบสวนขณะนี้ยังเป็นเพียงเบื้องต้น สำหรับเอกสารที่ยังเซ็นชื่อลงนามไม่ครบ ก็จะเกิดปัญหาเช่นกรณีการดำเนินคดีกับนายทรงกลด ต้องมีการสอบสวนต่อว่าให้ผ่านไปได้อย่างไร ต้องมีการเสนอให้ผู้บริหารเซ็นให้ครบ

"ในเมื่อธนาคารไม่ให้ความเชื่อถือเขาจึงลาออกมา เงินจำนวนนี้ถูกเบิกออกไปแล้ว เพราะไม่ได้ดอกเบี้ยสูงตามความต้องการ นายทรงกลด และ น.ส.อำพร จึงถอนเงินออกไป ส่วนสาเหตุที่นายคงฤทธิ์ ลาออก นั้น อาจเป็นเพราะทางธนาคารดังกล่าวไม่ไว้ใจ เขาก็ต้องพิจารณาตัวเองด้วยการลาออก เพราะหากมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการสาขาแล้วมีความบกพร่อง แค่ครั้งเดียวเขาก็ลาออก โดยทางธนาคารแห่งนี้ก็ทำหนังสือแจ้งไปแล้วว่าเหตุใดจึงปล่อยให้เกิดข้อบกพร่องขึ้นได้"พ.ต.อ.ณษ กล่าว

พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดรายชื่อนายคงฤทธิ์ ออกจากการเป็นพยานในคดีนี้ ส่วนจะเชิญตัวมาให้ปากคำอีกหรือไม่คงขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ตรวจสอบหากยังมีข้อสงสัยในประเด็นใด ก็จะต้องเรียกมาเข้าพบพนักงานสอบสวนอีก ขณะเดียวกัน เรื่องของเอกสารทางการเงินตัวจริง ที่ได้รับจากธนาคารไทยพาณิชย์ก่อนหน้านี้ ก็ตรวจสอบจนใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว คงต้องมีการตรวจพิสูจน์ลายมืออีก แต่สิ่งที่เป็นปัญหาติดขัดไม่ได้อยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวน เช่น กรณีการพิสูจน์ลายนิ้วมือ ต้องส่งให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจสอบ แล้วแจ้งผลกลับมา

รอง ผบก.ป.กล่าวอีกว่า คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะนำส่งเอกสารที่ต้องตรวจพิสูจน์ลายมือให้ทาง พฐ.ได้ทั้งหมด ส่วนกรณีของบุคคลที่พนักงานสอบสวนได้มีหมายเรียกให้เข้าพบแล้วยังไม่มาตามกำหนดอีก 3 ราย คงต้องพิจารณาเหตุผล ว่าเป็นเพราะเหตุใด หากไม่มีการประสานชี้แจงมาก็คงต้องพิจารณากันอีกครั้งว่าจะขออนุมัติศาลออกหมายจับฐานขัดหมายเรียกหรือไม่ ขอยืนยันว่าขั้นตอนต่างๆ เราเร่งรัดดำเนินการอยู่โดยจะทันกำหนดภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ อย่างแน่นอน สามารถสรุปสำนวนคดีส่งอัยการได้ อาจจะมีการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีเพิ่มเติมอีกก็ได้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

Tags : พ.ต.อ.ณษ เศวตเลขตำรวจสำนวนคดียักยอกสจล.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

โชคดีนะคะ ประมาณตน มีวินัย ไม่ประมาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หม่อมอุ๋ยยันไม่จำเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากรอบแรกเห็นผลแล้ว

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 16:14:31 น.

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบที่สองอีก หลังจากที่รัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่เดือน ต.ค.57 ส่งผลต่อเศรษฐกิจภายใประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้วในขณะนี้ ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย น่าจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ให้เติบโตได้ถึง 4%

 

 

รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า เห็นได้จากตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนโดยเฉพาะในเดือน ม.ค.58 ถึง 5.8 แสนล้านบาท ทำให้สามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ถึง 4.01 หมื่นล้านบาท จากปี 56 อยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท มีปัจจัยมาจากในเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวดลง,การช่วยเหลือชาวสวนยางในวงเงินรวม 8,500 ล้านบาท และการเปิดโรงงานใหม่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ส่วนการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ยังมีความล่าช้ากว่าที่ควร และการใช้จ่ายภาครัฐในงบปกติทำได้เพียง 12% ของงบลงทุนทั้งปี ซึ่งรัฐบาลจะเข้าไปเร่งนัดในส่วนดังกล่าวเพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น โดยจะผลักดันให้เพิ่มขึ้นเป็น 30% ภายในเดือน มี.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะยังคงช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาและเกษตรกรชาวสวนยางอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการช่วยเหลือชาวนาในพื้นที่แห้งแล้งซ้ำซากที่มีอยู่ 3,062 ตำบล ช่วยเหลือตำบลละ 1 ล้านบาทเพื่อลดต้นทุนการผลิตและมีเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น รวมถึงโครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยไม่เกินครอบครัวละ 1 แสนบาท เพื่อให้นำไปใช้ปรับปรุงต้นยาง หรือประกอบกิจการอื่นๆ โดยขณะนี้มีผู้มายื่นขอมาแล้วราว 1 แสนราย และอนุมัติไปแล้ว 1.5 หมื่นราย ซุ่งรัฐบาลจะเร่งอนุมัติให้เร็วขึ้น เพื่อให้เกษตรกรมีเงินไปลงทุนในฤดูกาลหน้า

นอกจากนั้น ยังมีการลงทุนด้านก่อสร้าง ซ่อมแซ่มโรงเรียน ศาลา สถานีอนามัยทั่วประเทศ วงเงินลงทุนจำนวน 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย

"ตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา การกระตุ้นเศรษฐกิจน่าจะส่งผลมายังปีนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากราคาน้ำมันที่น่าจะปรับลดลงเรื่อยๆ การช่วยเหลือเกษตรกรชาวนา ชาวสวนยางต่างๆ รวมถึงการอนุมัติการประกอบกิจการโรงงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้เราก็จะยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการอนุมัติให้เกิดโรงงานใหม่ที่เหลืออยู่อีก 2,000 กว่าแห่ง เพื่อให้เกิดการลงทุน และเข้ามาเป็นเงินหมุนเวียนในระบบ อย่างไรก็ตามก็พยายามใช้เงินให้ครบและลงไปในทุกภาคส่วน เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น โดยไม่ให้เสียเปล่า"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า หากอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ และตลาดหุ้นไทยด้วย แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้กดดันการทำงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)เพราะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่สามารถตัดสินในเรื่องดังกล่าวได้ โดยการประชุม กนง.ที่ผ่านมา ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2%

อินโฟเควสท์ โดย สุวิมล ภูมิคำ/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

สรุปภาวะตลาด Futures By GT Wealth Management 6 ก.พ. 58 (ภาคบ่าย)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 17:22:19 น.

กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--GT Wealth Management

ดัชนี SET50 ปิดบวก 5.26 จุด ปิดที่ระดับ 1,071.36 จุด ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากแรงซื้อหุ้นเข้ามาในกลุ่มพลังงานหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบเพื่อรอดูการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯในคืนนี้

 

ภาวะการซื้อขายระหว่างวัน คุณวราวุธ เบญจาพุทธารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า SET50 ได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมัน แต่ราคาทองคำยังอยู่ในกรอบแคบเพื่อรอดูประเด็นสำคัญในคืนนี้ ส่วนสัปดาห์หน้า ติดตามสถานการณ์ในยุโรปโดยเฉพาะของกรีซที่จะมีผลต่อสินทรัพย์ทั่วโลก

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2087833

 

สรุปภาวะตลาด Futures By GT Wealth Management 6 ก.พ. 58 (ภาคบ่าย)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 17:22:19 น.

กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--GT Wealth Management

ดัชนี SET50 ปิดบวก 5.26 จุด ปิดที่ระดับ 1,071.36 จุด ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากแรงซื้อหุ้นเข้ามาในกลุ่มพลังงานหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบเพื่อรอดูการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯในคืนนี้

 

ภาวะการซื้อขายระหว่างวัน คุณวราวุธ เบญจาพุทธารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า SET50 ได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมัน แต่ราคาทองคำยังอยู่ในกรอบแคบเพื่อรอดูประเด็นสำคัญในคืนนี้ ส่วนสัปดาห์หน้า ติดตามสถานการณ์ในยุโรปโดยเฉพาะของกรีซที่จะมีผลต่อสินทรัพย์ทั่วโลก

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2087833

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ต่างชาติซื้อ1.7พันลบ. พอร์ตลงทุนต่างชาติซื้อ 1.7 พันลบ. รายย่อยขาย 3.7 พันลบ. สถาบันซื้อ 1.6 พันลบ. บัญชีบล.ซื้อ 274 ลบ. หุ้นไทยปิดบวก5.71จุด หุ้นไทยปิดบวก 5.71 จุด อยู่ที่ 1,613.63 จุด ราคาน้ำมันหนุน-คาดสัปดาห์หน้าผันผวน กรอบ 1,580-1,630 จุด เงินบาทปิดที่32.52-32.54แข็งค่า ค่าเงินบาทปิดตลาดที่ 32.52-32.54 บาท/ดอลลาร์ แนวโน้มแข็งค่า คาดสัปดาห์หน้าแกว่ง 32.50-32.65 บาท/ดอลลาร์ Money Wise COMMODITIES 6-2-58 vdo.gif สรุปภาวะซื้อขายตลาดหุ้นไทยภาคบ่าย 6-2-58 vdo.gif ดัชนีคาดการณ์รายได้ลดลงรอบ4เดือน หวังVATก.พ.-มี.ค.ทำได้3.8-3.9หมื่นลบ

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

 

 

ข่าวยอดนิยม

 

กมธ.ยกร่างรธน.เคาะหมวด 7 การกระจายอำนาจและการบริหารส่วนท้องถิ่น เสนอตั้งสมัชชาพลเมืองช่วยประชาชน

 

นายคำนูญ สิทธิสมาน และนายวุฒิสาร ตันไชย โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ร่วมกันแถลงว่า ที่ประชุมคณะกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่ 45 มีการพิจารณาในภาคที่ 2 ว่าด้วยเรื่อง ผู้นำการเมืองที่ดี และ สถาบันการเมืองหมวด 7 การกระจายอำนาจและการบริหารส่วนท้องถิ่น ต่อจากวันที่ 5 ก.พ. ที่พิจารณาเสร็จไป 1 มาตรา และในวันนี้ (6 ก.พ.)มีการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 มาตรา ในหมวด 7 ที่เหลือตั้งแต่มาตรา ที่ 1-6

นายวุฒิสาร กล่าวว่า การแก้ไขในหมวดการกระจายอำนาจ เน้นการสร้างความหลากหลายในการทำงานมากกว่ารัฐธรรมนูญมากกว่าที่ผ่านมา เพิ่มอำนาจให้องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นสามารถดูแลประชาชน สำหรับในส่วนมาตราที่ถูกแก้ไข ได้แก่ในมาตราที่ 1 ระบุว่า เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้เป็นไปตามหมวดนี้ ให้มีประมวลกฎหมาย ท้องถิ่น โดยต้องให้มีการกระจายอำนาจที่เพิ่มขึ้น มีหน่วยงานรับผิดชอบการกระจายอำนาจที่เป็นเอกภาพ สามารถดำเนินการให้การกระจายอำนาจเป็นผลสำเร็จ มีการจัดสรรภาษีและรายได้ระหว่างรัฐกับองค์กร บริหารท้องถิ่นที่เหมาะสมกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรบริหารท้องถิ่นแต่ละประเภท และมีระบบตรวจสอบ และประเมินผลการกระจายอำนาจ

นายวุฒิสาร กล่าวว่า ส่วนการแก้ในมาตราที่ 2 ว่าองค์กรบริหารท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำบริการสาธารณะและสร้างความมั่นคงและ เข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น ย่อมมีอำนาจหน้าที่ของตนเองโดยเฉพาะ อย่างน้อยต้องมีอำนาจหน้าที่ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น การสาธารณูปโภคและ สาธารณูปการ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเศรษฐกิจ พื้นฐาน การศึกษาอบรม และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น องค์กรบริหารท้องถิ่น

นายวุฒิสาร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องบริหารงานให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และมีความเป็นอิสระในการกำหนด นโยบาย การบริหาร การจัดบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคล และการคลัง โดยต้องคำนึงถึง ดุลยภาพระหว่างความเป็นอิสระและมีมาตรฐาน ความสอดคล้องกับการพัฒนาของจังหวัด ภาคและประเทศเป็น ส่วนรวม องค์กรบริหารท้องถิ่นต้องมีขนาดและศักยภาพที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อตอบสนองต่อความ ต้องการของประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยสามารถจัดทำบริการ สาธารณะได้ในรูปแบบที่หลากหลาย สามารถสร้างความร่วมมือกับทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชา สังคมได้ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าเป็นประโยชน์ และให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ

นายวุฒิสาร กล่าวว่า สำหรับมาตราที่ 3 นั้นได้มีการแก้ไขโดยระบุว่า การกำกับดูแลองค์กรบริหารท้องถิ่นต้องกระทำตามกฎหมายเท่าทที่จำเป็นและ ต้องเป็นไปเพื่อการคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นหรือประโยชน์ของประเทศเป็นส่วนรวม และ เป็นหลักประกันให้แก่ประชาชนจากการใช้อำนาจขององค์กรบริหารท้องถิ่น เหมาะสมกับรูปแบบขององค์กร บริหารท้องถิ่นและจะกระทบกับหลักความเป็นอิสระขององค์กรบริหารท้องถิ่นมิได้

ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งในส่วนของการกำกับดูแลนั้น รัฐอาจทำดังต่อไปนี้ 1.กำหนดมาตรฐานให้องค์กรบริหารท้องถิ่น ปฏิบัติและติดตามตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานนั้น 2. ทำสัญญาแผนระหว่างรัฐ ราชการส่วนภูมิภาค และองค์กรบริหารท้องถิ่น 3.ส่งเรื่องให้ศาลปกครองพิจารณาวินิจฉัยว่ากฎคำสั่ง มติ หรือการกระทำใด ของผู้บริหารท้องถิ่น สภาท้องถิ่น หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น เป็นไปโดยมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายและ 4. การอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ

มาตราที่ 4 โดยแก้ไขให้ระบุว่า ประชาชนหรือชุมชนย่อมมีสิทธิส่วนร่วมในการบริหารงานขององค์กร บริหารท้องถิ่น ในการกำหนดรูปแบบขององค์กรบริหารท้องถิ่น การเปลี่ยนแปลงเขตการปกครองท้องถิ่น การบริหารงานท้องถิ่น การออกเสียงประชามติระดับท้องถิ่น การตรวจสอบการดำเนินงาน การถอดถอนสมาชิก สภาท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือการเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น

ทั้งนี้ ตามที่ กฎหมายบัญญัติองค์กรบริหารท้องถิ่น มีหน้าที่ต้องส่งเสริมมีส่วนร่วมของประชาชน อย่างน้อยต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร รายงานผลการดำเนินงาน และรายงาน งบการเงินและสถานการณ์การคลังท้องถิ่นให้ประชาชนทราบ ส่งเสริมสมัชชาพลเมือง รวมทั้งต้องจัด ให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจ ในการดำเนินงานที่มีผลกระทบต่อประชาชน

นายวุฒิสาร กล่าวด้วยว่า ตามที่กฎหมายบัญญัติ เพื่อประโยชน์ในการมีส่วนร่วมของประชาชนตามมาตรานี้พลเมืองอาจรวมกันเป็น สมัชชาพลเมืองซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากองค์ประกอบที่หลากหลายจากพลเมืองและมีความเหมาะสมกับภูมิสังคมของแต่ละพื้นที่ มีภารกิจในการร่วมกับองค์กรบริหารท้องถิ่นในการ ดำเนินการตามที่บัญญัติไว้ในมาตรานี้ องค์ประกอบ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ที่มา วาระการดำรงตำแหน่ง ภารกิจของ สมัชชาพลเมือง และการอื่นที่จำเป็น ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ

สำหรับในมาตราที่ 5 นั้น ทางที่ประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญได้แก้ไข ให้ระบุว่าการบริหารงานบุคคลขององค์กรบริหารท้องถิ่น ต้องเป็นไปตามความเหมาะสม และความจำเป็นขององค์กรบริหารท้องถิ่นแต่ละรูปแบบ โดยต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ 1. บุคลากรของท้องถิ่นมีสถานะเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่นหรือลูกจ้างส่วนท้องถิ่น และสามารถ ย้ายหรือสับเปลี่ยนสังกัดระหว่างองค์กรบริหารท้องถิ่นรูปแบบต่างกันได้

2. ให้มีองค์กรกลางบริหารงานบุคคล ขององค์กรบริหารท้องถิ่นทุกรูปแบบ ในระดับชาติและระดับจังหวัด ร่วมกันเป็นองค์กรเดียว และมีองค์ประกอบ 4 ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนขององค์การบริหารท้องถิ่น ผู้แทน ข้าราชการส่วนท้องถิ่น และผู้ทรงคุณวุฒิ มีจำนวนเท่ากัน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ ส่วนองค์กรบริหาร ท้องถิ่นรูปแบบพิเศษอาจมีองค์กรกลางบริหารงานบุคคลเป็นการเฉพาะได้ตามที่กฎหมายบัญญัติ ให้มีคณะกรรมการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการส่วนท้องถิ่นโดยระบบคุณธรรมในแต่ละจังหวัด เพื่อคุ้มครองข้าราชการส่วนท้องถิ่นจากการแทรกแซงของผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ และในส่วนของมาตราที่ 6 ทางที่ประชุม กมธ.ได้มีมติให้ตัดมาตรานี้ออกไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากประเมินตามสัดส่วนความเป็นจริงและความน่าจะเป็น งบประมาณระดับชาติและระดับท้องถิ่นควรจะเป็นสัดส่วนเท่าไรต่อเท่าไร นายวุฒิสาร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับภารกิจ ในวันนี้เราใช้เงินเป็นตัวนำ ขณะที่ไม่สามารถคำนวณได้ว่าองค์กรท้องถิ่นที่ทำงานอยู่ แบกรับงบประมาณในอัตราเท่าไร ดังนั้นเรื่องสำคัญ คือ การกำหนดขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่ชัดเจนว่าองค์การบริหารท้องถิ่นในอนาคตควรมีบทบาทหน้าที่อะไรบ้าง ที่จะเพิ่มเติมจากนี้ รวมไปถึงหน้าที่ที่จะมีการจัดการกันเอง และตรงนั้นจะกลับมาสู่วิธีการคิดว่าสัดส่วน รายได้ระหว่างรัฐกับท้องถิ่นควรเป็นเท่าไร ทั้งนี้กฎหมายในปีพ.ศ. 2540 และปีพ.ศ. 2542 ต้องถือว่าเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เกิดการผลักดันการกระจายอำนาจสำเร็จในช่วงเวลานั้น แต่ทั้งนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่วันนี้ความรับผิดชอบองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นต้องมาก่อน จากนั้นจึงจะสามารถบอกได้ว่า เราควรจัดสัดส่วนรายได้เป็นเท่าไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า สมัชชาพลเมืองที่มีอำนาจในการตรวจสอบ จะรวมไปถึงการถอดถอนด้วยหรือไม่ นายคำนูญ กล่าวว่า ไม่น่าจะรวม สมัชชาพลเมืองเป็นข้อเสนอของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และข้อเสนอของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญส่วนหนึ่ง ที่สะท้องมาจากสภาพความเป็นจริง ที่ขณะนี้เกิดสภาพลเมืองขึ้นหลายพื้นที่ เป็นเรื่องที่องค์กรส่วนท้องถิ่นเดิม หรือที่เรียกใหม่ว่าองค์กรบริหารท้องถิ่นในจังหวัดที่มีพัฒนาการสูง ประชาชนมีส่วนร่วมสูง ก็จะก่อให้เกิดสภาแบบนี้ขึ้น เพื่อที่เวลาที่องค์กรบริหารท้องถิ่น ดำเนินการอะไร สภาแห่งนี้ก็จะเสมือนที่หารือ ระหว่างฝ่ายที่มีอำนาจกับฝ่ายที่เป็นตัวแทนของประชาชนที่หลากหลาย ซึ่งความจริงแล้วสิ่งเหล่านี้ต้อง เกิดจากความพร้อมของประชาชนในแต่ละพื้นที่ ส่วนรูปแบบที่มาก็เป็นไปอย่างหลากหลาย สมัชชาพลเมืองไม่มีแม้แต่รายได้ เงินเดือนประจำ และไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร ทาง กมธ.ยกร่างได้มีการอภิปรายกันมากถึงกฎหมายที่จะเป็นรูปแบบเฉพาะ

Tags : คำนูญ สิทธิสมานวุฒิสาร ตันไชยสมัชชาพลเมือง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

 

 

Thanong Fanclub

2 hrs ·

 

 

1. จับตาวิกฤติกรีซ วิกฤติยูเครน & วิกฤติISIS

ความเสี่ยงของสงครามโลกที่กำลังก่อตัวขึ้นมา ถ้าจะสาวกันจริงๆแล้ว ต้องโยงใยให้ถึงวิกฤติกรีซ วิกฤติยูเครน และวิกฤติISIS ทั้ง3วิกฤติมีลักษณะ หรือพื้่นฐานที่แตกต่างกัน แต่สามารถที่จะจุดปะทุให้เกิดความขัดแข้งระหว่างมหาอำนาจจนถึงขั้นทำสงครามกันได้ เพราะว่าโลกตะวันตกกำลังเสื่อมทางอำนาจและการเงิน ในขณะที่จีนและรัสเซียกำลังพยายามถีบตัวเองขึ้นมาเพื่อท้าทายอำนาจของตะวันตก

กรีซเป็นวิกฤติเศรษฐกิจและการเงิน ยูเครนเป็นวิกฤติสงครามกลางเมือง และเป็นสงครามตัวแทนของโลกตะวันตกและรัสเซีย ส่วนISISเป็นซาตานที่โลกตะวันตกสร้างขึ้นมาเพื่อหาเหตุที่จะก่อสงครามในตะวันออกกลาง เพื่อการครอบครองบ่อน้ำมันในตะวันออกกลาง ซึ่งยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพลังงานโลก ยังไม่นับถึงความสำคัญของตะวันออกกลางในฐานะที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของภูมิรัฐศาสตร์โลก

 

ระบบยูโรจะอยู่หรือจะไปขึ้นอยู่กับว่าพวกที่กุมบังเหียนสหภาพยุโรปที่กรุงบรัสเซลล์จะจัดการกับกรีซ ซึ่งกลายเป็นลูกหนี้กบฎอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง หรือเพื่อดับไฟแต่ต้นลม เพราะว่าถ้าระบบยูโรพัง นาโต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางทหารของยุโรป+สหรัฐฯจะเสื่อมอำนาจลงไป

รัฐบาลกรีซใหม่ภายใต้การนำของนายAlexis Tsiprasไม่ต้องการยอมรับแผนการช่วยเหลือทางการเงินเดิมที่มีขนาด240,000ล้านยูโรของtroika ซึ่งประกอบด้วยธนาคารกลางของยุโรป สหภาพยุโรป และกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่ทำมากับกรีซแล้ว2ฉบับตั้งแต่ปี2010 ทั้งนี้แผนการช่วยเหลือกรีซมีเงื่อนไขที่เข้มงวดเช่นต้องทำงบประมาณเกินดุลเทียบ4.5%ของจีดีพี ต้องขายรัฐวิสาหกิจ ต้องจ่ายหนี้ตามกำหนด ไม่มีการลดหนี้ที่มีขนาด320,000ล้านยูโร ปรากฎว่าเงินช่วยเหลือกรีซประมาณ80%ไหลกลับเข้าไปในมือของเจ้าหนี้แบงค์ต่างประเทศ โดยที่รัฐบาลกรีซแทบจะไม่ได้จับเม็ดเงินเลย และเม็ดเงินที่เหลือไม่ได้ตกถึงมือประชาชนแต่อย่างใด

กรีซมีอัตราการตกงานสูงสุดในบรรดาประเทศที่ใช้เงินสกุลร่วมยูโรด้วยกันถึง25%กว่า โดยที่คนหนุ่มสาวมีอัตราตกงานกว่า50% มาตรการบีบรัดทางการคลังที่เข้มงวดของทรอยก้า รวมทั้งความไม่เชื่อมั่นในระบบธนาคารของกรีซทำให้เศรษฐกิจถดถอย ติดลบรวมกันแล้ว25%ตั้งแต่ปี2010 ถ้ากรีซต้องเดินหน้าต่อภายใต้การกำกับของทรอยก้า ซึ่งต้องการปกป้องผลประโยชน์ของแบงค์เจ้าหนี้ของเยอรมันเป็นหลัก มีหวังต้องตายเหมือนลูกเขียด ประชาชนชาวกรีกทนไม่ไหวถึงได้เลือกพรรคฝ่ายซ้ายไซรีซ่า (Syriza)ของนายAlexis Tsiprasขึ้นมามีอำนาจเพื่อที่จะล้มเงื่อนไขมหาโหดของทรอยก้า

ชัยชนะของพรรคไซรีซ่า ซึ่งเป็นตัวแทนของพวกรากหญ้าทำให้พวกอำมาตย์ที่สหภาพยุโรปสั่นสะเทือน เพราะว่าพรรคนี้เป็นตัวแทนของเสียงรากหญ้าของชาวยุโรปที่ไม่เอาอำนาจบาตรใหญ่ของบรัสเซลล์ เพราะว่าทนความยากไร้ ความลำบากกับวิกฤติเศรษฐกิจยุโรปที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี2009แทบจะไม่ไหวกันแล้ว ในเสปน ฝรั่งเศส โปรตุเกส ไอร์แลนด์ รวมทั้งอิตาลีเกิดมีกระแสนิยมฝ่ายซ้าย ไม่ยอมรับอำนาจของสหภาพยุโรปมากขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าหากว่าไซรีซ่าทำสำเร็จในการท้าทายอำนาจของบรัสเซลล์เพื่อเจรจาให้ได้เงื่อนไขที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเลิกนโยบายรัดเข็มขัด การขอลดหนี้ หรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไป จะกลายเป็นแบบอย่างให้ประเทศยุโรปตอนใต้ที่เจอวิกฤติเศรษฐกิจเดินตามรอยเท้า เมื่อเป็นเช่นนั้นระบบการเงินยูโรจะพังและอยู่ไม่ได้ เพราะว่าแบงค์ยุโรปที่อ่อนแออยู่แล้วจะไปก่อน

thanong

6/2/2015

 

 

 

 

10393916_319004164962631_1493448125492503026_n.jpg?oh=be9e52b501c346140548c73bf4e3269b&oe=554908E9&__gda__=1431255128_d803913370fb7fd576fd499de927912c

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนม.ค.

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 20:53:20 น.

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 257,000 รายในเดือนม.ค. จากระดับ 329,000 รายในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 5.7% จาก 5.6% ในเดือนธ.ค.

ตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค.ถือเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ราย

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 234,000 รายในเดือนม.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ 5.5%

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย.และธ.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งจากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้

การจ้างงานในภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 267,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่ภาครัฐลดการจ้างงาน 10,000 ตำแหน่ง

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

น้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งกว่า 3% จากปัจจัยสู้รบในลิเบีย,เศรษฐกิจสหรัฐสดใส

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 19:53:13 น.

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 3% ในวันนี้ จากการสู้รบในลิเบีย และสัญญาณความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ

 

ณ เวลา 19.36 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนมี.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 3.01% แตะ 52.00 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. เพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 278,000 ราย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 290,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัว

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้

 

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 234,000 ราย หลังจากเพิ่มขึ้น 252,000 รายในเดือนธ.ค.

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2087888

 

ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่งกว่า 1% หลังเผยจ้างงานสหรัฐ กังวลเฟดขึ้นดบ.

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 21:13:05 น.

ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลงในวันนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่สูงเกินคาด ซึ่งหนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกลางปีนี้

 

ณ เวลา 20.59 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 16.3 ดอลลาร์ หรือ 1.29% สู่ระดับ 1,245.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากอยู่ที่ 1.260.90 ดอลลาร์ ก่อนการเปิดเผยข้อมูลจ้างงานสหรัฐ

 

 

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 257,000 รายในเดือนม.ค. จากระดับ 329,000 รายในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 5.7% จาก 5.6% ในเดือนธ.ค.

 

ตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค.ถือเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ราย

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 234,000 รายในเดือนม.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ 5.5%

 

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย.และธ.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งจากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้

 

การจ้างงานในภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 267,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่ภาครัฐลดการจ้างงาน 10,000 ตำแหน่ง

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2087895

 

*ผู้ว่าธปท.แย้มพร้อมผ่อนคลายมากขึ้น รับมือภาวะศก. ขณะเชื่อเฟดขึ้นดบ.ไม่กระทบ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 19:17:33 น.

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย ขณะเปิดช่องใช้นโยบายผ่อนคลายมากขึ้น หากภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้

 

ทั้งนี้ ในการให้สัมภาษณ์ต่อนาย Sri Jegarajah ผู้สื่อข่าวจาก CNBC สถานีข่าวการเงินยักษ์ใหญ่ในวันนี้ นายประสารกล่าวว่า ตลาดการเงินของไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

 

 

 

ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากภาวะปั่นป่วนของตลาดโลก ขณะที่เศรษฐกิจในปัจจุบันได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง

 

เขากล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ส่วนใหญ่ยังคงมองว่า นโยบายการเงินผ่อนคลายในปัจจุบันมีความสอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับ 4%

 

แต่ธปท.ยังคงมีช่องว่างที่จะใช้นโยบายผ่อนคลายมากขึ้น หากกิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้

 

ผู้ว่าธปท.แสดงความพอใจกับค่าเงินบาทในขณะนี้ ขณะที่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แต่จะไม่มีผลกระทบมากนักต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์สิ่งนี้มาเป็นเวลานานแล้ว

 

นายประสารยังกล่าวว่า เนื่องจากไทยมีความสมดุลในการค้าระหว่างประเทศ เศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสได้ช่วยชดเชยภาวะซบเซาจากตลาดของสหภาพยุโรป (EU) และญี่ปุ่น นอกจากนี้ ไทยมีตลาดการค้าที่หลากหลายกับกลุ่มประเทศในภูมิภาค CLMV ซึ่งประกอบด้วยกัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม

 

ธปท.คาดว่าการส่งออกจะมีการขยายตัว 1% ในปีนี้

ผู้ว่าธปท.ระบุว่า ผู้บริโภค และนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากกว่าปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นไทยประสบปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง แต่ภาระหนี้ในภาคครัวเรือนยังคงเป็นปัญหา

 

กระทบการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของนักลงทุนที่ยื่นขอสิทธิประโยชน์ในการลงทุน

 

นายประสารเชื่อว่า การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าตามแผนที่กำหนด จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน

 

ส่วนการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 3.5% ในปีนี้ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของธปท.ที่ 4% นั้น ผู้ว่าธปท.กล่าวว่า ตัวเลขของ IMF และธปท. มาจากสมมติฐานที่แตกต่างกัน โดยที่เหมือนกันคือการคาดการณ์การส่งออกที่อ่อนแอ แต่ที่ต่างกันคือสมมติฐานเกี่ยวกับการลงทุนในภาครัฐและเอกชน ซึ่งIMF คาดการณ์ต่ำกว่าธปท.

 

สำหรับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้นั้น นายประสารกล่าวว่า ปัจจัยต่างประเทศยังคงมีความผันผวน และไม่สามารถเป็นปัจจัยเอื้อต่อประเทศได้มากนัก แต่สิ่งที่สามารถควบคุมได้คือการใช้จ่ายและการลงทุนของรัฐบาล ขณะที่การบริโภคของภาคเอกชน และการใช้จ่ายในภาครัฐจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

 

นายประสารยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยไม่เผชิญความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปได้ร่วงลงสู่ระดับติดลบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเพิ่มขึ้น

 

ต่อข้อถามที่ว่า หลังจากที่เขาพ้นวาระการดำรงตำแหน่งในปลายเดือนก.ย.นี้ ผู้ว่าธปท.คนใหม่ควรมีคุณสมบัติเช่นใด นายประสารกล่าวว่า ควรเป็นคนดี และมีความสามารถ

 

นอกจากนี้ นายประสารยังระบุว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ให้ความเป็นอิสระกับธปท.เป็นอย่างดี โดยไม่มีการแทรกแซงใดๆ

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2087884

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เทรดเดอร์คาดเฟดปรับเพิ่มดอกเบี้ยเร็วขึ้น หลังจ้างงานสหรัฐแกร่งเกินคาด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 21:55:56 น.

สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่า ขณะนี้เทรดเดอร์มองว่ามีความเป็นไปได้ 62% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในเดือนก.ย. ขณะที่มีความเป็นไปได้ 47% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่สูงเกินคาด และค่าจ้างเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว

 

 

 

ก่อนการเปิดเผยรายงานดังกล่าว เทรดเดอร์คาดว่าเฟดจะรอจนกว่าเดือนต.ค.สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 257,000 รายในเดือนม.ค. จากระดับ 329,000 รายในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 5.7% จาก 5.6% ในเดือนธ.ค.

 

ตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค.ถือเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ราย

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 234,000 รายในเดือนม.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ 5.5%

 

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย.และธ.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งจากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้

 

การจ้างงานในภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 267,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่ภาครัฐลดการจ้างงาน 10,000 ตำแหน่ง

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2087898

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...