ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณครับ คุณ Nexttonothing

 

เพิ่งติดตามอ่านช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ความรู้มากมาย จะติดตามอ่านตลอดไป

ขออนุญาตเผยแพร่ต่อด้วยน่ะครับ ให้ลูก ๆ และบุคคลข้างเคียงได้ศึกษาด้วยกัน เผื่อจะช่วยเยียวยาประเทศได้บ้าง

ไม่ให้อนาคตชาติตกอยู่ภายใต้นักการเมืองเลว ๆ ที่หน้ามืดตามัว แม้ประเทศชาติก็ขายได้

 

 

ยินดีครับ มาไกลจากเมือง "ตรัง" เลยนะครับ :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เยี่ยมจิงๆสำหรับบทความส่งท้ายปีเสือดุ... post-1438-021875700 1292171781.gif (ไม่ผิดหวังจิงจิงงงง...)

 

ขอบคุณนะคะ... แล้วก็ขออวยพรปีใหม่ 2554 ล่วงหน้าเลยแล้วกัน...

 

post-1438-054555600 1292172026.gif ขอให้คุณเน็กซ์สุขภาพแข็งแรง... ร่ำรวยเงินทอง... ทำอะไรก็ขึ้น...

ที่สำคัญขอให้มีคนตามโอกาสทองไปกับคุณเน็กซ์เยอะๆๆๆๆๆ... นะคะ post-1438-000488600 1292172382.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณ NEXT คิดว่าจากการที่มีข่าวว่าจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีความเป็นไปได้แค่ไหนค่ะ แล้วจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้าหรือภายในเดือนนี้มั้ยค่ะ :wacko:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากครับคุณ Next สำหรับบทความดีๆ เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาไล่อ่านมาตั้งแต่ต้น

ขอชื่นชมในความกรุณาที่ได้แบ่งปันความรู้ ให้กับเพื่อนๆชาว ThaiGold และอีกมากมาย

ปีใหม่นี้ขอให้คุณ Next และครอบครัวประสบแต่ความสุข ร่ำรวยๆ สุขภาพแข็งแรงครับ ปีหน้า

จะรออ่านบทความต่อครับ.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

em0009.gif ขอบคุณคุณNext มากคร้า em0009.gif cd08785a.gif แต่คุณNext จะหยุดยาวเลยเหรอคร้า อีกตั้งนานกว่าจะปีใหม่ สมาชิกคิดถึงแย่เลยคร้า ถ้างานเยอะปั่นบทความไม่ทัน แค่เข้ามาคุยกันนิดหน่อยก็ยังดีนะคร้า04a97f13.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากๆ ครับ คุณ Nexttonothing

 

แต่ก่อนผมอ่านบทความต่างๆ ของคุณ Rjgold เป็นประจำครับ

 

ไม่รู้ว่าคุณ Nexttonothing กับ คุณ Rjgold เป็นพี่น้องกันหรือเปล่าครับ

ถูกแก้ไข โดย 888

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านบทความของคุณ Nextแล้วหัวใจพองโตด้วยความตื่นเต้นทุกที ระหว่างที่ยังไม่มีบทความใหม่ เชิญเข้ามาคุยบ่อย ๆ นะคะ อย่าหายไปนาน คิดถึงค่ะ และเนื่องในโอกาสปีใหม่นี้ ขออวยพรให้คุณเน็กซ์มีความสุข มีสุขภาพดี และร่ำรวยตลอดปี ขอบคุณมาก ๆ สำหรับบทความอันแสนวิเศษค่ะ :P :lol: :D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

baldeagle.jpg

 

 

 

สหรัฐอเมริกา (United States)

CREDIT : ข้อมูลทางสถิติจาก National inflation association และ Armstrong Economics

 

เวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม ในเวลาที่มันไม่ควรจะมืด อากาศดูชื้นๆ กลิ่นดินกลิ่นหญ้า โชยมาเตะจมูก

ลักษณะแบบนี้คุณอาจจะพูดกับเพื่อนว่า

 

“ดูเหมือนฝนกำลังจะตก ?”

 

เช่นกัน สถานการณ์ เศรษฐกิจโลก ในขณะนี้เมฆดำก่อตัวหนาทึบ เหมือนเป็นลางบอกเหตุว่า พายุฝนกำลังจะมา

ยิ่งเฉพาะประเทศที่ขึ้นชื่อเป็นประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา แล้วล่ะก็

ฟ้าทั้งแลบทั้งร้องกันกระหึ่ม คงเหลือเวลาอีกไม่นาน ก่อนที่ พายุเศรษฐกิจลูกนี้จะโหมกระหน่ำ

ส่งผลกระทบสร้างความเสียหายไปทั้งโลก

 

ผมเชื่อว่า สิ่งที่กำลังจะเกิด ยากที่หลีกเลี่ยง จะมาช้าหรือมาเร็ว “มันก็มาแน่ๆ”

วิกฤตการเงินครั้งนี้ จะยิ่งใหญ่กว่าทุกๆครั้งที่เราเคยเห็น

Hamburger Crisis ปี 2008 ที่ว่าร้ายแรงจะกลายเป็นเรื่อง จิ๊บๆ กับสิ่งที่กำลังจะเกิด

 

คุณมีทางเลือก 2 ทาง

 

1.หลบลงหลุมหลบภัย ป้องกันตัวเองทุกวิถีทาง หรือ

 

2.พลิกเปลี่ยนวิกฤตนี้ให้เป็น “โอกาส”

 

หากเลือกได้ผมไม่ได้อยากให้ วิกฤตนี้เกิดขึ้น เพราะไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบร้ายแรงขนาดไหน

แต่เป็นเพราะผมคิดว่ามันหลีกเลี่ยงได้ยากมาก กับสิ่งที่สหรัฐได้ทำมาและ “ยังไม่ยอมหยุดทำ”

ประเทศที่เคยเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ผลิตสินค้า Made in USA. ที่น่าเชื่อถือและเป็นผู้นำตลาด

บัดนี้คนรุ่นหลังๆกินบุญเก่าจากคนรุ่นก่อนจนหมดสิ้น หนำซ้ำยังทำบาปเพิ่ม คงถึงเวลาที่ ผลจากการกระทำ (กรรม)จะสนอง

 

.................................................................

 

นิทานเรื่อง “ชาวเกาะ” (ISLANDERS)

 

Credit to Peter Schiff

แปลเรียบเรียงใหม่โดย Nexttonothing

 

สมมุติว่ามี เกาะร้างอยู่เกาะนึง มีคนติดเกาะอยู่ทั้งหมด 5 คน

4คนเป็นเอเชียอีก 1คนคือเมริกัน

 

เพื่อความอยู่รอดทั้ง 5 คนจึงแบ่งงานกันทำ

 

:rolleyes: คนที่ 1 มีหน้าที่ จับปลา

 

:unsure: คนที่ 2 มี หน้าที่ ล่าสัตว์

 

:ph34r: คนที่ 3 มีหน้าที่ เก็บฟืนก่อกองไฟ

 

;) คนที่ 4 มีหน้าที่ ทำกับข้าว

 

ทีนี้พอมาถึง อเมริกัน ???? ทำหน้าที่อะไรดี ????

อเมริกันบอกว่า ขอทำหน้าที่ “กิน” ก็แล้วกัน

จากนั้นในแต่ละวัน ระหว่างที่ทุกๆคนต่างออกไปทำงาน ตามหน้าที่ของแต่ละคน

อเมริกันก็ นอนอาบแดด เล่นน้ำทะเล รอไปเรื่อยๆ เมื่อถึงตอนเย็นทุกคนก็มารวมตัวกันเพื่อดินเนอร์

 

อเมริกันก็ทำหน้าที่ กิน กิน แล้วก็กิน อาจจะไม่ได้กินทั้งหมด แบ่งให้เพื่อนๆบ้างเพื่อให้มีแรงเหลือเพื่อทำงานในวันต่อๆไป

นานวันเข้า ชาวเกาะเริ่มคิดได้ พอทวงถาม อเมริกันกลับบอกว่า หน้าที่ของตนนั้นสำคัญที่สุด

เพราะหาก อเมริกัน “ไม่กิน” (Consume) ทุกๆคน จะตกงาน !! (Unemployed)

ตัวเค้าเองคือศูนย์กลางของเกาะแห่งนี้.......

 

แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย

 

วันนึง เมื่อ ชาวเกาะทุกคนรวมตัวกัน เริ่มคิดได้และเหลืออดกับการกระทำนี้ คงหนีไม่พ้นที่อเมริกันจะโดนเตะ ออกจากเกาะ

และเมื่อนั้น ชาวเกาะจะได้ กิน ในสิ่งที่ตัวเองลงแรงและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 

..................................................................

 

 

ที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาได้แต่ “บริโภค” นำเข้าสินค้าจากทั่วโลก

แล้ว “พิมพ์” ดอลล่าห์ คืนให้เป็นการตอบแทน

การขาดดุลการค้า (Trade Deficit) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะ เอาแต่ นำเข้า (กิน)

ไม่ยอมผลิต (ทำงาน) เพื่อส่งออก การไม่มีสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นผู้บริโภครายใหญ่ ไม่ได้หมายถึงการล่มสลายหรือตกงานของประเทศผู้ผลิต

เอเชียก็จะยังคงเดินหน้าผลิตและทำงานอย่างหนัก เพียงแต่ จะเลิกป้อน สินค้าให้กับสหรัฐ แล้วหันมาบริโภคกันเอง

 

จีนเองก็เช่นกัน เค้ามีประชากร เป็นพันล้านคน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง ส่งสินค้ามาให้อเมริกา “ขาดอเมริกาจีนก็อยู่ได้”

แถมจะอยู่ได้ดีกว่าเก่าซะด้วยซ้ำ

 

:excl: แรงงานจีนนั้นทำงานมาอย่างหนัก เก็บหอมรอมริบ ยังไม่ได้บริโภคเต็มอิ่มเท่าที่ควร

คุณภาพชีวิตอยู่อย่างอัตขัตขัดสนเพราะเค้านั้น “ประหยัด”

แต่การใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่ได้หมายความว่า “เค้าจน”

เพราะ –สินทรัพย์- (Assets) เค้ามีเก็บออมอยู่เยอะพร้อมจะใช้จ่ายได้

 

ในทางกลับกัน

 

:excl: ประชาชนสหรัฐนั้นขี้เกียจแต่ บริโภคเต็มที่ ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย คุณภาพชีวิตอยู่อย่างหรูหรา เพราะเค้านั้น “ใช้เงินมือเติบ”

แต่การสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า “เค้ารวย”

เพราะหากมองที่ -หนี้สิน- (Debt)

มันสะสมและเพิ่มพูนขึ้นทุกวันๆ พร้อมที่จะล้มละลายได้ทุกเมื่อ

 

 

วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงสภาพความเป็นจริงของ สหรัฐกันครับ

 

สถานะภาพที่ 1 : เป็นหนี้ (DEBT)

 

อเมริกาในวันนี้ ไม่ใช่อเมริกาที่คุณ “เคย” รู้จักมา หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป

ไปในทางที่ “แย่ลง”

 

ถ้าจะมีอะไรที่จะทำให้ สหรัฐอเมริกาและดอลล่าห์ล่มสลาย สิ่งนั้นก็คงไม่พ้น “หนี้” ที่สหรัฐก่อขึ้นมาเอง

หากคุณอึ้งกับปริมาณเงินที่ สหรัฐพิมพ์ออกสู่ระบบ ในบทความก่อนหน้านี้ คุณจะต้องยิ่งอึ้งกับปริมาณหนี้ที่รอวันชำระ

ปริมาณเงิน 1 Trillion นั้นมากขนาดไหน คุณได้เห็นแล้ว

แต่ตัวเลขหนี้สาธารณะของ สหรัฐนั้น ปัดเป็นเลขกลมๆในตอนนี้มีมากถึง “14 Trillion !!” (90% ของ GDP)

 

 

pallet_x_10000_x_11.jpg

 

 

ภูเขาหนี้ลูกนี้ ไม่มีใครจะสามารถบริหารจัดการได้ นับวันมีแต่จะโตขึ้นๆ ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น “ทุกวินาที”

อัตราการเพิ่มของหนี้ก้อนนี้ไม่ใช่ธรรมดา

 

ในอดีต สหรัฐเองก็มีหนี้

“ในปี 1950 ปริมาณหนี้ในตอนนั้นมีมูลค่า 250 Billion แต่เพิ่มขึ้นไปสูงถึง 500 Billion ในปี 1975”

เพิ่มขึ้นเท่าตัว ใช้เวลาทั้งหมด 25 ปี

 

แต่สหรัฐในยุคใหม่นี้

 

จากปี 2003 ระดับหนี้ 7 Trillion เพิ่มสูงถึง 14 Trillion ในปี 2010

“เพิ่มขึ้นเท่าตัวเหมือนกัน แต่ใช้เวลาเพียงแค่ 7 ปี !!!

 

เร่งสปีดติดเทอร์โบแถมยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

 

ทางออกสำหรับสหรัฐจึงมีเพียง 2 ทาง

 

1.ถางป่าเอาต้นไม้ทั้งหมดมา เป็นวัตถุดิบในการพิมพ์เงินเพื่อจ่าย

 

2.เบี้ยว (Default)

 

ไม่ว่าจะเป็นทางไหน ผลเสียย่อมตกกับเจ้าหนี้ แต่คนที่จะต้องเจ็บปวดที่สุดก็คือ ประชาชนชาวสหรัฐเอง

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้

 

วิกฤตเศรษฐกิจครั้งที่ผ่านมาในปี 2008 ธนาคารกลางสหรัฐเลือกที่จะอุ้มหนี้เสียจากบริษัท Fannie Mae and Freddie Mac

ซึ่งมีมูลค่าถึง 6.3 Trillion พอกดเครื่องคิดเลขรวมเข้าไปแล้ว หนี้ของสหรัฐจึงสูงถึง 20.3 T

 

สถานะภาพที่ 2 : รายจ่ายสูง (Overspending)

 

สหรัฐมี ภาระ ในส่วนของสวัสดิการรัฐ ที่สัญญาว่าจะจัดสรรให้กับประชาชน มากมาย (Unfunded Liabilities for Social Security)

ไม่ว่าจะเป็น

 

-สวัสดิการรักษาพยาบาล (Medicaid& Medicare)

 

-สวัสดิการการชดเชยการว่างงาน (Unemployment Benefit) หรือแม้แต่

 

-คูปองอาหาร (Food Stamp)(43 ล้านคนในอเมริกาขณะนี้ไม่มีความสามารถแม้แต่จะซื้ออาหาร

ต้องพึ่งพิง Food Stamp จากรัฐ คิดเป็น 14% จากประชากรทั้งประเทศ)

 

ยอดรวมแล้ว มีค่าใช้จ่ายที่จะต้องจัดสรรงบประมาณเข้าไปอีก 60 Trillion !!

ไอ้ตอนหาเสียงก็ สัญญาประชานิยมทุกอย่างว่าจะจัดสรรให้ ไม่ได้คิดถึงว่าถ้าถึงเวลาจะเอาเงินมาจากไหน ขอแค่ได้คะแนนเสียงเข้าไปนั่งในสภาก่อน ??

 

ยิ่งเข้าปี 2010 ประชากรชาวอเมริกายุค เบบี้บูม (Babyboomer)

จะเริ่มเข้าสู่ “วัยเกษียณ”

การหยุดทำงานของประชากรวัยนี้พร้อมๆกัน จะทำให้รายได้จากภาษีของรัฐลดลงอย่างฮวบฮาบ ในขณะที่รายจ่ายสวัสดิการผู้สูงอายุ เพิ่มสวนขึ้นแทน

 

 

สรุปเช็คบิลแล้ว จึงมีหนี้สินรวมรายจ่ายที่จะตามมาถึง 14T+6T+60T = “80T !!!”

มากมายเกินกว่าจะจินตนาการได้

นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ ธนาคารกลาง นั้นจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0%

ไม่สามารถปรับขึ้นได้ เพราะจะยิ่งทำให้ภูเขาหนี้ลูกนี้โตเร็วขึ้นกว่าเดิม

 

สถานะภาพที่ 3 : ตกงาน (Unemployed)

 

ลองมองไปรอบกายคุณทุกวันนี้ มีสินค้าชนิดไหนบ้างที่เป็นสินค้า MADE IN USA.??

ทีวีก็ โซนี่ ซัมซุง / รถยนต์ก็ โตโยต้า ฮอนด้า / เสื้อผ้า สินค้าอุปโภค บริโภค หลายชนิดก็ จีนแดง

(แม้แต่ขณะที่ผมกำลังเขียนบทความ ผมใช้เมาส์ยี่ห้อ Microsoft แท้ๆ

แต่พอพลิกดูด้านล่างก็ไม่วายผลิตที่จีน : MADE IN CHINA)

 

จากประเทศผู้ผลิต รายใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมสิ่งทอ หรือ วิทยุ-โทรทัศน์ ในอดีต

อุตสาหกรรมเหล่านี้ไม่มีเหลือในสหรัฐอีกต่อไป เอเชียคือผู้ผลิต ส่วนอเมริกาคือผู้บริโภค

 

นอกจากจะตกงานระดับประเทศแล้ว ภายในประเทศเอง อัตราการว่างงาน “อย่างเป็นทางการ” ในสหรัฐ ก็สูงถึง 9.8%

นั่นคือทุกๆ สิบคนจะมีคนตกงาน 1 เกือบ 10% ของประชากรนี้จะต้องพึ่งพิงอยู่กับสวัสดิการชดเชยการว่างงาน

 

Unemployment+Rate-2010-03.png

 

 

แต่ตัวเลข ที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทาง ยัง.........

 

- ไม่นับรวม คนที่ทำงานตกงานจากงานประจำแล้วหันไปทำ พาร์ทไทม์

 

- ไม่นับคนที่ยอมแพ้เลิกหางานอีกต่อไป

 

- ไม่นับคนที่ไม่ได้มาแจ้งรับสวัสดิการจากรัฐ

 

ที่ไม่นับเพราะมันจะยิ่งทำให้ รัฐบาลนั้นดูแย่ แต่ถ้านับ ...............

 

21.7% ของประชากรในตอนนี้ ตกงาน !!!!

 

รัฐบาลตัดสินใจออกสวัสดิการชดเชยการว่างงาน 99 สัปดาห์รวด แต่ผลที่ตามมาก็คือ 99 สัปดาห์ผ่านไป

คนเหล่านี้ก็ยังหางานทำไม่ได้ (คนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า “ไนน์ตี้ไนน์เนอร์” 99ER)

 

ตำแหน่งเสมียนทำบัญชีธรรมดาๆ ในสหรัฐตอนนี้ ประกาศรับ 4 ตำแหน่งแต่มีผู้แห่มาสมัครถึง 2000 คน

ที่ รัฐ Ohio 700 คนสมัครในตำแหน่ง “ภารโรง” ที่ว่างเพียงตำแหน่งเดียว

ยิ่งหากนับเฉพาะคนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี เช่น นักศึกษาเพิ่งจบใหม่ อัตราการว่างงานจะสูงถึง 54%

 

แม้แต่คนที่มีงานทำอยู่ในปัจจุบัน ก็เป็นงานที่จ้างโดยภาครัฐซะส่วนนึง (ข้าราชการ)

และเป็นงานในภาคบริการอีกส่วนนึง (Service Sector Jobs) (เช่น พนักงานสปา เด็กเสริฟ)

แต่สิ่งที่สหรัฐต้องการคืองานภาค อุตสาหกรรมและการผลิต (Production Jobs) (หนุ่มสาวโรงงาน)

เพื่อที่จะสามารถสร้างผลผลิต แข่งขันทางด้านการค้ากับต่างประเทศได้

 

ทั้งมีหนี้สินล้นพ้นตัวพร้อมรายจ่ายบานตะไทหนำซ้ำยังตกงาน สหรัฐ อยู่ในภาวะที่ หมื่นเหม่ ต่อการล้มละลายทางเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

:excl: ขอเคลียร์ 1.

 

บ่อยครั้งที่ผมพูดถึงเรื่องพวกนี้ เคยมีเพื่อนถามผมว่า สหรัฐอเมริกาที่แสนจะยิ่งใหญ่ มีบริษัทชั้นนำอย่าง Apple

ที่ผลิต IPhone-IPad , บริษัท Google , หรือแม้กระทั่ง Microsoft ของ บิลเกต

จะล่มสลายได้ยังไง? ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อ

 

แต่ความจริงก็คือ

 

ทั้งสามบริษัทรวมกันแล้ว สร้างรายได้ภาษีให้กับรัฐประมาณ ปีละ 12 Billion

ในขณะที่ การขาดดุลงบประมาณ (Budget deficit)

ของรัฐบาลโอบาม่า นั้นอยู่ที่ประมาณ 1.29 Trillion !!!!

 

นั่นเท่ากับว่า

 

สหรัฐต้องการบริษัทอย่าง Apple อีก 107.5 บริษัท Google อีก 107.5 บริษัทและ Microsoft อีก 107.5 บริษัท

ถึงจะสร้างรายได้ให้พอเพียงกับการถลุงเงินเล่นของรัฐบาล

 

ทีนี้ทำไม ในเมื่อมันแย่ซะขนาดนั้น อะไรที่ทำให้สหรัฐยังไม่ล่ม ??

 

คำตอบก็คือ “ดอลล่าห์”ครับ

 

ดอลล่าห์เป็นเงินสกุลพิเศษ มีพลังอำนาจเหนือเงินทุกสกุลบนโลก เพราะมันคือ “World’s Reserved Currency”

นอกจากจะมีตำแหน่งเป็นเงินสกุลหลักของโลก ยังได้สิทธิ์พิเศษคือ “พิมพ์ได้ไม่อั้น” อีกด้วย?????

 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แต่ทั่วโลกก็ยอมรับและเชื่อถือระบบนี้กันมานาน

ธนาคารกลางทั่วโลกล้วนมีทุนสำรองส่วนหนึ่งเป็น ดอลล่าห์ เงินดอลล่าห์ไปที่ไหนประเทศไหนใครก็รับ

นี่คือสิ่งที่ยังค้ำไม่ให้ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐล่มสลายลงไปต่อหน้าต่อตา

 

แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป ....

 

ด้วยภาระหนี้สินและวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น บีบให้ สหรัฐต้อง พิมพ์ พิมพ์ และก็ พิมพ์ เพื่อความอยู่รอด

แต่การทำแบบนี้ก็เป็นการทำให้ความน่าเชื่อถือของ ดอลล่าห์ นั้นค่อยๆเสื่อมลงๆ ไปตามลำดับ

 

สิ่งเดียวที่ทำให้ระบบเงินกระดาษ (Fiat Currency) คงอยู่ได้ ก็คือ “ความเชื่อถือ”

วันใดที่ความเชื่อถือหายไปจาก ดอลล่าห์ เมื่อนั้นดอลล่าห์ก็จะมีค่าไม่ต่างจากกระดาษ

 

:excl: ขอเคลียร์ 2

 

อีกประเด็นนึงที่น่าคิดก็คือ สหรัฐอเมริกา มีทองคำเป็นทุนสำรอง มากที่สุดในโลก (8000 ตัน)

สิ่งนี้ เหมือนจะช่วย ปลดหนี้ให้กับทางสหรัฐได้ ??

 

ถามว่าปลดได้มั๊ย? คำตอบคือได้ครับ !!!!

 

หนี้สาธารณะ 14 Trillion ของสหรัฐหากใช้ทองคำทั้งหมดที่มีในคลังจ่าย หนี้จะหายวับไปในทันที

 

แต่มีข้อแม้อยู่นิดเดียวนั่นคือ

ราคาทองต้องอยู่ที่ 53,639 $/oz !!!!

 

อ่านไม่ผิดหรอกครับ เพราะหากเอา 14 Trillion หารด้วยทองคำ 8000 ตัน

ราคาที่ได้ต้องอยู่ที่ห้าหมื่นเหรียญกว่าๆ ถึงจะพอจ่าย

หรือต่อให้ เอาปริมาณทองหมดทั้งโลก มาจ่ายหนี้ ให้สหรัฐ ราคาทองก็ต้องอยู่ที่ 15,873$/oz ถึงจะพอจ่ายอยู่ดี

 

นั่นทำให้ ราคาทองที่ระดับ 1400$/oz ตอนนี้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก “ถูก”

นั่นทำให้ทิศทางของราคาทองคำในระยะยาวเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก “ขึ้น”

 

นอกจากนี้ ยังมีข้อแม้อีกอย่างนึงนั่นก็คือทอง 8000 ตันของสหรัฐนั้น “ต้องมีอยู่จริง !!”

สาเหตุที่พูดแบบนี้ก็เพราะ ทองคำที่อ้างว่ามี 8000 ตัน ไม่ได้ผ่านการตรวจนับ (Audit) มากว่า 50 ปีแล้ว !!!

อย่างนี้ทำให้คิดได้ว่า “มันน่าสงสัยอย่างแรง”

 

ทองคำสำรองที่ Fort Knox รัฐแคนตั๊กกี้ ถูกเก็บนอนอยู่กว่าครึ่งศตวรรษ

ไม่มีการตรวจนับ แต่กลับลงบันทึกเป็นตัวเลขว่ามี อยู่ทุกปีๆ ในรายงานของ World Gold Council

งานนี้มันมีพิรุธ&งานนี้มันน่าสงสัย

 

แต่ความกระจ่างก็กำลังจะปรากฏ ต้องขอบคุณ ท่านวุฒิสมาชิก รอน พอล (Ron Pual)

นักการเมืองน้ำดีของสหรัฐ ที่กำลังจะเสนอผ่านกฎหมายตรวจสอบ ธนาคารกลาง (Audit the FED)

รวมถึงเข้าขอตรวจนับทองคำที่ Fort Knox ในปีหน้า

เรื่องนี้เราจะได้ติดตามกันต่อไป

 

..............................................................

 

 

หากคิดว่า ประเทศที่ยิ่งใหญ่อย่างอเมริกาไม่มีวันล่มสลาย ดอลล่าห์ไม่มีวันตาย ก็ไม่ต่างอะไรจากการคิดว่า ไมค์ ไทสัน

แพ้ไม่เป็น แต่ท้ายที่สุด “เค้าก็แพ้”

 

นอกจากจะแพ้เป็นแล้ว ยังโดนน็อคแบบหมดสภาพ

สิ่งที่สหรัฐกำลังเผชิญ เค้าก็พยายามจะแก้ปัญหา แต่กลายเป็นว่าวิธีแก้กลับทำให้มันแย่ลงไปกว่าเดิม

สิ่งที่เราพอจะทำได้คือเตรียมตัวให้พร้อมรับวิกฤตการเงิน (Currency crisis) ครั้งนี้

หรือจะให้ดียิ่งไปกว่านั้น พยายามพลิก วิกฤตนี้ให้เป็น “โอกาส”

วิกฤตนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เช่นเดียวกับโอกาส ก็จะเปิดให้เพียงครั้งเดียว

จึงถือได้ว่าเป็นสุดยอดแห่ง โอกาส “ทอง” (จริงๆ) โดยแท้

 

 

ปล. ขอบคุณเหมือนเช่นเคยที่สละเวลาอ่านจนจบ จากนี้ไปก็จะขออนุญาติพัก

เจอกันใหม่ปีหน้าเลย ปีนี้ถือว่าเรา “รู้จักกันแล้ว” ปีหน้าจะไม่ย้อนมาปูพื้นกันอีกแล้วนะครับ

ว่ากันเต็มที่ไปเลย โปรดติดตาม ............

 

โชคดีมีความสุขทุกคนครับ

 

อ่านทุกครั้ง ขนลุกทุกครั้งเลย น่ากลัวอ่ะ กราบขอบพระคุณคะ เจอกันปีใหม่ โชคดีปีนี้นะคะ รักษาสุขภาพนะคะ ติดติามต่อปาย เสมอค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ อ.ผมติดตามข่าว ศก.เกือบทุกสื่อมาหลายปีแล้วยังไม่เห็นโอกาศเลยแต่พอเจอ อ.แล้วทำให้ผมและคนไทยทั้งหลายได้เห็นและมีโอกาศจริงพออ่านบทความของ อ.จบใจผมแป้ว(ไม่ถีงกับหาย)เพราะ อ.บอกว่า ปีใหม่เจอกัน(เหมือนผมเห็นแก่ตัวเนาะ)ผมจะรอบทความของ อ.จารย์ตลอดไปครับขอให้ อ.เที่ยวปีใหม่ให้สนุกนะครับผมและเพื่อนๆจะรออ่านครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

!01 ขอขอบคุณ คุณเน๊ก สำหรับข้อมูลต่างๆที่หลายคนสงสัย ใกล้ปีใหม่นี้ ขออวยพรให้คุณเน๊ก สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา นะครับ !La

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชอบบทความมากค่ะ... อ่านเข้าใจง่าย และน่าติดตาม ตัวหนังสือไม่เยอะจนลายลายลายตาเหมือนบทความเศรษฐกิจและการเงินส่วนใหญ่ ที่อ่านจบแล้วยังงงงงง

จะติดตามผลงานต่อไปค่ะ

ที่สำคัญขอบคุญมากค่ะ :D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...