ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

สื่อสายหลักก็มองว่า เบอนันเก้ ยังน่าจะคง QE ไว้นั่นล่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยน focus ตลาดน่าจะกลับมาเป็นเรื่อง Fiscal cliff อีกรอบในเดือนหน้าแทน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฮดจ์ฟันด์ขนเงินหนีทอง-โภคภัณฑ์ ผวาราคาร่วง หลังคิวอีส่อยุติ

  • 26 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 08:26 น.

3A5674A1BACD4B4CA24E79F3C07E8CD3.jpg

 

 

 

โดย...นงลักษณ์ อัจนปัญญา

ทำเอาบรรดากองทุนเก็งกำไรต่างๆ ตอบสนองอย่างตื่นตัวเตรียมพร้อมแทบจะในทันที ภายหลังจากที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่งสัญญาณบ่งชี้ชัดเจนว่าจะทบทวนแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของตนเอง

หรือเรียกได้ว่า เฟดมีแผนที่จะชะลอการใช้สารพัดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งรวมถึงการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (คิวอี) อย่างการทุ่มซื้อพันธบัตรชนิดไม่มีจำกัดเวลา ซึ่งเดิมกำหนดให้เฟดซื้อตราสารต่างๆ เดือนละ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

เหตุผลสำคัญแรกสุดก็เพราะแผนการซื้อพันธบัตรข้างต้นทำให้การขาดดุลบัญชี ของเฟดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุบสถิติจากเดิมที่ 1.02 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 3.08 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นปีนี้ จนกระทั่ง เจโรมี พาวเวลล์ หนึ่งในคณะกรรมการเฟดต้องออกโรงเสนอแนะให้เฟดทบทวนแผนการทุ่มซื้อหลักทรัพย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการไร้เสถียรภาพทางการเงินของเฟด และป้องกันการขาดทุนจากการขายสินทรัพย์

ความเห็นของพาวเวลล์ได้รับเสียงสนับสนุนจาก เจเรมี สไตน์ คณะกรรมการเฟดอีกรายที่งัดเอาหลักฐานขึ้นมายันว่า ขณะนี้ตลาดสินเชื่อบางแห่งรวมถึงตลาดตราสารหนี้และตราสารหนี้จำพวกขยะ (จังก์บอนด์) ที่ล้วนแล้วแต่เป็นสินทรัพย์ที่ธนาคารกลางสหรัฐถือครองอยู่ทั้งสิ้น เริ่มแสดงให้เห็นปริมาณการเก็งกำไรที่มากเกินไป

นักวิเคราะห์หลายสำนักกล่าวว่ารูปการณ์ข้างต้นทำให้สถานะทางการเงินของ เฟดตกอยู่ในอันตรายไม่น้อย และอาจเสี่ยงต่อหายนะมากกว่าวิกฤตทางการเงินในปี 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้นเฟดมีการถือครองสินทรัพย์น้อยกว่า 9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ ประจวบเหมาะกับที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายประการในสหรัฐบ่งชี้ถึงการฟื้น ตัวอย่างช้าๆ โดยผลสำรวจล่าสุดของสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติคาดการณ์ว่า แม้จะเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่เศรษฐกิจของสหรัฐปีนี้จะค่อยๆ ฟื้นตัวและเติบโตได้ถึง 2.4% และตัวเลขการว่างงานมีแนวโน้มลดลงเหลือ 7.7% ขณะที่ปัญหาขัดแย้งทางการเมืองอย่างกรณีหน้าผาทางการคลังจะส่งผลต่อ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งเป็นปัจจัยชี้วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากแนวโน้มทางบวกจะทำให้เฟดคิดพิจารณาทบทวนมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจของตนเอง เพื่อไม่ให้สถานภาพความเป็นธนาคารกลางของประเทศสหรัฐต้องสั่นคลอน จนกลายเป็นการส่งสัญญาณยุติที่ทำให้นักลงทุนหวั่นใจกับตลาดโภคภัณฑ์ไม่น้อย

เพราะการหยุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลว่าจะส่งผลให้ราคาสินค้าใน ตลาดโภคภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบที่ใช้สำหรับการก่อสร้างโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้น พื้นฐานทำสถิติราคาดิ่งแรงครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้

ทั้งนี้ ข้อมูลจากคณะกรรมการกำกับดูแลการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าแห่งสหรัฐ (ซีเอฟทีซี) แสดงให้เห็นว่า บรรดาผู้จัดการกองทุนเพื่อการเก็งกำไร (เฮดจ์ฟันด์) ตลอดจนนักเก็งกำไรรายใหญ่ๆ ทั้งหลาย ต่างพร้อมใจปรับลดการถือครองทองคำ หนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญในตลาดล่วงหน้าถึง 40% เมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ซื้อขายในวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา หรือลงมาอยู่ที่ 4.2318 หมื่นจุด ซึ่งนับเป็นปรับลดที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 2550

ขณะที่ก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน กองทุนเฮดจ์ฟันด์ชื่อดังก้องโลกของมหาเศรษฐี จอร์จ โซรอส และ หลุยส์ มัวร์ เบคอน เพิ่งจะขายกองทุนอีทีเอฟทองคำทิ้งมากถึง 56% ของพอร์ตการลงทุนของตนเอง จนนักวิเคราะห์ในตลาดคาดการณ์ว่าราคาทองคำในตลาดปีนี้น่าจะปรับตัวลดลงเหลือ 1,600 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์เลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังได้ปรับลดการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ด้วยเช่นกัน โดยข้อมูลจากซีเอฟทีซีแสดงให้เห็นว่า สินค้าจำพวกวัตถุดิบ 18 รายการทั่วสหรัฐลดลงอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2554 โดยนักลงทุนส่วนหนึ่งคาดการณ์ไว้ว่า ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิด เช่น น้ำตาลและกาแฟจะปรับลดลง เนื่องจากมีปริมาณการผลิตสูงเกินกว่าความต้องการตลาดโลก

แนวโน้มของตลาดโภคภัณฑ์ข้างต้นไม่มีเว้นแม้แต่ข้าวโพด สินค้าที่คาดว่าจะไปได้สวยก่อนหน้า แต่การเข้ามาลงทุนในปัจจุบันกลับปรับลดต่ำมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2553

นอกจากนี้ ความวิตกของตลาดยังลามไปถึงหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักทรัพย์ที่มีทองคำหนุน ปริมาณถือครองลดลงไปแล้ว 1.6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการปรับลดสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2554

สรุปได้ว่า โดยรวมแล้วสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดากองทุนเก็งกำไรทั้ง หลายขนเงินออกจากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์แล้ว 828 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปริมาณเงินไหลออกจากตลาดทองคำและตลาดโลหะเงินจนถึงขณะนี้มีมูลค่ารวมสูง ถึง 870 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาเมรอน แบรนด์ท ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแห่งเคมบริดจ์ชี้ว่า นับเป็นปริมาณเงินไหลออกที่ต่อเนื่องกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 ถือว่ายาวนานที่สุดตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2554

นอกจากนี้ ดัชนีสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ จีเอสซีไอ สปอต ซึ่งเป็นดัชนีของสินค้าโภคภัณฑ์ 24 ชนิดในตลาดปรับตัวดิ่งลงแล้ว 2.6% สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว หลังจากที่ดัชนีดังกล่าวเพิ่งจะปรับตัวสูงขึ้น85% ในรอบ 4 ปี เนื่องจากการขยายบัญชีงบดุลของเฟดมากกว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกทองแดงและเงิน ยังทำสถิติลดลงตามราคาทองคำด้วยเช่นกัน โดยการลงทุนในทองแดงลดลงแล้ว 51% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ที่นักลงทุนเริ่มเก็งว่าราคาทองแดงจะปรับลดใน เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่การถือครองเงินในตลาดของนักลงทุนก็ร่วงลงถึง 34% ดิ่งลงมากที่สุดตั้งแต่เดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว

เจมส์ เดลีย์ นักลงทุนจากกองทุนของทีม ไฟแนนเชียล แอสเซ็ท แมเนจเมนท์ แอลแอลซี ในรัฐเพนซิลเวเนีย ยอมรับว่า ท่าทีของเฟดที่บ่งชี้ว่าจะยุติการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้นักลงทุน ส่วนใหญ่รู้สึกหวาดผวาไม่น้อย เนื่องจากทำให้นักลงทุนอดคิดไม่ได้ว่าเฟดกำลังจะใช้มาตรการรัดเข็มขัดแทน

ทั้งนี้ แม้เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาสินค้าในตลาดโภคภัณฑ์ลดลงเป็นเพราะสัญญาณ ยุติการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟด แต่นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งระบุว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกสินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพด น้ำตาล หรือกาแฟ มีแนวโน้มการลงทุนที่ลดลงโดยมีสาเหตุอีกส่วนหนึ่งมาจากปริมาณผลผลิตมีมาก เกินกว่าความต้องการบริโภคของตลาด จนมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าราคาสินค้าดังกล่าวจะปรับตัวลงได้

ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐยืนยันชัดเจนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ผลผลิตข้าวโพดของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 35% เป็น 1.453 หมื่นล้านบุชเชล ภายในปีเก็บเกี่ยวที่กำลังจะมาถึงโดยจะเริ่มในเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณข้าวโพดในคลังเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 3 เท่ามาอยู่ที่ 2,177 ล้านบุชเชล

โดนัลด์ เซลคิน นักกลยุทธ์จากเนชันแนล ซิเคียวริตี คอร์ป ในนิวยอร์ก กล่าวว่า หากสภาพภูมิอากาศไม่มีปัญหา ทั่วโลกน่าจะได้เห็นราคาข้าวโพดและราคาถั่วเหลืองลดลงแน่นอน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งยังไม่วายออกมาแย้งว่า ความตื่นตัวตื่นตระหนกของบรรดานักลงทุนเก็งกำไรรายใหญ่ๆ ที่เห็นได้ในขณะนี้ ค่อนข้างเกินจริงจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อย โดย เจฟฟรีย์ ซิกา ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ซิกา เวล์ธ แมเนจเมนท์ ในนิวเจอร์ซีย์ ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะยังคงมีปริมาณความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศจีน ที่ความต้องการทองแดงและถั่วเหลืองมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงการเกษตรจีนระบุว่า แม้จีนจะสั่งซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐสูงถึง 4.1 แสนเมตริกตัน แต่จีนก็ยังประสบกับภาวะขาดแคลนถั่วเหลืองเนื่องจากความต้องการใช้ภายใน ประเทศสูงขึ้น ขณะเดียวกันผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้ปริมาณความต้องการใช้ทองแดงของจีนเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเว็บไซต์ของทางการระบุชัดว่า การนำเข้าทองแดงของจีนในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึง 2.9%

เอเดรียน เดย์ ประธานบริษัท เอเดรียน เดย์ แอสเซท แมเนจเมนท์ ในรัฐแมริแลนด์ แสดงความเห็นผ่านบลูมเบิร์กอย่างเชื่อมั่นว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในปีนี้ไม่น่าจะลดลงอย่างที่นักลงทุนรายอื่นหวาดกลัวกัน เพราะยังมีความต้องการจากจีนเข้ามาเป็นแรงหนุนอยู่

ทั้งนี้ แม้ว่าแนวโน้มราคาของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์บางส่วนก็สรุปตรงกันว่า ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดผันผวนอย่างแรงและอย่างหนัก ชนิดที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกทั้งรายใหญ่รายย่อยใจหายใจคว่ำไปตามๆ กัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คืนนี้ลุงเหน่งจะพูดว่าอะไรยังไม่รู้ รู้แต่ว่ารองผู้ว่าธนาคารของอังกฤษออกมาบอกว่าถ้าจำเป็นก็พิม์เงินต่อ

ไม่มีใครในคณะกรรมการแบ๊งค์คิดว่า QE ไม่มีประโยชน์และก็จะหยุดมัน หุหุ

 

Tucker Says He’s Open to QE as BOE Stresses Flexibility: Economy

 

“Nobody on this committee thinks that QE has reached the end of the road and that it’s not a useful instrument any more,” Tucker said.

http://www.bloomberg.com/news/2013-02-26/boe-s-tucker-says-he-s-open-to-expanding-asset-purchase-program.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

French Industry Minister Calls for Lower Euro

 

http://www.nasdaq.com/article/french-industry-minister-calls-for-lower-euro-20130226-00118#.USzMSKJ9ArI

 

:Announce วันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมฝรั่งเศสออกมาบอกว่าอยากให้ยูโรอ่อนลง

หุหุ แบบนี้ไม่เรียกว่าสงครามค่าเงินจะเรียกว่าอะไรดีฮึ :uu

ถ้าคืนนี้ลุงเหน่งบอกว่ามีแววเลิกพิมพ์ ดอลล์ก็น่าจะแข็ง ยูโรก็จะอ่อน

แต่ถ้าลุงเหน่งบอกว่าพิมพ์ต่อ ดอลล์ก็น่าจะอ่อน ยูโรก็จะแข็ง ...ก็ต้องสู้กันต่อไป :bye

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดีดทีเดียว 20$ ไม่รู้ไอ้หัวเม่งพูดอะไร

 

ยังไงซะ ก็ไม่มีใครอยากเป็นจิ๋ว อย่างมาก ก็งด QE ได้สักพัก

พอเศรษฐกิจก็จะเจ้งแล้ว ยังไง มันก็ต้องกลับมา QE อีก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

14935_20130226072905-screen-shot-2013-02-26-at-7-28-40-am.png

 

:aa หยุด.... ใครว่าเราจะเลิกทำ QE เห็นมั้ยว่ามันลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะเงินฝืด

มันเวิร์คนะเฟ๊ย ยังไม่มีสาเหตุอะไรเลยที่จะทำให้เลิก

เท่านี้แหละครับพี่น้อง ทองกระฉูด

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จะใกล้เวลาที่คุณ wgc ได้ยินคนบ่นว่า รู้งี้เอาเงินทีี่ซื้อหุ้นที่ไม่ไปไหนมาซื้อทองดีกว่า หรือยังน้า :P

 

ยิ่งมีแต่คนมองลง ยิ่ง...

 

ถึงไม่มีใครอยากเป็นจิ๋ว แต่บางทีอาจถึงจุดที่เลือกไม่ได้ เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี ยังไงเพลงก็ต้องมีจบ

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

...

 

:Announce วันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมฝรั่งเศสออกมาบอกว่าอยากให้ยูโรอ่อนลง

...

 

หึหึ หาเรื่องไปรวมกันเป็นยูโรก็งี้แหละ เสียเอกราช ไปให้พวกนายแบงค์

อยากลดค่าเงินที่ก็ต้องไปกราบเท้าที่บรัสเซล ว่าพิมพ์เงินหน่อยเถอะน๊าาาาาาา... ขอร้องเต๊อะ...

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยังรวบรวม สาเหตุทองลง....ยังไม่เสร็จเลย...ป๋าเบนจะขึ้นราคาทองแล้วเหรอ....

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หึหึ หาเรื่องไปรวมกันเป็นยูโรก็งี้แหละ เสียเอกราช ไปให้พวกนายแบงค์

อยากลดค่าเงินที่ก็ต้องไปกราบเท้าที่บรัสเซล ว่าพิมพ์เงินหน่อยเถอะน๊าาาาาาา... ขอร้องเต๊อะ...

 

เมื่อทุกประเทศอยากให้เงินอ่อน ทองในหนองจะไปไหน O.o

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:047 อิอิ คิดว่ามีอินดี้อีกตัวครับที่บ่งบอกว่าทองน่าจะขึ้นก็คือหนึ่งในเจ้ามือ(โกล์ดแมน ซัค)ออกมาประกาศปรับลดคาดการณ์ราคาทองลงราว 200 $

โดยปรับลดราคา 3 เดือนหน้าเหลือ 1615 จากเดิม 1825

6 เดือนหน้าเหลือ 1600 จากเดิม 1805

12เดือนหน้าเหลือ 1550 จากเดิม 1800

 

The bank cut its three-month target to $1,615 an ounce from $1,825 and lowered the six- and 12-month forecasts to $1,600 and $1,550 from $1,805 and $1,800. Goldman reversed an assumption exchange-traded products holdings will expand in 2013, analysts Damien Courvalin and Jeffrey Currie wrote in a Feb. 25 report.

http://www.bloomberg...s-collapse.html

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณหมอเล็ก คุณwcg คุณส้มโอมือ และทุกท่านมากๆค่ะ :01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านข่าวเจอตรงนี้แล้วมันเจ็บจี๊ดเลย

 

โอบามา กล่าวว่า "การตัดลดงบประมาณเหล่านี้เป็นสิ่งผิด ไม่ฉลาด และไม่ยุติธรรม โดยการตัดงบประมาณเหล่านี้เป็นการสร้างบาดแผลให้แก่ตัวเองโดยไม่จำเป็น"

 

ใช่แล้วสู้ไม่ตัดแล้วพิมพ์เงินเข้าไป ให้เจ้าหนี้มีแผลดีกว่า....นี่แหละนิสสัยของไอ้กัน :034

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...