ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

blank.gif นิทานสอนใจ : ชายพิการผู้มีหัวใจร่าเริง blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 ธันวาคม 2554 09:45 น.

 

 

Share47

 

blank.gif 554000016325301.JPEG ขอบคุณภาพประกอบจาก gracerivers.com blank.gif blank.gif ชายคนหนึ่งเคยมีชีวิตที่สะดวกสบาย เขาเคยมีบ้านหลังใหญ่โต มีรถขับหลายคัน มีบริวารมากมายรายล้อม ปรนเปรอชีวิตตนเองด้วยความหรูหราฟู่ฟ่าตลอดมา บัดนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ธุรกิจที่เคยสร้างกำไรอย่างงามของเขาล้มละลายหมดสิ้น ชายคนนี้กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว เขาไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว นอกจากลูกสาวตัวเล็ก ๆ สุดที่รักเพียงคนเดียว

 

เมื่อแรกที่ต้องสูญเสียสมบัตินอกกายไป ชายผู้นี้คิดจะฆ่าตัวตายเพื่อให้พ้นความอับอายและหลีกหนีความเป็นอยู่ในปัจจุบันที่เขาไม่คุ้นชิน แต่เมื่อเขาเงื้อมีดขึ้นเพื่อปลิดชีวิตตนเอง ใบหน้าน้อยๆ น่าเอ็นดูของลูกสาววัยห้าขวบก็ปรากฏขึ้นในจิตใจ แม่ของเด็กตายจากไปนานแล้ว ลูกสาวมีเพียงเขาเป็นที่พึ่งสุดท้าย หากเขาเป็นอะไรไปแล้วลูกจะอยู่กับใคร ด้วยความคิดที่ผุดขึ้นมานี้ ทำให้เขาทิ้งมีดในมือทันทีและไม่คิดฆ่าตัวตายอีก แต่ก็ใช้ชีวิตด้วยความหมองเศร้ายิ่งกว่าเดิม

 

วันหนึ่งลูกสาวของเขากลับมาจากโรงเรียน เธอวิ่งเข้ามาหาพ่อแล้วโอบกอดด้วยความรักใคร่ พ่อของเด็กกอดตอบและฝืนยิ้มให้ลูกสาวอย่างยากเย็น

 

"พ่อยิ้มแบบนี้ทุกวันเลย พ่อยิ้มแบบนี้ลูกไม่ชอบ สู้ไม่ยิ้มเลยยังจะดีเสียกว่า" เด็กหญิงบอกกับพ่อเธอพลางใช้มือน้อย ๆ บีบปากผู้เป็นพ่อเบา ๆ

 

"ทำไมล่ะลูก" พ่อถามอย่างสงสัย

 

"ก็พ่อยิ้มแบบนี้แล้วหน้าของพ่อเหมือนจะร้องไห้ ลูกเลยไม่ชอบ ลูกไม่อยากให้พ่อร้องไห้" เด็กหญิงตอบ

 

ผู้เป็นพ่อหัวเราะเยาะกับชะตากรรมของตนเอง ก่อนจะบอกลูกสาวว่า "ที่จริงแล้ว พ่อก็อยากร้องไห้เหมือนกันล่ะลูก"

 

"ทำไมพ่อต้องอยากร้องไห้ด้วย" เด็กหญิงขมวดคิ้ว

 

"แล้วลูกไม่อยากร้องไห้หรือ" พ่อของเด็กย้อนถาม

 

"ร้องไห้ทำไม ลูกไม่ได้เศร้าอะไรนี่ ลูกมีความสุขดีจ้ะพ่อ" เด็กหญิงตอบยิ้ม ๆ

 

"มีความสุขหรือ" ผู้เป็นพ่อเอ่ยอย่างแปลกใจ "จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อพ่อทำให้ชีวิตลูกลำบากถึงเพียงนี้ ลูกไม่มีห้องนอนสวย ๆ เหมือนก่อน ไม่มีที่วิ่งเล่นกว้าง ๆ ไม่มีคนขับรถไปรับไปส่งโรงเรียน ไม่มีเสื้อผ้าสวย ๆ ใส่ ไม่มีอาหารดี ๆ กิน แล้วอย่างนี้ลูกจะมีความสุขได้อย่างไรกัน"

 

"ลูกมีความสุขเพราะลูกมีพ่อ เมื่อก่อนตอนเราร่ำรวยนั้น พ่อไม่เคยอยู่ที่บ้านของเราเลย ตอนนี้เราไม่มีบ้านแล้ว แต่ลูกได้พ่อคืนมา ลูกถึงมีความสุขอย่างไรล่ะจ๊ะ" เด็กหญิงตอบอย่างชื่นบาน

 

ผู้เป็นพ่อนิ่งไปครู่หนึ่งกับคำตอบของลูกสาว ก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า "แต่พ่ออยากทำชีวิตของเราให้ดีกว่านี้ พ่ออยากให้ลูกมีอนาคต อย่างน้อยลูกก็ควรจะได้เรียนสูง ๆ"

 

"พ่อทำได้นี่ ไม่ยากหรอกจ้ะ สำหรับพ่อของลูก" เด็กหญิงว่าอย่างไร้เดียงสา

 

"พ่อ...ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร พ่อไม่เหลือทุนให้กับธุรกิจใหม่อีกแล้ว พ่อละอายใจเหลือเกิน" ผู้เป็นพ่อคร่ำครวญ

 

"มีคุณลุงคนหนึ่งอยู่ข้าง ๆ โรงเรียนของหนู เขาเป็นคนที่ทำงานเก่งมากแล้วใจดีด้วย เวลาใครไม่สบายใจแล้วไปหาเขา เขาก็จะช่วยให้คน ๆ นั้นสบายใจ พ่อลองไปหาเขาสิจ๊ะ" เด็กหญิงว่า

 

"คนทำงานเก่ง ๆ มักยุ่งอยู่ตลอดเวลา เขาคงไม่มีเวลาคุยกับพ่อหรอก เพราะต้องออกไปติดต่อธุระนอกบ้านบ่อย ๆ" ผู้เป็นพ่อกล่าว

 

"ไม่จ้ะ คุณลุงคนนี้อยู่แต่ในบ้าน และไม่มีวันออกไปไหน" เด็กหญิงบอกพ่อของเธอ ตอนนั้นเองมีเด็กข้างห้องเช่ามาเคาะประตูเรียกให้เด็กหญิงออกไปเล่นด้วยกัน เด็กหญิงจึงเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บ ก่อนจะวิ่งออกไปเล่นข้างนอก ทิ้งพ่อของเธอให้ครุ่นคิดในเรื่องดังกล่าวด้วยความสนใจ

 

"ถ้าคนๆ นี้ทำให้เด็กห้าขวบสนใจในตัวเขาได้ และถึงกับแนะนำเราให้เราไปหา เขาก็น่าจะมีอะไรพิเศษในตัวเองอยู่เหมือนกัน งั้นเราจะลองไปดูก็ได้" ผู้เป็นพ่อคิดในใจ

 

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากส่งลูกเข้าโรงเรียนแล้ว ชายผู้นี้จึงไปเดินหาบ้านของชายดังกล่าวตามที่ลูกสาวของเขาบอก ไม่นานเขาก็เจอบ้านของคน ๆ นั้น ซึ่งดูภายนอกก็เป็นบ้านขนาดกะทัดรัดธรรมดา ๆ หลังหนึ่งเท่านั้น

 

ชายผู้นี้รู้สึกลังเลใจ นี่ลูกสาวของเขาพูดจริงหรือล้อเขาเล่นกันแน่ คนที่ทำงานเก่งก็น่าจะอยู่ในบ้านที่ใหญ่โตโอ่อ่ามิใช่หรือ

 

ขณะนั้นเองมีหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีคนหนึ่งเดินมาที่รั้วหน้าบ้านแล้วถามเขาว่าต้องการพบใคร ชายผู้นี้จึงเล่าเรื่องที่ได้รับรู้มาจากลูกสาวของตนให้หญิงคนนั้นฟัง เธอฟังอย่างสงบแล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเปิดประตูรั้วเชื้อเชิญให้เขาเข้ามาในบ้านอย่างมีไมตรี

 

"คนที่คุณต้องการพบ คงจะหมายถึงสามีของดิฉันนะคะ" เธอบอกในขณะเดินนำเขาเข้าสู่ตัวบ้าน "กรุณานั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะเข้าไปบอกสามีของดิฉันให้ ไม่ทราบว่าเขากำลังทำงานอยู่รึเปล่านะค่ะ" แล้วเธอก็เดินหายไปในห้อง ๆ หนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กันกับห้องรับแขก แต่เขาไม่ได้นั่งรอตามคำเชิญ เพราะมีบางสิ่งเบนความสนใจของเขาไปแล้ว ชายผู้นี้เดินไปจับจ้องดูสิ่งของในตู้กระจกใบหนึ่ง ซึ่งในนั้นมีเกียรติบัตรสีทองตั้งตระหง่านบอกความสามารถของเจ้าของ ชายผู้นี้ได้อ่านข้อความในเกียรติบัตรนั้นทีละคำ

 

"เกียรติบัตรฉบับนี้ มอบให้เพื่อเป็นเกียรติแด่ตัวแทนบริษัทประกันชีวิต ซึ่งทำยอดขายประกันได้เป็นอันดับหนึ่งติดต่อมาถึงสามสมัยซ้อน"

 

จากนั้นเขาก็กวาดตาอ่านเกียรติบัตรฉบับอื่น ๆ อีกมากมายที่ตั้งอยู่ในตู้ใบนั้น ซึ่งล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นความสามารถทางการขาย และความก้าวหน้าในอาชีพการงานของเจ้าของเกียรติบัตรเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

 

"นั่นเป็นผลงานของสามีดิฉันค่ะ" ภรรยาเจ้าของบ้านเดินมากล่าวแก่เขาด้วยใบหน้ายิ้มละไม

 

"โปรดอภัยด้วยที่ผมทำเหมือนละลาบละล้วงมากไปสักหน่อย" ชายผู้นี้กล่าวอย่างเก้อเขิน

 

"ไม่ได้เป็นการละลาบละล้วงอะไรเลยค่ะ เชิญคุณเข้าไปหาสามีดิฉันเถอะ เขาอยากคุยกับคุณค่ะ"

 

ชายผู้นี้กล่าวคำขอบคุณแก่ภรรยาเจ้าของบ้าน ก่อนจะเดินเก้ ๆ กัง ๆ เข้าไปในห้องของสามีเธอ

 

เขาคาดว่าห้องนั้นน่าจะเป็นห้องทำงาน ที่มีเอกสารทางธุรกิจมากมายวางสุมอยู่ แต่ไม่ใช่เลย เพราะห้องนี้เป็นเพียงห้องนอนธรรมดา ๆ และมีชายพิการคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น

 

"เอ่อ..." ชายผู้นี้ไม่รู้จะพูดอะไรดี เขารู้สึกมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าชายพิการจะเข้าใจอะไร ๆ ได้ดีมากทีเดียว เขามองผู้มาเยือนแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนเชื้อเชิญให้ชายคนนั้นนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งวางอยู่ข้าง ๆ เตียงเขา

 

554000016325302.JPEG ขอบคุณภาพประกอบจาก storiesofwisdom.com blank.gif "ผมได้ข่าวจากลูกสาวว่า...ไม่รู้สิ เธอบอกว่าคุณทำงานเก่งมาก เลยลองให้ผมมาขอคำปรึกษาจากคุณดู...แต่..." ชายผู้มาเยือนกล่าวอย่างติด ๆ ขัด เขาชักไม่แน่ใจ...เป็นการยากที่จะเชื่อว่า คนพิการคนนี่คือคนทำงานเก่งอย่างที่ลูกสาวของเขาว่า และยากที่จะเชื่อว่าเกียรติบัตรทั้งหมดในตู้ที่ห้องรับแขกนั้น เป็นของชายพิการคนนี้ หรือเขาจะได้ของเหล่านี้มาตอนที่ยังปกติดี...ใช่แล้ว น่าจะเป็นเช่นนั้นแหละ

 

"ผมเป็นอย่างนี้มานานแล้วล่ะ เป็นโรคประหลาดที่หาสาเหตุไม่ได้" ชายพิการกล่าวเสมือนอ่านความคิดของชายผู้นี้ได้ "หลายสิบปีมาแล้ว วันหนึ่งผมตื่นขึ้นมาพบว่าขาของผมแข็งทื่อจนขยับไม่ได้ แม้รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ต่อมาอาการแข็งทื่อก็ลุกลามมาถึงเอว ลำตัว และมือของผม จนในที่สุดผมก็เคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้ ต้องนอนแช่อยู่แต่บนเตียงอย่างที่คุณเห็นนี่แหละ"

 

"คุณเป็นตัวแทนขายประกันด้วยหรือ" ชายผู้นั้นถามอย่างไม่แน่ใจ

 

"ใช่ ผมทำงานขายประกัน หลังจากเป็นแบบนี้ผมก็ต้องออกจากที่ทำงานเก่า แล้วเริ่มทำงานขายประกัน ซึ่งผมว่าผมก็ทำได้พอใช้นะ" ชายพิการตอบยิ้ม ๆ

 

"ไม่หรอกครับ ผมว่าคุณทำได้ดีมากทีเดียว แต่คุณขายประกันมากมายอย่างนั้นได้อย่างไรกัน ในเมื่อคุณไปไหนมาไหนไม่ได้ คงไม่มีใครมาหาคุณเพื่อขอซื้อประกันถึงบ้านหรอกนะ" ชายผู้มาเยือนถามอย่างแคลงใจ

 

"ดูเหมือนว่า คุณจะสงสัยในตัวผมมากทีเดียว...ถูกแล้วครับ ไม่มีใครมาหาผมถึงที่นี้หรอก และถึงแม้ผมจะไปไหนมาไหนไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องนอนมองเพดานอย่างเดียวเสียเมื่อไร ถึงผมจะพิการแต่หัวใจผมยังแข็งแรงดี ผมจึงคิดที่จะทำนั้นทำนี่แม้ว่าตัวเองจะเคลื่อนไหวไม่ได้" พูดจบชายพิการก็ทำหน้าพยักเพยิดไปทางโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ หัวเตียง "ผมใช้โทรศัพท์นี่คุยติดต่อกับลูกค้า โดยให้ภรรยาช่วยถือหูให้ ซึ่งลูกค้าของผมก็ยินดีที่จะติดต่อกับผมด้วยวิธีนี้ เพราะฉะนั้นอะไร ๆ มันก็เลยง่ายขึ้น

 

"ทำไมคุณต้องดิ้นรนตัวเองขนาดนี้ คุณไม่สบาย หากคุณเอาแต่นอนก็ไม่มีใครว่าอะไรคุณหรอก" ชายผู้มาเยือนว่า

 

"ผมยังเชื่อมั่นในสมองของผม คุณคิดว่าคนเรามีชีวิตอยู่ได้เพราะกำลังกายหรือ...เปล่าเลย คนเราอยู่ได้เพราะกำลังใจ แม้จะมีแขนขาที่กำยำล่ำสันเพียงไร แต่ถ้าไร้กำลังใจ แขนขานั้นก็ไร้ความหมาย ผมเป็นอย่างนี้ใช่ว่าไม่เคยเสียใจ แต่ถ้าเอาแต่เสียใจก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น ดังนั้นผมจึงคร้านที่จะเสียใจ ผมว่าผมสู้ดีกว่า...คุณดูกระดาษที่ติดอยู่บนหัวนอนผมสิ" ชายพิการเหลือบตามองขึ้นไปทางผนังเหนือหัวเตียงของเขา มีกระดาษแผ่นหนึ่งติดอยู่อย่างง่ายๆ

 

"นั่นคือคติพจน์ในการมีชีวิตอยู่ของผม ผมเขียนขึ้นด้วยกำลังใจของผมเอง คติพจน์ข้อแรกคือ อย่าวิตกกังวล และข้อสองคือ ถึงป่วยไข้ก็อย่าหมดกำลังใจ"

 

"คุณเป็นคนน่าอัศจรรย์มาก" ผู้มาเยือนกล่าวด้วยความทึ้งระคนชื่นชม

 

"ขอบคุณครับ แต่ผมคงต้องขอบคุณภรรยาของผมและลูกสาว ซึ่งเป็นครูอนุบาล รวมทั้งเด็ก ๆ จากโรงเรียนของเธอด้วยที่แวะมาเยี่ยมเยียนผมบ่อย ๆ เพราะเด็ก ๆ ได้มอบความเบิกบานให้แก่ผมเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าผมรู้จักลูกสาวของคุณนะ แกมาที่นี้กับลูกสาวของผมบ่อย ๆ และแม่หนูน้อยนั้นก็หน้าตาเหมือนคุณมาก คุณเป็นพ่อที่เลี้ยงลูกได้ดี เพราะแกเป็นเด็กที่น่ารัก อยู่เพื่อแกเถอะ ขอให้ใช้ชีวิตต่อไปนี้เพื่อแก

 

"แต่ถ้าคุณท้อแท้ให้นึกถึงผม ตัวผมนั้นไม่เคยท้อถอยโดยเหตุที่ใช้มือไม่ได้เลย แน่นอนว่าสิ่งที่ผมเป็นอยู่นี้ทำให้ผมทำงานไม่ได้ และยิ่งลำบากมากในการติดต่อธุรกิจการงาน แต่ถ้าเราสู้ต่อไป และค่อยๆ คิดหาวิธีแก้ไขสิ่งบกพร่องนี้ เราก็จะทำอะไรได้ตามที่ตั้งใจไว้...ถ้าคุณจำต้องเสียอะไรไปและเอาคืนกลับมาไม่ได้ ก็ช่างมันเถอะ แต่อย่ายอมเสียหัวใจที่ร่าเริงเด็ดขาด เพราะหัวใจที่ร่าเริงจะไม่ยอมให้เจ้าของมันล้มเหลวหรอก เชื่อผมสิ" ชายผู้พิการกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

แน่นอนว่าชายผู้นี้เดินออกจากบ้านของชายพิการด้วยกำลังใจที่เต็มเปี่ยม เขายังคงไม่มีเงินทุนสำหรับเริ่มธุรกิจ แต่มีแรงสู้เพิ่มขึ้นเต็มหัวใจ ชายผู้นี้เชื่อว่าด้วยแรงใจนี้ จะทำให้เขาสามารถสร้างชีวิตใหม่ให้ดีขึ้นได้ ดังที่ชายพิการผู้มีหัวใจร่าเริงได้บอกเอาไว้นั่นเอง

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

 

วันที่ 4 ธันวาคม 2554 16:34

 

อิหร่านขู่โลกเจอน้ำมันบาร์เรลละ 250ดอลล์แน่ถ้าคว่ำบาตร

 

 

อิหร่านขู่น้ำมันพุ่งบาร์เรลละ 250 ดอลล์แน่ถ้ามาตรการคว่ำบาตรมีผล-ชี้ส่งผลกระทบชาติอุตสาหกรรมโดยตรง

http://ads.nationcha...6b5a3a15cbbb5d8

นายอาร์ซาลัน ฟาทิปัวร์ หัวหน้าคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของรัฐสภาอิหร่าน คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะทะยานขึ้นไปถึง 250 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแน่ ถ้ามาตรการคว่ำบาตรใหม่ของสหภาพยุโรป (อียู)และสหรัฐเริ่มมีผลบังคับใช้

 

"อเมริกันและประเทศในยุโรปบางประเทศควรใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของเราหรือ เพราะถ้าคว่ำบาตรจริง ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นไปถึงบาร์เรลละ 250 ดอลลาร์แน่นอน"นายฟาทิปัวร์ กล่าว

เมื่อวันพฤหัสบดี(1 ธ.ค.)ที่ผ่านมา อียูได้ขยายมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านด้วยการขึ้นบัญชีดำบริษัทสัญชาติอิหร่านหลายแห่งและบุคคลทั่วไปกลุ่มหนึ่ง พร้อมทั้งเตือนว่า ยุโรป กำลังพิจารณามาตรการอื่นๆเพิ่มเพื่อคว่ำบาตรภาคการเงินและน้ำมันของอิหร่าน

ขณะเดียวกัน สภาคองเกรสของสหรัฐ กำลังพิจารณาร่างกฏหมายที่พุ่งเป้าไปที่ธนาคารกลางของอิหร่าน ซึ่งเป็นจุดรับเงินที่เป็นรายได้จากการขายน้ำมันของทางการอิหร่าน แม้ว่าทำเนียบขาวจะวิตกกังวลว่า หากตัดสินใจคว่ำบาตรแล้ว อิหร่านจะเป็นผู้ได้ประโยชน์ เมื่อราคาน้ำมันทะยานขึ้นก็ตาม

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (2 ธ.ค.)ที่ผ่านมา อยู่ที่ 100.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ตลาดลอนดอน ปิดตลาดที่ราคา 109.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันกำลังถูกครอบงำจากปัญหาตึงเครียดทางการเมืองในอิหร่าน ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดอันดับ2 ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปค) รองจากซาอุดิอาระเบีย ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในสหรัฐและวิกฤติหนี้ในยุโรป

นอกจากนี้ จีน อียู อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และตุรกี ล้วนเป็นลูกค้าหลักที่นำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านทั้งสิ้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Jimmy Siri 5 ธันวาคม 14:10

ข่าว "คาว" และข้อมูลเน่าๆในกรณี MF Global (โบร๊คเกอร์ตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ดังนั้นก็คงใหญที่สุดในโลกด้วย)ที่เพิ่งล้มไปสดๆ ทยอยๆเปิดออกมาเรื่อยๆครับ ว่ากันว่างานนี้ไม่ใช่เป็นการล้มธรรมดา และยอดเงินฝากค้ำประกันของลูกค้าที่ถูกฉ้อโกงไปอาจจะสูงกว่า 1,000-3,000 ล้านเหรียญเข้าไปแล้วครับ ทำให้กลายเป็นกรณีการล้มละลายครั้งใหญ่เป็นอันดับ 8 ของ ประวัติศาสตร์ของสหรัฐ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีอีโอคือนาย Jon Corzine ยังดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของของรอง ปธน.โจ ไบเดน อีกทั้งยังเป็นแกนหลักในการระดมเงินทุนเพื่อให้โอบาม่าลงชิงตำแหน่ง ปธน. ซะด้วยสิ ไม่เท่านั้นยังเป็นอดีตซีอีโอของโกลด์แมนซัคเจ้าเก่าอีกต่างหาก ดังนั้นเรื่องนี้จึงมีการเชื่อมโยงกับความเชื่อมั่นของตลาดตราสารอนุพันธ์โดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายและไม่เคยมีใครคาดคิดว่า โบร๊คเกอร์ขนาดยักษ์รายนี้จะล้มได้

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล้มของ MF ทำลายความเชื่อมั่นในระบบความโปร่งใสของตลาดให้ยิ่งเปราะบางมากขึ้น ลุกลามไปถึง Clearing House ของตลาดทุนทั้งระบบ ลามไปที่ระบบธนาคารของสหรัฐ ต่อเนื่องไปที่สถานการณ์ที่ร่อแร่ของสหภาพยุโรป จากบทสัมภาษณ์นี้ซึ่งเป็นของ Ann Barnhardt ที่ต้องปิดบริษัทโบร๊คเกอร์ของเธอลงจากการเจ๊งของ MF จึงมีการเปิดเผยถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น และเคสของ MF ก็ไม่ต่างอะไรไปจากกรณีของเลแมน บราเธอร์ เพียงแต่ มัน "ใหญ่กว่ามาก" เพราะมันคือระบบการซื้อ-ขาย Derivatives หรือ "กระดาษ" ตราสารอนุพันธ์ทั้งระบบของสหรัฐ ที่มีมูลค่ารวมหลายร้อยทริลเลี่ยนดอลล่า

why Barnhardt Capital Management shutted it's doors in 2011www.youtube.com

 

Jim Puplava talks to Ann Barnhardt about CME, MF Global and all. aired on December 1st 2011

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เผยตีความปฏิทินมายาผิด โลกไม่แตกแต่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

http://www.thairath.co.th/content/oversea/220683?mid=5421

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
จากทีมงานข้อมูลเวปฉโลก นะครับ ข้อมูล ต้องทางมีปัญหาเล็กหน่อยนะครับ ทำให้ ข้อมูลที่ดึง จากโปรแกรม Stock Downloader จึงมีปัญหานะครับ รบกวนดึงจาก โปรแกรมที่ชื่อ ว่า CDCDL นะครับ จะมีข้อมูล สองซีรีย์ใกล้สุดนะครับ ส่วน.1 จะทำให้ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์นะครับ เทรดสินค้าตัวไหน ดูซีรีย์นั้นเป็นหลักนะครับ เช่นเทรดทองก็ควรดู GCZ2011 or GCH2012 นะครับ พวก.1 เอาไว้ดูภาพรวมนะครับ เช่นดูเวฟ ทามมิ่ง อะไรแบบนี้นะครับ ส่วนการตัดสินใจเทรดควรดู ตัวสัญญาเป็นหลัก นะครับ พูดง่ายๆดู เขียวแดงที่ตัวซีรีย์เลยครับ ไม่ได้ เอา .1 ดูสัญญาณนะครับ อย่าเอาไปใช้ผิดวิธีนะครับ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

 

ขอบคุณมากครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

งานเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พาโนรามา ที่ จัดแสดง แค่วันเดียว แล้วยกเลิก

ช่วยส่งต่อเยอะๆนะ

 

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จากทีมงานข้อมูลเวปฉโลกนะครับขอแจ้งเรื่องข้อมูล USFU (5/12/2011) ดังต่อไปนี้นะครับ

 

เนื่องจากสถานการณ์ข้อมูล USFU ยังไม่เข้าที่ จึงขอแจ้งดังนี้

 

1) ข้อมูลจะมีเฉพาะ 2 series ใกล้ของสินค้าหลัก ~30 ตัว ( ทองจะมี 3 series) ส่วนจุด 1 จะทำทุก 3-4 วัน รวมทั้งหมดประมาณ 90 symbols

... ... 2) เนื่องจากเป็นการทำด้วยมือ ดังนั้นข้อมูลบางตัวอาจหลงตาไม่อัพเดท ขอให้ใช้หลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตนก่อน และช่วยแจ้งส่วนที่ผิดเข้ามาทางเมล์ (ไม่ใช่ FB) เพื่อจะได้แก้ไขให้ต่อไป

3) ข้อมูลจะอัพเดทให้ทันก่อน 13.00 น ของวันถัดไป

4) ข้อมูลดึงได้เฉพาะ CDCDL สำหรับ ต๊อกดาวโหดขณะนี้ยังดึงบ่ได้ (ช่างหญ่ายกำลังซ่อมอยู่)

 

คาดว่าสถานการณ์จะกลับสู่ปกติ ก่อนน้ำจะหายไปหมดจากกทม.

ท่านใดมีข้อหงุดหงิด กรุณานับ 1-10 ในใจ แล้วอ่านข้อ 2 อีกครั้งครับ ;-)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย

กลุ่มอี

ราซิง เกงค์ (เบลเยียม) เสมอ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (เยอรมนี) 1-1

เชลซี (อังกฤษ) ชนะ บาเลนเซีย (สเปน) 3-0

หมายเหตุ - เชลซี และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย บาเลนเซีย ไปเล่นยูโรปาลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย

 

กลุ่มเอฟ

โอลิมเปียกอส (กรีซ) ชนะ อาร์เซนอล (อังกฤษ) 3-1

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมนี) แพ้ โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) 2-3

หมายเหตุ - อาร์เซนอล และ โอลิมปิก มาร์กเซย เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย โอลิมเปียกอส ไปเล่นยูโรปาลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย

 

กลุ่มจี

เอฟซี ปอร์โต (โปรตุเกส) เสมอ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) 0-0

อาโปเอล นิโคเซีย (ไซปรัส) แพ้ ชัคห์เตอร์ โดเนทส์ค (ยูเครน) 0-2

หมายเหตุ - อาโปเอล นิโคเซีย และ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เอฟซี ปอร์โต ไปเล่นยูโรปาลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย

 

กลุ่มเอช

วิคตอเรีย เปิลเซน (สาธารณรัฐเช็ก) เสมอ เอซี มิลาน (อิตาลี) 2-2

บาร์เซโลนา (สเปน) ชนะ บาเต บอริซอฟ (เบลารุส) 4-0

หมายเหตุ - บาร์เซโลนา และ เอซี มิลาน เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย วิคตอเรีย เปิลเซน ไปเล่นยูโรปาลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในนิทานเรื่องหนึ่งของชาวเดนมาร์ก

 

มีคนคนหนึ่งนอนอยู่ในเวลากลางคืน

มีนางฟ้าลงมาที่ห้องนอนของเขา

ชวนให้ไปเที่ยวสวรรค์กับนรก

เขาก็ไป

 

นางฟ้าพาไปที่ที่หนึ่งบอกว่า

"ถึงนรกแล้ว"

ที่นั้นเป็นห้องใหญ่ๆ มีโต๊ะยาวๆ

บนโต๊ะมีอาหารที่ประณีต อร่อยทุกประเภท

มีคนนั่งอยู่หลายคน

นางฟ้าก็บอกว่า "นี่สัตว์นรก"

คนเหล่านั้นนั่งมองอาหารที่น่ากินที่สุดในโลก

แต่ตัวเขาผอมเหลืองน่าสงสาร

นางฟ้าบอกว่าที่นี่

อนุญาตให้กินอาหารดีๆ ได้

แต่มีเงื่อนไขว่าต้องใช้ช้อนที่ยาวหนึ่งเมตร

เวลาตักอาหารเข้าปาก มันก็ไม่ถึงสักที มันหกลงพื้น

เขาเลยมีความวุ่นวายเดือดร้อนมาก

พยายามตักอาหารเท่าไรก็ไม่ถึงปาก

เลยผอมเพราะอดอาหาร อยู่ใกล้ชิดอาหารที่อร่อย

แต่ไม่สามารถเอามาถึงปากของตน

 

นางฟ้าพาไปอีกห้อง บอกว่านี่สวรรค์

ห้องที่สองนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับห้องแรกทุกประการ

เรามักจะคิดว่าสวรรค์กับนรกต่างกัน

แต่ความจริงสวรรค์กับ! นรกนี้คล้ายๆ กัน

มีโต๊ะอาหารยาวๆ อาหาร

ประณีตหลายๆ อย่างเหมือนกันหมด

มีเก้าอี้รอบ มีคนนั่ง

แต่แปลกที่คนที่สวรรค์ยิ้มแย้มแจ่มใส

อ้วนท้วนสมบูรณ์สบาย ดูว่าเขากินอย่างไร

เขาก็ต้องใช้ช้อนยาวหนึ่งเมตรเหมือนกัน

เอ...ทำไมมันไม่เหมือนที่นรก?"

พอดูดีๆ อ้อ! เห็นวิธีของชาวสวรรค์คือ

คนข้างหนึ่งของโต๊ะเขาตักอาหารด้วยช้อนยาวๆ

เอาไปป้อนใส่ปากของคนตรงข้าม

คนอีกข้างก็ตักอาหารมาใส่ปากของคนข้างนี้

ก็เลยได้กินกันทุกคน อยู่อย่างสุขสบาย

 

สรุปว่า

ที่นรก คนคิดแต่จะได้อย่างเดียว

คิดแต่เรื่องความสุขของตัวเอง

คิดแต่ว่าเราจะได้อาหารที่เราชอบ

 

แต่ที่สวรรค์นั้น มีการช่วยเหลือกัน

มีความรักสามัคคีกัน

คำนึงถึงความสุขของคนอื่นด้วย

ก็ได้รับความสุขกันทุกคน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...