ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

FRIDAY, DECEMBER 28, 2012

 

 

 

 

Marc Faber : I own Gold. It's my biggest position in my life. The possibility of the Gold Price going down doesn't disturb me

 

 

 

 

faber+6.jpg

Marc Faber : I have argued for the last 12 years that investors should buy a little bit of physical gold every month and put it aside without concerns about corrections. If you don't own any gold, I would start buying some right away, keeping in mind that it could go down.

 

For the last 40 years in my business I've seen people always lose money when they put too much money into something and then it goes down. They panic and sell, or they have a margin call to sell—and lose money. I own gold. It's my biggest position in my life. The possibility of the gold price going down doesn't disturb me. Every bull market has corrections.

 

:uu เขาบอกมา 12 ปีแล้วว่าให้ซื้อทองทุกเดือน(ถ้ามีเงิน อิอิ) แล้วก็เก็บลืม อย่าไปสนว่าราคามันจะลง(เพราะมันมีโอกาส)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หน้าผาคลังแรงกว่าคาดเฟดกระสุนหมด-เอเชียสั่นสะท้าน

........

จึงกล่าวได้ว่า ไม่ว่าสหรัฐจะรอดพ้นจากหน้าผาการคลังหรือไม่ ในท้ายที่สุดปัญหาก็ยังคงไม่จบลง

ต้องยอมรับว่าในปีหน้าเป็นปีที่สหรัฐต้องเผชิญความท้าทายปัญหาเศรษฐกิจที่หนักหน่วงไม่น้อย

และเศรษฐกิจโลกก็ต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของนักการเมืองสหรัฐอีกครั้ง...

 

จำไม่ได้แล้วว่าใครพูดไว้ เขาบอกว่ามันก็เล่นมุขยังงี้ทุกที

เดี๋ยวพอตอนจะขึ้นปีใหม่ ก็งุบงิบ เซ็นอนุมัติโน่น ออกกฏหมายนี่ แล้วก็

เตะกระป๋องไปได้เรื่อยๆ

 

FRIDAY, DECEMBER 28, 2012

Marc Faber : I own Gold. It's my biggest position in my life. The possibility of the Gold Price going down doesn't disturb me

:uu เขาบอกมา 12 ปีแล้วว่าให้ซื้อทองทุกเดือน(ถ้ามีเงิน อิอิ) แล้วก็เก็บลืม อย่าไปสนว่าราคามันจะลง(เพราะมันมีโอกาส)

 

เวลาอ่านบทความมาร์ค ฟาร์เบอร์ ต้องนึกหน้าแกไปด้วย

ถ้านึกไม่ออก ต้องไปดูคลิปที่แกให้สัมภาษณ์รายการข่าวธุรกิจตลาดๆของอเมริกา

 

เพราะแกจะให้สัมภาษณ์แบบยิ้มตลอด แต่ยิ้มแบบจอมมาร โหดๆ

ประมาณว่าคนพวกนี้จะโดนเชือดตายอยู่แล้ว ยังไม่รู้ตัว

 

:_ee

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีปีใหม่ครับทุกๆท่าน

 

(ที่มาของภาพ https://twitter.com/JamesGRickards/status/284883536287264769/photo/1 )

post-2564-0-66682800-1356767915_thumb.jpeg

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาร์ติน อาร์มสตรอง เชื่อว่า

 

ปีหน้าพวกโลหะมีค่าจะเริ่มขึ้นตอนช่วงฤดูร้อน และขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงปี ๒๐๑๖

 

ที่มา http://anonym.to/?http://financialsurvivalnetwork.com/2012/12/martin-armstrong-2013-crazy-things-happening-around-the-globe/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาร์ติน อาร์มสตรอง เชื่อว่า

 

ปีหน้าพวกโลหะมีค่าจะเริ่มขึ้นตอนช่วงฤดูร้อน และขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงปี ๒๐๑๖

 

ที่มา http://anonym.to/?ht...ound-the-globe/

 

ขอบคุณครับ

 

MA กลับมาเชียร์ทองตั้งแต่เมื่อไรครับเนี่ย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จนบัดนี้ผมยังไม่ค่อยเข้าใจว่าความคิด "นอกกรอบ" คืออะไร

แต่ผมเชื่อว่า "กรอบความคิด" ที่เราใช้ มันเปลี่ยนได้เรื่อยๆ

 

เปลี่ยนไปตามสภาพร่างกาย

เปลี่ยนไปตามประสบการณ์

เปลี่ยนไปตามสถานการณ์

เปลี่ยนไปตาม สิ่ง/สื่อ/คน/ระบบ ที่ยัดเยียดกรอบความคิดให้กับเรา

 

ถ้าทุกคนใช้กรอบความคิดเดียวกันหมด เวลาสังคมเจอปัญหา หรือภัยจากภายนอก

มีโอกาสสูงมาก ที่ความหายนะจะรุนแรง

 

เหมือนกับวินโดวส์ ที่มีคนใช้กันเยอะแยะมาก เกือบสิบปีก่อน มีรูโหว่รูเบ้อเริ่ม

คนเขียนไวรัส/เวิร์มปล่อยออกมา ทำระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคารเป็นอัมพาต

ตู้กดเงินของธนาคารระดับชาติในเมืองลุงแซมใช้ไม่ได้อยู่พักนึง

 

เหมือนกับการทำการเกษตรแบบ อะไรราคาดี ฉันก็ปลูกอันนั้น,

เขาทำสัญญาว่าจะซื้อของอะไรจากฉัน, ฉันก็จะปลูก จะเลี้ยงตามที่เขาสั่ง

แต่ เวลาเจอภัยแล้ง, โรคพืช, โรงสัตว์, ผลผลิตราคาตก ก็จะเจอวิกฤต เสียรายได้จนอาจจะต้องเสียที่ไปด้วย

 

เหมือนกับตอนที่ทั้งครอบครัว ทั้งแก๊ง ทั้งก๊วน ใช้เครือข่ายมือถือเดียวกัน (แต่เครือข่ายล่มที หน่วยสังคมนั้นติดต่อกันไม่ได้เลย)

 

เหมือนกับที่สมัยสงครามโลก นาซีเยอรมัน บังคับให้โรงเรียนของรัฐ สอนหลักสูตรฝักไฝ่นาซี

 

เหมือนกับตอนวิกฤต "ดอทบอมบ์" เมื่อปี ๒๐๐๐ ที่ตอนนั้นใครๆก็ต้องซื้อหุ้น "ดอทคอม"

 

เหมือนกับตอนวิกฤต "เบอร์เกอร์" ที่ใครๆก็ต้องกู้เงินซื้อบ้าน เพราะเดี๋ยวปลายปีขายก็ได้กำไรแล้ว

ไม่ซื้อนี่โง่ ปล่อยให้เงินหลุดลอยไปได้ยังไง

 

เหมือนกับที่เครื่องบิน "ต้องมีปีก" เลยทำให้เครื่องบินกระดาษของเด็กๆบินได้ไม่ถึง ๑๐ เมตร

 

เหมือนกับ ฯลฯ

 

. . . . . . . .

 

ระบบสังคมในตอนนี้ (ทั่วโลก) พยายามตอกเสาเข็ม กรอบความคิด "มาตรฐาน" ในหัวมนุษย์ตั้งแต่เด็ก ยันแก่

ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรการศึกษา, มาตรฐานโลก, สิ่งที่เป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ, สื่อ, ฯลฯ

 

ถ้าผู้คนในสังคมมีกรอบหลายๆกรอบอยู่ในมือพร้อมเปลี่ยนใช้งานได้เสมอ หรือถือกรอบไว้ไม่เหมือนกัน

เวลาวิกฤตมา ผู้คนในสังคมนั้นมีโอกาสรอดสูงกว่าครับ

 

http://youtu.be/ERbvKrH-GC4

 

เป็นบทความที่ผมชอบมาก คุณ wcg เขียนลงคอลัมน์ในหนังสือได้เลยนะเนี่ย

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นึกๆ ดูแล้ว ความคิดจินตนาการ นั้นไม่มีกรอบ

 

คนเราเอาสมมติไปใส่ จนมันเกิดกรอบ แล้วก็ติดอยู่ในกรอบนั้นเอง แล้วก็พยายามออกมานอกกรอบ

 

...แต่ความจริงมันไม่มีกรอบ

 

สิ่งที่ต้องทำ ไม่ใช่พยายามออกนอกกรอบ แต่กลับไปเป็นตามจริงเท่านั้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

picture paints a thousand words

:uu

 

clip_image001_thumb19.jpg

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ

 

MA กลับมาเชียร์ทองตั้งแต่เมื่อไรครับเนี่ย

 

จากมุมมองของผม

มาร์ตินใส่หมวกของเทรดเดอร์ และที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับขาใหญ่ในการให้คำแนะนำครับ

 

เขามีอาวุธประจำตัวคือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (หน้าตาดึกดำบรรพ์มาก) ที่คำนวณจุดเปลี่ยนของตลาดต่างๆ

เหมือนกับตลาดอื่นๆ โปรแกรมเขาว่ายังไง เขาก็บอกยังงั้น

 

มาร์ติน กับลุงจิมดูเหมือนจะแขวะกันเรื่อยๆ แต่ผมมองว่า แกแขวะกันคนละเรื่องเดียวกัน

ลุงจิมบอกว่า ซื้อเก็บๆ สะสมไว้เรื่อยๆ ราคาสูงๆมาแน่

มาร์ตินจะบอกว่า ราคาสูงๆตอนนี้ยังไม่มาหรอก ไฮเปอร์อินเฟลชันไม่มาหรอก

แต่ทองราคาสูงๆก็น่าจะมา

 

คนที่เสียเงินจ้างมาร์ตินเป็นที่ปรึกษา เป็นสถาบัน/คน ที่มีเงินระดับโลก

มาร์ตินจะพูดถึงวลีที่ว่า "ใหญ่เกินเทรด (too big too trade)" อยู่เรื่อยๆ

เพราะคนพวกนี้ ถ้าหันมาซื้อทองกันหมด จะทำให้ตลาดผันผวนมาก เพราะเงินมันมากเกินไป

ไม่มีทางซื้อได้แน่ๆ อาวุธของแกจึงเอาไว้ให้เงินระดับโลกไหลไปอยู่ในที่ๆรักษากำลังซื้อ และทำกำไร

ได้มากที่สุด (ส่วนจะทำได้จริงหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้ เพราะไม่เคยเป็นลูกค้าแก)

 

แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาๆ ระดับหางแถวอย่างเราๆไปถามแกเรื่องทองในงานสัมนาของแก

แกก็จะบอกว่า ซื้อทองเก็บไว้หน่ะก็ดีอยู่ เอาไว้ปกป้องการปล้นแบบซึ่งๆหน้าของรัฐบาล

แต่แกก็จะย้ำว่า ถ้าทองขึ้นไปถึง ๑๐,๐๐๐ แล้วยังไงหล่ะ ตอนนั้นเงิน ๑๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ

จะซื้อของได้ซักเท่าไหร่ เหมือนกับแกจะบอกว่า เอาทองมาเก็บเพื่อรักษากำลังซื้อหน่ะ ดีแล้ว

แต่ถ้าหวังจะรวยจากการ "เก็บ" ทองคำเนี่ย ในระยะยาวคงยาก

 

เมื่อวานลองเอาเงินเดือนข้าราชการรุ่นเมื่อสามสี่สิบปีก่อน มาเทียบกับเงินเดือนตอนนี้

ถ้ามองตัวเลขเป็นเงินบาทแล้วจะเห็นว่าเปลี่ยนแปลงมาก แต่ถ้าเอามาเทียบในสกุลบาททองคำ

ความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่มากเท่า

 

แน่นอนที่เมื่อถึงจุดปลายของ "mania phase" ที่ราคาของทองคำแซงหน้าเงินเฟ้อไปแบบสุดๆ

ถึงเวลานั้น ถ้าเราอยากจะเกาะกระแสสินทรัพย์ที่รักษาความมั่งคั่งไว้ได้ต่อไป เวลานั้น

เราจะต้องโยกจากทองคำไปเป็นสินทรัพย์อย่างอื่น (ตามที่ ไมค์ มาโลนีย์ ว่าไว้)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Public Buying “Monstrous” Amounts Of Physical Gold & Silver

http://kingworldnews.com/kingworldnews/KWN_DailyWeb/Entries/2012/12/30_Public_Buying_Monstrous_Amounts_Of_Physical_Gold_%26_Silver.html

 

:Announce เขาบอกว่าอาทิตย์สุดท้ายของปีที่ทำการซื้อขายแค่ 3 วัน ขายดีมากกว่าทุกๆอาทิตย์ในรอบปี บางรายซื้อด้วยยอดเงินถึง 6.8ล้าน$ :gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีปีใหม่เพื่อนๆทุกคนครับ ปีใหม่นี้ขอให้สุขกายสบายใจร่ำรวยกันถ้วนหน้านะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://youtu.be/8HGayBM4h_w

 

 

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วุฒิสภามะกันเร่งหาทางออกก่อนสหรัฐฯดิ่ง "หน้าผาการคลัง" อีกไม่กี่ชั่วโมง blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 ธันวาคม 2555 14:14 น.

 

 

blank.gif รอยเตอร์ - สหรัฐฯก้าวเข้าสู่วันส่งท้ายปีเก่าโดยที่สภาคองเกรสยังไม่ได้ข้อตกลงว่าจะ หลีกเลี่ยงวิกฤต “หน้าผาการคลัง” (fiscal cliff) ซึ่งจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าได้อย่างไร

 

การเจรจาระหว่างรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน และ มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำรีพับลิกันในวุฒิสภา ถือเป็นความหวังสุดท้ายที่ช่วยให้สหรัฐฯรอดจากมาตรการปรับขึ้นภาษีและลดราย จ่ายทั้งระบบในวันขึ้นปีใหม่ 2013 ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายที่ระบุไว้ในกฎหมายลดยอดขาดดุลงบประมาณที่วอชิงตัน ประกาศใช้เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2011

 

ความหวั่นวิตกของนักลงทุนที่สร้างแรงกระเพื่อมในตลาดการเงิน อาจกระตุ้นให้ทั้งสองฝ่ายต้องยอมรอมชอมกันในนาทีสุดท้าย เหมือนเช่นหลายๆครั้งที่ผ่านมา

 

“ผมเชื่อว่านักลงทุนต้องไม่พอใจอย่างมากที่การแก้ปัญหาของวอชิงตัน ยังไม่คืบหน้าเสียที” โมฮันนัด อามา ผู้อำนวยการบริหาร บีม แคปปิตอล เมเนจเมนท์ บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนในนครนิวยอร์ก ให้สัมภาษณ์

 

ผู้นำฝ่ายเดโมแครตและรีพับลิกันในวุฒิสภาล้วนคาดหมายว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงเลี่ยงหน้าผาการคลังได้ภายในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(30) แต่จนแล้วจนรอดทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังถือจุดยืนที่แตกต่างและหาทางประนีประนอมกันไม่ได้ จนในที่สุด แฮร์รี รีด ผู้นำส.ว.เสียงข้างมากพรรคเดโมแครต ต้องประกาศเลื่อนการโหวตลงคะแนนมาเป็นวันนี้(31)แทน

 

ประเด็นที่เดโมแครตและรีพับลิกันยังไม่อาจตกลงกันได้ก็คือ จะขยายช่วงเวลาลดหย่อนภาษีสำหรับพลเมืองทุกกลุ่มรวมถึงบุคคลร่ำรวยตามที่รี พับลิกันเรียกร้อง หรือจะให้สิทธิ์เฉพาะพลเมืองที่มีรายได้น้อยกว่า 250,000-400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ตามแผนของรัฐบาลเดโมแครต

 

การที่รีพับลิกันยืนกรานให้รัฐบาลตัดลดรายจ่ายลงมากกว่าแผนที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เคยเสนอมา ก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ทำให้ทั้ง 2 พรรคไม่สามารถตกลงกันได้

 

นอกจากประเด็นหน้าผาการคลังแล้ว ส.ส.จากรัฐที่ทำการเกษตรเป็นหลักยังเรียกร้องให้สภาคองเกรสยืดอายุกฎหมาย เกษตรกรรม เพื่อมิให้ราคานมโคขยับขึ้นเท่าตัวเป็น 7 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อแกลลอนหรือยิ่งกว่านั้นในช่วงต้นปี 2013

 

การงดเก็บภาษีค่าจ้างชั่วคราว (payroll tax holiday) ที่ใช้มากว่า 2 ปียังมีแนวโน้มจะถูกยกเลิกไปหลังเที่ยงคืนของวันนี้(31)ด้วย ซึ่งทั้งฝ่ายเดโมแครตและรีพับลิกันต่างก็ไม่กระตือรือร้นที่จะต่ออายุนโยบาย ดังกล่าว ส่วนหนึ่งเพราะภาษีที่ได้ก็จะนำมาอุดหนุนโครงการสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ นั่นเอง

 

อัตราภาษี 4.2% ที่คนทำงานราว 160 ล้านคนในสหรัฐฯต้องจ่ายจะขยับขึ้นเป็น 6.2% ตั้งแต่วันพรุ่งนี้(1) ซึ่งเป็นผลกระทบที่ผู้เสียภาษีจะต้องแบกรับโดยตรง

 

blank.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เข้าโค้งสุดท้าย ฟิสคัล คลิฟ มะกันตั้งรับ หวั่น "ตกหน้าผา"

 

29777F7D92BC4B48BC975D4346700E59.jpg

 

 

แม้คนทั่วโลกจะอยู่ในบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองเตรียมต้อนรับปีใหม่กันอย่างครึกครื้นในวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธ.ค.นี้

โดย...นันทิยา วรเพชรายุทธ

ทว่า สำหรับนักการเมืองสหรัฐและผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจทั่วโลกแล้ว นี่คือวันส่งท้ายปีเก่าที่น่าระทึกมากที่สุดครั้งหนึ่ง เมื่อรัฐบาลและฝ่ายค้านในสหรัฐยังไม่สามารถเจรจาผ่าปัญหา “หน้าผาทางการคลัง”(ฟิสคัล คลิฟ) ไปได้ ทั้งที่มีกำหนดเส้นตายภายในเวลา 23.59 น. ของวันสุดท้ายแห่งปี 2555 นี้

เมื่อพิจารณาจากท่าทีของฝ่ายรัฐบาลประธานาธิบดี บารัก โอบามา ฝ่ายค้านพรรครีพับลิกัน และบรรดาผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจแล้ว งานนี้มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงทีเดียวว่า สหรัฐอาจจะ“ตกหน้าผา” หรือเจรจาเรื่องขึ้นภาษีและลดรายจ่ายกันไม่ทันเส้นตายวันนี้

เพราะนับตั้งแต่ที่โอบามายอมหั่นแผนวันหยุดคริสต์มาสกับครอบครัวเพื่อบิน ด่วนไปเจรจาแก้ฟิสคัล คลิฟ กับผู้แทนพรรคฝ่ายค้านที่นำโดยมิตช์ แม็คคอนเนล ประธานวิปฝ่ายค้านในวุฒิสภา ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านมา ก็ยังไม่ปรากฏให้เห็นความคืบหน้าด้านบวกใดๆ เลยว่าทั้งสองพรรคจะสามารถผ่าทางตันทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของชาติได้ ทันกำหนดเส้นตาย

ตรงกันข้าม ความคืบหน้าที่ปรากฏออกมาให้เห็นกลับเป็น “แผนฉุกเฉินรับมือการตกหน้าผา” ที่ทั้งสองฝ่ายดูจะเห็นพ้องตกลงกันได้มากกว่าการแก้หน้าผาทางการคลัง

รอยเตอร์สได้อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาว่า ผู้แทนจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันกำลังเจรจาความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการ ทุกวิถีทางเพื่อ “เลื่อน” การลดรายจ่ายต่างๆ ของภาครัฐในวงเงินราว 1.09 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.3 ล้านล้านบาท) ออกไปอีก 12 เดือนนี้

การเจรจาดังกล่าวหมายความว่า ทั้งสองพรรคคงไม่สามารถตกลงปัญหาฟิสคัล คลิฟ และขยายเพดานหนี้สหรัฐได้ทันเส้นตายปีนี้ ซึ่งจะทำให้กฎหมายลดหย่อนภาษีให้ชาวอเมริกันผู้มีรายได้ต่ำกว่าปีละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 30.5 ล้านบาท) หมดอายุลงโดยอัตโนมัติในปี 2555 ซึ่งตามกฎหมายสหรัฐแล้ว จะส่งผลให้รัฐบาลต้องกลับมาขึ้นภาษีและลดงบประมาณรายจ่ายต่างๆ ลงโดยทันทีในวันที่ 1 ม.ค. 2556 และจะทำให้มีเงินหายออกไปจากระบบเศรษฐกิจสหรัฐมากถึงราว 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 18.3 ล้านล้านบาท)

เมื่อมองเห็นถึงแนวโน้มความล้มเหลว ทั้งสองพรรคจึงเริ่มหันมาคุยแผนสำรองที่จะเลื่อนการตัดลดรายจ่ายของภาครัฐ ออกไป หรือไม่ให้เกิดขึ้นทันทีในวันที่ 1 ม.ค.นี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนวุ่นวายอย่างหนักภายในหน่วยงานของรัฐบาล

รายงานข่าวของหลายสำนักที่ติดตามความเคลื่อนไหวการเจรจาฟิสคัล คลิฟ อย่างไม่กะพริบตา อาทิ รอยเตอร์ส ได้ถ่ายทอดความเห็นของผู้ที่เข้าร่วมการเจรจาออกมาในทิศทางเดียวกันว่า อาจไม่มีข่าวดีให้ได้ชื่นใจกันอย่างที่หวัง

เพราะเป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลพรรคเดโมแครตไม่มีทางยอมให้ขึ้นภาษีที่เพดาน รายได้ 1 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป ตามที่พรรคฝ่ายค้านรีพับลิกันเสนอไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ทางพรรครีพับลิกันโดยเฉพาะฝ่ายขวาจัดในพรรคนั้น ก็ดูจะไม่มีทางอ่อนข้อให้กับรัฐบาลซึ่งเสนอขึ้นภาษีที่เพดาน 4 แสนเหรียญสหรัฐ (ยอมปรับจากข้อเรียกร้องเดิมที่ 2.5 แสนเหรียญสหรัฐ)

รายงานระบุว่า พรรครีพับลิกันนำโดย จอห์น โบห์เนอร์ ซึ่งเป็นทั้งประธานวิปฝ่ายค้านและประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ (สภาล่าง) อาจพยายามถ่วงเรื่องการแก้ปัญหาฟิสคัล คลิฟ ออกไปจนกว่าจะผ่านพ้นวันที่ 3 ม.ค. 2556 เพราะโบห์เนอร์ต้องการให้ได้รับโหวตเป็นประธานสภาล่างต่ออีกสมัยก่อน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากเพื่อนร่วมพรรคทั้งที่เป็นสายกลางและ สายเหยี่ยวขวาจัด จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดผู้นำวิปฝ่ายค้านจึงไม่ยอมออกโรงกดดันเพื่อน ร่วมพรรคให้ประนีประนอมเรื่องการขึ้นภาษีในช่วงนี้

ขณะเดียวกัน แม้การเจรจาครั้งใหม่ที่นำโดย แม็คคอนเนล ประธานวิปฝ่ายค้านในสภาสูงจากรีพับลิกัน และแฮร์รี รีด ประธานวิปรัฐบาลในสภาสูงเช่นเดียวกัน จะสามารถตกลงเรื่องเพดานการขึ้นภาษีได้ แต่ก็ยังมีข้อตกลงปลีกย่อยอื่นๆ ที่คาดว่าไม่น่าจะหาทางออกร่วมกันได้ง่ายๆ เช่น มาตรการพักภาษีให้บริษัทที่สนับสนุนงานด้านการวิจัยและการพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) เป็นต้น

ทั้งนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาในปีหน้าภายหลังการตกหน้าผาทางการคลังก็คือ ชาวอเมริกันทุกระดับชั้นจะเผชิญการขึ้นภาษีกันถ้วนหน้าอย่างพร้อมเพรียง

สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำไปจนถึงรายได้สูงไม่เกิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งถือเป็นกลุ่มชนชั้นกลางที่มีจำนวนมากที่สุดในสหรัฐนั้น มาตรการลดหย่อนภาษีให้คนกลุ่มนี้ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช จะหมดอายุลงในวันที่ 31 ธ.ค. โดยเงินช่วยเหลือส่วนนี้นั้นมีจำนวนมหาศาลถึงปีละ 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 15.2 ล้านล้านบาท) ส่งผลให้กลุ่มผู้มีรายได้ในขั้นต่ำสุด ต้องเสียภาษีเพิ่มจากเดิม 10% ไปเป็น 15%

ขณะที่กลุ่มผู้มีรายได้สูงสุดนั้น ต้องเจอการขึ้นภาษีจากระดับ 35.8% ในปัจจุบัน พุ่งขึ้นไปเป็น 39.6% เลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน ภาครัฐก็ต้องตัดลดงบประมาณรายจ่ายลงถึงปีละประมาณ 1.09 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยครึ่งหนึ่งนั้นเป็นงบประมาณด้านการทหาร และที่เหลือเป็นงบประมาณในด้านอื่นๆ ผสมกันไป อาทิ การศึกษาและสาธารณสุข โดยเฉพาะงบด้านสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ

นอกจากจะกระทบชนชั้นกลางอเมริกันโดยถ้วนหน้าแล้ว แม้แต่คนตกงานก็ยังโดนร่างแหไปด้วย เพราะหนึ่งในมาตรการที่จะหมดอายุในวันสิ้นปี 2555 นี้ก็คือ เงินสิทธิประโยชน์ช่วยเหลือผู้ว่างงาน ที่มอบให้คนละ 300 เหรียญสหรัฐต่อสัปดาห์ ซึ่งหากถูกยกเลิกไปโดยอัตโนมัติก็จะกระทบต่อคนว่างงานกลุ่มนี้ราว 2 ล้านคนทันที

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส คาดว่าทางออกที่เป็นไปได้ในสิ้นปีนี้สำหรับการเจรจาเรื่องหน้าผาการคลัง สหรัฐคือ การบังคับใช้มาตรการพิเศษของกระทรวงการคลังเพื่อลดรายจ่ายของภาครัฐชั่วคราว ที่น่าจะซื้อเวลาให้ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐได้ประมาณ 2 เดือน และกลับมาหาทางแก้ปัญหาอีกครั้งในเดือน ก.พ. 2556

ทั้งนี้ หากสถานการณ์ออกมาในรูปแบบนี้ แปลว่าหน้าผาการคลังยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจสหรัฐ และน่าจะกลับมากดดันตลาดหุ้นโลกให้พักฐานในช่วงต้นปี 2556 เนื่องมาจากการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส คาดว่า หากสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาหน้าผาการคลังไปได้ ก็มีโอกาสที่เกิดปรากฏการณ์หุ้นขึ้นในเดือน ม.ค.ปีหน้านี้

เพราะหากสามารถผ่านพ้นไปได้ ก็จะทำให้มีแรงซื้อกลับมาอย่างถล่มทลาย หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในสัปดาห์สุดท้ายของปี 2555 ในแดนลบมาตลอดทั้ง 5 วันติดต่อกันทั้งสัปดาห์โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดลบไป 158.20 จุด หรือ 1.21% มาอยู่ที่ 12,938.11 จุด เช่นเดียวกับ เอสแอนด์พี ซึ่งดิ่งไป 1.10% มาอยู่ที่ 1,402.43 จุด และแนสแด็ก คอมโพสิต ปิดลบ 0.86%อยู่ที่ 2,960.31 จุด

ทว่าหากสหรัฐมีอันต้องตกหน้าผา เรื่องนี้ก็จะกลายเป็นมรสุมเศรษฐกิจสหรัฐที่สั่นสะเทือนโลก และตั้งเค้าทะมึนกันตั้งแต่วันแรกของปี 2556 กันเลยทีเดียว

ปีใหม่นี้ได้รู้กัน...!!!

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รูปเดียวบรรยายทั้งหมด :uu

 

20121231_gold_0.jpg

 

As we enter the last day of trading in 2012,

 

Gold still holds a slight edge +6.3% on the year vs the Dow's +5.9%.

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...