ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

Bualuang B Live

 

 

ธุรกิจกองทุนรวม

 

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

 

<a name="5441373887574299463">

2 ก. กรีซ กับ โกลด์

 

 

Greece

 

· การเมืองในกรีซกำลังเสี่ยงมากขึ้นหลังการพ่ายแพ้การเลือกตั้งของ 2 พรรคใหญ่ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลเก่า เพราะคนส่วนใหญ่ไม่พอใจมาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวด (เงินเดือน บำนาญลดไปกว่า 40%) จึง หันไปลงคะแนนให้กับพรรคเล็กที่ประกาศจะผลักดันให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าว ทำให้โลกกังวลว่ากรีซภายใต้รัฐบาลใหม่จะไม่ทำตามแผนรัดเข็มขัดที่รัฐบาลชุด ก่อนตกลงใช้เพื่อแลกกับความช่วยเหลือทางการเงินจาก EU และ IMF ซึ่งจะทำให้กรีซอาจหลุดพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน

 

· ขณะนี้ พรรคการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ (Radical Left Coalition - Syriza) ภายใต้การนำของ อเล็กซิส ไซพราส กำลังหาพันธมิตรเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม ซึ่งจะได้รับอำนาจอย่างเป็นทางการในการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากพรรคนิวเดโมเครซีซึ่งแม้จะชนะเลือกตั้ง แต่ก็ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้

 

· พรรคเล็กที่ได้รับไม้ต่อให้พยายามตั้งรัฐบาลผสม ประกาศว่า กำลังติดต่อพรรคอื่นๆ ที่มีนโยบายจะชักดาบ และจะยกเลิกมาตรการที่ตกลงรัดเข็มขัดกับ ECB และ IMF รวมถึงไม่เอามาตรการตัดบำบาญ/ลดเงินเดือน / เลิกจ้างงาน 150,000 ตำแหน่ง แต่ไม่ง่ายที่จะตั้งรัฐบาล เพราะบางพรรคบอกว่ายินดีสนับสนุนตราบเท่าที่ไม่ทำให้กรีซหลุดจากยูโร

 

· ECB เตือนว่า กรีซต้องตระหนักว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามแผนรัดเข็มขัดที่ให้ไว้เดิม เพื่อจะรักษาสถานภาพสมาชิก EU ในขณะที่ รมต.ตปท. เยอรมนี ทุบโต๊ะให้สัมภาษณ์ว่า ผู้มีอำนาจในกรีซต้องรีบผลักดันให้จีดตั้งรัฐบาลที่มีเหตุผลโดยเร็ว และมาตรการต่างๆ ที่เคยตกลงกันแล้วจะไม่มีการย่อหย่อนให้เป็นอันขาด

 

· เป็นไปได้สูงที่พรรคการเมืองต่างๆ ของกรีซจะตกลงจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ แม้จะมีคนเสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติซึ่งมีตัวแทนจากทุกพรรคการเมือง ดังนั้น จึงมีโอกาสเลือกตั้งใหม่ในเดือน มิย นี้

 

· ความเสี่ยงคือกรีซอาจจะขาดเงินสดในการบริหารประเทศภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ถ้ายังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลขึ้นเพื่อเร่งเจรจาขอเงินช่วยเหลืองวดต่อไปกับสหภาพยุโรป และ IMF ขณะที่รายได้ของรัฐอาจจะลดลง

 

 

 

· แม้ไม่มีเรื่องการเมืองกรีซ ก็ยังคาดว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะถดถอยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่เยอรมนีจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกันได้

 

· Nouriel Rubini : “ตัวเลขดัชนี PMI ของกลุ่มยูโรโซนออกมาแล้ว และมันก็ยืนยันว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในยุโรปกำลังถลำลึกลงไปกว่าเดิม ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มัวแต่ทำอะไรอยู่? ถ้ามีประเทศใดในยุโรปผิดนัดชำระหนี้อย่างไม่มีระบบ หรือแตกแยกออกจากกลุ่มยูโรโซนอย่างไม่มีระเบียบ ความเสียหายจะระบาดไปทั่วในระดับมหากาฬ”

 

· Peter Schiff ถ้า กรีซ ทำให้ยุโรปเป็นไข้หวัดใหญ่ สเปน กับ อิตาลี ก็จะทำให้ยุโรปติดเชื้ออิโบล่า”

 

· Citigroup Inc ระบุว่า ความเสี่ยงที่กรีซต้องกระเด็นออกจากกลุ่มยูโรโซนภายในสิ้นปีหน้าสูงขึ้นถึง 75% แล้ว

 

· เราจึงควรเตรียมตัวเผื่อช่วงกลางเดือน มิย นี้ ที่ FED รมต.คลัง ยูโรโซน กับ ECB จะมีการประชุมกัน และน่าจะเป็นช่วงที่กรีซเลือกตั้งอีกครั้งเพราะน่าจะจัดตั้งรัฐบาลผสมไม่ได้

 

· หาก กรีซ เข้าใจ Poker’s game และนำลีลามาใช้ต่อรองกับเจ้าหนี้ ในภาวะที่ลูกหนี้อย่างกรีซได้เปรียบเจ้าหนี้ เพราะผลกระทบจากการชักดาบของกรีซจะมีต่อเจ้าหนี้อย่างมหาศาลและเป็นลูกโซ่ และกรีซไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว แต่ถ้าลูกหนี้อย่างกรีซชักดาบ เจ้าหนี้เน่าแน่ๆ ก็คงต้องยอมถอยกันบ้าง ดูอย่างบ้านเราช่วงต้มยำกุ้ง : ไม่เบี้ยว ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ใครจะทำไม

 

 

Gold

 

· ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่ำกว่า $1,600 USD/oz. แล้ว ณ ขณะนี้ เพราะความเสี่ยงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นหลังการเลือกตั้งในฝรั่งเศสและกรีซ กระทบความหวังในการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป นักลงทุนจึงหันเข้าหาเงินดอลลาร์แทน และตลาด Commodities ก็ปรับตัวลดลงกันถ้วนหน้า จึงเกิดแรงขายทองคำออกมามากหลังราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือ $1,630/oz. อันเป็นจุด Support สำคัญที่ยืนระดับได้มานาน

 

 

· เป็นที่น่าสังเกตว่า ในระยะ 1 ปี ให้หลังนี้ ราคาทองคำไม่เคยได้รับผลบวกจากปัจจัยเสี่ยงเรื่องหนี้ในยุโรปที่เพิ่มขึ้น เลย กลายเป็นว่าความสัมพันธ์เป็นลักษณะว่า ยุโรปเสี่ยง à หันเข้าหาดอลลาร์ à เป็นผลลบต่อทองคำ หรือพูดได้ว่า ณ ขณะนี้ ทองคำมีราคาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

 

· คำเตือนของ Marc Faber

 

· ลุงมาร์ค เล่าว่า มีคนพูดกันว่าทองคำเป็นฟองสบู่แล้ว เพราะพุ่งขึ้นมาแรงมากจากราคาต่ำสุดที่ $252 ต่อออนซ์ ในปี 1999 ในระยะสั้นๆ ทองคำเสี่ยงสูง ไม่น่าจะให้ผลตอบแทนดี เพราะทองคำเคยให้ผลตอบแทนดีมากไปแล้ว จึงต้องมีการถอยลงก่อนบ้าง

 

แต่ ลุงมาร์ค ก็ บอกเราว่า 12 ปีให้หลังนับจากราคาทองคำต่ำสุดที่ $252 ต่อออนซ์ ในปี 1999 วันนี้เรา กำลังอยู่ในภาวะที่ทองคำควรจะมีราคาสูงขึ้นอีกมาก เพราะว่าสภาพเศรษฐกิจและการเงินโลก โดยเฉพาะสหรัฐและ EU ย่ำแย่กว่าที่เคยเป็นเมื่อ 12 ปีที่แล้ว สหรัฐมีหนี้ที่ปะทุขึ้นมาจากหนี้ภาครัฐ ภาคเอกชน รวมไปถึงหนี้สวัสดิการที่มีแต่ตัวเลข เพราะที่รัฐบาลอเมริกันยังไม่ได้ใส่เงินลงไปตามภาระ จริงที่มีอย่างเช่น ประกันสังคม กับสวัสดิการและการประกันสุขภาพ เป็นต้น

 

· เพื่อเช็คว่าทองคำเป็นฟองสบู่หรือไม่ ลุงมาร์ค ใช้วิธีถามผู้เข้าร่วมงานสัมมนาหลายแห่งว่ามีกี่คนที่มีทองคำ คำตอบตามปกติก็คือแทบไม่มีสักคน และมีครั้งหนึ่งที่มีคนเข้าฟังถึงหลายพันคน ปรากฏว่าไม่มีใครสักคนที่มีทองคำ

 

อาการอย่างนั้นไม่ใช่ฟองสบู่ ไม่เหมือนครั้งที่ไปงานสัมมนาด้านลงทุนในปี 1989 ที่ทุกคนมี หุ้นญี่ปุ่น และในปี 2000 ที่ทุกคนมีหุ้นเทคโนโลยี อย่างนั้นต่างหากที่เขาเรียกว่าฟองสบู่ ฟองสบู่เกิดเมื่อผู้เล่นส่วนใหญ่ในตลาดเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นๆ และขณะนี้Marc Faber เชื่อ ว่ามีคนจำนวนมากที่มีหุ้น Apple มากกว่าเป็น ‘เจ้าของ’ ทองคำ”

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข้อมูลคุณส้มโอมือ ล้ำลึก สุดยอดมากเลยครับ...ข้าน้อยขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์สักคนนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ ช่วงนี้กูรูหายไปไหนหมดน่ะ คิดถึงน่ะคร๊าบ ออกมาส่งเสียงหน่อย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:01 ขอบคุณคุณส้มโอมือมากๆนะคะ

อ่านแล้วรู้สึกดีข้ึนเยอะ ติดดอยอย่างมีความหวัง

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลดีๆ ตามอ่านตลอดครับ

เมื่อวานจัดเม็ดเงินเข้าไปอีกโลครับ

 

ตอนนี้เหลือไม่ถึง3หมื่น... :17

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ คุณส้มโอ

 

สรุปคือทองจะดีด เมื่อคนหมดศัทธา ในดอลล่าห์

เกิดวิกฤติทีไร คนจะวิ่งไปหาเงินดอล ทำให้ทองตก

ไม่รู้เงินดอลมันดียังไง พิมพ์ออกมาโดยที่ไม่มีอะไรค้ำประกัน

 

ทองที่ฟอร์ดน็อค ปัจจุบันไม่ใช่ของรัฐบาล แต่เป็นของเฟด

มีสารคดีแฉว่า ผู้ถือหุ้นเฟด ถ่ายทองโอนไป สวิสหมดแล้ว

ดังนั้นที่ฟอร์ดน็อค จึงไม่มีทอง !

ถูกแก้ไข โดย oasis

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Gold Takes It On the Chin...What's Next?

 

Thursday May 10, 2012 14:56

There was a strong reaction on Tuesday to the elevated debt crisis in Europe, with commodities and equities being indiscriminately sold. Gold fell 3 percent this week, losing its safe haven status as the dollar grew stronger and the 10-year government note headed lower.

The markets generally overreact to negative news, however, investors should keep in mind gold’s normal monthly historical volatility. Throughout the past 20 years of monthly returns, the precious metal generally increased only 0.5 percent in May, and has historically declined in June and July.

Facts don’t thwart the short-term pain, yet as contrarian investor Baron Rothschild said, “the time to buy is when there’s blood in the streets.” Here are five reasons we believe today’s sell-off sets up a buying opportunity for gold:

1. It is precisely the debt strangling the eurozone which will drive gold demand over the longer term. The side effect to the abundance of printing by central banks in the U.S., Europe, Japan and England is bloated balance sheets amounting to nearly $8 trillion. This is double the amount that it was only three and a half years ago.

frank_20120510_1.gif

2. Several developed markets have negative real interest rates and these rates are anticipated to remain negative for years to come. Historically, when the inflationary rate is greater than the current short-term interest rate, gold prices rose.

frank_20120510_2.gif

3. Emerging market central banks continued their gold buying spree in March. UBS Investment Research says that Mexico bought 16.8 tons, Russia bought 15.6 tons and Turkey added 11.5 tons. Additional small purchases were made by Tajikistan, Kazakhstan and Belarus. We wrote a few months ago that central banks have begun accumulating gold reserves since the Federal Reserve cut interest rates in 2007, and HSBC Global Research expects this buying trend to continue for another five years.

frank_20120510_3.gif

4. In March, China’s gold shipments grew to 62.9 tons, which is the third largest volume of gold in a decade from Hong Kong to the mainland, according to UBS. With ongoing rising demand, China may overtake India this year as the world’s largest gold buyer.

5. India’s government abolished the excise duty on gold jewelry. This was one of the reasons for the jewelers’ strike, which drove gold imports to decrease 55 percent in India a few months back. Getting rid of the tax should encourage the restocking of gold and bring Indian gold buyers back to the market. UBS reported on May 9 that Indian buying on yesterday’s dip was nearly twice the average daily volume and the “strongest since April 17.”

Over the past decade, these Fear Trade and Love Trade drivers have spurred gold higher, even as the yellow metal experienced short-term corrections along the way. Only hindsight could show how these corrections set up buying opportunities.

All opinions expressed and data provided are subject to change without notice. Some of these opinions may not be appropriate to every investor.

By Frank Holmes,

CEO and Chief Investment Officer

U.S. Global Investors

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

India withdraws 1% excise duty on jewellery

08/05/2012

 

India has rolled back the 1 percent excise duty on branded and non-branded precious metal jewellery that was proposed in the finance bill, according to a Gulf Times report.

"A proposal that has attracted public attention is the implementation of central excise duty on the unbranded precious metal jewellery at the rate of 1 percent. I would like to reiterate that this (levy) was well-intended and introduced not so much for raising revenues but for rationalisation and movement towards the goods and services tax," Finance Minister Pranab Mukherjee was quoted as saying.

"But the outpouring of sentiments inside and outside the house has indicated that we are not ready for it, and the government has decided to withdraw the levy on branded and unbranded jewellery as from March 17, 2012," Mukherjee said.

Jewellers in India staged a 21-day strike, which commenced in March, to protest against the proposed 1 percent excise duty on branded and non-branded jewellery. They had warned that they would stage another strike if the proposed excise duty were not withdrawn from the finance bill.

In addition to withdrawing the 1 percent excise duty on branded and unbranded jewellery, the government has also raised the threshold limit for tax collection-at-source by merchants on cash purchases ranging from Rs 2 lakh to Rs 5 lakh, according to a report by The Hindu.

 

http://www.jewellery...-jewellery.html

 

ที่ ผ่านสต็อคทองของร้านในอินเดียคงหายไปเยอะ(ยอดนำเข้าทองหายไปเยอะมากเนื่อง จากการขึ้นภาษี บางร้านมีการปิดร้านประท้วงด้วย) ช่วงนี้ทองราคาถูกลงมาเยอะ อินเดียจะลดภาษีนำเข้าทองคำในส่วนของเครื่องประดับลง1% อินเดียคงเข้า ซื้อเยอะแน่ นักลงทุนประเภทรอทองคำตกแล้วซื้อคงเข้าซื้อเยอะเหมือนกัน

 

-----สัญญาณซื้อทองคำครั้งใหม่ของคุณงูดินมาไม่ควรพลาดสำหรับรอบนี้(ผมเดานะ ผิดถูกผมไม่เกี่ยวนะ ตัดสินใจกันเอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ แม่ผมสั่งลุยเต็มที่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอถามผู้รู้นิดหนึ่งครับ ที่ว่า JP Morgan ได้ short โลหะเงินเป็นจำนวนมากกว่าปริมาณโลหะเงินที่มีบนโลกนี้ เพื่อกดราคาโลหะเงิน ไม่ทราบว่ามีที่มาที่ไป หรือ มีข้อมูลพิสูจน์ได้หรือไม่? สมมติว่า JP Morgan short โลหะเงินเยอะขนาดนั้นจริงๆ ทำไมคนถึงไม่ long สัญญาเหล่านั้นแล้วปล่อยให้สัญญาหมดอายุ?

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอถามผู้รู้นิดหนึ่งครับ ที่ว่า JP Morgan ได้ short โลหะเงินเป็นจำนวนมากกว่าปริมาณโลหะเงินที่มีบนโลกนี้ เพื่อกดราคาโลหะเงิน ไม่ทราบว่ามีที่มาที่ไป หรือ มีข้อมูลพิสูจน์ได้หรือไม่? สมมติว่า JP Morgan short โลหะเงินเยอะขนาดนั้นจริงๆ ทำไมคนถึงไม่ long สัญญาเหล่านั้นแล้วปล่อยให้สัญญาหมดอายุ?

 

เท่าที่เคยอ่านๆมานะครับ

  • JP Moron สามารถทำ naked short ได้ (short โดยที่ไม่มีของในมือ ไม่ต้องไปยืมของคนอื่นมา)
  • JP Moron อ้างว่า มี "ลูึกค้า" ที่ฝากโลหะเงินไว้กับ JP Moron และสั่งให้ short/long ตามสถานการ (ใครมาว่าฉันคุมราคาตลาด ลูกค้าฉันต่างหาก)
  • เคยมีคนที่ long สัญญาจนหมดอายุ เพื่อ take delivery แล้ว แต่ JP Moron บอกว่า จะให้เงินกระดาษ แทนเงิน(จริงๆ) โดยให้เงินกระดาษเพิ่ม 10-30%(จำตัวเลขไม่ได้) จากราคาสัญญา --- ยังไงก็ไม่ให้เงินจริงๆ --- เลือกเอา ถ้ารับเงินกระดาษ ก็มีแถมเงินให้ แต่ถ้าอยากได้เงิน(จริงๆ) ก็ไปฟ้องศาลเอาเอง
  • กูรูนอกหลายๆสำนึกถึงได้แนะให้ถือของจริง ซื้อของจริง รัีบของจริง อย่าซื้อกระดาษ ถือกระดาษครับ

จากกรณีที่มีคน long สัญญาแล้ว แต่ไม่สามารถ take delivery ได้นั้น

เป็นตัีวอย่างที่ดีของคำว่า counter-party risk ครับ

 

จากในตัวอย่างนี้

  • กระดาษที่คุณถือไว้ ก็จะมีค่า ตราบที่คู่สัญญาของคุณ ยินดีที่จะส่งมอบตามสัญญา
  • เงินกระดาษ ที่คุณถือไว้ ก็จะมีค่าเท่าเดิม ตราบที่ธนาคารกลางของคุณยังบอกว่ามีค่า
    จนกว่าจะสั่งพิมพ์เงินเพิ่ม หรือ จนกว่าตำรวจโลกจะสั่งคว่ำบาตรประเทศของคุณ

โลหะมีค่าก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี counter-party risk นะครับ

แต่ถ้ามองจากประวัติศาสตร์แล้ว น่าจะเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด

เพราะในที่สุดแล้ว คนก็ยังมองว่ามันเป็น "เงิน" ที่แท้จริง

ไม่ว่าคนที่จบเศรษฐศาสตร์ ป.เอก จากปรินซ์ตัน จะว่าอย่างไรครับ

 

* * * * * * * * * * * * * * * * *

 

JP Moron เพิ่งออกมาประกาศว่าขาดทุนไป สองพันล้านเหรียญ จากการเล่นคาสิโนในอังกฤษ

Max Keiser รีบออกมาปล่อยข่าวจาก "แหล่งข่าว" ของเขา ว่าจริงๆแล้ว เสียหายไป หนึ่งหมื่นแปดพันล้านเหรียญ ต่างหาก

http://maxkeiser.com...han-a-year-ago/

 

จริงเท็จเป็นอย่างไรไม่รู้ ต้องรอดูกันต่อไป

 

แต่ผมไม่อยากให้ JP Moron ล้ม เหรือเกิดวิกฤติในเร็วๆนี้เลย

เพราะยังไม่ค่อยมีของ ขอเวลาหากระดาษมาแลกของเพิ่มอีกซักหน่อยเถอะ

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากครับคุณ WCG ขออนุญาตถามเป็นความรู้เพิ่มเตินอีกนิดนึงนะครับว่า ที่คนรู้ว่า JPM short ไว้เยอะเนี่ย เพราะมีคนไปนับสัญญาที่ JPM เปิดไว้หรือไม่อย่างไรครับ? ผมแค่คิดว่าปรกติถ้าผมซื้อหรือขายหุ้นในพอร์ตผม คนทั่วไปคงไม่รู้ว่าผมซื้อขายหรือถืออะไรเท่าไหร่ เลยสงสัยว่าในกรณีของ JPM คนรู้ได้อย่างไร? ขอบคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่แน่ใจครับ เท่าที่อ่าน/ดูข่าว ก็ไม่มีใครบอกนะครับ ว่าได้ข้อมูลตรงนี้มาจากไหน

นอกจาก Bank Participation Reports ที่บอกจำนวนสัญญาแล้ว (แต่ไม่บอกว่าใครถือสัญญา)

 

บางบทความที่อ่าน มีการอ้างอิงถึง รายงาน 10-Q (ประจำไตรมาส) ของ JP Moron

ว่ามี exposure ในตลาดต่างๆอยู่เท่าไหร่ ส่วนตัวไม่เคยอ่าน 10-Q ของ JP Moron

แต่ถ้ารายงานนี้มีการรายงาน silver exposure จริง ก็น่าจะทำให้พอเดาได้ว่า

ผู้เล่นรายใหญ่ในเกมนี้คือใคร และเปรียบเทียบกับ COTS / Bank Participation Reports ได้ครับ

 

ขอบคุณมากครับคุณ WCG ขออนุญาตถามเป็นความรู้เพิ่มเตินอีกนิดนึงนะครับว่า ที่คนรู้ว่า JPM short ไว้เยอะเนี่ย เพราะมีคนไปนับสัญญาที่ JPM เปิดไว้หรือไม่อย่างไรครับ? ผมแค่คิดว่าปรกติถ้าผมซื้อหรือขายหุ้นในพอร์ตผม คนทั่วไปคงไม่รู้ว่าผมซื้อขายหรือถืออะไรเท่าไหร่ เลยสงสัยว่าในกรณีของ JPM คนรู้ได้อย่างไร? ขอบคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...